ระบำรักซาตาน

Tags: เทพบดี,คุณเทพ,หนูทิพย์

ตอน: ตอนที่ 2

บทที่ 2



หลังจากแยกกับพี่ชาย ทิพย์อัปสรจึงขับรถออกจากบ้าน เพื่อตรงไปบริษัททีอาร์มอเตอร์ตามนัดหมาย เธอใช้เวลาเดินทางไม่นาน ก็มาจอดรถบนลานกว้างหน้าตึกสูงหลายสิบชั้น ก่อนหญิงสาวจะล็อครถแล้วออกมายืนมองสำรวจคร่าวๆ พลางคิดอย่างหงุดหงิด..ใครจะรู้ว่าเงินแค่สามหมื่น ถึงกับทำให้เจ้าของสถานที่ใหญ่โตแห่งนี้ ต้องมาเล่นแง่กับนักเต้นอย่างเธอ

ร่างเพรียวระหงในชุดเสื้อแขนยาวลายกราฟฟิคตัวโคร่ง แต่กลับผูกชายเสื้อไว้เหนือเอวบางจนเห็นแผ่นท้องขาววับแวมและกางเกงยีนส์เข้ารูป หยุดนิ่งชั่วครู่เมื่อมองไปยังโชว์รูมรถยนต์นำเข้าระดับคราส ทิพย์อัปสร

เบะปากอย่างไม่พอใจ เมื่อนึกว่า เงินค่าเต้นอันน้อยนิดของเธอ น่าจะซื้อได้แค่กระจกมองข้างสักบานของรถยนต์เหล่านั้น มิหนำไอ้เงินที่เธอว่าน้อยนั้นเขายังคิดจะเบี้ยวเอาดื้อๆ

ความฉุนทำให้หญิงสาวเดินฉับๆจนผมยาวหนาเป็นคลื่นไหวสะบัดอยู่กลางแผ่นหลัง ขณะตรงดิ่งเข้าไปที่ประชาสัมพันธ์ ซึ่งอยู่ในชุดฟอร์มสีชมพูและยืนยิ้มอยู่หลังเคาเตอร์โค้ง ทิพย์อัปสรต้องยืนระงับอารมณ์อยู่ชั่วครู่กว่าจะพยายามพูดให้นุ่มนวลที่สุด

“ดิฉันขอพบคุณรักษ์ค่ะ”

“ธุระอะไรไม่ทราบคะจะได้เรียนคุณรักษ์ถูก”

“เอ่อ...เรื่องแดนเซอร์เมื่อคืนค่ะ”

“อ๋อ รอสักครู่นะคะเดี๋ยวดิฉันจะติดต่อให้ เพราะคุณรักษ์มาสั่งไว้ตั้งแต่เช้าเหมือนกันค่ะ”

ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยด้วยท่าทางเป็นมิตร ก่อนจะก้มลงจัดการติดต่อผ่านโทรศัพท์ภายในให้ และไม่นานทิพย์อัปสรก็เห็นใบหน้าและรอยยิ้มหวานๆนั้นเงยขึ้นก่อนจะพูด

“เชิญเลยค่ะคุณรักษ์รออยู่ที่ชั้นหกสิบห้า แต่รอสักครู่นะคะเดี๋ยวจะมีคนมารับคุณขึ้นไปค่ะ”

ทิพย์อัปสรรอไม่นาน ก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยมาเชิญถึงที่ ก่อนเขาจะกดลิฟต์ให้และนำทางหญิงสาวขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการ ทั้งคู่ยืนเงียบอยู่ในที่แคบๆจนเดินออกมาจากลิฟต์ หญิงสาวก็เริ่มนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาขณะเดินไปตามทางทอดยาวนั้น

จู่ๆเธอก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา หญิงสาวจำไม่ได้ว่าตัวเองชนกับผู้ชายคนนั้นที่โค้งไหน เพราะในขณะที่เดินอยู่นี่เธอก็แทบจะจำห้องหับต่างๆไม่ได้ ยิ่งเห็นคนที่เดินเข้าออกวุ่นวายระหว่างชั้นและห้องต่างๆ ทิพย์อัปสรก็ยิ่งมึน...ตึกนี้ในเวลากลางวันมันผิดกันกับตอนกลางคืนอย่างสิ้นเชิง

“เชิญครับคุณ”

ชายหนุ่มในชุดการ์ดหยุดลงที่หน้าห้องหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงสุภาพนิ่มนวลและเสียงของเขาก็ทำให้หญิงสาวต้อง
สลัดความคิดหมกมุ่นเพื่อเอ่ยตอบ

“ขอบคุณค่ะ”

เมื่อประตูเปิดกว้างตามแรงดึงของการ์ดหนุ่ม หญิงสาวก็ก้าวล่วงเข้าไปในห้องกว้างขวางนั้น แต่เมื่อสายตาของเธอปะทะเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าเรียบเฉยยืนรออยู่ ทิพย์อัปสรก็ต้องยกมือไหว้ อาจเพราะท่าทางคล้ายผู้ใหญ่กว่าอายุกระมัง

“คุณทิพย์อัปสรใช่หรือเปล่า”

ภัณฑารักษ์ถามเสียงหนัก หลังกวาดสายตาแวบหนึ่ง แต่ก็ทั่วร่างหญิงสาวซึ่งยืนสงบเสงี่ยมอยู่เบื้องหน้า

“ใช่ค่ะ คุณรักษ์หรือคะ”

“ครับ! เชิญคุณนั่งก่อนดีกว่า เราอาจจะพูดกันนานนิดหน่อย เพราะต้องตกลงกันให้เรียบร้อย และผมมีบางอย่างต้องแจ้งให้คุณทราบก่อนที่จะเข้าไปพบท่าน”

ชายหนุ่มที่พูดช้าชัดแต่รวดเดียวจบ ทำให้หญิงสาวต้องเดินไปนั่งตามมือที่เขาผายให้ ภัณฑารักษ์เมื่อเห็นร่างระหงนั่งลงบนโซฟาเรียบร้อย เขาจึงเดินมานั่งตรงกันข้ามกับเธอ ก่อนจะมองใบหน้าใสที่แต่งไว้บางๆอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นมาด้วยท่าทางแปลกใจ

“ผมจำคุณแทบไม่ได้ คุณดูไม่เหมือนในอินเตอร์เน็ต”

“ใครๆก็มักพูดเหมือนคุณค่ะ ในเน็ตนั่นเราต้องแต่งตัวโชว์ ไม่อย่างนั้นก็ไม่น่าสนใจนี่คะ”

“ผมเห็นด้วย..เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า เมื่อคืนคุณหายไปไหนมา”

หญิงสาวแทบอ้าปากด้วยตกใจ กับคำถามชนิดที่เรียกว่ายิงเข้าเป้า และฟังเหมือนผู้ปกครองซักเด็กที่หนีเที่ยวก็ไม่ปาน แต่เมื่อพอจะตั้งหลักได้ทิพย์อัปสรก็พูดตอบ ด้วยเสียงนุ่มหลังข่มอารมณ์ไว้เต็มที่

“คุณรักษ์คะ ฉันจะไปไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ แต่ที่มาวันนี้เพราะเรื่องค่าจ้างนั่นต่างหาก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณจ่ายให้เราไม่ครบ ในเมื่อเราไม่ได้ทำให้งานของคุณเสียหาย”

“มันอาจจะไม่เสียนะคุณทิพย์อัปสร แต่ก็ถือว่าคุณไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และสัญญาที่เราตกลงกัน แต่เอาเถอะผมจะสรุปง่ายๆให้คุณฟังว่า...ท่านตกลงจะจ่ายให้คุณเต็มตามจำนวน แต่คุณต้องไปคำถามกับท่านเอง”

คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวแทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความขัดใจ คนพวกนี้เป็นใคร..ทำไมเธอต้องมานั่งตอบคำถามงี่เง่า เพื่อแลกกับงานที่ทำจนเสร็จเรียบร้อยแบบนี้ด้วย

“ท่านของคุณอยู่ที่ไหนคะ”

หญิงสาวเอ่ยเสียงเย็นเยียบด้วยพยายามข่มความโกรธจนสุดฤทธิ์

“อยู่ด้านใน เชิญคุณเข้าไปได้เลย...อ้อคุณทิพย์อัปสรผมจะบอกให้ฟังนิดนึง ท่านน่ะไม่ชอบคนพูดมาก ดังนั้นคุณต้องอธิบายเหตุผลสั้นๆแค่พอเข้าใจ”

หญิงสาวเม้มปากแน่นทั้งใบหน้าบึ้งจนเกือบจะงอ ก่อนจะลุกและเดินตรงไปที่ประตูซึ่งเชื่อมติดกับห้องที่เธอนั่งอยู่เมื่อครู่ ...เธอไม่อยากจะเข้ามาในห้องนี้สักนิด และยิ่งสายตาปะทะเข้ากับเก้าอี้นั่งทำงานที่เหมือนจะหมุนจน

หันหลังให้กับเธอ หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองไม่มีค่า จนอีกฝ่ายจะนั่งรอเผชิญหน้าดีๆแม้แต่น้อย

ปากอิ่มยังเม้มแน่นก่อนจะคลาย และหลังจากสูดลมหายใจจนสดชื่นขึ้นมาบ้าง เธอจึงตัดใจพูดเสียงดัง

เพราะหวังจะให้คนที่นั่งหันหลังได้ยินอย่างชัดเจน

“ดิฉันมารับเงินค่าจ้างค่ะ”

“เมื่อคืนคุณหนีไปที่ไหน”

หญิงสาวแทบจะหมดความอดทน กับคำถามซ้ำซากกวนโมโหนั้น ก่อนเพ่งผู้ชายที่นั่งหันหลังอยู่ลุกขึ้นยืนและหันกลับมาหาเธอทั้งตัว ...คิ้วเรียวสวยต้องขมวดนิดๆเมื่อเห็นใบหน้าเขาชัดเจน และเธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน

รูปหน้าแกร่งและโหนกแก้มสูงส่อให้เห็นถึงความเป็นเพศชายที่สมบูรณ์ ท่าทางที่ยืนตลอดจนใบหน้าที่เชิดสูงทำให้เขาดูหยิ่งทระนงจนคล้ายใครก็ไม่สามารถทำให้เรือนร่างสูงใหญ่แข็งแรงนั่นล้มลงได้ เมื่อประกอบเข้ากับคิ้วเข้มดำยาวเหนือดวงตาคมตลอดจนจมูกโด่งจนขึ้นสันรับกับริมฝีปากเรียวคล้ายเม้มนิดๆเขาก็ดูว่าจะเป็นคนสั่งคนอื่นอยู่เสมอ และท่าทางน่าจะได้ทุกครั้งเสียด้วย

ร่างสูงตระหง่านเดินเข้ามาใกล้ พลางสอดมือทั้งคู่ลงในกระเป๋ากางเกง ทำให้หญิงสาวต้องหรี่ดวงตาลงด้วยความไม่พอใน เขาอาจจะดูดี แต่ท่ายืนแบบนี้มันช่างกวนมากและน่าหมั่นไส้เสียด้วย

“ผมถามว่า คุณหนีไปที่ไหนมา”

น้ำเสียงคุกคามที่พูดย้ำของเขา ทำเอาหญิงสาวต้องลอบกลืนน้ำลายอึก ก่อนจะถอยห่างไปหลายก้าวเพราะความรู้สึกลึกๆของเธอก็คือ ผู้ชายคนนี้อยู่ใกล้ไม่ได้

“กลับบ้านค่ะ ดิฉันมีธุระสำคัญกับครอบครัว”

“สำคัญขนาดไหนอธิบายให้ผมฟังซิ”

คิ้วเข้มที่เลิกสูงตลอดจนน้ำเสียงที่ซักไซ้ ปานเธอเป็นพนักงานคนหนึ่งของเขา ทำให้หญิงสาวต้องเม้มปากแน่นชั่วครู่ ก่อนจะพูดตอบด้วยท่าทางเซ็งๆ

“คุณคะ ดิฉันมารับเงินค่าจ้าง เพราะทำงานให้คุณจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และงานของเราก็ไม่ได้เสียถึงแม้จะขาดดิฉันไปหนึ่งคน ก่อนที่จะเข้ามาพบกับคุณ ดิฉันก็พบกับคุณรักษ์มาแล้ว เธอบอกว่าให้อธิบายคุณสั้นๆและดิฉันก็บอกแล้วว่ามีธุระกับครอบครัว นี่มันไม่สั้นพอหรือยังไง”

เทพบดีจับสายตาลงที่ริมฝีปากอิ่ม ซึ่งกำลังโต้ตอบกับเขาและคิดว่า มันช่างยั่วยวนนักในความรู้สึกของหนุ่ม...เขามั่นใจว่าสามารถจำเธอได้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ใด ต่อให้เธอแต่งหน้าจนเข้ม หรือแม้แต่จะใสสะอางขนาดนี้ ความรู้สึกของเพศชายที่อยากจะได้มาครอบครองกระมัง มันจึงทำให้เขาทั้งรุ่มร้อนและอ่อนหวานได้ในเวลาไล่เลี่ย

ชายหนุ่มเริ่มแปลกใจตัวเองว่า ทำไมเขามาสนใจผู้หญิงนักเต้นแต่งหน้าเข้มในยามค่ำ และกลายร่างเป็นสาวใสในยามกลางวันคนนี้ได้อย่างไร เธอเป็นใครและประวัติอย่างไรก็ไม่เคยรู้ ...แต่เขากลับไม่สนใจที่จะทราบสักนิด เขารู้เพียงอย่างเดียวว่า สำหรับผู้หญิงคนนี้แล้ว...เขาต้องได้ ถึงแม้แค่คืนเดียวเขาก็จะเอา

ยิ่งมองเธอเขาก็ยิ่งคิดเตลิดเปิดเปิงไปไกลลิบ สุดท้ายเมื่อทำท่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ร่างสูงนั้นจึงเดินห่างกลับไปนั่งที่เดิม แล้วรีบเอ่ยเสียงห้วนเพราะอยากไล่เธอไปไกลๆก่อนที่เขาจะทำอะไรบ้าๆ

“ที่คุณพูดมามันก็สั้นใช้ได้ ตกลงผมจะให้คุณรักษ์จ่ายเต็มเหมือนเดิม แต่ คุณชื่ออะไรนะผมลืมถาม”

หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทุกอย่างดูจะลงตัวได้ง่ายๆแบบผิดคาด ความดีใจทำให้ตอบไปพร้อมรอยยิ้มกระจ่างขึ้นมา

“ทิพย์ค่ะ ดิฉันชื่อทิพย์อัปสร”

เทพบดีชะงักไปชั่วครู่หลังจากนั้นเขาก็สำรวจเธอด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะยิ้มนิดๆออกมา

“ผมจ่ายเต็มตามจำนวน แต่อย่างว่านั่นแหละผมมันเป็นคนซื่อตรงต่อหน้าที่ และชอบที่จะให้คนอื่นซื่อตรงด้วย ดังนั้นผมถือว่าคุณติดผมหนึ่งเพลง”

“อะ..อะไรนะคะ ฉันติดคุณหนึ่งเพลง”

“เพลงสุดท้ายนั่นคุณไม่ได้เต้นไม่ใช่หรือทิพย์ เอาเป็นว่าผมจะให้คุณเต้นให้ดู แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ถ้าผมต้องการเมื่อไหร่จะโทรไปบอก”

ทิพย์อัปสรงงกับคำพูดเขาไม่น้อย แต่ในเมื่อเธอไม่ได้เต้นจริงๆ ก็ไม่น่าแปลกถ้าเธอจะเต้นอีกสักเพลงให้เขาดู หญิงสาวค่อยสบายใจขึ้นเพราะคิดอะไรง่ายๆ โดยไม่รู้เลยว่าต่อไปคำพูดของเขาในตอนนี้ จะทำให้เธอแทบประสาทกินทุกครั้งเมื่อชายหนุ่มพูดทวง

“ตกลงค่ะ วันหลังถ้าคุณมีงานฉันจะเต้นแถมให้เป็นกรณีพิเศษ สองเพลงก็ยังได้ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันไปหาคุณรักษ์เพื่อรับเงินได้เลยใช่หรือเปล่าค่ะ”

เมื่อเห็นชายหนุ่มพยักหน้ารับ เธอก็ถอนใจยืดยาวก่อนจะรีบยกมือไหว้ลาเขา และเตรียมจะออกจากห้องนั้น ถ้าไม่เพราะเสียงนุ่มนวลที่ดังตามหลังเสียก่อน ที่ทำให้เธอต้องหยุดจนได้

“ทิพย์อัปสร ชื่อคุณเพราะมากรู้มั้ย”

“ทราบค่ะ แต่มันไม่ค่อยเหมาะกับฉันเท่าไหร่”

“แปลว่านางฟ้าใช่หรือเปล่า”

เขาถามทั้งทำท่าคล้ายกลั้นหัวเราะเพราะมองเธอตาพราว ใบหน้าอ่อนโยนตลอดจนน้ำเสียงหยอกเย้าเป็นกันเองของเขาทำให้หญิงสาวกล้าพอที่จะตอบโต้ด้วยกิริยารื่นเริงขึ้นมาบ้าง

“นางฟ้าค่ะ คุณเก่งนะคะเป็นผู้ชายแต่รู้เรื่องแบบนี้ด้วย”

“บางชื่อหรอกทิพย์ ผมรู้เพราะเคยเห็น ไปเถอะไปหานายรักษ์แล้วก็รับเงินไปซะ อีกไม่นานเราคงพบกัน”

ร่างสูงที่เดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานเหมือนเดิม ทำให้หญิงสาวต้องก้าวออกมาจากห้อง แล้วตรงไปหาเลขาหนุ่มซึ่งรออยู่ และหลังจากที่เธอออกมา ชายหนุ่มซึ่งเธอเพิ่งรู้จักก็ยังนั่งยิ้มระยับอยู่คนเดียว

“ทิพย์อัปสรหรือ นางฟ้าตัวน้อยๆน่าจะเหมาะกับเทวดากระมัง...ฉันอยากรู้จริงว่าถ้าเธอรู้จักชื่อฉันเธอจะคิดอย่างไร”

เทพบดีนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงานเหมือนเดิมในขณะที่จิตใจเลื่อนลอยกลับไปถึงเรื่องในวัยเด็กของตัวเองอีกครั้ง ก่อนเขาจะหัวเราะออกมาเสียงแผ่ว...เขาจำได้ว่าวันหนึ่งหลังจากเลิกเรียน ก็ตรงเข้าหามารดาถึงในห้องก่อนจะรีบพูดเสียงดังด้วยความโมโห

“แม่ครับ ผมอยากเปลี่ยนชื่อ”

“เปลี่ยนทำไมละเทพ ชื่อลูกก็ดีอยู่แล้วนี่หรือว่ามีใครล้อเอาอีก”

“เพื่อนล้อสิครับแม่ เขาเรียกผมว่าไอ้เทวดา...เป็นเทวดาแล้วมาเรียนหนังสือทำไม ผมอยากเปลี่ยนให้เหมือนคนอื่นนี่ครับแม่ ผมไม่อยากเป็นเทวดาเชยจะตาย”

“อย่าเปลี่ยนเลยลูก ชื่อมันก็แค่สมมุติขึ้นมาเท่านั้น อีกอย่างชื่อลูกไม่ใช่หมายถึงเทวดาอย่างเดียวนะเทพ”

เขาในวัยรุ่นดีใจจนพูดไม่ถูก เมื่อรู้ว่าชื่อตัวเองไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ครั้งแรกคิดว่าวันรุ่งขึ้นจะรีบไปแก้ข่าวกับเพื่อน แต่พอมารดาเขาพูดขึ้นมา หนุ่มวัยรุ่นอย่างเขาก็เงียบกริบเพราะอึ้งจนพูดไม่ออก

“เทพชื่อลูกน่ะหมายถึงเจ้าแห่งเทวดาเลยนะ...เป็นหัวหน้าของเทวดาเลยนะลูก”

เวรกรรมหนักกว่าเดิม เพราะนอกจากจะได้เป็นเทวดาจริงๆแล้ว เขายังได้ควบตำแหน่งหัวหน้าพ่วงเข้ามาด้วย คราวนี้เขาก็เลยจำใจต้องยอมรับชื่อตัวเองมาจนโต เพราะสารพัดเหตุผลของคนเป็นแม่ ที่เขาไม่เคยเถียงชนะได้เลยสักครั้ง...แต่ตอนนี้เทพบดีกลับนึกขอบคุณแม่ของตน ที่ตั้งชื่อเขาได้ดีขนาดนั้น ใครจะไปคิดว่าเทวดาอย่างเขาจะมาเจอนางฟ้าแสนสวยเข้าให้



ระหว่างที่ทิพย์อัปสรนำเงินไปแจกจ่ายเพื่อนๆพร้อมความดีใจ ชายหนุ่มที่อยู่ในห้องกลับครุ่นคิดหมกมุ่น ถึงหญิงสาวจนจิตใจแทบไม่อยู่กับตัว ใบหน้าคมคายซึ่งเคยเฉยชาและเรียบสนิท บัดนี้เจือไปด้วยรอยยิ้มนิดๆติดมุมปาก จนคนซึ่งเดินตัวตรงเข้ามาหา ต้องหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกระแอมเบาๆ

“ท่านครับ ไม่ทราบว่าท่านว่างพอที่ผมจะพูดอะไรด้วยสักครู่หรือเปล่าครับ”

“คุณรักษ์หรือ ว่างสิมีอะไรสำคัญหรือไง”

เขาเอ่ยเสียงหนักเมื่อหันความสนใจมาหาเลขาส่วนตัวอีกครั้ง ภัณฑารักษ์ทรุดร่างลงนั่งไขว้ขาบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่ม ก่อนจ้องใบหน้าคมขาวนั้นนิ่งจนอีกฝ่ายเริ่มแปลกใจ

“มีเรื่องอะไรยังงั้นรึ หรือว่า...”

“ครับท่าน เรื่องคาสิโนที่ชายแดน”

“คาสิโนมันมีปัญหายังไงรึ ปกติผมเองก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรมากอยู่แล้วนี่ ผมรอแต่ผลกำไรคุณก็รู้”

“เมื่อก่อนนั้นอาจจะใช่ครับท่าน แต่ตอนนี้ไม่แล้วเพราะสักครู่นี้เอง ผู้จัดการของที่นั่นโทรมาหาผม เขาบอกว่าเสี่ยหยูเพิ่งถูกยิงตาย”

เทพบดีขยับร่างที่นั่งสบายๆเมื่อครู่ขึ้นเป็นตรงก่อนขมวดคิ้วนิดๆแต่น้ำเสียงที่เอ่ยเรียบกลับเจือรอยยิ้มเหยียดหยาม

“ทำไมโง่ขนาดนั้น นี่เสี่ยหยูปล่อยให้คนเข้าถึงตัวง่ายๆขนาดนั้นเลยรึ แต่ก็ช่างมันเถอะคุณรักษ์ถ้าเขาโง่จนปานนั้นเขาก็สมควรตาย”

“ผมก็คิดเหมือนท่าน แต่ถ้าเขาตายแล้วท่านจะทำอย่างไร ที่นั่นมันไม่มีคนดูแล ท่านเองก็ทราบว่าคาสิโนนั่น...”

“ผมรู้คุณรักษ์ ผมรู้ว่าไอ้บ่อนนั่นมันมีผมกับเสี่ยหยูเป็นเจ้าของร่วมกัน ว่าแต่คุณพอจะทราบหรือเปล่าว่าใครจะมาต่อกิจการของไอ้เสี่ยนั่น”

“ไม่มีครับท่าน”

ภัณฑารักษ์อาจจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มขื่นๆ คล้ายสงสารเจ้านายก็ไม่ปาน แต่ดวงตาคมของเขากลับพราวระยิบ

“คุณหมายความว่า ไอ้เสี่ยนั่นไม่มีลูกหลานที่ไหนหรือ แล้วหุ้นส่วนของมันล่ะจะเป็นของใคร”

“ของท่านสิครับ เพราะเท่าที่ผมรู้เขาไม่มีลูกหลานที่นี่จริงๆ จะมีก็แต่เมียน้อยเมียเก็บซึ่งถ้าพูดกันทางกฎหมายละก็ ผมรวบมาให้ท่านได้ง่ายๆ ดังนั้นตอนนี้บ่อนไลลานั่นก็เป็นของท่านคนเดียว”

เทพบดีจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนหัวเราะในลำคอเบาๆ ดวงตาคมปลาบของชายหนุ่มพริ้มลงจนปิดสนิทก่อนจะพึมพำเสียงแผ่วคล้ายถากถางคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม

“คุณรักษ์ คุณนี่เลวเป็นบ้าใครสั่งใครสอนคุณให้เป็นคนแบบนี้นะฮึ”

“ไม่มีใครสอนหรอกครับท่าน แต่ถ้าเป็นการถ่ายเทละไม่แน่”ชายหนุ่มเอ่ยคล้ายประชด

“นี่คุณจะว่าผมเลวยังงั้นรึคุณรักษ์”

“ไม่หรอกครับ ท่านออกจะดีเลิศ....โล่ผู้บริหารกิจการดีเด่นของท่านก็มีตั้งหลายชิ้น”

เลขาหนุ่มเอ่ยยิ้มๆทั้งชายตาไปที่ตู้โชว์มุมห้อง ตู้ที่จัดวางไว้ด้วยโล่และถ้วยรางวัลการันตีความดีหลายชิ้นซึ่งระบุ

ชื่อของเทพบดีและชื่อบริษัททีอาร์มอเตอร์

“ไม่ต้องประชดผมคุณรักษ์ ตกลงผมกับคุณก็เป็นประเภท ลูกน้องร้ายเจ้านายเลวยังงั้นสิ”

“คงอย่างนั้นครับท่าน เพราะผู้บริหารกิจการดีเด่น ซึ่งเป็นคนดีของสังคม คงไม่ไปเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของคาสิโนตั้งหลายแห่ง..เอ่อ..ผมอยากทราบว่าท่านจะทำอย่างไรกับไอ้บ่อนนั่น”

น้ำเสียงปรึกษาหารือของอีกฝ่าย ทำให้เทพบดีต้องลุกขึ้นยืนก่อนเดินเอื่อยๆไปที่ตู้โชว์รางวัลใบใหญ่...ชายหนุ่มเปิดตู้ออกช้าๆก่อนหยิบกล่องกำมะหยี่ใบสวย และนำมาวางลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะยืนอิงสะโพกหมิ่นๆกับขอบโต๊ะ

“ในเมื่อคุณอุตส่าห์ใส่พานถวายให้ ผมจะไม่รับก็ดูกระไรใช่มั้ย นี่คุณรักษ์คุณลองดูสิว่าผมพอจะเป็นเจ้าพ่อคุมบ่อนในวันหยุดได้หรือเปล่า”

มือแข็งแกร่งตวัดเปิดกล่องนั้นรวดเร็ว ก่อนจะคว้าสิ่งของซึ่งนอนสงบภายในออกมา กว่าภัณฑารักษ์จะรู้ตัวปลายกระบอกปืนเย็นๆ ก็จ่อหมับเข้ากลางหน้าผากตัวเองแล้ว

ร่างที่นิ่งสงบของเลขาหนุ่ม มีผลให้เทพบดีต้องเปิดยิ้มติดมุมปาก แต่ดวงตาทั้งคู่ของเขากลับนิ่งราวไร้ความรู้สึก...ภัณฑารักษ์นิ่งใช้ได้ และในเมื่อเขามีเลขาแสนเก่งขนาดนี้ เขาก็น่าจะลองบริหารคาสิโนด้วยเองได้ไม่ใช่หรือ ปืนถูกตวัดกลับแล้ววางเข้ากล่องเหมือนเดิม ก่อนเทพบดีจะเอ่ยทั้งดวงตาแข็งกร้าว

“เตรียมตัวให้พร้อมคุณรักษ์ วันศุกร์ตอนเย็นเราจะเดินทางกัน คุณกับผมพร้อมการ์ดสักสี่คน เราจะไปเที่ยวที่เชียงรายสักสองวัน”

“ครับท่าน”

เลขาหนุ่มรับคำก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมออกจากห้อง แต่แล้วร่างสูงเพรียวก็ต้องหยุดชะงักเล็กน้อย ขณะหันกลับมาถามเจ้านายด้วยเสียงกระเซ้าอย่างผิดปกติ

“ท่านชำนาญเรื่องปืนเหมือนเดิม ผมคิดว่าเรื่องการพนันฝีมือท่านคงไม่ตกเช่นกัน แต่ว่าเรื่องคุณทิพย์อัปสร...”

“อย่าห่วงเลยคุณรักษ์ ผมจัดการเองได้ อีกไม่นานหรอกผมจะลากแม่สาวแดนเซอร์นี่ขึ้นเตียง”

น้ำเสียงกรุ้มกริ่มแต่หนักแน่น เพราะเชื่อมั่นในตัวเองเต็มที่ และดวงตาพราวระยับคู่นั้น ดูจะแปลกตาสำหรับภัณฑารักษ์ไม่น้อย จนเลขาหนุ่มอดจะเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะออกมาไม่ได้

“ผมเองก็อยากเห็น เพราะปกติท่านเองก็มีแต่คนจ้องจะลากขึ้นเตียงเสียมากกว่า แต่งานนี้น่าจะยากนะครับท่านเพราะเท่าที่ผมสืบมานิดหน่อย เลยพอจะรู้ว่าทั้งพ่อและพี่ชายของเธอเป็นตำรวจทั้งคู่”

คิ้วเข้มของเทพบดีเลิกขึ้นสูง ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง ขณะเดินเข้าไปกอดคอเลขาหนุ่มพร้อมทั้งลากออกไปจากห้องเมื่อเอ่ยเสียงรื่นรมย์

“ผมชอบเป็นบ้า เจ้าพ่อบ่อนหมาดๆจะลากลูกสาวตำรวจขึ้นเตียง...”

“ทำไมท่านจะลากเธอขึ้นเตียงละครับ ทำไมไม่คิดจีบให้เป็นเรื่องเป็นราว”

ภัณฑารักษ์ถามเบาๆขณะเดินเคียงไปกับร่างสูงของเจ้านายหนุ่ม

“ไม่รู้สิ ผมไม่อยากจีบแต่ผมอยากทำอย่างอื่นมากกว่า คุณรู้มั้ยคุณรักษ์แค่ผมเห็นเธอครั้งแรกผมก็อยากขย้ำยายนี่ใจแทบขาด ถ้าไม่ติดต้องไปเปิดงานคืนนั้น ผมคงลงไปนอนปล้ำกับเธอที่พื้น”

ภัณฑารักษ์มองเจ้านายหนุ่มงงๆกับพฤติกรรมแปลกๆที่ตนเองเพิ่งได้ยิน ถ้าเขาไม่ได้ยินกับหูเขาคงไม่เชื่อเด็ดขาดว่า เจ้านายหนุ่มที่เคยชายตามองสาวหมิ่นๆ หรือไม่ก็ทำเป็นไม่เห็นเสียเฉยๆทั้งๆที่สาวน้อยสาวใหญ่จำนวนมาก ต่างถลาเข้าเกาะแขนแทบทุกงานราตรีหรู แต่จู่ๆเทพบดีก็เกิดอาการคล้ายหนุ่มกลัดมันขึ้นมาได้ปุบปับ เพียงแค่เห็นผู้หญิงคนนั้นเป็นครั้งแรก

ท่าทางที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ของเจ้านายหนุ่มขณะพูดถึงทิพย์อัปสร ทำให้ภัณฑารักษ์อดนึกถึงเรื่องคาสิโนนั้นขึ้นมาไม่ได้ จนเขาต้องเปรยออกมาขณะเดินเคียงไปเพื่อตรงไปยังลิฟต์

“ท่านคงไม่อยากให้เธอรู้อีกมุมหนึ่งของตัวเอง”

“ผมจะพยายามทำดีกับเธอที่สุด แต่ถ้าเธอรู้ขึ้นมาผมก็ไม่สนหรอกคุณรักษ์ ผมไม่กลัวด้วยเพราะผมถือว่านั่นมันเป็นงาน มันอาจจะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะกฎหมายบ้านเรายังไม่ยอมรับ แต่เราก็ไม่ได้ตั้งบ่อนในประเทศไทยนี่นะ”

“ถ้าครอบครัวเธอรู้ผมคิดว่าคงไม่ยอมแน่ ตำรวจดีๆที่ไหนจะยอมให้ลูกสาวเป็นแฟนกับมาเฟีย”

“ผมไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่าคุณรักษ์ ก็แค่หุ้นส่วนของคาสิโนคนหนึ่ง”

เขาตอบน้ำเสียงเรื่อยๆท่าทางไม่เดือดร้อน จนอีกฝ่ายต้องมองตาขุ่นกับการดันทุรังของเจ้านาย

“แต่ถ้าท่านเข้าไปยุ่งเต็มตัว อีกหน่อยท่านก็เป็น และคราวนี้ฝันของท่านอาจสลาย”

“ไม่สลายหรอกคุณรักษ์ เพราะผมไม่กลัวพ่อเธอ ต่อให้ทั้งตระกูลเธอเป็นตำรวจและยกโขยงมาที่นี่หรือที่ไหนๆผมก็ไม่แคร์ เพราะผมไม่ได้คิดจะเอาตำรวจมานอนด้วย”

เลขาหนุ่มส่ายหน้ากับคำตอบกวนๆของเจ้านาย พลางถามอีกครั้งเมื่อเข้าไปยืนคู่กันในลิฟต์ส่วนตัว

“ถ้าเธอไม่เล่นด้วยละครับ”

“ไม่เล่นด้วยนะรึ ถ้าอย่างนั้น...เจ้าชายก็จะกลายเป็นซาตาน”

เรียวปากสวยยิ้มเย็นแต่ท้ายประโยคตอบเสียงต่ำจนน่าขนลุก เลขาหนุ่มถอนใจแผ่วก่อนจะเอ่ยคล้ายเตือนเป็นครั้งสุดท้าย

“ทำไมท่านไม่สนใจคนอื่น ผู้หญิงมีอีกตั้งมากที่พร้อมจะวิ่งเข้าหาเพียงแค่กระดิกนิ้ว ผมว่าเธอดูไม่น่าจะง่ายเท่าไหร่นัก เพราะขนาดผมเธอยังกล้าเถียงฉอดๆ”

“ไม่ใช่แต่คุณนะที่เธอเถียง วันนี้เธอก็เถียงผมเหมือนกัน แต่คุณรู้มั้ยคุณรักษ์หลังจากที่เธอเถียงผมแล้ว พอผมยอมเธอบ้างเธอก็ยิ้มหวานให้จนลืมไม่ลง....คุณรักษ์ผมถามหน่อยเถอะในฐานะที่เป็นผู้ชายและเพื่อนสนิทคนหนึ่ง คุณเคยพบผู้หญิงสักคนหรือเปล่าที่แค่เราเห็นครั้งแรกก็คิดจะร่วมรักน่ะ”

“ไม่ครับท่าน” เลขาหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเรียบสนิท

“ผมก็ไม่เคย แต่กับคนนี้เป็น”

เทพบดีพูดเสียงแผ่วพลางลากแขนคนด้านข้างออกมาจากลิฟท์รวดเร็ว ก่อนจะสั่งงานต่อด้วยน้ำเสียงคล้ายมีความสุขเต็มที่

“ช่วยส่งดอกไม้ให้เธอหน่อยนะคุณรักษ์ แล้วก็สร้อยข้อมือเล็กๆสักเส้น อย่าลืมก่อนส่งมารับนามบัตรที่ผมด้วย”

“ท่านสั่งงานผมแล้วจะลากผมไปที่ไหนครับนี่”

“ไปที่ไหนก็ได้ เพราะผมไม่อยากเจอยายเกดมณี หรือคุณอยากจะเจอเธอ”

ชื่อหญิงสาวที่ได้ยิน ทำให้ภัณฑารักษ์ก้าวเท้าลิ่ว จนแทบจะนำหน้าเจ้านายหนุ่ม พลางเบ้ปากจนเทพบดีหัวเราะหึออกมาด้วยความขำ



ช่อดอกไม้ที่ถูกส่งตรงถึงบ้านในตอนเย็น ทำให้ทิพย์อัปสรงงไปบ้างในครั้งแรก และหลังจากทะเลาะกับพี่ชายที่ล้อเลียนไม่ยอมหยุด หญิงสาวจึงเดินหอบช่อดอกไม้หนีเข้าไปในห้องนอนตัวเอง ก่อนจะจัดลงแจกันเรียบร้อยพร้อมดึงการ์ดใบสวยและกลิ่นหอมกรุ่นออกมา

หญิงสาวลงไปนอนคว่ำกับเตียง แล้วลงมือแกะซองสีชมพูอ่อนออกอย่างระมัดระวัง...น้ำหนักของบางอย่างที่ถ่วงอยู่ด้านล่างทำให้ซองเปิดกว้าง จนเธอต้องก้มหน้าลงไปมองและแล้วร่างเพรียวระหงก็ลุกผึงก่อนหยิบของที่เห็นออกมาด้วยความตกใจ

“นี่มันเพชรหรือคริสตัลกันแน่”

เธออุทานเสียงหลงก่อนจะหยิบการ์ดด้านในออกมาเปิด พลางไล่สายตาไปตามตัวอักษรสีดำที่เด่นชัด ซึ่งน่าจะเกิดจากคนเขียนมือหนักไม่น้อย เพราะลายเส้นนั้นทั้งกดลึกและตวัดคม

“ผมอยากพบคุณอีกสักครั้ง ถ้าไม่กลัวก็มาหาตามที่อยู่ด้านล่าง...รัก..เทพบดี”

ทิพย์อัปสรหัวใจไหววูบกับประโยคลงท้ายนั่น ไม่ใช่เธอไม่เคยมีคนบอกรักมาก่อน แต่ผู้ชายคนนี้เป็นใครจู่ๆจึงกล้ามาบอกว่ารักเธอหน้าตาเฉย...ไม่พอเขายังส่งเครื่องประดับมาให้ และทำไมเขาช่างกล้าใช้ประโยคท้าทายถึงขนาดนี้ เลือดลูกตำรวจในกายไหลปรู๊ดปร๊าดด้วยความสงสัย แต่เมื่อคิดว่าอาจจะเป็นการส่งของผิดที่ ทำให้หญิงสาวต้องลองกดโทรศัพท์ตามเบอร์ที่เห็นอยู่ด้านล่างการ์ดทันควัน

“ทิพย์อัปสรค่ะ ขอโทษค่ะใครรับสายไม่ทราบคะ”

“ผมภัณฑารักษ์ เลขาส่วนตัวของคุณเทพบดี นี่คุณคงได้รับของแล้วกระมัง”

เสียงเรียบๆที่ดังมาตามสายสร้างความแปลกใจให้หญิงสาว แล้วที่สำคัญเธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ผู้ชายคนที่เธอเพิ่งไปพบมาเมื่อเช้าเขาชื่อเทพบดี

“ได้แล้วค่ะคุณรักษ์ ทิพย์คิดว่าอาจจะมีการส่งของผิดเลยโทรมาถามน่ะค่ะ”

“ไม่ผิดหรอกครับเพราะวันนี้ท่านไม่ได้สั่งให้ส่งของให้ใครนอกจากคุณคนเดียว”

“ขอบคุณค่ะคุณรักษ์ แค่นี้นะคะ”

“เดี๋ยวสิคุณทิพย์อัปสร ผมอยากจะบอกว่า ถ้าคุณกลัวท่านคุณก็ไม่ต้องไป”

หญิงสาววางโทรศัพท์อย่างเงียบงัน ก่อนจะดึงสร้อยข้อมือเส้นเล็ก ที่ประกอบขึ้นจากเพชรหรือคริสตัลเรียงรายต่อเนื่องขึ้นมาดู พลางอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมผู้ชายคนนั้นจึงนึกอยากพบเธอขึ้นมา คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเพราะอึดอัดเนื่องจากตัดสินใจไม่ถูก

ความจริงเธอไม่อยากพบเขาสักนิด เพราะแค่เข้าใกล้เธอก็รู้สึกไม่ปลอดภัยแปลกๆ แต่ถ้าไม่ไปเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าทำไมเขาต้องส่งของมาให้ ทิพย์อัปสรหยิบใบจองโต๊ะอาหารของโรงแรมหรู ที่ถูกแนบมาในซองขึ้นมาดูอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจในบัดดล อย่างน้อยเธอน่าจะเอาของไปคืนเขา

“จะไปไหนนะทิพย์นี่มันมืดแล้วนะลูก”

คุณทิพย์วรรณเอ่ยถามเมื่อเห็นบุตรสาวอยู่ในชุดออกงานกลางคืนเดินลงมาจากห้องด้วยอาการรีบร้อน

“ออกไปดินเนอร์ค่ะแม่”

“นั่นแน่ ยายตัวดีสรุปว่าตอนนี้แกขายออกแล้วหรือไง พี่ละอยากรู้จริงๆว่าใครนะมันช่างตาบอดมามองแกได้” เสียงห้าวๆที่ดังมาจากเก้าอี้มุมห้องทำให้หญิงสาวต้องตวัดมองพี่ชายด้วยดวงตาเขียวปัด

“พี่ใหญ่ ทิพย์อยากรู้จริงๆว่าในสายตาพี่เนี่ย ทิพย์มันอัปลักษณ์มากเลยหรือยังไง”

“ก็ไม่อัปลักษณ์นะทิพย์ เพียงแต่แกขี้เหล่ไปหน่อย”

ดวงตาคมวิบวิบของพี่ชาย ตลอดจนน้ำเสียงล้อเลียนนั้น เล่นเอาทิพย์อัปสรแทบจะลิ่วเข้าหา ถ้าไม่ถูกเบรกไว้ก่อนด้วยเสียงเนิบๆของบิดา

“นี่ก็ล้อน้องได้ตลอดเวลา จะไปก็ไปเถอะลูกเดี๋ยวมันจะดึกมากกว่านี้ อ้ออย่ากลับดึกมากนักนะ”

“ไม่น่าจะดึกหรอกครับพ่อ นานๆนังทิพย์มันจะออกไปปล่อยแก่สักที สงสัยเช้านั่นแหละถึงจะกลับ”

หญิงสาวขว้างค้อนโครมใหญ่ให้พี่ชาย ก่อนจะเดินตัวตรงดิกออกมาจากบ้าน ทั้งเม้มปากแน่นด้วยความฉุน เธอ

นึกอยากเห็นพี่ชายนอนแหงกอยู่กับเตียงโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง และคงจะดียิ่งขึ้นถ้าพี่ชายตัวดีของเธอ ถูกหมอหาอะไรมาปิดปากพี่เธอจนสนิท






''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''



บุริกา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ค. 2554, 01:48:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ค. 2554, 01:48:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 2130





<< ปฐมบท   
saralun 14 ก.ค. 2554, 13:52:45 น.
กำลังสนุกเลย...แล้วมาต่ออีกนะคะ


anOO 14 ก.ค. 2554, 14:33:33 น.
พระเอกเราได้ใจมาก เจอกันแค่สองครั้ง
ส่งดอกไม้ไปบอก "รัก" สาวเลยเหรอ


แพม 15 ก.ค. 2554, 22:45:04 น.
ว้าว...อัพพร้อมกัน 2 เรื่องเลยหรือเปล่าคะ


แพม 18 ส.ค. 2554, 13:15:47 น.
ยังคงเท่าเดิม


โคลเวอร์ 2 พ.ย. 2554, 12:52:55 น.
รอคอย อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account