Araivia อาราไอเวีย ขุมทรัพย์วิวาห์เงือก
นครอาราไอเวีย...ต่อให้เจ้าจะทรมาณข้าไปจนตายแต่จงรู้ไว้เจ้าไม่มีวันที่จะได้รับรู้ถึงนครอันลึกลับแห่งนี้เป็นแน่
ข้าไม่ยอมให้เจ้าเป็นเจ้าของชีวิตข้าเสียหรอก
ข้าไม่ยอมให้เจ้าเป็นเจ้าของชีวิตข้าเสียหรอก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตกปลา
บทที่4
ตกปลา
“กัปตัน ข้ามีข่าวแจ้งจากท่านพอลลักซ์”เสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้น พาเอาลูกเรือที่นั่งคุยกันอยู่หันมามองอย่างสนใจ
“เรื่องอะไร?”เสียงทุ้มเต็มไปด้วยอำนาจดังขึ้น
“พวกสภากำลังวางแผนจะส่งทหารมาตามจับพวกเรา”ชายชราผมสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับดวงตาผู้นำข่าวมาเอ่ย แต่ประโยคนั้นกลับเรียกรอยยิ้มท้าทายบนใบหน้าคมคายของกัปตันเรือ
“ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะไปได้สักกี่น้ำ”กัปตันเรือพูดอย่างทะนงตัว “ครั้งนี้ข้าว่าแค่ครึ่งเส้นทางก็ไม่รอดแล้ว”
ประโยคที่ดังขึ้นทำเอาลูกเรือหลายคนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง 'แค่ครึ่งเส้นทางก็ไม่รอด'นั่นอาจรวมถึงเรือลำนี้ด้วยก็เป็นได้ กัปตันของเขามักชอบเสี่ยงอันตรายเสมอๆ ไม่มีครั้งใดเลยที่พวกเขาจะไม่ลำบากกับด่านแต่ละด่านที่ต้องฝ่าฟัน อย่างน้อยก็ต้องเป็นพายุลูกใหญ่สักลูกที่ก่อตัวขึ้นบริเวณที่เรือลำนี้แล่นผ่าน แน่นอนว่า...คนที่เป็นใหญ่ในเรือวางแผนการเดินเรือให้มันเป็นเช่นนั้น ทั้งที่จริงจะอ้อมไปอีกเส้นทางที่ต่างกันเพียงไม่กี่ไมล์ทะเลก็ทำได้
ในขณะที่ทุกคนบนเรือเริ่มจะคิดถึงสวัสดิภาพของตนที่อาจจะหายไปทันทีที่เริ่มออกเดินทาง เหยี่ยวสีขาวปลอดก็บินโฉบไปทั่วเรือราวกับจะอวดความสง่าของตน ก่อนที่จะบินมาเกาะอยู่บนไหล่ของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นกัปตันเรือ คนถูกเกาะหันไปลูบเหยี่ยวของตนอย่างแผ่วเบาทันสังเกตเห็นกระดาษเล็กๆที่พับติดมาที่ขาของมัน เขาแก้เชือกที่ผูกแล้วจึงอ่าน ข้อความบนจดหมายสร้างประกายความอยากรู้ในดวงตาของผู้อ่าน
“เบนิกซ์ ข้าฝากเรือไว้สักครู่ ข้าจะออกไปพายเรือเล่นเสียหน่อย”ร่างสูงหันมาสั่่งชายชราคนเดิม ก่อนที่ร่างนั้นจะลับตาไปจากคนบนเรือ
“เจ้ามาช้า พอลลักซ์”เสียงหวานใสดังขึ้นทันทีที่เห็นร่างของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยเดินลงมาจากเรือพาย ไร้เสียงตอบรับจากเด็กหนุ่ม เขาเพียงแต่ก้าวเข้ามายังที่ที่ริเวียร่านั่งรออยู่ “จะให้ข้ารอนานกว่านี้ใช่ไหม”
“ข้าไม่กล้า”เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างสงบ
“ไม่กล้า? แต่เจ้าก็ทำอย่างนี้มาสองวันติดกันแล้ว”ริเวียร่าเอ่ยอย่างหงุดหงิด ท่าทางกอดอกที่ทำเอาใบหน้าคมคายที่มองมาต้องแอบกลั้นยิ้ม “ข้าอยากรู้เสียจริงว่าทำไมโจรสลัดเช่นเจ้าถึงได้ว่างมากนักที่จะออกมาพายเรือเล่นทุกวัน พี่เจ้าไม่ว่าอะไรหรอกหรือ”
คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆตั้งสติอีกครั้ง เด็กหนุ่มอ้อมมานั่งบนผืนทรายข้างโขดหินที่เด็กสาวจับจองอยู่ก่อนหน้า กลิ่นอายทะเลลอยขึ้นมาแตะจมูก แต่สิ่งที่ทำให้ดวงตาคมนั่นเกิดประกายแห่งความสนใจกลับเป็นกลิ่นดอกไม้ที่หอมกว่าดอกไม้ใดๆที่เคยได้ชม เขาหันมามองเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเงินก่อนที่จะใช้ดวงตาคู่นั้นสำรวจใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามอย่างลับๆ
“เจ้าไม่ตอบข้า”ริเวียร่าพูดขึ้นพลางเบือนหน้าไปมองอย่างอื่นด้วยอาการงอน
“ว่างไม่นาน ข้าต้องเดินทางต่อ”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างที่เด็กสาวรู้สึกว่าแข็งกร้าวผิดปกติ
“เดินทางต่อ?”ริเวียร่าหันมามองเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างสงสัยใคร่รู้ “ที่ไหน ไกลมากไหม แล้วเสี่ยงอันตรายมากหรือเปล่า”
“เจ้าเป็นห่วงข้า”เด็กหนุ่มเอ่ยพลางขยับยิ้มที่มุมปาก ยิ้มที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจากคนตรงหน้า
“อย่าได้คิดเชียว ข้าเพียงแค่อยากรู้เท่านั้น เจ้าก็รู้ว่าข้าอยู่บนเกาะที่ห่างไกลแผ่นดินใหญ่ ไร้ผู้คนที่จะพูดคุย หากเจ้าไปข้าคงจะเหงาแย่เลย”ริเวียร่าเอ่ย พลางรีบเบือนหน้าหนีเมื่อเริ่มรู้สึกถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้า ยิ่งเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลา อุณหภูมินั้นก็ดูท่าว่าจะไม่ลดลงมาเลยรังแต่จะเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
เสียงสูดหายใจเข้าลึกๆดังมาจากคนข้างๆทำเอาดวงตาสีฟ้าต้องตวัดไปมองอย่างใคร่รู้ ก่อนที่จะได้ยินคำตอบที่พาเอาหัวใจของเธอสั่นไหวอย่างน่ากลัว “อาราไอเวีย เจ้าเคยได้ยินชื่อมันไหม”
“คือ...ข้าไม่เคยได้ยินชื่อแปลกๆพรรณนั้นหรอก แล้วเจ้าไปเพื่อหวังอะไรหรือ”ดวงตาสีฟ้าทอดมองมายังเด็ก
หนุ่มด้วยสายตาคาดหวัง หวังเพียงว่าให้คนตรงหน้าต้องการเพียงตำราเวทย์มนตร์โบราณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“เมื่อรืนนี้ ข้าก็ต้องออกเดินทางแล้ว ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าจะชวนเจ้าไปพายเรือเล่นพรุ่งนี้”ไม่มีคำตอบจากคนตรงหน้า มีเพียงประโยคที่เขาต้องการเพียงจะเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาเท่านั้น ว่าเสร็จเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินไปที่เรือก่อนจะดันเรือออกสู่ท้องทะเล และหันกลับมามองเด็กสาวที่นั่งอยู่บนโขดหินพลางมองเขามาอย่างงงๆ “แล้วพรุ่งนี้ข้าหวังว่าเจ้าคงจะมา”
“เบนิกซ์ ส่งข่าวไปบอกพอลลักซ์ว่าเราจะออกจากพอร์ทีเซียก่อนกำหนด บอกเขาว่าข้าจะส่งเจ้าไปรับที่ท่าคาร์เนลาซด้วย”ทันทีที่เห็นหน้าลูกน้องคนสนิทคำสั่งที่ตั้งไว้ในใจก็ถ่ายทอดออกมาทันที เล่นเอาผู้ถูกสั่งตั้งตัวไม่ทัน
“ไยจึงไปเร็วนักล่ะ หรือว่าทางสภาส่งทหารมากันแล้ว”เบนิกซ์เอ่ยอย่างงงๆ
“เรามีเรื่องที่น่าสนใจกว่านี้ให้ทำ”กัปตันเรือหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากอย่างที่ใครๆเห็นเป็นต้องนึกขยาดกับมัน คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ “ไปจับปลากัน”
“เจ้าพร้อมจะไปกับข้ารึยัง”เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองเอ่ย
“เจ้าต้องสัญญาเสียก่อนว่าเจ้าจะพาข้ากลับมาที่นี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน”ริเวียร่าเอ่ยอย่างหวั่นๆ ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจหนักๆของคนถูกบังคับ “ก็ได้ ไปกันเถอะ ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่พาข้าไปเที่ยวไกลนักหรอก”
เด็กหนุ่มก้าวมายังเรือเล็กที่จอดนิ่งอยู่ระหว่างโขดหิน ก่อนที่จะลงไปนั่งและยื่นมือออกมาช่วยเด็กสาวให้ตามขึ้นไป ทันทีที่เห็นว่าผู้โดยสารของเขานั่งได้อย่างสบายแล้ว เขาก็พายให้เรือออกห่างจากเกาะร้างมากขึ้น ภาพทิวทัศน์บนเกาะที่คุ้นตานั้นค่อยๆเลือนรางลงทุกทีจนไม่นานนัก ก็หายลับไปจากสายตา
ริเวียร่าละสายตาจากภาพทิวทัศน์เบื้องหลังก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่มตรงหน้า เด็กสาวสัมผัสถึงความผิดปกติของเขา เงียบ...เกินไป ดวงตาสีฟ้าจับจ้องที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างพิจารณา ใบหน้าคมคายนั้นยังคงคุ้นตาอยู่ หากแต่แผลเป็นใต้ดวงตานั่น ทำไมเธอไม่เคยเห็นมาก่อน ตลอดเวลาที่เรือลำเล็กพาเธอลอยละล่องไปเรื่อยเปื่อย คนนำทางนั้นไม่แม้แต่จะหันมาสบตาเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่คำถามที่ว่า 'เจ้าชอบไหม'ให้ได้ยินเลยสักนิด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก ไม่นานดวงอาทิตย์ก็เริ่มลอยมาแตะขอบฟ้าเบื้องหน้า ริเวียร่าหันไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรกันที่เธอจะได้มีโอกาสพบกับเขาอีกหรือเวลาน้ันอาจไม่มีเลยก็เป็นได้ในเมื่อเส้นทางที่เขากำลังจะก้าวไปช่างเต็มไปด้วยอันตรายที่เธอเองก็ไม่อยากจะคิด “กลับได้หรือยัง”
“เจ้าอยากกลับแล้วหรือ”นั่นคือประโยคแรกที่เด็กหนุ่มพูดหลังจากที่เขานั่งนิ่งๆอย่างนั้นเป็นเวลานาน
“ข้าต้องกลับก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ข้าไม่อยากอยู่ห่างจากบ้านนานนัก”ริเวียร่าเอ่ยในขณะที่คนตรงหน้าหันไปมองทิวทัศน์เบื้องหลังเขา ดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับขอบฟ้านั้น เป็นสัญญาณอย่างดีที่ทำให้รู้ว่าถึงเวลาแล้ว
“งั้นเราไปกัน”เสียงทุ้มตอบกลับในขณะที่เรือลำเล็กแล่นกลับไปยังทิศทางเดิม ไม่นานนักทิวทัศน์บนเกาะที่เคยพบกันก็ปรากฏสู่สายตา แต่ยังไม่ทันที่จะไปถึงที่แห่งนั้น คนพายก็บังคับให้เรือหันออกไปอีกทาง ทำเอาดวงตาสีฟ้าหันมามองอย่างตกใจ
“บ้านข้าอยู่ทางนั้น”เด็กสาวเอ่ยอย่างหวาดหวั่น
“ข้ายังไม่ได้พูดสักคำว่าจะพาเจ้ากลับบ้าน”เด็กหนุ่มตอกกลับ ประโยคที่ทำเอาความกลัวเกิดขึ้นในดวงใจเล็กๆของเด็กสาว
“แต่เจ้าสัญญาแล้ว”ริเวียร่าตอกกลับอย่างโมโห
“มีแต่เจ้าเท่านั้นที่เออออไปเอง”เด็กหนุ่มตอบอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนที่ภาพเรือใหญ่จะฉายให้เห็นในดวงตาสีฟ้าของเด็กสาวและย่ิงเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากคนตรงหน้าย่ิงทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยอีกต่อไป “ข้าพาเจ้ามายังบ้านของข้า หวังว่าเจ้าคงจะชอบ”
ภาพเรือโจรสลัดขนาดใหญ่ ตัวเรือทำจากไม้สีดำทั้งลำ เสากระโดงเรือที่สูงพอๆกับยอดเขาที่เธอเคยได้เห็นบนเกาะแห่งหนึ่งดูจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไร ริเวียร่าก็เริ่มจะสังเกตเห็นผู้คนมากมายบนเรือที่เดินกันขวักไขว่ เธอจะขึ้นเรือไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นต้องมีสักวันที่คนตรงหน้ารู้ว่าเธอเป็นใคร ดวงตาสีฟ้าสอดส่องมองหาช่องทางหนี ทางเดียวเท่านั้นคือ...ทะเล
ภาพของเด็กสาวตรงหน้าที่ตัดสินใจกระโดดลงสู่สายน้ำเบื้องล่างไม่ได้ทำให้ใบหน้าคมแสดงอาการตกใจเลยแม้แต่น้อย กลับมีเพียงรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เท่านั้น
ร่างบางของริเวียร่าว่ายน้ำอย่างคล่องแคล่วหวังเพียงให้อยู่ห่างจากลำเรือใหญ่ที่ลอยนิ่งอยู่กลางมหาสมุทร เด็กสาวพบว่าเธอไม่สามารถว่ายได้เร็วเท่าใจคิดยามอยู่ในร่างมนุษย์ สิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือดำลงน้ำให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเธอไม่สามารถหายใจในน้ำได้เกินนาทีและนี่เองที่ทำให้ริเวียร่าคิดหนักระหว่างยอมทรมานจากการขาดอากาศหายใจหรือจะยอมถูกจับ
“ออกเรือ ติดตามนางไป”เสียงเผด็จการดังขึ้นทันทีที่ลูกเรือส่งเชือกไปให้เจ้านายของตนไต่ขึ้นมา
เรือใหญ่เร่งความเร็วทันที ในขณะที่คนบนเรือต่างวุ่นวายอยู่กับแผนการ'จับปลา'ของกัปตันหนุ่ม กำลังคนหรือจะสู้กำลังเรือ ไม่นานนักเรือโจรสลัดก็แล่นอยู่ข้างร่างที่อยู่ในน้ำ ริเวียร่าพยายามว่ายตีตัวออกห่าง แต่ยังไม่ทันที่จะได้หันตัวหนี แหขนาดใหญ่ก็ถูกโยนลงมาคลุมร่างของเด็กสาว
วินาทีแห่งการหนี...สายไปเสียแล้ว ร่างของเด็กสาวถูกแหนั้นพันรอบกาย ร่างบางดิ้นรนหวังจะหลุดจากเชือกเส้นบางที่รัดตัวของเธอไว้แน่น แต่ยิ่งดิ้นเชือกเส้นบางกลับบาดลึกเข้้าไปในเนื้อนวล ย่ิงขยับตัวมากเท่าไรเส้นเชือกเหล่านั้นก็มีแต่จะฝังลึกลงไปในร่างของเด็กสาวมากขึ้นเท่านั้น แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นกลับเป็นร่างมนุษย์ที่ทำให้เธอทรมาณจากการขาดอาการหายใจ ครั้นจะเอื้อนเอ่ยเวทย์คืนร่างน้ำทะเลที่อยู่รอบกายก็ทะลักเข้าเต็มปาก เสียงที่ควรจะเล็ดลอดออกมาก็ถูกสายน้ำชะล้างไปสิ้น อากาศที่เหลืออยู่ในปอดน้อยเต็มที ส่งผลให้ไม่นานสติทั้งหมดก็พลันวูบลง...
..... ..... ..... ........... ..... ...... .....
......................... ..... ..... ..... ..... ...... ..... .....
..... ..... ..... ............... ..... ..... ...............
..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
..... ..... ..... ..... ........... ..... ..... .....
หนูเงือกรินของเราท่าจะแย่ซะแล้ว
นี่เธอโดนเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานหักหลังงั้นหรือ
แล้วเธอจะหลุดพ้นจากเพื่อนชายคนนี้ไปได้มั้ยนะ
วันนี้มาอัพให้พิเศษเจ้าค่ะ
ไมย่าคิดว่าจะพยายามอัพให้ทุกวันนะเจ้าคะ
เพราะที่จริงก็แอบมีดองไว้อยู่เหมือนกัน อิอิ^^
แต่ถ้าปล่อยของหมดแล้วก็คงจะต้องค่อยๆอัพให้อาทิตย์ละครั้งนะเจ้าคะ
แต่รับรองว่ารีดเดอร์ไม่ต้องรอนานแน่><
ช่วงนี้จะอัพให้ไปเรื่อยๆเลยนะเจ้าคะ
สุดท้าย....มีข่าวดีมาบอก อิอิ
ได้ยินแล้วช่วยตะลึงให้ไมย่าหน่อย555
ไมย่ามีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันสู่สาธารณะชนแล้วนะ
อิอิ เป็นบทละครเวทีที่เขียนร่วมกับเพื่อนๆทีมเขียนบทอีก7คนค่ะ
ซึ่งรีดเดอร์สามารถมารับชมได้เจ้าคะ
เชิญรับชม...
ละครเวทีการกุศลรามาดราม่าครั้งที่8
H.O.P.E.มนุษย์ หัวใจ ชีวิตและความหวัง
โดย นักศึกษาแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
นอกจากจะได้รับความสนุกสนานและของที่ระลึกมากมาย
ยังได้ทำบุญกับมูลนิธิรามาธิบดี(ถ้าจะมีคนคุ้นๆกับโฆษณา "คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด")ด้วยนะเจ้าคะ^^
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook Theramadrama
Twitter @Theramadrama
Instagram Theramadrama
แล้วคุณจะรู้ว่านักศึกษาแพทย์ก็ทำละครเวทีได้><
#ramadrama8th #inhopewetrust
มาดูกันเยอะๆนะเจ้าคะ รีดเดอร์!!!!
มีคลิปมาให้ดูด้วย อิอิ><...ดูไม่ได้กดที่นี่นะเจ้าคะ
IFrame
อย่าลืม ติ ชม วิจารณ์ อย่างสุภาพด้วยนะคะ
ใครเจอคำผิดก็เม้นท์มาบอกกันได้ตลอดค่ะ
แอดเฟรนด์กันมาได้เยอะๆนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามคะ ^^
twitter @MaiyaCorprisia
เฟส Maiya Corprisia
อีเมล Fairytale_maiyares@hotmail.com
เพจ Writer Maiya
ตกปลา
“กัปตัน ข้ามีข่าวแจ้งจากท่านพอลลักซ์”เสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้น พาเอาลูกเรือที่นั่งคุยกันอยู่หันมามองอย่างสนใจ
“เรื่องอะไร?”เสียงทุ้มเต็มไปด้วยอำนาจดังขึ้น
“พวกสภากำลังวางแผนจะส่งทหารมาตามจับพวกเรา”ชายชราผมสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับดวงตาผู้นำข่าวมาเอ่ย แต่ประโยคนั้นกลับเรียกรอยยิ้มท้าทายบนใบหน้าคมคายของกัปตันเรือ
“ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะไปได้สักกี่น้ำ”กัปตันเรือพูดอย่างทะนงตัว “ครั้งนี้ข้าว่าแค่ครึ่งเส้นทางก็ไม่รอดแล้ว”
ประโยคที่ดังขึ้นทำเอาลูกเรือหลายคนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง 'แค่ครึ่งเส้นทางก็ไม่รอด'นั่นอาจรวมถึงเรือลำนี้ด้วยก็เป็นได้ กัปตันของเขามักชอบเสี่ยงอันตรายเสมอๆ ไม่มีครั้งใดเลยที่พวกเขาจะไม่ลำบากกับด่านแต่ละด่านที่ต้องฝ่าฟัน อย่างน้อยก็ต้องเป็นพายุลูกใหญ่สักลูกที่ก่อตัวขึ้นบริเวณที่เรือลำนี้แล่นผ่าน แน่นอนว่า...คนที่เป็นใหญ่ในเรือวางแผนการเดินเรือให้มันเป็นเช่นนั้น ทั้งที่จริงจะอ้อมไปอีกเส้นทางที่ต่างกันเพียงไม่กี่ไมล์ทะเลก็ทำได้
ในขณะที่ทุกคนบนเรือเริ่มจะคิดถึงสวัสดิภาพของตนที่อาจจะหายไปทันทีที่เริ่มออกเดินทาง เหยี่ยวสีขาวปลอดก็บินโฉบไปทั่วเรือราวกับจะอวดความสง่าของตน ก่อนที่จะบินมาเกาะอยู่บนไหล่ของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นกัปตันเรือ คนถูกเกาะหันไปลูบเหยี่ยวของตนอย่างแผ่วเบาทันสังเกตเห็นกระดาษเล็กๆที่พับติดมาที่ขาของมัน เขาแก้เชือกที่ผูกแล้วจึงอ่าน ข้อความบนจดหมายสร้างประกายความอยากรู้ในดวงตาของผู้อ่าน
“เบนิกซ์ ข้าฝากเรือไว้สักครู่ ข้าจะออกไปพายเรือเล่นเสียหน่อย”ร่างสูงหันมาสั่่งชายชราคนเดิม ก่อนที่ร่างนั้นจะลับตาไปจากคนบนเรือ
“เจ้ามาช้า พอลลักซ์”เสียงหวานใสดังขึ้นทันทีที่เห็นร่างของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยเดินลงมาจากเรือพาย ไร้เสียงตอบรับจากเด็กหนุ่ม เขาเพียงแต่ก้าวเข้ามายังที่ที่ริเวียร่านั่งรออยู่ “จะให้ข้ารอนานกว่านี้ใช่ไหม”
“ข้าไม่กล้า”เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างสงบ
“ไม่กล้า? แต่เจ้าก็ทำอย่างนี้มาสองวันติดกันแล้ว”ริเวียร่าเอ่ยอย่างหงุดหงิด ท่าทางกอดอกที่ทำเอาใบหน้าคมคายที่มองมาต้องแอบกลั้นยิ้ม “ข้าอยากรู้เสียจริงว่าทำไมโจรสลัดเช่นเจ้าถึงได้ว่างมากนักที่จะออกมาพายเรือเล่นทุกวัน พี่เจ้าไม่ว่าอะไรหรอกหรือ”
คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆตั้งสติอีกครั้ง เด็กหนุ่มอ้อมมานั่งบนผืนทรายข้างโขดหินที่เด็กสาวจับจองอยู่ก่อนหน้า กลิ่นอายทะเลลอยขึ้นมาแตะจมูก แต่สิ่งที่ทำให้ดวงตาคมนั่นเกิดประกายแห่งความสนใจกลับเป็นกลิ่นดอกไม้ที่หอมกว่าดอกไม้ใดๆที่เคยได้ชม เขาหันมามองเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเงินก่อนที่จะใช้ดวงตาคู่นั้นสำรวจใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามอย่างลับๆ
“เจ้าไม่ตอบข้า”ริเวียร่าพูดขึ้นพลางเบือนหน้าไปมองอย่างอื่นด้วยอาการงอน
“ว่างไม่นาน ข้าต้องเดินทางต่อ”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างที่เด็กสาวรู้สึกว่าแข็งกร้าวผิดปกติ
“เดินทางต่อ?”ริเวียร่าหันมามองเจ้าของใบหน้าคมคายอย่างสงสัยใคร่รู้ “ที่ไหน ไกลมากไหม แล้วเสี่ยงอันตรายมากหรือเปล่า”
“เจ้าเป็นห่วงข้า”เด็กหนุ่มเอ่ยพลางขยับยิ้มที่มุมปาก ยิ้มที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจากคนตรงหน้า
“อย่าได้คิดเชียว ข้าเพียงแค่อยากรู้เท่านั้น เจ้าก็รู้ว่าข้าอยู่บนเกาะที่ห่างไกลแผ่นดินใหญ่ ไร้ผู้คนที่จะพูดคุย หากเจ้าไปข้าคงจะเหงาแย่เลย”ริเวียร่าเอ่ย พลางรีบเบือนหน้าหนีเมื่อเริ่มรู้สึกถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้า ยิ่งเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลา อุณหภูมินั้นก็ดูท่าว่าจะไม่ลดลงมาเลยรังแต่จะเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
เสียงสูดหายใจเข้าลึกๆดังมาจากคนข้างๆทำเอาดวงตาสีฟ้าต้องตวัดไปมองอย่างใคร่รู้ ก่อนที่จะได้ยินคำตอบที่พาเอาหัวใจของเธอสั่นไหวอย่างน่ากลัว “อาราไอเวีย เจ้าเคยได้ยินชื่อมันไหม”
“คือ...ข้าไม่เคยได้ยินชื่อแปลกๆพรรณนั้นหรอก แล้วเจ้าไปเพื่อหวังอะไรหรือ”ดวงตาสีฟ้าทอดมองมายังเด็ก
หนุ่มด้วยสายตาคาดหวัง หวังเพียงว่าให้คนตรงหน้าต้องการเพียงตำราเวทย์มนตร์โบราณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“เมื่อรืนนี้ ข้าก็ต้องออกเดินทางแล้ว ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าจะชวนเจ้าไปพายเรือเล่นพรุ่งนี้”ไม่มีคำตอบจากคนตรงหน้า มีเพียงประโยคที่เขาต้องการเพียงจะเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาเท่านั้น ว่าเสร็จเด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินไปที่เรือก่อนจะดันเรือออกสู่ท้องทะเล และหันกลับมามองเด็กสาวที่นั่งอยู่บนโขดหินพลางมองเขามาอย่างงงๆ “แล้วพรุ่งนี้ข้าหวังว่าเจ้าคงจะมา”
“เบนิกซ์ ส่งข่าวไปบอกพอลลักซ์ว่าเราจะออกจากพอร์ทีเซียก่อนกำหนด บอกเขาว่าข้าจะส่งเจ้าไปรับที่ท่าคาร์เนลาซด้วย”ทันทีที่เห็นหน้าลูกน้องคนสนิทคำสั่งที่ตั้งไว้ในใจก็ถ่ายทอดออกมาทันที เล่นเอาผู้ถูกสั่งตั้งตัวไม่ทัน
“ไยจึงไปเร็วนักล่ะ หรือว่าทางสภาส่งทหารมากันแล้ว”เบนิกซ์เอ่ยอย่างงงๆ
“เรามีเรื่องที่น่าสนใจกว่านี้ให้ทำ”กัปตันเรือหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากอย่างที่ใครๆเห็นเป็นต้องนึกขยาดกับมัน คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ “ไปจับปลากัน”
“เจ้าพร้อมจะไปกับข้ารึยัง”เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองเอ่ย
“เจ้าต้องสัญญาเสียก่อนว่าเจ้าจะพาข้ากลับมาที่นี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน”ริเวียร่าเอ่ยอย่างหวั่นๆ ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจหนักๆของคนถูกบังคับ “ก็ได้ ไปกันเถอะ ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่พาข้าไปเที่ยวไกลนักหรอก”
เด็กหนุ่มก้าวมายังเรือเล็กที่จอดนิ่งอยู่ระหว่างโขดหิน ก่อนที่จะลงไปนั่งและยื่นมือออกมาช่วยเด็กสาวให้ตามขึ้นไป ทันทีที่เห็นว่าผู้โดยสารของเขานั่งได้อย่างสบายแล้ว เขาก็พายให้เรือออกห่างจากเกาะร้างมากขึ้น ภาพทิวทัศน์บนเกาะที่คุ้นตานั้นค่อยๆเลือนรางลงทุกทีจนไม่นานนัก ก็หายลับไปจากสายตา
ริเวียร่าละสายตาจากภาพทิวทัศน์เบื้องหลังก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่มตรงหน้า เด็กสาวสัมผัสถึงความผิดปกติของเขา เงียบ...เกินไป ดวงตาสีฟ้าจับจ้องที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างพิจารณา ใบหน้าคมคายนั้นยังคงคุ้นตาอยู่ หากแต่แผลเป็นใต้ดวงตานั่น ทำไมเธอไม่เคยเห็นมาก่อน ตลอดเวลาที่เรือลำเล็กพาเธอลอยละล่องไปเรื่อยเปื่อย คนนำทางนั้นไม่แม้แต่จะหันมาสบตาเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่คำถามที่ว่า 'เจ้าชอบไหม'ให้ได้ยินเลยสักนิด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก ไม่นานดวงอาทิตย์ก็เริ่มลอยมาแตะขอบฟ้าเบื้องหน้า ริเวียร่าหันไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรกันที่เธอจะได้มีโอกาสพบกับเขาอีกหรือเวลาน้ันอาจไม่มีเลยก็เป็นได้ในเมื่อเส้นทางที่เขากำลังจะก้าวไปช่างเต็มไปด้วยอันตรายที่เธอเองก็ไม่อยากจะคิด “กลับได้หรือยัง”
“เจ้าอยากกลับแล้วหรือ”นั่นคือประโยคแรกที่เด็กหนุ่มพูดหลังจากที่เขานั่งนิ่งๆอย่างนั้นเป็นเวลานาน
“ข้าต้องกลับก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ข้าไม่อยากอยู่ห่างจากบ้านนานนัก”ริเวียร่าเอ่ยในขณะที่คนตรงหน้าหันไปมองทิวทัศน์เบื้องหลังเขา ดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับขอบฟ้านั้น เป็นสัญญาณอย่างดีที่ทำให้รู้ว่าถึงเวลาแล้ว
“งั้นเราไปกัน”เสียงทุ้มตอบกลับในขณะที่เรือลำเล็กแล่นกลับไปยังทิศทางเดิม ไม่นานนักทิวทัศน์บนเกาะที่เคยพบกันก็ปรากฏสู่สายตา แต่ยังไม่ทันที่จะไปถึงที่แห่งนั้น คนพายก็บังคับให้เรือหันออกไปอีกทาง ทำเอาดวงตาสีฟ้าหันมามองอย่างตกใจ
“บ้านข้าอยู่ทางนั้น”เด็กสาวเอ่ยอย่างหวาดหวั่น
“ข้ายังไม่ได้พูดสักคำว่าจะพาเจ้ากลับบ้าน”เด็กหนุ่มตอกกลับ ประโยคที่ทำเอาความกลัวเกิดขึ้นในดวงใจเล็กๆของเด็กสาว
“แต่เจ้าสัญญาแล้ว”ริเวียร่าตอกกลับอย่างโมโห
“มีแต่เจ้าเท่านั้นที่เออออไปเอง”เด็กหนุ่มตอบอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนที่ภาพเรือใหญ่จะฉายให้เห็นในดวงตาสีฟ้าของเด็กสาวและย่ิงเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากคนตรงหน้าย่ิงทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยอีกต่อไป “ข้าพาเจ้ามายังบ้านของข้า หวังว่าเจ้าคงจะชอบ”
ภาพเรือโจรสลัดขนาดใหญ่ ตัวเรือทำจากไม้สีดำทั้งลำ เสากระโดงเรือที่สูงพอๆกับยอดเขาที่เธอเคยได้เห็นบนเกาะแห่งหนึ่งดูจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไร ริเวียร่าก็เริ่มจะสังเกตเห็นผู้คนมากมายบนเรือที่เดินกันขวักไขว่ เธอจะขึ้นเรือไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นต้องมีสักวันที่คนตรงหน้ารู้ว่าเธอเป็นใคร ดวงตาสีฟ้าสอดส่องมองหาช่องทางหนี ทางเดียวเท่านั้นคือ...ทะเล
ภาพของเด็กสาวตรงหน้าที่ตัดสินใจกระโดดลงสู่สายน้ำเบื้องล่างไม่ได้ทำให้ใบหน้าคมแสดงอาการตกใจเลยแม้แต่น้อย กลับมีเพียงรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เท่านั้น
ร่างบางของริเวียร่าว่ายน้ำอย่างคล่องแคล่วหวังเพียงให้อยู่ห่างจากลำเรือใหญ่ที่ลอยนิ่งอยู่กลางมหาสมุทร เด็กสาวพบว่าเธอไม่สามารถว่ายได้เร็วเท่าใจคิดยามอยู่ในร่างมนุษย์ สิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือดำลงน้ำให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเธอไม่สามารถหายใจในน้ำได้เกินนาทีและนี่เองที่ทำให้ริเวียร่าคิดหนักระหว่างยอมทรมานจากการขาดอากาศหายใจหรือจะยอมถูกจับ
“ออกเรือ ติดตามนางไป”เสียงเผด็จการดังขึ้นทันทีที่ลูกเรือส่งเชือกไปให้เจ้านายของตนไต่ขึ้นมา
เรือใหญ่เร่งความเร็วทันที ในขณะที่คนบนเรือต่างวุ่นวายอยู่กับแผนการ'จับปลา'ของกัปตันหนุ่ม กำลังคนหรือจะสู้กำลังเรือ ไม่นานนักเรือโจรสลัดก็แล่นอยู่ข้างร่างที่อยู่ในน้ำ ริเวียร่าพยายามว่ายตีตัวออกห่าง แต่ยังไม่ทันที่จะได้หันตัวหนี แหขนาดใหญ่ก็ถูกโยนลงมาคลุมร่างของเด็กสาว
วินาทีแห่งการหนี...สายไปเสียแล้ว ร่างของเด็กสาวถูกแหนั้นพันรอบกาย ร่างบางดิ้นรนหวังจะหลุดจากเชือกเส้นบางที่รัดตัวของเธอไว้แน่น แต่ยิ่งดิ้นเชือกเส้นบางกลับบาดลึกเข้้าไปในเนื้อนวล ย่ิงขยับตัวมากเท่าไรเส้นเชือกเหล่านั้นก็มีแต่จะฝังลึกลงไปในร่างของเด็กสาวมากขึ้นเท่านั้น แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นกลับเป็นร่างมนุษย์ที่ทำให้เธอทรมาณจากการขาดอาการหายใจ ครั้นจะเอื้อนเอ่ยเวทย์คืนร่างน้ำทะเลที่อยู่รอบกายก็ทะลักเข้าเต็มปาก เสียงที่ควรจะเล็ดลอดออกมาก็ถูกสายน้ำชะล้างไปสิ้น อากาศที่เหลืออยู่ในปอดน้อยเต็มที ส่งผลให้ไม่นานสติทั้งหมดก็พลันวูบลง...
..... ..... ..... ........... ..... ...... .....
......................... ..... ..... ..... ..... ...... ..... .....
..... ..... ..... ............... ..... ..... ...............
..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
..... ..... ..... ..... ........... ..... ..... .....
หนูเงือกรินของเราท่าจะแย่ซะแล้ว
นี่เธอโดนเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานหักหลังงั้นหรือ
แล้วเธอจะหลุดพ้นจากเพื่อนชายคนนี้ไปได้มั้ยนะ
วันนี้มาอัพให้พิเศษเจ้าค่ะ
ไมย่าคิดว่าจะพยายามอัพให้ทุกวันนะเจ้าคะ
เพราะที่จริงก็แอบมีดองไว้อยู่เหมือนกัน อิอิ^^
แต่ถ้าปล่อยของหมดแล้วก็คงจะต้องค่อยๆอัพให้อาทิตย์ละครั้งนะเจ้าคะ
แต่รับรองว่ารีดเดอร์ไม่ต้องรอนานแน่><
ช่วงนี้จะอัพให้ไปเรื่อยๆเลยนะเจ้าคะ
สุดท้าย....มีข่าวดีมาบอก อิอิ
ได้ยินแล้วช่วยตะลึงให้ไมย่าหน่อย555
ไมย่ามีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันสู่สาธารณะชนแล้วนะ
อิอิ เป็นบทละครเวทีที่เขียนร่วมกับเพื่อนๆทีมเขียนบทอีก7คนค่ะ
ซึ่งรีดเดอร์สามารถมารับชมได้เจ้าคะ
เชิญรับชม...
ละครเวทีการกุศลรามาดราม่าครั้งที่8
H.O.P.E.มนุษย์ หัวใจ ชีวิตและความหวัง
โดย นักศึกษาแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
นอกจากจะได้รับความสนุกสนานและของที่ระลึกมากมาย
ยังได้ทำบุญกับมูลนิธิรามาธิบดี(ถ้าจะมีคนคุ้นๆกับโฆษณา "คำว่าให้...ไม่สิ้นสุด")ด้วยนะเจ้าคะ^^
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook Theramadrama
Twitter @Theramadrama
Instagram Theramadrama
แล้วคุณจะรู้ว่านักศึกษาแพทย์ก็ทำละครเวทีได้><
#ramadrama8th #inhopewetrust
มาดูกันเยอะๆนะเจ้าคะ รีดเดอร์!!!!
มีคลิปมาให้ดูด้วย อิอิ><...ดูไม่ได้กดที่นี่นะเจ้าคะ
IFrame
อย่าลืม ติ ชม วิจารณ์ อย่างสุภาพด้วยนะคะ
ใครเจอคำผิดก็เม้นท์มาบอกกันได้ตลอดค่ะ
แอดเฟรนด์กันมาได้เยอะๆนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามคะ ^^
twitter @MaiyaCorprisia
เฟส Maiya Corprisia
อีเมล Fairytale_maiyares@hotmail.com
เพจ Writer Maiya
MaiYA
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2558, 20:36:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2558, 20:36:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 876
<< บทที่3 รู้จัก |