Araivia อาราไอเวีย ขุมทรัพย์วิวาห์เงือก
นครอาราไอเวีย...ต่อให้เจ้าจะทรมาณข้าไปจนตายแต่จงรู้ไว้เจ้าไม่มีวันที่จะได้รับรู้ถึงนครอันลึกลับแห่งนี้เป็นแน่
ข้าไม่ยอมให้เจ้าเป็นเจ้าของชีวิตข้าเสียหรอก
ข้าไม่ยอมให้เจ้าเป็นเจ้าของชีวิตข้าเสียหรอก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่3 รู้จัก
บทที่3 รู้จัก
“ริน”เสียงของเด็กหนุ่มที่เคยได้ยินดังขึ้นทำเอาร่างบางสะดุ้งอย่างตกใจ “ไปทำอะไรตรงนั้นนะ”
“เอ่อ...คือ...ข้าว่ายน้ำเล่นอยู่นะ”ริเวียร่าตะโกนตอบ ทั้งที่ใบหน้าสวยไม่ได้หันใบหน้ารูปไข่ไม่ได้มองคู่สนทนาแม้แต่น้อย เด็กสาวก้มลงมองหางของตนที่ยังคงจมอยู่ใต้น้ำ แม้พอลลักซ์จะไม่ได้เห็นหางของเธอแต่ถ้าเธอเปลี่ยนร่างตอนนี้อย่างน้อยเด็กหนุ่มก็ต้องเห็นแสงสว่างที่เกิดจากการร่ายเวทย์เป็นแน่
“ว่ายน้ำเล่น?”เสียงเข้มถามเสียงสูงก่อนที่เจ้าตัวจะเลิกคิ้วสูงขึ้น ตอนสายๆอย่างนี้นี่นะ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าควรขึ้นมาได้แล้ว”
“คือ...เอ่อ...ข้าจะขึ้นไปได้อย่างไรเล่า ในเมื่อเจ้ามองข้าอยู่นะ”ริเวียร่าแสร้งตอบหวังให้เด็กหนุ่มเข้าใจว่าเธอไม่ได้ใส่อาภรณ์ใดๆ
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นข้าจะหันหลัง สาบานว่าจะไม่มองเจ้า จนกว่าเจ้าจะตะโกนเรียก ดีไหม”พอลลักซ์ถามกลับ เขามีความเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ทำให้เด็กสาวขุ่นเคือง
“สาบานกับแม่น้ำสติกซ์สิ”เสียงหวานดังขึ้นอีกครั้ง
“ก็ได้ ข้าสาบานกับแม่น้ำสติกซ์่ว่าจะไม่หันไปมองเจ้าจนกว่าเจ้าจะอนุญาต”เด็กหนุ่มตะโกนไปทั้งที่ยังหันหลังอยู่พลางถอนหายใจอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยกับริเวียร่าเท่าไร
เด็กสาวหันไปมองร่างสูงที่ตอนนี้เห็นเพียงแค่แผ่นหลังและผมสีทองระต้นคอ ก่อนที่เรียวปากบางจะขยับเอ่ยบทเพลงแห่งสายธารอย่างแผ่วเบา
'ของขวัญ จากธารา
ขอลา ลบหายจาก
ซ่อนตัว พบเห็นยาก
เมื่ออยาก จึ่งคืนเดิม'
“หันมาได้แล้ว”ริเวียร่าตะโกนกลับทันทีที่แสงสว่างสีขาวใกล้จางหาย
พอลลักซ์หันมามองเพื่อนใหม่ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก เขารู้สึกราวกับว่าเห็นแสงสีขาวของการร่ายเวทย์ที่หางตา ใบหน้าคมเข้มสลัดความคิดนั้นทิ้งหลังจากคิดได้ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่อยู่บนเกาะไร้ผู้คนที่รู้จักแล้วเธอจะเรียนเวทย์ได้อย่างไร
“พอลลักซ์ เจ้าช่วยเล่าเรื่องบนแผ่นดินใหญ่ให้ข้าฟังได้ไหม”ริเวียร่าเอ่ยขึ้นในขณะที่ทั้งสองนั่งหลบแดดบ่ายอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ทะเล
“ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก”เด็กหนุ่มพูด ดวงตาสีเขียวครามจดจ้องอยู่ที่ใบหน้างาม “ข้าเป็นชาวเรือไม่ค่อยได้อยู่ติดแผ่นดินเสียเท่าไร”
“ชาวเรือ? เช่นไรเล่า? คนหาปลา ทหารเรือ เช่นนี้หรือ”เด็กสาวเอ่ยขึ้น คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง
“หากข้าบอกเจ้า เจ้าห้ามกลัวข้านะ”พอลลักซ์พูดพลางสูดหายใจเข้าลึกๆราวกับเรียกกำลังใจ “ข้าเป็น...โจรสลัด สมุนโจรสลัดแห่ง...เอ่อ...ลูนาราร์เธีย”
ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้าหวานซีดลงถนัดตา หากแต่เด็กสาวก้มหน้าลงหวังหลบอาการที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มตรงหน้า...แสนดี อบอุ่นเช่นนี้จะเป็นพวกเดียวกับโจรสลัด
ลูนาราร์เธีย...หรือเงามืดแห่งดวงจันทร์ ชื่อเรือโจรสลัดก้องโลกที่เมื่อใครได้ยินย่อมต้องเกิดความกลัวขึ้นในจิตใจ ยิ่งสำหรับชาววารีเช่นเธอแล้ว โจรสลัดกองนี้ยิ่งเป็นที่กล่าวขวัญอย่างน่าสะพรึงกลัว ยามใดที่มีข่าวลือว่าเรือนี้จะผ่านน่านนำ้ใด ผู้คนมักอยู่ในบ้านปิดประตูหน้าต่างอยู่อย่างหวาดกลัว
ความสุข...พลันเลือนหายไป
ความสนุกสนาน...จืดจางทันใด
มีเพียงแต่...ความทุกข์ที่เข้ามาแทรกซึม
ความหวาดกลัว...ที่เข้ามาทดแทนอารมณ์ทุกอย่าง
“เจ้าคงไม่รู้จักสินะ”เสียงเข้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ก็แน่สิ เจ้าอยู่บนเกาะร้างไม่รู้จักผู้คนเยี่ยงนี้ เจ้าย่อมไม่รู้จักชื่อเรือสลัดปัญญาอ่อนของพี่ข้าหรอก”
“...เอ่อ...ก็ถูกของเจ้าล่ะ”ริเวียร่าเอ่ยเสียงสั่น “ว่าแต่...เจ้าพูดราวกับว่าเจ้าเกลียดเรือนั้นเข้าไส้”
“ถ้าจะพูดอย่างนั้นก็ได้นะ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นบ้านข้า ที่ข้าพูดเย่ียงนั้นเป็นเพราะข้าระอากับนิสัยของพี่ข้าเต็มที”เด็กหนุ่มพูดพลางถอนหายใจ ยามนึกถึงญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขา
“พี่ของเจ้า?”ริเวียร่าถามพลางเลิกคิ้วสูง
“ใช่ พี่ของข้า พี่แท้ๆของข้า เขาคือกัปตันเรือที่ว่านั่นแหละ”พอลลักซ์เอ่ยพลางหันหน้ามามองใบหน้าสวยที่เริ่มไร้สีเลือด “เจ้าเป็นอะไรหรือ ไยใบหน้าจึงซีดเซียวเช่นนี้”
“...เอ่อ...คงเพราะ...”เด็กสาวพูดเสียงสั่นอย่างตะกุกตะกัก ร่างทั้งร่างดูไร้เรี่ยวแรงใดๆ คนตรงหน้ามิใช่แค่เพียงสมุนแต่เป็นถึงน้องชายแท้ๆของกัปตันเรือ...ผู้ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ พลังเวทย์ร้ายกาจเกินกว่าใครสามารถควบคุมได้ ผู้ที่ใครๆทั้งแผ่นดินต่างหวาดกลัว...ไม่ว่าจะมนุษย์หรืออมนุษย์
“จริงสินะ เจ้าเล่นน้ำเสียเที่ยงเช่นนี้คงไม่สบายเอาได้”เด็กหนุ่มพูดเสียงนุ่มฟังดูอ่อนโยนเกินกว่าจะเป็นโจรสลัด ดวงตาสีเขียวครามมองทอดลงมาที่เธออย่างเป็นห่วง “ข้าว่าวันนี้ข้ากลับก่อนดีกว่า เจ้าจะได้พักผ่อน”
“อืม”เด็กสาวพยักหน้า ร่างบางลุกขึ้นราวกับไร้วิญญาณ ก่อนจะเดินออกจากถ้ำไป ดวงตาสีเขียวมองตามหลังร่างนั้นอย่างแปลกใจปนห่วงใย
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำเต็มที ริเวียร่าแหงนหน้าขึ้นมองหมู่นกที่บินกลับรัง สมควรแก่เวลาที่เธอควรจะกลับตำหนัก ดวงตาสีฟ้ามองมายังร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังดันเรือลำเล็กลงสู่ทะเลที่สงบนิ่ง พอลลักซ์หันมามองเพื่อนใหม่ก่อนจะยิ้มให้แก่เพื่อนสาว ริเวียร่าฝืนยิ้มตอบ
เรือลำน้อยลับตาไป ทิ้งไว้แต่เด็กสาวที่ในใจเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เธอไม่อยากจะกลับไปที่ตำหนักเสียแล้ว เธออยากจะนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่ตรงนี้ตลอดไปเสียเหลือเกิน อยากให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่การล้อเล่นของเขาเท่านั้น
“ไปไหนมาอีกล่ะ”เสียงเรียบของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ข้าจำเป็นต้องบอกด้วยหรือ”เด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเขียวครามถามอย่างกวนๆ
“หากเจ้าไม่อยากบอก ข้าก็จะไม่ถาม”เสียงของคนๆเดิมเอ่ยขึ้น ใช่ว่าจะฟังดูประชดประชัน แต่เขาหมายความอย่างที่พูดจริง เขาไม่จำเป็นต้องถามเมื่อสามารถรู้ได้โดยสัตชาตญาณของเขาเอง
“จะถามทำไมเล่า ในเมื่อก็รู้อยู่แล้ว”ผู้มาใหม่พูดขึ้นอย่างคุ้นเคย
“ข้าต้องการให้เจ้าเข้าไปที่หอสมุด หาข้อมูลบางอย่างมาให้ข้าเสียหน่อย”เสียงเข้มสั่ง “เจ้าต้องเข้าไปในตัวเมือง แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลานานหลายวันอยู่ เรื่องเงินข้าจะเอาให้ตามที่เจ้าคิดว่าเพียงพอ”
“หลายวัน...แต่ข้ายังไม่ได้บอก...”เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างตกใจน้ำเสียงที่พูดขึ้นดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าจำเป็นต้องบอกใครด้วยหรือ ในเมื่อข้าก็รู้แล้ว”ผู้อาวุโสกว่าถามขึ้น คิ้วบนใบหน้าคมนั่นขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ “หรือว่าเจ้าไปรู้จักใครเข้าอีกล่ะ”
“ข้านี่ เสียทีเจ้าตลอดเลยนะ”เด็กหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี
“แน่ละ เรารู้จักกันมานานเต็มทีแล้วนะ”ชายคนเดิมเอ่ยขึ้น
“ก็จริงของเจ้า ว่าแต่...”เด็กหนุ่มพูดขึ้นก่อนที่ใบหน้าจะราบเรียบเช่นเดียวกับดวงตาที่ดูจริงจังขึ้นทันใด “เป้าหมายต่อไป?”
“นั่นคือเหตุผลของการไปเก็บข้อมูลในครั้งนี้”เสียงเรียบเอ่ยต่ออย่างจริงจัง “อาราไอเวีย ขุมทรัพย์วิวาห์เงือก”
..... ..... ..... ........... ..... ...... .....
......................... ..... ..... ..... ..... ...... ..... .....
..... ..... ..... ............... ..... ..... ...............
..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
..... ..... ..... ..... ........... ..... ..... .....
ตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาอีกตัวแล้วนะคะ
เขาจะเป็นใครกันนะ...
ดูเหมือนว่าริเวียร่าของเราจะได้รู้จักกับคนที่ไม่ควรรู้จักแล้วสิ
ส่วนตัวแล้วไมย่าชอบการจบของบทนี้นะ
ดูเป็นประโยคเริ่มการผจญภัยอะไรสักอย่าง55
หลุดปากไปแล้ว...เอาเป็นว่าเพื่อนๆรอติดตามต่อไปนะเจ้าคะ
มีข่าวประกาศก่อนเจอกันอีกทีอาทิตย์หน้า!!!!!
ไมย่าได้มีโอกาสเขียนบทละครเวทีร่วมกับเพื่อนๆทีมเขียนบทที่รามา
งานเขียนงานแรกของไมย่าเลยนะที่ได้ออกสู่สาธารณะชนขนาดนี้
ถือโอกาสโปรโมทเลยละกัน ^^
ขอเชิญร่วมรับชม ละครการกุศลรามาดราม่าครั้งที่8
H.O.P.E. มนุษย์ หัวใจ ชีวิตและความหวัง
รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่ เพจ Theramadrama
มาร่วมทำบุญและร่วมสนุกสนานไปกับละครเวทีโดย นศพ. คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
มากันเยอะๆนะคะ ^^ เย้!
ใครซื้อบัตรขอให้แต่งนิยายจบ555 ผิดๆๆ
อย่าลืม ติ ชม วิจารณ์ อย่างสุภาพด้วยนะคะ
แอดเฟรนด์กันมาได้เยอะๆนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามคะ ^^
เฟส Maiya Corprisia
อีเมล Fairytale_maiyares@hotmail.com
เพจ Writer Maiya
ปล.เรื่องนี้อัพทุกคืนวันเสาร์นะเจ้าคะ อาจจะดึกหน่อย
“ริน”เสียงของเด็กหนุ่มที่เคยได้ยินดังขึ้นทำเอาร่างบางสะดุ้งอย่างตกใจ “ไปทำอะไรตรงนั้นนะ”
“เอ่อ...คือ...ข้าว่ายน้ำเล่นอยู่นะ”ริเวียร่าตะโกนตอบ ทั้งที่ใบหน้าสวยไม่ได้หันใบหน้ารูปไข่ไม่ได้มองคู่สนทนาแม้แต่น้อย เด็กสาวก้มลงมองหางของตนที่ยังคงจมอยู่ใต้น้ำ แม้พอลลักซ์จะไม่ได้เห็นหางของเธอแต่ถ้าเธอเปลี่ยนร่างตอนนี้อย่างน้อยเด็กหนุ่มก็ต้องเห็นแสงสว่างที่เกิดจากการร่ายเวทย์เป็นแน่
“ว่ายน้ำเล่น?”เสียงเข้มถามเสียงสูงก่อนที่เจ้าตัวจะเลิกคิ้วสูงขึ้น ตอนสายๆอย่างนี้นี่นะ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าควรขึ้นมาได้แล้ว”
“คือ...เอ่อ...ข้าจะขึ้นไปได้อย่างไรเล่า ในเมื่อเจ้ามองข้าอยู่นะ”ริเวียร่าแสร้งตอบหวังให้เด็กหนุ่มเข้าใจว่าเธอไม่ได้ใส่อาภรณ์ใดๆ
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นข้าจะหันหลัง สาบานว่าจะไม่มองเจ้า จนกว่าเจ้าจะตะโกนเรียก ดีไหม”พอลลักซ์ถามกลับ เขามีความเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ทำให้เด็กสาวขุ่นเคือง
“สาบานกับแม่น้ำสติกซ์สิ”เสียงหวานดังขึ้นอีกครั้ง
“ก็ได้ ข้าสาบานกับแม่น้ำสติกซ์่ว่าจะไม่หันไปมองเจ้าจนกว่าเจ้าจะอนุญาต”เด็กหนุ่มตะโกนไปทั้งที่ยังหันหลังอยู่พลางถอนหายใจอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยกับริเวียร่าเท่าไร
เด็กสาวหันไปมองร่างสูงที่ตอนนี้เห็นเพียงแค่แผ่นหลังและผมสีทองระต้นคอ ก่อนที่เรียวปากบางจะขยับเอ่ยบทเพลงแห่งสายธารอย่างแผ่วเบา
'ของขวัญ จากธารา
ขอลา ลบหายจาก
ซ่อนตัว พบเห็นยาก
เมื่ออยาก จึ่งคืนเดิม'
“หันมาได้แล้ว”ริเวียร่าตะโกนกลับทันทีที่แสงสว่างสีขาวใกล้จางหาย
พอลลักซ์หันมามองเพื่อนใหม่ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก เขารู้สึกราวกับว่าเห็นแสงสีขาวของการร่ายเวทย์ที่หางตา ใบหน้าคมเข้มสลัดความคิดนั้นทิ้งหลังจากคิดได้ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่อยู่บนเกาะไร้ผู้คนที่รู้จักแล้วเธอจะเรียนเวทย์ได้อย่างไร
“พอลลักซ์ เจ้าช่วยเล่าเรื่องบนแผ่นดินใหญ่ให้ข้าฟังได้ไหม”ริเวียร่าเอ่ยขึ้นในขณะที่ทั้งสองนั่งหลบแดดบ่ายอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ทะเล
“ข้าก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอก”เด็กหนุ่มพูด ดวงตาสีเขียวครามจดจ้องอยู่ที่ใบหน้างาม “ข้าเป็นชาวเรือไม่ค่อยได้อยู่ติดแผ่นดินเสียเท่าไร”
“ชาวเรือ? เช่นไรเล่า? คนหาปลา ทหารเรือ เช่นนี้หรือ”เด็กสาวเอ่ยขึ้น คิ้วโก่งขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง
“หากข้าบอกเจ้า เจ้าห้ามกลัวข้านะ”พอลลักซ์พูดพลางสูดหายใจเข้าลึกๆราวกับเรียกกำลังใจ “ข้าเป็น...โจรสลัด สมุนโจรสลัดแห่ง...เอ่อ...ลูนาราร์เธีย”
ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้าหวานซีดลงถนัดตา หากแต่เด็กสาวก้มหน้าลงหวังหลบอาการที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มตรงหน้า...แสนดี อบอุ่นเช่นนี้จะเป็นพวกเดียวกับโจรสลัด
ลูนาราร์เธีย...หรือเงามืดแห่งดวงจันทร์ ชื่อเรือโจรสลัดก้องโลกที่เมื่อใครได้ยินย่อมต้องเกิดความกลัวขึ้นในจิตใจ ยิ่งสำหรับชาววารีเช่นเธอแล้ว โจรสลัดกองนี้ยิ่งเป็นที่กล่าวขวัญอย่างน่าสะพรึงกลัว ยามใดที่มีข่าวลือว่าเรือนี้จะผ่านน่านนำ้ใด ผู้คนมักอยู่ในบ้านปิดประตูหน้าต่างอยู่อย่างหวาดกลัว
ความสุข...พลันเลือนหายไป
ความสนุกสนาน...จืดจางทันใด
มีเพียงแต่...ความทุกข์ที่เข้ามาแทรกซึม
ความหวาดกลัว...ที่เข้ามาทดแทนอารมณ์ทุกอย่าง
“เจ้าคงไม่รู้จักสินะ”เสียงเข้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ก็แน่สิ เจ้าอยู่บนเกาะร้างไม่รู้จักผู้คนเยี่ยงนี้ เจ้าย่อมไม่รู้จักชื่อเรือสลัดปัญญาอ่อนของพี่ข้าหรอก”
“...เอ่อ...ก็ถูกของเจ้าล่ะ”ริเวียร่าเอ่ยเสียงสั่น “ว่าแต่...เจ้าพูดราวกับว่าเจ้าเกลียดเรือนั้นเข้าไส้”
“ถ้าจะพูดอย่างนั้นก็ได้นะ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นบ้านข้า ที่ข้าพูดเย่ียงนั้นเป็นเพราะข้าระอากับนิสัยของพี่ข้าเต็มที”เด็กหนุ่มพูดพลางถอนหายใจ ยามนึกถึงญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขา
“พี่ของเจ้า?”ริเวียร่าถามพลางเลิกคิ้วสูง
“ใช่ พี่ของข้า พี่แท้ๆของข้า เขาคือกัปตันเรือที่ว่านั่นแหละ”พอลลักซ์เอ่ยพลางหันหน้ามามองใบหน้าสวยที่เริ่มไร้สีเลือด “เจ้าเป็นอะไรหรือ ไยใบหน้าจึงซีดเซียวเช่นนี้”
“...เอ่อ...คงเพราะ...”เด็กสาวพูดเสียงสั่นอย่างตะกุกตะกัก ร่างทั้งร่างดูไร้เรี่ยวแรงใดๆ คนตรงหน้ามิใช่แค่เพียงสมุนแต่เป็นถึงน้องชายแท้ๆของกัปตันเรือ...ผู้ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ พลังเวทย์ร้ายกาจเกินกว่าใครสามารถควบคุมได้ ผู้ที่ใครๆทั้งแผ่นดินต่างหวาดกลัว...ไม่ว่าจะมนุษย์หรืออมนุษย์
“จริงสินะ เจ้าเล่นน้ำเสียเที่ยงเช่นนี้คงไม่สบายเอาได้”เด็กหนุ่มพูดเสียงนุ่มฟังดูอ่อนโยนเกินกว่าจะเป็นโจรสลัด ดวงตาสีเขียวครามมองทอดลงมาที่เธออย่างเป็นห่วง “ข้าว่าวันนี้ข้ากลับก่อนดีกว่า เจ้าจะได้พักผ่อน”
“อืม”เด็กสาวพยักหน้า ร่างบางลุกขึ้นราวกับไร้วิญญาณ ก่อนจะเดินออกจากถ้ำไป ดวงตาสีเขียวมองตามหลังร่างนั้นอย่างแปลกใจปนห่วงใย
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำเต็มที ริเวียร่าแหงนหน้าขึ้นมองหมู่นกที่บินกลับรัง สมควรแก่เวลาที่เธอควรจะกลับตำหนัก ดวงตาสีฟ้ามองมายังร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังดันเรือลำเล็กลงสู่ทะเลที่สงบนิ่ง พอลลักซ์หันมามองเพื่อนใหม่ก่อนจะยิ้มให้แก่เพื่อนสาว ริเวียร่าฝืนยิ้มตอบ
เรือลำน้อยลับตาไป ทิ้งไว้แต่เด็กสาวที่ในใจเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เธอไม่อยากจะกลับไปที่ตำหนักเสียแล้ว เธออยากจะนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่ตรงนี้ตลอดไปเสียเหลือเกิน อยากให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่การล้อเล่นของเขาเท่านั้น
“ไปไหนมาอีกล่ะ”เสียงเรียบของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ข้าจำเป็นต้องบอกด้วยหรือ”เด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเขียวครามถามอย่างกวนๆ
“หากเจ้าไม่อยากบอก ข้าก็จะไม่ถาม”เสียงของคนๆเดิมเอ่ยขึ้น ใช่ว่าจะฟังดูประชดประชัน แต่เขาหมายความอย่างที่พูดจริง เขาไม่จำเป็นต้องถามเมื่อสามารถรู้ได้โดยสัตชาตญาณของเขาเอง
“จะถามทำไมเล่า ในเมื่อก็รู้อยู่แล้ว”ผู้มาใหม่พูดขึ้นอย่างคุ้นเคย
“ข้าต้องการให้เจ้าเข้าไปที่หอสมุด หาข้อมูลบางอย่างมาให้ข้าเสียหน่อย”เสียงเข้มสั่ง “เจ้าต้องเข้าไปในตัวเมือง แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลานานหลายวันอยู่ เรื่องเงินข้าจะเอาให้ตามที่เจ้าคิดว่าเพียงพอ”
“หลายวัน...แต่ข้ายังไม่ได้บอก...”เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างตกใจน้ำเสียงที่พูดขึ้นดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าจำเป็นต้องบอกใครด้วยหรือ ในเมื่อข้าก็รู้แล้ว”ผู้อาวุโสกว่าถามขึ้น คิ้วบนใบหน้าคมนั่นขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ “หรือว่าเจ้าไปรู้จักใครเข้าอีกล่ะ”
“ข้านี่ เสียทีเจ้าตลอดเลยนะ”เด็กหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี
“แน่ละ เรารู้จักกันมานานเต็มทีแล้วนะ”ชายคนเดิมเอ่ยขึ้น
“ก็จริงของเจ้า ว่าแต่...”เด็กหนุ่มพูดขึ้นก่อนที่ใบหน้าจะราบเรียบเช่นเดียวกับดวงตาที่ดูจริงจังขึ้นทันใด “เป้าหมายต่อไป?”
“นั่นคือเหตุผลของการไปเก็บข้อมูลในครั้งนี้”เสียงเรียบเอ่ยต่ออย่างจริงจัง “อาราไอเวีย ขุมทรัพย์วิวาห์เงือก”
..... ..... ..... ........... ..... ...... .....
......................... ..... ..... ..... ..... ...... ..... .....
..... ..... ..... ............... ..... ..... ...............
..... ..... ..... ..... ..... ..... ..... .....
..... ..... ..... ..... ........... ..... ..... .....
ตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาอีกตัวแล้วนะคะ
เขาจะเป็นใครกันนะ...
ดูเหมือนว่าริเวียร่าของเราจะได้รู้จักกับคนที่ไม่ควรรู้จักแล้วสิ
ส่วนตัวแล้วไมย่าชอบการจบของบทนี้นะ
ดูเป็นประโยคเริ่มการผจญภัยอะไรสักอย่าง55
หลุดปากไปแล้ว...เอาเป็นว่าเพื่อนๆรอติดตามต่อไปนะเจ้าคะ
มีข่าวประกาศก่อนเจอกันอีกทีอาทิตย์หน้า!!!!!
ไมย่าได้มีโอกาสเขียนบทละครเวทีร่วมกับเพื่อนๆทีมเขียนบทที่รามา
งานเขียนงานแรกของไมย่าเลยนะที่ได้ออกสู่สาธารณะชนขนาดนี้
ถือโอกาสโปรโมทเลยละกัน ^^
ขอเชิญร่วมรับชม ละครการกุศลรามาดราม่าครั้งที่8
H.O.P.E. มนุษย์ หัวใจ ชีวิตและความหวัง
รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่ เพจ Theramadrama
มาร่วมทำบุญและร่วมสนุกสนานไปกับละครเวทีโดย นศพ. คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
มากันเยอะๆนะคะ ^^ เย้!
ใครซื้อบัตรขอให้แต่งนิยายจบ555 ผิดๆๆ
อย่าลืม ติ ชม วิจารณ์ อย่างสุภาพด้วยนะคะ
แอดเฟรนด์กันมาได้เยอะๆนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามคะ ^^
เฟส Maiya Corprisia
อีเมล Fairytale_maiyares@hotmail.com
เพจ Writer Maiya
ปล.เรื่องนี้อัพทุกคืนวันเสาร์นะเจ้าคะ อาจจะดึกหน่อย
MaiYA
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ค. 2558, 17:06:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ค. 2558, 17:06:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 806
<< บทที่2 หนีเที่ยว | ตกปลา >> |