ซ่อนรักเพลิงมายา
“รู้ไหมว่าผมชอบ... เวลาที่ขาเรียวๆ ของนิก้าเกี่ยวเอวผม จิกปลายเท้าลงบนแผ่นหลังผม
ใช่... ใช่... อย่างนั้นแหละนิก้า แม่สาวแสนซน”

ไม่เคยมีครั้งใดที่ ‘ทิโมธี แมคคินสัน’ วิศวกรมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยล้นฟ้า

จะถูกคู่ควงระดับซูเปอร์โมเดลแถวหน้าของโลกอย่าง ‘วทานิกา ซาฟินา’ ทำให้โมโหโทโสได้ถึงเพียงนี้

เพราะเพียงแค่ไม่กี่วันที่เขาไม่ได้นั่งอยู่ฟรอนต์โรว์ของรันเวย์เพื่อชื่นชมคู่ควงของตน

เธอกลับมีภาพหลุดจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกแล้วยังปากแข็ง แบล็กเมล์ความรู้สึกของเขาด้วยเหตุผลง่ายๆ

...มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ!!

แล้วมีหรือที่แบดบอยไร้หัวใจ ผู้ไม่เคยแยแสกับความรู้สึกรักใคร่ใดๆ จะต้องเก็บเธอไว้ข้างกาย
ไม่เพียงแค่นางแบบสาวไม่กลับมาง้อขอคืนดี แต่เธอยังออกปากไล่ส่ง เป็นฝ่ายบอกตัดสัมพันธ์
ราวกับไม่เสียดายเลือดพรหมจรรย์ที่เขาเป็นผู้ทำลาย แถมควงผู้ชายเป็นข่าวใหญ่โตไม่เว้นแต่ละวัน!

การกระทำดังกล่าวมันเป็นการท้าทายแบดบอยไร้หัวใจอย่างเขายิ่งนัก

เธอคงไม่รู้เลยสินะ! ตลอดระยะเวลาที่แยกจากกัน เขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตเสเพลได้เช่นเคย
หากแต่ต้องนั่งมองรูปของเธอผ่านนิตยสาร

แล้วพาตัวเองเข้าสู่จินตนาการอันซ่านใจ โดยที่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องน่าอายเช่นนี้ให้ใครได้ล่วงรู้
ทิโมธีจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเธอให้กลับมาอยู่ข้างกาย

เพียงเพราะต้องการสลัดตัวเองให้หลุดจากคำว่า ‘ไอ้โรคจิต’

ซึ่งเขาไม่อาจเดินเข้าไปปรึกษาเรื่องน่าอายเช่นนี้กับจิตแพทย์!!

จึงบีบบังคับเธอทุกทาง ดักหน้าล้อมหลัง โดยไม่สนใจว่าวิธีการนั้น

จะทำร้ายจิตใจและทำให้หัวใจของเธอบอบช้ำมากเพียงใด

แต่เธอกลับตอบโต้เขาด้วยวิธีการอันแยบยลจนทำให้เขาแทบบ้าตาย

ด้วยการประกาศต่อโลกอย่างชัดแจ้งว่าเธอคือซิงเกิลมัมที่ไม่ต้องการเอ่ยถึงพ่อของลูก!

...แล้วแบดบอยหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมา

ท่ามกลางอคติต่อคู่ชีวิตและทะเบียนสมรส

จะดึงเธอกลับเข้าสู่อ้อมกอดได้อย่างไร

เมื่อเธอคือผู้หญิงโลภมากที่กล้าเรียกร้องทั้งสองสิ่งนั้นจากเขา
ด้วยคำพูดที่ว่า...

“กับเรื่องของความรักแล้ว ฉันออกจะโลภมากเสียด้วยซ้ำ
เพราะไม่ได้อยากพิเศษเหนือผู้หญิงคนอื่น
แค่อยากให้รักฉันเหมือนที่ฉันรักคุณเท่านั้นเอง”
Tags: ทิโมธี - วทานิกา

ตอน: ตอนที่ 1 100%

ลอนดอนแฟชั่นวีค...

แสงแฟลชพึ่บพั่บที่ปรากฏขึ้นจากนักข่าวทั่วทุกมุมโลก ไม่ได้ทำให้วทานิกา ซาฟินา นางแบบสาวลูกครึ่งไทย-รัสเซีย ที่อยู่ในชุดฟินาเลประหม่าแม้แต่น้อย ทุกย่างก้าวของนางแบบสาวผู้ที่มีได้รับการกล่าวขานว่าสวยที่สุดในโลกเป็นไปด้วยความเชื่อมั่น สง่างาม สมกับเป็นนางแบบที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกขณะนี้ นางแบบสาวในชุดเสื้อโค๊ทตัวยาวกำลังเดินเฉิดฉายอยู่กลางแคทวอล์ก ลายหมากรุกสีแดง น้ำตาลอ่อน ดำ ขาวอันโดดเด่นนี้เมื่ออยู่บนร่างสะโอดสะองค์ของวทานิก้าแล้ว ยิ่งส่งผลให้เสื้อผ้าแบรนด์อังกฤษที่เก่าแก่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีระดับ รสนิยม เชื่อแน่ว่าชุดที่วทานิกาสวมใส่อยู่นี้จะเป็นที่นิยมแก่บรรดาราชวงค์ชั้นสูงและเซเลบริตีที่นั่งชื่นชมอยู่ฟรอนต์โรล์เป็นแน่

...ความเริ่ดหรูนั้นกลับถูกกลบไปเสียมอดมิด เมื่อนางแบบสาวเดินมาจนถึงปลายรันเวย์ แล้วอมยิ้มรับจุมพิตของทิโมธี แมคคินสัน แบดบอยมหาเศรษฐีหนุ่มที่ยืนส่งจุมพิตซ้ำๆให้นางแบบสาวหลายครั้ง ทั้งยังปรบมือชื่นชมอย่างออกนอกหน้า! เรียกความสนใจจากบรรดาช่างภาพที่หันมาจับภาพเด็ดนี้เป็นอย่างดี

รอยยิ้มน้อยๆอย่างพอเป็นพิธีนี้ทำให้หลายคนชื่นชมการวางตัวของวทานิกาเป็นอย่างมาก มันทำให้นางแบบสาวผู้โด่งดังกลายเป็นข่าวกับมหาเศรษฐีหนุ่มมานานร่วมปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากถ้าเทียบกับผู้หญิงที่ผ่านมาของทิโมธี แมคคิสัน ถูกหลายคนจับตามองว่าเธอจะสามารถพิชิตใจแบดบอยหนุ่มวัยสามสิบสามปีนี้ได้หรือไม่!?

เมื่อวทานิกาเดินกลับไปยังจุดเริ่มต้นของรันเวย์ เหล่านางแบบทั้งหลายก็เดินเรียงรายกันออกมาอีกครั้ง จากนั้นวทานิกาจึงมอบดอกไม้ช่อใหญ่ให้กับดีไชน์เนอร์ชื่อดังผู้สรรค์สร้างผลงานนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสุดท้าย สายตาชื่นชมของคนที่มาร่วมงานครั้งนี้กำลังจับจ้องอยู่บนเวทียกเว้นสองสาวต่างวัยซึ่งอยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงที่กำลังหมั่นไส้กับท่าทางของนางแบบสาว

“น้าว่า... ยัยนิก้านี่ ถ้าอยู่กับทิมกันสองต่อสองคงร้อนแรงไม่เบา ถึงได้ทำให้ทิมติบหนึบ ชื่นชมหล่อนออกนอกหน้าเสียขนาดนี้” แคโรลีนพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน!

“ก็คงจริงค่ะ นี่หนูยังคิดไม่ออกเลยนะคะ ว่าจะดึงความสนใจของทิม ออกจากแม่นั่นได้ยังไง!” ลีเดีย เซเลบริตี้สาวบุคลิกเปรี้ยว เฉี่ยวพูดพลางจับจ้องสายตาชื่นชมของทิโมธีที่มีต่อวทานิกาอย่างไม่คลาดสายตา “ดูสิคะ... เขาแทบจะไม่มองใครด้วยซ้ำ!”

“หนูจะไปแคร์ทำไมกันลีเดีย ยังไงเสีย น้าก็เชื่อว่าถ้าทิม ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับหนูสักคืน ขี้คร้านจะลืมผู้หญิงที่ผ่านมาไปเสียหมด” แคโรลีนบอกกับลีเดีย เซเลบริตี้สาวเพียงคนเดียวที่เห็นว่าเหมาะสมกับลูกเลี้ยงของตนเป็นที่สุด

ลีเดียยิ้มอย่างลำพองใจ ละสายตาแพรวพราวจากทิโมธี ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหันมาสบตากับแคโรลีน “หนูก็เชื่อว่าอย่างนั้นค่ะ แต่ทำยังไงหนูถึงจะมีเวลาอยู่กับทิม ทั้งคืนบ้าง?”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้าเอง หนูลีเดียมีหน้าที่แค่ว่าทำยังไงถึงจะมัดใจทิม ไว้กับตัวเองได้”

“งั้นก็เริ่มตอนนี้เลยสิคะ หนูเองก็อยากรู้จักกับเขาเต็มที” ลีเดียบอกพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตามหลังแคโรลีนไปติดพลางนึกในใจว่า ความสัมพันธ์แม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงทั้งยังอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันของแคโรลีนและทิโมธี จะเป็นสื่อในการเชื่อมโยงให้ตนได้ทำความรู้จักกับผู้ชายท่าทางโอหังแต่ทว่าเร้าอารมณ์ยิ่งนักของทิโมธี เมื่อได้เห็นสายตาและใบหน้าคร้ามคม ท่าทางอวดดีและพลังดึงดูดทางเพศที่มีอยู่ในตัวเขาแล้ว ยิ่งท้าทายให้อยากทำความรู้จักมากขึ้น

แคโรลีน เดินฝ่าผู้คนมากมายที่ต่างทยอยกันเดินออกจากห้องเมื่อแฟชั่นโชว์จบลง ไปหยุดมองดูลูกเลี้ยงหนุ่มที่กำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวถึงเรื่องส่วนตัวกับแฟนสาว ที่วันนี้ได้มาให้กำลังใจถึงขอบแคทวอล์กด้วยความหมั่นไส้ เพียงชั่วอึดใจเมื่อการให้สัมภาษณ์สั้นๆสิ้นสุดลง แคโรลีนจึงลุนแผ่นหลังบางของลีเดีย ให้เดินเข้าไปหาลูกเลี้ยงพร้อมแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันทันที “คุณทิมคะ... นี่ลีเดีย แลนดอน ลูกสาวคนเก่งของโรเบิร์ต แลนดอนไงคะ”

ทิโมธี เลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะเขาไม่เคยสนใจติดตามคนดังในแวดวงสังคมที่เกิดขึ้นจนไม่นับไม่ถ้วนอยู่แล้ว แต่ก็ยิ้มรับอย่างสุภาพพลางยื่นมือไปสัมผัสทักทายกับสาวสวยตรงหน้า “ยินดีที่ได้รู้จักครับลีเดีย...”

ลีเดียโปรยยิ้มอย่างทรงเสน่ห์ใส่ดวงตาคมกริบของมหาเศรษฐีหนุ่มทันที พร้อมกับก้าวเข้าไปจุมพิตที่คางคร้ามคม ทั้งยังใช้ปลายลิ้นแตะเข้าที่ผิวหน้ากระด้างอย่างจงใจ มั่นใจว่านักข่าวสายตาดีหลายคนต้องเห็นภาพที่ตนตั้งใจสร้างขึ้นเป็นแน่ “ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ตัวจริงคุณเซ็กซี่มาก ที่รัก...”

ทิโมธีแปลกใจอีกครั้งกับอาการเฟิล์ตที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ว่าอย่างไรพลางโคลงศีรษะรับคำชมตรงไปตรงมาของสาวเปรี้ยวตรงหน้า “คำว่า เซ็กซี่ ดูจะเหมาะกับคุณมากกว่านะครับ ลีเดีย”

แคโรลีนหัวเราะอย่างถูกใจเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ทำท่าว่าจะเริ่มต้นเปิดฉากความสัมพันธ์ได้ดีเกินคาด จึงหาโอกาสทำให้ทั้งคู่ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น “ตอนแรกเราจะออกไปหาอะไรทานกันน่ะค่ะ แต่คิดไปคิดมาเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองกำลังไดเอท ต้องงดมื้อค่ำ ถ้าคุณทิมไม่ได้ธุระต่อที่ไหน ดิฉันต้องฝากลีเดียด้วยนะคะ”

“ได้ครับ” ทิโมธี รับคำรวดเร็วจนแคโรลีนและลีเดีย สบสายตากันอย่างพึงพอใจ แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นเพราะประโยคถัดมา ทำให้เซเลบสาวเอ่ยปฏิเสธแทบไม่ทัน “แต่ผมคงได้ไปรับนิก้าก่อนนะครับ เธอคงเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ แล้วเราค่อยออกไปทานอาหารค่ำด้วยกัน”

“เอ่อ... ตายจริง! ฉันไม่รู้จริงๆค่ะว่าคุณมีนัดแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ลีเดียปฏิเสธทันทีเพราะยังไม่อยากเผชิญหน้ากับคู่แข่งจนกว่าจะแน่ใจว่าตนนั้นเริ่มสานสัมพันธ์กับชายหนุ่มแล้ว ซึ่งเป็นการง่ายที่จะดึงทั้งคู่ออกจากกันกว่าการต้องไปนั่งชื่นชมทั้งคู่ ในขณะที่คนในสังคมรู้ว่าทั้งสองเป็นคู่รักกัน!

“งั้นเอาไว้โอกาสหน้าดีกว่านะคะ ดิฉันกลัวว่าสาวของคุณทิมจะไม่พอใจเอา” แคโรลีน บอกอย่างเกรงใจไม่น้อย จริงอยู่ว่าตนนั้นเข้ามาใช้ชีวิตในคฤหาสน์หลังงามของแมคคินสันกว่าสิบห้าปี เรื่องการดูแลคฤหาสน์หลังใหญ่ตลอดจนความเป็นอยู่ของทุกคนนั้นตกเป็นหน้าที่ของตนแต่ความเกรงใจในตัวของทิโมธี นั้นยังมีอยู่มากเพราะเขาเป็นคนรับช่วงธุรกิจต่อจากสามีของตนตั้งแต่ก่อนที่จะก้าวเข้ามาอยู่ในฐานะคุณผู้หญิงคนสุดท้ายของโรเบิร์ต แมคคินสัน เสียอีก

“นิก้า เป็นคนน่ารัก เราไม่ค่อยขัดใจกันในเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้หรอกครับ อย่างห่วงเลย” ทิโมธี บอกความจริงและมันคงเป็นสิ่งที่ทำให้ตนคบอยู่กับนางแบบสาวได้นานกว่าผู้หญิงที่ผ่านมาเพราะความที่เธอเป็นคนมีเหตุผล ไม่หึงหวงแรงเหมือนผู้หญิงทั่วไป
“งั้นถ้าวันหลังดิฉันขะเชิญหนูลีเดียไปทานอาหารที่ปราสาทแมคคินสัน คุณทิมคงไม่ขัดข้องใช่ไหมคะ เอ่อ... ลีเดียอยากรู้จักกับโคลอี้น่ะค่ะ เธอรักเด็กมาก...” แคโรลีน ฉวยโอกาสขออนุญาตเจ้าของปราสาทตัวจริงทันที

“ยินดีครับ โคลอี้น่ะเป็นเด็กขี้เหงา ชอบให้มีคนอยู่บ้านหลายๆคนอยู่แล้ว” ทิโมธี ตอบเชิงเตือนแม่เลี้ยง เพราะเธอไม่ค่อยจะดูแลโคลอี้ ลูกสาวติดจากสามีเก่าซึ่งพิการต้องนั่งอยู่บนรถเข็นสักเท่าไหร่นัก “งั้น... ผมต้องขอตัวแล้วนะครับ”

ลีเดียร่ำลามหาเศรษฐีหนุ่มด้วยจุมพิตเร่าร้อนที่ริมฝีปากบึกบึนอย่างรวดเร็วและมั่นใจว่าเขาต้องติดใจเป็นแน่ ทั้งภาพดังกล่าวต้องดังถึงหูนางแบบสาวอย่างแน่นอน “ไว้พบกันโอกาสหน้านะคะ...” ที่คุณต้องมีฉันอยู่ข้างๆ ลีเดียคิดต่อในใจพร้อมกับจ้องมองร่างสูงสง่าของแบดบอยมหาเศรษฐีที่เดินห่างออกไปจนลับตา

“ทำได้ดีมาก... น้าไม่คิดว่าหนูลีเดียจะกล้า ขนาดนั้น!” แคโรลีนบอก เมื่ออยู่กันเพียงสองคน

ลีเดียหันมาสบตาแคโรลีนอย่างขำๆ พลางคล้องแขนเดินออกจากห้องด้วยท่าทางอารมณ์ดี “ความจริง หนูกล้ามากกว่าจูบปากอีกนะคะ จูบ... อย่างอื่นหนูยิ่งชอบ!”


ในขณะที่วทานิกา กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังม่านทึบก็ได้ยินเสียงซุบซิบ ชะงักการแต่งตัวพร้อมแอบฟังข่าวที่เกิดขึ้นเงียบๆ
“เมื่อกี้นี้นะ ฉันเห็นกับสองตาเลยว่าลีเดียจูบกับทิโมธีกลางงาน!”

“ลีเดียไหน?”

“ก็ลีเดียเจ้าของกระเป๋าแบรนด์ดัง ลูกสาวของโรเบิร์ต แลนดอนเจ้าของโรงแรมแลนดอนไง! จูบกันไม่สนใจคนอื่นเลยนะเธอ! กลางงานใหญ่อย่างนี้ยังกล้า”

“โธ่! นี่มันยุคไหนแล้ว แค่จูบน่ะ ธรรมดาจะตายไป”

“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่ฉันหมายถึง ทิโมธีน่ะ เมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้ยังลุกขึ้นปรบมือ ส่งจูบให้นิก้า ด้วยสายตาชื่นชมอยู่เลย แต่แค่นิก้าหันหลังให้ก็ไปจูบกับยัยจอมแสบคนดังซะแล้ว”

“เฮ้อ... ก็ต้องทำใจล่ะ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าทิโมธี เสน่ห์แรงแค่ไหน นิก้าเองก็คงทำใจไว้อยู่แล้ว”

จบคำพูดของสองนางแบบสาวเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งนาที วทานิกา ก็เปิดม่านทึบพาตัวเองออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ ปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้สองนางแบบสาวรีบเดินเข้าไปทรุดนั่งใกล้ๆวทานิกา ที่กำลังลบเครื่องสำอางค์บนใบหน้าทันที

“นิก้า... ฉันขอโทษนะ คือ... เอ่อ... ฉันไม่รู้จริงๆว่าเธออยู่ข้างใน อย่าถือสาเลยนะ ฉันมันคนปากไว ตาไว ไปเห็นสิ่งที่ไม่สมควรจะเห็น!”

ดาเรีย ส่ายหน้าดิกไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนนางแบบด้วยกันจึงกล่าวโพล่งออกมาในทันที “ไม่ถือไม่ได้นะนิก้า คนทั้งโลกนี่ใครบ้างไม่รู้ว่าเธอกับทิโมธีคบหาดูใจกันอยู่ ยัยลีเดียตัวแสบนี่ทำอย่างนี้มันเกินไปหน่อย”

“เขาคงแค่ทักทายกันธรรมดามั้ง ฉันเห็นอยู่ว่าลีเดียมากับแคโรลีน” วทานิกา บอกพลางใช้สำลีลบสีสันที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้า ทำทีว่าไม่สนใจต่อท่าทางเดือดร้อนของดาเรีย เพื่อนสนิทชาวรัสเซียแท้ๆ แต่ในใจกลับอดคิดกังวลไม่ได้เพราะพอจะมองออกว่า แคโรลีน แม่เลี้ยงของทิโมธี นั้นไม่ชอบหน้าตนเท่าไหร่ พลางหันไปพูดกับเพื่อนนางแบบอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆดาเรีย “ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันโอเค”

ดาเรียส่ายหน้าให้กับเพื่อนสนิทที่เป็นคนจิตใจดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร “เกลียดนัก พวกปากไม่ตรงกับใจ!”

วทานิกาทำหน้าง้ำ เหลือบสายตามองเพื่อนสนิทอย่างขำๆ ดาเรีย เป็นผู้หญิงปากร้ายใจดีคนเดียวที่เคยเจอมาและคบกันมานานตั้งแต่เริ่มเรียนชั้นประถม เรียกได้ว่าเป็นคู่หูที่มีทุกอย่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นนิสัยใจคอ การพูดจา ทัศนคติต่อคนรอบข้าง หากมีเพียงความใฝ่ฝันทีจะก้าวขึ้นมาสู่การเป็นนางแบบชั้นนำของโลกเท่านั้นที่เหมือนกัน จนกลายมาเป็นเพื่อนซี้กันจวบจนทุกวันนี้ “พวกปากร้ายใจดี!”

“พวกหน้าชื่นอกตรม!”

“พวกยอมหักไม่ยอมงอ” วทานิกา ต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนอย่างสนุกแต่เมื่อดาเรีย หันหลัง กอดอกนั่งพิงขอบโต๊ะเครื่องแป้งพลางบุ้ยใบ้ปากไปที่หน้าประตู วทานิกาจึงชะเง้อขึ้นมองตามทันทีพลางยิ้มสดใสให้แบดบอยหนุ่มที่ยืนถือดอกไม้ช่อโตรออยู่ จึงเร่งมือทาครีมบำรุงหลังทำความสะอาดหน้าแล้ว “ฉันไม่กลับด้วยนะดาเรีย”

“ฉันรู้ตั้งแต่เห็นผู้ชายของเธอนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ฟร้อนต์โรล์แล้วล่ะย่ะ” ดาเรีย พูดประชดอย่างหมั่นไส้เพราะผู้ชายที่เพื่อนสนิทของตนคบหาอยู่นั้น ไม่เคยให้ความมั่นใจหรือยอมรับกับใครเลยว่า วทานิกาคือแฟนสาวของเขาจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ “อย่าลืมคุยเรื่องนี้กับเขาให้รู้เรื่องล่ะ ถึงแม้ว่าเขาจะทำดีกับเธอ ปฏิบัติกับเธอไม่ต่างจากเจ้าหญิงแต่ก็ไม่เคยยอมรับสักครั้งว่าเธอคือคนรัก”

“ขอบใจที่เป็นห่วง ฉันว่าบางทีทิม อาจจะไม่ได้อยากให้เกิดภาพแบบนั้นขึ้นก็ได้” วทานิกา กำลังปลอบใจตัวเอง

ดาเรีย เป่าลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ราวกับพบเจอเรื่องเหลือเชื่อนัก “เฮอะ! เธอกำลังจะบอกฉันว่า ยัยลีเดียนั่นเป็นคนจูบทิโมธีเองน่ะเหรอ แล้วถามกลับซิ ถ้าเป็นเธอจะยอมให้ผู้ชายคนไหนมาทำเฟิล์ตกับตัวเองอย่างนี้รึเปล่า เธอกล้าเหรอนิก้า?”

วทานิกาลอบถอนหายใจเมื่อคิดตามคำพูดของเพื่อนนางแบบพลางตบมือลงที่หัวไหล่บอบบาง สะพายกระเป๋าใบใหญ่คล้องหัวไหล่สลัดความคิดแง่ลบออกไปจากใจ อยากฟังความจริงจากปากของเขามากกว่า “เอาล่ะ... ฉันจะคุยกับเขาเอง แล้วเจอกัน”

“แล้วเจอกัน” ดาเรียบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ รู้ดีว่าตนกำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเพื่อน แต่พักหลังมานี้ตนรู้สึกได้ว่าวทานิกา จะรู้สึกผูกพันกับมหาเศรษฐีหนุ่มมากเข้าไปทุกวันแต่ดูท่าทางของทิโมธีแล้ว เขากลับไม่เคยปริปากปฏิเสธหรือยอมรับในความสัมพันธ์อันมากกว่าเพื่อนทั่วไปที่มีต่อวทานิกาเลยแม้แต่ครั้งเดียว


“สำหรับคุณ... นิก้าคนสวยของผม” ทิโมธียื่นดอกแดฟโฟดิล (Daffodil) สีเหลืองสดใสที่เธอชื่นชอบนักหนาให้กับนางแบบสาวทันทีที่เธอเดินมาหยุดตรงหน้า พร้อมกับจุมพิตหนักๆบนหน้าผากอย่างแสนรัก “วันนี้คุณสวยที่สุด”

“แล้วทุกวันไม่สวยเหรอคะ?” วทานิการับช่อดอกไม้สีเหลืองไว้ในมือ เอียงหน้าถามอย่างน่ารัก

ทิโมธีเลิกคิ้วมองพลางวาดแขนแข็งแกร่งไปโอบไหล่บอบบางอย่างทะนุทถนอมราวกับเธอเป็นเจ้าหญิง พานางแบบสาวออกไปจากซัมเมอร์เซ็ต เฮาส์ (Summerset House) ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดแสดงลอนดอนแฟชั่น วีก ที่มีผู้คนสถานพลุกพล่านไม่มีความเป็นส่วนตัวอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจว่าบรรดานักข่าวหรือช่างภาพจะจับภาพของตนในมุมใด หากมีเพียงคำพูดเอาอกเอาใจราวกับมีกันอยู่เพียงสองคนให้วทานิกาได้เคลิบเคล้มไปกับคำหวานนั้น “วันนี้ถามแปลก... ผมชมนิก้าว่าสวยที่สุดออกบ่อย ทำไมไม่เคยได้ยินคำถามนี้เลย”

“ทำไมเหรอคะ ก็อยากถามมั่งไม่ได้หรือไง” วทานิกา ถามราวกับตีรวนเมื่อเข้ามาอยู่บนรถมายบัคสุดหรูที่จอดรออยู่ด้านหน้าและทิโมธี ก็ขึ้นมาประจำที่นั่งคนขับเรียบร้อยแล้ว

“ดูท่าว่าจะอารมณ์ไม่ดี ใครน้า... ที่ทำให้สาวสวยแสนจิตใจดีของผมอารมณ์เสียได้ขนาดนี้?” ทิโมธี ถามพลางบังคับรถยนต์ด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวัง มุ่งหน้าสู่สถานที่ส่วนตัวสุดพิเศษที่เตรียมไว้ให้เธอประหลาดใจ “อย่าเพิ่งอารมณ์เสียนะคนสวย ผมจะพาคุณไปที่ที่นึงรับรองว่าคุณต้องชอบมันแน่ๆและรับรองว่ามันจะทำให้คุณลืมความโกรธที่มีอยู่ตอนนี้ไปเลยล่ะ”

วทานิกา หันหน้ามาสบสายตาคมกริบอย่างค้นหา เรื่องน่ายินดีใดๆในตอนนี้ก็ไม่เท่ากับอยากรู้จากปากของเขาว่าทำไมถึงได้จูบกับลีเดียในที่รโหฐานเช่นนี้ หากแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นไถ่ถามอย่างไรดี เวลาสิบเอ็ดเดือนที่ได้ทำความรู้จักกับแบดบอยมหาเศรษฐีหนุ่มผู้นี้ ทำให้รู้ดีว่า สิ่งที่ดึงดูดใจเขาไว้ให้อยู่กับตนได้นานกว่าผู้หญิงคนอื่นคือ การรู้จักวางตัวไม่ใส่ใจกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมาของเขา ไม่เรียกร้องในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดอยากจะมอบให้ใคร นั่นคือคำบอกรัก! ซึ่งแท้จริงแล้ว หญิงสาวนั้นอยากได้ยินคำนี้เป็นที่สุด หากยังหวังว่าการทำให้เขาเอื้อนเอ่ยคำรักโดยไม่ได้บังคับหรือเรียกร้องนั้น มันน่าฟังและน่าภูมิใจมากกว่า และการปฏิบัติตัวจากวันแรกที่พบกันก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้นจนทำให้นางแบบสาวมีกำลังใจที่จะรอฟังคำรักนั้นต่อไปเรื่อยๆ

ทิโมธีมองเสี้ยวหน้างดงามซึ่งเป็นส่วนผสมอันลงตัวของผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ระยะเวลาผ่านไปเร็วเหลือเชื่อที่สามารถอยู่กับเธอได้เกือบหนึ่งปี ยอมรับกับตัวเองว่าเสน่ห์ที่มีอยู่ในตัวที่ไม่เหมือนใครของเธอทำให้ตนไม่ได้เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยเช่นที่ผ่านมา เธอเป็นคนมีเหตุผล รู้จักคิดเกินสาววัยยี่สิบสามปี กล้าคิดกล้าแสดงออกอย่างสาวตะวันตกทั่วไปแต่กลับมีความเป็นกุลสตรีที่หาไม่ได้จากผู้หญิงที่เคยคบมา ความอ่อนหวานที่ได้เป็นผู้ลิ้มรสชาติความบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อสี่เดือนที่แล้วยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น ใช่ว่าจะไม่เคยลองลิ้มชิมสาวบริสุทธิ์แต่เธอเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ต่างจากสาวทั่วไปคือ ไม่ร้องโวยวายหาความรับผิดชอบ ไม่ร้องไห้น้ำตาท่วมเตียงอย่างสาวเวอร์จิ้นทั่วไป แต่กลับเขินอาย รู้จักกะระยะห่างไม่ยอมทอดตัวให้ได้เชยชมง่ายๆนี่ละมั้งคือสิ่งที่สามารถดึงดูดใจให้เขาหลงอยู่กับเสน่ห์ของเธอมานานเกือบปี ทำให้มหาเศรษฐีหนุ่มไม่คิดมองผู้หญิงที่เข้ามาทอดสะพานให้เช่นที่ผ่านมา...

ทิโมธี แมคคินสัน แบดบอยมหาเศรษฐีวัยสามสิบสามปี เจ้าของอู่ต่อรถขนาดใหญ่ ทั้งรถบัสและรถบรรทุกที่คราคร่ำอยู่บนท้องถนนล้วนแล้วแต่มาจากมันสมองอัจฉริยะของวิศวกรผู้มีบุคลิกเร้าใจทั้งสิ้น จากธุรกิจนำเข้า-ส่งออกเครื่องยนต์และอะไหล่รถยนต์ของครอบครัวจึงกลายมาเป็นธุรกิจระดับแสนล้านปอนด์ที่สร้างชื่อให้กับเขาเป็นอย่างมาก หากใบหน้าอันหล่อเหลาเร้าใจ บุคลิกยียวนอย่างเพลย์บอยตัวฉกาจจึงเป็นเสมือนแรงดึงดูดที่ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ต่างตกหลุม ถอนตัวไม่ขึ้นจากท่าทางอันโอหังทว่าดูแลปกป้องผู้หญิงที่อยู่ข้างกายราวกับเจ้าหญิง สาวสวยระดับเซเลบริตี้จึงเรียงแถวหน้ากระดานให้แบดบอยซึ่งมีโปรไฟล์ระดับไฮเอนเลือกที่จะสานสัมพันธ์โดยไม่เกี่ยงงอน

ใครบ้างไม่อยากเป็นผู้หญิงของทิโมธี แมคคินสัน แบดบอยผู้ร่ำรวยทั้งยังมีพลังดึงดูดทางเพศอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ในยามที่เขาสวมเพียงเสื้อกล้ามสีขาวเปรอะเปื้อนคราบน้ำมันเครื่องรถยนต์เดินควบคุมการต่อตัวถังรถบัสสองชั้นที่ดูเหมือนจะเป็นสัญญลักษณ์ของอังกฤษ มันทำให้เขาเป็นผู้ชายเก่งกาจ แข็งแกร่ง ซึ่งเกิดขึ้นด้วยมันสมองอันชาญฉลาดล้วนๆ แต่เมื่อทิโมธีเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเข้ามานั่งชมผู้หญิงของตนเดินแบบอยู่ที่นั่งแถวหน้าสุดด้วยสายตาชื่นชม
หลงใหล ทั้งยังอนุญาตให้วทานิกาเดินแบบขอเสื้อผ้าเพียงแค่หนึ่งแบรนด์เท่านั้น เพราะกลัวว่าผู้หญิงของตนจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมากเกินไปจนโมเดลลิ่ง เอเจนซี่ที่วทานิกาอยู่ในสังกัดถึงกับต้องขอคุยกับแบดบอยหนุ่มเป็นการส่วนตัวถึงสัญญาที่มีร่วมกับนางแบบสาว แม้ทางโมเดลลิ่ง เอเจนซี่จะให้เหตุผลว่าการบอกปัดเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ติดต่อเข้ามานั้นจะเป็นการตัดโอกาสดีๆที่หลายคนวิ่งไขว้ขว้า แต่ชายหนุ่มกลับไม่แยแส เขาขจัดปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยเงินก้อนโตซึ่งสามารถปิดปากเอเจนซี่ให้เงียบกริบและรับแค่งานใหญ่เพียงชิ้นเดียวให้วทานิกาในการเดินแฟชั่นโชว์ในเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางแฟชั่นใหญ่ๆทั่วโลกเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของนางแบบสาวลดน้อยลงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามการดูแลประคบประหงมเป็นอย่างดีนั้นกลับทำให้วทานิกากลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุดในโลก เขาก็เปรียบเหมือนเทพบุตรเถื่อนที่สามารถกระชากหัวใจของสาวๆให้มาสยบอยู่แทบเท้า! ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงของการรับงานเดินแบบเพียงแบรนด์เดียวต่อแฟชั่นโชว์ที่จัดขึ้นยาวนานถึงหนึ่งสัปดาห์นั้นก็เพราะทิโมธีอยากใช้เวลาร่วมกับนางแบบสาวเพียงผู้เดียว

นางแบบสาวเลือดผสมไทย-รัสเชียนอย่างวทานิกา ซาฟินา ผู้หญิงที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ทั้งยังได้รับกล่าวขานว่าเธอคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ณ เวลานี้ รูปร่างอันสูงเพรียวระเหิดระหงนี้มาพร้อมกับทรวงอกอวบอิ่ม เอวคอดกิ่ว สะโพกผายรับกับช่วงขาเรียวอย่างเหมาะเจาะ ผิวพรรณนั้นยังขาวใสผุดผาดด้วยเลือดฝาดสาว ไม่ซีดเซียวหรือตกกระอย่างสาวตะวันตก เธอคือความงดงามในการผสมผสานระหว่างเลือดมองโกลอยด์และคอร์เคซอยด์อย่างลงตัว ทำให้หญิงสาวกลายเป็นสัญญลักษณ์ของความงดงาม เป็นไอดอลของผู้หญิงทั่วโลก และสิ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกมากขึ้นไปอีกขั้นก็คือ ทุกครั้งของการเดินแบบจะมีแบดบอยมหาเศรษฐีอย่างทิโมธี นั่นชมอยู่เกือบทุกครั้งไป...

สื่อทุกสำนักทั่วโลกต่างจับตาดูในความสัมพันธ์เกือบหนึ่งปีนี้ของทั้งคู่อย่างไม่คลาดสายตา จนทำให้แพดดี้ พาวเวอร์1 บ่อนรับแทงพนันอย่างถูกกฎหมายในประเทศอังกฤษเปิดรับแทงพนันรายละเอียดในการคบหาของทั้งคู่ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาที่ทั้งคู่คบกัน การตั้งท้อง หรือแม้แต่ใครจะเป็นคนบอกเลิกก่อน!

เรื่องดังกล่าวนั้นทำให้นางแบบสาวผู้ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาในวัฒนธรรมประเพณีอันเคร่งครัดของมารดาซึ่งเป็นหญิงไทยแท้นั้นอดหนักใจไม่ได้ แต่ก็ไม่เคยปริปากหรือให้สัมภาษณ์แต่อย่างใดเพราะยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์อันคลุมเครือนี้เช่นกัน หากแต่ทิโมธีกลับนิ่ง ยิ้มรับเพียงบางๆที่มุมปากและปฏิบัติกับผู้หญิงของตนตามปกติอย่างไม่สนใจกับการลงขันพนันต่อแต้มอย่างที่คนอังกฤษชอบทำกันนักหนา



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2558, 10:44:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2558, 10:44:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1194





   ตอนที่ 2 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account