ซ่อนรักเพลิงมายา
“รู้ไหมว่าผมชอบ... เวลาที่ขาเรียวๆ ของนิก้าเกี่ยวเอวผม จิกปลายเท้าลงบนแผ่นหลังผม
ใช่... ใช่... อย่างนั้นแหละนิก้า แม่สาวแสนซน”

ไม่เคยมีครั้งใดที่ ‘ทิโมธี แมคคินสัน’ วิศวกรมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยล้นฟ้า

จะถูกคู่ควงระดับซูเปอร์โมเดลแถวหน้าของโลกอย่าง ‘วทานิกา ซาฟินา’ ทำให้โมโหโทโสได้ถึงเพียงนี้

เพราะเพียงแค่ไม่กี่วันที่เขาไม่ได้นั่งอยู่ฟรอนต์โรว์ของรันเวย์เพื่อชื่นชมคู่ควงของตน

เธอกลับมีภาพหลุดจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกแล้วยังปากแข็ง แบล็กเมล์ความรู้สึกของเขาด้วยเหตุผลง่ายๆ

...มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ!!

แล้วมีหรือที่แบดบอยไร้หัวใจ ผู้ไม่เคยแยแสกับความรู้สึกรักใคร่ใดๆ จะต้องเก็บเธอไว้ข้างกาย
ไม่เพียงแค่นางแบบสาวไม่กลับมาง้อขอคืนดี แต่เธอยังออกปากไล่ส่ง เป็นฝ่ายบอกตัดสัมพันธ์
ราวกับไม่เสียดายเลือดพรหมจรรย์ที่เขาเป็นผู้ทำลาย แถมควงผู้ชายเป็นข่าวใหญ่โตไม่เว้นแต่ละวัน!

การกระทำดังกล่าวมันเป็นการท้าทายแบดบอยไร้หัวใจอย่างเขายิ่งนัก

เธอคงไม่รู้เลยสินะ! ตลอดระยะเวลาที่แยกจากกัน เขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตเสเพลได้เช่นเคย
หากแต่ต้องนั่งมองรูปของเธอผ่านนิตยสาร

แล้วพาตัวเองเข้าสู่จินตนาการอันซ่านใจ โดยที่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องน่าอายเช่นนี้ให้ใครได้ล่วงรู้
ทิโมธีจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเธอให้กลับมาอยู่ข้างกาย

เพียงเพราะต้องการสลัดตัวเองให้หลุดจากคำว่า ‘ไอ้โรคจิต’

ซึ่งเขาไม่อาจเดินเข้าไปปรึกษาเรื่องน่าอายเช่นนี้กับจิตแพทย์!!

จึงบีบบังคับเธอทุกทาง ดักหน้าล้อมหลัง โดยไม่สนใจว่าวิธีการนั้น

จะทำร้ายจิตใจและทำให้หัวใจของเธอบอบช้ำมากเพียงใด

แต่เธอกลับตอบโต้เขาด้วยวิธีการอันแยบยลจนทำให้เขาแทบบ้าตาย

ด้วยการประกาศต่อโลกอย่างชัดแจ้งว่าเธอคือซิงเกิลมัมที่ไม่ต้องการเอ่ยถึงพ่อของลูก!

...แล้วแบดบอยหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมา

ท่ามกลางอคติต่อคู่ชีวิตและทะเบียนสมรส

จะดึงเธอกลับเข้าสู่อ้อมกอดได้อย่างไร

เมื่อเธอคือผู้หญิงโลภมากที่กล้าเรียกร้องทั้งสองสิ่งนั้นจากเขา
ด้วยคำพูดที่ว่า...

“กับเรื่องของความรักแล้ว ฉันออกจะโลภมากเสียด้วยซ้ำ
เพราะไม่ได้อยากพิเศษเหนือผู้หญิงคนอื่น
แค่อยากให้รักฉันเหมือนที่ฉันรักคุณเท่านั้นเอง”
Tags: ทิโมธี - วทานิกา

ตอน: ตอนที่ 2 100%

ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมาทิโมธีจึงจอดรถยนต์คันหรูหน้าอาคารสูงเสียดฟ้าในย่านเมย์แฟร์ซึ่งเป็นถิ่นหรูหราของคนรวย มหาเศรษฐี ผู้ดีมีสกุล วทานิกาก้าวลงจากรถคันหรูเมื่อพนักงานต้อนรับในชุดสูทสากลเปิดประตูรถให้พร้อมกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณอาคารหรูหราราวกับหลงเข้ามาอยู่ในยุควิกตอเรีย แรงลุนที่แผ่นหลังของมือใหญ่ทำให้นางแบบสาวก้าวเข้าไปในลิฟต์แก้วพลางหันไปมองร่างสูงใหญ่ที่เข้ามายืนกอดซ้อนด้านหลัง มองไปยังทิวทัศน์เบื้องล่างที่เต็มไปด้วยแสงไฟและสีสันของการใช้ชีวิตยามราตรีของคนเมืองผู้ดีในย่านที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งอาศัยของชนชั้นสูง

“สวยไหมนิก้า... ผมตัดสินใจซื้อเพนต์เฮาส์นี่เพราะอยากใช้เวลาร่วมกับคุณให้มากที่สุด มันเป็นส่วนตัวสำหรับเราแล้วก็ไม่ได้ทำให้เราตัดขาดจากความสะดวกสบายของสังคมเมือง ต่อไปนี้ที่นี่คือบ้านของเรา”

วทานิกาอมยิ้มอย่างมีความสุขที่รายล้อมอยู่รอบตัว แต่ไม่ใช่เพราะสถานที่แสนแพงที่ยืนอยู่นี้แต่เพราะคำว่า ‘บ้านของเรา’ ที่ทำให้นางแบบสาวสลัดความรู้สึกไม่ดีออกไปจนหมดสิ้น วางมือทับหลังมือใหญ่ที่ทาบอยู่บนหน้าท้องแบนราบของตน พิงตัวเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่กอดซ้อนอยู่ด้านหลังอย่างสุขใจ “บ้านของเราเหรอคะ?”

“ช่าย... บ้านของเรา ที่ส่วนตัวของเรา ทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับเราผมจะสร้างมันขึ้นมาไว้ที่นี่” ทิโมธีกระซิบบอกชิดใบหูบาง ประคองกันเดินออกจากลิฟต์ด้วยจังหวะการก้าวเดินที่สอดคล้องทั้งที่ยังโอบกอดกันอยู่เช่นเดิม “ชอบไหมนิก้า?...”

วทานิกามองห้องชุดสุดหรูที่อวดโฉมความงดงามให้เห็นกับตาด้วยความอัศจรรย์ใจ เริ่มต้นจากประตูทางเข้าอันโดดเด่นด้วยการใช้กระจกสีสเตนกลาส ประดับแต่งด้วยลวดลายต่างๆ โคมไฟที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้องยังใช้กระจกเจียระไนประดับเป็นลวดลายงดงามยิ่งนัก ภายในเป็นเพดานโค้งสูงทำให้ดูสูงโปร่ง... ฝ้าประดับประดาด้วยปูนปั้นแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ติดโคมไฟระย้า วางโซฟาตัวใหญ่ลายดอกไม้เล็กๆสีอ่อนหวานอย่างที่ตนเคยชื่นชอบ ด้านข้างยังมีโซฟาเบดตัวใหญ่สีน้ำตาลทองวางคู่กันอย่างกลมกลืน พื้นห้องยังถูกปูด้วยพรมหานุ่มจนอยากถอดรองเท้า สัมผัสกับความนุ่นนั้นเต็มที “สวยมากๆค่ะ นิก้าหลุดเข้ามาอยู่ในปราสาทของท่านเอิร์ลใช่ไหม?”

ทิโมธีหัวเราะในลำคออย่างพอใจ เมื่อได้ยินเสียงครางถามคล้ายละเมอ รู้ว่าเธอต้องชอบการตกแต่งบ้านสไตล์นี้อยู่แล้ว จึงพาเดินลึกเข้ามาด้านในที่แบ่งพื้นที่ใช้สอยออกจากกันอย่างชัดเจน “อาหารค่ำสุดพิเศษ สำหรับคนพิเศษอย่างคุณนิก้า...”

วทานิกานั่งลงบนเก้าอี้ไม้โอ๊คสีเข้มตามแรงกดที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง มองอาหารพร้อมกับเชิงเทียนขนาดใหญ่ที่จุดเทียนไขรอไว้อยู่แล้วราวกับต้องมนตร์สะกด “พิเศษยังไงคะ นิก้าอยากรู้แล้วสิ”

“หลังมื้อค่ำที่ผมตั้งใจสั่งมาให้นิก้าโดยเฉพาะ ผมจะบอกทุกเรื่องที่นิก้าอยากรู้... แล้วก็เชื่อว่านิก้าต้องดีใจมาก” ทิโมธียังไม่บอกแต่กลับเอื้อมมือไปรินไวน์สีม่วงเข้มให้นางแบบสาวอย่างเอาใจ ทั้งยังเลิกคิ้วผายมือเชื้อเชิญให้เธอลงมือรับประทานอาหาร

“ถามได้ไหมคะ ว่าเพนต์เฮาส์นี่ราคาเท่าไหร่?” วทานิกาอยากรู้ว่าราคาค่างวดของมันจะสูงเท่าที่ในใจคิดไว้หรือไม่เพราะรู้ดีว่าที่ตรงนี้เป็นแหล่งของผู้ดีมีอันจะกิน

“ก็... แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของผมนี่ที่รัก ผมยินดีที่จะจ่ายเพื่อแลกกับรอยยิ้มของนิก้า”

วทานิการับประทานอาหารไปพร้อมกับฟังคำพูดไพเราะที่ออกจากริมฝีปากบึกบึน นี่ละมั้ง! ที่ทำให้ตนไม่สามารถปันใจให้ชายอื่นได้ในขณะที่เขาไม่เคยเอ่ยคำรักออกมาตรงๆเลยสักครั้ง การเอาอกเอาใจจนใครหลายคนมองเข้ามาอย่างอิจฉา คำพูดและการปฏิบัติตนอย่างทะนุทถนอมราวกับไข่ในหินมันทำให้ยอมมอบใจและกายให้โดยไม่เกี่ยงงอน แม้จะถูกสอนมาให้รักนวลสงวนตัว เข้มงวดในเรื่องการใช้ชีวิตคู่ก่อนแต่งงานเป็นอย่างมาก แต่วทานิกาก็ฝ่าฝืนคำพร่ำสอนของผู้เป็นแม่ ยอมมอบกายบริสุทธิ์ให้กับแบดบอยหนุ่มเจ้าเสน่ห์ตั้งแต่หกเดือนหลังรู้จักกัน หลังจากนั้นก็ได้พบว่าการหักห้ามใจไม่ให้เผลอไผลไปกับสัมผัสซาบซ่านของเขานั้นช่างยากยิ่งนัก บทรักอันเร่าร้อนทว่าอ่อนหวานเป็นตัวการทำลายอาการต่อต้านทั้งปวงให้มลายหายไป เช่นในเวลานี้...
ทิโมธีเคลื่อนกายเข้ามาหานางแบบสาวหลังจากที่อาหารมื้อค่ำแสนเลิศรสจบลง สองมือใหญ่ประคองเรียวขางามที่อยู่ในถุงน่องสีดำ บีบนวด เคล้นคลึงเป็นจังหวะ หนักบ้างเบาบ้างชวนให้ผ่อนคลายยิ่งนัก “ผมรู้ว่านิก้าต้องปวดขา... หลังจากเดินแบบทุกครั้งต้องไปนวดผ่อนคลาย ครั้งนี้ผมจะอาสานวดให้เองนะที่รัก...”

“อะ...อืม... ทิมคะ นิก้า... อยากฟังข่าวดีของคุณ” วทานิการู้ได้ในทันทีว่าผู้ชายที่มีแรงดึงดูดทางเพศสูงตรงหน้ากำลังหว่านล้อมให้ตนปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสของเขาอีกแล้ว หากจิตใจด้านหนึ่งซึ่งถูกสอนมาให้รักนวลสงวนตัวกำลังสั่งให้หลีกเลี่ยงจากสัมผัสวาบหวาม “นะคะ... นิก้ารอไม่ไหวแล้ว”

“รู้แล้วเหรอคนสวย ว่าการรอคอยน่ะมันทรมานแค่ไหน... รู้ไหมว่าห้าเดือนที่ผ่านมาเรารักกันนับครั้งได้ สงสารผมบ้างรึเปล่าคนสวย” ทิโมธีวางเรียวขาเพรียวข้างหนึ่งลงและยกอีกข้างหนึ่งขึ้นมานวดคลึงเช่นเดิม

วทานิกามองใบหน้าคร้ามคมที่ขยับต่ำลงคลอเคลียกับเรียวขาของตนราวกับคนร้องขอความเมตตา คำพูดตรงไปตรงมาของเขาทำให้ใบหน้างดงามร้อนผ่าวจนรับรู้ได้ถึงคลื่นความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมา แต่เรื่องที่เขาจูบกับเซเลบสาวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ก็ผุดขึ้นในหัวโดยพลัน “ต้องเชื่อด้วยเหรอคะ ว่าคนอย่างทิโมธีจะอดอยากกับเรื่องแบบนี้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คุณจะมาขอนอนกับฉันนี่ คุณยังจูบอยู่กับผู้หญิงคนอื่นอยู่เลย”

เป็นครั้งแรกที่วทานิกาตัดพ้อในทำนองหึงหวงจนตัวเองก็ยังต้องกัดริมฝีปากล่างเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าอารมณ์หวงกำลังเกาะกินหัวใจ แต่มีหรือที่ผู้ชายเต็มตัวใช้ชีวิตมาแล้วทุกรูปแบบอย่างทิโมธีจะจับกระแสเสียงแห่งความน้อยใจนั้นไม่ได้ หากน่าแปลกยิ่งนักที่ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อ น่ารำคาญเหมือนผู้หญิงที่ผ่านมา มันกลับทำให้ลำพองใจว่าเธอจะไม่หนีหายไปไหนได้อีก “ข่าวเร็วเหมือนกันแฮะ แล้วคนที่มันคาบข่าวไปบอกนิก้า ไม่ได้บอกหรอกเหรอที่รักว่าลีเดียจูบผมยังไง แลกลิ้นกันด้วยรึเปล่า หืม?...”

วทานิการู้สึกไม่พอใจที่เขายังเล่นลิ้นไม่ยอมตอบคำถามตนสักที แต่ก็ไม่อยากเอะอะโวยวายให้เสียบรรยากาศดีๆที่เขาตั้งใจสร้างขึ้น จึงใช้มือผลักท่อนแขนแข็งแรงที่กำลังนวดเฟ้นต้นขาตนออก แล้วลุกขึ้นเดินหนีจากสถานการณ์ชวนอึดอัดใจตรงหน้า หากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหวีดร้องออกมาอย่างตกใจเพราะถูกจู่โจมเข้าที่ด้านหลังจนลอยหวือขึ้นจากพื้นเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโตเท่าตึก! “ว้าย... ปล่อยเดี๋ยวนี้ทิม! ฉันเหนื่อยอยากอาบน้ำ”

ทิโมธีรู้ว่าเธอกำลังโกรธเพราะสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเปลี่ยนไปและทุกการที่เธอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น มันทำให้เขาติดใจและมองว่าเธอช่างน่ารัก น่าค้นหากว่าผู้หญิงทั่วไปนัก “จริงเหรอ... ไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าผมมีข่าวดีอะไรจะบอก”

“ไม่อยากรู้แล้ว คุณลีลาท่ามาก ไม่ยอมตอบคำถามฉันสักเรื่อง ถ้าไม่อยากพูดฉันก็ไม่อยากฟังเหมือนกัน!” วทานิกาบอกอย่างแสนงอนเมื่ออยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงและยังต้องหลบสายตาสู่รู้ที่จ้องใบหน้าของตนเองไม่วางตา จนเขาวางร่างไว้ที่ริมหน้าต่างซึ่งใช้ไม้ตีขึ้นมาสูงประมาณสะโพกเอาไว้ใช้วางกระถางดอกไม้ริมหน้าต่าง แต่บัดนี้มีร่างระเหิดระหงของนางแบบซึ่งมีค่าตัวแพงที่สุดในโลกนั่งอยู่ และมีแบดบอยมหาเศรษฐีที่สาวๆทั่วโลกใฝ่ฝันอยากขึ้นเตียงกับเขาสักครั้งยืนกางขางกว้าง กักร่างเพียวงามไว้ด้วยร่างกายแข็งแรง

“วันนี้เป็นอะไรไปนิก้า อารมณ์ไม่ดีเพราะหึงผมเหรอ?”

“ยังจะมาถามอีก แล้วถ้าลองฉันไม่จูบกับผู้ชายอื่นมั่ง คุณคงไม่รู้สึกอะไรเลยสินะ!”

ทิโมธีส่ายหน้าให้กับผู้หญิงขี้งอนที่นั่งกอดเข่ามองตาขวางราวกับแม่เสือสาว พร้อมกับประคองใบหน้างดงามไว้ในมือทั้งสองข้างให้แหงนหน้าขึ้นมาหา ในขณะที่ก้มใบหน้าคร้ามคมให้ต่ำลงไป...

“อื้อ... จะทำอะไร?” วทานิกาขัดขืนแต่กลับไม่สามารถหลีกหนีจากอุ้งมือร้อนผ่าวนี้ได้

“ก็จะสาธิตให้นิก้าตัดสินใจดูเองว่าแค่จูบแบบนี้น่ะ ต้องเก็บมาเป็นอารมณ์ไหม?” พูดจบทิโมธีก็ก้มหน้าลงแนบปากเข้ากับปลายคางมนแตะปลายลิ้นเข้าที่ผิวหน้าบางแล้วผละออกมามาจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างรวดเร็วเลียนแบบการกระทำของลีเดีย อย่างไม่ปกปิด! “นี่คือจูบที่ทำให้นิก้าต้องงอนผมถึงขนาดนี้รึเปล่า?”

วทานิกาถอนหายใจเฮือก ส่ายหน้าน้อยๆราวกับปลงไม่ตก “คุณไม่ผิดหรอกค่ะ แต่การทักทายของลีเดียดูออกจะเกินเลยไปสักหน่อย”

“เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะไปห้ามเธอยังไง” ทิโมธีแปลกใจนักกับท่าทีของหญิงสาวตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าเธอจะกังวลใจมากกว่าทุกครั้ง จึงจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่หวาน “ทำไมนิก้าดูว้าวุ่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คิดอะไรอยู่คนสวย บอกผมได้ไหม?”

วทานิกาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอย่างไรดี ในเมื่อว่าเรื่องที่คาใจก็ถูกเฉลยออกมาแล้วว่าไม่ได้เกิดจากความยินยอมของเขา แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาแท้จริงที่ก่อกวนหัวใจเรื่อยมาเพราะความจริงแล้ว อยากรู้ว่าเขาให้คำจำกัดความในความสัมพันธ์นี้ว่าอย่างไร “แค่อยากรู้ว่าคุณมีข่าวดีอะไรจะบอก?” จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามออกไปตรงๆ

“สัญญานะ ว่าถ้าผมบอกไปแล้วอย่าดีใจจนน้ำตาซึม” ทิโมธียังบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกเช่นเคย

ก็ถ้าคุณบอกรักฉัน ฉันคงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แน่ค่ะ วทานิกาคิดในใจแต่กลับไม่พูดอะไรและพยักหน้ารับเท่านั้น

“อีกไม่กี่วันต้องไปเดินแบบที่มิลานใช่ไหมคนสวย งั้นก่อนกลับคุณแวะไปมาดริดสักวันสองวันนะ” ทิโมธีบอกยิ้มๆ

“ทำไมล่ะคะ?” วทานิกาถามอย่างแปลกใจเพราะปกติเขาไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ไปไหนคนเดียวแน่ ถ้าไม่ติดงานสำคัญที่อู่ต่อรถจริงๆ

“เอเจนซี่คุณโทรมาบอกว่านิตยสาร... จะเปิดตัวในสเปน คุณกับดาเรียจะได้ลงประเดิมปกแรกพร้อมกับนักฟุตบอลชื่อดังของสเปน” ทิโมธีพูดถึงนิตยสารชื่อดังซึ่งล้วนแล้วแต่อัดแน่นไปด้วยแฟชั่น เครื่องสำอางค์ น้ำหอมแบรนด์ดังรวมไปจนถึงเรื่องราวของคนในแวดวงสังคมชั้นสูงจากทั่วโลกสัญชาติอังกฤษกำลังจะถูกตีพิมพ์เป็นภาษาสเปนเป็นครั้งแรก

วทานิกาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะปกติเขาจะไม่ยอมให้เธอรับงานติดๆกันอย่างนี้เด็ดขาดจนเอเจนซี่เคยแซวด้วยความอิจฉาปนหมั่นไส้ว่าเขากลายเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอไปแล้ว “จริงน่ะเหรอคะ?? ดาเรียต้องดีใจจนแทบกรีดแน่เลย!”

“แต่ห้ามถ่ายหวือหวา ห้ามให้มีภาพกอดจูบกับนักฟุตบอลคนนั้น ถ้ามีเซ็ทถูกเนื้อต้องตัวพวกนี้ก็ให้ดาเรียถ่ายแทน ต้องดูก่อนว่าช่วงนั้นผมไอดูด้วยได้รึเปล่า” ทิโมธีบอกด้วยสีหน้าครุ่นคิดราวกับหนักใจ

วทานิกาอมยิ้มออกมาอย่างน่ารัก ไม่โกรธแม้แต่น้อยที่เขามีปฏิกิริยาหวงตัวเองจนเกินเหตุเช่นนี้แต่มันกลับทำให้หัวใจพองฟูราวกับบอลลูนลูกโต “หวงเหรอคะ?...”

“ช่าย...” ทิโมธียอมรับในทันทีพร้อมขยิบตาข้างหนึ่งอย่างเจ้าชู้ “ยอมรับว่าหวงมาก... ผมมันเป็นพวกปากตรงกับใจ คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ไม่เหมือนกับคนแถวนี้ ชอบเบี่ยงเบนประเด็น คิดมากจนเกินเหตุ”

“แล้วถ้ามีคนมาบอกคุณว่านิก้าจูบกับผู้ชายอื่น คุณจะคิดน้อยได้เหรอคะ”

“ไม่เคยเชื่อว่านิก้าจะไปจูบกับใครได้เพราะรู้ว่านิก้าหวงเนื้อหวงตัวไว้ให้ผมคนเดียว จริงไหม?” ทิโมธีจรดริมฝีปากลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอรอรับสัมผัสอยู่อย่างเต็มใจ สองลิ้นเกี่ยวกระหวัดเข้าหากันอย่างสอดคล้อง ต่างฝ่ายต่างสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของกันและกันราวกับควานหาความหอมหวานที่ซ่อนตัวอยู่ด้านใน ไล่เรียงฟันทุกซี่ ดูดดึงเรียวลิ้นจนเกิดแรงปรารถนาโหมกระพือขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นชายหนุ่มจึงละริมฝีปากออกมาจูบไซร้ไปทั่ววงหน้างดงามและซอกคอระหง กระซิบกระซาบที่ใบหูบางอย่างหลงใหล “ผมคือผู้ชายที่นิก้าไว้ใจยอมมอบหยาดน้ำค้างที่แสนบริสุทธิ์ให้เป็นคนแรก”

“แล้วนิก้าไว้ใจคุณได้แค่ไหนคะ นิก้าอยู่ตรงไหนในเส้นทางชีวิตของคุณ?” วทานิกาถามออกไปราวกับละเมอเพราะสัมผัสวาบหวามที่คลอเคลียอยู่ทั่วทั้งร่างกาย ปากและจมูกที่ซุกไซร้ดอมดมไปทั่วแอ่งชีพจร ลาดไหล่ สองมือหนากำลังเคล้นคลึงทรวงอกทั้งสองข้างให้ตื่นตัวรับสัมผัสวาบหวามที่เขาจงใจมอบให้

“คุณคือส่วนนึงของชีวิตผม ที่รัก...” ทิโมธีพูดพร้อมจ้องมองที่ดวงตาคู่สวย ปลายนิ้วเกี่ยวเอาสายเสื้อสปาเก็ตตี้เล็กๆที่อยู่บนหัวไหล่บอบบางทั้งสองข้างออก เพียงเท่านั้นเดรสตัวสั้นก็ลงไปกองอยู่ที่เอวบาง “โอว... คุณคืองามงดงามที่ทำให้ผมมีลมหายใจอยู่...”

วทานิกามองสายตาแรงกล้าที่จับจ้องอยู่บริเวณทรวงอกอวบอิ่มทั้งสองข้างของตนซึ่งมีเพียงซิลิโคนบราปกปิดอยู่พร้อมกับรับฟังถ้อยคำอันน่าประทับใจ “ไม่เอาค่ะทิม นิก้ายังไม่ได้อาบน้ำเลย”

“แล้วทำไมหอมอย่างนี้ล่ะที่รัก ตรงนี้ก็หอม... ตรงนี้ยิ่งหอม...” ทิโมธีพูดพลางพิสูจน์กลิ่นสาบสาวไปเรื่อยๆจนทำให้หญิงสาวหัวเราะออกมาได้ หากแต่ต้องหยุดชะงักสบสายตากันชั่วขณะเมื่อปากและจมูกโด่งของเขาหยุดลงที่ร่องอกอวบซึ่งเบียดตัวกันชิดในซิลิโคนบรา!

“ไม่เอาค่ะทิม อย่า!...” วทานิกาทำได้แค่เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยเท่านั้นเพราะมือใหญ่ของทิโมธีกดหัวไหล่ให้แนบชิดไปกับกระจกใสซึ่งมองเห็นวิวทิวทัศน์ยามราตรีเบื้องล่าง อีกมือกลับดึงซิลิโคนบราออกอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดังจุ๊บ! เพียงเท่านี้ความงดงามเย้ายวนของยอดทรวงชูชันพลิ้วไสวก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้า

“อย่าห้ามผมเลยนะที่รัก คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าผมไม่เคยอดทนกับเรื่องแบบนี้ แต่ผมกลับอดทนได้นานกว่าทุกครั้งเพื่อคุณ” ทิโมธีบอกพลางคิดอย่างอัศจรรย์ใจในตัวเองว่าในระยะเวลาห้าเดือนที่ผ่านมา ตนเองเพิ่งมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอได้ไม่เกินห้าครั้งซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยตลอดช่วงชีวิตวัยหนุ่มราวยี่สิบปีที่ผ่านมาเลย แต่เขากลับอดทนได้เพื่อเธอและไม่เคยกระวนกระวายหาผู้หญิงคนไหนมารอบรับอารมณ์หนุ่มที่เกิดขึ้นนี้ มือหยาบใหญ่อย่างคนที่ทำงานหนักสัมผัสเข้ากับก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นอย่างแผ่วเบา หากเพียงชั่วอึดใจก็ก้มลงไปรวบยอดอกสีหวานเข้าไว้ในปากราวกับอดใจไว้ไม่อยู่!

วทานิกากัดริมฝีปากแน่นมือเรียวที่คิดจะผลักไสศีรษะได้รูปออกจากเนื้อตัวกลับสอดเข้าไปกำเส้นผมสั้นราวกับเป็นการระบายความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นในอก ทั้งยังต้องแอ่นตัวโค้งตามแรงดูดดึงที่ทำให้ช่องท้องปั่นป่วนจนแทบทนไม่ได้ “อื้อ... ทะ...ทิมคะ หยุด ก่อนได้ไหม...”

หากแต่ทิโมธีไม่อาจฟังเสียงทัดทานที่ดังกระเส่าอยู่บนหัวได้อีกต่อไป เพราะอารมณ์หนุ่มที่อัดอั้นมาเกือบเดือนกำลังปะทุออกมา “ไม่ไหวแล้วนิก้าจ๋า... ผมจะตายแล้วนะทูนหัว”

วทานิกาฟังเสียงอู้อี้ที่ซุกซบ คลอเคลียทั้งใบหน้าลงกับหว่างอก พยายามจะรั้งใบหน้าคร้ามคมให้กลับมาจ้องมองกันอีกครั้งแต่ทว่าการทำเช่นนั้นยิ่งเป็นการพ่ายแพ้แก่สายตาคมกริบที่กำลังเว้าวอน ร้องขอให้ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาได้จนน่าตกใจ!

ทิโมธีดึงตัวออกเล็กน้อยกวาดสายตามองผู้หญิงหุ่นดีที่นั่งชันเข่ากางขาออกกว้าง เปิดรับร่างกายสูงใหญ่ของตนเข้าไปแนบชิดอยู่ตรงหว่างขาเรียว เดรสตัวบางเบาของเธอล่นสูงขึ้นไปเหนือโคนขา ปากบวมเจ่อ ดวงตาฉ่ำเยิ้มแสนเซ็กซี่ พร้อมจัดการถอดทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยความรวดเร็ว จ้องมองผู้หญิงที่กำลังยกมือปิดทรวงอกทั้งยังเหลือบสายตามองร่างกายเปลือยเปล่าของเขาราวกับอยากรู้อยากเห็น การที่เธอใช้ปากกัดนิ้วเรียวของตัวเองเมื่อได้พบกับแก่นกายชายตรงหน้า และสะเทิ้นหลบสายตาด้วยความเขินอายนั้นมันทำให้ทิโมธีแทบกระโจนเข้าใส่ร่างระหงเกือบเปลือยแล้ว หากต้องทำให้เธอโอนอ่อนผ่อนตามมอบตัวให้ด้วยความเต็มใจจึงจะได้พบความสุขล้นทั้งสองฝ่าย

วทานิกาส่ายหน้าเร็วๆจนผมเผ้ากระจายเมื่อ ร่างเปลือยเปล่าของเขาเข้ามาประชิด พร้อมยกเอาขาเรียวของตนทั้งสองข้างพาดไว้ที่บ่าหนา แม้จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาไม่กี่ครั้งก็รู้ดีว่าเขาต้องการที่จะทำเช่นไรต่อไป “ไม่นะ! อย่าค่ะทิม นิก้าอาย...”

“ระหว่างเราต้องอายอะไรกันอีกที่รัก... นิก้าสวย เซ็กซี่ที่สุดแล้ว” ทิโมธีพูดพร้อมไล่จูบจากต้นขาเพรียวที่ยังมีขอบลูกไม้ของถุงน่องรัดรึงอยู่ทั้งสองขา ไล่จนมาถึงความงดงามของอิสตรีที่ซ่อนตัวอยู่ในแพนตี้ลูกไม้ตัวบางเฉียบ

วทานิกาขัดขืนด้วยหมายจะใช้มือเรียวทั้งสองข้างปกปิดพื้นที่ส่วนตัวของตน แต่มือทั้งสองข้างกลับถูกมือใหญ่สอดประสานเข้าทั้งสิบนิ้วตรึงไว้ข้างต้นขาทั้งสองข้าง เพียงชั่วอึดใจปากและจมูกร้ายกาจก็โฉบลงมาลากแพนตี้ตัวบางให้หลีกทาง เปิดเผยความงดงามเย้ายวนใจ “อย่าค่ะ... อื้ม... ทิม!”

ทิโมธีไม่สนใจฟังคำห้ามปรามอีกแล้ว ตวัดปลายลิ้นลงบนความงามเย้ายวนใจ บดจูบดูดดึงด้วยปากและลิ้นเลียนแบบทุกขั้นตอนของการละเลียดทรวงอกอวบอิ่ม สองมือยังสอดประสานกับมือเรียวบางซึ่งกำลังดิ้นเร่าๆด้วยความเสียวซ่าน พร้อมกับอมยิ้มเมื่อออกแรงดูดุนจนร่างเกือบเปลือยต้องแอ่นสะโพกขึ้น ดันตัวเข้าหาปากและลิ้นของตนอย่างอดทนต่อความเสียวซ่านนี้ไม่ไหว! “หวานอะไรอย่างนี้ล่ะทูนหัว...”

วทานิกาหอบหายใจมองร่างสูงใหญ่ที่เคลื่อนตัวเข้าประชิดตนเองอย่างรวดเร็ว จูบเร่าร้อนประกบทาบทับลงมาพร้อมกับตัวตนอันเครียดขึง ทาบทับแนบสนิทรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว กลบเสียงหวีดร้องที่เกิดจากความเจ็บตึงเมื่อมาพร้อมกับความเสียวซ่านเข้าไว้ในโพรงปากร้อนรุ่ม “อ๊ะ... อื้อ...”

“โอพระเจ้าช่วย! รู้ไหมว่าผมคิดถึงเราเวลานี้มาแค่ไหน คุณอดทนต่อความรู้สึกนี้ได้ยังไงกันนะ นิก้า...” ทิโมธีพูดเมื่อถอนจูบออกจากริมฝีปากอวบอิ่ม ทั้งหยุดนิ่งเช่นเดิมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาต้องเคลื่อนไหวตัว มอบจังหวะรักตามใจปรารถนาให้เธอได้รู้ว่าเขาโหยหาย และกระหายหิวมากแค่ไหน!?

“อ๊ะ! ทิม อื้อ...” วทานิกาเผลอหลุดเสียงครางรันจวญใจออกมาเมื่อเรียวขาทั้งสองข้างถูกดึงให้ไปเกี่ยวเข้าที่สะโพกสอบ เมื่อเขาเคลื่อนไหวรุกประชิดเข้ามา

“รู้ไหมว่าผมชอบ... เวลาที่ขาเรียวๆของนิก้า เกี่ยวที่เอวผม คลั่งไคล้เอามากๆเวลาที่นิก้าจิกปลายเท้าลงบนแผ่นหลังผม” ทิโมธีพูดพร้อมเพิ่มจังหวะรักให้เร็วรี่ขึ้นเพื่อเรียกร้องให้หญิงสาวได้ จิกปลายเท้าลงแผ่นหลังตนประกอบคำพูด “และชอบให้นิก้าปลุกเร้าร่างกายผม!”
สองมือเรียวถูกวางไว้บนแผงอกแกร่งเปลือยเปล่าที่เปี่ยมไปด้วยกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์ หากความแข็งตึงใต้ฝ่ามือนั้นกลับเคลื่อนไหวรับสัมผัสเล็กน้อยของตนอย่างดีเยี่ยม ทุกครั้งที่ออกแรงฟอนเฟ้นกล้ามเนื้อแข็งแรงจะส่งผลให้ใบหน้าคร้ามคมแดงก่ำ บดกรามแน่นจนเป็นสันนูน และยังขยับเขยื้อนเข้าหาอย่างถี่ระรัว!

“ใช่... ใช่... อย่างนั้นล่ะนิก้า... แม่สาวแสนซน”

วทานิกาคลี่ยิ้มซุกซนรับคำพูดของเขา เมื่อแบดบอยผู้เชี่ยวชาญในเกมส์รักสามารถทำให้เธอสลัดความเขินอายออกไปได้ เหลือไว้เพียงแต่ความอยากรู้อยากเห็นในสรีระของกันและกัน แต่ต้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อท่อนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งตวัดเข้าที่บั้นเอวคอดกิ่ว พลิกตัวลงนั่งแทนที่ แล้วให้เธอนั่งคร่อมสะโพกอีกทีหนึ่ง! “ว้าย! จะทำอะไรคะ”

“หัดให้นิก้าควบม้า... รู้ไหมว่าที่ปราสาทแมคคินสันมีม้าพันธุ์ดีรออยู่นะคนสวย” พูดจบก็คว้าเข้าที่เอวคอดกิ่ว ออกแรงควบคุมการเคลื่อนไหวให้หญิงสาวได้เรียนรู้อย่างเชื่องช้า หากจังหวะรักที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทำให้แบดบอยหนุ่มแทบสะกดกลั้นกับความรัดรึงทว่าหวานฉ่ำไม่ได้จนต้องเอี้ยวใบหน้าไปดูดดึงนิ้วเรียวที่วางไว้บนหัวไหล่ตนเอง ดวงตาคมกริบยังจดจ้องภาพเร้าใจของจังหวะเชื่องช้าในการสอดประสาน แหงนหน้าเริ่ด โขกหัวเข้ากับกระจกอย่างไม่กลัวเจ็บ! ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านั้นอยู่ในสายตาของวทานิกาทั้งสิ้น

หากมันทำให้นางแบบสาวย่ามใจราวกับตนมีอำนาจเหนือผู้ชายโอหังคนนี้เป็นครั้งแรก ทุกครั้งที่รู้จักส่ายวนสะโพก ก็จะได้รับฟังเสียงครางกระเส่าร้องขอความเมตตา ทุกครั้งรู้จักเคลื่อนตัวสวนทางกับสะโพกสอบที่ดันตัวขึ้นมาก็จะได้เห็นใบหน้าคร้ามคมบิดเบี้ยว เหยเก “เจ็บเหรอคะทิม?”

“อา... ยิ่งกว่าเจ็บคนสวย โอว... คุณทำให้ผมรวดร้าว! โอ... ทำให้ผมกระหายจัด อ๊ะ! แม่ตัวดี” ทิโมธีเกือบสำลักความเสียวซ่านของสาวขี้อายที่เปลี่ยนมาเป็นสาวร้อนแรงในเวลาเพียงชั่วพริบตา เธอรู้จักขัดขืนคำสั่งเขาด้วยการเรียนรู้ตามวิถีทางธรรมชาติ เหนี่ยวต้นคอให้ซุกไซร้อยู่ที่ลำคอระหงโดยไม่ปล่อยให้ได้ครอบครองปลายถันที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะรัก!

“คุณชอบให้ฉันเป็นแบบนี้ใช่ไหมคะ? ชอบให้ฉันรุกหนัก ชอบให้ฉันร้อนแรง ชอบให้ฉันเหมือนผู้หญิงที่ผ่านมาของคุณใช่ไหม!?” วทานิกากดกระแทกร่างลงหนักๆพร้อมกับระรัวคำถามชุดใหญ่!

“โอ!... ผมชอบทุกอย่างที่เป็นคุณเลยแม่สาว”

วทานิกาเคลื่อนตัวขึ้นลงอย่างที่ใจปรารถนา การได้เห็นสีหน้าแดงก่ำ กัดฟันอย่างข่มอารมณ์ ทั้งยังขู่คำรามด้วยเสียงพร่าจัดมันทำให้รู้สึกเหมือนว่าตนเองได้ควบคุมความรู้สึกนึกคิดของเขาไว้ในมือนัก แต่การทำเช่นนี้มันก็ทำให้ความรู้สึกเสียวซ่านที่ขมวดอยู่ตรงท้องน้อย แผ่กระจายไปตามเส้นเลือดทั่วทั้งร่างกาย ทั้งเสียงครางพร่าจัดดังกระหึ่มอยู่ไม่ขาดปากมันยิ่งเป็นเสมือนเครื่องกระตุ้นเร้าชั้นเยี่ยมให้ปล่อยตัวเคลื่อนไหวตามความรู้สึกส่วนลึก

ทิโมธีมองจ๊อกกี้สาวแสนเซ็กซี่กำลังควบขับตนเองด้วยสายตาร้อนแรง เธอแน่นตึงทั้งที่ร้อนชื้น ความรัดรึงที่โอบล้อมอยู่รอบกาย ประกอบเข้ากับการอดทนอดกลั้นมาเป็นระยะเวลาเกือบเดือนทำให้ไม่สามารถเก็บกักความเสียวซ่านนี้ไว้ได้อีก จึงเลื่อนมือทั้งสองมากอบกุมสะโพกผายให้เคลื่อนที่เร็วขึ้น ต่างคนต่างมอบจังหวะรักเร่งระรัวให้แก่กัน บินสูงขึ้นไปเรื่อยๆเก็บเกี่ยวเอาความหวานแหลมซาบซ่าน ให้ปะทุแตกกระจายล่องลอยอยู่บนปุยเมฆนุ่ม

“อา... โอว... นิก้าจ๋า คุณร้อนแรงถูกใจผมที่สุด...” ทิโมธีครางกระหึ่มเกร็งสะโพกปลดปล่อยความรักอัดอัดแน่นอยู่ในตัวถ่ายเทไปยังร่างระหงจนหมดสิ้น ซุกทั้งใบหน้าลงกับร่องอกอิ่ม จูบซับดูดดุนยอดถันด้วยความเสน่หา สุขสมเต็มอารมณ์หนุ่ม

วทานิกาหวีดร้องออกมาสุดเสียงเช่นกันเมื่อข้ามไปซึมซับกับจุดสูงสุดความสัมพันธ์หญิงชายอันเข้มข้น รู้สึกอุ่นวาบไปทั่วทั้งร่างกาย สิบนิ้วสอดเข้าไปในเส้นผมสั้นสะอาดกดศีรษะเขาให้ดูดดื่ม สัมผัสตนอย่างถนัดถนี่

ทิโมธีถอนริมฝีปากออกจากทรวงอกอิ่มขึ้นมาคลอเคลียบริเวณลำคอระหงเมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่ และรู้สึกได้ว่าอาการหอบหายใจของหญิงสาวในอ้อมแขนกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ความต้องการอันมากล้นของเขายังอัดแน่นอยู่ในตัว ขยับขยายอีกครั้งอย่างฮึกเหิมตอบรับความรัดรึงที่ยังโอบล้อมอยู่อย่างหนาแน่น และแน่นอนว่าเธอจะสัมผัสได้ถึงความห้าวหาญที่ขยับขยายในกาย จึงส่ายหน้าดิก ผมเผ้ากระจัดกระจายเมื่อสบสายตากันอีกครั้ง

“มะ...ไม่นะคะทิม นิก้า อ๊ะ!” วทานิกาไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเพราะทิโมธีหย่อนเท้าลงจากที่นั่งริมหน้าต่าง ก้าวเดินอย่างมั่นคงทั้งที่ยังเชื่อมประสานอยู่เช่นเดิม ทุกการก้าวเดินส่งผลให้เกิดแรงเสียดสีขึ้นภายใน ทุกการก้าวย่างทำให้หัวใจของวทานิกาหวามไหว กัดฟันกลั้นเสียงครวญครางที่ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเสียงของตัวเอง!

“ขออีกครั้งนะนิก้า ผมหิวคุณ กระหายคุณ!” เพียงไม่กี่สิบก้าวทิโมธีวางร่างระเหิดระหงลงบนเตียงกว้าง เสพภาพผิวขาวราวนมสดซึ่งเปลี่ยนมาเป็นสีชมพูจัด มีรอยคิสมาร์กที่ตนเป็นผู้สร้างขึ้นอยู่ทั่วตัว เธอเซ็กซี่จนทำให้ใจสั่น ยิ่งเมื่อเธอขยับปากบวมเจ่อปฏิเสธก็ยิ่งทำให้เขาสูญสิ้นความยับยั้งชั่งใจ “อา... ไม่ไหวแล้วนิก้า ผมอยากรักคุณจนจะบ้าตายอยู่แล้ว!”

“ทิมคะ! ก็เมื่อกี้เราเพิ่ง... อะ...เอ่อ”

ทิโมธีส่ายหน้า พร้อมทั้งจ้องมองร่างเปลือยด้วยสายตาร้อนแรง “ไม่พอหรอกนิก้าของผม คุณทรมานผมมานานจนไม่อาจจะหยุดที่เพียงครั้งหรือสองครั้งนะที่รัก... ผมรู้ว่านิก้าก็ต้องการมันพอๆกับผมเหมือนกัน!”

“ไม่ใช่นะ!” วทานิกาปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดแต่กลับต้องหลบสายตาสู่รู้ที่จับจ้องมาด้วยอาการล้อเลียนเพราะร่างกายทรยศ ตอบรับสัมผัสของเขาอย่างเชิญชวนทั้งยังขยับสะโพกตามเมื่อเขาทำท่าว่าจะจากไป!

“ปากไม่ตรงกับใจเลยนิก้าของผม อย่าห่วงเลยคนสวย... ผมแค่จะทำให้คุณมีความสุข ไม่กล้าหนีไปไหนหรอก” พูดจบทิโมธีก็เริ่มขยับตัวสร้างความหฤหรรษ์ให้ทั้งตนและสาวใต้ร่างอย่างเร่าร้อน สองร่างสอดประสานกันอย่างรู้จังหวะ เพียงแค่ทิโมธีเริ่มร่ายมนตร์เสน่หาเข้าใส่... ร่างระเหิดระหงก็พร้อมเต็มใจตอบสนองอย่างไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าเขาจะจับพลิกหงายพลิกคว่ำ เธอก็ยอมทำตามอย่างตั้งอกตั้งใจจนทำให้ชายผู้ชาญโลกครางกระหึ่มกับความหัวไวของลูกศิษย์สาว

หากทิโมธีไม่สามารถหยุดได้เพียงครั้งหรือสองครั้งอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขาเริ่มมันอีกครั้ง... อีกครั้ง... และอีกครั้งราวกับว่ายังปลดปล่อยความต้องการในกายออกมาไม่หมดสิ้น เสียงครางประท้วงอู้อี้กับหมอนใบใหญ่ยิ่งเป็นเหมือนคำท้าทายให้แบดบอยหนุ่มงัดเอาประสบการณ์ที่สั่งสมมา หลอกล่อนางแบบสาวที่ต่อต้านในตอนแรกแปรเปลี่ยนมาให้ความร่วมมือและตอบสนองอย่างเต็มอารมณ์ในเวลาต่อมา...

วทานิกาแทบไม่มีแรงกระดิกนิ้วเมื่อบทรักครั้งสุดท้ายเพิ่งสิ้นสุดลงไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ริมฝีปากร้อนผ่าวยังคงคลอเคลียอยู่ตลอดแผ่นหลังไล่ขึ้นมาจนถึงต้นคอ และได้ยินเพียงเสียงหัวเราะหึๆในลำคอหนารับรู้ได้ว่าผู้ชายด้านหลังนี้ยังมีพละกำลังเหลือเฟือที่จะพาตนขยับเขยื้อนสร้างท่วงทำนองรักแปลกใหม่ แต่ทิโมธีก็เห็นใจร่างอรชนที่นอนคว่ำหน้าไม่มีแรงแม้จะกระดิกนิ้วต่อต้านตน เมื่อสักครู่นี้เธอเหมือนจะหลับไปทังที่ยังร่วมกันสร้างจังหวะรักและรู้สึกตัวเมื่อเขาดึงเธอให้ขึ้นมาพบกับความสุขสุดยอดของหญิงชาย

“ผมจะให้นิก้าพักสักชั่วโมงนะที่รัก... แล้วเราค่อยเริ่มบทเรียนใหม่กัน” พูดจบก็กกกอดร่างเปลือยเนียนนุ่มหลับใหลไปด้วยกัน แต่คนฟังกลับรู้สึกหมั่นไส้ในความต้องการอันมากล้น เขาสูบเอาพลังงานที่อยู่ในตัวของเธอหมดสิ้นไปตั้งแต่ครั้งแรกแต่ต้องแปลกใจตัวเองว่า ทุกครั้งที่เขาเริ่มต้นใหม่เขาจะมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้ตนตอบสนองความต้องการเขาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแม้จะหาเหตุผลต่างๆนาๆมาเป็นข้อห้าม แต่ก็ทำให้ลืมตัวกับเขาไปได้ทุกครั้ง ลืมไปว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้ปราศจากการป้องกันสิ่งมีชีวิตที่อาจจะก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา ความรู้สึกเต็มอิ่มหวามไหวในอารมณ์ทำให้วทานิกาหลับใหลไปในอ้อมกอดหนาแน่นภายในเวลาไม่กี่นาที...


บ่ายจัดหลังจากที่ทิโมธีพักผ่อนจนเต็มอิ่ม ชายหนุ่มก็ผละจากร่างเปลือยเปล่าที่นอนหลับสนิทไม่ไหวติง ไม่เปลี่ยนอิริยาบทเลยแม้แต่น้อยด้วยความขบขันระคนเอ็นดู จึงช้อนร่างเปลือยเปล่าให้พลิกตัวนอนหงายในท่าทางที่สบายกว่า แม่คนขี้เซายังหลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราว มือเรียวบางคลำหาหมอนข้างสะเปะสะปะจนต้องจับมันมายัดใส่มือบาง แล้วมองอากัปกิริยาที่คว้าหมอนข้าง พลิกตัวนอนตะแคงตะกายกอดหมอนข้างอย่างแนบสนิท หากริมฝีปากอิ่มยังครางออกมาเล็กน้อยราวกับเจ็บปวดเมื่อพลิกตัวอย่างรวดเร็ว

ทิโมธีขมวดคิ้วแทบจรดกันเป็นเส้นตรงเพราะรู้ดีว่าทำไมเธอถึงได้ครางออกมาราวกับว่าเจ็บปวดเช่นนั้น!?
ความเจ็บที่เกิดจากความแตกต่างกันของร่างกายอันบอบบางรัดรึงของเธอ กับความใหญ่โตของกายชายอย่างตนซึ่งโหมกระหน่ำบทรักอันเร่าร้อนใส่เธอตลอดทั้งคืนทำให้เธอต้องร้าวระบม ความรู้สึกเป็นห่วงปะปนมากับความภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของร่างกายงดงาม ผุดผาดนี้คนแรก ใช่ว่าจะไม่เคยได้ลองลิ้มสาวบริสุทธิ์มาก่อน แต่พูดได้เต็มปากว่าไม่เคยอยากกลับไปลิ้มลองสาวบริสุทธิ์คนไหนซ้ำสองเลยสักครั้ง เพราะเบื่อกับการที่จะต้องคอยประคบประหงบ โหมโรงจนน่าเบื่อแทนที่จะได้พาเธอโยกอย่างเมามันจนเต็มอารมณ์!

แต่กับวทานิกาแล้ว... ดูเหมือนว่าเธอมีพลังงานบางอย่างที่ดึงดูดให้หลงใหลกับผิวเรียบเนียน ความผ่องใสของเธอทำให้อยากเกลือกกลิ้งอยู่กับเธอบนเตียงตลอดเวลา ดวงตาหวานคมที่ฉายแววเขินอายซ่อนไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันเป็นแรงดึงดูดให้อยากเปลี่ยนสาวขี้อายเป็นแม่สาวแสนซนผู้ซ่อนความอยากรู้อยากเห็นในความสัมพันธ์ของหญิงชายไว้เต็มเปี่ยม และเขาก็ไม่เคยอิ่มในรสสัมผัสอันหวานแหลมของเธอแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันกลับเพิ่มมากขึ้นราวกับไม่รู้จักอิ่มหนำเสียที ความคิดของผู้ชายที่ใช้ชีวิตมาแล้วทุกรูปแบบชะงักกึกเมื่อในสมองโพล่งคำถามอันน่าตกตะลึงออกมาว่า ‘เธอคือผู้หญิงที่ตนจะเดินเข้าพิธีวิวาห์ด้วยอย่างนั้นหรือ?!!’

ทิโมธีส่ายหน้าให้กับคำถามที่ไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ พลางหยัดตัวขึ้นจากเตียงใหญ่ซึ่งจัดการลากผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าก่อนที่ตนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สายน้ำอุ่นที่สาดซัดลงมาทำให้ความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นมลายหายไปจนคำพูดของผู้เป็นพ่อที่สั่งสอนมาตั้งแต่เล็กผุดขึ้นมาให้คำตอบ

‘ผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตอันสวยงามที่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงิน!! พวกหล่อนมีความอยากได้ใคร่ดีในเงินทอง มักมากในกามอย่างเช่นแม่บังเกิดเกล้าที่สามารถทิ้งตน หนีไปกับผู้ชายอื่นได้ในขณะที่ตอนนั้นเขาอายุไม่ครบขวบปีด้วยซ้ำ’

ทิโมธีสะบัดหน้าจากหยดน้ำซึ่งเกาะพร่างพราวอยู่บนศีรษะราวกับหลุดออกจากความคิดไม่เข้าท่ากลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริงอันแสนโหดร้าย ความเดียวดายและปมในใจที่มีตั้งแต่เล็กซึ่งผู้เป็นพ่อพร่ำสอนมาตลอดว่าอย่ามอบหัวใจไว้ในมือผู้หญิงคนไหนเด็ดขาด มันทำให้เด็กหนุ่มผู้เพียบพร้อมมั่งคั่งด้วยฐานะ ชาติตระกูล ความสามารถในการบริหารธุรกิจอย่างเฉียบขาด ซ่อนความเดียวดายเพราะขาดความรักอันอบอุ่นอ่อนหวานจากผู้เป็นแม่ เติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งด้วยแรงเคียดแค้นของพ่อ จนต้องซ่อนความรัก โหยหาความอบอุ่นจากแม่ไว้ภายใต้สีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ยากที่คนทั่วไปจะคาดเดาอารมณ์ได้ถูกพร้อมทั้งใช้ชีวิตเสเพลอย่างชายไร้หัวใจ!


วทานิกาค่อยๆเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงสายน้ำไหลดังเข้าไปในห้วงนิทรา... สองมือบางค้ำยันกับที่นอนนุ่มเพื่อพยุงร่างกายอันอ่อนเปลี้ยราวกับออกกำลังกายหนักๆมาหลายชั่วโมง หากต้องอมยิ้ม เขินอายกับความร้อนแรงของตัวเองเมื่อภาพกิจกรรมตลอดทั้งคืนที่ผ่านมากำลังฉายซ้ำในความคิดจนไม่รู้ตัวว่าผ้าห่มสีสะอาดร่วงลงมากองอยู่ช่วงเอวและยังมีสายตาร้อนแรงของทิโมธียืนมองอยู่หน้าห้องน้ำด้วยอาการนิ่งงัน!

สองขาแกร่งหยุดชะงักเมื่อเดินออกจากห้องน้ำแล้วพบกับภาพของผู้หญิงเปลือยยอดอก ผมเผ้ายุ่งเหยิง ปากบวมเจ่อ เนื้อตัวเป็นรอยแดงอยู่บนเตียงอันยุ่งเหยิง บ่งบอกว่าเพิ่งผ่านสงครามรักอันหนักหน่วงมาตลอดทั้งคืน หากแววตาและใบหน้าแดงก่ำที่มองไปอย่างไร้จุดหมายนั้นทำให้รู้ว่าเธอกำลังคิดถึงบทรักที่ผ่านมา “อา... เซ็กซี่ขาดใจเลยนิก้าของผม ทำไมถึงได้ขยันยั่วให้ผมกลายเป็นไอ้หนุ่มไฮสคูลคลั่งรักนักนะ!”

เสียงต่อว่าต่อขานที่ดังขึ้นราวกับว่าเธอเป็นสาวร้อนรักนั้นทำให้วทานิกามองค้อนเจ้าของคำพูดด้วยสายตาเขียวปัด หากต้องกรี๊ดร้องออกมาอย่างเหลืออดเพราะสายตาคร้ามคมกำลังจ้องมองทรวงอกเปลือยเปล่าของตนอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่เกรงใจเลยสักนิด “นิสัยไม่ดี!”

ทิโมธีหัวเราะร่วน... เพราะมีไม่มากคนนักที่กล้าต่อว่าตัวเองอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ พร้อมมองสองมือที่รีบร้อนคว้าผ้าห่มขึ้นปกปิดความอวบอิ่มงดงามจากสายตา จึงทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอราวกับถูกขัดใจ “จะปิดทำไมกัน เมื่อคืนน่ะ ผมทำมากกว่ามองอีก... รู้ไหมว่านิก้าของผมหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งซะอีก!”

“คนบ้า! นิสัยไม่ดี ทำไมถึงชอบทำให้นิก้าอายนักนะ!?” วทานิกาบอกอย่างกระเง้ากระงอด ส่งสายตาต่อว่าให้ผู้ชายที่ทั้งตัวมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบสะโพกอย่างหมิ่นเหม่เดินมานั่งลงบนเตียง นั่งขวางทางไม่ให้ตนหย่อนเท้าลงจากเตียง “ถอยก่อนสิคะทิม นิก้าอยากอาบน้ำ”

“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ! เรากำลังคุยกันว่านิก้าหวานแค่ไหน?” ทิโมธียังหยอกล้อสาวแก้มแดงด้วยความสนุก “พูดแล้วผมก็ปากคอแห้งผาก อยากชิมน้ำหวานที่นิก้าผลิตโดยมีผมช่วยกระตุ้น”

“อี๊!... คนลามกเมื่อไหร่จะหยุดพูดเรื่องนี้ซะทีนะ แล้วก็ถอยไปไกลๆเลย นิก้าอยากเข้าห้องน้ำ!” วทานิกาแทบอยากจะแทรกแผ่นหนีเมื่อได้ยินคำพูดกำกวม ทะลึ่งตึงตังของเขา แต่ก็ไปไหนไม่ได้เมื่อคิดขึ้นได้ว่าตัวเองยังเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มจึงต้องปรับน้ำเสียงลง เอ่ยปากขอร้องอย่างน่ารัก “ช่วยหยิบผ้าเสื้อคลุมให้หน่อยได้ไหมคะ นิก้าอยากเข้าห้องน้ำจะแย่แล้ว!”

ทิโมธีเลิกคิ้วพยักหน้ารับพร้อมลุกขึ้นแต่โดยดี “ลุกขึ้นมาเลยนิก้า ผมก็เดินทั้งอย่างนี้เข้าห้องน้ำเหมือนกัน ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องอายกันแล้วคนสวย”

วทานิก้าอ้าปากค้างเมื่อคนหน้าไม่อายพูดพร้อมกับปล่อยผ้าขนหนูสีขาวออกจากรอบสะโพก เปิดเปลือยความแข็งแกร่งของชายชาตรีอย่างเย้ยฟ้าท้าดิน พลางหัวเราะร่วนสนุกสนานเมื่อต้องหลบหมอนหลายใบที่เธอตั้งใจปาใส่หวังทำร้ายร่างกายเขาให้ได้รู้สึกอับอายขึ้นมาบ้าง หากแต่ไม่เป็นผลเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าเขานั้นไม่เคยที่จะอับอายในการเปิดเผยตัวตนต่อเธอเลยจึงต้องหยุดหอบหายใจ บังคับสายตาให้มอง

เพียงแค่ช่วงบนของร่างกายแกร่งเท่านั้น “นะคะทิม... อย่าแกล้งกันนักเลย นิก้าอยากเข้าห้องน้ำเต็มทีแล้ว”

“ลุกขึ้นมาเถอะน่าคนสวย... ผมขี้เกียจเดินไปหยิบเพราะมันอยู่ในห้องน้ำ” พูดจบก็หมุนตัวเข้าหากระจกบานใหญ่ที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางค์ที่หญิงสาวใช้อยู่เป็นประจำ หยิบโลชั่นสำหรับผู้ชายขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าแรงๆอย่างไม่กลัวเจ็บ ทำท่าราวกับว่าไม่สนใจจะมองร่างเปลือยเปล่าของเธอสักนิด แต่ความจริงแล้วกำลังเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของเธออย่างใจจดใจจ่อ และเพียงแค่เธอก้าวลงมาจากเตียงก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความเจ็บปวด

“โอ๊ย!...” วทานิกาทรุดลงไปกองอยู่กับพื้นเมื่อหย่อนเท้าลงจากเตียง หวังใจว่าจะวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแต่ความร้าวระบมบริเวณกึ่งกลางกายสาวกลับแล่นเข้าโจมตีจนต้องทรุดลงไปกองอยู่บนพรมหนานุ่ม

“เป็นอะไรนิก้า? ทำไมไม่รู้จักระวังนะ เจ็บตรงไหนบ้าง?” ทิโมธีโผเข้าประคองร่างเปลือยเปล่าที่กองอยู่บนพื้น ตำหนิอย่างไม่จริงจังนักพลางสอดส่องสายตาสำรวจทั่วทั้งร่างกลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ “ทำไมต้องวิ่งล่ะ เดินช้าก็ได้”

วทานิกาส่ายหน้าดิก กัดฟันข่มความเจ็บที่กำลังโจมตีทั้งยังมองตัวต้นเหตุที่ทำให้ต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้อย่างคาดโทษ! และเมื่อทิโมธีได้เห็นสายตานั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังร้าวระบมจนไม่สามารถบังคับร่างกายให้เดินเหินอย่างเป็นปกติได้ จึงช้อนอุ้มร่างเปลือยเปล่าขึ้นไว้ในวงแขนอย่างทะนุทถนอม

“ขอโทษนะนิก้า เมื่อคืนผมอดใจไว้ไม่ไหวจริงๆ คุณสวยจนผมแทบคลั่งตาย” พูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม อบอุ่นจนคนฟังเผลอยิ้มตามปล่อยให้เขาพาเดินมาส่งถึงห้องน้ำแต่โดยดี หากแต่ต้องส่ายหน้าดิก ผลักหน้าอกแกร่งหนีเป็นพัลวันเมื่อเขาทำท่าว่าจะก้าวเข้ามาในห้องอาบน้ำด้วย! “ผมต้องดูแลคุณสินิก้า เพราะผมทำให้คุณต้องเจ็บตัวอย่างนี้”

“ไม่ๆ ไม่ค่ะทิม นิก้าอาบน้ำคนเดียวได้ คุณอาบแล้วนี่คะ ออกไปก่อนได้ไหม” วทานิกาใช้มือผลักแผงอกแน่นตึงที่เป็นคลื่นลอนใต้ฝ่ามือออกไปอย่างยากลำบาก “นะคะ... ถ้าขืนอาบน้ำด้วยกันอีก นิก้าคงไม่พ้นต้องเจ็บตัวเพิ่มอีกแน่!”

“นั่นเพราะนิกกี้ยังไม่คุ้นชินกับทิมมี่ต่างหาก เพราะฉะนั้นเราต้องเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันบ่อย คุณจะได้ไม่เจ็บอย่างนี้ไงคนสวย”

“อะไรของคุณกันคะทิมมี่ นิกกี้เนี่ย?”

“ก็ตรงนี้ไง เรียกว่านิกกี้... ส่วนตรงนี้เรียกว่าทิมมี่...” ทิโมธีพูดพร้อมกับไล้ฝ่ามือเข้าไปยังกึ่งกลางกายสาวพลางจับมือเรียวบางของเธอให้ทาบทับกับความคึกคักของตนประกอบคำพูด!

“ว้าย! คนลามก ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ!!”

แต่ทิโมธี่ไม่สนใจกับเสียงโวยวายที่ดังขึ้นพร้อมเคลื่อนตัวประชิดร่างอรชน เอื้อมมือปิดประตูกระจกห้องชาวเวอร์อย่างรวดเร็ว ประกบริมฝีปากร้อนรุ่มลงบนปากอิ่มอย่างไม่ให้เธอได้ตั้งตัว

“อื้ม...” วทานิกาครางประท้วงได้เพียงเท่านั้นเพราะคำพูดต่อมาถูกกลืนหายเข้าไปในโพรงปากร้อนรุ่มซึ่งตวัดลิ้นหนาเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ เรียกร้องให้จูบตอบแต่โดยดี ความอุ่นจัดของสายน้ำที่ซัดสาดลงมาทำให้ร่างอันเมื่อยล้าได้สดชื่น สองมือหยาบใหญ่ที่กำลังนวดเฟ้นทั่วทุกตารางนิ้วจนหญิงสาวจูบตอบอย่างเต็มใจ แอ่นตัวรับสัมผัสอย่างไม่แง่งอน มือใหญ่จึงเอื้อมไปปิดสายน้ำอุ่นจัด แล้วกลับมาฟอนเฟ้นกายสาวอย่างกระตุ้นเร้าราวกับว่าอดอยากมาเป็นแรมปีทั้งที่ความจริงแล้วเมื่อแทบจะสำลักความสุขอันเนิ่นนานตลอดทั้งคืน!

ทิโมธีจัดแจงร่างเปลือยเปล่าให้หันหน้าเข้ากับผนังหินอ่อนสีสะอาดตา ขยับรุกประชิดความเย้ายวนใจจากเบื้องหลังด้วยความซ่านใจ บรรจงมอบท่วงทำนองรักอันเร่าร้อนระคนอ่อนหวานให้ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนร่างระหงต้องกำมือแน่นจิกเล็บลงกับฝ่ามือตัวเอง ค้ำยันกำปั้นน้อยๆเข้ากับผนังเพื่อตั้งมั่นหยัดร่างรับแรงรักที่ถาโถมมาจากเบื้องหลัง เสียงครวญครางเสียวซ่านใจดังขึ้นกับเสียงคำรามพร่าจัดดังกึกก้องภายในห้องน้ำกว้างนานนับชั่วโมง...



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2558, 20:39:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2558, 20:39:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1023





<< ตอนที่ 1 100%   ตอนที่ 3 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account