บ่วงรักฝังแค้น
เมื่อความรักกลายเป็นความอาฆาตแค้น และตามจองเวรเขาและเธอไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่าภพชาติไหนจะขอตามจองล้างจองผลาญไม่ให้เหลือสิ้น ความรักและความแค้น
จากอดีตชาติติดตามเป็นเงาตามตัว เขาและเธอจะทำเช่นไรเพื่อหยุดความแค้นนี้ลงได้
Tags: บ่วง,รัก,ฝัง,แค้น

ตอน: ตอนที่ 8 แหวนมณีนพเก้า

ตอนที่ 8 แหวนมณีนพเก้า

3 เดือนผ่านไป
อาคาร AMS วโรดม

ตึกสูงระฟ้าซึ่งมีความสูง 29 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร บัดนี้ถูกตกแต่งทั้งภายนอกและภายในให้ทันสมัยและเปลี่ยนป้ายอาคารใหม่เป็นที่เรียบร้อย อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานและเทคโนโลยีเกี่ยวกับการสื่อสารและสิ่งที่จำเป็นจะต้องใช้ในการบริหารและธุรกิจของ AMS วโรดม ถูกสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศรวมไปถึงสั่งทำภายในประเทศเพื่อเปลี่ยนแปลงการบริหารใหม่ทั้งหมด ภายใต้การบริหารประธานบริษัทคนใหม่ของ เจตน์ เดชวโรดม

อลัน แอนเดอร์สัน หรือในบทบาทของเจตน์ เดชวโรดม ซึ่งเขาสวมรอยแทนน้องชายฝาแฝด ซึ่งจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าด้วยฝีมือของคนโลภที่อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างของเดชวโรดม มาไว้ในครอบครอง ชายหนุ่มต้องบินไปมาระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาทุกเดือน เพื่อบริหารงานทั้งสองประเทศให้เป็นไปได้ด้วยดีและเรียบร้อยสมบูรณ์ทุกอย่าง นั่นก็เพราะเขาเกิดมาเก่งเป็นยอดคน อัจฉริยะระดับแนวหน้าก็ว่าได้ จึงสามารถควบคุมกิจการใหญ่โตของทั้งสองประเทศได้อย่างไม่บกพร่องแม้แต่น้อย

ทว่าตั้งแต่มหาเศรษฐีหนุ่มได้มีโอกาสบินมาประเทศไทยเพื่อช่วยกอบกู้สถานการณ์วิกฤตซึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาอย่างไม่คาดฝัน และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกลมหายใจเข้าออกของเขาจะอยู่ที่ประเทศไทยเท่านั้น แม้กระทั่งบินกลับมาสหรัฐอเมริกา ประเทศที่เขาอยู่มาตั้งแต่จำความได้ เขากลับมีความรู้สึกว่าเขาจะต้องจัดการงานทางนี้ให้รวดเร็วเพื่อที่เขาจะบินกลับประเทศไทยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ราวกับว่าที่ประเทศไทยคือบ้านของเขาที่แท้จริงและมีใครบางคนกำลังรอเขาอยู่นั่น

ห้องทำงานประธานบริษัท
ร่างสูงใหญ่ของอลัน กำลังนั่งตรวจเอกสารมากมายที่นำมาเสนอและรอการลงนามจากเขาเพียงผู้เดียว ก่อนจะผ่านงบประมาณไปให้หลายฝ่ายจัดสรร ชายหนุ่มถือคติที่ว่าขึ้นชื่อว่าความโลภไม่เข้าใครออกใครให้อำนาจมากเดี๋ยวจะเหลิงเพราะฉะนั้นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม คนไม่มีประโยชน์ก็ไม่ควรอยู่ คนที่เคยดูแลเรื่องเงิน มีอำนาจจัดการก็ควรจะลดบทบาทเหลือเพียงแค่รับทราบเท่านั้น

“ถอยออกไป!ออกไป!ฉันจะเข้าไปข้างใน..ไม่ต้องมาขวางฉัน”เสียงเอ็ดอึงโวยวายอยู่หน้าห้องทำงานของอลัน บ่งบอกได้เลยว่าคนอยู่ด้านนอกจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวมากขนาดไหน

“ปัง!”ประตูถูกเปิดออกด้วยแรงทุบของคนที่อยู่ด้านนอก เผยให้เห็นร่างบางเดินเข้ามาภายในห้องด้วยสีหน้าถมึงทึง ตั้งใจมาเอาเรื่องโดยเฉพาะ

และทันทีที่เห็นหน้าท่านประธานหนุ่มหล่อ บุคคลที่มาเยือนก็ส่งเสียงแหลมสูงขึ้นมาทันทีเล่นเอาอุดหูกันแทบจะไม่ทัน
“นี่มันอะไรกันคุณเจตน์! คุณถือดีอย่างไงมาถอดถอนอำนาจของฉันไม่ให้ฉันลงนามอนุมัติการเบิกจ่ายเงินของบริษัทฯ ในส่วนที่ฉันดูแล ทั้งๆ ที่ฉันดูแลฝ่ายการเงินของบริษัทฯ ทั้งหมดอยู่ ทำแบบนี้มันจะมากไปแล้วนะ”มารตีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ใบหน้าที่ตกแต่งมาอย่างดีตอนนี้ดูอย่างไงก็เหมือนงิ้วออกโรงเข้าให้แล้วยามเธอโกรธ

“อ้าว...คุณเป็นใครแล้วผมเป็นใคร ทำไมผมจะทำไม่ได้!ในเมื่อสมองกลวงๆ ของคุณเอามาใช้ทำประโยชน์ให้บริษัทฯ ผมไม่ได้เลย วันๆ จ้องแต่ว่าจะยักย้ายถ่ายเทเอาเงินบริษัทฯไปใส่บัญชีโน้นที ไปแปะบัญชีนั้นที วันๆ ทำงานได้ประโยชน์อะไรกับใครเขาบ้างไหม ดีแต่เป็นกาฝากสูบเก่งแต่เงิน อย่าคิดว่าเธอทำอะไรแล้วจะไม่มีใครรู้การกระทำของเธอ”ชายหนุ่มตอกหน้าแม่เลี้ยงสาวไม่ยั้ง เล่นเอาเจ้าหล่อนถึงกับเต้นเป็นเจ้าเขา

“อ้ายยยย....แก...แก...แกมีหลักฐานอะไรถึงมากล่าวหาฉันลอยๆแบบนี้ ถ้าไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าฉันเป็นคนทำ ก็อย่ามากล่าวหากันเลยซะดีกว่า ”มารตีโกรธจนหูอื้อ ปากคอสั่นระริกเมื่อได้ยินลูกเลี้ยงของเธอด่ากลับมาแบบไม่ยั้ง

“ฟิ้ววว...โครม! โครม!โครม!”แฟ้มหนาหลายต่อหลายแฟ้ม ถูกมหาเศรษฐีหนุ่มจับโยนลอยละลิ่วลอยไปตกกองอยู่ตรงหน้าแม่เลี้ยงสาว เอกสารกระจัดกระจายเต็มไปหมด

“นี่ไงหลักฐาน อยากเห็นมากก็แหกตาดูการกระทำของเธอซะสิ ส่วนตัวจริงอยู่กับตำรวจหมดแล้ว ข้อหายักยอกและปลอมแปลงเอกสารของบริษัทฯ นอนกินข้าวแดงในคุกมันก็ยังไม่พอสำหรับคนอย่างเธอ โทษที่เธอจะได้รับยังไม่สาสมกับสิ่งที่ทำอะไรกับครอบครัวของฉันเอาไว้!”อลันเอ่ยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ ท่ามกลางความตกใจของแม่เลี้ยงสาวเมื่อลูกเลี้ยงหนุ่มเอ่ยออกมาเช่นนั้น

“กรี๊ดดดดดดด...แกกล่าวหาฉัน!แกกำลังใส่ความฉัน...ไอ้สารเลว!แกต้องการกำจัดฉันออกไปให้พ้นทางแกถึงได้สร้างสถานการณ์ใส่ความฉันแบบนี้ แกต้อง....”แม่เลี้ยงสาวกล่าวยังไม่ทันจบประโยคดี ก็ถูกลูกเลี้ยงหนุ่มเอ่ยกระแทกเสียงขึ้นอย่างฉับพลัน

“หุบปากเน่าๆ ของเธอซะ! เลิกร้องและเต้นแหยงๆ แล้วหัดจำใส่สมองทึบๆ ของเธอไว้ด้วย ว่านี่คือบริษัทฯของฉัน ส่วนเธอมันไม่ใช่ ก่อนจะพูดอะไรไม่ดูความเลวของตัวเองที่ทำไว้เสียก่อน อย่ามาเถไปเรื่องอื่น สตอเบอรรี่อย่างหน้าด้านๆ โดยไม่มียางอาย และจะพูดจะจาอะไรให้มันรู้จักที่สูงที่ต่ำซะบ้างว่าใครเป็นใคร เธอเป็นใครและฉันเป็นใคร! ไป!..เชิญออกไปได้เลย!”อลันเอ่ยปากไล่แม่เลี้ยงสาวอย่างไม่ไว้หน้า จนทำให้เจ้าหล่อนหน้าชาเมื่อโดนขับไล่เหมือนหมู เหมือนหมาเช่นนั้น

“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณคมกริช เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างของคุณคมกริชจะต้องเป็นของฉันด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ของคุณคนเดียว อย่าลืมสิว่าฉันมีหุ้นโดยการซื้อหุ้นของเดชวโรดมเอง 10% อีก5% เป็นส่วนที่คุณคมกริชให้ฉันเองหลังแต่งงาน เพราะฉะนั้นแม้ฉันจะมีหุ้นเพียง 15 % แต่ก็มากกว่ากรรมการบริหารทุกคนในขณะนี้ และทรัพย์สินทั้งหมดของเดชวโรดมครึ่งหนึ่งต้องเป็นของฉันตามกฎหมาย”มารตีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอย่างผู้มีชัยในความเป็นต่อของเธอที่ถือไพ่เหนือกว่า พร้อมเอ่ยสำทับตามติดมาด้วยความลำพองใจ

“ฉันยอมรับว่าฉันเบิกเงินของบริษัทฯไปใช้ แต่ทำไมฉันจะใช้ไม่ได้ ในเมื่อเงินทุกบาททุกสตางค์เป็นของสามีฉัน เพราะฉะนั้นเงินของสามีฉันก็คือเงินของฉัน ไอ้การที่ฉันเบิกเงินผัวตัวเองมาใช้จ่ายมันผิดตรงไหนไม่ทราบ!”มารตีกล่าวอย่างคะนองปาก
ร่างสูงของอลันลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทำงานเต็มความสูงของเขาทันที เมื่อได้ยินเจ้าหล่อนตรงหน้าเอ่ยอย่างไร้สิ้นสำนึกเช่นนั้น ดวงตาสีนิลจ้องมองแม่เลี้ยงสาวตาไม่กะพริบ ถ้าไม่ติดเป็นผู้หญิงละก็พ่อจะจับมาต่อยปากเน่าๆ ให้กินข้าวไม่ได้ไปหลายวันเลยทีเดียว

แต่แล้วแม่เลี้ยงสาวก็ต้องทำหน้าเหวอเมื่อลูกเลี้ยงหนุ่มของเธอตรงหน้า จู่ๆ ก็ตะเบ็งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน เสียงหัวเราะดังกล่าวช่างแฝงเร้นความน่ากลัวสะพรึงกลัวอย่างบอกไม่ถูก

“รู้สึกเธอจะมั่นใจเสียเหลือเกินกับทรัพย์สินของพ่อฉันสินะ ความหน้าด้านอยากได้สมบัติของคนอื่น จนเนื้อตัวสั่นไร้สิ้นความยางอาย ว่าทำอะไรชั่วๆ ลงไปบ้าง คงคิดว่าคนอื่นจะหน้าโง่และสมองกลวงเหมือนเธออย่างนั้นละสิ อย่ามโนวาดภาพว่าจะได้อะไรต่อมิอะไรจากทรัพย์สมบัติของพ่อฉัน ชาตินี้ทั้งชาติเธอก็ไม่มีวันได้ไป!ตราบใดที่ฉันยังไม่ตาย!”อลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เล่นเอาคนฟังขนหัวลุกขึ้นมาทันที

“คุณพูดอะไรของคุณ...ใครทำชั่วอะไร นี่คิดกะจะโกงกันง่ายๆ เลยใช่ไหม ถึงเฉไฉหาเรื่องอื่นมาพูดว่าฉันไปทั่วแบบนี้”แม่เลี้ยงสาวเถไปเรื่องอื่นหน้าตาเฉย พร้อมลอยหน้าลอยตาหาเรื่องหนุ่มหล่อตรงหน้า

“อย่ามาเถ! อ๋อ...จริงสิลืมไปว่าเธอ สวยแต่โง่ยิ่งกว่าควายไถนา ถึงพูดอะไรก็เลยทะลุหูซ้ายออกทะลุหูขวา โง่ๆ แบบนี้ไม่ต้องนั่งโต๊ะทำงานหรอก กลับไปไถนาไปเป็นอีบ้านนอกเหมือนเดิมซะเถอะไป มาชุบตัวกรุงเทพนานเกินจนลืมกำพืดเดิมของตัวเองหมดแล้วละสิ”มหาเศรษฐีหนุ่ม ตอกหน้ากลับไม่ยั้งคำรบสอง และครั้งนี้คำกล่าวของเขาเล่นเอาแม่เลี้ยงสาวถึงกับหยุดลอยหน้าลอยตาไปทันที เมื่อคำพูดของลูกเลี้ยงนั้นถูกต้องตรงเผงเลยทีเดียว

“แก...นี่แก...แกแอบไปสืบประวัติของฉันมาอย่างนั้นเหรอ”แม่เลี้ยงสาวเอ่ยถามกลับไป

“อ้าวก็แหงละสิ ใครจะโง่เหมือนเธอล่ะมารตี คนอย่างฉันไม่มีอะไรที่ไม่รู้!อย่าคิดว่าทำอะไรไว้แล้วจะไม่มีใครรู้ในสิ่งที่เธอและพวกของเธอกระทำไว้นะ มันไม่มีทางหลุดรอดสายตาของฉันไปได้หรอก และอีกไม่นานมารตีเธอก็จะได้รับในสิ่งที่เธอได้ทำเอาไว้ทั้งหมด นอกจากจะต้องไปนอนกินข้าวแดงในคุกข้อหายักยอกและปลอมแปลงเอกสารของบริษัทฯแล้ว สิ่งที่เธอกับพรรคพวกของเธอต้องได้รับการตอบแทนที่ทำกับพ่อของฉันและเจตน์เอาไว้ คุกมันใช้ไม่ได้แล้วสำหรับคนอย่างเธอ!”อลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ ดวงตาสีนิลกาฬจ้องมองแม่เลี้ยงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบ

ด้านแม่เลี้ยงสาวรู้สึกตัวชาวาบขึ้นมาทันใด เมื่อคำกล่าวของลูกเลี้ยงเอ่ยออกมาเช่นนั้น ปลายเท้าค่อยๆ ก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ เพื่อล่าถอยออกจากห้องของลูกเลี้ยงเพื่อหาทางกลับไปตั้งหลัก แต่ก็ไม่วายที่จะใช้ปากพล่อยๆ ทำงาน

“แกจำเอาไว้! ฉันไม่มีทางยอมแน่นอนเรื่องนี้ อย่าหวังว่าจะมาชุปมือเปิบเอาเปรียบฉันง่ายๆ”แม่เลี้ยงสาวกล่าวทิ้งทาย
ร่างบางรีบล่าถอยออกจากห้องหันหลังเดินกลับเปิดประตูออกไปทันที ท่ามกลางสายตาของมหาเศรษฐีหนุ่ม มองตามหลังอย่างน่าสะพรึงกลัว ก่อนจะเอื้อมมือกดโทรศัพท์มือถือของเขาเพื่อสั่งงาน และทันทีที่ปลายทางรับสาย

“เอารายงานการดักฟังโทรศัพท์ของมารตีทั้งมือถือและโทรศัพท์บ้าน รวมไปถึงเครื่องดักฟังที่แอบติดไว้ในห้องทำงาน และในบ้านทุกจุดรวมไปถึงห้องทำงานของนายจิตติ ส่งรายงานมาให้ฉันอ่าน และส่งคนของเราสะกดรอยตามพวกมันทั้งสองคนด้วย แจ้งเบาะแสกับทางตำรวจให้เตรียมพร้อม อีกไม่นานมันจะต้องได้รับการชดใช้ในสิ่งที่มันทำ อย่าให้พลาดเด็ดขาด”ชายหนุ่มเอ่ยสั่งกำชับปลายสาย ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้กับโต๊ะดั่งเดิม

“เฮ้อ!”เสียงถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย

ใบหน้าหล่อเหลาในขณะนี้บึ้งตึง ดวงตาชวนฝันที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อครู่ที่ผ่านมา ค่อยๆ อ่อนลงทันใดเมื่อเหลือบไปเห็นตึกสูงระฟ้าตรงหน้า ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เดินออกจากโต๊ะทำงานมาหยุดยืนตรงหน้าต่างที่มองเห็นตึก “มณีภัสสร” ไม่ไกลจากตึกที่เขากำลังยืนอยู่ในขณะนี้เท่าใดนัก ดวงตาที่แสนจะชวนฝันเหม่อมองชื่อของตึกนั้นด้วยสายตาที่แสนจะเลื่อนลอยและเต็มไปด้วยความห่อเหี่ยว

“เมื่อไรผมจะได้ฝันเห็นคุณอีก ท่านหญิงมณี มองเห็นคุณจากภาพถ่ายรู้ไหมมันทรมานมากแค่ไหน หากคุณได้ยินเสียงหัวใจของผมเรียกร้อง ขอให้ผมได้ฝันเห็นคุณสักครั้งก็ยังดี ตอนนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน ทุกวันนี้ผมเป็นคนไร้ชีวิตชีวิตชีวาก็เป็นเพราะท่านหญิงรู้ตัวบ้างไหม”ชายหนุ่มรำพึงถึงหญิงในดวงใจที่ไม่มีตัวตน

“เจตน์!เจตน์!เจ้าเจตน์ได้ยินที่พี่เรียกไหม”ชายหนุ่มเอ่ยเรียกน้องชายฝาแฝดเบาๆ

“ได้ยินแล้วพี่ชาย”เสียงดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดของเขาดังก้องตอบกลับมา

“ได้ยินแล้วก็ออกมาสิ มีเรื่องจะคุยด้วย ออกมาเร็ว!”อลันเร่งเร้าน้องชายฝาแฝด

“ผมรู้แล้วว่าพี่ชายจะถามเรื่องอะไร แต่ตอนนี้กำลังปฏิบัติธรรมอยู่ครับพี่ชายยังไปหาไม่ได้ เรื่องท่านหญิงที่พี่ชายอยากถาม ผมมีตัวช่วยแล้วเดี๋ยวจะพามาหาพี่ชาย และสิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งล่วงรู้มาและพี่ชายควรจะได้รู้”เสียงดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชายของเขา

“เรื่องอะไรเหรอเจตน์ แล้วมันสำคัญมากเชียวเหรอ”มหาเศรษฐีหนุ่มเอ่ยถามน้องชายฝาแฝดกลับไป

“มันสำคัญสำหรับพี่ชายโดยตรงเลยล่ะ เรื่องที่ผมจะบอกก็คือ ผมค้นหาดวงพระวิญญาณของท่านหญิงมณีไม่พบเลยพี่ชาย” ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชายฝาแฝด

ทันทีที่มหาเศรษฐีหนุ่มได้ยินน้องชายฝาแฝดของเขาเอ่ยบอกเช่นนั้น สีหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มแย้มเยือนเมื่อครู่ได้มลายจางหายไปโดยพลัน

“จริงเหรอเจตน์ แม้กระทั่งดวงพระวิญญาณของท่านหญิงก็หาไม่เจอเลยเหรอ”อลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

“จริงแท้แน่นอนพี่ชาย ผมไม่สามารถพบดวงพระวิญญาณของท่านหญิงได้เลย ไม่ว่าจะทางโลกวิญญาณและโลกทิพย์ ยังไม่แน่ใจว่าดวงจิตของท่านหญิงได้กลับมาเกิดในภพชาตินี้หรือเปล่า ถึงหาอย่างไงก็ไม่พบแม้แต่น้อย ถ้าหากดวงจิตของท่านหญิงกลับมาจุติจริงๆ คิดว่าดวงจิตของท่านหญิงคงจะลงมาจุติยังไม่นานเท่าไร อันนี้แค่คาดเดาเอาเองนะพี่ชาย อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผมสันนิษฐานเอาเองก็ได้”เจตน์เอ่ยรายงานอย่างละเอียด

ใบหน้าที่แสนจะเศร้าหมองเมื่อครู่ที่ผ่านมา บัดนี้ปรากฏรอยยิ้มกว้างอย่างเห็นได้ชัด หัวใจที่แห้งเหี่ยวมานานรู้สึกสดชื่นและเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะ เขารู้สึกตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเมื่อล่วงรู้ว่าผู้หญิงที่เขาหลงรักอาจมีวี่แววปรากฏตัวตนให้เขาได้เห็นและได้สัมผัสบ้างแล้ว

“แล้ว...แล้วถ้าท่านหญิงกลับมาเกิดจริงๆ จะสามารถล่วงรู้ได้ไหมว่าท่านหญิงอยู่ไหนจะรู้ไหมเจตน์”ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงร้อนรน

“เรื่องนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าถ้านับเวลาจากโลกทิพย์กับโลกมนุษย์ ถ้าดวงจิตของท่านหญิงกลับมาเกิด คงจะเพิ่งลงไปได้ไม่นาน น่าจะเพิ่งเกิดเสียแล้วกระมังพี่ชาย หรือถ้าเกิดแล้วคงจะยังเด็กๆ หรืออาจจะยังไม่โตเต็มที่ และที่สำคัญก็ยังไม่รู้ว่าท่านหญิงจะกลับมาเกิดเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงนะสิ”เจตน์เอ่ยบอก

“เฮ้ย!...มีแบบนี้ด้วยเหรอ เพิ่งเกิดหรือยังไม่โตพี่ของแกรอได้ แต่ถ้าเกิดมาเป็นผู้ชายพี่จะบอกรักท่านหญิงอีท่าไหนละที่นี่ มิต้องตามบอกรักท่านหญิงในชาติต่อไปอย่างนั้นเหรอ”อลันเอ่ยเสียงหลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“นั่นแน่...นี่พี่ชายยอมเชื่อเรื่องอดีตชาติและการกลับชาติมาเกิดแล้วเหรอ ที่เมื่อก่อนชอบพูดแต่คำว่า เชื่อยาก,ไร้สาระ พอตอนนี้จะตามไปบอกรักท่านหญิงถึงชาติหน้าซะแล้ว”เสียงวิญญาณน้องชายฝาแฝดเอ่ยกระเซ้า

“พี่เชื่อแกมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ยังไม่อยากยอมรับก็แค่นั้น ตอนที่พี่รู้ว่าท่านหญิงมณีมีตัวตนจริงๆ พี่ดีใจมากและเชื่อในสิ่งที่แกพูด แต่ถ้าท่านหญิงได้กลับมาเกิดและถ้าเกิดมาเป็นผู้ชายจริงๆ ตามที่แกคาดเดา พี่ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการยอมรับและรู้สึกผิดหวังมากเท่านั้นเอง”ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝดด้วยน้ำเสียงปนเศร้าอีกแล้ว

“อืมมม....เรื่องนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ขอผมใช้เวลาอีกหน่อยตอนนี้ผมมีบารมีเพิ่มมากขึ้น เพราะพี่ชายทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผมทุกวัน ทำให้ผมสามารถไปไหนต่อไหนและปกป้องพี่ชายได้ด้วย ส่วนเรื่องท่านหญิงมณีพี่ชายพยายามทำใจหน่อยนะ ถ้าพี่ชายเคยทำบุญร่วมกับท่านหญิงมาอาจจะทำให้พี่ชายได้สมรักกับท่านหญิงชาติใดชาติหนึ่งก็ได้ ผมเอาใจช่วย แล้วอย่าทำหน้าเศร้าเลยนะพี่ชาย ช่วงบ่ายมีประชุมอาเซียนด้วยนะหมดหล่อกันพอดี”เจตน์เอ่ยปลอบโยน

“พี่ขอบใจแกนะเจตน์ที่อุตสาห์ปลอบ”อลันเอ่ยตอบกลับไปเบาๆ แต่แท้จริงแล้วภายในก้นบึ้งหัวใจของเขาผิดหวังมากถึงมากที่สุดเลยทีเดียว แม้น้องชายฝาแฝดจะปลอบเช่นไรก็ไม่อาจทำให้เขาคลายความหม่นหมองในหัวใจของเขาได้

ดวงตาชวนฝันเหม่อมองตึกสูงระฟ้าที่มีชื่อของผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจของเขาทั้งดวง ความรักที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความโหยหา และคร่ำครวญคะนึงถึงมิรู้วาย ชายหนุ่มกลัดกลุ้มและทนทรมานในความรักของเขาอย่างยิ่งยวด เขาเจ็บปวดปลาบเสียเหลือเกินอยู่ทุกค่ำคืน และยิ่งเจ็บร้าวลงลึกมากขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อล่วงรู้ว่า ความรักของเขาไม่มีทางเป็นไปได้และไม่สมหวังอย่างแน่นอน

ห้องกรรมการบริษัท
ร่างบางของมารตีในขณะนี้ กำลังเดินกลับไปกลับมาภายในห้องทำงานของเธอเหมือนหนูติดจั่น คำพูดของลูกเลี้ยงหนุ่มทำให้เจ้าหล่อนวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ความหวาดกลัวและความหวาดระแวงในเรื่องชั่วๆ ที่ได้กระทำไว้ทำให้เธอร้อนรนจนนั่งไม่ติดเลยทีเดียว

“รับสิ!รับสิ!โอ๊ยทำไมไม่รับนะ จิตติแกมัวทำอะไรอยู่...ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน!”มารตีกล่าวอย่างหัวเสียเมื่อเจ้าหล่อนกดโทรศัพท์ไปหาชู้รักนับเป็นสิบๆสาย แต่คู่ขาของเธอจนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมรับสายเสียที

“โอ๊ย!ไอ้บ้าเอ๊ย!”เจ้าหล่อนสบถอย่างเกรี้ยวกราด

“ตุบ!”โทรศัพท์มือถือถูกปาลงไปทันที และไปตกลงเก้าอี้รับแขกใกล้ๆ

“มัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน เงาหัวจะไม่มียังไม่พากันรู้ตัวอีกขืนไม่จัดการอะไรบางอย่างมีหวังฉันต้องเสร็จไอ้เจตน์มันแน่!มันต้องรู้อะไรมาบ้างแล้วแน่ๆ เลย ทำไมมันถึงไม่ตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปสักที”มารตีกล่าวอย่างเคียดแค้น

“ตู้ด!ตู้ด!ตู้ด!”เสียงโทรศัพท์มือถือที่ถูกปาทิ้งเมื่อครู่ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ร่างบางของแม่ม่ายสาวรีบถลาเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอทันที

“หายหัวไปนานสองนาน เพิ่งจะโทรกลับอย่างนั้นเหรอจิตติ แกมัน...”มารตีเอ่ยได้เพียงแค่นั้น ก็ต้องหยุดพูดลงทันควันเมื่อเบอร์โทรที่เข้ามาทำให้เจ้าหล่อนถึงกับหน้าถอดสีไปเลยทีเดียว ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอกดรับปลายสาย

“ค่ะท่าน”มารตีเอ่ยตอบปลายสายเบาๆ

“รู้สึกว่าจะหายไปนานเสียเหลือเกินนะมารตี เธอยังทำหน้าที่ตามที่ฉันสั่งอยู่หรือเปล่า หรือว่าพอได้ผัวเศรษฐีก็ลืมหน้าที่ของตัวเองไปแล้วว่า หน้าที่ของเธอที่ถูกส่งมาต้องทำอย่างไง”ปลายสายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงเร้นอำนาจ จนแม่ม่ายสาวมีอาการหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด

“มา...มารตีไม่เคยลืมคำสั่งของท่านเลยค่ะ เกือบจะสำเร็จแล้วแต่มีเหตุผิดพลาดเกิดขึ้นเพราะ...”เจ้าหล่อนยังไม่ทันจะกล่าวจนจบประโยค ก็ถูกฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่าเอ่ยขัดขึ้น

“หล่อนไม่ต้องสาธยายให้มันมากความ ฉันรู้เรื่องหมดแล้วไม่จำเป็นจะต้องเล่าให้ฉันฟัง เธอคงรู้ดีว่าจะต้องจัดการอย่างไง อย่ามัวแต่เสียดายผู้ชาย ไอ้นิสัยบ้าผู้ชายเอามาปรนเปรอตัณหาราคะของเธอ มันจะทำให้เธอไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลยแม้กระทั่งชีวิต ระหว่างอิสรภาพและชีวิตที่เหลืออยู่ กับตัณหาเลือกเอาว่าหล่อนอยากได้อะไรและครั้งนี้ก็อย่าให้พลาด”ปลายสายกล่าวทิ้งทาย ก่อนจะตัดสายสนทนาทิ้งทันที

“อ้าว!ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรเลย คุณท่านนะคุณท่านชอบตัดสายทิ้งกลางคันแบบนี้ทุกที ไม่ลองมาทำเองบ้าง มันไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ เลยนะ ความแค้นของตระกูลตัวเองมาอาศัยยืมมือคนอื่นให้แก้แค้นแทน เอาเปรียบกันชัดๆ ดันมาถามได้ว่าจะเลือกอะไร ก็ต้องเลือกชีวิตกับอิสรภาพของตัวเองไว้ก่อนสิ”มารตีบ่นกระปอดกระแปด

“ยังไม่ทันได้ลองเลยว่าจะถึงอกถึงใจขนาดไหน ก็ต้องฆ่ามันทิ้งซะแล้ว ไอ้เจตน์ แกมันวอนหาเรื่องตายแท้ๆ เชียว แกคงไม่รู้ว่าฉันมีคนคอยสนับสนุน เพื่อทำลายกิจการและครอบครัวของแกรวมไปถึงชีวิตของครอบครัวแกทุกคน ครั้งนี้อย่าหวังเลยว่าจะได้รอดเป็นครั้งที่สอง!”มารตีรำพึงอยู่ภายในใจ ใบหน้าเชิดขึ้นสูงอย่างหมายมั่นปั้นมือกับสิ่งชั่วๆ ที่กำลังจะลงมือทำในอีกไม่ช้า

โรงแรมหรูริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
รถยนต์สปอรต์คันหรูขับเคลื่อนเข้ามาจอดอยู่บริเวณด้านหน้าของโรงแรม พร้อมร่างสูงใหญ่ของบุรุษคล้ายชาวยุโรปแต่หาใช่แต่อย่างใด หนุ่มหล่อคมเข้มทั้งแลดูภูมิฐาน ประธานบริษัท AMS วโรดม ก้าวลงจากรถเพื่อเข้าร่วมประชุมการดำเนินธุรกิจภาคอาเซียนที่จัดขึ้นในโรงแรมนี้ โดยมีนักข่าวกรูเข้ามาทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น

สืบเนื่องจากภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและการบริหารกลุ่มบริษัท AMS ของเขาเป็นที่น่าจับตามองของใครต่อใคร และด้วยผลกำไรเติบโตอย่างมหาศาล ทำให้เขาเป็นที่กล่าวขานในวงการธุรกิจและแวดวงไฮโซของเมืองไทยเป็นอย่างมากในขณะนี้ เจตน์ เดชวโรดม นักธุรกิจคลื่นลูกใหม่เป็นที่น่าจับตามองอย่างที่สุด และด้วยความหล่อเหลาที่พกพามาพร้อมกับดวงตาชวนฝันของเขาทำให้ชายหนุ่มฮอตฮิตติดอันดับหนุ่มหล่อที่เซ็กซี่ที่สุดและเป็นชายหนุ่มที่ชวนฝันเป็นที่น่าพิสมัยของบรรดาสาวๆ และกะเทย เก้ง กวาง ความนิยมในตัวเขาจึงพุ่งพรวดในแวดวงสังคมชั้นสูอย่างรวดเร็ว

ร่างสูงใหญ่ของมหาเศรษฐีหนุ่มเดินฝ่ากองทัพนักข่าวที่แห่กันมาทำข่าว และอยากสัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดังที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้ ท่ามกลางการอารักขาของบอดี้การ์ด ที่ต้องคอยตามคุ้มกันเจ้านายของพวกเขาไม่ให้คลาดสายตา ร่างสูงค่อยๆเดินฝ่ากองทัพนักข่าวและส่งยิ้มให้กับทุกคนๆ รอยยิ้มของเขาเล่นเอาบรรดาสาวๆ ที่แห่กันมาชื่นชมเขาโดยเฉพาะ อ่อนระทวยรวยลม ลมแทบจับไปตามๆ กันเลยทีเดียว

“เอ...ผมว่าประธานบริษัทของ AMS หน้าคุ้นๆ อย่างไงชอบกลนะเหมือนผมเคยเห็นที่ไหนตอนไปทำข่าวที่ต่างประเทศก็ไม่รู้”เสียงนักข่าวหนึ่งในนั้นกล่าวขึ้น

“แกไปจำหน้าใครสับสนหรือเปล่าวะ อย่าลืมสิว่าคุณเจตน์ เพิ่งเข้ามาบริหารแทนคุณพ่อของเขา อีกอย่างได้ข่าวว่าส่วนใหญ่จะอยู่ต่างประเทศ แล้วแกไปทำข่าวต่างประเทศไม่กี่ครั้งเอง”เสียงเพื่อนนักข่าวเอ่ยท้วง

“ก็เพราะว่าไปทำข่าวต่างประเทศไม่กี่ครั้งนี่แหละ ถึงกำลังพยายามนึกอยู่นี่ไงว่า เคยไปทำข่าวที่ไหนมาบ้างแต่ยังนึกไม่ออก..แต่ช่างเถอะวะ สงสัยคงจะจำสับสนไปเอง”เสียงนักข่าวเจ้าปัญหาเอ่ยตัดบท พร้อมรีบก้าวเดินตามไปทำข่าวที่ถูกรับมอบหมายอย่างไม่รอช้า

ร่างสูงใหญ่ของอลัน แอนเดอร์สัน ก้าวเดินไปทางห้องประชุมที่จัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมถูกจัดงานเป็นห้องประชุมหลายห้อง แต่ละห้องกว้างใหญ่ โออ่า หรูหราและมีรสนิยม
และแต่ละห้องล้วนมีผู้คนมาขอจัดงานหลากหลายแตกต่างกันออกไป

ทันใดนั้นเองเสียงพิธีกรในงานดังออกมาทางห้องที่ใช้สำหรับจัดงานบางอย่างกระทบเข้ากับโสตประสาทของ อลันเข้าอย่างจัง เมื่อเขาเดินผ่านมาทางห้องนั้นพอดี

“สิ่งที่จะนำมาประมูลชิ้นต่อไปในวันนี้ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านคงจะต้องทึ่งกับการออกแบบและสร้างสรรค์ของช่างทองในสมัยโบราณ ซึ่งชิ้นที่นำมาประมูลในวันนี้เป็นการออกแบบและทำขึ้นในแผ่นดินของสมัยรัชกาลที่ 4 และชิ้นนี้ก็คือแหวนมณีนพเก้าค่ะ”

เสียงพิธีกรในงานประมูลวัตถุโบราณ ดังออกมาจากห้องที่อยู่ตรงหน้ามหาเศรษฐีหนุ่ม ซึ่งกำลังจะเดินผ่านไปเพื่อไปเขาร่วมประชุมที่ถูกจัดขึ้นถัดไปอีกสองห้องข้างหน้า และทันทีที่เขาได้ยินชื่อของแหวนประกาศผ่านไมค์ของพิธีกรงานประมูล ร่างสูงของอลันหยุดชะงักงันทันที

“แหวนมณีนพเก้า!ท่านหญิงมณี”ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความตื่นเต้นหันกลับไปมองประตูห้องงานประมูลทันที

สองเท้าของเขาพาร่างสมาร์ทก้าวเข้าสู่งานประมูลวัตถุโบราณอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อดวงตาชวนฝันของเขา มองเห็นรูปถ่ายของแหวนมณีนพเก้า ที่ถูกฉายอยู่บนจอทีวีขนาดยักษ์พร้อมเสียงบรรยายของพิธีกร ดวงตาสีนิลกาฬจ้องมองแหวนตาไม่กะพริบ

“แหวนของท่านหญิงจริงๆ ด้วย หรือว่าแหวนวงนี้คือแหวนอีกวงที่หายไปวันที่ท่านหญิงสิ้นพระชนม์”อลัน รำพึงเบาๆ พร้อมหันไปสั่งบอดี้การ์ดของเขาทันที

“พวกคุณไปบอกเจ้าหน้าที่จัดงานประชุมอาเซียนว่าผมติดธุระเข้าร่วมงานประมูลวัตถุโบราณห้องข้างๆ เสร็จแล้วจะรีบเข้าไปร่วมประชุม ส่วนคุณไปจัดการลงชื่อผมให้เข้าร่วมประมูลงานนี้ด่วนเลยนะ ไปจัดการเร็วเข้า”ชายหนุ่มเอ่ยสั่งกำชับ

“ครับท่าน”บอดี้การ์ดสองในสี่ขานรับอย่างแข็งขัน พร้อมแยกย้ายไปทำตามคำสั่งอย่างเร่งด่วน

มหาเศรษฐีหนุ่ม พาร่างสูงสมาร์ทของเขาก้าวเข้าไปในงานประมูล โดยผู้ร่วมงานประมูลไม่มีใครทราบว่ามีแขกเข้ามาร่วมงานประมูลเพิ่มเติม ชายหนุ่มรูปงามแลดูสูงศักดิ์และเต็มไปด้วยความสง่างาม ซึ่งยังไม่เคยมีใครเห็นเขามาก่อนในงานประมูลไหนๆ กำลังทรุดกายลงนั่งอยู่ตรงเก้าอี้แถวหลังสุดอย่างเงียบๆ พร้อมๆ กับเสียงพิธีกรของงานเอ่ยขึ้น

“ก่อนจะเปิดการประมูลแหวนมณีนพเก้า ก็ขอเล่าประวัติความเป็นมาของแหวน ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องบอกเล่าดีกว่านะคะแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน โดยแหวนมณีนพเก้าที่ท่านผู้มีเกียรติกำลังชมอยู่ในขณะนี้ เป็นแหวนที่ถูกทำขึ้นในสมัยแผ่นดินรัชกาลที่ 4 โดยช่างทองโบราณในพระบรมมหาราชวัง ไม่มีข้อมูลหรือรายละเอียดใดที่สามารถชี้ชัดได้ว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของ แต่เนื่องจากเป็นการสั่งทำโดยฝีมือช่างทองในพระบรมมหาราชวังในแผ่นดินรัชกาลที่ 4 จึงน่าจะเป็นเครื่องประดับของเชื้อพระวงศ์หรือชนชั้นสูงในสมัยนั้น ซึ่งตัวแหวนสลักคำว่า “มณี”และ“บดินทร์ธร” เอาไว้ ทุกท่านเห็นจากจอทีวีแล้วนะค่ะ”พิธีกรเอ่ยเล่าประวัติความเป็นมาพร้อมใช้อุปกรณ์ชี้ไปทางชื่อย่อตรงหน้าจอ

“เนื่องจากแหวนมณีนพเก้ามีประวัติค่อนข้างสับสนพอสมควร จึงไม่สามารถยืนยันชี้ชัดอะไรไปมากไปกว่านี้ได้ โดยเจ้าของแหวนคนปัจจุบัน ได้นำแหวนมาร่วมการประมูล และนำรายได้จากการประมูลครึ่งหนึ่งบริจาคเป็นการกุศลให้กับสภากาชาด และเนื่องจากแหวนมีอายุจนถึงปัจจุบันนี้ 189 ปี มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและศิลปะช่างทองของสมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ผสมผสานกัน เหมาะกับการอนุรักษ์และศิลปะโบราณวัตถุเครื่องทองอันมีค่า จึงเปิดประมูลขั้นต่ำในราคาที่ 5 ล้านบาทค่ะ เชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเสนอราคาได้แล้วค่ะ”พิธีกรในงานเริ่มเปิดการประมูลแหวนมณีนพเก้าทันที

“ 6 ล้าน 5 แสนบาทครับ”

“ 6 ล้าน 9 แสนบาทค่ะ”

“7 ล้านบาทครับ

“7 ล้านสองแสนบาทครับ”

ราคาประมูลแหวนมณีนพเก้า ค่อยๆ ถีบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ จากผู้สนใจเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้กันอย่างคับคั่ง จนไม่น่าเชื่อเลยว่าแหวนปริศนาวงนี้จะมีราคาประมูลสูงลิบลิ่วขึ้นไปทุกที และท่าทางการประมูลจะสิ้นสุดลงเมื่อเสียงให้ราคาแหวนดังขึ้น

“ 18 ล้านบาทค่ะ” เสียงหญิงสาวผู้ให้ราคาแหวนดังแทรกขึ้นท่ามกลางเสียงเอ็ดอึงของผู้ร่วมงาน พร้อมๆกับเสียงของพิธีกรเอ่ยขึ้นทันที

“โอโห! แหวนมณีนพเก้า ราคาสูงลิบลิ่วมากเลยค่ะแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน จะมีท่านใดให้ราคามากกว่า 18 ล้านบาทอีกไหมค่ะ เมื่อดิฉันขานราคาครบ 3 ครั้ง แหวนมณีนพเก้าวงนี้ก็จะถูกประมูลโดยผู้ประมูลงาน หมายเลข 12 เริ่มขานราคารับแหวนมณีนพเก้า 18 ล้านบาทครั้งที่ 1 ”พิธีกรเอ่ยขานราคารับพร้อมมองแขกผู้มีเกียรติไปรอบๆ บริเวณงาน”

“ไม่มีผู้สู้ราคาเพิ่มนะค่ะ 18 ล้านบาทครั้งที่ 2 ค่ะ”พิธีกรขานรับราคาครั้งที่สอง ก่อนจะเอ่ยสำทับเพื่อปิดจ๊อบงาน

“ยังไม่มีผู้สู้ราคาเพิ่มอีกนะค่ะ 18....”พิธีกรในงานเอ่ยได้เพียงเท่านั้น เสียงบุรุษหนุ่มดังก้องขัดการขานรับราคาทันที

“50 ล้านบาท”มหาเศรษฐีหนุ่ม ยกป้ายตัวเลขของผู้เข้าร่วมงานประมูล พร้อมเสนอราคาแหวนที่ทำให้คนทั้งห้องประชุมถึงกับตกใจในราคาประมูลที่ชายหนุ่มแปลกหน้าเสนอให้

“โอโห..ไม่น่าเชื่อเลยค่ะแขกผู้มีเกียรติ แหวนมณีนพเก้าราคาถีบตัวสูงขึ้นถึง 50 ล้านบาทแล้วค่ะ มีท่านใดให้ราคามากกว่า 50 ล้านไหมค่ะ มีไหมค่ะ”พิธีกรในงานกล่าวอย่างตื่นเต้น

“85 ล้านบาทค่ะ”หญิงสาวหมายเลข 12 เสนอราคาพร้อมชูป้ายของเธอขึ้น

“ว้าว..ว้าว แหวนมณีนพเก้าราคาถีบตัวขึ้นจนน่าตกใจแล้ว ไม่น่าเชื่อเลย ท่านใดจะให้ราคามากกว่า 85 ล้านบาท มีอีกไหมค่ะ สงสัยจะเหลือเพียงหมายเลข 12 และหมายเลข 45 เท่านั้นแล้วนะค่ะ เพราะราคาสูงจริงๆ ถ้าไม่มีจะขานรับราคาแล้วนะค่ะ”พิธีกรกล่าวพร้อมจะเริ่มต้นขานรับราคา

“ 200 ล้านบาท”อลันเสนอราคาเสียงดังก้องพร้อมชูป้ายของเขาขึ้น และราคาดังกล่าวเรียกเสียงเอ็ดอึงและทุกสายตาหันกลับมามองเขาเป็นจุดเดียว

“200 ล้านบาทค่ะแขกผู้มีเกียรติ แหวนมณีนพเก้าเสนอราคาที่ 200 ล้านบาทแล้วนะค่ะ น่าตื่นเต้นมากเลย โอโหเป็นการประมูลที่ทำให้ดิฉันใจหายใจคว่ำมากเลย ท่านใดให้ราคามากกว่า 200 ล้านบาทมีอีกไหมค่ะ”พิธีกรในงานเอ่ยพร้อมทอดสายตามองไปยังหมายเลข 12 พร้อมทำทีมองไปรอบๆ บริเวณ ก่อนจะมองไปที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด ราวกับว่าประวิงเวลาเพื่อรออะไรบางอย่าง

“มันเป็นใครมาเสนอราคาแหวนมณีนพเก้า ตั้ง 200 ล้าน แล้วฉันจะเอาเงินมากมายไปงัดราคากับมันได้อย่างไงกัน โธ่เว๊ย!”หญิงสาวหมายเลข 12 พึมพำด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะส่ายหน้าให้สัญญาณกับพิธีกรในงาน ว่าไม่สามารถสู้ราคาได้

“ดิฉันจะขานราคารับที่ 200 ล้านบาท ครั้งที่ 1 สำหรับแหวนมณีนพเก้านะค่ะ มีใครเสนอราคาเพิ่มไหมค่ะ”พิธีกรกล่าวพร้อมมองไปรอบๆงาน

“200 ล้านบาทครั้งที่ 2 ค่ะ มีท่านใดเสนอราคาเพิ่มอีกไหมค่ะ”

“200 ล้านบาทครั้งที่ 3 ค่ะ ออด..ออด..ออด”พิธีกรในงานพูดพร้อม ใช้มือกดปุ่มสัญญาณเป็นอันปิดการประมูลแหวนมณีนพเก้า

“เป็นอันว่าแขกผู้มีเกียรติ ผู้ถือหมายเลข 45 เป็นผู้ประมูลแหวนมณีนพเก้า ไปในราคา 200 ล้านบาทถ้วนนะค่ะ ขอเชิญเจ้าหน้าที่ประมูล เข้าพบแขกผู้มีเกียรติหมายเลข 45 เพื่อแจ้งขั้นตอนต่างๆต่อไปด้วยค่ะ สำหรับดิฉันขอส่งมอบหน้าที่ให้กับพิธีกรท่านต่อไปรับช่วงต่อนะค่ะ กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะ”

พิธีกรในงานรีบเอ่ยขอตัวพร้อมส่งหน้าที่ต่อให้กับพิธีกรคนต่อไป ก่อนจะค่อยๆ ก้าวออกไปจากบริเวณงานพร้อมกดรับโทรศัพท์ที่เธอถืออยู่ในมือราวกับว่าปลายสายมีเรื่องสำคัญบางอย่างกับเธอ ก่อนจะมาหลบอยู่ที่มุมเสาเมื่อคุยโทรศัพท์เรียบร้อยพร้อมเอ่ยกระซิบกระซาบกับกลุ่มคนของตน

“พวกเธอจะไปเอารายละเอียดต่างๆ ของหมายเลข 45 ที่ประมูลแหวนมณีนพเก้าใช่ไหม ได้รายละเอียดแล้วเอามาให้ฉันเลยนะ บอกว่ารับของภายใน 7 วันนะขอเวลาให้ทางเราจัดการให้เรียบร้อยก่อน”พิธีกรสาวเอ่ยบอกพรรคพวกของตน พร้อมหนึ่งในนั้นเดินตรงเข้าไปหาเป้าหมาย

พิธีกรสาวเหลือบสายตาไปมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ทั้งสมาร์ทและภูมิฐานเป็นอย่างยิ่งก้าวเดินออกจากห้องประมูล โดยมีผู้ติดตามเดินตามหลังอีก 3 คน ทิ้งผู้ติดตามอีกหนึ่งคนเพื่อให้รายละเอียดแก่เจ้าหน้าที่ในงาน ก่อนจะก้าวเดินออกไปจากห้องเมื่อให้รายละเอียดเสร็จสิ้น พร้อมๆ กับเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นพรรคพวกของเธอนำรายละเอียดกลับมาให้

“นี่ครับพี่ รายละเอียดที่พี่ต้องการ ได้มาแล้ว เขาสั่งจ่ายแคชเชียรเช็ค 200 ล้านให้วันนี้เลยอีก 15 นาที เจ้าหน้าที่ของธนาคารจะเอามาให้ในงานพร้อมรับแหวนมณีนพเก้าไปเก็บไว้ที่ธนาคาร”เจ้าหน้าที่ประมูลเอ่ยรายงาน

“อะไรนะจ่ายเงินสดวันนี้และรับแหวนวันนี้เลยเหรอ แล้วจะเปลี่ยนทันเหรอเนี่ย”พิธีกรสาวเผลอหลุดปากพูดออกไปโดยไม่ทันระวัง ก่อนจะรีบยกมือปากของเธอทันที

“อ้าว...เจ้าหน้าที่ธนาคารมาแล้ว เร็วกว่าที่คิดเสียอีก ผมไปก่อนนะพี่ต้องไปเตรียมเอกสารและส่งมอบแหวนให้กับทางธนาคารไปเก็บรักษาไว้ตามเจตนาของผู้ประมูลก่อนนะ แล้วค่อยคุยกัน”เจ้าหน้าที่ประมูลเอ่ยบอกเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารก้าวเข้ามาในงาน พร้อมผละจากไป ทิ้งพิธีกรสาวไว้ตามลำพัง ก่อนจะได้ยินเสียงหญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยถามเธอทางด้านหลัง

“จัดการตามที่ฉันสั่งเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”เสียงหญิงสาวที่มีอำนาจเหนือกว่าเอ่ยถาม

พิธีกรสาวถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่เธอรู้จักเป็นอย่างดีเอ่ยถามทางด้านหลัง หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอพร้อมค่อยๆ หันกายกลับมาเผชิญหน้า

“ไม่สามารถจัดการได้เลยค่ะหม่อมท่าน รายนี้จ่ายเงินและรับของวันนี้และเดี๋ยวนี้ บอกให้รับของภายใน 7 วันแต่ก็ยืนยันว่าจะรับวันนี้ให้ได้ พร้อมเอาแหวนไปเก็บไว้ที่ธนาคารด้วยค่ะ ดิฉันไม่มีเวลาที่จะสามารถจัดการอะไรได้ทันตามที่หม่อมท่านต้องการเลยค่ะ”พิธีกรสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดๆ เธอก้มหน้าอยู่ตลอดเวลาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับสตรีตรงหน้า

“คนประมูลมันเป็นใคร! มันเป็นเศรษฐีมาจากไหนและรู้ข่าวงานประมูลนี้ได้อย่างไง ถึงตัดหน้าเสนอราคามหาศาลขนาดนั้นแล้วประมูลเอาแหวนมณีนพเก้าไป!”สตรีตรงหน้าเอ่ยเสียงเข้ม

“เออ..เดี๋ยวนะค่ะ รายละเอียดอยู่นี่ค่ะดิฉันเพิ่งได้รายละเอียดมา”พิธีกรสาวเอ่ยพร้อมยื่นเอกสารของผู้ที่ประมูลแหวนมณีนพเก้าให้กับสตรีตรงหน้า

มือเรียวเอื้อมมือไปกระชากเอกสารที่ยื่นมาให้เธอเพื่ออ่านรายละเอียด คนที่กล้าเสนอราคาสู้กับเธอจนราคาถีบตัวสูงลิบลิ่วจนเธอไม่สามารถสู้ราคาเพื่อประมูลแหวนมณีนพเก้ามาได้ ทันทีที่อ่านรายละเอียด สตรีที่แลดูสูงศักดิ์ตรงหน้าถึงกับแสดงท่าทีเกี้ยวกราดออกมาทันที

“นี่มันเองเหรอเนี่ย! ไอ้เจตน์!”น้ำเสียงเกี้ยวกราดบ่งบอกถึงความโกรธ พร้อมขยำกระดาษที่อยู่ในมือของเธอปาทิ้งลงพื้นทันที ก่อนจะเอ่ยสั่งการ

“หล่อนโทรติดต่อนังมารตีให้ฉันเดี๋ยวนี้แล้วบอกให้มันมาพบฉันที่เดิม ฉันมีงานให้มันทำ!”สตรีสูงศักดิ์ตรงหน้าเอ่ยสั่งการด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นฟังไม่เสนาะรูหูเอาเสียเลย ก่อนจะกระแทกรองเท้าส้นสูงเดินออกจากห้องประมูลไปทันที ท่ามกลางความโล่งใจของพิธีกรสาว

“โอ๊ย!...เกือบไปแล้วเรา นี่ถ้าไม่คิดว่ามีบุญคุณกับครอบครัวจะไม่มารองมือรองตีนให้จิกหัวใช้และทำตัวเป็นหัวขโมยของโบราณให้แน่ อะไรกัน!เป็นเจ้าเป็นนายมีสืบเชื้อสายมาจากราชนิกูลซะเปล่า แต่ดันใช้วิธีสกปรกให้เราสับเปลี่ยนของ เอาของปลอมให้คนอื่นแต่ของจริงตัวเองได้ไป เงินก็ไม่ได้จ่ายแถมจะเอาฟรีๆ อีก อยากรู้นักเชียวว่าแหวนวงนี้มีดีอะไรนักหนาถึงอยากได้นัก ดีนะที่คนประมูลจ่ายเงินรับของเลยไม่งั้นเสร็จนังหม่อมขี้โกงนี่แน่ๆ คนอะไรทั้งสวย ทั้งรวยแถมยังมีเชื้อจ้าว แต่ไหงเป็นแบบนี้ไปได้”พิธีกรสาวเอ่ยนินทาลับหลัง พร้อมทอดสายตามองร่างระหงตรงหน้าที่เดินออกจากงานเห็นแต่เพียงด้านหลังไกลๆ

ห้องอาหารอิตาเลี่ยนภายในโรงแรม
ร่างบางระหงของสตรีสาวแสนสวยในชุดที่ตัดเย็บประณีตเป็นอย่างดี แลดูงามสง่ารับกับใบหน้าที่ถูกฉาบด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นเลิศราคาแพงลิบ เรียวปากเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเลือดนก ช่างขับกับใบหน้าที่ขาวนวลแลดูโดดเด่นจนบุรุษที่นั่งอยู่ภายในร้านทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ต่างจ้องมองเธอเป็นตาเดียวกัน

มือเรียวกำลังวนปากแก้วไวน์ไปมาด้วยสีหน้าที่ไร้สิ้นรอยยิ้ม ดวงตาสีดำสนิทถูกตกแต่งด้วยอายแชโดว์สีคลาสสิกตรงแนวเปลือกตา รับกับสีลิปสติกที่ฉาบอยู่บนเรียวปากของเธอ หญิงสาวเป็นคนสวยจัดและคมคาย มิหนำซ้ำในแวดวงสังคมเธออยู่ในระดับไฮโซและสืบเชื้อสายราชนิกูลในสายเลือด ไม่มีใครไม่รู้จัก เธอวรรณวิษา เทพรัตน์ ทายาทคนปัจจุบันของวังเทพรัตน์ที่ครอบครองสมบัติของตระกูลไว้เพียงคนเดียว ส่วนทายาทคนอื่นๆ ล้วนตายจากไปแล้วจนหมดสิ้น ทิ้งมรดกให้เธอครอบครองเพียงคนเดียวเท่านั้น

ร่างบางของมารตีค่อยๆ ก้าวเข้ามาภายในห้องอาหารอิตาเลี่ยน สายตาจับจ้องไปที่หม่อมคนงามกำลังนั่งรอคอยด้วยสีหน้าที่ทำให้เจ้าหล่อนไม่อยากเดินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะได้เลย แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธตามความคิดของเธอได้ มารตีค่อยๆ ก้าวเดินไปที่โต๊ะก่อนจะทรุดกายลงนั่งตรงข้ามกับผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายของเธอ

“กว่าจะนวยนาดมาได้ หล่อนทำให้ฉันรอเกือบชั่วโมงเลยนะแม่มารตี!”หญิงสาวเอ่ยน้ำเสียงดุดัน พร้อมเงยหน้ามองคนตรงหน้า

“เออ...เออมารตีรีบมาพบท่านทันทีที่ได้รับโทรศัพท์เลยค่ะ งานค่อนข้างเยอะ รถก็ค่อนข้างจะติดก็เลยเสียเวลาไปสักหน่อย”แม่ม่ายสาวรายงานเสียงตะกุกตะกัก

“เหรอ!ไม่ใช่หล่อนกำลังสำเริงสำราญอยู่กับคู่ขาจนแยกตัวออกจากกันไม่ได้อย่างนั้นหรือเปล่า...นังมารตี!แกมันเด็กในบ้านของฉัน ทำไมฉันจะไม่รู้สันดานของแกว่าเป็นอย่างไง อย่าลืมสิว่าท่านพ่อของฉันชุบเลี้ยงครอบครัวของแกมาทั้งโคตรเหง้าก็เลยว่าได้ เพราะฉะนั้นแกต้องสำเหนียกเอาไว้ให้จงหนักว่าใครมีบุญคุณคุ้มกะลาหัวแกอยู่ ถ้าไม่มีฉันแกจะได้เสวยสุขมีหน้ามีตาเท่าทุกวันนี้เหรอ”หญิงงามแต่ปากร้ายอย่างยิ่งยวด ด่าทอแม่เลี้ยงสาวอย่างไม่ไว้หน้าแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอถือกำเนิดมาจากชนชั้นสูง

มารตีกัดริมฝีปากของเธอแน่น ได้แต่ก้มหน้าฟังผู้เป็นนายของเธอ ด่าทอด้วยถ้อยคำที่แสนจะเจ็บแสบ มือเรียวทั้งสองข้างกำเข้าหากันจนแน่น ได้แต่ก้มหน้านิ่งฟังคำด่าโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย

“ตกลงแกจะลงมือจัดการลูกเลี้ยงของแกเมื่อไร”หญิงสาวสูงศักดิ์เอ่ยถามน้ำเสียงห้วน

“เร็วๆนี้ค่ะ กำลังหาจังหวะและวางแผนเพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่ามันถูกวางแผนฆ่า รอบๆ ตัวมันมีคนคอยอารักขาตลอดเวลา รถที่มันใช้ก็สั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศสามารถป้องกันกระสุนได้ ก็เลยต้องวางแผนให้รอบคอบหน่อยค่ะหม่อม”มารตีเอ่ยรายงานโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

“แต่ฉันจะให้แกเก็บมันวันนี้!ลูกเลี้ยงของแกตัดหน้าแย่งของที่ฉันอยากได้ มันเป็นสิ่งที่คุณชวดของฉันสั่งให้ลูกหลานเทพ รันต์เอามันคืนกลับมา กว่าฉันจะสืบรู้ว่าจะมีการนำเอามาประมูลออกขายในวันนี้แสนจะยากลำบาก แต่จู่ๆลูกเลี้ยงของแกก็มาประมูลของๆ ฉันไป เพราะฉะนั้นฉันไม่ต้องการให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเข้าใจไหมมารตี!”เจ้านายสาวผู้สูงส่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว

“มารตีเกรงว่าจัดการมันวันนี้ มันฉุกละหุกเกินไป ยังไม่รู้ว่าจะจัดการมันยังไงด้วยวิธีแบบไหนด้วยสิค่ะ”มารตีเอ่ยด้วยความกังวล

“ฉันไม่สน! ว่าแกจะจัดการลูกเลี้ยงของแกด้วยวิธีใด ลูกเลี้ยงของแกและตระกูลของมันจะต้องถูกฉันทำลายให้ให้ย่อยยับหมดสิ้นทั้งชีวิตและสมบัติของพวกมัน ตอนนี้เดชวโรดมก็เหลือแต่มันเท่านั้นเพราะฉะนั้นฉันไม่รอให้มันเสนอหน้าอยู่อีกต่อไป แกไปทำตามที่ฉันสั่งเก็บมันวันนี้ให้ได้!”ประโยคสุดท้ายหม่อมใจโหดเอ่ยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

มารตีถึงกับเงยหน้าขึ้นทันที เธอจ้องมองผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณและอยู่ในตระกูลที่สูงศักดิ์แต่เหตุใดถึงมีนิสัยใจคอเจ้าคิดเจ้าแค้นและโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ สั่งฆ่าคนเหมือนสั่งฆ่าปลาก็ว่าได้

“คุณท่านได้พบกับลูกเลี้ยงของดิฉันด้วยเหรอค่ะ”มารตีเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“ฉันไม่ได้อยากพบหรืออยากเจอมัน! แต่รู้ว่ามันเข้าร่วมงานประมูลวัตถุโบราณและประมูลแข่งกับฉันแล้วเอาของที่คุณชวดของฉันอยากได้ไป ฉันเกลียดมัน เกลียดตระกูลของมันทั้งโคตรเลย แกรีบไปจัดการทำตามที่ฉันสั่ง”หญิงสาวเอ่ยอย่างเคียดแค้น

“ทำไมคุณท่านต้องรีบร้อนด้วยค่ะ ถ้าเรารีบลงมือโดยไม่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า ถ้าพลาดขึ้นมาพวกเราจะถูกเล่นงานกันหมด ลูกเลี้ยงของดิฉันตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน แตกต่างไปจากเดิมไม่ใช่เป็นคนป่วยอมโรค ตั้งแต่มันถูกอุ้มไปฆ่าถึงอเมริกา และรอดกลับมาได้มันเปลี่ยนแปลงเป็นคนละคน มันระวังตัวมากไม่มีช่องว่างเข้าใกล้มันได้เลย ดิฉันคิดว่าเตรียมแผนการให้แนบเนียนจะดีกว่าไหมค่ะ จะได้ไม่พลาดเพราะถ้าพลาดคุณท่านจะพลอยตกที่นั่งลำบากไปด้วย”มารตีเสนอความคิดเห็น

“พรึ่บ!”น้ำไวน์สีแดงสดถูกสาดไปที่ใบหน้าของแม่เลี้ยงสาวโดยที่เจ้าตัวไม่ทันระวัง ทั่วทั้งใบหน้าจนถึงเสื้อผ้าของเธอช่วงบนเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด

“นี่คือสิ่งที่แกได้รับจากปากพล่อยๆ ของแก แกมันเป็นขี้ข้าของฉัน!มีหน้าที่ต้องปกป้องและทำให้ฉันปลอดภัยในทุกๆเรื่องๆ สิ่งที่ฉันสั่งให้แกทำ ไม่มีคำว่าปฏิเสธและจะต้องไม่ทำให้ฉันเดือดร้อนด้วย ถ้าแกไม่มีปัญญาทำให้ฉันได้ ก็เตรียมตัวไสหัวออกไปใช้ชีวิตเหมือนหมาข้างถนนได้เลย อย่าสะเออะมาอยู่ร่วมสังคมชั้นสูงต่อไปอีก ในเมื่อฉันทำให้แกลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมชนชั้นสูงได้ ฉันก็จะทำให้แกกลับไปเป็นหมารับใช้อยู่ตามข้างถนนได้เช่นกัน ถ้าไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตเก่าๆ แกก็ต้องเก็บลูกเลี้ยงของแกตามคำสั่งของฉันให้ได้ ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น”

สตรีสูงศักดิ์เอ่ยด้วยถ้อยคำหยามเหยียดและเต็มไปด้วยการดูถูกดูแคลน ร่างระหงค่อยๆ ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ก้าวเดินออกจากห้องอาหารสุดหรูโดยไม่แคร์สายตาของใครต่อใครที่มองเห็นการกระทำของเธอกับหญิงสาวสวยอีกคน

มารตีกัดริมฝีปากของเธอจนแน่น เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลออกมาจากเรียวปากจนริมฝีปากของเธอเต็มไปด้วยเลือดสดๆ ที่เธอกัดเพื่อระงับสติอารมณ์ มือเรียวทั้งสองข้างกำเข้าหากันจนเล็บกดจิกลงไปที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง ร่างบางสั่นเทาด้วยความโกรธ เจ้าหล่อนพยายามระงับสติอารมณ์อย่างเต็มที่ อาการของเธอในขณะนี้ทำให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์รอบด้านไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาช่วยเหลือเธอเพราะเกรงถูกพายุอารมณ์ของเจ้าหล่อนซัดเข้าให้

หญิงสาวค่อยๆ หันกลับไปมองร่างระหงของเจ้านายผู้สูงศักดิ์ ความโกรธแค้นและต้องสะกดกลั้นเก็บกดอารมณ์มาโดยตลอด ทำให้เธอสุดที่จะเหลืออดและไม่สามารถอดทนกับการกระทำของเจ้านายผู้สูงศักดิ์ของเธอได้อีกต่อไป แววตาบ่งบอกถึงความเกลียดและชิงชังอย่างเห็นได้ชัด

“แกอยากเห็นคนอื่นตายมากนักใช่ไหม นังผู้ดีโรคจิต! เพราะฉะนั้นฉันก็จะทำให้แกรู้ว่า อยากได้อะไรแต่แกจะไม่วันได้สมใจอย่างที่แกคิด แล้วแกจะรู้ว่าขี้ข้าอย่างฉันมันทำอะไรแกได้บ้าง นังสารเลว!”มารตีเอ่ยด้วยความเคียดแค้นและแสนชิงชัง สายตายังจ้องมองร่างระหงตามหลังอย่างไม่ลดละ



มณีภัสสร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2558, 17:23:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2558, 17:23:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 882





<< ตอนที่ 7 ท่านหญิงมณี   ตอนที่ 9 โชคชะตา >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account