บ่วงรักฝังแค้น
เมื่อความรักกลายเป็นความอาฆาตแค้น และตามจองเวรเขาและเธอไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่าภพชาติไหนจะขอตามจองล้างจองผลาญไม่ให้เหลือสิ้น ความรักและความแค้น
จากอดีตชาติติดตามเป็นเงาตามตัว เขาและเธอจะทำเช่นไรเพื่อหยุดความแค้นนี้ลงได้
Tags: บ่วง,รัก,ฝัง,แค้น

ตอน: ตอนที่ 7 ท่านหญิงมณี

ตอนที่ 7 ท่านหญิงมณี

ร่างสูงใหญ่ของท่านประธานหนุ่มคนใหม่ของกลุ่มบริษัทเดชวโรดม กำลังเดินตรวจงานตามแผนกต่างๆ ของแต่ละชั้น พนักงานต่างพากันมาต้อนรับประธานบริษัทคนใหม่ด้วยความชื่นชมอย่างยิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มส่งยิ้มให้กับพนักงานทุกคนและสองมือที่ยกขึ้นไหว้ตอบพวกเขาโดยไม่ถือตัวและไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะชายหนุ่มคิดอยู่เสมอว่าถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีเราในวันนี้เช่นกัน

เสียงตามสายในการแถลงนโยบายในการทำงานของเขาดังก้องไปทั่วทั้งตัวตึกและทั่วทุกชั้นของอาคารเดชวโรดม ซึ่งต่อไปป้ายอาคารก็จะต้องเปลี่ยนแปลงชื่อใหม่เป็น อาคาร AMS วโรดม หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานบริหารสืบต่อจากบิดารวมไปถึงสวัสดิการต่างๆ ที่มอบให้พนักงานชนิดที่ว่าพนักงานแต่ละคนแทบจะไม่ได้ตั้งตัว เมื่อทิศทางการบริหารเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้นการทำงานของพวกเขานับจากนี้ต่อไปจึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิง พวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่จากบริษัทฯ แต่ในขณะเดียวกันผลงานและความสามารถเป็นสิ่งการันตีค่าตอบแทนของพวกเขาให้หายเหนื่อยเช่นเดียวกัน

ภายในห้องประธานบริหาร

“เฮ้อ!...เหนื่อย!”หนุ่มหล่อรำพึงพร้อมร่างสูงใหญ่ของเขาทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกอันหนานุ่ม

อลัน เอนกายในท่านั่งสบายๆ ไขว่ห้างพร้อมสำรวจห้องทำงานของเขาที่บิดาเคยใช้นั่งทำงานอยู่ทุกวัน ก่อนจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ดวงตาที่แสนชวนฝันค่อยๆ มองไปรอบๆ จนทั่ว ก่อนจะได้ยินเสียงบ่นรำพึง

“ต้องตกแต่งดีไซน์ห้องทำงานใหม่ซะแล้ว จะได้ไม่รู้สึกหดหู่ บรรยากาศห้องทำงานแบบนี้อึมครึมน่าดู”ชายหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้รับแขก ก้าวตรงไปข้างหน้าเพื่อชมวิวของกรุงเทพมหานคร

อาคารวโรดม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพ มองเห็นตึกระฟ้ากระจัดกระจายไปทั่ว และสามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ไกลออกไป กรุงเทพกำลังเจริญเติบโต นักลงทุนให้ความสนใจที่เข้ามาลงทุนในประเทศเป็นอย่างมาก ดวงตาสีนิลกาฬยืนชมวิวของกรุงเทพผ่านกระจกของตัวอาคาร ก่อนจะขมวดคิ้วเข้มเมื่อเขามองเห็นบางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเขา
ตึกสูงระฟ้าคาดคะเนได้ว่า มีความสูงประมาณ 45 ชั้น ตั้งประจันหน้าห่างจากตึกเดชวโรดมพอสมควร ตัวตึกหันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับตึกของเขา และสิ่งที่ทำให้เขาต้องหยุดสายตาดั่งต้องมนต์สะกดนั่นก็คือชื่อภาษาอังกฤษของตึกหลังนั้นนั่นเอง

“MANEEPHATSORN!” อลันอ่านชื่อตึกดังกล่าวเหมือนคนกำลังตกอยู่ในภวังค์

“มณีภัสสร.. อะ...อะไรกันเนี่ย...ชื่อ...ชื่อของผู้หญิงที่เราเห็นในฝัน!มีจริงเหรอ!”ชายหนุ่มส่งเสียงตะกุกตะกัก

อลันแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองในสิ่งที่เขาเห็น สองมือยกขึ้นขยี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังคงเหมือนเดิม และครั้งนี้เขาไม่ได้ฝันแต่มันเป็นเรื่องจริงที่เขาเห็น

“ไม่...ไม่ฝัน....เราไม่ได้ฝันไปเรื่องจริงแน่ๆ...เจตน์...เจตน์...ได้ยินไหมที่พี่เรียก”ชายหนุ่มเรียกชื่อน้องชายของเขาเสียงดังไปทั่วห้อง ก่อนจะได้ยินเสียงวิญญาณของน้องชายค่อยๆ เอ่ยตอบกลับมา

“ได้ยินแล้วครับพี่ชาย แต่ผมไปหาพี่ชายไม่ได้นะ พระภูมิเจ้าที่ท่านไม่อนุญาต พี่ชายยังไม่ได้จุดธูปขออนุญาตให้ผมเข้าไป ต้องขออนุญาตท่านพระภูมิก่อน”น้องชายเอ่ยบอกเขา

“โธ่..ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย!พี่กำลังมีเรื่องด่วนที่จะถามแกเดี๋ยวนี้...และเวลานี้”อลันบ่นกระปอดกระแปด

“มีเรื่องเร่งด่วนขนาดนั้นเลยเหรอพี่ชาย ถามผมตอนนี้ก็ได้ถ้าผมรู้ก็จะตอบ พี่ชายได้ยินเสียงของผมอยู่แล้ว วิญญาณของผมไม่จำเป็นต้องปรากฏให้พี่ชายเห็นก็ได้”เสียงของน้องชายฝาแฝดเอ่ยตอบกลับมา

“ถ้าเช่นนั้นพี่อยากรู้ว่าแกเคยเห็น อาคารที่อยู่ห่างจากตึกของเราไหม มองจากห้องทำงานของคุณพ่อตรงมุมเก้าอี้รับแขก เป็นตึกสูงขนาดสัก 40 หรือ 45 ชั้นเห็นจะได้ หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา แกเคยเห็นตึกนี้ไหมเจตน์”ชายหนุ่ม พูดพร้อมเงี่ยหูฟังวิญญาณน้องชายของเขาเพื่อรอฟังคำตอบ

“ทำไมจะไม่เคยเห็นล่ะพี่ชาย พี่ชายจำที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้ไหมว่าผมออกไปอยู่คอนโดที่ซื้อไว้แถวริมแม่น้ำเจ้าพระยา คอนโดที่ผมซื้อก็คือตึกที่พี่ชายเห็นนั่นแหละ”เสียงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชายของเขา

“จะ...จริงเหรอ!”มหาเศรษฐีหนุ่ม รำพึงเสียงเบาหวิวก่อนจะได้ยินเสียงวิญญาณของน้องชายเอ่ยสำทับขึ้น

“พี่ชายจำได้ไหมที่ผมบอกว่า ผู้หญิงในภาพถ่ายที่พี่ชายฝันเห็นและรู้ชื่อในความฝันและมีบรรดาศักดิ์สูง ผมไปหาข้อมูลมาให้แล้ว ผู้หญิงในฝันของพี่มีตัวตนจริงๆ นะอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 4 ชื่อจริงถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของตึกนี้ และคนธรรมดาอย่างเราเรียกชื่อเฉยๆ ไม่ได้เพราะมีบรรดาศักดิ์ ต้องเรียกว่าท่านหญิง และที่ดินในละแวกนั้นเป็นของท่านหญิงทั้งหมดเลย แต่น่าเสียดายที่ดินในละแวกนั้นของท่านหญิงถูกคนรุ่นหลังขายต่อให้กลุ่มนายทุนไปหมดแล้ว”เจตน์เอ่ยบอกพี่ชาย ก่อนจะได้ยินเสียงแผ่วเบาของพี่ชายฝาแฝดเอ่ยถามกลับมา

“ผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนจริงๆ เหรอ แต่...ถ้าเขาอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 4 มันกี่ปีแล้วล่ะ”อลันเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ข้อมูลของผู้หญิงที่เขาปักใจ

“ก็ไม่มากไม่มายสักเท่าไร น่าจะสักร้อยกว่าปีเกือบๆ สองร้อยปีแล้วล่ะพี่ชาย”

“หา!”อลัน อุทานออกมาเสียงแผ่วเบา ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังอย่างไงบอกไม่ถูกพร้อมเสียงวิญญาณของเจตน์บอกเล่ารายละเอียดเขาได้รู้

“ผู้หญิงในฝันของพี่ ต้องเรียกว่าท่านหญิง มีชื่อเต็มๆว่า หม่อมเจ้าหญิงมณีภัสสร สุริยารังษี หรือที่เรียกกันจนติดปากว่าท่านหญิงมณี ในคอนโดที่ผมอยู่มีภาพวาดฝีพระหัตถ์ของท่านหญิงอยู่ในห้องจัดแสดง ซึ่งมูลนิธิของท่านหญิงได้อนุญาตให้นำมาจัดแสดงได้ ภายในคอนโดมีภาพวาดเก่าๆ เครื่องใช้ส่วนพระองค์ของท่านหญิงและของโบราณอื่นๆ จัดแสดงไว้ให้ชมด้วยนะพี่ชาย เป็นการให้เกียรติท่านหญิงซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีภาพวาดหรือภาพถ่ายของท่านหญิงมณีหลงเหลืออยู่เลย แต่ทำไมพี่ชายถึงมีภาพถ่ายของท่านหญิงได้ น่าแปลกใจมากๆ เลย และนี่แหละคือสิ่งที่ผมไปหาข้อมูลมารายงานให้พี่ชายได้รู้แล้วล่ะ”

มหาเศรษฐีหนุ่ม ยืนนิ่งไม่ขยับเรือนกายแม้แต่น้อยประสาทสัมผัสทางการฟังของเขาทำงานเก็บข้อมูลที่ได้ยินจากวิญญาณของน้องชายฝาแฝดไม่มีขาดตกหล่นแม้แต่นิดเดียว จะมีเสียงเต้นหัวใจของเขาเท่านั้น ที่มันเต้นแรง รัวและเร็วจนรู้สึกว่าหัวใจของเขาจะกระเด็นหลุดออกมาอยู่ข้างนอกก็ว่าได้

“ฉันจะซื้อตึกนั้น! พาพี่ไปตึกนั้นเดี๋ยวนี้เลยเจ้าเจตน์”อลันเอ่ยบอกน้องชายท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตกใจของน้องชายฝาแฝด

“พี่ชาย!จะซื้อตึกนั้นทั้งตึกเลยเหรอ ราคามันไม่ธรรมดาเลยนะ กี่พันล้านก็ไม่รู้ เงินนะไม่ใช่กระดาษเงินกระดาษทอง หู้ยย!เอาเงินมาจากไหนตั้งมากมายเยอะแยะ”วิญญาณของเจตน์ส่งเสียงดังเอ็ดอึงเมื่อล่วงรู้เจตนาของพี่ชายฝาแฝด

“แกลืมไปแล้วเหรอวะเจ้าเจตน์ ว่าพี่ชายแกคนนี้เป็นมหาเศรษฐีระดับโลก! และสาเหตุที่พี่ซื้อตึกนี้ก็เพราะแกจะได้เข้าออกคอนโดนี้ได้ง่าย และแกก็อยู่อาศัยคอนโดนี่ไม่ใช่เหรอ อีกอย่างพี่ก็อยากมาเปลี่ยนบรรยากาศ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นการผ่อนคลายให้ตัวเอง”อลันเอ่ยบอกน้องชาย แต่เหมือนน้องชายจะรู้ทันเสียงวิญญาณน้องชายฝาแฝดเอ่ยดักคอขึ้นมาทันที

“ไม่ใช่เพราะว่าที่ดินผืนนั้นเคยเป็นของท่านหญิงมณี และตึกนั้นก็ใช้พระนามของท่านหญิงพี่ชายถึงต้องการซื้อตึกนั้นพร้อมที่ดินเอามาไว้ในครอบครอง และที่ซื้อเพราะพี่ตกหลุมรักท่านหญิงมณีเข้าให้แล้ว อย่างน้อยได้ครอบครองสิ่งที่เป็นตัวแทนของท่านก็ยังดี ผมพูดถูกไหมพี่ชาย”

อลัน ยืนนิ่งเงียบไม่เถียงน้องชายฝาแฝดของเขาแม้แต่คำเดียว สิ่งที่น้องชายของเขากล่าวมาทั้งหมดเป็นจริงทุกอย่าง เขาตกหลุมรักภาพถ่ายหญิงสาวในชุดโบราณ ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่อายุก็ร้อยกว่าปีเกือบสองร้อยปีเข้าไปแล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมเขาจึงรู้สึกราวกับว่าผูกพันและเหตุใดจึงตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจผู้หญิงคนไหนแม้แต่น้อย

“เอา...เอา...พี่ชายเรายืนนิ่งเงียบเลยสงสัยพูดถูกทุกอย่าง กระแทกใจอย่างแรง ไม่น่าเลยพี่ชาย จะตกหลุมรักผู้หญิงทั้งทีดันไปหลงรักคนที่ตายไปแล้วตั้งร้อยกว่าปี ป่านนี้ท่านหญิงมณีคงไปเกิดใหม่แล้วล่ะ หรือไม่ท่านก็คงอยู่บนสวรรค์ไม่ได้ลงมาเกิดให้เราเห็นง่ายๆหรอก งดงามราวกับนางฟ้าซะขนาดนั้น พี่ชายนะพี่ชายไม่น่าเลย”เจตน์รำพึงรำพัน

“เอาเถอะอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย แกไปคอยพี่ในรถแล้วค่อยคุยกันอีกทีหลังจากเดินทางถึงคอนโดแล้ว เพราะถ้าคุยกันในรถ พี่ชายแกคนนี้จะเป็นคนบ้าในสายตาคนอื่นๆ”อลันเอ่ยบอกน้องชาย

“แต่ผมว่าตอนนี้คนที่อยู่ข้างนอกเขาคงคิดว่าพี่เป็นแล้วล่ะ เพราะพี่ชายคุยกับผมอยู่คนเดียวเป็นนานสองนาน และพี่ชายก็ลืมตัวตะโกนเรียกชื่อผม ป่านนี้คนด้านนอกคงพากันงงไปหมด ว่าพี่ชายตะโกนเรียกชื่อตัวเองทำไม”

“เออใช่.....ไม่น่าเล้ยยยเรา”อลัน ส่ายศีรษะของเขาไปมาด้วยความเจ็บใจในการกระทำของตัวเอง

ชายหนุ่มสามารถติดต่อกับวิญญาณน้องชายฝาแฝดได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่คนอื่นไม่ได้เป็นหรือเห็นเหมือนอย่างเขา เพราะฉะนั้นการที่เขาได้พูดคุยกับวิญญาณน้องชายฝาแฝด จึงเหมือนคนบ้าที่คุยอยู่เพียงคนเดียวในสายตาของคนอื่นๆ ซึ่งเขาคิดว่าเป็นการดีเสียอีก ที่เขาสามารถติดต่อกับน้องชายฝาแฝดของเขาผ่านทางโลกวิญญาณ เพราะมันทำให้เขาได้รู้ในสิ่งที่คนอื่นยังไม่สามารถล่วงรู้ได้

ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
มณีภัสสร คอนโดมีเนียม

ตึกสูงระฟ้าขนาด 45 ชั้น เพิ่งสร้างเสร็จและเปิดเป็นทางการเมื่อปลายปีที่แล้ว ตั้งตระหง่านไม่ไกลจากริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ของคอนโดมีทางเดินเชื่อมต่อตั้งแต่คอนโดจนถึงริมฝั่งแม่น้ำมีท่าเรือสำหรับจอดเรือของคอนโดนี้โดยเฉพาะ และผู้ที่พักอาศัยภายในคอนโดนี้ก็มีหลายคนที่มีเรือยนต์ส่วนตัว ใช้สำหรับขับเพื่อชมวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาและบางครั้งก็ใช้เป็นเส้นทางลัดเพื่อหลบหลีกการจราจรที่คับคั่งแออัดของกรุงเทพมหานคร

ร่างสมาร์ทของมหาเศรษฐีหนุ่ม กำลังยืนจ้องมองแม่น้ำเจ้าพระยาที่ทอดตัวยาวอยู่ตรงหน้าเขาในขณะนี้ กระแสลมจากแม่น้ำพัดมาเป็นระยะๆ คลื่นม้วนตัวกระทบกับฝั่งมาเป็นระลอก สองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยามีบ้านเรือนทั้งรูปแบบทันสมัยและบางหลังบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นบ้านในสมัยเกือบ 80 ปีก่อน ยังคงหลงเหลืออยู่และถัดไปไม่ไกล โรงแรมหรู คอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ ปลูกสร้างขึ้นในยุคหลังๆ กระจัดกระจายเต็มสองฝั่งของแม่น้ำ

ชายหนุ่มยืนสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดทั้งสองข้าง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเยือนออกมาเป็นระยะๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เขายืนมองสายน้ำตรงหน้าได้พักใหญ่แล้วโดยไม่ขยับไปไหนเลยแม้แต่น้อย เขาชอบที่นี่มากถึงมากที่สุด ความรู้สึกแบบนี้ที่เกิดขึ้นกับตัวเขามันคืออะไร ตัวเขาเองก็ไม่สามารถบอกได้แต่ความรู้สึกมันบอกว่า เขาชอบที่นี่และไม่อยากไปไหนเลย อยากอยู่ตรงนี้ตลอดไป

“พี่ชายถึงกับยืนเหม่อเลยเหรอ เห็นยืนมองแม่น้ำมาตั้งนานแล้ว”เสียงวิญญาณของเจตน์เอ่ยทำลายความเงียบพร้อมปรากฏร่างยืนอยู่ข้างๆ พี่ชายฝาแฝดของเขา

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันเจตน์ว่าทำไมถึงยืนมองแม่น้ำโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย ทั้งๆ ที่อเมริกาก็มีแม่น้ำสวยๆ เยอะแยะแต่มันไม่เคยทำให้พี่รู้สึกว่า อยากมองและไม่อยากไปไหนแล้ว”อลัน เอ่ยบอกน้องชาย

“อืมมม...ความรู้สึกแบบนี้เขาเรียกว่าความทรงจำของชาติที่แล้ว มันทำให้ห้วนรำลึก เพราะที่ผมตัดสินใจซื้อที่นี่ก็เพราะมีความรู้สึกเหมือนกับพี่ชายไม่แตกต่างกัน เมื่อชาติที่แล้วเราสองคนคงจะเคยเกิดแถวๆนี้กระมัง”เจตน์เอ่ยบอกพี่ชายของเขา

“เฮ้ย!..ไอ้น้องชาย ชาติที่แล้วอะไรกัน มโนหรือเปล่าแกเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ พี่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ชอบเป็นพิเศษไม่เกี่ยวกับชาติที่แล้วหรอก”ชายหนุ่มเอ่ยคัดค้านความคิดน้องชายกลับไป

“พี่ชายไม่เชื่อเพราะคิดว่าอดีตชาติไม่มีจริง เหมือนที่พี่ชายเคยคิดว่าผีหรือวิญญาณไม่มีอยู่จริง แล้วตอนนี้ที่ผมกลายเป็นผี กลายเป็นวิญญาณอยู่ตรงหน้าของพี่ชายตอนนี้ ทำไมพี่ชายถึงเชื่อว่าผีและวิญญาณมีอยู่จริงแล้วล่ะ”เจตน์ยกเหตุผลขึ้นบอกพี่ชาย และนั่นทำให้พี่ชายฝาแฝดของเขายืนนิ่งเงียบไปทันที

“เออ...ไอ้...ไอ้เรื่องนี้พี่ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าพี่ไม่เถียงแกแล้วเพราะพี่คิดว่า ทุกอย่างต้องมีที่มาและที่ไปเสมอเหมือนมีเหตุก็ต้องมีผล เราเข้าไปในคอนโดกันเถอะพี่อยากเข้าไปเดินดูห้องที่ใช้จัดแสดงของท่านหญิงตามที่แกเล่าให้พี่ฟัง
”อลันพูดพร้อมส่งยิ้มให้กับวิญญาณน้องชายฝาแฝด พลางก้าวเดินนำหน้าไปอย่างช้าๆ

“อืมมม...แปลก...พี่ชายต้องมีอะไรเกี่ยวพันกับที่นี่แน่ๆ เลย เอ๊ะ!หรือว่าเราก็จะเกี่ยวด้วยวะเพราะตอนแรกที่มาเห็นที่นี่เป็นครั้งแรกก็มีความรู้สึกเหมือนพี่ชายตอนนี้เลย”เจตน์บ่นพึมพำ

“รีบตามมาเร็วๆสิ มัวทำอะไรอยู่”เสียงพี่ชายร้องเรียก

“ไปแล้ว!...ไปเดี๋ยวนี้แหละครับพี่ชาย”วิญญาณของเจตน์ ขานรับพี่ชายกลับไป

ร่างโปร่งแสงค่อยๆ เคลื่อนย้ายเดินตามหลังพี่ชายฝาแฝดของเขาไปทุกฝีก้าว จนเดินมาถึงหน้าห้องจัดแสดงซึ่งภายในนั้นมีภาพวาดฝีพระหัตถ์ของท่านหญิงมณี จัดแสดงไว้อย่างมากมายรวมไปถึง ข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์มีจัดแสดงไว้ด้วย ซึ่งทายาทรุ่นหลังๆ ของท่านหญิงได้อนุญาตให้นำมาจัดแสดงได้ เพื่อน้อมรำลึกถึงท่านหญิง ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้และเพื่อให้คนทั่วไปได้ทราบประวัติความเป็นมาที่ดินผืนนี้ ที่ถูกพัฒนามาเป็นอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โดยการยินยอมของทายาทรุ่นปัจจุบันให้นำมาจัดแสดงเพื่อน้อมรำลึกถึง

มหาเศรษฐีหนุ่มเดินชมภาพวาดฝีพระหัตถ์ของผู้หญิงที่เขาเฝ้าชื่นชมในความฝันอย่างเงียบๆ ภาพวาดแต่ละภาพบ่งบอกได้ว่าคนวาดมีความสามารถและพรสวรรค์ในตัวเองอย่างมาก สามารถวาดรูปเหมือนของคนใกล้ชิดได้อย่างชนิดที่ว่าเหมือนกับต้นแบบไม่ผิดเพี้ยน หรือแม้จะเป็นภาพวาดธรรมชาติของแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งเจ้าของภาพวาดได้มีตัวตนอยู่ในยุคสมัยนั้น

ดวงตาสีนิลกาฬ ทอดสายตามองภาพวาดและเครื่องใช้ส่วนพระองค์ที่มีมูลค่าสูงลิบลิ่ว เป็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมอันงดงามไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับทองคำลวดลายวิจิตร อาภรณ์ที่ท่านหญิงทรงโปรด รวมไปถึงข้าวของอีกมากมายที่หาดูได้ยาก ร่างของหนุ่มรูปงามค่อยๆเดินชมด้วยความเพลิดเพลิน จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ตู้กระจกซึ่งภายในนั้นวางโชว์ พระธำมรงค์ ที่เป็นของท่านหญิง และหนึ่งในนั้นทำให้สายตาของเขาหยุดอยู่กับที่ไม่เดินต่อไปที่ไหนอีกเลย จนทำให้วิญญาณของเจตน์ที่เดินตามมาด้วย ต้องเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายฝาแฝดยืนจ้องไม่ขยับกายแม้แต่น้อย

“อือหือ...แหวนวงนี้สวยมากเลยนะเนี่ย ช่างทองสมัยโบราณออกแบบลวดลายยากๆ แบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว ท่าทางน้ำหนักของทองคำแท้คงจะหลายบาทน่าดู ราคาของเก่าคงแพงลิบลิ่วเลยแต่ถ้าเปรียบเทียบกับคุณค่าทางด้านโบราณคดีประมาณค่ามิได้”วิญญาณของเจตน์เอ่ยอย่างชื่นชมเมื่อมองแหวนในตู้กระจก แต่ครั้นเหลือบสายตามองพี่ชายที่ยืนยิ่งไม่ยอมขยับเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“แหวนตรงหน้ามันมีอะไรสนใจอย่างนั้นเหรอพี่ชาย”เจตน์เอ่ยถาม วิญญาณของเขามองเห็นพี่ชายค่อยๆ ยกนิ้วเรียวและชี้ลงไปที่แหวนตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่

“แหวนวงนี้พี่เห็นอยู่บนนิ้วของผู้หญิงในภาพถ่าย...ไม่ใช่สิพี่พูดแบบนั้นไม่ได้ เอาใหม่...แหวนวงนี้พี่เห็นท่านหญิงสวมอยู่ที่นิ้ว ใช่!วงนี้แหละเหมือนที่พี่ฝันเปี้ยบเลย โห!ไม่อยากจะเชื่อเลย ทุกอย่างที่ฝันมันมีจริงทั้งหมด มันมีตัวตนจริงทั้งหมดเจตน์”อลันเอ่ยบอกน้องชาย ชายหนุ่มยืนกลืนน้ำลายลงคอทันที เพราะเขามีความรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เชื่อมโยงและเกี่ยวพันกับเขา พร้อมเงยหน้ามองหาอะไรบางอย่างก่อนจะเห็นเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยดูแลความเรียบร้อยในห้องจัดแสดง

“เออ...คุณครับ..คุณครับ!”ชายหนุ่มร้องเรียกเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยดูแลความเรียบร้อยภายในห้องจัดแสดง

“พี่ชายจะทำอะไร”เจนต์เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พี่จะซื้อแหวนวงนี้!”อลันเอ่ยตอบน้องชายกลับไป

“หา!จะซื้ออีกแล้วเหรอ...เขาไม่ขายหรอกพี่ชาย เขาจัดแสดงไว้ให้เราชมเฉยๆ ไม่ได้มีไว้เพื่อขาย”เจตน์เอ่ยทักท้วงพี่ชายฝาแฝดของเขาทันที

“เฉยๆ ก่อนเถอะนะเจ้าเจตน์ ถามไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ถึงจะไม่ขายพี่ก็จะหาวิธีเอาแหวนวงนี้มาให้ได้”ชายหนุ่มเอ่ยตอบกลับไป

“เออเว้ยคนเรา!มีแบบนี้ด้วย ของเชื้อของเจ้า เกิดเจ้าของเขาหวงตามมาทวงคืนหักคอพี่ชาย จะว่าอย่างไง”เจตน์บ่นพึมพำพลางส่ายหน้าไปมา

“มีอะไรให้ช่วยเหลือครับ”เจ้าหน้าที่เอ่ยถามอลันทันทีที่เดินมาถึง

“คือผมอยากรู้ว่า แหวนที่อยู่ในตู้กระจกนี้เขาเรียกว่าแหวนอะไรครับ ลวดลายสวยมากผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”อลันเอ่ยถามเจ้าหน้าที่ ก่อนจะได้ยินคำตอบอธิบายกลับมา

“แหวนวงนี้เรียกว่า มณีนพเก้าครับเป็นพระธำมรงค์ที่ท่านหญิงมณีภัสสรทรงโปรดมาก จริงๆแล้วแหวนมณีนพเก้าจะมีสองวง วงที่จัดแสดงโชว์อยู่ในขณะนี้ ไม่มีพระนามของท่านหญิงสลักไว้บนตัวแหวน แต่อีกวงที่หายไปจะสลักพระนามของท่านหญิงเอาไว้ด้วยครับ”

อลันยืนนิ่งเงียบเมื่อฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ผู้คอยดูแลเช่นนั้น มีบางอย่างกระตุ้นให้เขาอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปกว่าเดิม

“พี่ชายถามเขาหน่อย ให้เขาเล่าประวัติแหวนมณีนพเก้าที่หายไปหน่อยจะได้ไหม ผมมีความรู้สึกอย่างไงไม่รู้ บอกไม่ถูก”เสียงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอก

“แกก็มีความรู้สึกเหมือนกับพี่อย่างนั้นเหรอวะเจ้าเจตน์”อลัน เผลอลืมตัวหันไปพูดกับน้องชายที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยลืมนึกไปว่าเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสถานที่กำลังยืนมองเขาอยู่เช่นกันด้วยความสงสัยว่าเขาหันไปพูดกับใคร ครั้นพอนึกขึ้นได้จึงรีบกลบเกลื่อนทันที

“เออ..คือผมชอบพูดคนเดียว บ่นอยู่คนเดียวดังไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยครับ จะเป็นการรบกวนไหมครับถ้าผมอยากทราบว่า ประวัติของแหวนที่เหมือนกันอีกวงหายไปได้อย่างไง”อลันเอ่ยถาม

“อืมมม..เรื่องนี้ไม่มีใครทราบเลยครับ จากบันทึกพระประวัติของท่านหญิงก็ไม่ได้ระบุไว้ ทราบแต่เพียงว่าแหวนได้หายไปพร้อมๆกับ วันที่ท่านหญิงสิ้นพระชนม์ในแม่น้ำเจ้าพระยา”เจ้าหน้าที่เอ่ยบอกเล่าประวัติที่มาที่ไปตามความเป็นจริงและนั้นทำให้สองพี่น้อง คนหนึ่งเป็นคนและอีกหนึ่งเป็นวิญญาณยืนนิ่งไปทันที

“ท่าน..ท่านหญิงสิ้นพระชนม์ในแม่น้ำเจ้าพระยาเหรอครับ ทำไม...ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น”อลันรำพึงด้วยความสงสัยระคนไม่เข้าใจ ก่อนจะได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่เอ่ยบอกเล่า

“เล่ากันว่าท่านหญิงทรงตกเรือที่นั่ง ขณะเสด็จไปพร้อมกับพระสหายสนิท ขณะที่เรือกำลังแล่นอยู่ในแม่น้ำก็โดนเรือบรรทุกสินค้าที่กำลังขนถ่ายสินค้าอยู่ในขณะนั้น ทำสินค้าตกใส่เรือที่นั่งของท่านหญิงตรงจุดที่ท่านหญิงประทับอยู่พอดี จึงทำให้ท่านหญิงกระเด็นตกจากเรือจมไปในแม่น้ำเจ้าพระยา และเพราะท่านหญิงทรงว่ายน้ำไม่เป็นก็เลยทำให้ช่วยเหลือพระองค์เองไม่ได้ กว่าจะงมหาพระศพเจอก็ผ่านไปหนึ่งคืน ซึ่งตอนที่พบพระศพเครื่องประดับที่ติดพระวรกายของท่านหญิงก็อยู่ครบหมด ขาดแต่แหวนมณีนพเก้าเท่านั้นที่หายไป”

“หือออ....หายไปเฉพาะแหวนอย่างนั้นเหรอ ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”มหาเศรษฐีหนุ่มเอ่ยด้วยความแปลกใจ

“ยุคสมัยแผ่นดินรัชกาลที่ 4 การสืบสวนสอบสวนไม่ทันสมัยเหมือนยุคนี้หรอกครับ ยุคนั้นยังไม่มีตำรวจนครบาลเลยด้วยซ้ำ สรุปได้แต่เพียงว่าเป็นอุบัติเหตุเท่านั้น การสิ้นพระชนม์ของท่านหญิงมณีภัสสรถือได้ว่าเป็นการสิ้นพระชนม์ของราชชินิกูลระดับสูงผู้ใกล้ชิด ในแผ่นดินรัชกาลที่ 4 ต่างพากันกล่าวขานในยุคสมัยนั้นเลยว่า ท่านหญิงมีสิริโฉมงดงามมากที่สุดในแผ่นดินของยุคนั้น ราวนางสวรรค์มาจุติ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีภาพวาดหรือภาพถ่ายของท่านหญิงหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่ใบเดียว ตัวผมเองก็อยากเห็นท่านหญิงนะ ว่าจะงามสมคำร่ำลือของคนในสมัยร้อยกว่าปีก่อนหรือเปล่า”ประโยคสุดท้ายเจ้าหน้าผู้ดูแลกล่าวรำพึงเบาๆ

“ท่านหญิงงดงามสมคำร่ำลือของคนในยุคนั้นจริงๆ แม้กระทั่งผู้หญิงในสมัยนี้ยังงดงามสู้ไม่ได้เลย”มหาเศรษฐีหนุ่มรำพึงออกมาเบาๆ

“อ้าว!..ท่านพูดราวกับว่าเคยเห็นภาพถ่ายหรือภาพเหมือนของท่านหญิงอย่างนั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกเบาะแสให้กับทางทายาทของท่านหญิงจะได้ไหมครับ ถ้าทายาทท่านรู้คงจะดีใจมากมิใช่น้อย”เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเอ่ยถามด้วยความกระตือรือรน

“เออ..ผมก็..ก็พูดไปอย่างนั้นแหละครับไม่มีหรอก ถ้ามีก็ดีสิ แล้วทำไมทายาทของท่านหญิงแท้ๆ ถึงไม่มีอะไรเกี่ยวกับท่านหญิงเลยล่ะครับ น่าแปลกน่ะ”อลันเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“อ๋อ...จะว่าไปแล้วทายาทโดยตรงของท่านหญิงไม่มีหรอกครับ เพราะทรงสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ 17 ชันษา ยังไม่ได้เสกสมรสเลย มีแต่พระญาติลูกพี่ลูกน้องว่ากันว่าทรงมีพระหทัยให้กับท่านชายของเสด็จในกรมพระองค์หนึ่งแต่ท่านหญิงก็ทรงสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน ทำให้ท่านชายเสียพระทัยมาก ไม่ยอมเสกสมรสกับผู้ใดเลยจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ตามไปอีกพระองค์ และกองมรดกของท่านหญิงที่เสด็จพ่อของท่านหญิงได้ทรงประทานไว้ให้ ก็มีพระญาติดูแลไว้ให้แต่ทำไปทำมา ก็ไม่สามารถดูแลไว้ได้ที่ดินเปลี่ยนมือมาหลายรุ่น จนกระทั่งกลุ่มนายทุนมากว้านซื้อนำมาสร้างคอนโด เหลือเพียงวังจันทรา เท่านั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่”เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลบอกเล่าเรื่องราวในสมัยก่อนอย่างละเอียด

เป็นงงและอื้ออึงไปฉับพลัน สองพี่น้องฝาแฝดยืนงงไปชั่วขณะจิตเมื่อได้รับฟังเรื่องราวที่แสนจะซับซ้อนพิสดารเสียเหลือเกินของท่านหญิงโฉมงาม

“เรื่องทำไมซับซ้อนซ้อนเงื่อนอะไรเช่นนี้หนอ พี่ชายว่าไหม แต่ที่แน่ๆเท่าที่ผมฟัง ท่านหญิงเหมือนถูกฆาตกรรมเลยความรู้สึกมันบอกอย่างนั้นนะ ทำอย่างไงผมถึงจะรู้เรื่องของท่านหญิงมณีหรือติดต่อดวงพระวิญญาณของท่านหญิงได้บ้างแฮะ”วิญญาณของเจตน์ เอ่ยเบาๆ กับพี่ชาย จนทำให้คนเป็นพี่หันกลับมามองน้องชายฝาแฝดด้วยแววตาบางอย่างที่เกิดขึ้น ก่อนจะหันกลับไปกล่าวกับเจ้าหน้าผู้ดูแล

“เออ...ผมรบกวนอยากได้นามบัตรหรือเบอร์ติดต่อ ผู้ที่ดูแลวังจันทราของท่านหญิงจะได้ไหมครับ คือผมอยากเห็นวังจันทราของท่านหญิง บางทีผมอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง”อลันเอ่ยบอกเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล

“อ๋อ..ถ้าเช่นนั้นรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะไปหยิบนามบัตรมาให้คุณท่านเพื่อติดต่อไปกับคนที่คอยดูแลวังจันทราของท่านหญิง”เจ้าหน้าที่เอ่ยตอบพร้อมเดินกลับไปเอาในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการ

และทันทีที่เจ้าหน้าที่เดินลับร่างไป มหาเศรษฐีหนุ่มหันกลับมาถามวิญญาณน้องชายฝาแฝดของเขาทันทีด้วยความใคร่รู้

“เจตน์!ที่เมื่อกี้บอกว่าจะหาทางติดต่อดวงพระวิญญาณของท่านหญิงมณี ทำได้จริงๆ เหรอ”

“โอโห!กระตือรือร้นจนออกนอกหน้าเลยนะพี่ชายเรา อาการแบบนี้เป็นอาการของคนหลงรักผู้หญิงจนสุดขั้วเลยรู้ไหม รักใครไม่รักดันไปหลงรักคนที่ตายไปแล้วด้วย ถ้าผมติดต่อดวงพระวิญญาณของท่านหญิงได้พี่ชายจะทำอย่างไง”เจตน์เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ก็...ก็...พี่อยากคุยและติดต่อกับท่านหญิงได้เหมือนที่ติดต่อกับแกได้อย่างไง ไม่รู้สิบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าอยากพบและอยากเจอท่านหญิงมาก ใจมันจะขาดอย่างไงก็ไม่รู้ หัวใจมันหวิวๆ พิกลตอนฟังเรื่องของท่านหญิง”มหาเศรษฐีหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝด

ดวงวิญญาณของเจตน์ ยืนกอดอกฟังพี่ชายฝาแฝดของเขารำพึงถึงท่านหญิงโฉมสะคราญ ดวงจิตของเขาสัมผัสได้ว่า พี่ชายฝาแฝดของเขาต้องมีอะไรเกี่ยวพันกับท่านหญิงไม่มากก็น้อย ก่อนะจะเอ่ยถามย้ำพี่ชายตรงหน้า

“แล้วไอ้การที่พี่ชายคิดจะซื้อที่ดินและทุกสิ่งทุกอย่างของท่านหญิงมณีเอาไว้ทั้งหมดแบบนี้ พี่ชายจะซื้อไว้ทำไม ไอ้ตรงจุดนี้แหละที่ผมงง ในเมื่อทายาทของท่านหญิงก็ไม่มีเพราะสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังสาวๆ แล้วก็ยังไมได้เสกสมรสด้วย ทายาทจะเกิดขึ้นได้อย่างไงพี่ชาย พี่ชายซื้อทุกสิ่งทุกอย่างของท่านหญิงเอาไว้เพื่ออะไร อย่าบอกนะว่าซื้อเก็บไว้เฉยๆ เอาไว้ดูต่างหน้า”

“ไม่รู้สิ! แต่ความรู้สึกพี่บอกว่า พี่ต้องซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของท่านหญิงคืนกลับมาให้ได้ทั้งหมด มันเป็นสิ่งที่พี่ต้องทำเพื่อท่านหญิงมณี”อลันเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝด

“แหม...เจ้าเล่ห์ซะด้วยนะพี่ชาย หาเรื่องเอาตัวเองมาเกี่ยวข้องเรื่องของท่านหญิงจนได้สินะ”เสียงวิญญาณของเจตน์เอ่ยแทรกขึ้น วิญญาณของชายหนุ่มยืนมองพี่ชายฝาแฝดที่กำลังหน้าบานเป็นกระด้ง หันกลับมายักคิ้วให้กับเขา

“ไม่งั้นจะทำธุรกิจเป็นแสนๆ ล้านได้อย่างไงกันไอ้น้องชาย ต้องเข้าถึงให้ถูกจุด พี่ทำธุรกิจมาเยอะไม่ว่าจะประเทศไหน อยากได้อะไร หรืออยากจะทำอะไรสักอย่าง และแม้กระทั่งอยากรู้เรื่องราวอะไรบางอย่างก็ต้องทำแบบนี้ เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ธุรกิจแต่มันเป็นสิ่งที่ใจพี่อยากทำ”อลันอธิบายให้น้องชายฝาแฝดฟัง

“อืมม...ฉลาด..พี่ชายฉลาดม้ากมาก ถามจริงๆ เหอะคงจะถามเป็นครั้งที่แปดร้อยแล้วกระมัง พี่ชายจะซื้อตึกและที่ดินทั้งผืนนี้ของท่านหญิงจริงๆ นะเหรอ แถมยังอยากได้แหวนของท่านหญิงอีก ทั้งๆ ที่เขามีไว้จัดแสดงไม่ใช่มีไว้เพื่อจำหน่ายทางการค้า พี่ชายคิดอะไรอยู่บอกผมได้ไหม แล้วปกติพี่ชายจะซื้ออะไรง่ายๆ แบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า”เจตน์เอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดด้วยความอยากรู้

“พี่แกไม่ใช่คนใช้เงินไม่เป็น พี่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่เจ้าเจตน์ พี่มีความรู้สึกว่าที่ดินผืนนี้และทั้งหมดนี้ที่แกกับพี่เห็นอยู่ในขณะนี้ เราจะต้องทำอย่างไงก็ได้ให้มันอยู่กับเรา พี่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรความรู้สึกของพี่มันบอกว่า พี่ต้องรักษาที่ดินผืนนี้และของทุกอย่างนี้ให้ได้ รวมไปถึงหาแหวนมณีนพเก้าของท่านหญิงที่หายไปด้วย พี่ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องเอาตัวเองเข้ามารับรู้เรื่องราวของท่านหญิง จะเป็นเพราะความบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่รู้”ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝด

“แต่ดวงจิตของผมสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ พี่ชาย มีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวพันกับพี่ชายและท่านหญิงมณีไม่มากก็น้อย พี่ชายอาจจะไม่เชื่อเรื่องอดีตชาติเพราะอยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด แต่ผมเชื่ออดีตชาติว่ามีจริงแน่นอนแล้วผมจะหาคำตอบนี้ให้ได้”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชายของเขา

“ขอบใจมากไอ้น้องชาย ส่วนเรื่องอดีตชาติที่บอกพี่ถึงดูว่ามันจะเชื่อยาก แต่ก็ฟังไว้ไม่เสียหลาย...เอาเถอะไม่ต้องใส่ใจอะไรมันมาก เสร็จจากนี้จะได้กลับบ้านกัน วันนี้เป็นวันที่คุณพ่อจะมาหาพวกเราแล้วนะ”อลันอธิบายความรู้สึกให้น้องชายฝาแฝดของเขาได้รับรู้ ก่อนจะก้มลงจ้องมองแหวนมณีนพเก้าที่เขาเคยเห็นในความฝัน ดวงตาชวนฝันจ้องมองแหวนตรงหน้าด้วยหัวใจที่เฝ้าคิดถึงคนที่เป็นเจ้าของ

“พี่ชาย”เจตน์เอ่ยเรียกพี่ชายฝาแฝดของเขาเบาๆ ได้เพียงเท่านั้นก็ต้องเงียบเสียงลง

ดวงวิญญาณของเจตน์คิดว่า กล่าวอะไรตอนนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ เขาจะหาคำตอบนี้ด้วยตัวของเขาเอง ขอเวลาในการฝึกปฏิบัติให้มากกว่านี้สักหน่อย เขาก็คงจะล่วงรู้ได้ในไม่ช้า อย่างน้อยโลกแห่งวิญญาณที่เขาเพิ่งจะเข้ามาสัมผัสคงจะให้คำตอบเขาได้ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

คฤหาสน์เดชวโรดม
ภายในห้องนอนตึกปีกซ้าย

ห้องนอนขนาดใหญ่ โอ่โถงเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีครบครัน ระเบียงใหญ่เปิดรับลมเข้าสู่ห้องได้อย่างเต็มที่ ทำให้ไม่อึดอัดแลดูอุดอู้เหมาะสำหรับคนป่วยที่ต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ร่างของชายชราร่างหนึ่งกำลังนอนหงายอยู่บนที่นอนใหญ่ ท่ออ๊อกซิเจนพร้อมสายน้ำเกลือและยาปฏิชีวะนะที่ให้ผ่านทางเส้นเลือดมุ่งตรงรักษาพยาบาลอาการของชายชราผู้นี้ พยาบาลพิเศษและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถูกส่งตรงมาเพื่อดูแลอาการของชายชราผู้นี้โดยเฉพาะ

คมกริช เดชวโรดม ชายชราผู้เคราะห์ร้าย ถูกเมียสาวและชู้รัก ลอบทำร้ายจนต้องเข้ารับการรักษามาเป็นเวลานาน ชายชราถูกวางยาเบื่อหนูมานานแรมปี ก่อนจะมีอาการทรุดหนักเพราะยาที่สะสมอยู่ในตัวมาเป็นเวลานานเริ่มส่งผลร้ายให้กับเขา แต่เหมือนเขายังไม่หมดกรรม จึงต้องได้รับความทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อถูกชู้รักของเมียสาววางยาทำลายความรู้สึกของอวัยวะ จนทำให้หมดความรู้สึกไปทุกส่วนและตัวยาดังกล่าว ส่งผลทำให้ชายชรากลายเป็นเจ้าชายนินทรานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ประตูบานใหญ่ของห้องนอน บัดนี้ปรากฏร่างโปร่งแสงวิญญาณของเจตน์ยืนอยู่หน้าประตู วิญญาณของชายหนุ่มรีบก้าวเข้ามาพ่อของเขา ที่ยังมีลมหายใจอยู่แต่ไร้สิ้นการตอบสนอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเมื่อคิดได้ว่า เขาไม่มีโอกาสได้ดูแลพ่อของเขาได้อีกต่อไปแล้ว

“พวกคุณไปพักกันก่อน เดี๋ยวผมจะดูแลคุณพ่อของผมต่อเอง”อลัน ก้าวเข้ามาในห้องนอนพร้อมเอ่ยบอกพยาบาลพิเศษที่กำลังเฝ้าดูแลอยู่ภายในห้อง

มหาเศรษฐีหนุ่ม ค่อยๆก้าวเข้าไปหาบิดาผู้ให้กำเนิดที่แท้จริง ร่างสูงทรุดกายลงนั่งบนเตียงนอน ดวงตาชวนฝันมองใบหน้าซีดเซียวของบิดาแม้ๆ ด้วยความเศร้าใจ เขาได้มีโอกาสเห็นบิดาผู้ให้กำเนิดและมีโอกาสช่วยชีวิตของบิดาให้รอดพ้นจากบุคคลที่หมายปองร้าย แต่สภาพตรงหน้าของบิดาทำให้อลันหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาสีนิลกาฬเหลือบขึ้นมองดวงวิญญาณของน้องชาย ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับเขายิ่งเห็นน้องชายฝาแฝดเหลือเพียงแค่ดวงวิญญาณไม่อาจฟื้นคืนกลับมาได้อีก ภายในใจของมหาเศรษฐีหนุ่มยิ่งเคียดแค้นกลุ่มคนที่วางแผนชั่วนี้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ก่อนจะเอ่ยทำลายความเงียบ

“ทำไมทำหน้าเศร้าอย่างนั้นล่ะเจตน์ ไม่ดีใจเหรอที่เห็นคุณพ่อ เห็นไหมท่านดีขึ้นเยอะแล้วนะ”อลัน เอ่ยถามน้องชายฝาแฝด พร้อมมือหนาเอื้อมไปยกมือเหี่ยวย่นของบิดามากุมไว้ ท่ามกลางสายตาที่แสนเศร้าของน้องชายฝาแฝด

“ผมรู้สึกเสียใจที่เกิดมาบุญน้อย ไม่มีโอกาสได้ดูแลคุณพ่ออีกแล้ว ตอนที่คุณพ่อนอนป่วยไม่สบายอยู่โรงพยาบาลผมก็โดนมารตีกีดกันไม่ให้เข้าไปเยี่ยมคุณพ่อเลย จนผมต้องให้เจ้าหน้าที่หน้าห้องไอซียูช่วยเหลือให้พาผมเข้าไปเยี่ยมคุณพ่อ และวันนั้นทำให้ผมรู้ว่า ผมยังมีพี่ชาย”เจตน์เอ่ยตอบพี่ชายกลับไปพร้อมเงยหน้ามองพี่ชายฝาแฝดที่กำลังนั่งมองน้องชายของเขาด้วยความสงสาร

“พี่อยู่ตรงนี้แล้ว พี่สัญญาว่าจะไม่ให้ใครทำอะไรคุณพ่อของเราได้อีก อย่าคิดมากนะเจตน์ ดวงวิญญาณของแกจะพลอยเศร้าและหม่นหมองไปด้วยนะ เดี๋ยวไม่บรรลุหรอก”ชายหนุ่มกล่าวติดตลกเพื่อให้น้องชายคลายความเศร้า

“เออ..พี่ชายเข้าใจเปลี่ยนมุขนะและเข้าใจพูดด้วย ขืนทุกข์โศกมากเดี๋ยววิญญาณของผมจะหม่นหมอง มันก็เป็นจริงอย่างที่พี่ชายบอกนั่นแหละ ว่าแต่คุณพ่อจะต้องเป็นแบบนี้อีกนานไหมพี่ชาย”

“พี่เพิ่งคุยกับหมอมาสารพิษตกค้างที่อยู่ในตัวคุณพ่อ กำลังใช้วิธีการทางการแพทย์สมัยใหม่ขับมันออกมา อีกไม่นานมันก็จะหมดไปจากตัวคุณพ่อแล้ว ที่เหลือก็รอแต่ให้ท่านฟื้นขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งเปอร์เซนต์ในการฟื้นก็ค่อนข้างน้อยซะด้วยเพราะคุณพ่อโดนพวกมันเล่นงานจนต้องอาศัยปาฏิหาริย์ช่วยซะแล้ว”อลันกล่าวตอบน้องชาย

“โธ่...คุณพ่อ” เจตน์รำพึงด้วยความสงสารบิดาผู้ให้กำเนิดอย่างจับใจ

“แล้วพี่ชายได้หลักฐานคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมดหรือยัง”เจตน์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“พี่ส่งคนตามสืบและเก็บหลักฐานรายละเอียดต่างๆ ให้เพียงพอเพื่อจะจัดการพวกมันให้สาสม เสียดายก็ตรงที่แกก็มามีอันเป็นไปเสียก่อน ทำให้ไม่มีพยาน นอกเสียจากจะตามหาคนที่ไปด้วยกับแกเจอ”อลันเอ่ยบอกน้องชาย

“คุณอาเข็มชาติเหรอ! คุณอายังอยู่ใช่ไหมพี่ชาย”เจตน์เอ่ยถามด้วยความร้อนรน

“ไม่รู้เหมือนกันว่ายังมีชีวิตอยู่ หรือถูกเก็บไปแล้วแต่ตามหาเท่าไรก็ไม่เจอ แต่เอ...คุณอาเข็มชาติไม่ได้บินมาอเมริกาพร้อมกับแกด้วยเหรอ”อลันเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เปล่าครับพี่ชาย วันที่ผมจะเดินทางมาหาพี่ชาย คุณอาเข็มชาติบอกว่าให้ผมบินล่วงหน้าไปก่อน เพราะมีคนสะกดรอยตามคุณอาอยู่ตลอดเวลา ถ้าได้จังหวะปลอดเมื่อไรแล้วคุณอาจะบินตามมาสมทบที่หลัง ทางอเมริกามีคนของคุณอาคอยรับผมและพาผมมาหาพี่ชาย พอผมถึงบ้านพักที่แอนทรานีโอก็ไม่รู้อะไรอีกเลย จนกระทั่งรู้ว่าตัวเองตายแล้วนี่แหละ”

“ขนาดตายยังไม่รู้เรื่องเลย ทำไมถึงได้ไว้ใจคนได้ง่ายๆ แบบนี้นะเจตน์”อลัน บ่นให้น้องชายฝาแฝดของเขา

“ก็ผมถูกวางยาจะไปรู้ได้อย่างไงว่า พวกนั้นมันลวงผมมาฆ่าทิ้งถ่วงน้ำแบบนั้น จะตายทั้งทีให้ตายแบบสบายๆ หน่อยก็ไม่ได้ ถ้าพี่ชายสื่อสารกับผมไม่ได้มีหวังศพผมยังคงอยู่ใต้น้ำเป็นอาหารให้ฝูงปลาแทะกินจนเหลือแต่กระดูกไปหมดแล้วกระมัง”
คำพูดของเจตน์ทำให้พี่ชายของเขา มีสีหน้าถมึงทึงขึ้นมาทันที ดวงตาสีนิลกาฬที่เคยชวนฝันบัดนี้แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แววตาดุดันและเต็มไปด้วยความน่ากลัวแฝงอยู่ในแววตา

“บรื้อออ...พี่ชายน่ากลัวมากเลย ทำไมพี่ชายถึงมีอารมณ์เคียดแค้นรุนแรงขนาดนี้ ดวงจิตผมสัมผัสได้เลย น่ากลัว น่ากลัวมาก”เจตน์เอ่ยบอกตามความรู้สึกของเขา

“พี่จะไม่มีวันปล่อยคนที่ทำให้แกต้องตายลอยนวลนานหรอกเจ้าเจตน์ มันจะต้องตายเหมือนหมาข้างถนน ในเมื่อมันกล้าที่จะฆ่าคนเพื่อสนองความต้องการของมัน ชีวิตของพวกมันเท่านั้นที่จะต้องชดใช้ ให้มันไปนอนอยู่ในคุกจะสบายเกินไป”อลันเอ่ยอย่างเหี้ยมเกรียม

“รวมไปถึงมารตีด้วยหรือเปล่าพี่ชาย”

“ใช่! ถ้าแม่นั่นยังไม่หยุดทำเรื่องชั่วๆ อีกต่อไป คุกก็ไม่พอสำหรับคนชั่วและแพศยาแบบนั้น!”อลันเอ่ยบอกน้องชาย

“พี่ชายจะทำให้พวกเขาตายอย่างนั้นเลยเหรอ!อย่าทำเลยนะมันบาป ผมไม่ได้เคียดแค้นพวกนั้น ไหนๆ ผมก็ตายไปแล้วให้มันจบไปเถอะพี่ชาย เขาทำอย่างไงก็ได้อย่างนั้น ใช้ชีวิตอยู่ในคุกก็เพียงพอแล้วสำหรับคนพวกนั้น อย่าจองเวรกันเลยพี่ชาย อโหสิกรรมให้กับพวกเขาไปเถอะ”เจตน์เอ่ยบอกพี่ชาย ตามประสาคนจิตใจอ่อนโยน

“ไม่!ถึงแกจะอโหสิ แต่พี่ไม่อโหสิให้กับพวกมัน! มันทำลายชีวิตคนบริสุทธิ์คนหนึ่งไปอย่างง่ายๆ โดยไม่คิดว่าคนถูกฆ่าจะเป็นอย่างไง แล้วถ้าพวกมันถูกฆ่าบ้างพวกมันจะรู้สึกอย่างไงบ้าง”อลันเอ่ยด้วยความเคียดแค้น

“แต่ว่าพี่ชาย!”เจตน์เอ่ยห้ามปราม

“พอแล้วเจ้าเจตน์...แกไม่ต้องห้ามพี่ตอนนี้พี่คือตัวแก เพราะฉะนั้นพี่จะทำทุกอย่างเพื่อทวงความยุติธรรมคืนให้กับแก มันเล่นมาอย่างไงมันจะต้องได้รับการตอบสนองเป็นร้อยเท่าทวีคูณ พี่จะไม่มีวันให้อภัยพวกมันเด็ดขาด โดยเฉพาะมารตี!”อลันเอ่ยตอบน้องชายกลับไป พร้อมก้าวเดินออกไปจากห้องนอนของพ่อเขาด้วยสีหน้าถมึงทึงและเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่อยู่ภายในใจ

“โธ่...พี่ชาย...เพิ่งรู้ว่าเป็นคนโกรธแรง แค้นแรง สงสัยมีความรักต้อง เป็นคนรักแรงและขี้หึงโคตรๆ ดีนะที่ท่านหญิงมณีเป็นคนเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ถ้าเกิดมาเจอพี่ชายในตอนนี้มีหวัง คนรักแรงแบบพี่ชายถ้าเกิดอกหักเพราะไม่สมหวัง ไม่รู้จะเป็นอย่างไงต่อไป...เฮ้อ”เจตน์เอ่ยด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อคิดถึงเรื่องพี่ชายฝาแฝดของเขา

ภายในห้องนอนใหญ่

ร่างสูงใหญ่ดั่งชาวยุโรปของมหาเศรษฐีหนุ่ม กำลังแหงนหน้ายืนมองดูดวงดาวอยู่บนท้องฟ้า คืนนี้เดือนหงายดวงจันทร์สีเหลืองนวลใหญ่กว่าทุกค่ำคืนที่ผ่านมา ดวงดาวน้อยใหญ่ส่งประกายระยิบระยับไปทั่วท้องฟ้า ดวงตาสีนิลกาฬทอดสายตามองดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยความเศร้าสร้อย ในยามนี้เขารู้สึกเงียบเหงา ว้าเหว่และเดียวดายอย่างบอกไม่ถูก อภิมหาเศรษฐีที่รวยติดอันดับต้นๆ ของโลกเช่นเขา สามารถมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากจะได้ตามความต้องการ แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าสิ่งที่เขาโหยหามากที่สุดนั่นคือ ความรักนั่นเอง เขาเกิดมาไม่เคยรักใครและไม่คาดคิดว่าจะรักผู้หญิงคนไหนได้ แต่รักครั้งแรกของเขาก็พลันบังเกิดกับหญิงสาวที่มีชีวิตอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน โชคชะตากำลังเล่นตลกกับเขาอะไรกันแน่

ภาพถ่ายขาวดำของท่านหญิงมณี ถูกล้วงมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต มือหนายืนถือรูปถ่ายของท่านหญิงโฉมสะคราญ ดวงตาที่แสนจะชวนฝันของเขา จ้องมองภาพถ่ายของท่านหญิงราวกับว่าอยากให้คนในภาพถ่ายตรงหน้ามีชีวิตขึ้นมาจริงๆเสียนี่กระไร

“ทำไมถึงไม่มีใครเคยพบเห็นหรือภาพวาดของท่านหญิงเลย ทำไมพวกเขาถึงบอกว่าท่านหญิงทิ้งร่องรอยแค่เพียงความทรงจำไว้ให้เท่านั้น และทำไมผมถึงมีภาพถ่ายและฝันเห็นท่านหญิงได้ เราสองคนมีอะไรเกี่ยวพันกันใช่ไหมและท่านหญิงรู้บ้างไหมว่าผมรู้สึกอย่างไงกับการที่ได้พบกับท่านหญิงแบบนี้ ท่านหญิงรู้ไหมว่าผมทรมานมากเหลือเกิน”อลัน รำพึงรำพันกับภาพถ่ายตรงหน้าเขา ก่อนจะกัดริมฝีปากหยักได้รูปสวยของเขาจนแน่น เมื่อรู้สึกตัวว่าพูดอยู่กับภาพถ่ายที่กำลังถืออยู่ในมือ

“โธ่เว้ย!เราท่าจะประสาทและบ้าไปแล้วแน่ๆเลย พูดกับภาพถ่ายอยู่ได้เป็นนานสองนาน ทำไมเราต้องมีอาการแบบนี้ด้วย เมื่อไรความรู้สึกแบบนี้มันจะหายไปสักที ความรู้สึกแบบนี้สลัดออกไป!สลัดออกไป!จะได้หายบ้าสักที!”ชายหนุ่มพูดพลางสลัดศีรษะของเขาไปมาแรงๆ เพื่อขับไล่ความรู้สึก แต่ยิ่งฝืนความรู้สึกของตัวเองกลับยิ่งเจ็บลึกจนสุดขั้วหัวใจ

สองแขนเท้ากับราวระเบียงเพื่อยันกายสูงใหญ่ของเขา เมื่อสลัดความคิดกับท่านหญิงมณีออกไปไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาแหงนมองดวงดาวบนท้องฟ้า ดวงตาสีนิลกาฬยืนจ้องมองดวงดาวเบื้องบนด้วยหัวใจที่แสนจะเหี่ยวเฉา

“หากชีวิตนี้จะต้องเกิดมาหลงรักผู้หญิงที่ตายไปแล้วร้อยกว่าปี แม้ผมกับคุณจะไม่สามารถพบเจอกันได้ แต่อย่างน้อยผมก็ยังขึ้นชื่อว่า ได้มีโอกาสเกิดมารัก และเป็นรักที่บังเกิดขึ้นในหัวใจของผมซึ่งห้ามไม่ได้ที่จะรักคุณ ดังนั้นความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณ มันไม่สามารถที่จะหมดรักไปได้ง่ายๆ รักของผมเป็นรักที่ไม่มีวันตาย”ชายหนุ่มพูดพร้อมค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ

“ หากชาติหน้าที่ใครต่อใครว่ามีจริงผมจะตามหาคุณให้พบและมอบความรักจากหัวใจของผมให้คุณเพียงคนเดียวตลอดทั้งชีวิต ผมรักคุณเพียงคนเดียวเท่านั้นและจะรักตลอดไปท่านหญิงมณี”อลัน รำพึงกับดวงดาวบนท้องฟ้า ดวงตาชวนฝันค่อยๆ เปิดขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่มีหมู่ดาวนับหมื่นล้านดวงประดับอยู่บนฟากฟ้าอย่างไม่รู้จบ

นับวันความรู้สึกของมหาเศรษฐีหนุ่มที่มีต่อภาพถ่ายหญิงสาวโบราณผู้สูงศักดิ์ยิ่งเพิ่มทวีคูณมากขึ้นความรู้สึกผูกพัน โหยหา อยากพบหน้าและอยากสัมผัส นับวันยิ่งมากขึ้นโดยที่เขาเองก็แปลกใจว่าทำไมจึงมีความรู้สึกเช่นนั้น หรืออดีตชาติเขามีความเกี่ยวพันกับหญิงสาวโบราณที่มีชีวิตอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน จึงทำให้เขาตกหลุมรักทันทีที่เห็นภาพถ่าย และยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวเมื่อล่วงรู้ว่าเธอไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้

เพราะความบังเอิญหรือโชคชะตาจึงทำให้มหาเศรษฐีหนุ่ม มีความรักครั้งแรกกับหญิงสาวที่มีตัวตนในอดีต แต่ไร้ตัวตนในปัจจุบัน มีเหตุสิ่งใดเล่าจึงชักนำให้เขาและเธอมาพบกันในสภาพเช่นนี้ ซึ่งคนอย่างอลัน แอนเดอร์สัน จะต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้กับตัวเขาให้จงได้



มณีภัสสร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2558, 15:18:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2558, 15:18:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 706





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8 แหวนมณีนพเก้า >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account