ซ่อนรักเพลิงมายา
“รู้ไหมว่าผมชอบ... เวลาที่ขาเรียวๆ ของนิก้าเกี่ยวเอวผม จิกปลายเท้าลงบนแผ่นหลังผม
ใช่... ใช่... อย่างนั้นแหละนิก้า แม่สาวแสนซน”

ไม่เคยมีครั้งใดที่ ‘ทิโมธี แมคคินสัน’ วิศวกรมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยล้นฟ้า

จะถูกคู่ควงระดับซูเปอร์โมเดลแถวหน้าของโลกอย่าง ‘วทานิกา ซาฟินา’ ทำให้โมโหโทโสได้ถึงเพียงนี้

เพราะเพียงแค่ไม่กี่วันที่เขาไม่ได้นั่งอยู่ฟรอนต์โรว์ของรันเวย์เพื่อชื่นชมคู่ควงของตน

เธอกลับมีภาพหลุดจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกแล้วยังปากแข็ง แบล็กเมล์ความรู้สึกของเขาด้วยเหตุผลง่ายๆ

...มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ!!

แล้วมีหรือที่แบดบอยไร้หัวใจ ผู้ไม่เคยแยแสกับความรู้สึกรักใคร่ใดๆ จะต้องเก็บเธอไว้ข้างกาย
ไม่เพียงแค่นางแบบสาวไม่กลับมาง้อขอคืนดี แต่เธอยังออกปากไล่ส่ง เป็นฝ่ายบอกตัดสัมพันธ์
ราวกับไม่เสียดายเลือดพรหมจรรย์ที่เขาเป็นผู้ทำลาย แถมควงผู้ชายเป็นข่าวใหญ่โตไม่เว้นแต่ละวัน!

การกระทำดังกล่าวมันเป็นการท้าทายแบดบอยไร้หัวใจอย่างเขายิ่งนัก

เธอคงไม่รู้เลยสินะ! ตลอดระยะเวลาที่แยกจากกัน เขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตเสเพลได้เช่นเคย
หากแต่ต้องนั่งมองรูปของเธอผ่านนิตยสาร

แล้วพาตัวเองเข้าสู่จินตนาการอันซ่านใจ โดยที่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องน่าอายเช่นนี้ให้ใครได้ล่วงรู้
ทิโมธีจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเธอให้กลับมาอยู่ข้างกาย

เพียงเพราะต้องการสลัดตัวเองให้หลุดจากคำว่า ‘ไอ้โรคจิต’

ซึ่งเขาไม่อาจเดินเข้าไปปรึกษาเรื่องน่าอายเช่นนี้กับจิตแพทย์!!

จึงบีบบังคับเธอทุกทาง ดักหน้าล้อมหลัง โดยไม่สนใจว่าวิธีการนั้น

จะทำร้ายจิตใจและทำให้หัวใจของเธอบอบช้ำมากเพียงใด

แต่เธอกลับตอบโต้เขาด้วยวิธีการอันแยบยลจนทำให้เขาแทบบ้าตาย

ด้วยการประกาศต่อโลกอย่างชัดแจ้งว่าเธอคือซิงเกิลมัมที่ไม่ต้องการเอ่ยถึงพ่อของลูก!

...แล้วแบดบอยหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมา

ท่ามกลางอคติต่อคู่ชีวิตและทะเบียนสมรส

จะดึงเธอกลับเข้าสู่อ้อมกอดได้อย่างไร

เมื่อเธอคือผู้หญิงโลภมากที่กล้าเรียกร้องทั้งสองสิ่งนั้นจากเขา
ด้วยคำพูดที่ว่า...

“กับเรื่องของความรักแล้ว ฉันออกจะโลภมากเสียด้วยซ้ำ
เพราะไม่ได้อยากพิเศษเหนือผู้หญิงคนอื่น
แค่อยากให้รักฉันเหมือนที่ฉันรักคุณเท่านั้นเอง”
Tags: ทิโมธี - วทานิกา

ตอน: ตอนที่ 11 100%

ราวหนึ่งชั่วโมงต่อมาทิโมธีและลีเดียก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลที่โคลอี้พักรักษาตัว แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไปถึงห้องพักผู้ป่วยวีไอพี แคโรลีนซึ่งโทรศัพท์นัดแนะกับลีเดียไว้อยู่ก่อนแล้ว ก็เดินมาสมทบด้วยสีหน้าตื่นตระหนก!

“คุณทิมมาพอดีเลยค่ะ ดิฉันมีเรื่องอยากปรึกษาน่ะค่ะ” แคโรลีนบอกพลางผายมือเชิญลูกเลี้ยงของตนให้เดินไปนั่งคุยกันยังมุมรับรองแขกที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้

“มีอะไรก็พูดมาเถอะครับผมรอฟังอยู่” ทิโมธีถามด้วยน้ำเสียงติดรำคาญเพราะเดินมานั่งตามคำบอกกล่าวได้สักพักแล้ว แคโรลีนก็ยังอ้ำอึ้งไม่เอ่ยปากออกมาเสียที

“เอ่อ... คือ...” แคโรลีนยังคงอึกอักพูดไม่ออกแต่เมื่อได้เห็นสีหน้ารำคาญจัดของลูกเลี้ยงที่รู้ดีว่าเริ่มหงุดหงิดใจเต็มทีแล้วจึงรีบพูดออกไปทันที “เมื่อสักครู่นี้นิก้ามาเยี่ยมโคลอี้น่ะค่ะ”

“อะไรนะ?” ทิโมธีถามราวกับไม่ได้ยินทั้งที่ความจริงได้ยินอย่างชัดเจนที่สุด กวาดสายตามองพลางจะผุดลุกขึ้น หากไม่ติดว่าลีเดียยังเกาะแขนไว้อย่างแน่นหนา “เธอกลับไปแล้วล่ะค่ะ... ความจริงดิฉันก็ไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้คุณทิมฟังนักหรอกนะคะ ยังไงเสียเธอก็เป็นอดีตสำหรับครอบครัวเราไปแล้ว อีกอย่างดิฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คิดร้ายกับโคลอี้”

เมื่อชั่วโมงที่แล้วนี้แคโรลีนได้มีโอกาสพบกับวทานิกา ซึ่งกำลังเดินออกจากห้องพักของโคลอี้และปะทะคารมกันอยู่สักพัก นางแบบสาวจึงกลับไปทั้งยังได้รู้จากพยาบาลที่เฝ้าไข้ว่า เธอมาเยี่ยมโคลอี้เกือบทุกวันบางวันก็เข้ามายืนมองนิ่งๆในห้อง บางวันก็เข้ามาสอบถามอาการแล้วก็กลับไป ซึ่งแคโรลีนก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้ว่า วทานิกาคงจะถือโอกาสในตอนที่ตนไม่อยู่เข้ามาเยี่ยมโคลอี้เท่านั้น และบังเอิญได้พบหน้ากับตนในวันนี้

“ทำไมคิดอย่างนั้น หรือเธอมาทำอะไรกับโคลอี้??” ทิโมธีถามด้วยความแปลกใจระคนนึกเป็นห่วงน้องสาวผู้น่าสงสาร

“ก็ถ้าดิฉันเข้ามาช้ากว่านี้ก็ไม่แน่หรอกค่ะ เพราะมองจากสายตาแล้วดูน่ากลัวพิกล เหมือนกับไม่อยากให้โคลอี้ฟื้นขึ้นมา ดิฉันคิดว่าถ้าเป็นไปได้เธอคงอยากให้โคลอี้ตายๆไปด้วยซ้ำ แต่จะทำยังไงได้ล่ะคะ โคลอี้ก็ผิดที่ไปต่อว่าเธอให้เจ็บช้ำน้ำใจอย่างนั้น” แคโรลีนกุเรื่องขึ้นมาโดยที่เรื่องทั้งหมดถูกโรเบิร์ต แลนดอนชู้รักวางแผนไว้ให้เป็นอย่างดี

ลีเดียเอื้อมมือไปกุมมือของแคโรลีนอย่างเห็นใจ “โธ่! อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ถือซะว่าโคลอี้เจอคนไม่ดีเลยต้องมารับเคราะห์ร้ายอย่างนี้ เฮ้อ... คนเรานี่รู้หน้าไม่รู้ใจนะคะ ภายนอกดูเหมือนเธอใสซื่อแต่ทำไมถึงได้ใจร้ายอย่างนั้น”

“โคลอี้โชคร้ายจริงๆจ๊ะ ตอนแรกที่โคลอี้พูดจาไม่ดีกลับหนูลีเดีย น้าก็คิดว่าหนูคงไม่พอใจมากแต่กลับตรงกันข้ามเลยจริงๆ” แคโรลีนเอ่ยชมพลางเหลือบสายตาไปมองยังใบหน้าคร้ามคมของทิโมธีที่กำลังนิ่งเงียบ แววตาสับสนอย่างเห็นได้ชัด

“หนูเป็นคนตรงๆค่ะ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ แต่ถ้าจะให้ถึงอาฆาตจนเลือดตกยางออกคงทำไม่ได้หรอกค่ะ นี่คุณน้าก็คิดเหมือนหนูใช่ไหมคะว่าโคลอี้บาดเจ็บครั้งนี้น่าจะมาจากนิก้า” ลีเดียถาม

“ตอนแรกก็ไม่เชื่อเท่าไหร่แต่พอได้เห็นสายตาของเธอแล้วก็ได้ปะทะคารมกับเธอก็พอจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวอยู่ไม่น้อย”

ทิโมธีใช้มือตบลงบนโต๊ะอย่างแรงราวกับหมดความอดทน “ให้ตายเถอะ!! รีบๆพูดออกมาได้ไหมว่าเธอมาทำไม มาทำอะไรถึงได้คิดว่าเธอจะมาทำระยำอะไรกับโคลอี้ ฉันเบื่อที่จะฟังพวกเธอรับมุกกันไปมาอย่างนี้แล้วนะ บอกแล้วว่าอย่าพยายามมาปั่นหัวฉัน! ถ้ามีหลักฐานอะไรแม้เพียงน้อยนิดที่เห็นว่านิก้าทำร้ายโคลอี้ล่ะก็ รีบๆพูดมา ฉันจะเป็นคนไปลากคอเธอมาส่งให้ตำรวจเอง!”

เสียงห้าวดุของทิโมธีที่ดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดนั้นทำให้แคโรลีน ลีเดียและอีกหลายคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเงียบกริบ หันมองชายหนุ่มอย่างตกตะลึงเป็นสายตาเดียวกันหากแต่ไม่ได้ทำให้แบดบอยมหาเศรษฐีสนใจกับสายตาของผู้คนรอบข้างเลย

“อะ...เอ่อ! คือว่าก็อย่างที่คุณทิมบอกนั่นแหละค่ะ ว่าต้องรอให้โคลอี้ฟื้นขึ้นมาเสียก่อนถึงจะสามารถบอกได้ว่าตอนนั้นเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นยังไง ดิฉันคงจะเป็นห่วงลูกมากเกินไปเลยทำให้พูดจากล่าวหาผู้หญิงของคุณทิม ขอโทษด้วยนะคะ” แคโรลีนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแสร้งยกมือขึ้นซับน้ำตาที่หางตาด้วยท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวแต่ในใจนั้นเชื่อแน่ว่าวทานิกาเป็นคนที่ทำให้ลูกสาวของตนนั้นได้รับบาดเจ็บเพราะคำพูอของลีเดียและโรเบิร์ตที่กรอกหูอยู่ทุกวันนั่นเอง

“ก็บอกว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงของฉันอีกต่อไป!” ทิโมธีระงับอารมณ์แล้วเค้นน้ำเสียงลอดไรฟันบอก

“แล้วที่คุณน้าบอกว่าปะทะคารมกับนิก้าน่ะ ยังไงกันคะ?” ลีเดียเริ่มถามให้ตรงประเด็นที่ซักซ้อมกันไว้ในระหว่างที่ทิโมธีกำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว

“เฮ้อ... ความผิดของน้าเองล่ะที่ไปถามเธออย่างนั้น” แคโรลีนยังแสร้งทำสีหน้าหนักใจต่อ “น้าถามเธอว่าทำไมถึงได้เลิกกับคุณทิม เธอก็ว่าคงสมใจน้าแล้วล่ะสิที่ทำให้หนูลีเดียเข้ามาแทนที่เธอได้ น้าก็เลยบอกไปว่าจริงอยู่ว่าหนูลีเดียชอบคุณทิมแต่ยังมีผู้หญิงอีกค่อนโลกที่ชอบคุณทิมเหมือนกันซึ่งเป็นธรรมดาของผู้ชายโสดที่มีเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติทุกอย่าง ทำไมเธอไม่ยอมอดทนเหมือนที่ผ่านมา เธอก็บอกว่าเธอเบื่อไม่อยากที่จะเป็นแค่ผู้หญิงของคุณทิมไปวันๆซึ่งไม่มีอะไรดีขึ้นมา สู้อยู่กับผู้ชายที่รักเธอดีกว่าถึงแม้จะไม่ได้มีเงินทองมากมายเหมือนคุณทิม แต่ก็ร่ำรวย มีชื่อเสียงทำให้เธอโด่งดังได้เหมือนกัน”

“ตายจริง! นิก้ากล้าพูดอย่างนั้นเลยเหรอคะ?” ลีเดียถามด้วยสีหน้าตกใจพลางเหลือบมองใบหน้าของทิโมธีที่กำลังบึ้งตึงสุดๆด้วยความดีใจเพราะมันเป็นแผนการที่ทำให้ทิโมธีนั้นเลิกคิดถึงวทานิกาจริงๆเสียที

แคโรลีนพยักหน้าเร็วๆรับทันที “จ้ะ... ดูเธอเป็นคนซื่อดี แต่ในที่สุดก็ไม่พ้นชื่อเสียงเงินทองจนทำให้น้าอดคิดถึงคำพูดของแอนโทนี่ไม่ได้...” แคโรลีนเอ่ยถึงพ่อของทิโมธี

“คำพูดอะไรคะ??” ลีเดียอย่างอยากรู้

“ก็ท่านมักพูดว่า ผู้หญิงคือของสวยงามที่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงิน หากจะหาความรักความจริงใจคงต้องดูกันไปนานๆ ดูอย่างน้าสิจ๊ะ... เป็นภรรยาของท่านนะแต่ก็รู้ว่าท่านไม่เคยไว้ใจเลย เรื่องนี้ดิฉันไม่ได้ตำหนิหรือน้อยใจท่านนะคะคุณทิมเพราะเข้าใจดีว่าท่านผ่านเรื่องร้ายๆในอดีตมาจนทำให้กลายเป็นบากแผลลึกฝังใจ พอมาได้ยินคำพูกของวทานิกาแล้วก็อดเห็นด้วยกับท่านไม่ได้”
แคโรลีนรีบหันมาพูดกับลูกเลี้ยงพลางใช้ไม้ตายที่รู้ดีว่าจะทำให้ทิโมธีตัดใจจากวทานิกาได้ดีที่สุด และมันยังเป็นเหมือนปมในใจของชายหนุ่มที่ทำให้ยังครองตัวเป็นโสด ใช้ผู้หญิงเปลืองจนกลายเป็นเพลย์บอยตัวฉกาจของโลกไปแล้ว!

“ไม่รู้สิคะ แต่ลีเดียว่าผู้หญิงที่เข้าใกล้ทิมก็ไม่ได้หมายความว่าต้องการชื่อเสียง เงินทองเสมอไปนะคะ ลีเดียเองก็ไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้นเลยเพราะเท่าที่มีอยู่นี่ก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้ว” ลีเดียเริ่มเสนอตัวเองทันที

“นั่นเพราะหนูลีเดียเกิดมาในตระกูลที่เพียบพร้อมน่ะสิจ๊ะ ซึ่งน้อยคนนักจะโชคดีอย่างนี้ มันถึงเป็นเรื่องธรรมดามากเพราะถ้าได้เป็นข่าวกับคุณทิมแม้เพียงแค่วันเดียวก็สามารถสร้างรายได้ก้อนโตให้กับพวกเธอได้ นี่น้ายังอดคิดไม่ได้ว่าถ้ายื่นเงินก้อนโตให้วทานิกาสักก้อน เธอคงจะรีบรับไว้ในทันที” แคโรลีนพูดตามคำบอกกล่าวของสองพ่อลูกตระกูลแลนดอนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง!

“ตกลงว่าโคลอี้ปลอดภัยดีใช่ไหม แล้วอาการโดยทั่วไปเป็นยังไงบ้าง?” ทิโมธีหลับตาอย่างคนระงับโทสะไว้เป็นที่สุดถามออกมาเมื่อวงสนทนาเงียบไปพักใหญ่

“อาการโคลอี้ก็เหมือนเดิมค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ที่เป็นห่วงก็มีแค่ว่าเมื่อไหร่จะฟื้นขึ้นมาสักทีเพราะดิฉันกลัวว่าถ้านานกว่านี้เกรงว่ากล้ามเนื้อจะอ่อนแรงน่ะสิคะ” แคโรลีนพูดด้วยความรู้สึกที่แท้จริง หากต้องยิ้มออกมาเมื่อได้ยินลูกเลี้ยงตนสั่งด้วยน้ำเสียงดุกร้าว เด็ดขาด

“ต่อไปนี้ห้ามให้ใครก็ตามที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับแมคคินสันเข้ามาเยี่ยมโคลอี้อีกเป็นอันขาด จะได้ไม่ต้องกังวลใจกับปัญหาที่มันยังคลุมเครืออยู่ ถ้าโคลอี้อาการไม่น่าเป็นห่วงอะไรงั้นผมก็จะกลับ” ทิโมธีผุดลุกขึ้นเต็มความสูงอย่างรวดเร็วพลางเหลือบสายตามองแม่เลี้ยงที่ลุกขึ้นตาม

“เอ่อ... คุณทิมคะ เรื่องธุรกิจที่ดิฉันขอยืมเงินมาลงทุนก่อนน่ะค่ะ ยังเหลือค่าใช้จ่ายในส่วนของการตกแต่งร้านที่เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย ดิฉันเลยอยากรบกวนคุณทิมเพิ่มน่ะค่ะ”

ทิโมธีมองแม่เลี้ยงปราดเดียวก็รู้แล้วว่าธุรกิจที่ทำไม่ช้าต้องพบกับปัญหาเพราะยังไม่รู้จักวางแผนการตลาดให้ดี ร้านยังไม่ทันจะเปิดก็ต้องยืมเงินลงทุนจำนวนมากซึ่งไม่รู้ว่ารายได้ที่เข้ามาจะครอบคลุมกับหนี้สินหรือไม่ หากอยากให้ลองลงมือทำดูด้วยตัวเองแล้วเปรียบเทียบดูว่าการเดินกรีดกรายไปมาชี้นิ้วสั่งงานคนในบ้านกับเงินเดือนมากโขที่สามารถใช้จ่ายได้อย่างสบายกับการต้องลงมือทำธุรกิจที่ตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน อย่างไหนจะทำให้แคโรลีนใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายมากกว่ากัน

“เบิกที่จอร์จก็แล้วกัน แล้วผมก็อยากเตือนไว้ด้วยว่าการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย หลักง่ายๆอย่างน้อยก็ต้องคำนวณรายได้ให้มากกว่ารายได้ ถ้ารายจ่ายบวกหนี้สินเพิ่มขึ้นมาด้วย นั่นก็ยิ่งต้องคิดทุกอย่างให้รอบคอบมากขึ้น” ทิโมธีเตือนแล้วเดินออกไปพร้อมด้วยลีเดียที่ตามเกาะแขนชายหนุ่มอยู่ไม่ห่าง ทั้งยังแอบส่งสายตาอย่างรู้กันมาให้แคโรลีนอย่างดีใจที่แผนการสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง

แคโรลีนกัดฟันมองลูกเลี้ยงที่เดินออกจากโรงพยาบาลไปด้วยความเจ็บใจ! แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้อย่างที่สุดเมื่อคิดถึงเงินก้อนใหญ่ที่จะได้มาเพราะว่าทิโมธีไม่เคยถามถึงลายละเอียดอยู่แล้ว แค่ส่งใบเสร็จต่างๆที่เมคขึ้นมาให้กับจอร์จ เพียงเท่านั้นลูกน้องมือขวาของทิโมธีก็จ่ายเช็คเงินสดให้อยู่แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะได้ไปพักผ่อนกับโรเบิร์ตกันสองต่อสอง สามารถควงกันไปไหนต่อไหนได้อย่างไม่ต้องแคร์สายตาของใครต่อใครเพราะที่ลาสเวกัสมีแต่เซียนพนันที่ไม่มีใครสนใจใครอยู่แล้ว แคโรลีนคิดอย่างตื่นเต้นพลางเดินไปยังห้องที่โคลอี้พักรักษาตัวอยู่เพื่อส่งข่าวให้ชู้รักของตนได้รับรู้


ช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมาดาเรียเฝ้ามองเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าภายใต้ท่าทางกระฉับกระเฉงทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตนี้ภายในจิตใจนั้นยังไม่เป็นปกตินักเพราะอาการเหม่อลอยในยามที่ต้องอยู่คนเดียว วทานิการับงานเดินแฟชั่นโชว์ถี่ยิบจนแทบจะไม่ได้พักผ่อน ทั้งยังมีนิตยสารหลายฉบับต่างติดต่อเข้ามาให้นางแบบสาวและรามอส รูบิโอ ถ่ายแฟชั่นร่วมกันอย่างล้นหลาม

การลงประเดิมสนามในสองแม็ตช์การแข่งขันที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ทำให้รามอส รูบิโอกลายเป็นนักเตะที่คนทั่วอังกฤษกล่าวขวัญถึงมากที่สุด ฝีเท้าและความสามารถเฉพาะตัวส่งผลให้ทั้งสองแมตช์ที่ผ่านมานั้นสโมสรต้นสังกัดสามารถเก็บคะแนนเต็มมาได้อย่างสวยหรู และแน่นอนว่านักเตะหนุ่มไม่ได้ดังเพียงแค่ในสนามแต่นอกสนาม ชีวิตส่วนตัวของเขาก็โด่งดังไม่แพ้ในสนามเช่นกัน

“นี่นิก้า ฉันว่าเราซื้อของกลับไปทำกินกันที่คอนโดดีกว่า ไม่เห็นต้องลากสังขารออกมาทานที่นี่เลย รู้ไหมว่าฉันยังง่วงอยู่” ดาเรียโอดครวญกับเพื่อนสนิทเพราะเพิ่งจะมีโอกาสได้พักผ่อนไม่ถึงหกชั่วโมงหลังจากโหมงานหนักติดต่อกันมาหลายวัน แล้วยังถูกปลุกจากการพักผ่อนอันแสนสุขขึ้นมาทานอาหารเย็นในร้านหรูซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเทมส์ สามารถมองเห็นลอนดอน อาย ในยามค่ำคืนที่ประดับประดาไฟไว้อย่างงดงาม “รู้ไหมว่าฉันอยากอยู่กับบ้าน สวมแค่เสื้อตัวเดียวเดินไปมา ไม่ใช่ต้องแต่งตัวเต็มที่ออกมานั่งถ่างตาทานอาหารเย็นนะ เธอเองก็เหมือนกันทำงานหนักกว่าฉันตั้งหลายเท่า ทำไมไม่รู้จักพักผ่อน”

“หยุดบ่นสักหนึ่งวินาทีก่อนได้ไหม ทำไมถึงได้ทำตัวเป็นยัยแก่บ่นจนฉันหูชาอย่างนี้นะ” วทานิกาบอกพร้อมดันตัวของดาเรียให้เดินเข้าไปในร้านอาหาร เดินตรงไปยังโต๊ะอาหารที่จัดไว้อยู่ริมแม่น้ำ วทานิกายิ้มพลางโบกมือให้รามอสซึ่งมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว หากแต่ใบหน้าอันหล่อเหลาของนักเตะหนุ่มทำให้ดาเรียถึงกับหยุดเดิน ทำตัวแข็งทื่อมองเพื่อนด้วยสายตาโกรธๆ

“ทำไมไม่บอกว่านัดกับนายนี่ไว้ ฉันจะได้นอนหลับสบายอยู่คนเดียว ปล่อยให้เธอมาสวีตกันสองต่อสอง” ดาเรียบ่น

วทานิกามองเพื่อนอย่างง้องอนและรู้ว่านั่นคือคำพูดประชดของดาเรีย “เอาเถอะน่า... อย่าเรื่องเยอะนักได้ไหม ยังไงๆก็มาถึงที่แล้ว หาอะไรทานก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้ เร็วสิเดินไป หยุดอย่างนี้มันเสียมารยาทนะ!”

“กับนายคนนี้ไม่ต้องมีมารยาทด้วยหรอก!” ดาเรียพูดด้วยใบหน้าง้ำงอจนคนมองอยากจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดัง แต่ก็รู้ว่าถ้าทำเช่นนั้นจะเป็นเรื่องเป็นราวกันขึ้นมาอีก รามอสเลยต้องข่มอารมณ์ไว้แต่ก็ยังเผลอยิ้มออกมาอย่างขันๆ จนดาเรียมองด้วยสายตาเอาเรื่อง เมื่อเดินมาหยุดที่โต๊ะอาหารริมแม่น้ำ

“หัวเราะเยาะเหรอ นิสัยไม่ดี” นั่นคือประโยคแรกที่นางแบบสาวชาวรัสเซียเอ่ยทัก

“สวัสดีค่ะรามอส รอนานไหมคะ?” วทานิกาทักทายนักเตะหนุ่มบ้าง เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เริ่มจะเปิดฉากปะทะคารมกันแล้วพลางกระตุกมือเรียวของดาเรียให้นั่งลงข้างๆ แล้วหันมายิ้มแหยๆกับรามอสอย่างเกรงใจ “อารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะค่ะ ฉันผิดเองที่ไปปลุกคนง่วงให้ตื่นมาเป็นเพื่อน”

“ครับ ผมไม่ถือสาคนง่วงหรอกครับ เพราะปกติถ้าผมง่วงแล้วมีคนมากวนใจก็จะเผลอพาลใส่อยู่ประจำ” รามอสบอกยิ้มๆ

“นายหาว่าฉันพาลเหรอ ไอ้คนขี้เก็ก!” ดาเรียถามเสียงดังจนหลายคนที่อยู่รอบโต๊ะหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน เดือดร้อนวทานิกาต้องกระแอมให้เพื่อนสนิทได้รู้ตัว แต่เมื่อดาเรียปรับอารมณ์ให้เย็นลงแล้วก็ต้องกัดฟันกับท่าทียียวนของผู้ชายตรงข้ามเพราะเขาชี้เข้าที่ริมฝีปากพร้อมทั้งดึงริมฝีปากล่างออกมาราวกับจะเตือนความจำ

‘ถ้ายังไม่เลิกจิกเรียกผมว่านายนะ ผมจะกัดปากคุณเหมือนที่คุณกัดปากผม!’ ดาเรียรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีเมื่อรู้ว่าท่าทางของรามอสนั้นหมายถึงอะไร

รามอสยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นนางแบบสาวนั่งหน้าบึ้งด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมขึ้นพลางหันมาถามนางแบบอีกคนที่มักเห็นเธอทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเป็นเงาตามตัวแต่แท้จริงแล้วกลับมีนิสัยแตกต่างกันลิบลับ “สั่งอาหารเลยดีไหมครับ ผมหิวจนตาลายแล้ว วันนี้ซ้อมหนักมากเลย”

วทานิกาบอกพลางหันไปสั่งอาหารกับบริกรหนุ่มเรียบร้อยแล้วจึงถามไถ่นักเตะหนุ่มอย่างเป็นห่วง “ไหวรึเปล่าคะ พรุ่งนี้ต้องไปถึงสตูดิโอแต่เช้านะคะ”

“อะไรนะนิก้า?!! นี่เธอคงไม่ได้หมายความว่ารับงานกับนาย... เอ่อ กับเขาอีกแล้วหรอกนะ!” ดาเรียโพล่งถามขึ้นมาในทันที

“ก็มีคนติดต่อมา ข้อเสนอก็แสนดีเยี่ยม มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ” วทานิกาหันไปพูดกับดาเรีย

ดาเรียหน้าบึ้งเพราะถึงวันนี้นักข่าวก็ยังไม่หยุดสร้างกระแสของคนสองคู่ขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะเป็นทิโมธีกับลีเดีย และวทานิกากับรามอส เชื่อแน่ว่าหากทั้งคู่ยังรับงานด้วยกันอีก สักวันต้องกลายเป็นแว็ก5ของเขาขึ้นมาจริงๆ (WAG : Wife And Girlfriend) ซึ่งนักข่าวมักเรียกภรรยาและแฟนสาวของหนุ่มนักเตะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง “ช่วงนี้ต้องซ้อมหนักพอสมควรเพราะมะรืนผมต้องเดินทางไปยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ที่ฝรั่งเศสด้วย ยังไงๆพรุ่งนี้ต้องเคลียร์งานถ่ายแบบให้จบอยู่แล้ว” รามอสบอกโดยไม่สนใจกับสายตาเกรี้ยวกราดของดาเรีย “แล้วคุณเป็นไงมั่ง โอเครึเปล่านิก้า ความจริงผมว่าคุณไม่ต้องรับงานถี่ขนาดนี้ก็ได้นี่นา มันออกจะหนักเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างคุณ”

“บอกแล้วไงคะว่าน้ำขึ้นให้รีบตัว ระยะเวลาในการทำงานของฉันกับคุณก็มีแค่ไม่กี่ปี เหนื่อยยังไงก็ต้องฉวยโอกาสนี้ตักตวงเอาไว้ก่อน เดี๋ยวคลื่นลูกหลังก็เกิดมาซัดเราจนคนลืมเองนั่นแหละ” วทานิกาพูดติดตลกพลางหัวเราะอย่างสดใส “แล้วคุณแม่คุณเป็นยังไงบ้างคะ ท่านปรับตัวกับเข้ากับที่นี่ได้บ้างรึยัง?”

รามอสยังไม่ตอบเพราะรอให้บริกรวางอาหารที่สั่งให้เรียบร้อยเสียก่อนพลางนึกชื่นชมการจัดการของร้านหรูนี้ที่สามารถเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วสมกับเป็นร้านอาหารชื่อดังนัก “ท่านก็เหมือนเดิมแหละครับ เก็บตัวเงียบเหมือนเดิม นี่ผมยังอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะต้องเดินทางไปฝรั่งเศสสองวันไม่มีใครอยู่กับท่านเลย แม่บ้านก็ยังหาไม่ได้ นี่ก็วานเพื่อนๆในทีมหาให้อยู่เหมือนกัน”

วทานิกาตักอาหารใส่จานให้ดาเรียตามปกติพลางคุยกับนักเตะหนุ่มไปเรื่อยๆ “น่าเป็นห่วงนะคะ ถึงท่านจะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แต่ก็มีอายุมากแล้วไม่อยากปล่อยให้อยู่คนเดียวเท่าไหร่ ขนาดคุณแม่ของฉันก็ยังต้องอยู่กับน้องสาวที่ประเทศไทยเลยเพราะหลังจากที่คุณพ่อเสียก็ไม่มีใครกล้าปล่อยท่านไว้คนเดียว”

“เสียใจเรื่องคุณพ่อของคุณด้วยนะนิก้า แล้วทำไมไม่พาท่านมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเลยล่ะ?” รามอสถามขณะที่รับประทานอาหารไปเรื่อยๆ บางครั้งก็เหลือบสายตาไปมองใบหน้าของดาเรียที่ตั้งใจฟังบทสนทนาที่เกิดเงียบๆ

“ท่านไม่อยากมาค่ะ นี่กว่าจะยอมไปอยู่กับน้าของฉันที่เมืองไทยก็ต้องยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่มาอยู่กับฉันที่นี่ก็ต้องไปอยู่ที่เมืองไทย ฉันไม่อยากให้ท่านอยู่มอสโคคนเดียวเพราะในบ้านล้วนแล้วแต่เป็นภาพความทรงจำของท่านกับคุณพ่อฉันทั้งนั้น ยิ่งจะทำให้ท่านคิดถึงไปกันใหญ่” วทานิกาบอกพลางหันไปมองเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างแปลกใจ “ทำไมไม่พูดบ้างล่ะดาเรีย นั่งเงียบเชียว”
“ก็เธอชวนฉันมาทานอาหารเย็นไม่ใช่รึ ไม่ได้ชวนมาคุยสักหน่อย” พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างสบายใจจนนักเตะหนุ่มเริ่มไม่แน่ใจว่าตนกำลังควงซุปเปอร์โมเดลชื่อดังของโลกนั่งรับประทานอาหารอยู่ถึงสองคนแต่ทำไมพวกเธอถึงทานได้มากมายราวกับว่าอาหารที่ทานเข้าไปมันยิ่งทำให้รูปร่างดูงดงามทั้งที่ความจริงแล้วมันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

แต่ปฏิกิริยาอันน่าประหลาดใจของวทานิกาที่กำลังตักหอยเชลล์ภู่ย่างเนยกระเทียมจ่อเข้าที่ริมฝีปากของตัวเองแล้วต้องวางช้อนลงอย่างรวดเร็ว อาการพะอืดพะอมดังกล่าวทำให้ดาเรียรีบลูบแผ่นหลังบอบบางอย่างตกใจ

“เป็นอะไรไปนิก้า... ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่นี่นา” ดาเรียถามด้วยน้ำเสียงตกใจพร้อมๆกับที่ร่างสูงใหญ่ของรามอส ลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้เข้ามายืนก้มตัวลงสอบถามอาการอยู่ใกล้ๆอย่างห่วงใย

“ไปหาหมอไหมนิก้า?”

วทานิกาโบกไม้โบกมือเชิงปฏิเสธหากอีกมือยังใช้ปิดปากพลางกระพริบตาถี่ๆ หอบหายใจ ดวงตาคู่หวานมองอาหารที่ยังค้างอยู่ในช้อนประหนึ่งว่าอาหารนั้นเป็นศัตรูกับตน “มะ...ไม่เป็นไรแล้ว เมื่อกี้รู้สึกเวียนหัวแล้วก็คลื่นไส้นิดหน่อย แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณมาก ฉันไม่เป็นไรแล้ว”

“ดีขึ้นแล้วจริงๆนะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้นอนพักผ่อนก็ไม่เชื่อ แล้วทีนี้เป็นไง?” ดาเรียบอกด้วยน้ำเสียงตำหนิระคนเป็นห่วง

“หัดปฏิเสธคนอื่นซะบ้าง ไม่ใช่อะไรๆก็รับปากเขาไปทั่ว เห็นไหมว่าคนที่ลำบากที่สุดก็คือตัวเธอเอง”

รามอสเลิกคิ้วกับคำเตือนด้วยความเป็นห่วงและยังตำหนิตัวเองเข้าอย่างจังด้วยสายตาหน่ายใจ

“ไม่เป็นไรแล้วน่า อย่าบ่นนักเลย...” วทานิกาข่มน้ำเสียงให้เป็นปกติบอกกับเพื่อนสนิท

“ไม่บ่นได้ไง รู้ไหมว่าเมื่อวานเธอฟุบหลับไปกับโต๊ะเครื่องแป้งในห้องแต่งตัวทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลยด้วยซ้ำ แล้วพรุ่งนี้ยังต้องไปถ่ายแบบอีก ใช้ร่างกายตัวเองแบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้จิตใจลืมเรื่องที่อยากจะลืมได้หรอกนะนิก้า มันแค่ทำให้เพลินไปเท่านั้นแต่ถ้าอยู่กับตัวเองเมื่อไหร่เธอก็กลับไปเศร้าอีกเหมือนเดิม”

“ดาเรีย” วทานิกาประท้วงเพื่อนสนิทด้วยสายตาขอร้อง ซึ่งคำพูดดังกล่าวก็ทำให้นักเตะหนุ่มผู้กำลังคิดอยากเริ่มต้นสานสัมพันธ์พิเศษกับนางแบบสาวลูกครึ่งเข้าใจได้ว่าเธอยังคงไม่ลืมคนรักเก่าที่เพิ่งเลิกรากันไปไม่นานนี้

ดาเรียเงียบเสียงลงเมื่อเห็นสายตาขอร้องของเพื่อนสนิทแต่ยังไม่วายทำปากขมุบขมิบจนวทานิกาอ่อนใจกับนิสัยเถรตรงของเพื่อน “ก็มันจริงอย่างที่ฉันว่านี่นา...”

วทานิกาส่ายหน้าให้ดาเรียที่หันไปจัดการกับอาหารเลิศรสต่อพลางหันไปพูดกับรามอส “คุยกันไปก่อนนะคะ ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”

ดาเรียมองตามแผ่นหลังบอบบางของวทานิกาที่เดินห่างออกไปจนลับตาแล้วหันมาประจันหน้ากับนักเตะหนุ่มอย่างเอาเรื่อง “คิดจะจีบนิก้างั้นซิ?...”

รามอสหมั่นไส้กับคำถามที่ปลายประโยคใช้เสียงสูงอย่างดูแคลนนัก หากท่าทีเย้ยหยันของเธอทำให้นึกอยากรู้ว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วมันจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น “ถามอย่างงี้คงไม่ได้อิจฉาหรอกนะ หรือว่าชักจะติดใจปากผมแล้ว”

เฮอะ! เหลือเชื่อเลยผู้ชายคนนี้ ดาเรียมองใบหน้าหล่อเหลาของนักเตะหนุ่มที่กำลังโด่งดังด้วยสายตาเอือมระอา “ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วสบายใจก็เชิญอยู่ในโลกของความฝันต่อไปเถอะ ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไร แต่ถ้าคุณคิดจะจีบนิก้าล่ะก็... จะบอกเอาไว้เลยว่าฉันยินดีมาก ไม่ใช่เพราะเห็นว่าคุณเป็นคนดีคนเก่งคลั่งไคล้อะไรในตัวคุณหรอกนะ แต่เพราะอยากให้มีคนมาดึงความสนใจของนิก้าออกไปจากผู้ชายคนเดิมเท่านั้นเอง ฉันไม่อยากเห็นเพื่อนฉันมีชีวิตอยู่เหมือนคนซังกะตายไปวันๆ ว่าแต่คุณเหอะ! คิดว่าตัวเองแน่พอจะเปลี่ยนใจนิก้าได้มากแค่ไหน ถ้าคิดจะควงเล่นๆเหมือนพวกนักฟุตบอลที่ฮิตทำกันน่ะ บอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถอยไปไกลๆ”

รามอสหรี่ตามองผู้หญิงใจนักเลงตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เธอให้ความรู้สึกบ้าคลั่งราวกับทะเลเดือดดีแท้! “ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลากันมั่งสิคุณ ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่านิก้ากำลังเฮิร์ต จะให้ผมบุ่มบ่ามเข้าไปขอเป็นแฟนเธอตรงๆตอนนี้ มีหวังเธอคงถีบหัวผมส่งเข้าให้”

“ตอบไม่ตรงคำถาม ฉันถามว่าคุณจริงจังไม่ได้คิดแค่ควงนิก้าเพราะเกาะกระแสอยากดังใช่ไหม??” ดาเรียย้ำคำถามอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนจนนักเตะหนุ่มหน้าตึง

“โทษทีนะแม่คุณ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า? ผมน่ะ รามอส รูบิโอนะคร้าบ ลองเดินออกจากร้านด้วยกันแล้วดูซิว่าจะมีใครมาขอถ่ายรูปหรือขอลายเซ็นมากกว่ากันไหม?” รามอสท้าทายอย่างไม่คิดที่จะถ่อมตัว หากแต่ต้องกัดฟันคำราม ฮึ่ม... ในใจเพราะท่าทีกวนโทสะของนางแบบสาวที่ยักไหล่ราวกับไม่ใส่ใจในคำพูดของตน

“นิก้ามาพอดี โอเครึเปล่าหรือว่าจะไปหาหมอไหม หน้าเธอดูเซียวๆนะ” ดาเรียเปลี่ยนเรื่องพูดทันทีที่เพื่อนสนิทเดินกลับมาทรุดนั่งลงข้างๆอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรดีขึ้นมากแล้ว สงสัยฉันจะพักผ่อนน้อยอย่างที่เธอว่าจริงๆ” วทานิกาข่มน้ำเสียงให้เป็นปกติเพราะไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นห่วงตน แต่แท้จริงแล้วภายในร่างกายตอนนี้กลับถูกอาการยอดแย่ทั้งหลายรุมเร้าจนอยากจะกลับบ้านไปนอนแช่น้ำอุ่นจัดเต็มที

“งั้นฉันขอไปเข้าห้องน้ำบ้าง รอแป๊บเดียวนะ” ดาเรียบอกพร้อมลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะอาหาร “หรือว่าจะไปรอที่หน้าร้านก็ได้”

“อื้อ... ไปเถอะ เดี๋ยวไปรอที่หน้าร้านดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา” วทานิกาบอกเพื่อนในขณะที่รอบริกรหนุ่มนำบิลค่าอาหารมาให้นั้นจึงหันไปคุยกับรามอสเป็นการฆ่าเวลา “เออจริงสิคะ สองวันที่คุณจะไปฝรั่งเศสนี้ฉันมีแค่งานโชว์ตัวไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ถ้ายังหาแม่บ้านหรือคนอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่คุณไม่ได้ เดี๋ยวฉันแวะไปคุยกับท่านก็ได้นะคะ”

รามอสเปิดยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อได้ยินว่าหญิงสาวที่ตนหมายตาไว้เสนอตัวช่วยเหลือในเรื่องส่วนตัวจึงเอื้อมมือไปแตะที่หลังมือของเธอเบาๆอย่างขอบคุณและวางแนบไว้เช่นนั้นจนไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาด้วยความขุ่นเคือง “ขอบคุณมากนะนิก้า แค่ได้ยินว่าคุณไม่รังเกียจเราสองแม่ลูกผมก็ดีใจมากแล้ว”

“โธ่! อย่าคิดอย่างนั้นสิคะ พอเห็นหน้าคุณแม่ของคุณแล้วทำให้ฉันอดคิดถึงแม่ของตัวเองไม่ได้ ได้พูดคุยกับท่านแล้วทำให้คลายความคิดถึงลงได้บ้าง ฉันต่างหากล่ะคะที่ต้องขอบคุณท่าน” วทานิกาพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพลางตบหลังมือของชายหนุ่มซึ่งวางทับมือของตัวเองไว้อีกทีหนึ่งเบาๆ จากนั้นจึงปล่อยมือออกจากกันเมื่อบริกรนำบิลค่าอาหารทั้งหมดมาให้โดยที่รามอสเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารในค่ำคืนนี้ จากนั้นทั้งคู่จึงลุกขึ้นเดินผ่านโต๊ะอาหารที่ตั้งวางไว้ในระยะห่างกันพอสมควรเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้า

แต่เมื่อวทานิกาหมุนตัวเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักการก้าวเดินเพราะสายตาไปปะทะกับดวงตาคู่คมของผู้ชายใจร้ายที่ถวิลหาอยู่ตลอดระยะเวลา!!

ทิโมธีจ้องมองใบหน้างดงามที่ตามหลอกหลอนทั้งยามหลับและยามตื่นด้วยแววตาขุ่นมัว เพราะได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าคำพูดที่เธอปฏิเสธเสียงแข็งว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหลายแหล่นั้นบัดนี้การได้มานั่งทานอาหารกันสองต่อสองในบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกทั้งยังจับมือถือแขนกันเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป!

วทานิกาจ้องมองร่างของทิโมธีที่มองมาด้วยสายตาขุ่นมัว หากแต่มีใบหน้าเรียบเฉยจนน่าตกใจนั่งนิ่งให้ลีเดียคลอเคลียอยู่กับแผ่นอกราวกับเย้ยหยันว่าเขาไม่ได้สนใจติดอยู่กับความสัมพันธ์เกือบปีที่มีต่อกันเลย ท่าทางเฉยเมยราวกับคนไม่เคยรู้จักกันนั้นทำให้วทานิกาเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก สำนึกตัวได้เป็นอย่างดีว่าตนไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปที่ผ่านเข้ามาและผ่านออกไปในชีวิตของเขาเลย ไม่มีค่าพอที่จะจดจำ ไม่มีค่าพอแม้เพียงแต่จะยิ้มทักทาย หากต้องรีบกลืนก้อนแข็งๆที่จุกอยู่กลางลำคอลงไปอย่างยากลำบากเมื่อเขายกมือของลีเดียขึ้นมาบดจูบเนิ่นนานแต่สายตาคร้ามคมกลับกวาดมองร่างของเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์!

“โอ๊ะ!” เสียงครางสั่นเครือที่ดังขึ้นเพราะจู่ๆ สองขาที่เคยก้าวเดินอย่างมั่นคงก็กลับอ่อนแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ เล่นเอาทิโมธีเกือบลุกพรวดพราดเข้าไปประคอง หากร่างสูงใหญ่ที่ยืนเคียงข้างเธอไม่ชิงทำหน้าที่นั้นไปเสียก่อน!

“ไหวไหมนิก้า ให้ผมอุ้มดีกว่าไหม!!”

คำถามของไอ้นักเตะที่มีใบหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างเกือบทำให้ทิโมธีเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วประเคนหมัดหนักๆให้มันไม่ยั้ง หากทิฐิที่มีอยู่ในตัวเรียกร้องให้นั่งนิ่ง มองเธอส่ายหน้าปฏิเสธแต่ยอมเอนศีรษะซบกับหัวไหล่มัน ยอมให้มันประคองออกไปจากร้านโดยไม่แคร์สายตาของคนที่มองตามอย่างสนใจใคร่รู้เลยสักนิด!!

หยุดได้แล้วทิโมธี! แกจะต้องไปสนใจเธอทำไมกันวะ?! เธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต พอเบื่อก็เลิกราแยกจากกันไปเหมือนกับผู้หญิงทุกคน แล้วแกยังจะต้องไปใส่ใจกับสองคนนั้นทำไม ต่อให้ทั้งคู่เดินออกจากที่นี่แล้วพากันไปหาความสุขตามประสาหญิงชายมันก็ไม่ใช่เรื่องของแกสักหน่อย ทำใจให้ได้เหมือนเดิมสิวะ!! ทิโมธีบอกกับตัวเองในใจ

หากแต่ภาพเรียวขาของเธอที่พาดอยู่บนบ่าแกร่งของชู้รัก ทั้งยังแอ่นอกขึ้นราวกับตอบสนองจังหวะรักที่ทำให้คนจินตนาการตามได้ไม่ยากเย็น สะโพกผายของเธอไม่ติดพื้นเลยสักนิดซึ่งมันเป็นภาพที่เห็นในนิตยสารเมื่อหลายสิบวันก่อน ทำให้ใจหนุ่มร้อนรุ่มดังมีกองเพลิงสุมอยู่ในใจ ความบริสุทธิ์ผุดผาดของเธอที่ได้ลิ้มลองทำให้ทะนุทถนอมราวกับไข่ในหิน ไม่เคยลืมตัวแม้อยู่ในช่วงเวลาเสน่หาที่ยากจะควบคุมตัว ไม่เคยใช่ร่างกายของเธอในท่วงท่าที่โลดโผนอย่างใจอยากเลยสักนิด!!

แล้วไอ้นรกนั่นมันเป็นใคร?! มันถึงมาบังอาจมาชุบมือเปิบเอาผู้หญิงของเขาไปหน้าด้านๆ แบดบอยหนุ่มคิดอย่างแค้นใจพลางหลับตาลงให้จิตใจจดจ่ออยู่กับสัมผัสเย้ายวนใจของผู้หญิงข้างกายซึ่งเชื่อว่าสักวันเธอจะทำให้ลืมรสสัมผัสอันตราตรึงใจของผู้หญิงที่เดินหายไปจากชีวิตเมื่อครู่นี้ได้สักที!!

สวัสดีค่า นักอ่านที่รัก

ซ่อนรักเพลิงมายาตีพิมพ์เป็นรูปเล่มแล้วและสามารถ ติดตามทิมมี่กับนิกกี้ได้ต่อไปที่ร้านซีเอ็ดบุ๊ก ร้านนายอินทร์ ร้านบีทูเอส เว็บสำนักพิมพ์อินเลิฟ เว็บบุ๊กสไมล์

มีคำถามถามเข้ามาบ่อยครั้งว่าหาหนังสือไม่เจอ ศิริพาราขอแนะนำดังนี้นะคะ

-ให้สอบถามกับพนักงานที่ร้านหนังสือนั้นๆ โดยตรง เพราะหนังสือวางแผงมาได้พักใหญ่แล้ว ส่วนมากจะๆไม่เอามาโชว์หน้าร้าน อาจจะต้องสั่งซื้อแล้วมารับหนังสือภายหลัง ซึ่งศิริพาราเคยทำมาแล้วและรอไม่นานค่ะ ราวๆ3-7วัน

-สั่งกับทางสำนักพิมพ์อินเลิฟ สะดวกรวดเร็วมีบริการหนึ่งวันส่งถึงบ้าน(เฉพาะกทม) แถมได้ส่วนลดด้วยนะคะ

และสามารถพูดคุยกับศิริพาราได้ตามช่องทางดังนี้

1. e-mail siripara2writer@gmail.com

2. fanpage https://www.facebook.com/siripara.raya

3.facebook https://www.facebook.com/siripara.looktan

ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่า เม้ามอยหอยขมกันได้ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ศิริพารายังมีเกมกติกาแสนง่ายดาย แจกของรางวัลเล็กน้อยเพื่อตอบแทนนักอ่านที่รัก อย่าลืมกดlikefanpage ศิริพารา รายาฤดีนะคะ

จบเรื่องนี้แล้ว ศิริพาราจะเอานิยายทั้งหมดมาอัพให้นักอ่านที่รักได้อ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามและแสดงความคิดเห็นค่ะ

จุ๊บๆๆ
ศิริพารา



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ค. 2558, 00:12:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ค. 2558, 00:12:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1282





<< ตอนที่ 10 100%   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account