ซ่อนรักเพลิงมายา
“รู้ไหมว่าผมชอบ... เวลาที่ขาเรียวๆ ของนิก้าเกี่ยวเอวผม จิกปลายเท้าลงบนแผ่นหลังผม
ใช่... ใช่... อย่างนั้นแหละนิก้า แม่สาวแสนซน”

ไม่เคยมีครั้งใดที่ ‘ทิโมธี แมคคินสัน’ วิศวกรมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยล้นฟ้า

จะถูกคู่ควงระดับซูเปอร์โมเดลแถวหน้าของโลกอย่าง ‘วทานิกา ซาฟินา’ ทำให้โมโหโทโสได้ถึงเพียงนี้

เพราะเพียงแค่ไม่กี่วันที่เขาไม่ได้นั่งอยู่ฟรอนต์โรว์ของรันเวย์เพื่อชื่นชมคู่ควงของตน

เธอกลับมีภาพหลุดจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกแล้วยังปากแข็ง แบล็กเมล์ความรู้สึกของเขาด้วยเหตุผลง่ายๆ

...มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ!!

แล้วมีหรือที่แบดบอยไร้หัวใจ ผู้ไม่เคยแยแสกับความรู้สึกรักใคร่ใดๆ จะต้องเก็บเธอไว้ข้างกาย
ไม่เพียงแค่นางแบบสาวไม่กลับมาง้อขอคืนดี แต่เธอยังออกปากไล่ส่ง เป็นฝ่ายบอกตัดสัมพันธ์
ราวกับไม่เสียดายเลือดพรหมจรรย์ที่เขาเป็นผู้ทำลาย แถมควงผู้ชายเป็นข่าวใหญ่โตไม่เว้นแต่ละวัน!

การกระทำดังกล่าวมันเป็นการท้าทายแบดบอยไร้หัวใจอย่างเขายิ่งนัก

เธอคงไม่รู้เลยสินะ! ตลอดระยะเวลาที่แยกจากกัน เขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตเสเพลได้เช่นเคย
หากแต่ต้องนั่งมองรูปของเธอผ่านนิตยสาร

แล้วพาตัวเองเข้าสู่จินตนาการอันซ่านใจ โดยที่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องน่าอายเช่นนี้ให้ใครได้ล่วงรู้
ทิโมธีจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเธอให้กลับมาอยู่ข้างกาย

เพียงเพราะต้องการสลัดตัวเองให้หลุดจากคำว่า ‘ไอ้โรคจิต’

ซึ่งเขาไม่อาจเดินเข้าไปปรึกษาเรื่องน่าอายเช่นนี้กับจิตแพทย์!!

จึงบีบบังคับเธอทุกทาง ดักหน้าล้อมหลัง โดยไม่สนใจว่าวิธีการนั้น

จะทำร้ายจิตใจและทำให้หัวใจของเธอบอบช้ำมากเพียงใด

แต่เธอกลับตอบโต้เขาด้วยวิธีการอันแยบยลจนทำให้เขาแทบบ้าตาย

ด้วยการประกาศต่อโลกอย่างชัดแจ้งว่าเธอคือซิงเกิลมัมที่ไม่ต้องการเอ่ยถึงพ่อของลูก!

...แล้วแบดบอยหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมา

ท่ามกลางอคติต่อคู่ชีวิตและทะเบียนสมรส

จะดึงเธอกลับเข้าสู่อ้อมกอดได้อย่างไร

เมื่อเธอคือผู้หญิงโลภมากที่กล้าเรียกร้องทั้งสองสิ่งนั้นจากเขา
ด้วยคำพูดที่ว่า...

“กับเรื่องของความรักแล้ว ฉันออกจะโลภมากเสียด้วยซ้ำ
เพราะไม่ได้อยากพิเศษเหนือผู้หญิงคนอื่น
แค่อยากให้รักฉันเหมือนที่ฉันรักคุณเท่านั้นเอง”
Tags: ทิโมธี - วทานิกา

ตอน: ตอนที่ 10 100%

กลางดึกของวันเดียวกันนี้... ร่างของหนุ่มใหญ่เจ้าของโรงแรมดังและสาวใหญ่ผู้มีดีกรีเป็นถึงภรรยามหาเศรษฐีผู้ล่วงลับไปแล้วเพิ่งผละออกจากกัน หลังบทพิศวาสอันเร่าร้อนเพิ่งผ่านพ้นไป

โรเบิร์ต แลนดอน หอบหายใจมองม่ายสาวใหญ่ที่ยังดูแลรักษาทรวดทรงไว้อย่างดีเยี่ยม กำลังถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาอย่างขำๆ “เหนื่อยมากหรือไงแคโรลีน... ความจริงผมยังอยากต่ออีกสักรอบสองรอบนะ”

แคโรลีนมองค้อนผู้ชายที่ตนแอบมีสัมพันธ์ลับมานานด้วยความกระเง้ากระงอด “อย่ามาทำปากเก่งหน่อยเลยค่ะ เราสองคนอายุอานามไม่ใช่น้อยๆแล้ว แค่ครั้งเดียวนี่ก็เหนื่อยหอบจนแทบไม่มีแรงกระดิกตัว แล้ว ยังจะมาโอ่ตัวเองเหมือนหนุ่มๆอีกหรือไงคะ”

“ฮ่า... งั้นต้องพิสูจน์แล้วสิ เดี๋ยวคุณจะหาว่าผมขี้โม้” โรเบิร์ตโถมร่างตัวเองเข้าใส่ร่างอวบอิ่มสมวัยของแคโรลีนทันที

“อื้อ... อย่าค่ะโรเบิร์ต ฉันไม่ไหวแล้ว” แคโรลีนบอกพร้อมใช้ผ่ามือดันแผงอกกว้างของชู้รักพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ไม่รู้เมื่อไหร่เราจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อย่าเปิดเผยซักทีนะคะ ฉันชักเบื่อกับการที่ต้องหลบๆซ่อนๆอยู่อย่างนี้เต็มทีแล้ว”

“อดทนอีกหน่อยน่าแคโรลีน ใช่ว่าผมไม่อยากยกย่องคุณออกหน้าออกตา แต่ถ้าทำอย่างนั้น คุณจะเดินออกมาจากแมคคินสันแต่ตัว คุณจะไม่ได้สมบัติที่คุณควรได้มาเลยนะที่รัก”

“ฉันรู้ค่ะ แต่บางครั้งมันอึดอัดใจจนฉันอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่า... ทำไมฉันต้องไปแคร์กับทรัพย์สมบัติที่ไม่ใช่ของตัวเองด้วย คุณก็ใช่ว่าจะยากจนค่นแค้น จะเลี้ยงฉันเพิ่มอีกสักคนไม่ได้เชียวเหรอคะ?”

โรเบิร์ตรีบรั้งร่างเปลือยของชู้รักให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมทั้งลูบหัวไหล่กลมกลึงอย่างเบามือ “ทำไมผมจะเลี้ยงคุณกับลูกไม่ได้ แต่ผมแค่อยากให้คุณได้ในสิ่งที่คุณควรได้ มันไม่เห็นจะยุติธรรมสักนิดที่แอนโทนี่จะตายไปโดยไม่ทิ้งสมบัติสักชิ้นไว้ในคุณ ซึ่งเป็นคนปรนนิบัติดูแลมันมาตั้งหลายปี ถูกกดขี่ข่มเหงจิตใจสารพัด อีกอย่างถ้าคุณได้สมบัติติดตัวมาด้วยมันก็จะทำให้เราสามารถขยายธุรกิจออกไปได้อย่างกว้างขวาง คุณน่าจะเข้าใจถึงคำว่าเงินต่อเงินนะ”

“เข้าใจสิคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะยุให้ลีเดียจับทิโมธีไว้ให้อยู่หมัดทำไมกัน ที่ทำไปทุกอย่างก็เพื่อคุณทั้งนั้น”

“ก็นั่นไง เห็นไหมว่าแผนการของเราเริ่มสำเร็จไปทีละขั้น ตอนนี้ก็เหลือแค่ทำให้ลูกเลี้ยงของคุณยอมตกลงปลงใจกับลีเดียสักที ซึ่งผมไม่ห่วงนะเพราะเชื่อฝีมือลูกสาวตัวเองอยู่แล้ว” โรเบิร์ตตะล่อมบอกพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น “คุณแค่อดทนรออีกสักนิด ไม่แน่นะ ถ้าลีเดียทำสำเร็จได้แต่งงานกับทิโมธีแล้วล่ะก็... เราก็ไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆแบบนี้อีกต่อไป คุณก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทนอยู่ที่นั่นอีกแล้วเพราะยังไงเสียสมบัติมหาศาลของแมคคิสันก็ต้องเป็นของลีเดียลูกสาวของสามีคุณ อย่างนี้เขาเรียกว่าเรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน ฮ่าๆๆ”

แคโรลีนคิดตามคำพูดของโรเบิร์ตซึ่งกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข “ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดีจังล่ะคะ? ไปรวยมาล่ะสิท่า”

“ช่าย... วันนี้ผมขายหุ้นที่ช้อนซื้อไว้ได้กำไรมาครึ่งต่อครึ่ง จะไม่ให้อารมณ์ดีได้ยังไง ใครจะไปคิดว่าหุ้นน้องใหม่เป็นม้านอกสายตาจะทำกำไรได้งามอย่างนี้ ถ้ารู้อย่างนี้นะ ผมจะช้อนซื้อไว้ทั้งหมดตามที่โบรเกอร์แนะนำก็ดี”

“เพลาๆลงบ้างนะคะ เล่นหุ้นเนี่ย ได้มามากก็เสียมากอยู่เหมือนกัน” แคโรลีนเตือนชู้รักอย่างเป็นห่วงเพราะระยะเวลาที่คบกันมาเกือบสิบปีทำให้รู้จักนิสัยใจคอของโรเบิร์ตดีว่าเขานั้นชอบเล่นหุ้นและการแทงพนันเป็นชีวิตจิตใจ ถึงได้ทำให้มีปัญหาการเงินเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ

“ทำธุรกิจมันต้องใจถึง ถ้ามัวแต่กล้าๆกลัวๆไม่กล้าเสี่ยงก็ไม่มีวันรุ่งหรอก จะให้ผมทำเหมือนลูกเลี้ยงของคุณน่ะไม่ได้หรอก ทิโมธีน่ะแค่รับช่วงธุรกิจต่อจากแอนโทนี่ที่สร้างรากฐานไว้อย่างมั่งคง มั่งคั่งแล้ว อีกอย่างนะการเล่นหุ้น แทงพนันนิดๆหน่อยๆพวกนี้มันเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผมมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอีกมากโข โดยไม่ต้องไปกู้ยืมใครเลยล่ะ”

“นั่นล่ะคะ แต่ฉันก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี ถ้าเจอวิกฤตอย่างคราวที่แล้วอีก ฉันก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงแล้วนะคะ” แคโรลีนพูดด้วยสีหน้าวิตกอยู่ไม่น้อย

“ตอนนี้ผมกำลังมือขึ้น ต้องรีบตักตวง อย่าห่วงไปเลยน่าแคโรลีน คนอย่างผมพลาดแล้วจะจำเป็นบทเรียนไม่มีวันเดินซ้ำรอยความผิดพลาดนั่นอีกแน่ ดูอย่างแผนการที่ผมวางไว้ให้ลูกเลี้ยงคุณกับแม่นางแบบนั่นเลิกกันสิ! ต่อให้ทิโมธีเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางรอดพ้นจากกับดักที่ผมวางไว้เป็นอย่างดีแน่ เห็นรึยังว่าพวกเขาเลิกกันตามเวลาที่เรากำหนดไว้! คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้ทำให้ผมได้เงินจากโต๊ะพนันเข้ากระเป๋าอยู่หลายแสนทีเดียว” โรเบิร์ตโอ่ตัวอย่างลำพองใจเพราะเมื่อบ่ายวันนี้เพิ่งได้รับเงินจากการแทงพนันเรื่องการเลิกรากันของทิโมธีและวทานิกา

“จริงเหรอคะ??” แคโรลีนชันตัวลุกขึ้นพลางถามชู้รักด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“แหวนคาร์เทียร์สักวงดีไหมที่รัก?...”

“โอ... รักคุณที่สุดเลยค่ะ โรเบิร์ต” แคโรลีนครางออกมาด้วยความดีใจพลางโถมเข้าไปกอดโรเบิร์ตทั้งตัว “ฉันก็มีข่าวดีมาบอกคุณเหมือนกัน”

“อะไรล่ะ? หรือลูกสาวคุณฟื้นแล้ว”

“เปล่าค่ะ แต่ทิโมธีรับปากว่าจะให้ฉันยืมเงินลงทุนทั้งหมดเรื่องร้านที่จะเปิดใหม่นี้แต่มันน่าเจ็บใจตรงที่ ทิโมธีบอกว่าเอาไว้จะคืนเมื่อไหร่ก็ได้ ฮึ! ช่างไร้น้ำใจเสียจริงๆ เงินแค่นี้ก็ต้องให้ฉันหามาใช้คืนด้วย” แคโรลีนพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ช่างเถอะน่า... มันให้อะไรมาก็รับไว้ก่อน พอได้เงินแล้วเราไปลาสเวกัสกันสองสองสามวันดีไหมเมียจ๋า?...” โรเบิร์ตถามด้วยแววตาแพรวพราวเมื่อคิดถึงเงินก้อนใหญ่ที่จะเข้ามาในเร็ววันนี้

“จะให้ทำยังไงล่ะคะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะได้เป็นเงินสดมารึเปล่าเพราะได้ยินว่าจะให้ลูกน้องมือขวามาจัดการ” แคโรลีนบอกพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “อีกอย่าง ใช่ว่าเราจะเอาเงินที่ทิโมธีให้มา เราจะเอาไปใช้ได้หมด ยังไงเสียก็ต้องแบ่งมาตกแต่งร้านอยู่แล้ว”

“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะไปกังวลทำไม เราไม่ได้เปิดช็อปขายกระเป๋าตามข้างถนนนะแต่เราทำคือแฟลกชิปสโตร์4ซึ่งต้องใช้เงินมากกว่าปกติอยู่แล้ว อย่ากังวลเรื่องนั้นเลยแคโรลีนขอแค่ทิโมธีรับปากว่าจะเป็นคนลงทุนให้เท่านั้นก็พอ ที่เหลือเอาไว้ให้เป็นหน้าที่ผมดีกว่า ส่วนคุณก็แค่ทำตามที่ผมบอก นอนหลับฝันดีพรุ่งนี้ผมจะพาไปเลือกแหวน โอเค้?”

แคโรลีนยิ้มพร้อมกับขยับตัวนอนตะแคงกอดร่างเปลือยเปล่าของชู้รักอย่างมีความสุข แต่ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่ค่อยเข้าหูนักหลุดออกจากปากของโรเบิร์ต

“ความจริงที่โคลอี้ต้องนอนโรงพยาบาลนี่ก็ดีเหมือนกันนะ”

“ทำไมคุณพูดอย่างนี้ล่ะคะโรเบิร์ต!?”

โรเบิร์ตยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับร่างที่ขืนตัวออกจากอ้อมแขนของตน “ก็เพราะว่ามันสามารถทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ทุกคืนอย่างนี้น่ะสิ ไม่ต้องทำตัวเหมือนเมื่อก่อนที่กว่าจะได้เจอกันทีก็นานจนหมดเกือบคลั่งตาย หรือคุณจะเถียงว่าตัวเองไม่คลั่งเหมือนผม?”

“คนบ้า!” แคโรลีนระรัวกำปั้นทุบอกกว้างของโรเบิร์ตพลางต่อว่าต่อขานอย่างไม่จริงจังนัก “ตาแก่ตัณหากลับ ถึงแม้ว่าโคลอี้จะเป็นลูกที่ฉันไม่ได้ต้องการให้เกิดขึ้นมาแต่พอเห็นแกมีสภาพอย่างนั้นแล้วก็อดสะท้อนใจไม่ได้นะคะ ยังไงเสียแกก็เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฉัน”

“ผมรู้... ผมก็ไม่ได้พูดว่าดีใจที่เห็นโคลอี้ต้องนอนเจ็บอยู่แบบนี้ แค่ดีใจที่ผมไม่ต้องอดอยากปากแห้ง หิวกระหายคุณเหมือนเมื่อก่อนเท่านั้นเอง ทั้งหมดที่พูดมาก็เพราะว่าผมหลงใหลคุณ รักคุณมากนะแคโรลีน”

“ฉันก็รักคุณมากค่ะ โรเบิร์ต” แคโรลีนบอกพร้อมซุกตัวหลับใหลในอ้อมกอดของผู้ชายที่แอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาเนิ่นนาน ก่อนที่สามีของตนจะลาจากโลกไปเสียอีก ความหวังและความฝันที่จะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับเขานั้นมันชัดเจนขึ้นทุกวัน เมื่อวันนั้นมาถึงตนจะไม่ต้องเป็นเพียงภรรยาหม้ายของแมคคินสันที่ผู้คนในสังคมก็รับรู้ว่าไม่ได้มีความสำคัญใดๆเลยสักนิด ตำแหน่งที่ได้มาก็ไม่ได้แตกต่างจากหัวหน้าแม่บ้านที่กลางวันต้องดูแลความเรียบร้อยในปราสาทหลังใหญ่ กลางคืนต้องใช้ร่างกายปรนนิบัติเจ้าของปราสาทเท่านั้นเอง!!


สี่วันต่อมา... ภายในสตูดิโอถ่ายแบบของนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่ง กำลังอลวนไปด้วยการเตรียมถ่ายแบบครั้งฮือฮาที่สุดในรอบปีเพราะเกิดจากความร่วมมือของแบรนด์เสื้อผ้าดังซึ่งกลายเป็นตำนานของอังกฤษกับสโมสรฟุตบอลซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ของลอนดอน ทั้งตอนนี้ยังได้กระแสข่าวคาวของนางแบบชื่อดังและนักเตะหนุ่มซึ่งย้ายมาสังกัดในสโมสรแห่งนี้ด้วยค่าตัวแพงที่สุดในโลก ทำให้การถ่ายปกนิตยสารในครั้งนี้เต็มไปด้วยเจ้าของนิตยสาร ดีไซน์เนอร์แบรนด์เนมชั้นสูงรวมถึงเจ้าของสโมสรฟุตบอลเข้าร่วมชมเบื้องหลังการถ่ายแบบครั้งนี้อย่างคับคั่ง

“เซ็ตต่อไป... จะอยู่ในธีมเซ็กซี่สปอร์ตนะฮะ...” สไตล์ลิสชายใจหญิงร่างใหญ่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังพอสมควรเพื่อให้ทีมงานที่ยังพักระหว่างรอให้นางแบบและนางแบบเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เข้าประจำหน้าที่ของตน จากนั้นตากล้องและทีมงานจึงเข้ามาชี้แจงการโพสต์ท่าทางต่างๆ ให้ทั้งคู่ได้เข้าใจและทำตาม

“เอ่อ... ผมว่ามันดูล่อแหลมเกินไปรึเปล่า คือสำหรับตัวผมไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับ เพียงแค่เห็นใจนิก้า ผมกลัวว่าถ้าภาพเซ็ตนี้เผยแพร่ออกไปล่ะก็ จะยิ่งทำให้คนเข้าใจไปว่าข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง!” นักเตะหนุ่มรูปหล่อเอ่ยแย้งเพราะไม่เห็นด้วยกับการที่หลายฝ่ายจะฉวยโอกาสใช้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้โหมกระพือให้เรื่องมันใหญ่โตมากขึ้นไปอีก “นิก้า... ผมรู้ว่าคุณไม่สบายใจ คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ทำมันได้นะ”

วทานิกายิ้มให้นักเตะหนุ่มซึ่งนับวันก็ยิ่งเห็นน้ำใจที่มีอยู่ในตัวเขา สองวันที่แล้วในงานเปิดตัวกับสโมสรชื่อดังอย่างเป็นทางการ รามอสได้ปฏิเสธกับนักข่าวไปแล้วว่าเรื่องระหว่างเธอและเขาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งมันก็สามารถทำให้ข่าวที่กำลังร้อนแรงนั้นลดดีกรีลงไปได้บ้างแต่ก็ยังไม่ได้ทำให้เรื่องทั้งหมดสงบลงไปในทันทีเพราะยังมีภาพที่ตน รามอสและคุณแม่ของเขานั่งคุยกันในโรงพยาบาล นักข่าวก็ยิ่งได้ใจสร้างข่าวโคมลอยโดยใช้ภาพเป็นหลักฐานสำคัญ

“พูดกันตามตรงเลยนะฮะ... ใครๆก็อยากฉวยโอกาสนี้ทำเงินกันทั้งนั้น ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะจริงหรือไม่จริงอีกเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ตอนนี้เราอยู่ในโลกของความเป็นจริงซึ่งในด้านธุรกิจมีการแข่งขันที่สูงมาก ใครเรียกความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุดก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ต่อไป ฟังดูมันอาจจะใจร้ายไปสักหน่อยแต่มันก็เป็นเรื่องจริงนะฮร้า...” ทีมงานซึ่งยืนอยู่เป็นคนชี้แจง
“แต่ผมว่า...”

“เอาล่ะค่ะรามอส ฉันโอเคค่ะ ไม่มีปัญหากับการถ่ายแบบเซ็ตนี้ คนอื่นจะว่ายังไงก็ช่างแต่ฉันถือว่ามันเป็นงานค่ะ” วทานิกาเอ่ยขึ้นก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะบานปลายออกไป “คุณอย่าคิดมากเลยนะคะรามอส มันก็แค่ข่าวโคมลอยที่ไม่มีมูลความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว ทำงานต่อเถอะค่ะ”

“น่าน... ตั้งอย่างนั้นสิฮร้า ถึงจะสมเป็นซูเปอร์โมเดลอันดับหนึ่งของโลก” สไตล์ลิสคนดังของนิตยสารชื่อก้องโลกบอกด้วยน้ำเสียงดีใจพลางปรบมือหลายๆครั้งกระตุ้นทีมงานให้เร่งมือทำงานต่อไป

...จากนั้นคนดังทั้งสองจึงเริ่มโพสต์ท่าทางตามความต้องการของทีมงานโดยที่ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆอีกเลย ยิ่งทำให้รามอสนั้นรู้สึกทึ่งในสปิริตของผู้หญิงรูปร่างงดงาม สมส่วนนี้ยิ่งนัก หากการโพสต์ท่าในชุดเสื้อทีมเหย้าของสโมสรต้นสังกัดที่ออกแบบมาสำหรับเธอโดยเฉพาะก็ยิ่งทำให้เห็นใจเธอมากขึ้น

เสื้อสีน้ำเงินเข้มรัดรูปแล้วยังสั้นจดเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบ ไร้ไขมันส่วนเกิน กางเกงก็หดสั้นจนสามารถมองเห็นถึงเนินสะโพกงอนงาม อวดเรียวขาสวย เพรียวยาว จนทำสามารถสะกดสายตาของคนที่เฝ้ามองการทำงานที่เกิดขึ้นนั้นด้วยสายตาเป็นประกาย!

ทั้งหมดนั่นยังไม่ได้ทุกคนพอใจเท่ากับท่าทางล่อแหลมตามคอนเซ็ปเซ็กซี่สปอร์ต โดยทีมงานจำลองห้องแต่งตัวของนักเตะขึ้นมา แล้วให้รามอสนั่นอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ยซึ่งทอดตัวยาวไปจนสุดความกว้างของห้อง เบื้องหลังเป็นเสื้อสโมสรที่ใช้ลงแข่งขันหันหมายเลขประจำตัวของเขาออกมา แล้วให้วทานิกานอนราบลงไปกับพื้นห้อง แอ่นหน้าอกขึ้นเพื่อให้สายตาเธอมองไปยังกล้อง แล้วพาดขาอันเรียวยาวของเธอเข้าที่บ่าแกร่งทั้งสองข้างโดยที่เขาเปลือยแผ่นอกซึ่งมีกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์ตามแบบฉบับของนักกีฬาก้มลงทำท่าจูบเรียวขาของเธอ!! ซึ่งวทานิกาก็ทำตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี

ทันทีที่แสงแฟลชสว่างพึ่บพั่บ เสียงชัตเตอร์ดังระรัวขึ้น วทานิกาก็แอ่นหน้าอกขึ้น... จิกสายตามองกล้องอย่างเซ็กซี่... จนได้ยินเสียงตากล้อง! การทำงานสิ้นสุดลงเมื่อตากล้องสามารถเก็บภาพไว้ได้ครบถ้วนตามต้องการ โดยมีเสียงปรบมือของทีมงานดังขึ้นอย่างกึกก้องเมื่อการทำงานในครั้งนี้จบลงทั้งยังยิ้มด้วยความพอใจเพราะเชื่อแน่ว่า เมื่อภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้ออกสู่สายตาของคนในสังคมต้องการเป็นข่าวครึกโครมที่สามารถเพิ่มยอดขายของนิตยสาร ทั้งยังทำให้สโมสรต้นสังกัดของนักเตะหนุ่มโด่งดังมากขึ้นไปอีกด้วย


หนึ่งสัปดาห์เต็มของการตัดความสัมพันธ์กันระหว่างวทานิกาและทิโมธี ซึ่งทั้งสองใช้เวลาให้หมดไปคล้ายๆกัน นั่นคือการโหมทำงานหนักและกลับมาเก็บตัวอยู่ในคอนโดมิเนียม ไม่ยอมออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คนซึ่งทำให้ดาเรียอดเป็นห่วงเพื่อนสนิทไม่ได้ จนบอกยกเลิกกิจกรรมสังสรรค์ต่างๆ เพื่อกลับมาอยู่เป็นเพื่อนวทานิกา ทั้งยังรู้สึกไม่ค่อยวางใจในสายตาที่รามอส รูบิโอมีต่อวทานิกา แต่เมื่อเค้นถามเอากับเพื่อนสาวก็ได้คำตอบแค่เพียงว่าคิดกับรามอสเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น แต่ดาเรียกลับมองสายตาของรามอสว่ามันเป็นสายตาของผู้ชายที่มองผู้หญิงคนหนึ่งฉันท์ชู้สาว ไม่ใช่แววตาของเพื่อนที่มีความบริสุทธิ์ใจต่อกัน!
แตกต่างกับทิโมธีเพราะหลังจากวันที่เขาเมามายจนไม่ได้สติ ค้างกับลีเดียเมื่อสามวันที่แล้วนี้ รุ่งเช้าแบอบอยหนุ่มก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนกว้างพร้อมกับกกกอดร่างเปลือยเปล่าของลีเดีย บนเตียงยุ่งเหยิงราวกับสมรภูมิรบซึ่งทำให้เจ้าตัวเกิดความสงสัยเป็นอย่างมากว่า ตนเองเมาจนไม่รู้สึกตัวว่ามีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนหนึ่งทั้งคืนอย่างที่ฝ่ายหญิงอ้างมาเลยหรืออย่างไร?

แต่นั่นมันจะไปสำคัญอะไร ในเมื่อที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะครองตัวราวกับนักบวชเสียเมื่อไหร่ ดีซะอีกที่สามารถปลดปล่อยอารมณ์ใคร่กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่วทานิกาได้ ให้มันรู้กันไปว่าถึงใบหน้าเธอจะลอยวนเวียนอยู่ในสมองทุกวินาที แม้กระทั่งยามเมาไม่ได้สติภาพเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอก็ยังคงตามมาหลอกหลอน นั่นก็ไม่ได้มีผลอะไรเพราะร่องรอยฝากรักบนเนื้อตัวของลีเดียนั้นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า... ผู้หญิงที่ไหนก็ใช้รองรับอารมณ์ของเขาได้เหมือนกันทั้งนั้น!

รู้เอาไว้เถอะวทานิกา คุณไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับผมนักหนาหรอก ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเท่านั้น!!

หากแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหลังจากค่ำคืนที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวกับลีเดียแล้ว แบดบอยมหาเศรษฐีถึงได้ขลุกตัวอยู่ในอู่ที่เต็มไปด้วยเครื่องยนต์นานาชนิด กลิ่นน้ำมันเครื่อง กลิ่นสีพ่นรถบัสคันใหญ่ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณและเป็นเช่นนี้มาตลอดสามวันเต็มแล้ว
จอร์จได้แต่เฝ้ามองเจ้านายด้วยสายตาเป็นห่วงเพราะหากท่านยังโหมใช้ร่างกายอย่างไม่ถนอมเช่นนี้ มีหวังคงทรุดหนักเข้าสักวัน ชายหนุ่มมองเจ้านายแล้วส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วงแต่เสียงซุบซิบที่ดังแว่วขึ้นมา ทำให้จอร์จเงียบ แล้วตั้งใจฟังเสียงนั้นพร้อมก้าวเดินไปตามต้นเสียงด้วยฝีเท้าอันเงียบกริบ

“อูย... ดูสิวะ! แม่คุณเอ๊ย!! ทำไมถึงได้เกิดมาขายาวสวยอย่างงี้” เสียงช่างโป้วสีคนหนึ่งดังขึ้น โดยไม่รู้ตัวว่าด้านหลังนั้นจอร์จกำลังยืนมองทั้งสองแย่งกันดูอะไรสักอย่างจนศีรษะเบียดติดกันราวกับเด็กๆ

“เออ! ไม่ใช่แค่เรียวขานะโว้ย... ดูหน้าอกหน้าใจเธอซะก่อนสิ แม่นางฟ้านางสวรรค์เอ๊ย... ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้วะ”

“สวยอย่างงี้นายเราทิ้งเธอได้ยังไงกันวะ? ดูสิ!! ของดีๆทั้งนั้น” ชายคนเดิมพูดขึ้นพร้อมกับมือลูบริมฝีปากตัวเองอย่างเสียดาย
“ต่างคนต่างเจอคนใหม่ด้วยกันทั้งคู่ล่ะน่า เจ้านายเราก็เจอสาวใหม่ เปรี้ยวจนเข็ดฟัน ดูเร่าร้อนกว่าเธอเป็นไหนๆ” ชายอีกคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงลังเลใจพลางก้มดูรูปภาพในมือของตัวเองใหม่อีกครั้ง “แต่ฉันว่านิก้าชนะขาดว่ะ แกดูภาพนี้สิ”

จอร์จเดินเข้าไปหยิบเอานิตยสารที่ทั้งคู่กำลังวิจารณ์อย่างออกรสขึ้นมาไว้ในมือทันทีพร้อมมองคนงานทั้งสองด้วยสายตาคาดโทษ “แปลว่าพวกแกไม่ชอบงานที่ทำอยู่ อยากออกไปแส่เรื่องชาวบ้านใช่ไหม?”

“ปะ...เปล่าครับ พวกเราแค่เสียดายแทนเจ้านาย ความจริงแล้วที่ท่านโหมทำงานหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์เนี่ย พวกเราก็คิดว่าน่าจะมาจากเรื่องนี้แน่ครับ”

“แล้วมันเรื่องอะไรของพวกแกที่ต้องไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของท่าน” จอร์จตอบทั้งที่ยังยืดหนังสือไว้ในมือเช่นเดิม

“พวกเราเป็นห่วงท่านนี่ครับ ดูท่านซิ!! โทรมลงไปตั้งเยอะ อีกอย่างไม่รู้ว่าท่านเห็นภาพพวกนี้รึยัง?”

“ไปๆ รีบแยกย้ายกันไปทำงานเลย ถ้ายังไม่เลิกแส่เรื่องเจ้านายอีกล่ะก็ฉันตัดเงินพวกแกทั้งสองคนแน่!” จอร์จขู่ด้วยน้ำเสียงเข้มจนคนงานทั้งสองต่างแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของตน แต่จอร์จกลับต้องสะดุ้งตกใจสุดตัวเพราะเมื่อหมุนตัวกลับเพื่อจะเดินไปสำรวจความเรียบร้อยตรงจุดเดิมก็พบหน้าตาบอกบุญไม่รับของเจ้านาย!!

“เป็นอะไรไปวะจอร์จ ทำหน้าอย่างกะเห็นผี?” ทิโมธียืนจังก้าถามลูกน้องคนสนิทด้วยสีหน้าเซ็งโลกพร้อมมองอาการลุลี้ลุกลน ซ่อนบางสิ่งไว้ข้างหลังอย่างแปลกใจ “ถามว่าเป็นอะไร? ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง!?”

จอร์จยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเจ้านายตวาดเสียงดุ “ปะ...เปล่าครับ ผะ...ผม เอ่อ...”

ไม่ทันการแล้วเพราะเจ้านายผู้มีสีหน้าบึ้งตึงเดินเข้ามากระชากสิ่งของที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว ไม่ให้เวลาลูกน้องได้ตั้งตัว!!
จอร์จมองใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็วเมื่อได้เห็นภาพบนหน้าปกนิตยสารเล่มดังกล่าว ทั้งยังมองเห็นกรามที่ถูกบดกันแน่นจนเป็นสันนูนเมื่อเห็นภาพอันแจ่มชัดวาบหวิวทรวงด้านใน!! ดวงตาคร้ามคมขุ่นมัวด้วยความโกรธที่จอร์จไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มันเป็นครั้งแรกในชีวิตการทำงานเคียงข้างเจ้านายหนุ่มผู้ซึ่งระงับอารมณ์ได้เป็นอย่างดีแต่บัดนี้กลับทำท่าว่าจะพังทลายทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้าให้ราบเป็นหน้ากลอง

“ทิมคะ... อยู่ตรงนี้นี่เองลีเดียตามหาตั้งนาน”

เสียงเย้ายวนใจที่ดังขึ้นทำให้ทิโมธีหลับตานิ่งราวกับกำลังระงับโทสะที่เกิดขึ้นแต่มือใหญ่กลับขยำนิตยสารในมือจนไม่เหลือชิ้นดี! สาวเปรี้ยวที่เดินมาสมทบยิ้มกว้างอย่างพอใจเมื่อไม่ต้องเสียเวลา เปลืองน้ำลายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำอีก

“คุณเห็นแล้วใช่ไหมคะทิม ทีนี้เชื่อลีเดียได้รึยังว่าแม่นิก้านั่นก็เห็นแก่เงินไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปหรอกค่ะ” ลีเดียพูดพร้อมเดินเข้ามาควงแขนชายหนุ่มอย่างสนิทชิดเชื้อ จงใจเบียดเรือนร่างเข้าหาอย่างไม่อายบุคคลที่สามเลยสักนิด “รู้ไหมคะว่าสองคนนี้ได้ค่าเหนื่อยมากจนเป็นประวัติการณ์ของวงการแฟชั่นโลกเลยนะคะ”

ทิโมธียัดหนังสือที่ไม่เหลือสภาพเดิมเข้าที่แผ่นอกกว้างของลูกน้องคนสนิทอย่างแรงราวกับระบายอารมณ์ แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานซึ่งแยกส่วนไว้ให้พักผ่อนอิริยาบทระหว่างที่คุมงานอยู่ในอู่ต่อรถนี้อย่างรวดเร็ว โดยมีลีเดียยังเกาะอยู่ข้างกายไม่ห่าง
“แล้วคุณรู้ได้ไง?” ทิโมธีถามพลางกระชากประตูห้องออกอย่างแรง

“ก็ลีเดียรู้จักกับทีมงานที่ทำงานให้กับนิตยสารฉบับนี้น่ะสิคะ นี่ถ้าคุณไม่มัวขลุกอยู่แต่ในอู่รถอย่างนี้คงได้รู้เรื่องแล้ว” ลีเดียบอกพร้อมกวาดสายตามองรอบๆห้องที่ใช้ผนังยิปซั่มกั้นส่วนอย่างง่ายๆ ติดเครื่องปรับอากาศและวางโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ชุดหนึ่งซึ่งมีเอกสารกองพะเนินเทินทึกอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ! ดูแล้วไม่เหมือนห้องทำงานของวิศวกรหนุ่มมหาเศรษฐีเจ้าของอู่ต่อรถบัสขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรปเลยแม้แต่น้อย

“ผมไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องรู้เรื่องของผู้หญิงที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตหรอกนะ ไม่จำเป็นเลยสักนิดเดียว” ทิโมธีพูดซ้ำราวกับจะย้ำประโยคนั้นเตือนใจตัวเอง

ลีเดียยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์เพราะรู้ดีว่าทิโมธียัไม่สามารถตัดใจจากวทานิกาได้เต็มร้อย จึงอยากสร้างความร้าวฉานเพื่อตอกย้ำให้แบดบอยหนุ่มได้เพิ่มความรู้สึกติดลบมากขึ้นไปอีก “ลีเดียก็ได้ว่ามันสลักสำคัญอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่อยากให้คุณรับรู้เอาไว้เท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าจะเคยรู้สึกดีๆต่อกันมาแค่ไหนแต่เมื่อเลิกลากันไปแล้วก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า แค่อยากให้คุณหันมามองลีเดียบ้างเท่านั้นเองค่ะ วทานิกาน่ะเธอไม่ได้สนใจคุณเลยด้วยซ้ำ อันนี้ลีเดียไม่ได้พูดเองนะคะ เพื่อนที่กองถ่ายเล่ามาให้ฟังอีกทอดนึง”

ทิโมธีทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างแรงพลางหรี่ตามองผู้หญิงหุ่นเพียวซึ่งอยู่ในเดรสสีน้ำเงินตัวสั้นกุดเดินนวยนาดเข้ามาใช้สะโพกพิงกับที่วางแขน เอนตัวเข้ามาคลอเคลียราวกับนางแมวยั่วสวาท

“ความจริงแล้วภาพที่เห็นว่านิก้าพาดขาไว้บนบ่าของรามอสน่ะถูกตัดออกไปแล้วนะคะ แต่คุณรู้ไหมว่านิก้าของคุณนั่นแหละที่เป็นคนยืนยันว่าไม่ให้ตัดภาพนี้ออกไป”

“ให้ตายเถอะ! เธอไม่ใช่นิก้าของผมอีกต่อไปแล้ว”

ลีเดียหัวเราะเสียงห้าวที่ปฏิเสธอย่างรวดเร็วด้วยความพอใจ “โอเคค่ะ ลีเดียพูดผิดเอง ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของรามอส รูบิโอ นักเตะเนื้อหอมที่เพิ่งย้ายเข้ามาในพรีเมียร์ลีกก็ทำให้เกิดข่าวดังครึกโครมจนวงการฟุตบอลบ้านเราคึกคักขึ้นมายกใหญ่”

“หึ! อย่างนั้นแหละ” ทิโมธีรับคำด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่ในใจกลับเดือดพล่านไปด้วยภาพในอิริยาบทต่างๆที่ได้เห็นในนิตยสารเมื่อครู่นี้

“รู้ไหมคะว่าตอนที่ถ่ายแบบน่ะ นิก้าให้จูบที่ต้นขาเธอจริงๆ คุณเชื่อไหมคะว่าไม่ต้องกลับมาถ่ายแก้ถ่ายซ่อมเลย มืออาชีพจริงๆ” ลีเดียพูดพลางลอบมองใบหน้าบึ้งจัดของทิโมธี “แต่ก็อย่างว่าแหละนะคะ การถ่ายแบบวาบหวามพวกนี้ถ้าได้คนที่เป็นคู่รักกันจริงๆก็จะทำงานง่ายขึ้นค่ะ คือไม่ต้องเขินอายกันเพราะของเคยๆกันอยู่แล้ว”

จบคำพูดของลีเดีย ทิโมธีก็หันขวับไปมองหน้าด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำให้หญิงสาวถึงกับใจเสีย หน้าถอดสี เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ

“ลีเดียแค่พูดไปตามที่ได้ยินมา ไม่ได้แต่งเติมอะไรเกินเลยไปจากความจริงสักนิด ความจริงไม่ปฏิเสธหรอกค่ะว่าอยากให้คุณตัดใจลืมผู้หญิงคนนั้นเสียเพราะเธอก็ไม่ได้อาลัยอาวรณ์คุณเลย แต่ถ้าสิ่งที่ลีเดียพูดคุณตีค่าความหวังดีที่ลีเดียมีให้เป็นสายตากล่าวหาว่าลีเดียใส่ร้ายป้ายสีอดีตผู้หญิงของคุณ ลีเดียก็ขอโทษนะคะ” ลีเดียพูดพร้อมลุกขึ้นเดินห่างจากร่างสูงด้วยท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัว หากเพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องลอบยิ้มออกมาอย่างคนเจ้าเล่ห์มากแผนการเพราะไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ที่เข้ามาเกี่ยวเอว รั้งตัวเอาไว้จากด้านหลัง

“จะเป็นผู้หญิงของทิโมธีก็อย่าใจน้อยกับเรื่องที่ผ่านมาของผม อย่าถือสาหาความกับอารมณ์ของผม เราถึงจะอยู่ด้วยกันได้” ทิโมธีพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นชิดริมใบหูบางซึ่งได้กลิ่นน้ำหอมยั่วยวนอารมณ์อยู่ตลอดเวลา

“จริงนะคะทิม? คุณไม่ได้หลอกให้ลีเดียดีใจเล่นใช่ไหมคะ?? ลีเดียหมุนตัวกลับมากอดร่างสูงใหญ่ด้วยความดีใจ

“ผมไม่ชอบผู้หญิงขี้หึงเพราะมันน่ารำคาญ ถึงแม้ว่าผมจะคบมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาแต่ก็ไม่เคยคั่วทีละหลายๆคนเพราะฉะนั้นตัดความรู้สึกหึงหวงออกไปในระหว่างที่เรายังอยู่ในความสัมพันธ์นี้ได้เลย ที่สำคัญความหึงหวงมันเป็นความรู้สึกที่คุณกำลังไม่เชื่อใจผมและไม่ให้เกียรติผม โอเค้?...”

ลีเดียฟังข้อตกลงที่ดูเหมือนจะเป็นข้อห้ามเสียมากกว่าด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มหากแต่ภายในจิตใจกลับอยากร้องกรี๊ดๆใส่หน้าแบดบอยผู้ซึ่งผูกมัดหัวใจตนให้เหลียวมองผู้ชายคนอื่น เป็นแค่ของเล่นเท่านั้น!! หากต้องเปิดยิ้มกว้างในเวลาต่อมาเมื่อได้ยินเขาเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงน่าฟัง

“เดี๋ยวเราไปเยี่ยมโคลอี้แล้วไปกินข้าวด้วยกัน” ทิโมธีบอกพลางเดินนำหน้าหญิงสาวออกจากห้องทำงานมุ่งหน้าสู่ออฟฟิศซึ่งตั้งอยู่ติดกับอู่ต่อรถบัสนี้แต่แบ่งแยกออกจากกันไว้อย่างชัดเจน

ลีเดียยิ้มอย่างลำพองใจเมื่อเดินตามหลังร่างสูงใหญ่ของทิโมธีเข้ามาในออฟฟิศซึ่งเต็มไปด้วยพนักงานหลายร้อยชีวิตลุกขึ้นยืนให้เกียรติเจ้านายที่กำลังเดินผ่านหน้าไปยังห้องทำงานส่วนตัว พลางคิดอย่างลำพองใจว่าอีกไม่นานอาณาจักรอันใหญ่โตนี้ก็จะเป็นของตนด้วย แค่ต้องใช้ความอดทน ใจเย็นรอให้เขาลบภาพของผู้หญิงคนนั้นออกไปจากใจให้หมดเท่านั้นเอง สายตาของลีเดียกวาดมองห้องทำงานกว้างใหญ่ภูมิฐานสมฐานะของทิโมธี แมคคินสัน เจ้าของอู่ต่อรถบัสที่ใหญ่และได้มาตรฐานที่สุดในทวีปยุโรปอย่างพอใจเพราะการจัดแต่งโชว์โมเดลรถบัสรุ่นต่างๆซึ่งเรียงรายอยู่ในห้องทำงานนี้บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของเป็นคนเก่ง เป็นหนุ่มไฟแรงที่ทำงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างมั่นคง มั่งคั่ง

“อย่างนี้ค่อยดูเหมาะสมกับห้องทำงานของทิโมธี แมคคินสันหน่อยนะคะ ห้องเมื่อครู่นี้ลีเดียว่าเหมือนห้องของคนงานยังไงไม่รู้” ลีเดียบอกพร้อมเดินชมโมเดลรถบัสทรงต่างๆซึ่งมีการออกแบบที่แตกต่างกันไป จากอดีตจนถึงปัจจุบันจัดวางใส่กล่องแก้วไว้อย่างคลาสสิก

“หึ... ผมไม่ใช่นายแบงก์หรือหรือนายหน้าค้าที่ดินนะที่จะได้ใส่สูทนั่งโต๊ะทำงานในห้องหรู เงินที่ได้มาทุกบาททุกสตางค์แลกมาจากความเหนื่อยยากของผมทั้งนั้น ความจริงแล้วผมแทบจะไม่เคยออกแบบรถคันไหนได้ในห้องนี้เลย ต่างกับห้องที่เราออกมาเมื่อครู่นี้ อยู่ในห้องนั้นแล้วสมองผมแล่น เกิดไอเดียใหม่ๆเสมอ” ทิโมธีพูดพลางหันกลับมามองหญิงสาวที่เดินมาทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาชุดใหญ่ซึ่งวางอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะทำงานของตน “ผมขอเวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักสิบห้านาที แล้วเดี๋ยวเราค่อยออกไปข้างนอกด้วยกัน”

“ถ้าอยากให้ฉันช่วยอาบน้ำล่ะก็... ยินดีนะคะที่รัก” ลีเดียบอกพร้อมส่งสายตายั่วยุอารมณ์เต็มที่

“กลัวว่ามันจะกินเวลานานไปเป็นชั่วโมงน่ะสิ เรื่องอย่างนี้ทำรีบๆไม่สนุกหรอกนะลีเดีย...” ทิโมธีตอบพร้อมกับอวดรอยยิ้มที่มุมปากอย่างถือดี เดินลึกเข้ามาด้านหลังห้องทำงานซึ่งจัดแบ่งไว้เป็นห้องส่วนตัวซึ่งสามารถใช้เป็นห้องนอนได้ในยามที่ชายหนุ่มต้องทำงานหนักจนไม่สามารถเดินทางกลับปราสาทแมคคินสันได้

ลีเดียมองตามร่างสูงของทิโมธีซึ่งเดินหายเข้าไปหลังประตูบานใหญ่ แล้วจึงลุกขึ้นเดินไปยังบาร์เครื่องดื่มซึ่งจัดไว้ตรงมุมห้องได้อย่างมีสไตล์ ริมฝีปากบางที่เคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีสดคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นเครื่องดื่มแอลกอฮอร์หลากหลายยี่ห้อตั้งเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ จึงไม่รีรอที่จะลิ้มลองรสชาติอันวิเศษของมันที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายแล้วทำให้ความคิดโลดแล่น สมองปลอดโปร่งพลางคิดว่าสักวันหนึ่งตนต้องมีสิทธิ์เดินเข้านอกออกในอาณาจักรของทิโมธีได้อย่างเสรี คำตอบรับในเรื่องการเป็นผู้หญิงของเขาเมื่อครู่ ถึงแม้จะดูว่าอวดดีไปสักหน่อยแต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะอย่างน้อยเขาก็ยอมให้เธอก้าวเข้ามาใกล้จนเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว และเธอนี่แหละจะทำให้เขาเปลี่ยนจากคำว่า ‘ผู้หญิงของเขาเป็นภรรยาของเขาให้จงได้!’



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2558, 10:13:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2558, 10:13:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1141





<< ตอนที่ 9 100%   ตอนที่ 11 100% >>
ร้อยวจี 27 พ.ค. 2558, 10:32:37 น.
พระเอกเราโง่หรือเปล่า ปล่อยให้นางมารเป่าหู แล้วจะรู้ไหมเนี่ยว่า แม่เลี้ยงคิดหุ๊บสมบัติตัวเอง รอหนังสือนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account