บ่วงรักฝังแค้น
เมื่อความรักกลายเป็นความอาฆาตแค้น และตามจองเวรเขาและเธอไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่าภพชาติไหนจะขอตามจองล้างจองผลาญไม่ให้เหลือสิ้น ความรักและความแค้น
จากอดีตชาติติดตามเป็นเงาตามตัว เขาและเธอจะทำเช่นไรเพื่อหยุดความแค้นนี้ลงได้
Tags: บ่วง,รัก,ฝัง,แค้น

ตอน: ตอนที่ 10 วังจันทรา

ตอนที่ 10 วังจันทรา

จังหวัดเชียงใหม่
ห้องผู้ป่วยหนัก

ร่างสันทัดของชายวัยกลางคน อายุประมาณ 50 ปี กำลังนอนหลับใหลภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่างกายคนเจ็บทั้งผ่ายผอมเพราะขาดอาหารมานาน ใบหน้าตอบจนเห็นโหนกแก้ม อย่างเห็นได้ชัด ภายนอกห้องผู้ป่วยหนัก ร่างสูงใหญ่ของมหาเศรษฐีหนุ่มและร่างของบอดี้การ์ดเฝ้าคอยอารักขาเขาอีกสี่คน กำลังยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วยหนัก

มหาเศรษฐีหนุ่มเดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเครื่องบินส่วนตัวของเขาใช้เวลาเดินทางพอๆกับเครื่องบินพาณิชย์ อาจจะเร็วกว่าเสียด้วยซ้ำ เขาเดินทางมาถึงช่วงบ่ายและได้พูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นผู้ให้การรักษา นายเข็มชาติ ศุภรานันท์ เพื่อนสนิทรุ่นน้องของนายคมกริช บิดาของเขา ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้องผู้ป่วยหลังจากสนทนากับแพทย์เจ้าของไข้เรียบร้อยแล้ว โดยมีบอดี้การ์ดทั้งสี่คอยอารักขาอยู่ด้านนอก

“เจตน์!เจตน์!มาถึงเหรอยัง”ชายหนุ่มเรียกหาดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดของเขา

“ก็ตามหลังมาติดๆ อยู่นี่แหละพี่ชายแต่คนป่วยหนักที่มีอาการทรงๆทรุดๆ จะมองเห็นวิญญาณได้ง่าย ถ้าคุณอาเข็มชาติเห็นดวงวิญญาณของผมจะตกใจเกิดช็อคขึ้นมา บาปจะเกิดกับผมเอาได้”เจตน์เอ่ยบอกพี่ชายฝาแฝดพี่ชายของเขา

“แต่พี่คิดว่า แกน่าจะคุยกับคุณอาทางกระแสจิตมันจะช่วยเราได้เยอะกว่ากันไหม เมื่อกี้หมอบอกว่าคุณอาเข็มชาติเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้ว แต่จะเป็นช่วงๆ เท่านั้นเพราะคุณอาติดเชื้อไข้มาเลเรีย จนขึ้นสมองต้องดูอาการวันต่อวัน แล้วถ้าเกิดคุณอานอนไม่ได้สติตลอดเวลาแบบนี้ คงต้องรอให้ได้สติก่อนเสียกระมังถึงจะคุยกันได้ พี่ว่ากว่าเราจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มันจะช้าเกินไปนะ”มหาเศรษฐีหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝดของเขา พร้อมทอดสายตามองคนเจ็บตรงหน้า

“ท่านหญิง! ท่นหญิงมณี!”เสียงละเมอเรียกชื่อหญิงสาวดังออกมาจากปากของคนนอนป่วย เล่นเอาหนุ่มหล่อตรงหน้าถึงกับหูผึ่งขึ้นมาทันที

“คุณอาละเมอเรียกชื่อท่านหญิงด้วย”อลันเอ่ยพึมพำพร้อมก้าวเข้าไปหาคนเจ็บและก้มลงกระซิบเบาๆ ใกล้ๆ หู

“คุณอาเจตน์มาเยี่ยมแล้วนะครับ!คุณอาเป็นอย่างไงบ้าง!ได้ยินเสียงของผมไหม”มหาเศรษฐีหนุ่มเอ่ยถามคนเจ็บตรงหน้า พร้อมเสียงของดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“พี่ชายจะให้ผมถามคุณอาผ่านทางกระแสจิตจริงๆ เหรอ คุณอาจะรับรู้ได้เหรอครับ ถามตอนที่ยังไม่ได้สติแบบนี้ผมว่ารอให้คุณอาฟื้นก่อนดีกว่าไหมพี่ชาย”เจตน์เสนอความคิดเห็นก่อนจะได้ยินเสียงของพี่ชายเขาตอบกลับมา

“พี่คิดว่าสำหรับผู้ป่วยที่ยังไม่ได้สติ แต่มีภาวะความทรงจำที่ต้องการถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับรู้ อาการละเมอของคนเจ็บที่ขณะที่ไม่ได้สติ หากเราต้องการสื่อสารผ่านทางกระแสจิต น่าจะดีที่สุดจะทำให้ผู้ป่วยบอกความจริงทุกอย่างออกมาโดยที่ไม่กระทบกระเทือนกับร่างกายที่กำลังเจ็บป่วย วิธีการแบบนี้นิยมใช้ในต่างประเทศ แต่ต้องเลือกใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการเพ้อละเมอออกมาเป็นระยะๆนะ ถ้านอนนิ่งเฉยๆ ไม่แสดงอาการอะไร ทำไม่ได้เพราะดวงจิตอาจจะหลับใหลไปพร้อมกับร่างกายที่ไม่รู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่ลองก็ไม่รู้พี่คิดว่าแกน่าจะลองทำนะเจ้าเจตน์ ภาวะดวงวิญญาณของแกน่าจะสื่อสารกับคุณอาตอนนี้ได้”

คำตอบของเขาทำเอาดวงวิญญาณของเจตน์ปรากฏร่างออกมาทันที ร่างโปร่งแสงยืนทำตาโตเมื่อได้ยินพี่ชายฝาแฝดของเขากล่าววิธีการได้รับข้อมูลจากคนเจ็บแบบนั้นออกมา

“โอโห...ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามารถใช้วิธีการแบบนี้ได้ด้วย นี่คือวิชาเอกที่ร่ำเรียนมาใช่ไหมเนี่ยพี่ชาย”เจตน์เอยถาม

“เออสิวะเรียนมาจนจบด๊อกเตอร์ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ และส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จด้วย เดี๋ยวแกคอยสังเกตเอาแล้วกัน และพี่เชื่อว่าสิ่งที่คุณอาบอกจากจิตใต้สำนึกย่อมไม่โกหกถูกต้องใช่ไหมเจตน์ ”อลันเอ่ยถามกลับไป

“ใช่แล้วพี่ชาย จิตตอบมาอย่างไงนั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง ผมขอยืนยันได้เลย”ดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดเอ่ยอย่างมั่นใจ ก่อนจะตาโตเมื่อคนเจ็บเริ่มละเมออีกแล้ว

“อย่า!อย่าเอาไป...ของท่านหญิง...วังของท่านหญิง!”คนเจ็บละเมอค่อนข้างจะได้ยินชัดเจนขึ้น

เมื่อได้จังหวะที่คนเจ็บละเมอออกมาเช่นนั้น อลันไม่รอช้า เขารีบให้น้องชายฝาแฝดส่งกระแสจิตป้อนคำถามเพื่อถามคนเจ็บตามที่ตนอยากถามทันที

“ลงมือตอนนี้เลยเจตน์ ส่งกระแสจิตถามคุณอาเดี๋ยวนี้เลยอย่าช้า! แกอ่านกระแสความคิดของพี่ออกใช่ไหมเพราะฉะนั้น คำถามที่พี่อยากถามคุณอาแกอ่านจากคลื่นทางกระแสจิตของพี่แล้วถามคุณอาออกไป”อลันเอ่ยบอกน้องชาย

“โอเคครับพี่ชาย” เจตน์ขานรับพี่ชายฝาแฝด พร้อมร่างโปร่งแสงก้าวเข้าไปหาคนเจ็บตรงหน้าพร้อมยกมือแตะหน้าผากเพื่อส่งกระแสจิต

“คุณอาหนีใครมาครับ”ชายหนุ่มยิงคำถาม

“หนีลูกน้องนายจิตติกับมารตี มันจะตามมาฆ่าอา มันบอกว่ามันจะฆ่าเจตน์และพี่คมกริชด้วย”คนเจ็บเอ่ยบอกทั้งๆ ที่ยังหลับอยู่ และการตอบคำถามของคนเจ็บทำให้มหาเศรษฐีหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ยิ้มด้วยความพอใจทันที เมื่อวิธีการอ่านคลื่นผ่านทางกระแสจิตใช้ได้ผล

“ทำไมนายจิตติกับมารตีถึงต้องการทำร้ายคุณอา”

“เพราะพี่คมกริชไว้ใจอาและให้อาพาเจตน์ไปหาพี่ชายฝาแฝดที่อเมริกา แต่อาให้หลานเจตน์เดินทางไปล่วงหน้าก่อน เพราะลูกน้องของนายจิตติกับมารตี สะกดรอยตามอามาเพื่อจะเอาของสำคัญ”คำตอบของคนเจ็บทำให้คิ้วเข้มของอลันขมวดเข้าหากันทันที ก่อนจะรีบเอ่ยถามเพื่อมิให้เสียโอกาส

“ของสำคัญที่ว่าคือะไรคุณอา ที่จิตติและมารตีอยากได้”อลันเอ่ยถาม

“โฉนดที่ดินของวังจันทรา เจ้านายของพวกมันสั่งให้มาเอา มันรู้ว่าอาเป็นคนดูแลรับช่วงต่อจากพี่คมกริช มันก็เลยตามล่าอาเพื่อจะเอาโฉนดของวังจันทรา”คนเจ็บเอ่ยบอกอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“เอาเข้าแล้วไงพี่ชาย คุณพ่อของเราสองคนรู้เรื่องวังจันทราของท่านหญิงมณีซะด้วย โหนี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยทำไมสลับซับซ้อนเสียเหลือเกิน”ดวงวิญญาณของเจตน์ หันไปกล่าวกับพี่ชายของเขาทันที เมื่อคนเจ็บเอ่ยขึ้นมาให้ได้ยินเช่นนั้น

“รู้สึกว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังมารตีกับนายจิตติ อยากรู้นักเชียวว่ามันเป็นใคร”อลันเอ่ยกับน้องชายฝาแฝดพร้อมเอ่ยถามคำถามต่อทันที

“วังจันทรายังหลงเหลือทายาทของท่านหญิงอีกเหรอครับคุณอา แล้วทำไมเจ้านายของมารตีถึงอยากได้วังจันทรา”

“ทายาทที่ได้รับวังจันทรา จะต้องเป็นลูกหลานของท่านหญิงมณีเท่านั้น ต้องมาจากต้นสายคือน้องชายของท่านหญิง เจ้านายของพวกมันอยากได้วังจันทราเพราะมันต้องการทุกสิ่งทุกอย่างของท่านหญิงมณีตกไปเป็นของมัน คนรุ่นหลังเอาโฉนดวังจันทราไปค้ำประกันเงินกู้ แล้วกู้เงินออกมา พอพี่คมกริชรู้ก็เลยให้อาเอาเงินไปคืนเพื่อขอโฉนดกลับคืนมา เจ้านายของมารตีตอนแรกไม่รู้ว่าวังจันทราเป็นของท่านหญิงมณี เพิ่งจะมารู้ภายหลัง ก็เลยไม่รับเงินแล้วสั่งคนมาทวงเอาโฉนดวังจันทรากลับไป”

“แล้วตกลงตอนนี้โฉนดวังจันทราตกอยู่กับใครครับคุณอา”อลันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเคร่งเครียด

“อยู่กับมารตี ลูกน้องนายจิตติมันส่งคนมาทำร้ายอาแล้วแย่งไปได้ มันจะเอาไปให้เจ้านายของมัน”คนเจ็บเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่เริ่มอ่อนแรง

“รู้สึกว่าจิตจะเริ่มอ่อนแล้ว ช่วยกันฟังคุณอาว่าพูดอย่างไงนะเจตน์ เสียงเริ่มเบามาก”อลันเอ่ยบอกน้องชายของเขา

“ไม่มีปัญหาพี่ชาย สำหรับผมเบาแค่ไหนก็ได้ยินเต็มสองหูเลย เพราะฟังทางจิตผ่านโลกวิญญาณมันจะดังอยู่เสมอ”เจตน์เอ่ยบอก

“ถ้าเช่นนั้นทายาทของท่านหญิงก็ยังเป็นเจ้าของวังจันทรา เพราะเจ้านายมารตีได้แค่ครอบครองโฉนดเฉยๆ แต่ไม่มีกรรมสิทธิ์ แล้วทำไมมารตีถึงได้ถือวิสาสะเข้าไปอยู่ในวังจันทราได้ล่ะครับคุณอา”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยถาม

“วังจันทราตกเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกมันแล้ว มันเอาโฉนดไปโอนลอยเรียบร้อยแล้วเพราะเพิ่งครบตามสัญญาขายฝาก มันบอกว่าไม่มีเงินมาให้มันยึดทันที ทั้งๆที่พวกมันรับเงินจากอาไปหมดแล้วแต่มันก็ยังเอาวังจันทราไปเป็นของมัน”

“สารเลวขึ้นชื่อจริงๆ เลยคนพวกนี้! ”อลันก่นด่าอยู่ภายในใจก่อนจะเอ่ยถาม

“แล้วคุณอาตามหาทายาทของท่านหญิงมณีพบหรือยังครับ”เจตน์เอ่ยถามพร้อมร่างของอลันก้มลงฟังใกล้ๆ เพื่อให้ได้ยินชัดเจนมากกว่านี้

“อายังไม่แน่ใจ ว่าที่อาพบคือท่านหญิงมณีหรือไม่ตามคำทายของเสด็จในกรมฯ เสด็จพ่อของท่านหญิงทรงรับสั่งเอาไว้ว่าพระธิดาของพระองค์จะกลับมาอีกครั้งในรูปโฉมที่งดงามเหมือนเดิม หากลูกหลานในรุ่นต่อไป ถ้าใครมีรูปโฉมเหมือนกับท่านหญิงมณีพระธิดาของพระองค์ คนๆ นั้นคือท่านหญิงมณีของพระองค์และจะต้องมาจากสายเลือดตรงของเสด็จในกรมเท่านั้น”คนเจ็บเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่เริ่มขาดๆ หาย

“อีกคำถามครับอา คุณอาพอจะทราบไหมครับ ว่าผู้หญิงที่เหมือนท่านหญิงมณีชื่อเรียกว่าอะไรครับ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหนครับ”เจตน์เอ่ยถามพร้อมรอคอยคำตอบด้วยใจที่จดจ่อ

“ อาไม่รู้! อาไม่รู้!”คนเจ็บเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เงียบเสียงลงด้วยความอ่อนเพลียเพราะถูกถามผ่านทางกระแสจิต

“คุณอาเงียบไปซะแล้ว จะถามว่าท่านหญิงอยู่ที่ไหนจะถามได้อีกไหมเจตน์”อลันเอ่ยถามน้องชายฝาแฝดด้วยสีหน้าที่มีความดีใจอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ได้แล้วพี่ชาย กระแสจิตคุณอาหายไปแล้วแสดงว่าดวงจิตใกล้หมดความรับรู้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าผู้หญิงถ้าหน้าเหมือนท่านหญิงมีชื่อและนามสุกลอะไร จะตามท่านหญิงเจอเหรอ”เจตน์เอ่ยถามด้วยความสงสัย พร้อมค่อยๆยกมือออกจากหน้าผากของคนเจ็บ แต่แล้วสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปโดยพลัน

“ถ้าเป็นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน บอกได้เลยว่ายากมากถึงมากที่สุด แต่สมัยนี้ไม่มีอะไรที่เรียกว่ายากแล้ว เทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เราสามารถหาบุคคลที่เราต้องการพบได้ไม่ยากเย็นแล้ว ขอเพียงแค่รู้ชื่อและนามสกุล และยิ่งถ้าเราไม่รูปถ่ายของคนที่เราต้องการค้นหาทุกอย่างก็จะง่ายและแคบมากขึ้น” มหาเศรษฐีหนุ่มเอ่ยบอกน้องชาย พร้อมๆกับเสียงดวงวิญญาณของน้องชายฝาแฝดดังแทรกขึ้นมา

“แย่แล้วพี่ชาย”เสียงดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชาย

“มีอะไรเหรอ แล้วที่บอกว่าแย่เรื่องอะไรเจตน์”ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัยกลับไปทันที

“คุณอาเข็มชาติ หมดอายุขัยวันนี้แล้วพี่ชาย ดวงวิญญาณจะละสังขาร 24.32 นาฬิกา ถ้านับจากตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอก

“ทำไมมันรวดเร็วนักล่ะ นี่คุณอาเข็มชาติกำลังจะจากพวกเราไปจริงๆเหรอเจ้าเจตน์ แล้วถ้าคุณอาจากไปเพราะหมดอายุขัยแบบนี้ ดวงวิญญาณจะยังคงวนเวียนอยู่หรือเปล่า”อลันเอ่ยถามน้องชายฝาแฝดของเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาชวนฝันทอดสายตาไปยังคนเจ็บด้วยความสงสาร

“วิญญาณของคุณอาไม่ได้มาวนเวียนหรอกพี่ชาย เพราะคุณอาหมดอายุขัยลงแล้ว บุญและบาปจะส่งผลให้ดวงวิญญาณของคุณอาไปสู่ภพภูมิที่คุณอาได้กระทำไว้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ คุณอาเข็มชาติเป็นคนดี คุณอาหมดบุญก็จะไปภพภูมิที่ดีตามกระแสบุญที่คุณอาสั่งสมมา”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกพี่ชายฝาแฝดของเขา ก่อนจะเอ่ยแทรกขึ้น

“เราควรจะจัดงานศพให้คุณอาเข็มชาติที่ไหนดีพี่ชาย จะจัดแบบเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้หรือจะจัดแบบเปิดเผยให้ทุกคนล่วงรู้กันหมด”

อลัน หันกลับไปมองใบหน้าน้องชายฝาแฝดของเขา ก่อนจะส่งยิ้มให้เมื่อได้ยินคำถามที่เหมือนจะบอกอะไรให้เขาล่วงรู้อะไรบางอย่าง

“งานศพของคุณอาเข็มชาติจะทำให้เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไรเจตน์ งานนี้จะทำให้เรารู้อะไรมากขึ้นจากมารตีและคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด พี่จะต้องรู้ให้ได้ว่าวังจันทราตอนนี้ถูกโอนไปให้ใคร พี่จะเอาวังจันทราคืนกลับมาให้ท่านหญิงมณีให้ได้”ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝด

“ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!”เสียงเคาะประตูทำลายความเงียบพร้อมร่างของแม๊กซ์ก้าวเข้ามาในห้อง

“นายท่านครับสายข่าวที่เราส่งไปสืบรายงานมาว่า ตอนนี้คุณมารตีจองไฟท์เที่ยวบินเพื่อกลับกรุงเทพเป็นกรณีเร่งด่วนแล้วครับ จากที่เราแอบดักฟังการพูดคุยทางโทรศัพท์ เธอจะต้องบินกลับตามคำสั่งของคนที่เธอมักเรียกว่า “หม่อมท่าน” และตอนนี้คนที่เธอต้องรีบบินกลับตามคำสั่ง เข้าพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลในเครือ AMS ของเราด้วยครับนายท่าน”บอดี้การ์ดคนสนิทกล่าวรายงานอย่างละเอียด และนั้นทำให้คิ้วหนาเรียงตัวได้รูปสวยของมหาเศรษฐีหนุ่ม ขมวดเข้าหากันทันที

“ใครกันที่สามารถออกคำสั่งให้มารตีรีบบินกลับด่วนได้ขนาดนั้น หรือว่าจะเป็น”ชายหนุ่มเอ่ยเพียงเท่านั้นก็หยุดลงโดยพลัน พร้อมหันกลับไปมองดวงวิญญาณของน้องชายฝาแฝด ที่ส่งกระแสจิตโต้ตอบเขามาทันที

“บางทีคนที่มารตีกำลังรีบร้อนบินกลับไปหาตามคำสั่ง อาจเกี่ยวข้องกับมารตีไม่ทางใดก็ทางหนึ่งก็อาจเป็นได้นะพี่ชาย เผลอๆ เราอาจจะสืบรู้อะไรดีๆ จากคนๆ นี้ก็ได้”ดวงวิญญาณของเจตน์กล่าวตอบกลับมา ซึ่งพี่ชายของเขาก็มีความเห็นตรงกัน

“แม๊กซ์!นายให้คนของเราไปสืบหาคนที่มารตีกำลังเดินทางไปพบว่า คนนั้นๆ เป็นใครและมารักษาตัวในโรงพยาบาลในเครือ AMS ได้อย่างไง สืบประวัติคนๆ นั้นให้ละเอียดที่สุด ได้เรื่องอย่างไงส่งรายละเอียดมาให้ด่วนเลยนะ แล้วก็เตรียมเครื่องบินของเราอีกหนึ่งลำ เพื่อรับคุณอาเข็มชาติกลับไปด้วย”ชายหนุ่มเอ่ยสั่งการคนสนิทของเขา

“นายท่านจะให้จัดเตรียมทีมแพทย์และพยาบาลด้วยไหมครับ”แม๊กซ์เอ่ยถามเพิ่มเติม

“ไม่ต้องหรอก นายไปจัดเตรียมตามที่สั่งแค่นี้ก่อน หลังจากนี้ค่อยว่ากันอีกครั้ง รีบไปจัดการตามที่สั่ง”อลันเอ่ยบอกตัดบทเพื่อมิให้คนสนิทของเขาเกิดความสงสัยในสิ่งที่เขาจะสั่งการต่อไปนับต่อจากนี้ ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยกับน้องชายฝาแฝดทันทีที่ร่างของบอดี้การ์ดคนสนิท เดินออกจากห้องไป

“ไปวังจันทรากันเถอะ”ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝด

“อะไรนะพี่ชาย!จะไปวังจันทราเหรอ พี่ชายจะไปทำไมเขาไม่ให้คนภายนอกเข้าไปนอกจากคนของวังจันทราและพระญาติของท่านหญิงเท่านั้นนะพี่ชาย”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยทักท้วงพี่ชายเขาโดยพลัน

“พี่เข้าใจที่แกบอก แค่อยากเห็นวังจันทราทางด้านนอกแค่นั้นเอง ไม่เข้าไปข้างไหนหรอก อยากเห็นว่าวังจันทรามีลักษณะอย่างไง แกพอจะช่วยพี่ได้ไหมพี่อยากรู้ว่าวังจันทราของท่านหญิงมณี ทำไมถึงได้มาสร้างอยู่ไกลถึงเชียงใหม่ ในแผ่นดินรัชกาลที่ 4 เมืองเชียงใหม่ไม่ใช่ใกล้ๆ เลยนะ การเดินทางก็แสนจะลำบาก พี่แปลกใจว่าวังของท่านหญิงควรจะอยู่ในเขตกรุงเทพหรือตัวพระนครตามยุคสมัยที่เขาเรียกกันไม่ใช่เหรอ”ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายตามสิ่งที่เขาสงสัย

“อืมมม...ก็จริงอย่างที่พี่ชายพูด แสดงว่าพี่ชายอยากไปวังจันทราเพื่ออยากได้รายละเอียดในสิ่งที่สงสัยและบางทีผมอาจจะสื่อสารกับท่านพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งดูแลรักษาวังจันทรา ว่ามีความเป็นมาอย่างไงใช่ไหม แหม...ฉลาดเป็นกรดเลยเนอะพี่ชาย ใช้วิธีการเหนือธรรมชาติในสิ่งที่คนอื่นไม่อาจรู้ได้”

“แล้วตกลงแกจะไปกับฉันไหมเจ้าเจตน์ รู้อยู่แล้ววาพี่แกคิดอย่างไงยังจะมาถามอีก ”ชายหนุ่มเอ่ยถามดวงวิญญาณน้องชายอีกครั้ง พลางก้าวเดินออกจากห้องไอซียูทันที

“โห!..พี่ชายมีเคือง...ไปสิครับพี่ชาย ไปไหนไปกันเลยเอา”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยตอบกลับไปพร้อมก้าวเดินตามหลังพี่ชายของเขาไปติดๆ

วังจันทรา

รถสปอร์ตคันหรูราคานับสิบล้านวิ่งไปตามถนนเชียงใหม่-ฝาง มุ่งหน้าไปยังเขตอำเภอเชียงดาว บอดี้การ์ดที่คอยอารักขาชายหนุ่มทำหน้าที่เป็นคนขับ นำมหาเศรษฐีหนุ่มเข้าสู่อาณาบริเวณของ “วังจันทรา” ซึ่งมีพื้นที่โดยรวมตามสิทธิการครอบครองถึงหนึ่งร้อยไร่ จัดสรรสร้างเป็นส่วนของวังใช้เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ รั้วของวังรวมไปถึงประตูวังจากเดิมทำจากไม้สักทั้งหมด แต่ด้วยกาลเวลาอันยาวนานถูกปรับปรุงมาแล้วหลายต่อหลายครั้งซึ่งของเดิมที่ทำจากไม้สักทองได้พุพังไปตามกาลเวลา มีเพียงด้านหน้าที่ยังคงเป็นไม้สักทองสูงค่าเช่นเดิม เป็นที่ล่อตาล่อใจโจรขโมยเสียนี่กระไร แต่ก็น่าประหลาดใจเหตุไฉน “วังจันทรา” จึงรอดพ้นจากโจรขโมยไม่สามารถเข้ามาขโมยข้าวของภายวังได้

ร่างสูงสง่าของอลันก้าวลงจากรถสปอร์ตคันหรู ดวงตาชวนฝันจ้องมอง “วังจันทรา” ซึ่งเป็นเรือนไทยโบราณประกอบด้วยกลุ่มเรือน ๘ หลัง ล้อมเป็น ๔ เหลี่ยมโดยมีชานกลางเชื่อมเข้าด้วยกัน ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเรือนที่ใหญ่กว่าเรือนหมู่โดยทั่วไป แต่วังจันทราจะงามได้สัดส่วนอย่างลงตัว การก่อสร้างใช้วิธีเข้าไม้ตามแบบฉบับของช่างไทยโบราณ ฝีมือประณีต เชิงชายและไม้ค้ำยันสลักเสลาสวยงามซึ่งสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลังเป็นเรือนไทยโบราณ ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง และด้านหลังของวังเป็นทิวเขาสูง มองเห็นหมอกกระจายเต็มไปหมด มองดูแล้วยิ่งทำให้ “วังจันทรา” อึมครึมและน่าหวาดกลัวกับผู้ที่สัญจรผ่านไปผ่านมาเสียนี่กระไร

“นี่นะเหรอวังจันทรา”อลันรำพึงออกมาเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงของน้องชายฝาแฝดเอ่ยแทรกขึ้น

“โอโห!พี่ชาย วังจันทรามีดวงวิญญาณอีกหลายดวงคอยเฝ้าวังจันทราไว้ด้วยนะ”เจตน์เอ่ยบอกพี่ชายของเขา

“อย่างนั้นเหรอเจตน์...แล้วเห็นดวงวิญญาณที่คอยเฝ้าวังจันทราแล้วเหรอ”เสียงพี่ชายฝาแฝดเอ่ยถาม

“ยังเลยพี่ชาย...แต่...”ดวงวิญญาณของเจตน์กล่าวยังไม่ทันจบ เบื้องหน้าตรงประตูวังพลันปรากฏร่างโปร่งแสงมีแสงเรืองรองสว่างขึ้นโดยรอบขึ้นมาทันที

“ท่านพระภูมิ”เจตน์พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะได้รับกระแสจิตจากร่างโปร่งแสงตรงหน้าเขาที่เพิ่งปรากฏกายให้เห็น

“มาหาเรา...เรารอเจ้ามานานแล้ว ปล่อยให้พี่ชายของเจ้าอยู่ตรงนั้นเพราะเดี๋ยวพี่ชายของเจ้าจะรำลึกได้เอง ส่วนเจ้าตามเรามา”เสียงทิพย์ที่เต็มไปด้วยอำนาจของท่านพระภูมิส่งมาหาเจตน์ก่อนจะเลือนหายไปช้าๆ

เจตน์รับรู้ได้โดยพลันกับสิ่งที่พระภูมิต้องการ ร่างโปร่งแสงค่อยๆ เลือนหายไปตามคำสั่ง ก่อนจะมาปรากฏร่างภายในวังจันทรา ต่อหน้าร่างโปร่งแสงที่มีแสงเรืองรองล้อมรอบกายอยู่โดยรอบ และเขาไม่ได้เห็นเพียงแค่นั้น ดวงวิญญาณของเจตน์ยังพบดวงวิญญาณที่ยังคงวนเวียนคอยเฝ้าวังจันทราอีก 3 ดวง และทันที่ที่กายทิพย์ของเขาปรากฏ เสียงของดวงวิญญาณหนึ่งในนั้นเอ่ยทักขึ้นเขาขึ้นมาทันที

“ท่านชายรณยุทธ”เสียงของดวงวิญญาณหญิงชราในวัยหกสิบเศษๆ เอ่ยทักดวงวิญญาณเขา ก่อนจะพาบริวารของนางก้มลงหมอบกราบดวงวิญญาณของเจตน์ทันที

“เออ...เดี๋ยวก่อนนะ...ทำไมมาเรียกผมแบบนั้นและกราบผมทำไมครับ”เจตน์เอ่ยถามด้วยความสงสัยดวงวิญญาณของชายหนุ่มตั้งตัวไม่ติดเมื่อจู่ๆ เหล่าดวงวิญญาณตรงหน้าเขาทำราวกับว่ารู้จักเขา ก่อนจะได้ยินเสียงขององค์พระภูมิเอ่ยขึ้น

“เจ้าอย่าสงสัยสิ่งใดเลย ดวงวิญญาณเหล่านี้เคยเป็นบริวารของเจ้าเมื่อภพชาติที่แล้ว ที่ข้าเรียกให้เจ้าตามข้ามาเพราะเจ้าจะเป็นผู้ทำให้กรรมที่ได้เคยก่อเอาไว้เมื่อชาติที่แล้ว จะสิ้นสุดลงในชาตินี้หรือจะต้องตามจองเวรกันทุกชาติไป เพราะตัวเจ้าเป็นต้นเหตุ”

ทันทีที่ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้น ดวงวิญญาณของเจตน์ค่อยๆ ทรุดกายลงคุกเข่าต่อหน้ากายทิพย์ที่มีอำนาจและบารมีมากกว่าเขา พร้อมยกมือขึ้นทั้งสองข้างพนมมือเอาไว้กลางอก

“ถ้าเช่นนั้นขอท่านพระภูมิได้โปรดบอกผมด้วยเถอะครับ ว่าผมควรจะต้องทำอย่างไร กรรมใดที่ผมติดค้างผู้ใดไว้ผมจะต้องชดใช้อย่างไรเพื่อให้สิ้นสุดกันในชาตินี้ไม่ต้องตามติดตัวไปถึงภพชาติหน้า แล้วผมทำกรรมกับใครไว้บ้าง”เจตน์เอ่ยบอกตามจิตที่เขาคิด

“คนที่เจ้าทำกรรมเอาไว้ก็คือพี่ชายของเจ้าเองนั่นแหละ เมื่อภพชาติที่แล้วเจ้าทำให้พี่ชายของเจ้าถูกเจ้ากรรมนายเวรตามจองเวรไม่มีที่สิ้นสุดเพราะผลจากการกระทำของเจ้า โดยที่พี่ชายของเจ้าไม่ได้เป็นก่อเวรและเป็นผู้ลงมือกระทำ”เสียงของท่านพระภูมิเอ่ยบอกดวงวิญญาณของเจตน์ตามความเป็นจริง และถ้อยคำดังกล่าวทำให้ดวงวิญญาณของเจตน์ถึงกับตกใจอย่างที่สุด

“พี่ชาย!ผมทำกับพี่ชายเอาไว้เมื่อชาติที่แล้วเหรอครับ”เจตน์รำพึงถึงพี่ชายฝาแฝด

“เราจะทำให้เจ้าล่วงรู้ว่าเมื่อภพชาติที่แล้วเจ้าเป็นใคร และได้ทำอะไรกับใครไว้ เวลานี้เป็นเวลาที่เจ้าจะช่วยพี่ชายของเจ้าได้ เพราะกรรมได้ลิขิตเอาไว้ให้เจ้าได้มีโอกาสช่วยพี่ชายของเจ้าอีกครั้ง แม้ว่าเจ้าจะเหลือเพียงดวงจิตและกายทิพย์เพียงเท่านั้น เจ้าเข้าญาณสมาธิแล้วจะเห็นทั้งหมดในสิ่งที่เจ้าได้ทำเอาไว้เมื่อภพชาติที่แล้ว”

สิ้นเสียงกล่าวของท่านพระภูมิที่คอยปกป้องรักษาดูแลวังจันทรา ได้พาดวงจิตของเจตน์ซึ่งกำลังนั่งเข้าญาณสมาธิตามคำสั่งของท่านดำดิ่งไปสู่เหตุการณ์เมื่อภพชาติที่แล้ว ที่เขาได้กระทำบางสิ่งบางอย่างจนเป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่ลูกหลานของเขาถูกตามจองเวรมาหลายต่อหลายรุ่นและจนกระทั่งมาถึงรุ่นของเขาจนทำให้เขาต้องจบชีวิตลงในภพชาตินี้ และคนที่จะต้องจบชีวิตลงเป็นคนต่อไปคือพี่ชายฝาแฝดของเขานั่นเอง

ย้อนกลับไปในปีพุทธศักราช 2367 ตรงกับวันสุกรวาร ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 ปีวอก อธิกรสุรทิน ลอศก มติมาส ปกติวาร ร.ศ.43 จุลศักราช 1186 คริสต์ศักราช 1824

ดวงจิตของเจตน์ดำดิ่งย้อนกลับไปในวัย 21 ปี พบเห็นภพชาติอดีตของเขาที่เคยถือกำเนิดมาแล้ว เขาเคยเกิดเป็นถึงเจ้านายฝ่ายในมีสายเลือดราชชินิกูล คือหม่อมเจ้ารณยุทธ อิศรา หรือเรียกอีกนามว่าท่านชายยุทธ และไม่ใช่เพียงเท่านั้นพี่ชายฝาแฝดของเขาในภพชาตินี้ ก็เคยเป็นพี่ชายฝาแฝดของเขาในอดีตชาติเช่นเดียวกันและพี่ชายของเขาแท้ที่จริงคือ หม่อมเจ้าบดินทร์ธร อิศรา หรือเรียกอีกนามว่า ท่านชายบดินทร์ พระองค์หมายพระทัยไว้กับ หม่อมเจ้าหญิงมณีภัสสร สุริยารังษี
แต่ทว่าความรักของเจ้านายชั้นสูงทั้งสองช่างมีอุปสรรคเสียนี่กระไร เมื่อพระสหายสนิทของท่านหญิงมณี คือหม่อมราชวงศ์ อุบลวรรณ เทพรัตน์ ก็ได้มีพระทัยให้กับท่านชายบดินทร์ธร อิศราเช่นเดียวกัน ในขณะที่ท่านชายรณยุทธ ทรงมีพระทัยให้กับคุณหญิงอุบลวรรณ แต่คุณหญิงหาได้มอบความรักให้กับท่านชายรณยุทธแต่อย่างใด จึงเป็นสาเหตุเรื่องราวความรักฝังแค้นหยั่งลึกลงไปจนถึงรุ่นลูกหลานเลยทีเดียว

ครั้นท่านชายรถยุทธ อิศราไม่สมปรารถนาในรักที่ทรงหมายพระทัยไว้กับ หม่อมราชวงศ์อุบลวรรณ เทพรัตน์ หรือเรียกกันสั้นๆว่า คุณหญิงบัว เพราะคุณหญิงบัว หลงรักและหลงใหลท่านชายบดินทร์ธร จนถึงขนาดปฏิเสธที่จะทำการอภิเษกสมรสกับท่านชายรณยุทธ อย่างไม่มีเยื่อใย เป็นเหตุให้ท่านชายรถยุทธ ทรงเสียพระทัยเป็นที่สุดกับคำปฏิเสธของหญิงผู้ที่ท่านชายประทานความรักให้อย่างสุดซึ้ง และเพราะการปฏิเสธของคุณหญิงบัวที่ไม่ยอมอภิเษกสมรสกับท่านชายรถยุทธ จึงเป็นเหตุให้ท่านชายรณยุทธ เกิดความคับแค้นพระทัยจึงวางแผนสวมรอยเป็น ท่านชายบดิทร์ธร อิศรา เพื่อทำให้คุณหญิงบัว ตกเป็นของพระองค์ด้วยความคิดที่ว่าเมื่อคุณหญิงบัวเป็นของพระองค์แล้ว ถึงอย่างไรเสียก็ต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระองค์โดยไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป ตามจารีตประเพณีของกรุงสยาม

ทว่าสิ่งที่ท่านชายรณยุทธ ทรงคิดไว้ไม่เป็นตามคาด แม้คุณหญิงบัว จะตกเป็นของพระองค์แล้วก็ตามแต่พระองค์ไม่มีโอกาสได้บอกความจริงกับคุณหญิงบัวแม้แต่น้อย สืบเนื่องมาจากพระองค์มีเหตุต้องไปราชการทางเมืองเหนืออย่างเร่งด่วนตามพระบรมราชโองการเพื่อสมทบกับกองทัพเชียงใหม่เพื่อยกไปตีเมืองเชียงตุง และต้องไปตรวจตราการก่อสร้างวังจันทรา ซึ่งท่านชายบดินทร์ธร อิศรา ประทับอยู่ที่เมืองเชียงใหม่ เพราะทรงได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็นกรมหมื่นอติเทพวรฤทธิ์ นำทัพจากกรุงเทพขึ้นมาสมทบกับกองทัพเชียงใหม่เพื่อตีเมืองเชียงตุง และทรงได้รับแต่งตั้งให้ควบคุมดูแลหัวเมืองทางเหนือทั้งหมด ท่านชายบดินทร์ธร จึงดำริสร้างวังจันทราขึ้น ณ เมืองเชียงใหม่เพื่อใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ และได้ใช้ทรัพย์สินส่วนพระองค์ จัดสร้างวังจันทราเพื่อใช้เป็นที่ประทับหลังจากทรงอภิเษกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงมณีภัสสร สุริยารังษี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่ท่านชายรณยุทธ ทรงคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก จึงไม่สามารถมีช่องทางสบโอกาสที่จะเปิดเผยความจริงให้คุณหญิงบัวได้รับทราบข้อเท็จจริง เนื่องจากมีข้อราชการติดพัน จนกระทั่งท่านชายรณยุทธได้รับทราบข่าวว่า คุณหญิงบัวทรงครรภ์จากการส่งข่าวของแม่นมอาบของพระองค์ เป็นผู้ส่งข่าวรายงานให้ทราบการเคลื่อนไหวต่างๆ ของทางพระนครรวมไปถึงเรื่องของคุณหญิงบัวของพระองค์ แต่พระองค์ก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่พระองค์ทรงก่อไว้ให้กลับมาได้ เพราะพระองค์ก็ต้องเอาพระชนม์ชีพมาทิ้งไว้ที่เมืองเชียงใหม่ เนื่องจากทรงนำทัพข้ามไปตีเมืองเชียงตุง พระองค์มีพระอาการประชวรไข้ป่า จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในวัยเพียง 21 พระชันษาเท่านั้น สร้างความโศกเศร้าเสียพระทัยให้แก่เสด็จในกรมพระราชบิดาและหม่อมเจ้าบดินทร์ธร อิศรา พระเชษฐาอย่างยิ่งยวด และการสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันของท่านชายรณยุทธ โดยมิทันได้บอกความจริงแต่อย่างใดที่พระองค์ได้ทรงก่อไว้ เป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมอย่างไม่มีใครคาดคิดตามติดมา

ครั้นเมื่อคุณหญิงบัวตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มมีการเคลื่อนไหวของทารกน้อยได้อย่างชัดเจน คุณหญิงบัวไม่สามารถอดทนรอท่านชายบดินทร์ธร อีกต่อไปได้จึงบุกเข้าวังอิศราเพื่อเรียกร้องให้ท่านชายบดินทร์ธร ทรงรับผิดชอบในการกระทำของพระองค์ ทว่าถูกท่านชายบดินทร์ธร ปฏิเสธกลับมาว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะมีสัมพันธ์กับคุณหญิงบัวจนตั้งครรภ์ได้ เพราะพระองค์เสด็จไปประทับอยู่ที่เมืองเชียงใหม่นำทัพจากพระนครไปสมทบกับทัพเมืองเชียงใหม่แล้ว ผู้ที่อยู่วังอิศราช่วงนั้นคือท่านชายรณยุทธ เพียงเท่านั้น และยังยืนยันว่าจะทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับท่านหญิงมณีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น คำปฏิเสธดังกล่าวของท่านชายบดิทร์ธร ทำให้คุณหญิงบัวเสียใจแทบจนแทบบ้าคลั่งในสิ่งที่ท่านชายบดินทร์ธรได้กระทำไว้ คุณหญิงบัวก็ไม่ปักใจเชื่อในรับสั่งของท่านชายบดินทร์ธรแต่อย่างใด มั่นใจว่าทารกในครรภ์เป็นสายเลือดของท่านชายบดินทร์ธร อิศรา อย่างแน่นอน

และเพราะคำปฏิเสธดังกล่าวของท่านชายบดินทร์ธร ก่อให้เกิดความแค้นขึ้นภายในใจของคุณหญิงอุบลวรรณ ความแค้นที่ถูกชายที่ตนหลงรักปฏิเสธความรับผิดชอบ อิจฉาริษยาที่ท่านหญิงมณีได้รับความรักจากท่านชายบดินทร์ธรไปแต่เพียงผู้เดียว และอาฆาตที่เห็นเพื่อนสนิทได้รับทุกอย่างในขณะที่คุณหญิงบัวไม่ได้รับอะไรเลยแม้กระทั่งความรับผิดชอบในตัวของคุณหญิงและทารกในครรภ์ จนทำให้วังเทพรัตน์เกิดความอับอาย เด็กที่เกิดมานอกจากไม่มีพ่อแล้ว ข่าวเสียหายฉาวโฉ่นี้จะกระพือเป็นวงกว้างไปทั่วทั้งพระนคร ทำให้คุณหญิงบัวขาดสติวางแผนทำร้ายท่านหญิงมณี หวังว่าเมื่อท่านหญิงมณีจากไป ท่านชายบดินทร์ธรก็ต้องเป็นของคุณหญิงบัวอย่างแน่นอน เพราะเด็กที่เกิดมาจะเป็นหลักฐานอย่างเด่นชัดว่าใครคือพ่อของเด็ก

คุณหญิงบัววางแผนหลอกท่านหญิงมณี พาท่านหญิงไปกราบขอพรพระที่วัดโพธิ์ โดยเรือที่นั่งของวังสุริยารังษี เดินทางข้ามแม้น้ำเจ้าพระยาไปที่วัดโพธิ์ ซึ่งเป็นการเดินทางที่สะดวกที่สุดและใกล้ที่สุด และเป็นวิธีจัดการท่านหญิงมณีได้อย่างง่ายดายที่สุดเพราะท่านหญิงทรงว่ายน้ำไม่เป็น ครั้นถึงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เรือขนสินค้าจากเมืองจีนที่วังเทพรัตน์และคุณหญิงบัวรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งได้วางแผนการไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว เรือขนสินค้าจากเมืองจีนที่กำลังขนถ่ายสินค้าอยู่ในขณะนั้น ได้นำเรือที่ถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่มาไว้บนเรือเล็กจนเต็ม และเพื่อให้แผนการแนบเนียนไม่เป็นที่สงสัย คุณหญิงบัวสั่งให้ถ่ายสินค้ามาไว้บนเรือจนเกินกำลังของเรือที่จะรับน้ำหนักไว้ได้ ครั้นเมื่อเรือที่นั่งของท่านหญิงมณี แล่นผ่านเข้ามาใกล้เรือขนสินค้าลำดังกล่าว เรือที่ถูกคนหญิงบัวสั่งมาจึงเตรียมพร้อมจมเรือของตัวเองลงใต้แม่น้ำเจ้าพระยาทันทีที่เรือที่นั่งของท่านหญิงมณีแล่นมาถึง

เรือขนสินค้าที่ถูกสั่งมา พร้อมด้วยคนของคุณหญิงบัว ทำทีว่ากำลังพยายามประคองเรือให้แล่นเข้าฝั่งให้ได้ แต่ก็แกล้งทำสินค้าตกลงในแม่น้ำเพื่อให้เกิดคลื่นระลอกใหญ่ จนเรือที่นั่งของท่านหญิงมณีถูกคลื่นในแม่น้ำซัดเข้าหาเรืออย่างไม่ยั้ง จนกระทั่งเรือขนสินค้าลำดังกล่าวจงใจทำให้เรือของตนเองจมดิ่งลงไปในก้นแม่น้ำเจ้าพระยา ลำเรือพุ่งเข้าหาเรือที่นั่งของท่านหญิงมณีเต็มแรง จนนายท้ายเรือที่นั่งไม่สามารถประคับประคองเรือเอาไว้ได้ เป็นเหตุให้เรือที่นั่งของท่านหญิงมณี พลิกคว่ำจมดิ่งลงก้นแม้น้ำเจ้าพระยาไปพร้อมๆ กับเรือขนสินค้าพร้อมคนบนเรือทุกคนไปเช่นเดียวกัน ทำให้ท่านหญิงมณีและคุณหญิงบัวจมดิ่งลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมด้วยบริวารที่ตามเสด็จท่านหญิงมณีและคุณหญิงบัวก็จมดิ่งลงไปในแม่น้ำพร้อมกันทั้งหมด

ในขณะที่ท่านหญิงมณีช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะว่ายน้ำไม่เป็น กระแสน้ำเชี่ยวเพราะเป็นฤดูน้ำหลาก น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งท่วมทั้งสองฝั่ง มีเพียงคุณหญิงบัวเท่านั้นที่จะช่วยท่านหญิงมณีได้ เพราะคุณหญิงบัวว่ายน้ำและดำน้ำเก่งยิ่งนัก ข้าทาสบริวารที่ตามมาด้วย ต่างก็จมดิ่งลงสู่ก้นแม้น้ำเจ้าพระยาพยายามช่วยเหลือตัวเองกันอย่างเต็มที่ คุณหญิงบัวจึงได้ว่ายน้ำเข้าไปช่วยท่านหญิงมณีในขณะที่กำลังพยายามตะเกียกตะกายพระวรกายให้ขึ้นมาเหนือน้ำ



มณีภัสสร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2558, 23:48:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ค. 2558, 23:48:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 652





<< ตอนที่ 9 โชคชะตา   ตอนที่ 11 เสียงเพรียกหา >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account