หนี้รักหนี้หัวใจ
เมื่อความจำเป็นบีบบังคับจำให้เธอต้องยอมสละตัวเองเพื่อแลกกับการที่พ่อไม่ต้องติดคุก
พิมพ์ชนกจึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีและไปอยู่กับเขาในฐานะผู้หญิงของวีรภพ วงศ์ธารา
แต่เมื่อการใช้หนี้ครั้งนี้ไม่เพียงหมายถึงตัวของเธอ แต่ยังรวมถึงหัวใจของเธอที่เผลอมอบให้กับเขา
แล้วจะทำเช่นไรเธอจึงจะได้หัวใจของเขากลับมาแลกเปลี่ยน...ในเมื่ออดีตเขาเคยยกหัวใจให้ใครคนหนึ่งไปแล้ว

Tags: ใบเฟิร์น ใบหม่อน หนี้รัก หนี้หัวใจ

ตอน: ตอนที่ 1

หนี้รักหนี้หัวใจ


ตอนที่ 1


หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ ที่กำลังก้าวผ่านประตูกระจกบานเลื่อนของโรงพยาบาลเข้ามานั้น ดึงดูดสายตาของใครต่อใครแทบทันที ด้วยหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู ผิวพรรณขาวใส และรูปร่างที่เล็กบางจึงทำให้แลดูไม่ต่างจากตุ๊กตาญี่ปุ่น แต่กระนั้นหญิงสาวร่างเล็กไม่ได้แลเห็นถึงสายตาชื่นชมของใครด้วยใจจดจ่อถึงบุคคลที่เธอคำนึงถึง เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองซอยถี่เร็วยิ่งขึ้นเพื่อก้าวให้ทันลิฟต์ที่กำลังเปิดออกก่อนแทรกตัวเข้าไปด้านใน หลังจากกลุ่มคนราว 5 คนซึ่งเป็นชายหนุ่มล้วนพากันก้าวออกมาจากตัวลิฟต์

พิมพ์ชนกชะงักมือที่จะกดปุ่มหมายเลขชั้นที่ต้องการ เมื่อดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนเหลือบไปสบเข้ากับดวงตาคมเข้มสีนิลของชายหนุ่มที่กำลังยืนมองเธอ ร่างสูงสง่านั้นแลดูโดดเด่นท่ามกลางชายหนุ่มอีก 4 คนที่ต่างพากันยืนรายล้อมราวกับองครักษ์ หัวใจหญิงสาวกระตุกรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ไหลผ่าน ก่อนหลบสายตาที่มีแรงดึงดูดนั้นแล้วกดปิดลิฟท์ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อยจากความรู้สึกแปลก ๆ

“มีอะไรหรือครับคุณวี”

มนัส หนึ่งในบอดี้การ์ดเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มยังคงยืนมองบานประตูลิฟท์ที่ปิดไปแล้ว โดยไม่มีทีท่าว่าจะก้าวขยับไปไหน

“ไม่มีอะไร”

วี หรือ วีรภพ วงศ์ธารา ตอบคำถามของคนสนิทด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่ต่างจากสีหน้า ก่อนออกเดินนำบรรดาลูกน้องตรงไปยังทางออกของโรงพยาบาล หลังจากปัดความรู้สึกหวั่นไหวเมื่อครู่ออกไปจากหัวใจ


“แม่ขา พ่อเป็นยังไงบ้างคะ”

ทันทีที่เปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไป พิมพ์ชนกก็รีบก้าวเข้าไปยืนชิดเตียงคนไข้พร้อมกับเอ่ยถามมารดาซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงด้วยน้ำเสียงพร่าสั่น ขณะดวงตาก็จับจ้องชายสูงวัยที่นอนหลับอยู่บนเตียง

“หมอบอกว่าพ่อเป็นโรคหัวใจลูก แล้วที่ล้มฟุบในที่ทำงาน...ก็เป็นเพราะเครียดมากเกินไป”

คุณลัดดาตอบลูกสาวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เพราะความหวั่นวิตกในใจ หลังจากนิ่งใคร่ครวญเรื่องบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง คู่ชีวิตของคุณอนุรักษ์ผู้ซึ่งกำลังหลับเพราะฤทธิ์ยาจึงเอ่ยต่อ

“ใบเฟิร์น ตั้งใจฟังเรื่องที่แม่จะบอกต่อไปนี้ให้ดี ๆ นะลูก”

ฟังน้ำเสียงของมารดา พิมพ์ชนกก็สังหรณ์ใจว่าเรื่องที่กำลังจะได้ฟังต่อไปนี้ต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ กระนั้นหญิงสาวก็ยังรับคำผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงปกติ ก่อนชาวาบไปทั้งตัวกับสิ่งที่ได้ยิน

“พ่อของลูก...ยักยอกเงินที่บริษัท และตอนนี้...ทางนั้นก็กำลังเตรียมยื่นเรื่องฟ้องร้องแล้ว”

สิ้นคำบอกนั้นคุณลัดดาก็ร่ำไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น ในขณะที่พิมพ์ชนกยังคงนิ่งอึ้งเป็นครู่เพราะตั้งตัวไม่ทันกับข่าวร้ายที่เพิ่งรู้ ก่อนหลุดปากออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ

“ไม่จริงใช่ไหมคะ พ่อ...ต้องไม่ทำแบบนั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ”

ผู้เป็นแม่นิ่งไปสักพัก ก่อนปล่อยให้น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินลงมาอีกครั้งยามเฉลยคำตอบที่ยิ่งทำให้คนเป็นลูกคาดไม่ถึง

“พ่อเขาจำเป็นต้องทำลูก เพราะ...ไม่อย่างนั้น เราก็ไม่มีเงินไปให้หมอเขาผ่าตัดน้อง”

หัวใจของหญิงสาวเจ็บร้าวยามเบือนหน้าไปมองบิดาที่ยังคงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียง ก่อนหันกลับมามองมารดาด้วยดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใส ยามตั้งคำถามเสียงสั่น

“หมายความว่า...เงินที่จ่ายเป็นค่าผ่าตัดของใบหม่อนในตอนนั้น ก็คือเงินที่พ่อ...ยักยอกมาจากบริษัทเหรอคะ”

เมื่อเห็นมารดาพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่ยังคงนองด้วยน้ำตา พิมพ์ชนกก็หวนนึกถึงน้องสาว พิมพ์มาดาหรือใบหม่อน สาวน้อยหน้าใสวัย 18 ซึ่งมีอายุห่างจากเธอเพียง 4 ปี ซึ่งบังเอิญโชคร้ายประสบอุบัติเหตุถูกรถมอเตอร์ไซด์พุ่งเข้าชนขณะกำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากไปฉลองความสำเร็จกับเพื่อน ๆ ที่จบการศึกษามัธยมปลายด้วยกันเมื่อหกเดือนที่แล้ว ซึ่งผลจากอุบัติเหตุทำให้ใบหม่อนจำต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองเป็นการด่วนซ้ำร้ายคู่กรณีก็หนีไป อีกทั้งฐานะของครอบครัวเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยนัก เพราะแม้พ่อของเธอจะมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าแผนกบัญชีในบริษัทที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งครอบคลุมไปถึงการออกแบบตกแต่งและผลิตเฟอร์นิเจอร์ แต่การที่มารดาของเธอเป็นเพียงแม่บ้านที่มีหน้าที่หลักคือการดูแลสามีและลูก ๆโดยไม่มีอาชีพเสริมมารองรับ ในขณะที่เธอกับน้องสาวก็ยังต้องศึกษาเล่าเรียนทำให้ภาระค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับรายรับ ดังนั้นในระหว่างที่เรียนเธอจึงพยายามหางานพิเศษทำไปด้วยเพื่อจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของทางบ้าน ดังนั้นในตอนที่รู้ว่าน้องสาวต้องเข้ารับการผ่าตัด เธอจึงประหลาดใจเมื่อได้ยินพ่อของเธอตอบตกลงและใช้เวลาไม่นานก็สามารถนำเงินมาชำระค่ารักษาพยาบาล แต่ในตอนนั้นเธอไม่เคยนึกสงสัยที่มาของจำนวนเงินก้อนใหญ่ที่ต้องนำมาใช้ในการรักษาน้องสาวเพราะคิดเอาเองว่านั่นคงมาจากเงินเก็บของพ่อ

หากมาในวันนี้และเดี๋ยวนี้ เธอจึงเพิ่งรู้

“พ่อ...เอาเงินเขามา...เท่าไหร่คะ”

“สะ...สี่แสนจ๊ะ”

คำตอบที่ได้รับ แม้เบาและกระท่อนกระแท่นสักเพียงใด หากยังคงดังชัดเจนอยู่ในสมองและการรับรู้ของคนฟัง ดวงตากลมโตที่สุกสกาวราวกับดวงดาวเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง ก่อนหลุดคำอุทานอย่างลืมตัว

“สี่แสน!”

ในขณะที่มารดาพยักหน้ายืนยันด้วยดวงตาปริ่มน้ำใส หัวใจของคนเป็นลูกก็วับหายด้วยความตื่นตระหนก ก่อนรวบรวมกำลังใจตั้งคำถามต่อ

“แล้ว...ที่บริษัทของพ่อ เขาว่ายังไงบ้างคะ”

“เขาบอกว่าให้เราหาเงินไปคืนเขาให้ได้ภายในสามวัน แล้ว...เขาจะไม่แจ้งความจับพ่อเข้าคุก”

“สามวัน!”

พิมพ์ชนกอุทานออกมาอีกครั้งอย่างลืมตัว หัวใจไหวระรัวไปหมดด้วยความหวาดหวั่นและหวาดกลัว

เงินสี่แสนกับเวลาเพียงแค่สามวัน คนที่เพิ่งเรียนจบและเพิ่งทำงานได้แค่สี่เดือนอย่างเธอจะมีปัญญาไปหามาจากที่ไหน
หญิงสาวพยายามขบคิดท่ามกลางความมืดมิดที่เข้าปกคลุมความรู้สึก หากจนแล้วจนรอดก็ยังคงไร้ซึ่งแสงสว่าง จนในที่สุดจึงตัดสินใจ

“คนที่เขาบอกว่าจะให้เวลาเรา ชื่ออะไรคะ แล้ว...แม่พอจะมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไหมคะ”

“ใบเฟิร์นลูกคิดจะทำอะไร”

พิมพ์ชนกนิ่งไปนิดเมื่อเห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยระคนวิตกกังวลของมารดา กระนั้นเจ้าตัวก็พยายามฝืนทำใจให้เข้มแข็ง ยามเปล่งเสียงให้คำตอบ

“เฟิร์นจะไปคุยกับเขาค่ะ”


อาคารแปดชั้นสไตล์โมเดิร์นที่โดยรอบกรุด้วยกระจกตั้งอยู่บนเนื้อที่ราว 400 ตารางวา ซึ่งครอบคลุมไปถึงบริเวณลานโล่งที่กำหนดให้เป็นที่จอดรถโดยมีการแบ่งกั้นระหว่างผู้บริหาร พนักงาน รวมถึงผู้มาติดต่อ ให้ความรู้สึกประหวั่นและพรั่นพรึงแก่พิมพ์ชนกไม่น้อยตอนที่แหงนเงยขึ้นมองอาคารจากบริเวณพื้นชั้นล่างพลางนึกถึงจุดประสงค์ที่ทำให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้

ขอให้เขาเห็นใจ ยอมผัดผ่อนให้เวลาเธอหาเงินมาคืนด้วยเถอะ

หญิงสาวได้แต่นึกภาวนาขณะรวบรวมกำลังใจเดินผ่านประตูกระจกบานเลื่อนที่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนยืนเตร็ดเตร่อยู่ไม่ห่าง ก่อนเข้าไปแจ้งความประสงค์กับพนักงานสาวที่นั่งประจำเคาน์เตอร์กลางห้องโถง

“ได้นัดเอาไว้หรือเปล่าคะ”

พิมพ์ชนกอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อถูกตั้งคำถามกลับจากพนักงานสาวประจำเคาน์เตอร์ ก่อนฝืนยิ้มยามให้คำตอบ

“ไม่ได้นัดค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น รบกวนช่วยนั่งรอก่อนนะคะ ขอดิฉันโทร. ขึ้นไปเรียนให้คุณภาสกร เลขาของท่านประธานทราบก่อน”

คำบอกของพนักงานสาวทำให้พิมพ์ชนกจำต้องถอยกลับไปนั่งรอตรงส่วนที่จัดเอาไว้บนโซฟาที่ตั้งอยู่ชิดผนังห้อง ด้วยหัวใจที่ปะปนไปด้วยความคาดหวังและหวาดหวั่นระคนกัน


ใบหน้าคมสันของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังโต๊ะทำงานที่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน แสดงออกถึงความประหลาดใจที่ปะปนมากับความยินดีในแวบแรก ก่อนกลับมาเรียบเฉยเป็นปกติหลังจากได้รับรายงานจากเลขาคนสนิทว่าใครคือคนที่ต้องการขอพบเขา

ใบเฟิร์น

นามของหญิงสาวผุดขึ้นมาพร้อมกับใบหน้ารูปเรียวที่ประกอบด้วยดวงตากลมโตสุกสกาว จมูกที่ค่อนข้างโด่ง บวกกับกลีบปากรูปกระจับเล็ก ๆ สีชมพูระเรื่อนั้น ให้ความรู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูจับหัวใจเขานับตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นรูปภาพของเธอบนโต๊ะทำงานของคุณอนุรักษ์เมื่อปีที่แล้ว

ดวงตาคมเข้มที่ค่อนข้างดุ ทอประกายละมุนลงเมื่อหวนนึกถึงหญิงสาวที่เขาพยายามซุกซ่อนเงาของเธอเอาไว้ในหัวใจ ไม่มีใครรู้...เบื้องหลังของการไปพบปะทักทายคุณอนุรักษ์ เพื่อนสมัยเรียนของบิดาเขาที่ถึงแก่กรรมไปเมื่อปีที่แล้วในห้องทำงานของอีกฝ่ายนั้นเป็นเพียงฉากบังหน้าเพื่อที่เขาจะได้ไปเฝ้ามองเธอในรูปภาพนั้นยามที่ใจคิดถึง

อาจฟังแล้วน่าหัวเราะ หากบอกว่าเขาหลงใหลใบเฟิร์นเพียงวินาทีแรกที่เห็นแค่รูปภาพเธอ แต่สิ่งที่เขารับรู้มาตลอดก็คือหลายต่อหลายครั้งที่ความเหนื่อยล้าทั้งจากการทำงานและการเข้าห้องประชุมถูกปัดเป่าไปได้เพียงแค่ได้มาเห็นเธอ...หญิงสาวที่อยู่ในภาพถ่ายที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของคุณอนุรักษ์ ความมีชีวิตชีวาจากรอยยิ้มสดใสที่ประดับอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นทำให้หัวใจเขาเต้นแรงด้วยความสุขทุกครั้งที่ได้เฝ้ามอง จนทำให้หลายต่อหลายครั้งเขาอดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังหลง...หลงเธอที่อยู่ในภาพ

อาจเพราะเคยชินต่อการพบเจอเพียงแค่ภาพถ่าย ดังนั้นเมื่อวานนี้หลังจากเขาพาคุณอนุรักษ์ไปส่งที่โรงพยาบาล เขาจึงแทบตั้งตัวไม่ติดเมื่อจู่ ๆ ก็ได้พบกับเธอ

แล้ววันนี้ เธอก็เป็นฝ่ายมาขอพบกับเขาเอง

ใบหน้าคมสันกลับมาเคร่งขรึมตามเดิมเมื่อพอเดาได้ถึงสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวมาหาเขาถึงที่นี่ ลมหายใจถูกระบายออกมาหนัก ๆ ก่อนเจ้าตัวจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางทอดสายตาจับจ้องตรงไปที่บานประตู ราวกับจะใช้แทนการต้อนรับคนที่กำลังเดินทางขึ้นมาหา


พิมพ์ชนกกำมือเย็นเฉียบของตนเองแน่นเข้า ยามเดินตามหลังร่างสูงของคนที่แนะนำตัวกับเธอว่าชื่อภาสกร และเป็นคนที่ลงมาต้อนรับเธอถึงห้องโถงข้างล่าง ก่อนเชื้อเชิญให้ตามไปขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปบนห้องทำงานของเจ้านายของเขา

“เชิญครับ”

หญิงสาวฝืนยิ้มทั้งที่หัวใจสั่นไหว เมื่อเลขาฯ หนุ่มหันกลับมาบอกเธออย่างสุภาพพลางผายมือเชื้อเชิญให้เธอก้าวผ่านบานประตูที่เขาเพิ่งเปิดให้ หลังจากก่อนหน้านั้นได้เคาะประตูให้สัญญาณกับคนในห้องไปแล้ว

“ขอบคุณค่ะ”

คำบอกของเธอได้รับเพียงรอยยิ้มอย่างสุภาพจากอีกฝ่าย พิมพ์ชนกสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง ก่อนก้าวผ่านประตูห้องเข้าไปเพื่อเผชิญหน้ากับคนที่เธอต้องการมาหา

เพียงแค่เหยียบย่างเข้าไป สายตาคมกริบของเจ้าของห้องก็สะกดผู้มาเยือนให้นิ่งงันอยู่กับที่ พร้อมกับความทรงจำที่ผุดแวบขึ้นมา

เขา! ผู้ชายที่เธอเพิ่งเจอเมื่อวานนี้ที่โรงพยาบาล

พิมพ์ชนกบอกกับตัวเองพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง โดยไม่รู้ตัวร่างเล็กก็ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาคนที่ยังคงนั่งจับจ้องมองเธอมาจากด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่

“คุณ...คือคุณวีรภพหรือคะ”

“ใช่”

แม้คำตอบแสนสั้น หากน้ำเสียงทุ้มก็นุ่มนวลน่าฟังในความรู้สึกเสียจนพิมพ์ชนกค่อยคลายความรู้สึกกดดันลงไปได้บ้าง หญิงสาวพาขาที่ค่อนข้างสั่นของตนเองก้าวไปหยุดยืนตรงข้ามชายหนุ่ม ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างว่าง่ายเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเชื้อเชิญ

“ฉัน...ฉันชื่อพิมพ์ชนกค่ะ”

“แต่คุณอาอนุรักษ์ คุณพ่อของคุณชอบเรียกคุณว่าใบเฟิร์นมากกว่าไม่ใช่เหรอ”

คนฟังเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง หากยังไม่ทันปริปากซักถามอีกฝ่ายก็ชิงเอ่ยต่อ

“ที่คุณมาหาผมวันนี้ คงอยากมาคุยเรื่องคุณอาอนุรักษ์สินะ”

เพราะนึกเห็นใจต่อสีหน้าค่อนข้างซีดเซียวของใบเฟิร์น วีรภพจึงตัดสินใจเปิดประเด็นเพื่อให้สะดวกต่อหญิงสาว ซึ่งนับว่าได้ผล

“ค่ะ เฟิร์น...เอ่อ...ฉัน...อยากมาขอความกรุณา...คือเรา...อยากขอเวลาอีกหน่อย เพื่อจะหาเงินมาคืนคุณค่ะ”

คำบอกตะกุกตะกักของคนที่ยังอ่อนต่อโลกทำให้วีรภพนึกสงสาร แม้ในโลกของธุรกิจสิ่งที่อนุรักษ์กระทำถือว่าไม่ถูกต้องและเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งสำหรับคนบางคนแล้วอาจไม่มีความเมตตาให้ด้วยซ้ำ

“จริงหรือเปล่า ที่คุณอาเอาเงินไปเพื่อจะเป็นค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดน้องสาวของคุณ”

“จริงค่ะ”

เสียงสั่น ๆ ของคนที่ยามนี้ก้มหน้างุดลงมองเพียงโต๊ะ ส่งผลให้หัวใจแกร่งไหวเอนเล็กน้อยยิ่งรวมกับความรู้สึกพิเศษที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ ชายหนุ่มก็ปรารถนาจะรวบร่างเล็ก ๆ เข้ามาสวมกอดเพื่อปลอบประโลม หากจำต้องหักห้ามใจ

“แล้วคุณคิดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะนำเงินมาคืนให้กับผมจนครบ”

เจอคำถามนั้น พิมพ์ชนกก็ได้แต่อึกอัก ด้วยรู้ดีว่ากว่าจะหาเงินมาคืนให้จนครบ มันคงต้องใช้เวลานานนับปีเลยทีเดียว

“คือ...ฉัน...ฉันจะพยายามหาเงินมาคืนคุณ”

เจ้าของบริษัท วี.เค. ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น ลอบถอนหายใจกับคำตอบที่ไม่ได้ให้ความกระจ่าง แม้ลึก ๆ นึกเห็นใจแต่เขาก็ไม่อาจปล่อยผ่าน

“คุณตอบไม่ตรงคำถาม ผมถามว่าคุณจะใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะหาเงินมาคืนให้กับผมจนครบ”

“ฉัน...ยังไม่แน่ใจค่ะ”

คนฟังคำตอบนิ่งไปครู่ ก่อนตั้งคำถามใหม่

“เห็นคุณพ่อคุณเล่าว่าคุณได้งานทำแล้วใช่ไหม”

มีแววประหลาดใจแวบผ่านในดวงตาคู่สวยของหญิงสาวยามเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนเปลี่ยนเป็นความหวั่นวิตกเมื่อถูกตั้งคำถามต่อ

“ถ้าให้ผมเดา เงินเดือนคุณคงอยู่ราวหมื่นกว่าถึงสองหมื่น หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็คงเหลือไม่กี่พัน แล้วอย่างนี้คุณจะเอาเงินที่ไหนมาคืนให้กับผม”

“ก็...คุณพ่อยังไงล่ะคะ ถ้ารวมกับเงินเดือนของคุณพ่อ...”

คำพูดที่เตรียมชี้แจงต่อของหญิงสาวมีอันชะงัก เมื่อถูกขัดด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทจากเจ้าของห้อง

“คุณคิดว่าเกิดเรื่องอย่างนี้แล้ว คุณพ่อของคุณยังจะได้ทำงานที่นี่อีกเหรอ”

“หมายความว่า...”

“คุณพ่อของคุณถูกไล่ออกแล้ว”

แม้ลึก ๆ แล้วเข้าใจ หากความกดดันจากสิ่งที่ต้องเผชิญ ทำให้พิมพ์ชนกอดไม่ได้ที่จะร้องขอ

“ได้โปรดเถอะค่ะ อย่าไล่คุณพ่อออกเลย”

“เสียใจด้วย สิ่งที่คุณพ่อของคุณทำ เป็นเรื่องที่ผมปล่อยผ่านไปไม่ได้”

“แต่...ที่คุณพ่อทำไปก็เพราะมีความจำเป็น”

“การอ้างความจำเป็นเพื่อจะได้ทำในสิ่งผิด มันไม่ได้ทำให้คนคนนั้นพ้นผิดไปได้หรอกนะ”

คำบอกนั้น แม้นุ่มนวลหากก็เสียดแทงใจคนฟังจนน้ำตาซึม หญิงสาวเม้มปากเข้าหากันแน่นด้วยเกรงจะหลุดความอ่อนแอออกมา ในขณะที่คนเฝ้ามองก็จำต้องแข็งใจ

ความรู้สึกที่ซ่อนเร้นอยู่ในหัวใจถูกหลอมรวมเข้ากับความสงสารและอยากปกป้องต่อท่าทางเหมือนเด็กเสียขวัญของพิมพ์ชนก ทำให้แวบหนึ่งวีรภพนึกชังตัวเองที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากปกป้องเธอให้พ้นจากปัญหาและภยันตรายใด ๆ

ความคิดที่วูบผ่านเข้ามาในจังหวะนั้นส่งผลให้ชายหนุ่มชะงักงัน ก่อนนิ่งพิจารณาใบหน้าอ่อนเยาว์ของคนตรงหน้าเงียบ ๆ ยามทบทวนการตัดสินใจของตนเอง

จะดีเหรอ

ชายหนุ่มถามกับตัวเองอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจเด็ดขาดเมื่อได้คำตอบในที่สุด

“ผมมีข้อเสนอ”

คำบอกนั้นไม่ต่างจากเสียงสวรรค์ในความรู้สึกของพิมพ์ชนก ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกใสด้วยความคาดหวัง จนทำให้คนที่กำลังจับจ้องอยู่หัวใจกระตุกไปเล็กน้อย

“คุณมีข้อเสนออะไรคะ”

ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงกระตือรือร้นของหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า ทำให้แวบหนึ่งวีรภพนึกลังเลขึ้นมา หากเพียงครู่เดียวเจ้าตัวก็ตัดสินใจทำตามความคิดของตนเอง ด้วยการยื่นข้อเสนอที่ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่

“มาอยู่กับผม”



-----------------------------------------------------------------------------------


สวัสดีค่ะ วันนี้ขอนำเสนอเรื่องใหม่ค่ะ แหะ..แหะ ส่วนเรื่องเก่ายังไม่ได้ทิ้งลงไปในไหดองค่ะยังคงตั้งหน้าตั้งตาปั่นอยู่ค่ะ ^^



พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2558, 22:15:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2558, 22:15:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1573





   ตอนที่ 2,3 และ 4 >>
ปิ่นนลิน 30 พ.ค. 2558, 23:11:41 น.
มาตามอ่านเรื่องใหม่
คุณวี กับ ใบเฟิร์น

ข้อเสนอแบบนี้ ถ้าหล่อล่ะก็ รับๆไปก่อนเนอะ 5555


Zephyr 30 พ.ค. 2558, 23:48:44 น.
นั่น ช่างเสนอได้ตรงประเด็นทะลุทะลวง
เอาตรงๆก็
มา เป็น เมีย ฉัน สิ ใช่มะ คุณวี
เหอๆๆๆ ไม่ให้ลูกนกตัวน้อย ใบเฟิร์นใบเล็กตั้งตัวเลยนะ กริกริ


konhin 31 พ.ค. 2558, 01:25:00 น.
ง่ะ ตรงไปไหนนนนนนนนนน มาอยู่แบบไหนคะ??


นักอ่านเหนียวหนึบ 31 พ.ค. 2558, 01:50:17 น.
อั้ยยยยยยะ
ค้างครัชชช


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account