หยกวาดตะวัน
"ฉันชื่อวาดตะวัน มาจากในนิยาย นิยายบนโลกมนุษย์นี่แหละ!"
เสียงเล็กแหลมของสาวน้อยที่แฝงไว้ด้วยความมาดมั่นร่ำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
ทำเอาชานนอยากจะเป็นบ้าตาย
ตอนนี้ชีวิตเขาวุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือว่าคนรัก
เขาเพิ่งถูกแฟนสาวสลัดทิ้งมาหมาดๆ
แต่แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีก็มีผู้หญิงร่างเล็กบอบบางแทบปลิวได้ตกลงมาในบ้านเขา
ซ้ำร้ายยังเอาแต่พร่ำเพ้อว่าตัวเองหลุดมาจากโลกในนิยาย
งานนี้ไม่รู้ว่าหล่อนหรือเขากันแน่ที่บ้า
...ทางเดียวที่ทำได้คือเขาต้องไล่หล่อนกลับไปในโลกนิยายอย่างนั้นเหรอ ?
เสียงเล็กแหลมของสาวน้อยที่แฝงไว้ด้วยความมาดมั่นร่ำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
ทำเอาชานนอยากจะเป็นบ้าตาย
ตอนนี้ชีวิตเขาวุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือว่าคนรัก
เขาเพิ่งถูกแฟนสาวสลัดทิ้งมาหมาดๆ
แต่แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีก็มีผู้หญิงร่างเล็กบอบบางแทบปลิวได้ตกลงมาในบ้านเขา
ซ้ำร้ายยังเอาแต่พร่ำเพ้อว่าตัวเองหลุดมาจากโลกในนิยาย
งานนี้ไม่รู้ว่าหล่อนหรือเขากันแน่ที่บ้า
...ทางเดียวที่ทำได้คือเขาต้องไล่หล่อนกลับไปในโลกนิยายอย่างนั้นเหรอ ?
Tags: นักเขียน แฟนตาซี ปาฎิหารย์ ใสซื่อ เวทย์มนตร์
ตอน: บทที่ 8 (ครึ่งหลัง)
บทที่ 8 (ต่อ)
เมื่อรู้หนทางที่จะพาวาดตะวันกลับโลกนิยายได้ ชานนเลยตัดสินใจโทรศัพท์หารินรดา แฟนสาวทำงานอยู่สถานีโทรทัศน์ฝ่ายผลิตรายการละครอยู่แล้ว น่าจะพอช่วยหาวิธีติดต่อกับจีโนบีนักเขียนที่สร้างวาดตะวันขึ้นมาได้บ้าง รินรดานั้นทีแรกเหมือนลังเลที่จะช่วยอยู่เหมือนกัน ทำทีเป็นแนะนำให้แฟนหนุ่มลองโทร.ถามทางสำนักพิมพ์ที่จีโนบีออกผลงานดู แต่ข้อมูลนักเขียนไม่ว่าจะที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์ติดต่อมีสำนักพิมพ์ไหนให้กันง่ายๆ นอกจากจะได้รับความยินยอมจากตัวนักเขียนเสียก่อน ซึ่งข้อนี้รินรดาก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ชานนเลยต้องเสียเวลาเกลี้ยกล่อมแฟนสาวอยู่นานกว่าจะยอมใจอ่อน
รินรดาช่วยโทรศัพท์หาสำนักพิมพ์ให้ โดยอ้างว่าทางสถานีโทรทัศน์ที่หล่อนทำงานอยู่สนใจซื้อลิขสิทธิ์นิยายของจีโนบีมาทำเป็นละคร ทางสำนักพิมพ์ถึงได้เป็นตัวกลางประสานงานให้จนสามารถตกลงนัดแนะเจอกับจีโนบีได้ที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้ๆ กับสถานีโทรทัศน์
‘ถ้านิยายของวาดตะวันถูกแต่งจนจบเมื่อไหร่ แสงจันทร์จะช่วยเปิดประตูมิติเชื่อมต่อโลกมนุษย์กับโลกนิยายเอง แต่จำไว้ว่าการที่คุณยื่นมือเข้ามาช่วยวาดตะวันครั้งนี้ มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คุณคิด ไพ่จันทร์สีฝุ่นอีกสองใบบอกถึงการต่อสู้และการสูญเสีย ซึ่งนั่นหมายความว่าการที่คุณจะพาวาดตะวันกลับโลกนิยายได้นั้นอาจต้องต่อสู้กับบางสิ่งที่เต็มไปด้วยความโลภและความแค้นจนคุณเองคาดไม่ถึง ฉะนั้นคุณกับวาดตะวันต้องระวังตัวให้ดี อย่าไว้ใจใครง่ายๆ เด็ดขาด แม้กระทั่งตัวพวกคุณเอง’
คำทำนายของแม่หมอจันทรนิมิตในวันนั้นก่อนผละออกมาจากร้านยังวนเวียนอยู่ในหัวสมอง ชานนต้องข่มใจตัวเองไล่ความวิตกจริตเหล่านั้น ผลักประตูบานใสเข้ามาในร้านเป้าหมาย
เขาจูงมือวาดตะวันเข้ามาในร้านด้วย ไออุ่นจากมือชานนนั้นทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มจางๆ ออกมา จับมือเขาแน่นขึ้น อาจเป็นเพราะหล่อนชินแล้วก็ได้ที่ต้องมีเขาคอยพาไปไหนมาไหนตลอดเลยรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นระหว่างที่ชานนกำลังสอดส่ายสายตามองหาคนที่นัดไว้ พอเห็นชื่อแฟนสาวปรากฎบนหน้าจอชานนจึงกดรับสาย
"ถึงร้านรึยังคะนน" รินรดาถามมาตามสายโทรศัพท์
"ผมเพิ่งถึงเดี๋ยวนี้เอง แต่ยังไม่เห็นเขานะ" ชานนตอบแล้วต้องจูงมือพาวาดตะวันเดินกลับออกมาจากร้านชั่วคราว เพราะไม่อยากเป็นจุดเด่นจนผิดสังเกต
"ทางคุณจีโนบีได้โทรศัพท์มาหาคุณบ้างรึเปล่า"
"ใจเย็นก่อนค่ะนน มันยังไม่ถึงเวลานัดเลยนะคะเหลืออีกตั้งสิบห้านาที" รินรดาเตือนสติแฟนหนุ่ม "นนอย่าลืมที่ตกลงกับดาไว้แล้วกันค่ะ แค่ดาแอบอ้างใช้ชื่อสถานีหลอกให้คุณจีโนบีออกมาเจอก็เสี่ยงมากพอแล้ว"
"ผมรับรองว่าจะไม่ทำให้คุณกับสถานีโทรทัศน์ของคุณเดือดร้อน วาดตะวันเองเขาก็รับปากว่าจะไม่พูดอะไร...เอ่อ...คุณโอเคใช่มั้ยที่ผมกับวาดตะวันมาด้วยกันวันนี้"
รินรดาเงียบไป ไม่ได้ตอบเขาในทันที
คำถามนั้นทำให้ความรู้สึกของแฟนสาวในวันที่รู้ความจริงเรื่องวาดตะวันที่โรงพยาบาลย้อนกลับมาอีกครั้ง ยอมรับว่าวินาทีนั้นหล่อนถึงกับนิ่งอึ้ง ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาได้ยินเรื่องทำนองเดียวกันกับเพ็ญจันทร์ ซ้ำร้ายที่สุดคือเป็นแฟนของหล่อนเองกับผู้หญิงอีกคนที่หลุดมาจากโลกนิยาย วาดตะวันเองใช่ว่าจะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ หล่อนเลยไม่ค่อยไว้ใจให้ชานนอยู่บ้านเดียวกับผู้หญิงคนนี้เสียเท่าไหร่ เหตุนี้หล่อนจึงยอมใจอ่อนช่วยชานนติดต่อจีโนบีให้ แม้ว่าใจหล่อนนั้นไม่ได้เต็มใจที่ช่วยวาดตะวันก็ตาม
วาดตะวันสะกิดให้ชานนมองเข้าไปในร้านคาเฟ่อีกครั้ง จากภาพนิมิตเลือนรางของหล่อนบอกว่าชายวัยกลางคนที่เพิ่งเดินกลับมานั่งที่โต๊ะนั้นคือจีโนบีนักเขียนที่สร้างหล่อนขึ้นมา !
"ดา...ผมว่าผมเห็นคุณจีโนบีแล้ว ได้เรื่องยังไงจะบอกคุณอีกทีนะ"
พูดจบชานนก็วางสายจากแฟนสาวทันที เขาไม่ได้สนใจรอฟังคำตอบนั้นจากรินรดาสักนิด ก่อนพาวาดตะวันเดินกลับเข้าไปในร้านด้วยกัน
"ขอโทษนะครับ ใช่คุณจีโนบีรึเปล่าครับ"
ชายวัยกลางคนผู้นั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตคอปกลายขวางแขนสั้นกับกางเกงยีนสีซีดตัวหนึ่ง กำลังนั่งรอที่โต๊ะอย่างใจจดใจจ่อ ได้ยินเสียงชานนจึงหันมา แวบแรกที่ชานนเห็นคือแววตาฉงนของอีกฝ่ายมองผ่านเลนส์แว่นสายตามาทางเขา แต่พอสายตาคู่นั้นเลื่อนมาจับจ้องทางวาดตะวัน ใบหน้าฉงนภายใต้แว่นสายตานั้นก็เผยรอยยิ้มให้เห็น
"พวกคุณใช่มั้ยที่ติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์นิยายผม"
ชานนเพียงยิ้มๆ อีกฝ่ายคงเข้าใจผิดคิดว่าวาดตะวันคือเจ้าของเสียงในโทรศัพท์ที่ติดต่อไป ชานนเลยทำเนียนตามน้ำนั่งลงฝั่งตรงข้ามนักเขียน เขาไม่ลืมดึงวาดตะวันให้ลงนั่งเคียงข้างเพราะเจ้าหล่อนเล่นยืนมองจีโนบีค้างอยู่นั่นเอง
"ต้องขอโทษพวกคุณด้วย เผอิญก่อนหน้านี้ผมไปเข้าห้องน้ำมาเลยไม่รู้ว่าพวกคุณมากันแล้ว”
“ไม่เป็นไรเลยครับคุณจีโนบี พวกเราเพิ่งมาถึงครับ”
“เรียกผมว่าจีโน่ก็ได้ ผมตั้งนามปากกาตามชื่อเล่นผม ชื่อจริงผมชื่อจิรวัตน์” นักเขียนแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ
“ผมแปลกใจมากเลยนะที่จู่ๆ พวกคุณก็มาติดต่อขอซื้อนิยายเรื่องมนตร์ธารารักไปทำเป็นละคร เรื่องนี้ผมค่อนข้างแต่งไว้นานแล้วน่ะ ไม่คิดว่าจะมีใครสนใจ พวกคุณวางไว้ว่าจะให้เป็นละครเย็นหรือละครหลังข่าวล่ะ จะทำเป็นละครซีรีส์ก็ยังได้ ผมเอานิยายทั้งหมดที่อยู่ในซีรีส์เซ็ตเดียวกันมาให้พวกคุณลองอ่านด้วย เรื่องอื่นที่ผมแต่งไว้ก็มีนะ"
จิรวัตน์เล่นไม่เว้นช่องว่างให้ทางชานนได้พูดสักแอะ นำเสนอนิยายมาอีกเป็นกะตั้ก โชคดีที่ชานนทำการบ้านมาดี ศึกษาประวัติของนักเขียนผู้นี้มาพอสมควรเลยไม่แปลกใจเลยที่จิรวัตน์จะดูตื่นเต้นไม่น้อย จิรวัตน์ไม่ใช่นักเขียนดังมากมายอย่างที่น้องสาวชอบโม้ แต่ค่อนไปทางเป็นที่รู้จักแค่เฉพาะกลุ่มที่อ่านนิยายประเภทแฟนตาซีมากกว่าก่อนที่จะผันตัวมาเขียนนิยายรักแนวอิโรติกตามกระแส
“คุณพ่อ...” วาดตะวันเผลอหลุดปากออกมา น้ำตาคลอรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นผู้ให้กำเนิดนั่งอยู่ตรงหน้า หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้
คนถูกเรียกว่าคุณพ่อชะงักไป ชานนเห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้าประเด็น
“...เอ่อ...คืองี้ครับคุณจีโน่ พอดีพวกเราอ่านนิยายเรื่องมนตร์ธารารักแล้วสนใจคาแรกเตอร์ของตัวละครที่ชื่อวาดตะวันเป็นพิเศษน่ะครับ ไม่แน่ใจว่าคุณจีโน่ได้วางเรื่องราวของวาดตะวันไว้เป็นนิยายอีกเล่มในซีรีส์เดียวกันกับเรื่องมนตร์ธารารักรึเปล่าครับ หรือว่ายังมีนิยายเรื่องไหนอีกบ้างที่คุณเขียนถึงวาดตะวัน”
"ผมไม่ได้แต่งเรื่องราวของวาดตะวันไว้"
คำตอบนั้นทำให้ชานนขมวดคิ้วมุ่น
"ตกลงพวกคุณจะเอายังไง ถ้าจะให้ผมแต่งเรื่องของวาดตะวันด้วย หมายความว่าพวกคุณก็จะซื้อเอาไปทำเป็นละครยกเซ็ตเลยใช่มั้ย" นักเขียนตรงหน้าเริ่มรวบรัดแกมยัดเยียด
ชานนรู้สึกผิดอยู่หรอกที่เล่นกับความรู้สึกของอีกฝ่ายเลยเกิดอาการหนักใจขึ้นมา
"คุณแน่ใจเหรอว่ายังไม่ได้แต่งเรื่องราวของวาดตะวัน หรือคุณแต่งแล้วไม่จบ..."
"เอ๊ะคุณ" แววตาเต็มเปี่ยมด้วยความหวังเมื่อครู่มองมาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ชักเอะใจกับท่าทางทะแม่งๆของสองหนุ่มสาวแปลกหน้า
อยู่ดีๆ จิรวัตน์ก็เก็บข้าวของบนโต๊ะลุกจากเก้าอี้เสียอย่างนั้น ร้อนถึงชานนต้องสาวเท้าตามนักเขียนผู้นั้นออกมาจากร้าน "เดี๋ยวก่อนคุณจีโน่ พวกเราก็แค่..."
"พวกคุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากผมถึงได้ใช้วิธีสกปรกแบบนี้"
ชานนวิ่งมาดักหน้าเขา โดยมีวาดตะวันตามมาไม่ห่าง เป็นจิรวัตน์ที่มองไปทางชานนทีวาดตะวันทีอาการเลิกลั่ก ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ผลักวาดตะวันกระเด็นให้พ้นทาง ก้าวฉับตรงไปยังรถของเขาซึ่งจอดอยู่ริมฟุตปาธไม่ไกลจากร้าน
"ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยวาดตะวัน"
ชานนถามด้วยความเป็นห่วง ยังดีที่อีกฝ่ายยังปรานีผลักวาดตะวันกระเด็นมาทางเขาเลยประคองสาวเจ้าไว้ทัน
จิรวัตน์โยนหนังสือนิยายพวกนั้นไว้บนเบาะหลังรถเรียบร้อยก็ทำท่าจะขับรถหนีไปดื้อๆ ชานนจึงเปลี่ยนใจพาวาดตะวันย้อนกลับไปที่รถตัวเองเช่นกัน ขับรถสะกดรอยตามนักเขียนไปในเวลาถัดมา
"คุณจีโนบีว่ายังไงบ้าง"
เมธัสเข้ามาถามทันทีที่เห็นเพื่อนกลับถึงบ้าน
ชานนลงจากรถมาแล้วมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เมียงๆ มองๆ เข้าไปในตัวบ้าน พอจะเดาได้ตั้งแต่เห็นรถเพื่อนจอดอยู่หน้าบ้านแล้วว่าคงมาส่งมนชนกหลังจากเลิกเรียนพิเศษ
"เจ้าออมล่ะ"
"กำลังให้อาหารซาหริ่มอยู่ในครัว" บอกเพื่อนแล้วเมธัสต้องดึงตัวไว้เพราะเพื่อนจะไปหา "นายอย่าเพิ่งเจอออมตอนนี้เลย แกงอนที่พวกเราไม่ยอมบอกเรื่องจีโนบี"
"เฮ้ย แล้วออมรู้ได้ไง"
น้ำเสียงซีเรียสขึ้นมาบัดดลนั้นทำให้เมธัสหน้าเจื่อน
"ฉันนึกว่าออมรู้จากนายแล้วน่ะเลย...เอิ่ม...ถามออมเรื่องที่นายไปหาจีโนบีวันนี้"
"โธ่เอ๊ย ไอ้ธัส!" ชานนตั้งท่าจะฟาดงวงฟาดงาใส่เพื่อน ทว่ามนชนกอุ้มเจ้าซาหริ่มออกมาจากห้องครัวพอดี คนเป็นพี่เลยชะงัก เช่นเดียวกับน้องสาวที่นิ่งงันเมื่อสบตากับพี่ชาย
ชานนนั้นไม่คิดบอกน้องสาวเรื่องจีโนบีแต่แรก เพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นระหว่างเขากับนักเขียนคนนั้น แต่ยังไม่ทันได้อธิบายให้เข้าใจ น้องสาวก็เชิดหน้าใส่ อุ้มเจ้าซาหริ่มผ่านหน้าพี่ชายออกไปเดินเล่นในสวน
ชานนจะตามน้องสาวไปแต่กลับถูกวาดตะวันคว้าแขนเขารั้งไว้ ปล่อยให้เมธัสเป็นฝ่ายตามออกไปแทน
"ให้ตายสิ ทำไมวันนี้มันมีแต่เรื่องวุ่นๆ"
ชานนบ่นอย่างหัวเสีย เขาไม่ทันเฉลียวใจว่าเมธัสจะคุยกับมนชนกเลยโมโหตัวเองด้วยที่น่าจะเตือนเพื่อนก่อน
วาดตะวันทำตัวเป็นแม่บ้านที่ดีหาน้ำเย็นๆ มาให้ชานนดื่ม เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาใกล้ๆ หล่อนได้ยินเสียงชายหนุ่มข้างกายทอดถอนใจออกมา รับรู้ได้ว่าเขารู้สึกล้า ก็ก่อนหน้านี้ชานนนั้นเพิ่งขับรถสะกดรอยตามจิรวัตน์ไปจนถึงบ้านซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลพอสมควร
"ผมจะลองไปพูดกับเจ้าออมอีกที" ว่าแล้วชานนก็ลุกจากโซฟาเดินไปที่ระเบียงบ้าน
แต่แล้วเขากลับหยุดฝีเท้าเพียงแค่ตรงนั้น ตะลึงงันเมื่อเห็นน้องสาวกำลังนั่งน้ำตาซึมอยู่บนม้านั่งในสวน ทว่าที่มากกว่านั้นคือเพื่อนของเขาดึงมนชนกมากอดปลอบไว้ในอ้อมแขน ! #
เมื่อรู้หนทางที่จะพาวาดตะวันกลับโลกนิยายได้ ชานนเลยตัดสินใจโทรศัพท์หารินรดา แฟนสาวทำงานอยู่สถานีโทรทัศน์ฝ่ายผลิตรายการละครอยู่แล้ว น่าจะพอช่วยหาวิธีติดต่อกับจีโนบีนักเขียนที่สร้างวาดตะวันขึ้นมาได้บ้าง รินรดานั้นทีแรกเหมือนลังเลที่จะช่วยอยู่เหมือนกัน ทำทีเป็นแนะนำให้แฟนหนุ่มลองโทร.ถามทางสำนักพิมพ์ที่จีโนบีออกผลงานดู แต่ข้อมูลนักเขียนไม่ว่าจะที่อยู่หรือเบอร์โทรศัพท์ติดต่อมีสำนักพิมพ์ไหนให้กันง่ายๆ นอกจากจะได้รับความยินยอมจากตัวนักเขียนเสียก่อน ซึ่งข้อนี้รินรดาก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ชานนเลยต้องเสียเวลาเกลี้ยกล่อมแฟนสาวอยู่นานกว่าจะยอมใจอ่อน
รินรดาช่วยโทรศัพท์หาสำนักพิมพ์ให้ โดยอ้างว่าทางสถานีโทรทัศน์ที่หล่อนทำงานอยู่สนใจซื้อลิขสิทธิ์นิยายของจีโนบีมาทำเป็นละคร ทางสำนักพิมพ์ถึงได้เป็นตัวกลางประสานงานให้จนสามารถตกลงนัดแนะเจอกับจีโนบีได้ที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้ๆ กับสถานีโทรทัศน์
‘ถ้านิยายของวาดตะวันถูกแต่งจนจบเมื่อไหร่ แสงจันทร์จะช่วยเปิดประตูมิติเชื่อมต่อโลกมนุษย์กับโลกนิยายเอง แต่จำไว้ว่าการที่คุณยื่นมือเข้ามาช่วยวาดตะวันครั้งนี้ มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คุณคิด ไพ่จันทร์สีฝุ่นอีกสองใบบอกถึงการต่อสู้และการสูญเสีย ซึ่งนั่นหมายความว่าการที่คุณจะพาวาดตะวันกลับโลกนิยายได้นั้นอาจต้องต่อสู้กับบางสิ่งที่เต็มไปด้วยความโลภและความแค้นจนคุณเองคาดไม่ถึง ฉะนั้นคุณกับวาดตะวันต้องระวังตัวให้ดี อย่าไว้ใจใครง่ายๆ เด็ดขาด แม้กระทั่งตัวพวกคุณเอง’
คำทำนายของแม่หมอจันทรนิมิตในวันนั้นก่อนผละออกมาจากร้านยังวนเวียนอยู่ในหัวสมอง ชานนต้องข่มใจตัวเองไล่ความวิตกจริตเหล่านั้น ผลักประตูบานใสเข้ามาในร้านเป้าหมาย
เขาจูงมือวาดตะวันเข้ามาในร้านด้วย ไออุ่นจากมือชานนนั้นทำให้หญิงสาวคลี่ยิ้มจางๆ ออกมา จับมือเขาแน่นขึ้น อาจเป็นเพราะหล่อนชินแล้วก็ได้ที่ต้องมีเขาคอยพาไปไหนมาไหนตลอดเลยรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นระหว่างที่ชานนกำลังสอดส่ายสายตามองหาคนที่นัดไว้ พอเห็นชื่อแฟนสาวปรากฎบนหน้าจอชานนจึงกดรับสาย
"ถึงร้านรึยังคะนน" รินรดาถามมาตามสายโทรศัพท์
"ผมเพิ่งถึงเดี๋ยวนี้เอง แต่ยังไม่เห็นเขานะ" ชานนตอบแล้วต้องจูงมือพาวาดตะวันเดินกลับออกมาจากร้านชั่วคราว เพราะไม่อยากเป็นจุดเด่นจนผิดสังเกต
"ทางคุณจีโนบีได้โทรศัพท์มาหาคุณบ้างรึเปล่า"
"ใจเย็นก่อนค่ะนน มันยังไม่ถึงเวลานัดเลยนะคะเหลืออีกตั้งสิบห้านาที" รินรดาเตือนสติแฟนหนุ่ม "นนอย่าลืมที่ตกลงกับดาไว้แล้วกันค่ะ แค่ดาแอบอ้างใช้ชื่อสถานีหลอกให้คุณจีโนบีออกมาเจอก็เสี่ยงมากพอแล้ว"
"ผมรับรองว่าจะไม่ทำให้คุณกับสถานีโทรทัศน์ของคุณเดือดร้อน วาดตะวันเองเขาก็รับปากว่าจะไม่พูดอะไร...เอ่อ...คุณโอเคใช่มั้ยที่ผมกับวาดตะวันมาด้วยกันวันนี้"
รินรดาเงียบไป ไม่ได้ตอบเขาในทันที
คำถามนั้นทำให้ความรู้สึกของแฟนสาวในวันที่รู้ความจริงเรื่องวาดตะวันที่โรงพยาบาลย้อนกลับมาอีกครั้ง ยอมรับว่าวินาทีนั้นหล่อนถึงกับนิ่งอึ้ง ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาได้ยินเรื่องทำนองเดียวกันกับเพ็ญจันทร์ ซ้ำร้ายที่สุดคือเป็นแฟนของหล่อนเองกับผู้หญิงอีกคนที่หลุดมาจากโลกนิยาย วาดตะวันเองใช่ว่าจะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ หล่อนเลยไม่ค่อยไว้ใจให้ชานนอยู่บ้านเดียวกับผู้หญิงคนนี้เสียเท่าไหร่ เหตุนี้หล่อนจึงยอมใจอ่อนช่วยชานนติดต่อจีโนบีให้ แม้ว่าใจหล่อนนั้นไม่ได้เต็มใจที่ช่วยวาดตะวันก็ตาม
วาดตะวันสะกิดให้ชานนมองเข้าไปในร้านคาเฟ่อีกครั้ง จากภาพนิมิตเลือนรางของหล่อนบอกว่าชายวัยกลางคนที่เพิ่งเดินกลับมานั่งที่โต๊ะนั้นคือจีโนบีนักเขียนที่สร้างหล่อนขึ้นมา !
"ดา...ผมว่าผมเห็นคุณจีโนบีแล้ว ได้เรื่องยังไงจะบอกคุณอีกทีนะ"
พูดจบชานนก็วางสายจากแฟนสาวทันที เขาไม่ได้สนใจรอฟังคำตอบนั้นจากรินรดาสักนิด ก่อนพาวาดตะวันเดินกลับเข้าไปในร้านด้วยกัน
"ขอโทษนะครับ ใช่คุณจีโนบีรึเปล่าครับ"
ชายวัยกลางคนผู้นั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตคอปกลายขวางแขนสั้นกับกางเกงยีนสีซีดตัวหนึ่ง กำลังนั่งรอที่โต๊ะอย่างใจจดใจจ่อ ได้ยินเสียงชานนจึงหันมา แวบแรกที่ชานนเห็นคือแววตาฉงนของอีกฝ่ายมองผ่านเลนส์แว่นสายตามาทางเขา แต่พอสายตาคู่นั้นเลื่อนมาจับจ้องทางวาดตะวัน ใบหน้าฉงนภายใต้แว่นสายตานั้นก็เผยรอยยิ้มให้เห็น
"พวกคุณใช่มั้ยที่ติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์นิยายผม"
ชานนเพียงยิ้มๆ อีกฝ่ายคงเข้าใจผิดคิดว่าวาดตะวันคือเจ้าของเสียงในโทรศัพท์ที่ติดต่อไป ชานนเลยทำเนียนตามน้ำนั่งลงฝั่งตรงข้ามนักเขียน เขาไม่ลืมดึงวาดตะวันให้ลงนั่งเคียงข้างเพราะเจ้าหล่อนเล่นยืนมองจีโนบีค้างอยู่นั่นเอง
"ต้องขอโทษพวกคุณด้วย เผอิญก่อนหน้านี้ผมไปเข้าห้องน้ำมาเลยไม่รู้ว่าพวกคุณมากันแล้ว”
“ไม่เป็นไรเลยครับคุณจีโนบี พวกเราเพิ่งมาถึงครับ”
“เรียกผมว่าจีโน่ก็ได้ ผมตั้งนามปากกาตามชื่อเล่นผม ชื่อจริงผมชื่อจิรวัตน์” นักเขียนแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ
“ผมแปลกใจมากเลยนะที่จู่ๆ พวกคุณก็มาติดต่อขอซื้อนิยายเรื่องมนตร์ธารารักไปทำเป็นละคร เรื่องนี้ผมค่อนข้างแต่งไว้นานแล้วน่ะ ไม่คิดว่าจะมีใครสนใจ พวกคุณวางไว้ว่าจะให้เป็นละครเย็นหรือละครหลังข่าวล่ะ จะทำเป็นละครซีรีส์ก็ยังได้ ผมเอานิยายทั้งหมดที่อยู่ในซีรีส์เซ็ตเดียวกันมาให้พวกคุณลองอ่านด้วย เรื่องอื่นที่ผมแต่งไว้ก็มีนะ"
จิรวัตน์เล่นไม่เว้นช่องว่างให้ทางชานนได้พูดสักแอะ นำเสนอนิยายมาอีกเป็นกะตั้ก โชคดีที่ชานนทำการบ้านมาดี ศึกษาประวัติของนักเขียนผู้นี้มาพอสมควรเลยไม่แปลกใจเลยที่จิรวัตน์จะดูตื่นเต้นไม่น้อย จิรวัตน์ไม่ใช่นักเขียนดังมากมายอย่างที่น้องสาวชอบโม้ แต่ค่อนไปทางเป็นที่รู้จักแค่เฉพาะกลุ่มที่อ่านนิยายประเภทแฟนตาซีมากกว่าก่อนที่จะผันตัวมาเขียนนิยายรักแนวอิโรติกตามกระแส
“คุณพ่อ...” วาดตะวันเผลอหลุดปากออกมา น้ำตาคลอรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นผู้ให้กำเนิดนั่งอยู่ตรงหน้า หล่อนไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้
คนถูกเรียกว่าคุณพ่อชะงักไป ชานนเห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้าประเด็น
“...เอ่อ...คืองี้ครับคุณจีโน่ พอดีพวกเราอ่านนิยายเรื่องมนตร์ธารารักแล้วสนใจคาแรกเตอร์ของตัวละครที่ชื่อวาดตะวันเป็นพิเศษน่ะครับ ไม่แน่ใจว่าคุณจีโน่ได้วางเรื่องราวของวาดตะวันไว้เป็นนิยายอีกเล่มในซีรีส์เดียวกันกับเรื่องมนตร์ธารารักรึเปล่าครับ หรือว่ายังมีนิยายเรื่องไหนอีกบ้างที่คุณเขียนถึงวาดตะวัน”
"ผมไม่ได้แต่งเรื่องราวของวาดตะวันไว้"
คำตอบนั้นทำให้ชานนขมวดคิ้วมุ่น
"ตกลงพวกคุณจะเอายังไง ถ้าจะให้ผมแต่งเรื่องของวาดตะวันด้วย หมายความว่าพวกคุณก็จะซื้อเอาไปทำเป็นละครยกเซ็ตเลยใช่มั้ย" นักเขียนตรงหน้าเริ่มรวบรัดแกมยัดเยียด
ชานนรู้สึกผิดอยู่หรอกที่เล่นกับความรู้สึกของอีกฝ่ายเลยเกิดอาการหนักใจขึ้นมา
"คุณแน่ใจเหรอว่ายังไม่ได้แต่งเรื่องราวของวาดตะวัน หรือคุณแต่งแล้วไม่จบ..."
"เอ๊ะคุณ" แววตาเต็มเปี่ยมด้วยความหวังเมื่อครู่มองมาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ชักเอะใจกับท่าทางทะแม่งๆของสองหนุ่มสาวแปลกหน้า
อยู่ดีๆ จิรวัตน์ก็เก็บข้าวของบนโต๊ะลุกจากเก้าอี้เสียอย่างนั้น ร้อนถึงชานนต้องสาวเท้าตามนักเขียนผู้นั้นออกมาจากร้าน "เดี๋ยวก่อนคุณจีโน่ พวกเราก็แค่..."
"พวกคุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากผมถึงได้ใช้วิธีสกปรกแบบนี้"
ชานนวิ่งมาดักหน้าเขา โดยมีวาดตะวันตามมาไม่ห่าง เป็นจิรวัตน์ที่มองไปทางชานนทีวาดตะวันทีอาการเลิกลั่ก ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ผลักวาดตะวันกระเด็นให้พ้นทาง ก้าวฉับตรงไปยังรถของเขาซึ่งจอดอยู่ริมฟุตปาธไม่ไกลจากร้าน
"ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยวาดตะวัน"
ชานนถามด้วยความเป็นห่วง ยังดีที่อีกฝ่ายยังปรานีผลักวาดตะวันกระเด็นมาทางเขาเลยประคองสาวเจ้าไว้ทัน
จิรวัตน์โยนหนังสือนิยายพวกนั้นไว้บนเบาะหลังรถเรียบร้อยก็ทำท่าจะขับรถหนีไปดื้อๆ ชานนจึงเปลี่ยนใจพาวาดตะวันย้อนกลับไปที่รถตัวเองเช่นกัน ขับรถสะกดรอยตามนักเขียนไปในเวลาถัดมา
"คุณจีโนบีว่ายังไงบ้าง"
เมธัสเข้ามาถามทันทีที่เห็นเพื่อนกลับถึงบ้าน
ชานนลงจากรถมาแล้วมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เมียงๆ มองๆ เข้าไปในตัวบ้าน พอจะเดาได้ตั้งแต่เห็นรถเพื่อนจอดอยู่หน้าบ้านแล้วว่าคงมาส่งมนชนกหลังจากเลิกเรียนพิเศษ
"เจ้าออมล่ะ"
"กำลังให้อาหารซาหริ่มอยู่ในครัว" บอกเพื่อนแล้วเมธัสต้องดึงตัวไว้เพราะเพื่อนจะไปหา "นายอย่าเพิ่งเจอออมตอนนี้เลย แกงอนที่พวกเราไม่ยอมบอกเรื่องจีโนบี"
"เฮ้ย แล้วออมรู้ได้ไง"
น้ำเสียงซีเรียสขึ้นมาบัดดลนั้นทำให้เมธัสหน้าเจื่อน
"ฉันนึกว่าออมรู้จากนายแล้วน่ะเลย...เอิ่ม...ถามออมเรื่องที่นายไปหาจีโนบีวันนี้"
"โธ่เอ๊ย ไอ้ธัส!" ชานนตั้งท่าจะฟาดงวงฟาดงาใส่เพื่อน ทว่ามนชนกอุ้มเจ้าซาหริ่มออกมาจากห้องครัวพอดี คนเป็นพี่เลยชะงัก เช่นเดียวกับน้องสาวที่นิ่งงันเมื่อสบตากับพี่ชาย
ชานนนั้นไม่คิดบอกน้องสาวเรื่องจีโนบีแต่แรก เพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นระหว่างเขากับนักเขียนคนนั้น แต่ยังไม่ทันได้อธิบายให้เข้าใจ น้องสาวก็เชิดหน้าใส่ อุ้มเจ้าซาหริ่มผ่านหน้าพี่ชายออกไปเดินเล่นในสวน
ชานนจะตามน้องสาวไปแต่กลับถูกวาดตะวันคว้าแขนเขารั้งไว้ ปล่อยให้เมธัสเป็นฝ่ายตามออกไปแทน
"ให้ตายสิ ทำไมวันนี้มันมีแต่เรื่องวุ่นๆ"
ชานนบ่นอย่างหัวเสีย เขาไม่ทันเฉลียวใจว่าเมธัสจะคุยกับมนชนกเลยโมโหตัวเองด้วยที่น่าจะเตือนเพื่อนก่อน
วาดตะวันทำตัวเป็นแม่บ้านที่ดีหาน้ำเย็นๆ มาให้ชานนดื่ม เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาใกล้ๆ หล่อนได้ยินเสียงชายหนุ่มข้างกายทอดถอนใจออกมา รับรู้ได้ว่าเขารู้สึกล้า ก็ก่อนหน้านี้ชานนนั้นเพิ่งขับรถสะกดรอยตามจิรวัตน์ไปจนถึงบ้านซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลพอสมควร
"ผมจะลองไปพูดกับเจ้าออมอีกที" ว่าแล้วชานนก็ลุกจากโซฟาเดินไปที่ระเบียงบ้าน
แต่แล้วเขากลับหยุดฝีเท้าเพียงแค่ตรงนั้น ตะลึงงันเมื่อเห็นน้องสาวกำลังนั่งน้ำตาซึมอยู่บนม้านั่งในสวน ทว่าที่มากกว่านั้นคือเพื่อนของเขาดึงมนชนกมากอดปลอบไว้ในอ้อมแขน ! #

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 พ.ค. 2558, 14:42:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 พ.ค. 2558, 14:42:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 1074
<< บทที่ 8 (ครึ่งแรก) | ลบแล้วค่ะ >> |

Zephyr 1 มิ.ย. 2558, 01:07:46 น.
เอ้า พี่ชายตกข่าว 555
เหยยยยก็แค่เพื่อนชายปลอบน้องน้อยที่กำลังงอน พาล เสียใจน่าพี่นน คิดมากกกกกก
แต่ถ้าเฮียรู้ว่าน้องเฮียหวั่นไหวกับเพื่อนเฮียคนนี้ ใครจะซวยหนอ พี่ธัสสินะ
เอ้า พี่ชายตกข่าว 555
เหยยยยก็แค่เพื่อนชายปลอบน้องน้อยที่กำลังงอน พาล เสียใจน่าพี่นน คิดมากกกกกก
แต่ถ้าเฮียรู้ว่าน้องเฮียหวั่นไหวกับเพื่อนเฮียคนนี้ ใครจะซวยหนอ พี่ธัสสินะ

สรัน 1 มิ.ย. 2558, 09:47:39 น.
55555555นั่นน่ะสิๆ พี่นนคิดมากรึเปล่า อาจจะแค่ปลอบธรรมดาเอง คิกๆๆ
55555555นั่นน่ะสิๆ พี่นนคิดมากรึเปล่า อาจจะแค่ปลอบธรรมดาเอง คิกๆๆ