(เพื่อน)รัก...สนิทใจ
ใบพลู หมาก และจำปูน สามเพื่อนรักที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กันตั้งแต่เกิด
ผู้ใหญ่พยายามจับคู่พวกเขาแต่เล็ก วาดหวังว่าจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
แต่จะเป็นอย่างนั้นได้จริงเหรอ พวกเขาเป็นเพื่อน
เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นก็คลื่นเหียนจนอยากจะอาเจียนแล้ว
ยังไม่ต้องนึกเลยว่าแต่ละคนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมด!
"กอดคอเป็นเพื่อนรัก...หักใจไม่ให้รัก"
ผู้ใหญ่พยายามจับคู่พวกเขาแต่เล็ก วาดหวังว่าจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
แต่จะเป็นอย่างนั้นได้จริงเหรอ พวกเขาเป็นเพื่อน
เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นก็คลื่นเหียนจนอยากจะอาเจียนแล้ว
ยังไม่ต้องนึกเลยว่าแต่ละคนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมด!
"กอดคอเป็นเพื่อนรัก...หักใจไม่ให้รัก"
Tags: ใบพลู หมาก จำปูน เพื่อนรัก
ตอน: บทที่ 1 : ความลับระหว่างเพื่อน
(เพื่อน)รัก...สนิทใจ
บทที่ 1
เสียงจอแจภายในร้านที่ติดกระจกอยู่รอบทิศดังขึ้นต่อเนื่องหลายชั่วโมงต่อวันเพิ่งจะถึงคราวเงียบสงบขึ้นเมื่อลูกค้าคนสุดท้ายของร้าน Long Hair ออกไป มือกระพุ่มปลายผมบ็อบสั้นเพิ่มโวลลุ่มตรงโคนผมสีสว่างอย่างพออกพอใจ หญิงสาวที่เพิ่งวางกรรไกรตัดผมกระเซ้ารับเยินยอความงามของลูกค้าเสียเลอเลิศอีกหน่อย
“รับกับรูปหน้าไม่สั้นไม่ยาวของคุณลูกค้ามากเลยนะคะ เวลากรีดตาให้คมจะยิ่งรับกับทรงผมมากขึ้น”
“กลับบ้านไปสามีจะต้องจำพี่ไม่ได้แน่ค่ะ” คุณลูกค้ายกมือปิดปากหัวเราะคิก หยิบแบงค์สีเทามาจ่ายอย่างไม่เสียดาย แล้วจึงจากไป
ภายในร้านเย็นฉ่ำ และกระจกบานใหญ่หน้าเก้าอี้นั่งตัดผมของลูกค้าสะท้อนร่างสูงเพรียวในชุดมินิเดรส ตัวกระโปรงเป็นลายขวางเลียนแบบลายของม้าลาย ส่วนตัวเสื้อตั้งแต่คอจนถึงอกเป็นผ้าชีฟองบางมีเชิ้ตสีครีม ไล่ลงมาเป็นผ้าสีดำสกรีนลายการ์ตูนสดใส ช่วงเอวเว้าเข้าอวดผิวขาวละเอียด เฌอพลูชะโงกหน้าตัวเองเข้าไปใกล้กระจก ปลายนิ้วสัมผัสขอบตาที่ปรากฏรอยดำอย่างขุ่นข้อง ยื่นปากเป่าผมม้าเต่อให้ปลิวขึ้นด้านบนเป็นการระบายความหงุดหงิดไปทีหนึ่ง
“นี่หล่อนจะส่องอีกนานไหม” ร่างสูงผอมบางของหนุ่มหน้าหวานที่นั่งไขว่ห้างตะไบเล็บมือบนโซฟาตัวยาวรับรองลูกค้าทักขึ้นมา
เฌอพลูหมุนกายพาหน้าเป็นหมีแพนดามานั่งแปะอยู่ข้างคนที่เป็นทั้งรุ่นพี่และหัวหน้า ทำหน้าบึ้งหน้าบูด ชี้นิ้วไปยังตำแหน่งใต้ตา “คืนเดียวก็ดำปิ๊ดปี๋เลย”
“ใครใช้ให้หล่อนไม่หลับไม่นอนให้พอยะ”
“ก็ฉันเครียดนี่พี่เก้ เครียดจะตายแล้วเนี่ย” มือบางจับขยุ้มผมบ็อบสั้นของตัวเอง สีหน้าอัดอั้นตันใจ
ไกรวุฒิส่งเสียงหือ กางมือออกห้านิ้ว สำรวจสีเล็บ และปลายเล็บว่าสวยงามดีหรือไม่ หางตาเหล่มองลูกน้องสาว ก่อนจะจีบปากจีบคอถามไถ่อย่างห่วงใย “เรื่องอะไรที่ทำให้คนคิดน้อยอย่างหล่อน คิดมากได้ล่ะยะ”
‘คนคิดน้อย’ มองค้อนคนว่า เชิดหน้าไม่ยอมปริปากบอกสิ่งที่ทำให้ตัวเธอนอนไม่หลับข้ามคืน ก็จริงอย่างที่ไกรวุฒิว่า คนอย่างเธอถูกว่าว่า ‘สมองถั่ว’ คิดน้อย ไม่ทันใครอยู่เสมอ เป็นคนโกรธคนยาก ทั้งยังลืมง่าย กินง่าย อยู่ง่าย นอนง่าย อาการของเธอในตอนนี้จึงถือว่าแปลกมาก หญิงสาวถอนหายใจอีกเฮือก จังหวะเดียวกันกับที่ร่างสูงของหนุ่มผมสั้น สะอาด สวมแว่นตากรอบโตเยี่ยมหน้าเข้ามาในร้าน ท่อนตัวที่อยู่นอกร้านก็คงจะอยู่ในชุดสีขาวดำตัวโคร่ง เหมาะกับสมญานาม ‘หนุ่มธรรมดา’ ที่เธอชอบตั้งให้
“ถอนหายใจอะไรใบพลู”
“กำลังคิดว่าวันนี้จะต้องนั่งแท็กซี่กลับไหม” หญิงสาวกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มกวน หยัดกายสูง เดินออกมาจากหน้ากระจก หันไปส่งเงินของลูกค้าคนสุดท้ายให้กับเจ้าของร้าน และรับค่าจ้างส่วนแบ่งรายวันในวันนี้เก็บเข้ากระเป๋าเงินเรียบร้อย
หัวหน้างานแสนรู้เยี่ยมหน้ามาใกล้ กระซิบเสียงพอให้ได้ยินสองคน “ไม่ใช่เรื่องของ ‘เพื่อนรัก’ หล่อนหรอกนะ”
“ออกตรงๆ เลยล่ะพี่เก้” เฌอพลูลดเสียงตอบให้เบาที่สุด
ร้าน Long Hair เป็นร้านที่ไกรวุฒิเปิดขึ้นมาตั้งแต่หลังเรียนจบ ในตอนนั้นหญิงสาวเรียนมหาวิทยาลัยปีสองคณะบริหารธุรกิจ แต่เธอกลับมีความสุขมากกว่าในชมรมช่างผม ที่ไกรวุฒิสร้างขึ้นมาสมัยเรียน ก่อนที่เขาจะชักชวนให้เธอมาทำงานกับเขา ซึ่งที่บ้านเธอนั้นไม่ค่อยจะเห็นด้วยเนื่องจากที่บ้านก็มีร้านอาหารไทยเปิดไว้รอให้เธอไปบริหารอยู่แล้ว แต่ก็พอจะเข้าใจ เพราะเธอไร้พรสวรรค์ทางด้านนั้นเหลือเกิน อย่างที่เธอเคยบอกกับทางบ้านไว้ว่า
‘ให้กินอาหารฟาดเรียบทั้งร้าน ยังง่ายกว่าบริหารงานที่ตัวเองไม่ถนัด พลูมีความสุขกับการเป็นลูกน้อง ขอแค่พลูได้ทำในสิ่งที่รัก’
เธอเป็นลูกสาวและหลานเพียงคนเดียวของครอบครัว มีเหรอที่พวกเขาจะขัดใจหรือแตกหัก พ่อแม่ของเธอไม่ใช่คนหัวโบราณ แข็งเป็นไม้ ไม่รู้จักผ่อนปรนตามบรรดาชีวิตพ่อแม่ที่เธอเคยพบเห็นในละครสักหน่อย
“แน่ใจว่าไม่มีเรื่องอะไร”
เฌอพลูหรี่ตามองคนรู้ทันว่าเธอกลบเกลื่อนอย่างหมั่นไส้ คันธพฤกษ์หนึ่งในเพื่อนทั้งสองของเธอที่เกิดมาก็เห็นหน้าค่าตากันแล้ว เนื่องจากปู่ย่าของเธอ และตายายของเขาเป็นเพื่อนกันมา ตอนเลือกซื้อบ้านพ่อแม่ก็ยังเลือกซื้อข้างๆ กันตามคำสั่งบุพการีทั้งที่จริงแล้วพ่อแม่ของพวกเธอทั้งคู่ต่างเป็นอริต่อกัน แต่โชคยังดีที่ลูกๆ เกิดมายังจับมือสามัคคีกันได้ ไหนจะมี ‘ธรณิศ’ เพื่อนตัวแสบจอมกะล่อนอีกคนที่พ่อแนะนำให้เธอรู้จักตั้งแต่ห้าขวบ อยู่บ้านที่ว่างอีกฝั่งของบ้านเธอ
ระหว่างคันธพฤกษ์ กับธรณิศ ทั้งสองมีนิสัยที่ต่างกันลิบลับ สำหรับเธอ ธรณิศเหมือนเพื่อนเฮฮา ถึงไหนถึงกัน ในขณะที่คันธพฤกษ์กลับทำตัวไม่ต่างจากพ่อคนที่สอง บุคลิกภายนอกอย่างกับหลุดมาจากปีแปดศูนย์ยุคเก่า แต่ที่จริงสมองของเขากลับล้ำหน้า ฉลาด รู้ทัน อ่านความคิดของเธอขาดเสมอ
“อืม”
“โกหก”
เฌอพลูทำหน้าแหย แอบแลบลิ้นใส่คนรู้ทันโดยไม่คิดจะบอกความจริง “จ้างให้ก็ไม่บอก”
“จำปูนรู้ปัญหาเธอไหม”
“ยังไม่รู้” แต่ในเร็ววันนี้เธอต้องดึงธรณิศมาร่วมเสวนาปัญหาที่เธอรู้มาด้วยแน่
“จะบอกจำปูนใช่ไหม”
“จะเป็นไปได้ยังไง พลู นาย แล้วก็จำปูนเคยมีความลับต่อกันที่ไหน” หญิงสาวผายมือ ทำเสียงดังกับคำโกหกคำโตที่สร้างขึ้น...เรื่องบางอย่างก็ไม่ใช่เวลาที่ควรรู้แบบปุบปับทันด่วนนักหรอก
“เคยมีคนบอกใบพลูไหม ว่าเวลาโกหกแล้วชอบทำเสียงดัง”
เฌอพลูปิดปากฉับ ถลึงตามองคนฉลาดก่อนจะสะบัดหน้าหนี ถ้าคันธพฤกษ์เขาอยากรู้ก็ต้องไปสืบหาเอาเอง คนมีเรื่องปิดบังมองท่าทางไม่แยแส และเลิกสนใจในตัวเธอของคันธพฤกษ์อย่างน้อยใจ ได้แต่วิ่งตามให้ทันก้าวยาวๆ ของเขา คล้องแขนอบอุ่นที่ไม่ว่าเวลาไหนเธอจะใช้ไม้นี้เพื่ออ้อนเขาตลอด
“โกรธพลูเหรอ เอางี้ วันนี้จะบริการเสริมหล่อให้ฟรีๆ เลย”
“หล่ออยู่แล้ว” คนพูดบอกปัดเสียงเรียบ
“หล่อกว่านี้ไง” เฌอพลูพยายามซ่อนสีหน้าปูเลี่ยนของมนุษย์หลงตัวเอง
“ไม่ต้องการ”
ช่างผมสาวเบ้ปาก ส่งเสียงฮึดฮัด พอเธอจะเริ่มโกรธขึ้นมาบ้าง ถอนมือออกจากการคล้องแขน คันธพฤกษ์กลับล็อกแขนของเธอไว้เสียเอง
“วันนี้ห้ามกินอาหารแช่แข็ง”
“ตอนนี้สามทุ่มแล้วนะ” คนมีอาหารแช่เข็งติดตู้ไว้แน่นประทังท้องยามหิวส่งเสียงประท้วงอ่อย แต่พอเห็นสายตาดุก้มมองมาจึงรีบพยักหน้ารับ “ไม่กินก็ได้”
“เดี๋ยวทำให้กิน”
เฌอพลูแหงนหน้ามองคันธพฤกษ์ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ กระแทกไหล่หนาเอ่ยกระเซ้า “น่ารักเหมือนกันนะเรา”
“แฟนพลูไม่มาดูแลบ้างหรือไง แฟนกลับบ้านดึกดื่น เขาโทรหาบ้างไหม”
เรื่องถูกโยงเข้าหา ‘เมษา’ หน้าคนฟังกลับหงอยลงทันตา หญิงสาวเกี่ยวแขนหนาของเพื่อนรักแน่นขึ้น เธออยากถ่ายทอดความรู้สึกหงอยๆ เหงาๆ ของตัวเองให้คันธพฤกษ์รับรู้บ้าง
“วันนี้เขายังไม่โทรมาเลย เดี๋ยวนี้พลูก็ชักจะชินแล้วล่ะ รู้ตัวว่าคงหมดช่วงโปรโมชั่น คบกันมาสามปี จะให้เขาดีเหมือนสมัยแรกคบมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
เมษา คือแฟนที่เธอคบหามานานถึงสามปี ชายรุ่นพี่ที่ตามตื๊อเธอนานกว่าสามปี หนึ่งในลูกค้าของร้าน Long Hair บุคลิกดูดี พยายาม อดทนของเมษาทำให้เธอค่อยๆ คุ้นชิน และยอมรับเขาได้ในที่สุด การมีใครสักคนมามอบดอกไม้ ส่งของขวัญในวันครบรอบที่คิดขึ้นมาแปลกๆ หรือการพาไปดินเนอร์อร่อยๆ ในวันหยุด คือความรู้สึกหวานล้ำที่เธอสัมผัสได้ในอดีต จนถึงวันนี้หลายๆ สิ่งจืดจางลง แค่โทรศัพท์เขายังเลิกใส่ใจจะโทรหาความเป็นไปของเธอ
ศีรษะนุ่มเอนพิงไหล่ที่เธอใช้พักเวลาเหนื่อยล้าเป็นประจำพลางทอดถอนใจ “บอกว่าเลิก พลูอาจจะสบายใจกว่านี้”
“ไม่จริงหรอก...พลูไม่มีทางทำใจง่ายอย่างปากว่าแน่”
คนถูกรู้ทันทำเสียงชิเบาๆ จะกี่ครั้งคันธพฤกษ์ก็ยังรู้จักเธอดีกว่าตัวเธอเองเสมอ น่าแปลกที่กับเธอเขาเป็นกูรูรู้ทุกเรื่องได้ แต่กับแฟนของตัวเองที่แอบมีกิ๊กลับหลัง เขากลับไม่ระแคะระคาย ไม่รับรู้ หรือที่จริงเขารู้ แต่แกล้งแสดงความเข้มแข็งออกมา
“วันนี้มุกไม่มาหาหมากเหรอ” หญิงสาวหยั่งเชิงถาม ทั้งที่เมื่อวานนี้เธอเพิ่งเห็นแฟนของเขาเดินเกี่ยวแขนกับชาวบ้านผ่านหน้าร้านไป
“มาหาแล้วตอนเช้า”
“อ้อ”
หัวคิ้วของเฌอพลูขมวดเป็นปมแน่น เธอมองตัวเองที่คล้องแขนกับคันธพฤกษ์ พยายามนึกไปในทางที่บวก...บางที มุกลินกับผู้ชายคนนั้นอาจเป็นเหมือนเธอและคันธพฤกษ์ เพื่อนรักที่สนิทกันมากๆ แต่ถึงพยายามคิดไปในทางบวก สมองของเธอก็กระหวัดไปทางลบได้อยู่ดี เธอล่ะลังเล กลัวที่จะบอกสิ่งที่พบเห็นให้คันธพฤกษ์รู้ ผู้ชายอ่อนโยน จิตใจดีงามอย่างเขาจะรับผลกระทบของความรักได้มากน้อยแค่ไหน เธอไม่เคยเห็นเขาอกหักมาก่อนด้วยนี่สิ คงดูไม่จืด
“ใบพลูเน่า” น้ำเสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นตรงทางเลี้ยวเข้าลิฟต์เพื่อไปยังที่จอดรถ ศูนย์สรรพสินค้าใหญ่โตแห่งนี้มีทั้งสถานที่เรียนพิเศษที่คันธพฤกษ์เปิดสอนวิชาคณิตศาสตร์ และยังมีร้าน Long Hair ที่เธอต้องมาทำงาน ไม่แปลกที่ทุกเช้า และทุกค่ำเธอจะออกจากบ้าน และกลับพร้อมคันธพฤกษ์เสมอ ตรงข้ามกับหนุ่มเพลย์บอยเพื่อนข้างบ้านอีกคนของเธอ เป็นถึงทายาทโรงพยาบาลใหญ่แต่กลับใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย เวลาเธอตื่น คุณชายธรณิศก็อาจจะนอนหลับอุตุอยู่
หุ่นที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กับผิวสีแทนเดินเข้ามาคล้องคอหญิงสาวที่เขาเรียกชื่อ มือหนึ่งควงกุญแจรถในมือไปมา “กลับบ้านกัน”
“ช้าไปย่ะ วันนี้พลูจะกลับกับหมาก”
“หมอนี่มันคิดไม่ซื่อกับเธอนะ...โอ๊ย!” คนโอบไหล่บางเล็กร้องลั่นเพราะถูกบิดเนื้อตรงเอวอย่างแรง
เฌอพลูหัวเราะสะใจ “หยุดพูดเรื่องน่าสะอิดสะเอียนนั้นเลยนะ จะมาคิดไม่ซื่ออะไร แต่ละคนก็มีแฟนกันเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แค่คิดว่าพวกเราคนใดคนหนึ่งคบกันเป็นแฟนก็ขนคอลุกแล้ว” หญิงสาวย่นคอประกอบคำพูด
“เธอคิดภาพฉันกับเธอ หรือเธอกับนายหมากก็ได้ไม่เป็นปัญหาหรอก อย่ามาคิดภาพฉันกับนายหมาก ฉันจะอ้วก” ธรณิศเบะปากไม่พอใจ
คนกลางเกี่ยวแขนเพื่อนรักไว้คนละข้าง หัวเราะสะใจที่คนเริ่มเรื่องมีสีหน้าปูเลี่ยน ส่วนคนถูกพูดถึงก็ยิ้มมุมปาก สีหน้าเย็นชา คันธพฤกษ์ไม่ชินกับการแซวขำๆ ของธรณิศสักที จะว่าไป สองหนุ่มถึงจะเป็นเพื่อนรักเธอ แต่ทั้งสองกลับไม่ได้เป็นเพื่อนรักกัน หลายครั้งลับหลังเธอทั้งคู่มักจะสร้างเรื่องมากัดแขวะ เหน็บแนม ตามที่คนละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงรายงานให้รู้
“กลับบ้านกันเถอะ”
“กลับกับฉัน” ธรณิศพยายามดึงร่างบางที่เกี่ยวแขนกับคันธพฤกษ์ด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ปล่อยให้เฌอพลูมาอยู่ในมือเขาง่ายๆ จนหน้าคนถูกทิ้งเก้อ
“ยังไงก็เจอกันที่บ้านเหมือนกัน” คันธพฤกษ์เข้าไปในลิฟต์ทำหน้าหน่ายใส่ธรณิศที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต เอาชนะเขานิดๆ หน่อยๆ ก็ถือเป็นความสุขของเจ้าเด็กนี่แล้ว
“เห็นไหมว่าหมอนั่นมันไม่ใส่ใจเพื่อนรักอย่างเธอเลย”
“หมากกลัวพลูเจ็บต่างหาก นายต่างหากที่กระชากเราซะแขนแดงเลย ไม่ใส่ใจว่าเราจะเจ็บไหม”
“อ้าว” ธรณิศเหวอ หันหน้าไปมองคนในลิฟต์ที่ไม่รอพวกเขาทันได้เห็นใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหนามีรอยยิ้มของผู้ชนะประดับอยู่...หมอนี่มันร้ายกาจ!
ชายวัยกลางคนท่อนบนมีเสื้อกล้ามสีขาว ท่อนล่างพันเอวด้วยผ้าขาวม้ามือจับสายยางพ่นน้ำเป็นละอองฝอยใส่บรรดาต้นไม้ในบ้านอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะต้นมะยมต้นใหญ่ที่กำลังออกลูกดกอยู่ริมรั้ว หรือริมบ่อดินเลี้ยงปลาที่มีต้นมะม่วงเขียวเสวยต้นใหญ่แผ่กิ่งก้าน สายตาของบุรีคอยเหลือบมองแสงไฟในบ้านข้างเคียงสลับกับประตูหน้าบ้านที่ยังไม่มีรถคันใดแล่นผ่าน
“ชะเง้อคอยาวแล้วพ่อ” สตรีร่างอวบ ผิวหน้าอิ่มเอิบนั่งอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านปูนสองชั้น ภายใต้แสงไฟสว่าง บนมือของข้าวหอมมีหนังสือนวนิยายอยู่ในมือ
“ลูกยังไม่กลับ พ่อก็ต้องห่วงสิ มีรถก็ไม่รู้จักใช้ขับ มัวแต่ออกไปพร้อมคนอื่น รบกวนเขาอยู่ได้”
“คนอื่นที่ไหนกันพ่อ ตาหมากก็คนกันเอง เห็นกันมาแต่เกิด คนนี้แม่ไว้ใจ วางใจได้เต็มที่ อีกอย่างใบพลูเองก็บอกว่าทางเดียวกัน ที่เดียวกัน ไปด้วยกันประหยัดน้ำมันไปได้ตั้งเยอะ”
เหตุผลมากมายที่ฟังมากกว่าห้าครั้งถูกอธิบายซ้ำด้วยใบหน้าประดับยิ้มของภรรยา ก่อนที่เสียงรถจะเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้าน รถสองประตูสีบลอนด์ดับเครื่องหน้าบ้านเขา บุรีเก็บสายยาง ปิดก๊อกน้ำ แล้วรีบไปหน้าประตูรอลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนลงมา แต่คนที่ลงกลับเป็นเจ้าหนุ่มข้างบ้าน ‘ลูกรัก’ ของภรรยาเขาเพียงคนเดียว
“สวัสดีครับอาบุรี”
บุรีรับไหว้แกนๆ “ใบพลูล่ะ”
“กำลังมากับจำปูนครับ”
“จำปูนเหรอ” บุรีทวนคำหน้าเบิกบานขึ้นทันตา เขาถูกชะตากับลูกชายเพื่อนรักของตัวเอง มากกว่าหลานของเพื่อนรักมารดาเขาลิบลับ ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกมารดาจับคู่กับแม่ของคันธพฤกษ์ หญิงงามประจำตำบลคนนั้นคล้ายนางในฝันที่เขาละเมอถึงตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม และเขาก็ละเมอยาวไปถึงวันแต่งงาน วันนั้นเขากลับได้รับรู้ว่าเจ้าสาวผู้อ่อนหวานน่ารักของเขาเก็บข้าวของ ปีนหน้าต่างหนีไปในคืนก่อนวันงานกับชายอื่น! ทุกวันนี้ถึงเขาจะมีความสุขดีกับชีวิตคู่กับภรรยาที่เขาพบหลังจากนั้น แต่เมื่อใดที่ได้เห็นใบหน้าของคันธพฤกษ์เขาจะรู้สึกว่าครั้งหนึ่งเขาเคย ‘โง่มาก’ มาก่อน
ถึงแม้ลูกชายเพื่อนของเขาจะทำงานไม่ได้เรื่อง รักเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ มีข่าวกับสาวบ้าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวเขา ธรณิศจะเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่งทีเดียว
“มีอะไรอีกล่ะ ไม่เข้าบ้านตัวเองไป” บุรีเมินรอยยิ้มเป็นมิตรของอีกฝ่าย
“ผมบอกจะทำอาหารให้ใบพลูทานครับ”
“ทำทำไม เมียฉันเขาก็เป็นแม่ครัว ลูกฉันหิว ก็ให้แม่เขาทำให้”
“แม่เหนื่อย วันนี้คงทำข้าวให้ใบพลูไม่ไหวแล้ว แม่ฝากด้วยนะหมาก นอกจากรสมือแม่ ก็มีแค่หมากที่รู้ว่าใบพลูชอบทานอาหารอะไร” ข้าวหอมเป็นกองหนุนให้หนึ่งหนุ่มหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเห็นใจ ลูกสาวของเธอไม่ได้สืบทอดเสน่ห์ปลายจวักใดๆ จากเธอไปเลย ในขณะที่คันธพฤกษ์ทำเป็นทุกอย่าง เรียนรู้การทำอาหารในครัวได้รวดเร็ว และไม่เกี่ยงที่เธอเคยสอนเรื่องการแกะสลักผลไม้ หรือร้อยพวงมาลัย นี่สิถึงเป็นลูกศิษย์คนโปรดของเธอ
บุรีหายใจฟืดฟาดไม่พอใจคันธพฤกษ์ยิ่งขึ้น แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อภรรยาที่รักมายืนข่มขู่ห้ามเขากินหัวเจ้าเด็กข้างบ้านอยู่ด้านหลัง กอปรกับเสียงรถสี่ประตูเคลื่อนมาจอดชิดรั้วบ้านเขาอีกคัน ร่างของลูกสาวที่เขาเฝ้ารอเดินลงมาจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จงใจหลบตาคันธพฤกษ์
“หมาก พลูไม่หิวแล้ว วันนี้ไม่กวนหมากแล้วนะ” บอกปัดอาหารมื้อดึก รีบซอยเท้าตรงเข้าบ้านไป
“เยี่ยม!” บุรีหน้าบาน หัวเราะสะใจในลำคอ ดุนเอวภรรยาที่กำลังอ้าปากเตรียมเอ่ยปากปลอบใจหนุ่มข้างบ้านให้เข้าบ้านโดยเร็ว
ธรณิศบีบแตรรถทีหนึ่ง เรียกความสนใจจากคันธพฤกษ์ พูดลอยๆ ให้เพื่อนรักอีกคนของเฌอพลูได้ยินก่อนขับรถเลยเข้าบ้านตัวเองไป
“เรื่องของใบพลูที่นายไม่รู้...ฉันรู้แล้วล่ะ”
...............................................................
หายไปพักหนึ่ง หิ้วเรื่องใหม่มาฝากแล้วค่า ฮิ้ววว เรื่องนี้จะไม่เร่งเขียนนะคะ ช่วงนี้งานหลวงก็รัดตัว ฮา จะพยายามเขียนให้ได้อาทิตย์ละหนึ่งตอน อ่านแล้วรู้สึกยังไงบอกกันได้นะคะ ขอบคุณค่า ^^
บทที่ 1
เสียงจอแจภายในร้านที่ติดกระจกอยู่รอบทิศดังขึ้นต่อเนื่องหลายชั่วโมงต่อวันเพิ่งจะถึงคราวเงียบสงบขึ้นเมื่อลูกค้าคนสุดท้ายของร้าน Long Hair ออกไป มือกระพุ่มปลายผมบ็อบสั้นเพิ่มโวลลุ่มตรงโคนผมสีสว่างอย่างพออกพอใจ หญิงสาวที่เพิ่งวางกรรไกรตัดผมกระเซ้ารับเยินยอความงามของลูกค้าเสียเลอเลิศอีกหน่อย
“รับกับรูปหน้าไม่สั้นไม่ยาวของคุณลูกค้ามากเลยนะคะ เวลากรีดตาให้คมจะยิ่งรับกับทรงผมมากขึ้น”
“กลับบ้านไปสามีจะต้องจำพี่ไม่ได้แน่ค่ะ” คุณลูกค้ายกมือปิดปากหัวเราะคิก หยิบแบงค์สีเทามาจ่ายอย่างไม่เสียดาย แล้วจึงจากไป
ภายในร้านเย็นฉ่ำ และกระจกบานใหญ่หน้าเก้าอี้นั่งตัดผมของลูกค้าสะท้อนร่างสูงเพรียวในชุดมินิเดรส ตัวกระโปรงเป็นลายขวางเลียนแบบลายของม้าลาย ส่วนตัวเสื้อตั้งแต่คอจนถึงอกเป็นผ้าชีฟองบางมีเชิ้ตสีครีม ไล่ลงมาเป็นผ้าสีดำสกรีนลายการ์ตูนสดใส ช่วงเอวเว้าเข้าอวดผิวขาวละเอียด เฌอพลูชะโงกหน้าตัวเองเข้าไปใกล้กระจก ปลายนิ้วสัมผัสขอบตาที่ปรากฏรอยดำอย่างขุ่นข้อง ยื่นปากเป่าผมม้าเต่อให้ปลิวขึ้นด้านบนเป็นการระบายความหงุดหงิดไปทีหนึ่ง
“นี่หล่อนจะส่องอีกนานไหม” ร่างสูงผอมบางของหนุ่มหน้าหวานที่นั่งไขว่ห้างตะไบเล็บมือบนโซฟาตัวยาวรับรองลูกค้าทักขึ้นมา
เฌอพลูหมุนกายพาหน้าเป็นหมีแพนดามานั่งแปะอยู่ข้างคนที่เป็นทั้งรุ่นพี่และหัวหน้า ทำหน้าบึ้งหน้าบูด ชี้นิ้วไปยังตำแหน่งใต้ตา “คืนเดียวก็ดำปิ๊ดปี๋เลย”
“ใครใช้ให้หล่อนไม่หลับไม่นอนให้พอยะ”
“ก็ฉันเครียดนี่พี่เก้ เครียดจะตายแล้วเนี่ย” มือบางจับขยุ้มผมบ็อบสั้นของตัวเอง สีหน้าอัดอั้นตันใจ
ไกรวุฒิส่งเสียงหือ กางมือออกห้านิ้ว สำรวจสีเล็บ และปลายเล็บว่าสวยงามดีหรือไม่ หางตาเหล่มองลูกน้องสาว ก่อนจะจีบปากจีบคอถามไถ่อย่างห่วงใย “เรื่องอะไรที่ทำให้คนคิดน้อยอย่างหล่อน คิดมากได้ล่ะยะ”
‘คนคิดน้อย’ มองค้อนคนว่า เชิดหน้าไม่ยอมปริปากบอกสิ่งที่ทำให้ตัวเธอนอนไม่หลับข้ามคืน ก็จริงอย่างที่ไกรวุฒิว่า คนอย่างเธอถูกว่าว่า ‘สมองถั่ว’ คิดน้อย ไม่ทันใครอยู่เสมอ เป็นคนโกรธคนยาก ทั้งยังลืมง่าย กินง่าย อยู่ง่าย นอนง่าย อาการของเธอในตอนนี้จึงถือว่าแปลกมาก หญิงสาวถอนหายใจอีกเฮือก จังหวะเดียวกันกับที่ร่างสูงของหนุ่มผมสั้น สะอาด สวมแว่นตากรอบโตเยี่ยมหน้าเข้ามาในร้าน ท่อนตัวที่อยู่นอกร้านก็คงจะอยู่ในชุดสีขาวดำตัวโคร่ง เหมาะกับสมญานาม ‘หนุ่มธรรมดา’ ที่เธอชอบตั้งให้
“ถอนหายใจอะไรใบพลู”
“กำลังคิดว่าวันนี้จะต้องนั่งแท็กซี่กลับไหม” หญิงสาวกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มกวน หยัดกายสูง เดินออกมาจากหน้ากระจก หันไปส่งเงินของลูกค้าคนสุดท้ายให้กับเจ้าของร้าน และรับค่าจ้างส่วนแบ่งรายวันในวันนี้เก็บเข้ากระเป๋าเงินเรียบร้อย
หัวหน้างานแสนรู้เยี่ยมหน้ามาใกล้ กระซิบเสียงพอให้ได้ยินสองคน “ไม่ใช่เรื่องของ ‘เพื่อนรัก’ หล่อนหรอกนะ”
“ออกตรงๆ เลยล่ะพี่เก้” เฌอพลูลดเสียงตอบให้เบาที่สุด
ร้าน Long Hair เป็นร้านที่ไกรวุฒิเปิดขึ้นมาตั้งแต่หลังเรียนจบ ในตอนนั้นหญิงสาวเรียนมหาวิทยาลัยปีสองคณะบริหารธุรกิจ แต่เธอกลับมีความสุขมากกว่าในชมรมช่างผม ที่ไกรวุฒิสร้างขึ้นมาสมัยเรียน ก่อนที่เขาจะชักชวนให้เธอมาทำงานกับเขา ซึ่งที่บ้านเธอนั้นไม่ค่อยจะเห็นด้วยเนื่องจากที่บ้านก็มีร้านอาหารไทยเปิดไว้รอให้เธอไปบริหารอยู่แล้ว แต่ก็พอจะเข้าใจ เพราะเธอไร้พรสวรรค์ทางด้านนั้นเหลือเกิน อย่างที่เธอเคยบอกกับทางบ้านไว้ว่า
‘ให้กินอาหารฟาดเรียบทั้งร้าน ยังง่ายกว่าบริหารงานที่ตัวเองไม่ถนัด พลูมีความสุขกับการเป็นลูกน้อง ขอแค่พลูได้ทำในสิ่งที่รัก’
เธอเป็นลูกสาวและหลานเพียงคนเดียวของครอบครัว มีเหรอที่พวกเขาจะขัดใจหรือแตกหัก พ่อแม่ของเธอไม่ใช่คนหัวโบราณ แข็งเป็นไม้ ไม่รู้จักผ่อนปรนตามบรรดาชีวิตพ่อแม่ที่เธอเคยพบเห็นในละครสักหน่อย
“แน่ใจว่าไม่มีเรื่องอะไร”
เฌอพลูหรี่ตามองคนรู้ทันว่าเธอกลบเกลื่อนอย่างหมั่นไส้ คันธพฤกษ์หนึ่งในเพื่อนทั้งสองของเธอที่เกิดมาก็เห็นหน้าค่าตากันแล้ว เนื่องจากปู่ย่าของเธอ และตายายของเขาเป็นเพื่อนกันมา ตอนเลือกซื้อบ้านพ่อแม่ก็ยังเลือกซื้อข้างๆ กันตามคำสั่งบุพการีทั้งที่จริงแล้วพ่อแม่ของพวกเธอทั้งคู่ต่างเป็นอริต่อกัน แต่โชคยังดีที่ลูกๆ เกิดมายังจับมือสามัคคีกันได้ ไหนจะมี ‘ธรณิศ’ เพื่อนตัวแสบจอมกะล่อนอีกคนที่พ่อแนะนำให้เธอรู้จักตั้งแต่ห้าขวบ อยู่บ้านที่ว่างอีกฝั่งของบ้านเธอ
ระหว่างคันธพฤกษ์ กับธรณิศ ทั้งสองมีนิสัยที่ต่างกันลิบลับ สำหรับเธอ ธรณิศเหมือนเพื่อนเฮฮา ถึงไหนถึงกัน ในขณะที่คันธพฤกษ์กลับทำตัวไม่ต่างจากพ่อคนที่สอง บุคลิกภายนอกอย่างกับหลุดมาจากปีแปดศูนย์ยุคเก่า แต่ที่จริงสมองของเขากลับล้ำหน้า ฉลาด รู้ทัน อ่านความคิดของเธอขาดเสมอ
“อืม”
“โกหก”
เฌอพลูทำหน้าแหย แอบแลบลิ้นใส่คนรู้ทันโดยไม่คิดจะบอกความจริง “จ้างให้ก็ไม่บอก”
“จำปูนรู้ปัญหาเธอไหม”
“ยังไม่รู้” แต่ในเร็ววันนี้เธอต้องดึงธรณิศมาร่วมเสวนาปัญหาที่เธอรู้มาด้วยแน่
“จะบอกจำปูนใช่ไหม”
“จะเป็นไปได้ยังไง พลู นาย แล้วก็จำปูนเคยมีความลับต่อกันที่ไหน” หญิงสาวผายมือ ทำเสียงดังกับคำโกหกคำโตที่สร้างขึ้น...เรื่องบางอย่างก็ไม่ใช่เวลาที่ควรรู้แบบปุบปับทันด่วนนักหรอก
“เคยมีคนบอกใบพลูไหม ว่าเวลาโกหกแล้วชอบทำเสียงดัง”
เฌอพลูปิดปากฉับ ถลึงตามองคนฉลาดก่อนจะสะบัดหน้าหนี ถ้าคันธพฤกษ์เขาอยากรู้ก็ต้องไปสืบหาเอาเอง คนมีเรื่องปิดบังมองท่าทางไม่แยแส และเลิกสนใจในตัวเธอของคันธพฤกษ์อย่างน้อยใจ ได้แต่วิ่งตามให้ทันก้าวยาวๆ ของเขา คล้องแขนอบอุ่นที่ไม่ว่าเวลาไหนเธอจะใช้ไม้นี้เพื่ออ้อนเขาตลอด
“โกรธพลูเหรอ เอางี้ วันนี้จะบริการเสริมหล่อให้ฟรีๆ เลย”
“หล่ออยู่แล้ว” คนพูดบอกปัดเสียงเรียบ
“หล่อกว่านี้ไง” เฌอพลูพยายามซ่อนสีหน้าปูเลี่ยนของมนุษย์หลงตัวเอง
“ไม่ต้องการ”
ช่างผมสาวเบ้ปาก ส่งเสียงฮึดฮัด พอเธอจะเริ่มโกรธขึ้นมาบ้าง ถอนมือออกจากการคล้องแขน คันธพฤกษ์กลับล็อกแขนของเธอไว้เสียเอง
“วันนี้ห้ามกินอาหารแช่แข็ง”
“ตอนนี้สามทุ่มแล้วนะ” คนมีอาหารแช่เข็งติดตู้ไว้แน่นประทังท้องยามหิวส่งเสียงประท้วงอ่อย แต่พอเห็นสายตาดุก้มมองมาจึงรีบพยักหน้ารับ “ไม่กินก็ได้”
“เดี๋ยวทำให้กิน”
เฌอพลูแหงนหน้ามองคันธพฤกษ์ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ กระแทกไหล่หนาเอ่ยกระเซ้า “น่ารักเหมือนกันนะเรา”
“แฟนพลูไม่มาดูแลบ้างหรือไง แฟนกลับบ้านดึกดื่น เขาโทรหาบ้างไหม”
เรื่องถูกโยงเข้าหา ‘เมษา’ หน้าคนฟังกลับหงอยลงทันตา หญิงสาวเกี่ยวแขนหนาของเพื่อนรักแน่นขึ้น เธออยากถ่ายทอดความรู้สึกหงอยๆ เหงาๆ ของตัวเองให้คันธพฤกษ์รับรู้บ้าง
“วันนี้เขายังไม่โทรมาเลย เดี๋ยวนี้พลูก็ชักจะชินแล้วล่ะ รู้ตัวว่าคงหมดช่วงโปรโมชั่น คบกันมาสามปี จะให้เขาดีเหมือนสมัยแรกคบมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
เมษา คือแฟนที่เธอคบหามานานถึงสามปี ชายรุ่นพี่ที่ตามตื๊อเธอนานกว่าสามปี หนึ่งในลูกค้าของร้าน Long Hair บุคลิกดูดี พยายาม อดทนของเมษาทำให้เธอค่อยๆ คุ้นชิน และยอมรับเขาได้ในที่สุด การมีใครสักคนมามอบดอกไม้ ส่งของขวัญในวันครบรอบที่คิดขึ้นมาแปลกๆ หรือการพาไปดินเนอร์อร่อยๆ ในวันหยุด คือความรู้สึกหวานล้ำที่เธอสัมผัสได้ในอดีต จนถึงวันนี้หลายๆ สิ่งจืดจางลง แค่โทรศัพท์เขายังเลิกใส่ใจจะโทรหาความเป็นไปของเธอ
ศีรษะนุ่มเอนพิงไหล่ที่เธอใช้พักเวลาเหนื่อยล้าเป็นประจำพลางทอดถอนใจ “บอกว่าเลิก พลูอาจจะสบายใจกว่านี้”
“ไม่จริงหรอก...พลูไม่มีทางทำใจง่ายอย่างปากว่าแน่”
คนถูกรู้ทันทำเสียงชิเบาๆ จะกี่ครั้งคันธพฤกษ์ก็ยังรู้จักเธอดีกว่าตัวเธอเองเสมอ น่าแปลกที่กับเธอเขาเป็นกูรูรู้ทุกเรื่องได้ แต่กับแฟนของตัวเองที่แอบมีกิ๊กลับหลัง เขากลับไม่ระแคะระคาย ไม่รับรู้ หรือที่จริงเขารู้ แต่แกล้งแสดงความเข้มแข็งออกมา
“วันนี้มุกไม่มาหาหมากเหรอ” หญิงสาวหยั่งเชิงถาม ทั้งที่เมื่อวานนี้เธอเพิ่งเห็นแฟนของเขาเดินเกี่ยวแขนกับชาวบ้านผ่านหน้าร้านไป
“มาหาแล้วตอนเช้า”
“อ้อ”
หัวคิ้วของเฌอพลูขมวดเป็นปมแน่น เธอมองตัวเองที่คล้องแขนกับคันธพฤกษ์ พยายามนึกไปในทางที่บวก...บางที มุกลินกับผู้ชายคนนั้นอาจเป็นเหมือนเธอและคันธพฤกษ์ เพื่อนรักที่สนิทกันมากๆ แต่ถึงพยายามคิดไปในทางบวก สมองของเธอก็กระหวัดไปทางลบได้อยู่ดี เธอล่ะลังเล กลัวที่จะบอกสิ่งที่พบเห็นให้คันธพฤกษ์รู้ ผู้ชายอ่อนโยน จิตใจดีงามอย่างเขาจะรับผลกระทบของความรักได้มากน้อยแค่ไหน เธอไม่เคยเห็นเขาอกหักมาก่อนด้วยนี่สิ คงดูไม่จืด
“ใบพลูเน่า” น้ำเสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นตรงทางเลี้ยวเข้าลิฟต์เพื่อไปยังที่จอดรถ ศูนย์สรรพสินค้าใหญ่โตแห่งนี้มีทั้งสถานที่เรียนพิเศษที่คันธพฤกษ์เปิดสอนวิชาคณิตศาสตร์ และยังมีร้าน Long Hair ที่เธอต้องมาทำงาน ไม่แปลกที่ทุกเช้า และทุกค่ำเธอจะออกจากบ้าน และกลับพร้อมคันธพฤกษ์เสมอ ตรงข้ามกับหนุ่มเพลย์บอยเพื่อนข้างบ้านอีกคนของเธอ เป็นถึงทายาทโรงพยาบาลใหญ่แต่กลับใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย เวลาเธอตื่น คุณชายธรณิศก็อาจจะนอนหลับอุตุอยู่
หุ่นที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กับผิวสีแทนเดินเข้ามาคล้องคอหญิงสาวที่เขาเรียกชื่อ มือหนึ่งควงกุญแจรถในมือไปมา “กลับบ้านกัน”
“ช้าไปย่ะ วันนี้พลูจะกลับกับหมาก”
“หมอนี่มันคิดไม่ซื่อกับเธอนะ...โอ๊ย!” คนโอบไหล่บางเล็กร้องลั่นเพราะถูกบิดเนื้อตรงเอวอย่างแรง
เฌอพลูหัวเราะสะใจ “หยุดพูดเรื่องน่าสะอิดสะเอียนนั้นเลยนะ จะมาคิดไม่ซื่ออะไร แต่ละคนก็มีแฟนกันเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แค่คิดว่าพวกเราคนใดคนหนึ่งคบกันเป็นแฟนก็ขนคอลุกแล้ว” หญิงสาวย่นคอประกอบคำพูด
“เธอคิดภาพฉันกับเธอ หรือเธอกับนายหมากก็ได้ไม่เป็นปัญหาหรอก อย่ามาคิดภาพฉันกับนายหมาก ฉันจะอ้วก” ธรณิศเบะปากไม่พอใจ
คนกลางเกี่ยวแขนเพื่อนรักไว้คนละข้าง หัวเราะสะใจที่คนเริ่มเรื่องมีสีหน้าปูเลี่ยน ส่วนคนถูกพูดถึงก็ยิ้มมุมปาก สีหน้าเย็นชา คันธพฤกษ์ไม่ชินกับการแซวขำๆ ของธรณิศสักที จะว่าไป สองหนุ่มถึงจะเป็นเพื่อนรักเธอ แต่ทั้งสองกลับไม่ได้เป็นเพื่อนรักกัน หลายครั้งลับหลังเธอทั้งคู่มักจะสร้างเรื่องมากัดแขวะ เหน็บแนม ตามที่คนละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงรายงานให้รู้
“กลับบ้านกันเถอะ”
“กลับกับฉัน” ธรณิศพยายามดึงร่างบางที่เกี่ยวแขนกับคันธพฤกษ์ด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ปล่อยให้เฌอพลูมาอยู่ในมือเขาง่ายๆ จนหน้าคนถูกทิ้งเก้อ
“ยังไงก็เจอกันที่บ้านเหมือนกัน” คันธพฤกษ์เข้าไปในลิฟต์ทำหน้าหน่ายใส่ธรณิศที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต เอาชนะเขานิดๆ หน่อยๆ ก็ถือเป็นความสุขของเจ้าเด็กนี่แล้ว
“เห็นไหมว่าหมอนั่นมันไม่ใส่ใจเพื่อนรักอย่างเธอเลย”
“หมากกลัวพลูเจ็บต่างหาก นายต่างหากที่กระชากเราซะแขนแดงเลย ไม่ใส่ใจว่าเราจะเจ็บไหม”
“อ้าว” ธรณิศเหวอ หันหน้าไปมองคนในลิฟต์ที่ไม่รอพวกเขาทันได้เห็นใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหนามีรอยยิ้มของผู้ชนะประดับอยู่...หมอนี่มันร้ายกาจ!
ชายวัยกลางคนท่อนบนมีเสื้อกล้ามสีขาว ท่อนล่างพันเอวด้วยผ้าขาวม้ามือจับสายยางพ่นน้ำเป็นละอองฝอยใส่บรรดาต้นไม้ในบ้านอย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะต้นมะยมต้นใหญ่ที่กำลังออกลูกดกอยู่ริมรั้ว หรือริมบ่อดินเลี้ยงปลาที่มีต้นมะม่วงเขียวเสวยต้นใหญ่แผ่กิ่งก้าน สายตาของบุรีคอยเหลือบมองแสงไฟในบ้านข้างเคียงสลับกับประตูหน้าบ้านที่ยังไม่มีรถคันใดแล่นผ่าน
“ชะเง้อคอยาวแล้วพ่อ” สตรีร่างอวบ ผิวหน้าอิ่มเอิบนั่งอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านปูนสองชั้น ภายใต้แสงไฟสว่าง บนมือของข้าวหอมมีหนังสือนวนิยายอยู่ในมือ
“ลูกยังไม่กลับ พ่อก็ต้องห่วงสิ มีรถก็ไม่รู้จักใช้ขับ มัวแต่ออกไปพร้อมคนอื่น รบกวนเขาอยู่ได้”
“คนอื่นที่ไหนกันพ่อ ตาหมากก็คนกันเอง เห็นกันมาแต่เกิด คนนี้แม่ไว้ใจ วางใจได้เต็มที่ อีกอย่างใบพลูเองก็บอกว่าทางเดียวกัน ที่เดียวกัน ไปด้วยกันประหยัดน้ำมันไปได้ตั้งเยอะ”
เหตุผลมากมายที่ฟังมากกว่าห้าครั้งถูกอธิบายซ้ำด้วยใบหน้าประดับยิ้มของภรรยา ก่อนที่เสียงรถจะเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้าน รถสองประตูสีบลอนด์ดับเครื่องหน้าบ้านเขา บุรีเก็บสายยาง ปิดก๊อกน้ำ แล้วรีบไปหน้าประตูรอลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนลงมา แต่คนที่ลงกลับเป็นเจ้าหนุ่มข้างบ้าน ‘ลูกรัก’ ของภรรยาเขาเพียงคนเดียว
“สวัสดีครับอาบุรี”
บุรีรับไหว้แกนๆ “ใบพลูล่ะ”
“กำลังมากับจำปูนครับ”
“จำปูนเหรอ” บุรีทวนคำหน้าเบิกบานขึ้นทันตา เขาถูกชะตากับลูกชายเพื่อนรักของตัวเอง มากกว่าหลานของเพื่อนรักมารดาเขาลิบลับ ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกมารดาจับคู่กับแม่ของคันธพฤกษ์ หญิงงามประจำตำบลคนนั้นคล้ายนางในฝันที่เขาละเมอถึงตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม และเขาก็ละเมอยาวไปถึงวันแต่งงาน วันนั้นเขากลับได้รับรู้ว่าเจ้าสาวผู้อ่อนหวานน่ารักของเขาเก็บข้าวของ ปีนหน้าต่างหนีไปในคืนก่อนวันงานกับชายอื่น! ทุกวันนี้ถึงเขาจะมีความสุขดีกับชีวิตคู่กับภรรยาที่เขาพบหลังจากนั้น แต่เมื่อใดที่ได้เห็นใบหน้าของคันธพฤกษ์เขาจะรู้สึกว่าครั้งหนึ่งเขาเคย ‘โง่มาก’ มาก่อน
ถึงแม้ลูกชายเพื่อนของเขาจะทำงานไม่ได้เรื่อง รักเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ มีข่าวกับสาวบ้าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวเขา ธรณิศจะเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่งทีเดียว
“มีอะไรอีกล่ะ ไม่เข้าบ้านตัวเองไป” บุรีเมินรอยยิ้มเป็นมิตรของอีกฝ่าย
“ผมบอกจะทำอาหารให้ใบพลูทานครับ”
“ทำทำไม เมียฉันเขาก็เป็นแม่ครัว ลูกฉันหิว ก็ให้แม่เขาทำให้”
“แม่เหนื่อย วันนี้คงทำข้าวให้ใบพลูไม่ไหวแล้ว แม่ฝากด้วยนะหมาก นอกจากรสมือแม่ ก็มีแค่หมากที่รู้ว่าใบพลูชอบทานอาหารอะไร” ข้าวหอมเป็นกองหนุนให้หนึ่งหนุ่มหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเห็นใจ ลูกสาวของเธอไม่ได้สืบทอดเสน่ห์ปลายจวักใดๆ จากเธอไปเลย ในขณะที่คันธพฤกษ์ทำเป็นทุกอย่าง เรียนรู้การทำอาหารในครัวได้รวดเร็ว และไม่เกี่ยงที่เธอเคยสอนเรื่องการแกะสลักผลไม้ หรือร้อยพวงมาลัย นี่สิถึงเป็นลูกศิษย์คนโปรดของเธอ
บุรีหายใจฟืดฟาดไม่พอใจคันธพฤกษ์ยิ่งขึ้น แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อภรรยาที่รักมายืนข่มขู่ห้ามเขากินหัวเจ้าเด็กข้างบ้านอยู่ด้านหลัง กอปรกับเสียงรถสี่ประตูเคลื่อนมาจอดชิดรั้วบ้านเขาอีกคัน ร่างของลูกสาวที่เขาเฝ้ารอเดินลงมาจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จงใจหลบตาคันธพฤกษ์
“หมาก พลูไม่หิวแล้ว วันนี้ไม่กวนหมากแล้วนะ” บอกปัดอาหารมื้อดึก รีบซอยเท้าตรงเข้าบ้านไป
“เยี่ยม!” บุรีหน้าบาน หัวเราะสะใจในลำคอ ดุนเอวภรรยาที่กำลังอ้าปากเตรียมเอ่ยปากปลอบใจหนุ่มข้างบ้านให้เข้าบ้านโดยเร็ว
ธรณิศบีบแตรรถทีหนึ่ง เรียกความสนใจจากคันธพฤกษ์ พูดลอยๆ ให้เพื่อนรักอีกคนของเฌอพลูได้ยินก่อนขับรถเลยเข้าบ้านตัวเองไป
“เรื่องของใบพลูที่นายไม่รู้...ฉันรู้แล้วล่ะ”
...............................................................
หายไปพักหนึ่ง หิ้วเรื่องใหม่มาฝากแล้วค่า ฮิ้ววว เรื่องนี้จะไม่เร่งเขียนนะคะ ช่วงนี้งานหลวงก็รัดตัว ฮา จะพยายามเขียนให้ได้อาทิตย์ละหนึ่งตอน อ่านแล้วรู้สึกยังไงบอกกันได้นะคะ ขอบคุณค่า ^^
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มิ.ย. 2558, 00:34:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มิ.ย. 2558, 10:12:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 1194
บทที่ 2 : แผ่วเบาเพียงลมปาก...หนักแน่นดังขุนเขา >> |
konhin 2 มิ.ย. 2558, 01:47:52 น.
ลงชื่อก่อน
ลงชื่อก่อน
ปวรา 2 มิ.ย. 2558, 17:39:38 น.
@konhin ดีใจที่ยังไม่ลืมกันค่า อ่านให้สนุกนะคะ ^_^
@konhin ดีใจที่ยังไม่ลืมกันค่า อ่านให้สนุกนะคะ ^_^
นักอ่านเหนียวหนึบ 3 มิ.ย. 2558, 02:00:09 น.
หมั่นไส้อิจำปูน!!!!!
หมั่นไส้อิจำปูน!!!!!