(เพื่อน)รัก...สนิทใจ
ใบพลู หมาก และจำปูน สามเพื่อนรักที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กันตั้งแต่เกิด
ผู้ใหญ่พยายามจับคู่พวกเขาแต่เล็ก วาดหวังว่าจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
แต่จะเป็นอย่างนั้นได้จริงเหรอ พวกเขาเป็นเพื่อน
เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นก็คลื่นเหียนจนอยากจะอาเจียนแล้ว
ยังไม่ต้องนึกเลยว่าแต่ละคนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมด!
"กอดคอเป็นเพื่อนรัก...หักใจไม่ให้รัก"
Tags: ใบพลู หมาก จำปูน เพื่อนรัก

ตอน: บทที่ 2 : แผ่วเบาเพียงลมปาก...หนักแน่นดังขุนเขา

บทที่ 2

นอนไม่หลับ...ร่างเพรียวพลิกตัวไปมาบนที่นอนเป็นรอบที่เท่าไหร่เธอก็ขี้เกียจนับ ความเงียบ และอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศมีแต่ทำให้ร่างของเธอตื่นตัว และมีสติเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เฌอพลูลุกขึ้นนั่ง เลิกผ้าห่มไปกองไว้ที่ขา สายตาพยายามปรับมองความมืดของห้องไปยังหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลข้างฝาที่แสดงเลขเป็นเวลาตีหนึ่งด้วยดวงตายิบหยี

หญิงสาวเอื้อมมือกดโคมไฟรูปแอปเปิลบนหัวเตียงให้สว่างไสวในวงแคบ หน้าจอโทรศัพท์ที่เสียบสายชาร์จไว้อยู่มีแต่ความว่างเปล่า คนเฝ้ารอสายจากคนสำคัญถอนหายใจเบาๆ เมื่อคืนวานเธอนอนไม่หลับด้วยเรื่องของคันธพฤกษ์ แต่สำหรับคืนนี้นั้น เธอกลับนอนไม่หลับด้วยเรื่องของตัวเอง

‘ฉันไม่อยากให้เธอโง่อีก พลู...พี่เมษของเธอกำลังนอกใจ หมอนั่นกำลังควงดาราดัง ฉันไปเจอเขาเมื่อคืนนี้ แอบได้ยินบทสนทนาเขากับกลุ่มเพื่อนเข้าพอดี โชคดีนะที่พี่เมษของพลูไม่ทันเห็นฉัน’

ธรณิศไม่มีวันโกหก ถึงแม้อีกฝ่ายจะดูเป็นผู้ชายแบดบอย แย่ สำมะเลเทเมาในสายตาของใครต่อใคร แต่เมื่อพูดถึงสถานะของเพื่อน เขากลับไม่เคยโกหกเธอเลยสักครั้ง ตรงกันข้าม ธรณิศคือผู้ชายที่เก็บความลับไว้ไม่อยู่ เรื่องอะไรที่เธอควรรู้เขาก็จะนำมาเล่าต่อโดยไม่ปิดบัง แม้ว่าเรื่องนั้นจะทำให้เธอคลางแคลงใจจนนอนไม่หลับ แต่เฌอพลูกลับไม่โกรธเพื่อนเลยแม้แต่น้อย

มือขาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปุ่มให้หน้าจอสว่างวาบขึ้นมา รู้สึกว่าความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์โดยปราศจากสายที่ไม่ได้รับนี้ คือสิ่งที่เธอเฝ้ารอตลอดทั้งคืนอย่างนั้นเหรอ

ในชั่วขณะที่เฌอพลูกำลังตัดสินใจว่าจะโทรไปหาเมษาก่อนดีหรือไม่ คนที่เธอรอตลอดทั้งคืนก็โทรเข้ามาหาเสียก่อน หัวใจร้อนรนคล้ายมีสุมอยู่ในอกถูกพัดโหมกระพือให้แรงขึ้น เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะรับมือกับคำพูดของเมษาอย่างไรดี

“พี่เมษ” เสียงหวานกรอกหลังกดรับไป

“ยังไม่นอนอีกเหรอคะน้องพลู”

น้ำเสียงนุ่มนวล หวานหูทำให้คนฟังเจ็บแปลบๆ นึกจินตนาการว่าเขาใช้น้ำเสียงนี้กับใครอื่นมากน้อยเท่าไหร่ “พลูกำลังติดซีรี่ส์เกาหลีค่ะ” เธอปดออกไปโดยไม่รู้สึกผิด

เมษาหัวเราะตอบกลับมา “ช่วงนี้เราไม่ค่อยเจอกันเลยนะคะ”

“พลูเข้าใจค่ะ ว่าพี่เมษกำลังยุ่งๆ กับงาน” อีกครั้งที่เฌอพลูต้องเตือนให้ตัวเองใจกว้างยิ่งกว่ามหาสมุทร ตราบเท่าที่เธอยังจับความจริงของเมษาไม่ได้กับตาตัวเอง เธอจะยังถือว่าเมษายังไม่ได้ทำอะไรผิด

“เพราะอย่างนี้พี่ถึงรักน้องพลูไงคะ”

รัก...อย่างนั้นเหรอ แม้อยากเชื่อ แต่ใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความระแวง “เหมือนกันค่ะ”

“วันหยุดนี้ น้องพลูว่างใช่ไหมคะ”

“ค่ะ” ยังดีที่เมษายังจำได้ว่าวันอาทิตย์คือวันหยุดของเธอ

“พี่จะพาคนไปให้น้องพลูรู้จัก”

“ค่ะ”

“วันนี้น้องพลูพูดน้อยจัง”

คนฟังกะพริบตาปริบๆ เพิ่งรู้ตัวว่าเธอกำลังแสดงอาการมีพิรุธออกไป ได้แต่ปลอบใจให้ตัวเองคิดบวกมากขึ้น อย่างน้อยในตอนนี้เมษาก็ไม่ได้ลืมเธอ ทั้งยังโทรเข้ามาหากัน ถึงจะเป็นเวลาตีหนึ่ง และเขานึกถึงเธอในเวลาที่ชาวบ้านชาวช่องนอนกันหมดแล้ว

“พลูเริ่มง่วงแล้วค่ะ”

“ขอโทษทีค่ะที่พี่โทรมาดึกดื่น น้องพลูนอนเถอะค่ะ”

“ฝันดีนะคะ”

“...” ความเงียบของปลายสายทำให้เฌอพลูรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ที่จริงการโทรมาหาของเมษาออกจะผิดปกติจริงๆ เขาไม่เคยโทรหาเธอดึกดื่นรบกวนเวลาหลับนอนของเธอมาก่อน

“พี่เมษคะ?”

“น้องพลู...ไม่ว่าน้องพลูจะได้ยินอะไร เห็นอะไร น้องพลูอย่าหวั่นไหว เชื่อใจพี่ไว้นะคะ หัวใจของพี่มีแต่น้องพลูจริงๆ”

“พี่เมษคงไม่ได้มีคนอื่นใช่ไหมคะ” ลางสังหรณ์ของเธอยิ่งทำงานชัดเจนมากขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งกำลังอ้อนวอนขอความไว้ใจ...หมายความได้อย่างเดียว คือการกระทำของเขาไม่เหมือนเดิม

“ไม่ใช่นะคะ อย่าได้คิดอย่างนั้นเชียว พี่แค่ทำงาน” น้ำเสียงของเมษาดุเธอกรายๆ

แม้เมษาจะเป็นดาราบทรอง ไม่ได้ดังมากมาย แต่ก็ไม่เคยหลุดไปจากบทหลัก บทเด่น เป็นพระรองบ้าง เพื่อนพระเอกบ้าง ความฝันของคนรักเธอคือการสวมบทบาทหลายๆ บทบาท เป็นนักแสดงที่ดีและเก่ง แม้เขาจะได้บทรองมาเสมอ เธอกลับไม่ได้ยินเขาบ่นน้อยใจ ตรงกันข้ามทุกครั้งที่เมษาเล่าถึงการงานเขา ประกายตาของคนรักจะมีประกายภูมิใจเสมอ...เขารักงานของเขามาก

“ข่าวซุบซิบที่ออกมาช่วงนี้ น้องพลูอย่าไปเชื่อเด็ดขาดนะคะ”

“ค่ะ” ไม่ต้องรอข่าวซุบซิบ เพื่อนรักของเธอก็มาบอกให้รู้ถึงที่

“พี่รักน้องพลูนะคะ” เมษาวางสายไปด้วยคำพูดแสนหวานเจี๊ยบ เฌอพลูวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ในใจอุ่นซ่านกับคำบอกรักเขา แต่อีกครึ่งคล้ายชาชิน บางครั้งเธอก็รู้สึกอยากถอยเท้าออกมาจากความสัมพันธ์เดี๋ยวห่าง เดี๋ยวใกล้นี้ แต่หัวใจของเธอกลับสั่งให้ตัวเธออดทน ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์ที่เธอต้องเผชิญจะเป็นความเสียใจ เธอกลัวความจริงที่ต้องเลิกรากัน

ตอนนี้แค่รู้ว่าเมษายัง ‘รัก’ เธอก็ยังเชื่อใจเขาได้ โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เธอเองก็เป็นเพียงคนโง่คนหนึ่ง ที่แม้ความรักแรกเริ่มจะไม่ได้เริ่มจากทั้งใจ แต่วันนี้ ความรักของเธอเติบโตขึ้นจนเต็มหัวใจ ตรงข้ามกับเขาที่เธอหวั่นว่าอีกไม่นานคง...หมดใจลง

เฌอพลูลงจากที่นอน เพราะเห็นว่าไร้ประโยชน์ในการพลิกตัวไปมาเพื่อข่มตาให้หลับ เดินออกมาตรงระเบียงบ้านที่ห้องของเธอหันตรงกับทิศของบ้านคันธพฤกษ์ หญิงสาวเกาะราวระเบียงแหงนหน้ามองฟ้านิ่งๆ ไม่รู้ทำอย่างไรให้ตัวเองข่มตานอนได้

กระดิ่งเล็กห้อยเชือกข้างหูดังขึ้น เฌอพลูตื่นจากภวังค์ เธอมองสายเชือกป่านที่คล้องข้ามระหว่างห้องของคันธพฤกษ์มายังห้องเธอพลางเลิกคิ้ว ถังคล้องหูกับเชือกป่านกำลังถูกชักมาหาเธอช้าๆ คนนอนไม่หลับกอดอกมองผู้ชายตัวโตที่ห่างออกไปสิบเมตรชักเชือกส่งถังมาให้เธอจนสำเร็จ

ตอนที่เธอหยิบกระดาษขึ้นมาแกะอ่าน สมองของเธอก็นึกถึงที่มาของเครื่องสื่อสารโบราณข้ามบ้านนี้อย่างขำขัน นับสิบปีแล้วที่เจ้า’กระป๋องถามไถ่’ นี้ถูกสร้างขึ้นมา และเป็นคันธพฤกษ์ที่คอยดูแลเปลี่ยนเชือกป่านไม่ให้มันเก่าจนใช้งานไม่ได้เสมอ สามปีที่เธอเกือบลืมไปว่าเคยมีเจ้านี่อยู่ในบ้าน เป็นเวลาค่ำคืนเท่านั้นที่คันธพฤกษ์จะใช้สิ่งประดิษฐ์นี้ ครั้งล่าสุดที่เธอนอนไม่หลับคือตอนที่เธอกำลังลังเลว่าจะให้เมษาก้าวเข้ามาอีกก้าวในชีวิตของเธอดีหรือไม่ และคำตอบของคันธพฤกษ์ในตอนนั้นก็คือ

‘ถ้าคิดปฏิเสธไป จะมานอนไม่หลับอย่างนี้เหรอ ที่จริงพลูมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่พลูแค่กลัวการเปลี่ยนแปลง’

เพราะคำแนะนำของคันธพฤกษ์ทำให้เธอยอมเก็บความหวาดหวั่นในใจของตัวเองลง แล้วให้มือที่ว่างของเธอมีมือของเมษากอบกุมไว้ ในวันนี้ที่เธอมีปัญหาอีกครั้ง เธอควรบอกไหมว่าเธอกำลังกลัวเช่นวันนั้นในอดีต ‘กลัวการเปลี่ยนแปลง’

‘เป็นอะไรใบพลู’ คำถามของคันธพฤกษ์คล้ายกับที่เขาถามเธอในร้านเมื่อตอนค่ำ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองหน้าผู้ส่งข้อความห่วงใยมาให้ด้วยความตื้นตัน ไม่ว่าวันนี้เธอจะอยู่ในจุดไหน และเป็นอะไร แต่คันธพฤกษ์ก็ยังอยู่ในจุดเดิมที่พร้อมอ้าแขนรับฟังปัญหา พร้อมปลอบโยนเธอเสมอ แม้จะห่างกันไกลถึงสิบเมตรจนมองหน้าของเขาในความมืดได้ไม่ชัดเจน แต่เธอรับรู้ทุกความรู้สึกของเขาได้

โชคดีจริงๆ ที่ในชีวิตนี้เธอมีเพื่อนรักดีๆ เฌอพลูหยิบดินสอมาขีดเขียนลงบนกระดาษใบเดิม พอเธอหย่อนลงไปในถังทรงกลมใบย่อมเสร็จ คนอีกฝั่งก็ชักเชือกกลับ และรับกระดาษนั้นไปอ่าน

‘เรื่องเดิมๆ ฉันกำลังไม่ไว้ใจพี่เมษ’

กระดาษ และถังใบเดิมถูกชักกลับมา เฌอพลูกึ่งยิ้มกึ่งบึ้งกับการละเล่นของเธอกับเขา และเมื่อเธอหยิบกระดาษมาอ่าน ประกายตาไม่มั่นใจของเธอจึงแปรเปลี่ยนไป เหลือเพียงรอยยิ้มที่ติดค้างอยู่บนริมฝีปาก

‘ความเชื่อใจเบาบางแค่ลมปาก แต่ความหมายของคำกลับหนักแน่นยิ่งกว่าขุนเขา...จริงไหม’

เฌอพลูชูกระดาษโบกไปมา พยักหน้าให้กับคันธพฤกษ์ได้รับรู้ว่าเธอกำลังเรียกหาความหนักแน่นที่เธอทำหล่นหายกลับมา และจะไม่หวั่นไหวไปล่วงหน้าอีก อย่างที่เพื่อนรักของเธอซุกซ่อนความหมายไว้ในข้อความนี้

‘เมื่อเชื่อใจใครสักคนไปแล้ว ก็จงเชื่อใจเขาไปให้ถึงที่สุด’

คำว่า ‘รัก’ ของคนรักเธอก็คงไม่เบาบางเพียงแค่ลมปากเช่นกัน

บางทีเธอก็แอบคิดว่าคันธพฤกษ์รู้จักและเข้าใจเธอดีเสียยิ่งกว่าตัวเธอเอง



คันธพฤกษ์วิ่งจ็อกกิ้งยามเช้ากับเฌอพลูหลังจากทั้งสองบ้านออกมาตักบาตรกันตั้งแต่หกโมงครึ่งของทุกวันเรียบร้อย ชายหนุ่มวิ่งนำหน้าร่างของเฌอพลูที่พยายามวิ่งไล่กวดเขาให้ทันสุดความเร็วที่ขาเพรียวเล็กของตัวเองจะทำได้

“วิ่งไปไล่หมาไล่แมวไล่ควายในทุ่งหรือไงสองคน” ธรณิศอ้าปากหาวกว้างๆ หลังจากเพิ่งจอดรถในบ้าน และออกมาร่วมวิ่งออกกำลังกายด้วยอีกคน ในสภาพกระดุมติดผิดเม็ด คอเสื้อยังมีรอยลิปสติกไม่คิดสนใจสายตาของคนบ้านอื่นที่แอบวิจารณ์ความเหลวแหลกของเขากันสนุกปาก

“วิ่งให้หมาถามนี่ไง” เฌอพลูหันไปแลบลิ้นใส่เพื่อนรักที่ตามหลังอย่างหมั่นไส้ เมื่อคืนนี้เพราะปากของธรณิศทำให้เธอเกือบขอบตาดำเป็นวันที่สอง

“แรงนะครับคุณใบพลูเน่า” ธรณิศลอยหน้าลอยตาจนวิ่งตีคู่กับเฌอพลูได้สำเร็จ ยกมือยีหัวเพื่อนที่รวบตึงเปรี๊ยะให้ยุ่งเล่นๆ ก่อนจะหัวเราะก้อง “นึกว่าจะนอนไม่หลับจนตาเป็นแพนดา”

“พลูมีกูรูที่ดีหรอกย่ะ เนอะ...หมาก”

คันธพฤกษ์ลดความเร็ว จนสองคนด้านหลังตีคู่เขาได้ทัน หันมายิ้มรับอย่างสงบเสงี่ยมให้กับคำว่า ‘กูรูที่ดี’ แต่พอเฌอพลูหันตรงไปข้างหน้าเลิกใส่ใจเขา หัวคิ้วตรงเรียบของเขาก็แอบยักขึ้นใส่ธรณิศด้วยท่าทีเยาะเย้ย

“ไอ้...”

“อะแฮ่ม สัญญาแล้วว่าจะไม่ทะเลาะกันต่อหน้าพลูไง” เฌอพลูหันไปถลึงตาใส่เพื่อนปากไวของเธอที่กำลังสบถคำหยาบออกมาให้เธอระคายหู ตรงข้ามกับคันธพฤกษ์ที่หันมายิ้มให้เธออย่างไร้พิษภัยใดๆ “หัดทำตัวดีๆ อย่างที่หมากเขาทำบ้างสิ” จนเธอต้องหันไปคาดโทษกับเพื่อนนักเที่ยวอีกรอบ

ธรณิศกัดฟันกรอด จ้องคันธพฤกษ์อย่างเข่นเขี้ยว มีหลายพฤติกรรมของเพื่อนรักอีกคนของเฌอพลูที่อีกฝ่ายไม่เคยล่วงรู้ แต่ต่อให้เขาแฉออกมาจนหมดเปลือกเห็นทีว่าจะไร้ประโยชน์ ภาพพ่อพระ ดูดี ยิ้มอย่างคนดีเลิศนี้เป็นภาพลักษณ์เกาะแน่นหนึบในใจเฌอพลูไปแล้ว เขาพูดไปก็ดูจะมีแต่ใส่ร้าย และทำให้ตัวเองดูแย่ขึ้นไปเปล่าๆ

“เห็นฉันนิสัยอย่างนี้ แต่ฉันจริงใจ ไม่เคยโกหกนะ”

เฌอพลูหยุดวิ่ง หลังวิ่งรอบหมู่บ้านไปสองรอบจนถึงหน้าบ้านของตัวเอง ยกผ้าขนหนูที่พาดอยู่ตรงคอซับเหงื่อบนหน้าผาก ถามอย่างไม่เข้าใจ “แล้วใครที่โกหก”

“ก็...” ธรณิศอ้าปากพะงาบๆ แล้วหุบฉับอย่างจนใจ ได้แต่ส่งประกายลูกไฟในดวงตาไปยังคันธพฤกษ์ เฮ้อ เห็นหน้ากันมาแต่เกิดแต่เขากลับไม่ถูกชะตาหมอนี่เท่าไหร่ เขาว่าอะไรหมอนี่ไปเฌอพลูก็มักจะกางปีกปกป้องเสมอ ต่างจากเขามีแต่ถูกกระทำซ้ำเติม เฮอะ!

“พูดแล้วก็พูดไม่ให้จบ นี่คงจะคิดว่าอะไรหมากอีกแน่ๆ ไม่ไหวเลยนะจำปูน”

“นั่นปะไร อยากซื้อหวยให้แม่นอย่างที่นึกไว้เลยโว้ย” ธรณิศเบะปาก ได้แต่ปล่อยให้เฌอพลูเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมออกไปทำงาน...พร้อมไอ้คันธพฤกษ์

“ไม่พูดต่อให้จบล่ะ” คันธพฤกษ์เท้าสะเอว เลิกคิ้วถามเสียงเรียบ บนหน้าไร้แววหวาดหวั่นใดๆ

“สักวันความรู้สึกของนายจะปิดไม่มิด ฉันรู้ว่านายคิดอะไรกับพลู แล้วถ้าพลูรู้ขึ้นมาเมื่อไหร่ พลูได้ตัดนายจากความเป็นเพื่อนแน่” ธรณิศกระซิบขู่เสียงห้วน เขาเองก็ไม่กล้าเปิดปากโพล่งเสียงดังเพราะ...

“นายกับฉันก็คิดกับใบพลูไม่ต่างกันไม่ใช่เหรอ” คันธพฤกษ์หรี่ตาคมภายใต้กรอบแว่นกดศีรษะมองธรณิศอย่างไม่พอใจ “อย่าได้เอาเรื่องของเมษามาพูดให้ใบพลูไม่สบายใจอีก”

“ฉันพูดความจริง”

คันธพฤกษ์ยืดกายตรง สีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก “มันเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ว่าฉันกับนายเป็นเพื่อนรักของใบพลูยังไง ก็ยังถือว่าเป็นคนนอกในเรื่องนี้ ผลสุดท้ายเรื่องนี้จะจบแบบไหน ใบพลูเขาก็เลือกความรักนี้เองตั้งแต่สามปีก่อน” เขาบอกเสียงเย็นทิ้งท้าย

“มันเพราะแกชี้โพรงให้พลูเมื่อสามปีก่อนต่างหาก” ธรณิศกระทืบเท้าอย่างขัดใจ เมื่อผู้ฟังไม่สนใจจะฟังคำเขาอีก ได้แต่โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเป็นเด็กๆ จนถึงวันนี้เฌอพลูก็ยังเยินยอ และยกความดีให้กับกามเทพหมากที่เคยให้ความเห็น และทางสว่างในความรักครั้งนี้

คนบ้าอะไรวะ รักเขา แต่ยินดีที่เขามีความสุขกับคนอื่น หรือที่จริงภาพยินดีเป็นพ่อพระนี่มันก็คือการเสแสร้ง?
ธรณิศฮึ่มฮั่มในลำคอ มีความอยากหนึ่งแล่นพล่าน เขาอยากเอาคืนคันธพฤกษ์ด้วยการกระชากหน้ากากของอีกฝ่ายต่อหน้าเฌอพลูเสียจริง

........................................................
@คุณ konhin อ่านแล้วเป็นยังไงอย่าลืมมาเม้าท์กันนะคะ ^^
@คุณนักอ่านเหนียวหนึบ นายจำปูนจะมาสายน่าหมั่นไส้แต่เริ่มเลยนะคะ ฮา แล้วนายหมากนี่อยู่สายไหนดี อิอิ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เข้าไลค์ และเข้ามาแสดงความคิดเห็นนะคะ  สปีตตอนนี้เต่ามากจริงๆ จะให้มาอาทิตย์ละตอนให้ได้นะคะ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2558, 12:01:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2558, 15:08:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1099





<< บทที่ 1 : ความลับระหว่างเพื่อน   บทที่ 3 : เชื่อใจ...ระแวง >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 8 มิ.ย. 2558, 16:11:06 น.
พี่หมากก็ แค่เห็นคนที่เรารักมีความสุข พี่ก็ดีใจแล้วววว คิคิคิคิ
คงกะมห้ใบพลูเกลียดผช. ทั้งโลก เว้นพี่หมากคนเดียวช้ะ แหม่แผนสูงงงงง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account