โซ่พิสุทธิ์
มรสุมข่าวฉาวว่าซุกลูกเมียทำให้พระเอกหนุ่มอย่าง 'ธีธัช' ต้องหวนกลับไปหาอดีตคนรักอีกครั้งเพื่อขอความร่วมมือจากเธอกอบกู้ภาพลักษณ์คืนมา เขาหวังใช้ความน่ารักของลูกสาวเรียกคะแนนนิยมจากประชาชน
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นดังคิด ยิ่งรับรู้ความจริง ธีธัชกลับไม่ต้องการแค่ภาพครอบครัวจอมปลอม แต่ต้องการมัทรีและลูกในชีวิตนับแต่นี้ไป
เธอบอกว่าความรักเหมือนดอกไม้ที่โรยรา แต่เขาคิดว่าความรักไม่ต่างจากดอกไม้ที่จะผลิบานได้ด้วยการรดน้ำใส่ปุ๋ยที่ชื่อความจริงใจอีกครั้งหนึ่ง
fb page : http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นดังคิด ยิ่งรับรู้ความจริง ธีธัชกลับไม่ต้องการแค่ภาพครอบครัวจอมปลอม แต่ต้องการมัทรีและลูกในชีวิตนับแต่นี้ไป
เธอบอกว่าความรักเหมือนดอกไม้ที่โรยรา แต่เขาคิดว่าความรักไม่ต่างจากดอกไม้ที่จะผลิบานได้ด้วยการรดน้ำใส่ปุ๋ยที่ชื่อความจริงใจอีกครั้งหนึ่ง
fb page : http://www.facebook.com/bhapimol.pimolbha
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทนำ
บทนำ
รถยนต์แอสตันมาร์ตินแล่นไปตามถนนซึ่งลาดยางอย่างดี มันเป็นถนนเส้นตรงตลอดสาย วิ่งจากเมืองย่านการค้าไปจนถึงแหล่งพัฒนาที่อยู่อาศัย มีหมู่บ้านใหม่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และเมื่อขับต่อไปไกลเรื่อยๆ ก็กลายเป็นเรือกสวน มีชาวสวนปลูกต้นไม้ดอกไม้ขายส่งเป็นระยะตลอดทาง
ธีธัชนึกถึงบ้านหลังเล็ก ล้อมรอบด้วยไม้ดอกนานาพรรณอันเป็นกิจการเล็กๆ ของครอบครัวเจ้าหล่อน เขาเคยมาบ้านอดีตคนรักแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น สมัยที่เธอบอกว่ามีแหล่งเลือกซื้อดอกไม้สำหรับจัดสวนหน้าบ้านของเขา ก่อนจะเฉลยว่าสวนเล็กๆ นั้นคือบ้านของเธอเอง ทว่าแม้เวลาผ่านไปธีธัชกลับจำบ้านของอดีตคนรักได้ไม่ลืม
เสียงโทรศัพท์ร้องดังขึ้นขัดจังหวะรำลึกความหลัง ชายหนุ่มกดปุ่มรับสายบนพวงมาลัยอย่างคาดเดาได้ว่าใครคือคนโทร. เข้ามา
"ครับ" เขาเอ่ยเสียงยานคาง
"เป็นไง แฟนเธอว่าไงบ้าง" เสียงเข้มทว่าเป็นเสียงของผู้หญิงดังมาตามสาย
ธีธัชกลอกตาอ่อนใจ ปุ้มปุ้ยคือผู้จัดการส่วนตัวของเขา และเป็นคนต้นคิดให้เขาต้องเดินทางมาที่นี่นั่นเอง
"แฟนเฟินอะไรพี่ ก็พี่ให้ผมเลิกกับเขาเอง"
"อย่ามาทำเสียงอย่างนี้นะธีร์ นายนั่นแหละทำอะไรไว้ในอดีต ถึงต้องคอยมาตามแก้ข่าวอย่างนี้ไง ฉันไม่ได้มีแค่นายคนเดียวนะที่ต้องดูแล"
"งั้นพี่ก็ไปดูคนอื่นเถอะ ได้เรื่องว่าไงผมก็โทร. ไปรายงานเองล่ะน่า"
ดาราหนุ่มกดตัดสายทันทีที่จบประโยคนั้น ก่อนจะสบถอย่างหัวเสียลับหลังผู้จัดการสาวหล่อที่นับวันก็ยิ่งเผยธาตุแท้ออกมา นับแต่เขามีข่าวฉาวว่าซุกลูกเมีย ซ้ำเรตติ้งละครเรื่องล่าสุดก็ต่ำกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา
จริงๆ ข่าวนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีมูลเสียทีเดียว ชั่วแต่ว่ามันเป็นความลับที่เขาปกปิดมานาน ผู้เดียวที่รู้เห็นก็คือปุ้มปุ้ย ผู้ 'จัดการ' ทุกเรื่องของตน
ธีธัชต้องแบกหน้ากลับมาหาผู้หญิงที่ตนเคยทอดทิ้งไป และลูก...ลูกของเขาที่คงกำลังอยู่ในวัยน่ารัก ป่านนี้ยัยหนูจะอายุสักกี่ขวบนะ หนึ่งหรือสองขวบก็ไม่แน่ใจ คงต้องดูในบัญชีว่าเขาโอนเงินค่าเลี้ยงดูไปให้แกแล้วกี่เดือน
ธีธัชไม่เคยตำหนิตนเองว่าบกพร่องในหน้าที่พ่อ สมัยนี้มีเด็กที่พ่อแม่แยกทางกันถมไป และเขาก็คิดว่าอดีตคนรักอย่างมัทรีคงเข้าใจในความจำเป็นเช่นกัน
................
ดอกไม้สีสันสดใสในกระถางน้อยใหญ่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้าตัวบ้านสองชั้นสีเขียวอ่อน นอกจากบ้านที่คุ้นตาแล้ว รถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ที่จอดอยู่บนพื้นดินข้างตัวบ้านก็คุ้นเคยในความทรงจำเขาดี
ธีธัชจอดรถของตนยังไหล่ทาง เขาหยุดยืนลังเลนิดหนึ่งขณะก้มมองรองเท้าผ้าใบรุ่นหายากสลับกับพื้นดิน ในที่สุดก็ยอมก้าวต่อไป
น่าแปลกที่ไม่มีใครออกมาต้อนรับ ทว่ารั้วเหล็กซึ่งขึงด้วยลวดกลับเปิดไว้ให้ลูกค้าเข้ามาเลือกชมไม้ดอกไม้ประดับ เป็นครั้งแรกที่เขานึกตำหนิอดีตคนรักในใจ เธอควรระมัดระวังมากกว่านี้เมื่อบ้านมีแต่ผู้หญิงอาศัยอยู่
ธีธัชก้าวตามทางเล็กที่เว้นไว้ระหว่างแปลงดอกไม้มาถึงตัวบ้าน เขาตบสันมือลงบนโอ่งดินใบใหญ่ขณะครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อดีหากไม่ได้พบเธอวันนี้
"มัท! มัทรี อยู่ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยเรียกพลางหมุนลูกบิดประตู
"ค่า สักครู่นะคะ" เสียงตอบรับดังมาจากชั้นบน
เขาก้าวถอยพลางแหงนมองขึ้นไปเพื่อหาที่มาของเสียงนั้น แล้วก็ต้องนิ่วหน้าประหลาดใจเมื่อหัวใจตนกลับมาเต้นแรง นี่เขากำลังตื่นเต้นที่จะได้เจออดีตคนรักหรือแม่ของลูกน่ะหรือ อาจเพราะเวลาที่ผ่านไปทำให้จินตนาการถึงเจ้าหล่อนในรูปแบบต่างๆ นานา
"มาแล้วค่ะๆ" เสียงใสร้องบอกมาก่อนตัว
ธีธัชก้าวถอยไปจากหน้าประตูเล็กน้อย แต่ไม่ไกลเกินกว่าเอื้อมแขนไปแทรกไว้ได้ทันหากเจ้าของบ้านตัดสินใจปิดประตูใส่ตน
ลมวูบหนึ่งพัดมาเมื่อประตูถูกดึงเปิด แล้วเขาก็สังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหญิงสาวชัดกว่าสิ่งใด ก่อนมันจะค่อยเลือนหายไป กลายเป็นความว่างเปล่าในสายตาเธอ
มัทรีไม่ได้ดึงประตูปิดอย่างที่เขาคิด ธีธัชโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เขาก้าวไปใกล้และแทรกกายผ่านเธอเข้าไป ได้ยินเสียงประตูถูกงับปิดขณะตนกวาดตาสำรวจสภาพความเป็นอยู่ข้างใน
ชั้นล่างของตัวบ้านปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาว เป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวในพื้นที่เดียวกัน ดูสภาพเดิมๆ มากกว่าจะเป็นบ้านของมัณฑนากรฝีมือดี เมื่อมองสำรวจจนพอใจ ชายหนุ่มจึงหันมองเห็นเจ้าหล่อนกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน
"บ้านเงียบจัง คุณแม่มัทล่ะ แล้วลูก..."
"มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ" เธอถามอย่างสุภาพก่อนที่เขาจะพูดจบ
กลับเป็นชายหนุ่มที่เก้อไปเสียเอง เขายืนคว้างกลางบ้าน มือไม้เกะกะไปหมด
"ก็...ก็ไม่เชิง ผมมีเรื่องอยากปรึกษามัทน่ะ"
มัทรีสูดหายใจลึก เธอพยักหน้าก่อนผละไปนำน้ำเย็นมารับรองแขก แล้วยังเปิดพัดลมอีกตัวเมื่อสังเกตเห็นเสื้อแขนยาวที่เขาสวมใส่ชื้นเหงื่อ
"มัทดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะ"
นั่นเป็นประโยคแรกที่ธีธัชเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายชื่นชมเช่นที่เคยพึงใจความงามของเธอในวันวาน คุณแม่ลูกหนึ่งในวันนี้ยังคงผอมบาง ใบหน้าไร้เครื่องสำอางอ่อนเยาว์กว่าวัย เธอไม่ใช่คนสวยจัดแต่สวยพิศ อีกทั้งความแคล่วคล่องยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้แก่เธอ
ทว่ามัทรีไม่ได้หลงใหลไปกับคำพูดนั้น เธอไม่ต่อความยาวสาวความยืดด้วยการบอกว่าเขาเองก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เวลากว่าสองปีคงไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนไปนักหรอก ยกเว้นอยู่เรื่องเดียว...
"พอดีมีนัดตอนบ่ายน่ะค่ะ ลูกค้าจะมาขนต้นไม้"
"แล้ว..." ชายหนุ่มย้อนถามด้วยความงุนงง
"คุณคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามาที่นี่หรอกมั้ง"
ธีธัชงันไปอึดใจ เขาดูไม่ออกว่าเธอประชดหรือพูดเพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขา หากนั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับมันคือความจริง
"พี่ เอ่อ ผมฝันถึงลูกน่ะ แล้ววันนี้ผมไม่มีงาน ก็เลยอยากมาเยี่ยมมาเล่นกับแก"
หญิงสาวสูดหายใจลึกอย่างพยายามสะกดอารมณ์ เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่านั่นคือความต้องการแท้จริงของเขา
"นั่นยังไม่ตรงประเด็นไม่ใช่หรือคะ"
"มัท" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง
มัทรีเป็นคนฉลาด เก่งและฉลาด แต่มันน่าหงุดหงิดใจไม่น้อยที่เธอทำเหมือนรู้ทันเขาอยู่ร่ำไป คิดว่าเธอฝืนใจคนเดียวหรือไง เขาเองก็ฝืนใจ ทั้งละอายที่ต้องมาขอความร่วมมือจากเธอ
"ขอพี่...ผมพบลูกก่อนได้ไหม แล้วเราค่อยพูดจากัน"
"แต่จะเสียเวลาทั้งคุณและฉัน"
"ผมเป็นพ่อของแกนะ เอาเถอะ ผมยอมรับว่าพูดคำนี้ช้าไป แต่ผมก็ส่งเสียแกมาตลอด ผมไม่มีสิทธิ์พบแกหรือมัท พี่ผิดขนาดนั้นเลยเหรอ" เขาลืมตัว แทนตัวเองด้วยสรรพนามที่เคยใช้ในอดีตในท้ายที่สุด
มัทรีเบือนหน้าไปทางอื่นพร้อมกับฝืนกลั้นน้ำตา ไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียวหรอก เธอไม่เคยโทษเขาเลย
"แกอยู่ที่นี่หรือเปล่า ทำไมไม่ค่อยมีของเล่นเด็กเลย หรือมัทฝากใครเลี้ยง เป็นคนที่ไว้ใจได้แน่หรือ"
"เปล่าค่ะ อยู่นี่แหละ อยู่ข้างบน" เธอตอบ หางเสียงสั่นเครือ
กระนั้นร่างระหงก็ลุกยืนโดยมีแขกไม่ได้รับเชิญลุกตาม โชคดีที่เธอเป็นฝ่ายก้าวนำเขาจึงแอบปาดน้ำตาทิ้งไป
"มัทให้ลูกอยู่ข้างบนบ่อยหรือ ต้องระวังบันไดให้ดีล่ะ"
เธอไม่ได้ตอบ แล้วธีธัชก็พลอยนึกละอายที่ตนบังอาจให้คำแนะนำคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอ
บันไดขึ้นมาสุดยังทางเดินแคบๆ บนชั้นสองของบ้าน มีประตูห้องสามห้องบนนั้น บานหนึ่งคงเป็นห้องน้ำ ที่สุดระเบียงทางเดินมีประตูเปิดไว้ เขาชะงักย่างก้าวเมื่อมัทรีเดินนำไปทางนั้น ชายหนุ่มถูมือชื้นเหงื่อเข้าด้วยกันด้วยความตื่นเต้นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ไม่มีครั้งใดจะเทียบเท่า
"มัทบอกลูกหรือเปล่าว่าผมเป็นพ่อของแก" เขาเอ่ยถามขึ้น
หญิงสาวชะงักหันมาเช่นกัน เธอผงกศีรษะตอบเขา
"บอกค่ะ แต่ไม่รู้แกจะจำคุณได้ไหม"
ธีธัชพยักหน้าพึงพอใจ ไม่เป็นไร นับแต่นี้ต่อไปเขาเชื่อว่าตนมีโอกาสสร้างความทรงจำร่วมกับลูกขึ้นมา เป็นความทรงจำที่พ่อลูกเท่านั้นจะร่วมแบ่งปันแก่กันได้
นักแสดงหนุ่มก้าวตามอดีตคนรักเข้าไปในห้องซึ่งไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศยังคงอ้อยอิ่งราวกับเพิ่งปิดไปไม่นาน เสียงกุ๊งกิ๊งจากโมบายนอกหน้าต่างดึงสายตาเขาไป ก่อนธีธัชจะหันมองเตียงเด็กเต็มตาพร้อมกับผงะถอยไปก้าวหนึ่ง
"ไม่จริง..."
.....................
สวัสดีค่ะ
แพรวขอฝากนิยายเรื่องใหม่ในนามปากกาภาพิทล/พิมลภาด้วยนะคะ
สำหรับเรื่องนี้ก็อยากให้เป็นแนวอบอุ่น เป็นการเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่าง (แต่โปรยเหมือนตบจูบเนอะ 55)
อย่างคำแนะนำหลายๆ ท่านว่าการเขียนนิยายควรเริ่มจากเรื่องใกล้ตัว แพรวก็เลยคิดว่าน่าจะลองเขียนเรื่องนี้ดูค่ะ
ยังไงก็ต้องการกำลังใจและคำแนะนำจากทุกคนนะคะ
ขอบคุณค่า
รถยนต์แอสตันมาร์ตินแล่นไปตามถนนซึ่งลาดยางอย่างดี มันเป็นถนนเส้นตรงตลอดสาย วิ่งจากเมืองย่านการค้าไปจนถึงแหล่งพัฒนาที่อยู่อาศัย มีหมู่บ้านใหม่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และเมื่อขับต่อไปไกลเรื่อยๆ ก็กลายเป็นเรือกสวน มีชาวสวนปลูกต้นไม้ดอกไม้ขายส่งเป็นระยะตลอดทาง
ธีธัชนึกถึงบ้านหลังเล็ก ล้อมรอบด้วยไม้ดอกนานาพรรณอันเป็นกิจการเล็กๆ ของครอบครัวเจ้าหล่อน เขาเคยมาบ้านอดีตคนรักแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น สมัยที่เธอบอกว่ามีแหล่งเลือกซื้อดอกไม้สำหรับจัดสวนหน้าบ้านของเขา ก่อนจะเฉลยว่าสวนเล็กๆ นั้นคือบ้านของเธอเอง ทว่าแม้เวลาผ่านไปธีธัชกลับจำบ้านของอดีตคนรักได้ไม่ลืม
เสียงโทรศัพท์ร้องดังขึ้นขัดจังหวะรำลึกความหลัง ชายหนุ่มกดปุ่มรับสายบนพวงมาลัยอย่างคาดเดาได้ว่าใครคือคนโทร. เข้ามา
"ครับ" เขาเอ่ยเสียงยานคาง
"เป็นไง แฟนเธอว่าไงบ้าง" เสียงเข้มทว่าเป็นเสียงของผู้หญิงดังมาตามสาย
ธีธัชกลอกตาอ่อนใจ ปุ้มปุ้ยคือผู้จัดการส่วนตัวของเขา และเป็นคนต้นคิดให้เขาต้องเดินทางมาที่นี่นั่นเอง
"แฟนเฟินอะไรพี่ ก็พี่ให้ผมเลิกกับเขาเอง"
"อย่ามาทำเสียงอย่างนี้นะธีร์ นายนั่นแหละทำอะไรไว้ในอดีต ถึงต้องคอยมาตามแก้ข่าวอย่างนี้ไง ฉันไม่ได้มีแค่นายคนเดียวนะที่ต้องดูแล"
"งั้นพี่ก็ไปดูคนอื่นเถอะ ได้เรื่องว่าไงผมก็โทร. ไปรายงานเองล่ะน่า"
ดาราหนุ่มกดตัดสายทันทีที่จบประโยคนั้น ก่อนจะสบถอย่างหัวเสียลับหลังผู้จัดการสาวหล่อที่นับวันก็ยิ่งเผยธาตุแท้ออกมา นับแต่เขามีข่าวฉาวว่าซุกลูกเมีย ซ้ำเรตติ้งละครเรื่องล่าสุดก็ต่ำกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา
จริงๆ ข่าวนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีมูลเสียทีเดียว ชั่วแต่ว่ามันเป็นความลับที่เขาปกปิดมานาน ผู้เดียวที่รู้เห็นก็คือปุ้มปุ้ย ผู้ 'จัดการ' ทุกเรื่องของตน
ธีธัชต้องแบกหน้ากลับมาหาผู้หญิงที่ตนเคยทอดทิ้งไป และลูก...ลูกของเขาที่คงกำลังอยู่ในวัยน่ารัก ป่านนี้ยัยหนูจะอายุสักกี่ขวบนะ หนึ่งหรือสองขวบก็ไม่แน่ใจ คงต้องดูในบัญชีว่าเขาโอนเงินค่าเลี้ยงดูไปให้แกแล้วกี่เดือน
ธีธัชไม่เคยตำหนิตนเองว่าบกพร่องในหน้าที่พ่อ สมัยนี้มีเด็กที่พ่อแม่แยกทางกันถมไป และเขาก็คิดว่าอดีตคนรักอย่างมัทรีคงเข้าใจในความจำเป็นเช่นกัน
................
ดอกไม้สีสันสดใสในกระถางน้อยใหญ่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้าตัวบ้านสองชั้นสีเขียวอ่อน นอกจากบ้านที่คุ้นตาแล้ว รถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ที่จอดอยู่บนพื้นดินข้างตัวบ้านก็คุ้นเคยในความทรงจำเขาดี
ธีธัชจอดรถของตนยังไหล่ทาง เขาหยุดยืนลังเลนิดหนึ่งขณะก้มมองรองเท้าผ้าใบรุ่นหายากสลับกับพื้นดิน ในที่สุดก็ยอมก้าวต่อไป
น่าแปลกที่ไม่มีใครออกมาต้อนรับ ทว่ารั้วเหล็กซึ่งขึงด้วยลวดกลับเปิดไว้ให้ลูกค้าเข้ามาเลือกชมไม้ดอกไม้ประดับ เป็นครั้งแรกที่เขานึกตำหนิอดีตคนรักในใจ เธอควรระมัดระวังมากกว่านี้เมื่อบ้านมีแต่ผู้หญิงอาศัยอยู่
ธีธัชก้าวตามทางเล็กที่เว้นไว้ระหว่างแปลงดอกไม้มาถึงตัวบ้าน เขาตบสันมือลงบนโอ่งดินใบใหญ่ขณะครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อดีหากไม่ได้พบเธอวันนี้
"มัท! มัทรี อยู่ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยเรียกพลางหมุนลูกบิดประตู
"ค่า สักครู่นะคะ" เสียงตอบรับดังมาจากชั้นบน
เขาก้าวถอยพลางแหงนมองขึ้นไปเพื่อหาที่มาของเสียงนั้น แล้วก็ต้องนิ่วหน้าประหลาดใจเมื่อหัวใจตนกลับมาเต้นแรง นี่เขากำลังตื่นเต้นที่จะได้เจออดีตคนรักหรือแม่ของลูกน่ะหรือ อาจเพราะเวลาที่ผ่านไปทำให้จินตนาการถึงเจ้าหล่อนในรูปแบบต่างๆ นานา
"มาแล้วค่ะๆ" เสียงใสร้องบอกมาก่อนตัว
ธีธัชก้าวถอยไปจากหน้าประตูเล็กน้อย แต่ไม่ไกลเกินกว่าเอื้อมแขนไปแทรกไว้ได้ทันหากเจ้าของบ้านตัดสินใจปิดประตูใส่ตน
ลมวูบหนึ่งพัดมาเมื่อประตูถูกดึงเปิด แล้วเขาก็สังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหญิงสาวชัดกว่าสิ่งใด ก่อนมันจะค่อยเลือนหายไป กลายเป็นความว่างเปล่าในสายตาเธอ
มัทรีไม่ได้ดึงประตูปิดอย่างที่เขาคิด ธีธัชโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เขาก้าวไปใกล้และแทรกกายผ่านเธอเข้าไป ได้ยินเสียงประตูถูกงับปิดขณะตนกวาดตาสำรวจสภาพความเป็นอยู่ข้างใน
ชั้นล่างของตัวบ้านปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาว เป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวในพื้นที่เดียวกัน ดูสภาพเดิมๆ มากกว่าจะเป็นบ้านของมัณฑนากรฝีมือดี เมื่อมองสำรวจจนพอใจ ชายหนุ่มจึงหันมองเห็นเจ้าหล่อนกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน
"บ้านเงียบจัง คุณแม่มัทล่ะ แล้วลูก..."
"มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ" เธอถามอย่างสุภาพก่อนที่เขาจะพูดจบ
กลับเป็นชายหนุ่มที่เก้อไปเสียเอง เขายืนคว้างกลางบ้าน มือไม้เกะกะไปหมด
"ก็...ก็ไม่เชิง ผมมีเรื่องอยากปรึกษามัทน่ะ"
มัทรีสูดหายใจลึก เธอพยักหน้าก่อนผละไปนำน้ำเย็นมารับรองแขก แล้วยังเปิดพัดลมอีกตัวเมื่อสังเกตเห็นเสื้อแขนยาวที่เขาสวมใส่ชื้นเหงื่อ
"มัทดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะ"
นั่นเป็นประโยคแรกที่ธีธัชเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายชื่นชมเช่นที่เคยพึงใจความงามของเธอในวันวาน คุณแม่ลูกหนึ่งในวันนี้ยังคงผอมบาง ใบหน้าไร้เครื่องสำอางอ่อนเยาว์กว่าวัย เธอไม่ใช่คนสวยจัดแต่สวยพิศ อีกทั้งความแคล่วคล่องยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้แก่เธอ
ทว่ามัทรีไม่ได้หลงใหลไปกับคำพูดนั้น เธอไม่ต่อความยาวสาวความยืดด้วยการบอกว่าเขาเองก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เวลากว่าสองปีคงไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนไปนักหรอก ยกเว้นอยู่เรื่องเดียว...
"พอดีมีนัดตอนบ่ายน่ะค่ะ ลูกค้าจะมาขนต้นไม้"
"แล้ว..." ชายหนุ่มย้อนถามด้วยความงุนงง
"คุณคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามาที่นี่หรอกมั้ง"
ธีธัชงันไปอึดใจ เขาดูไม่ออกว่าเธอประชดหรือพูดเพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขา หากนั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับมันคือความจริง
"พี่ เอ่อ ผมฝันถึงลูกน่ะ แล้ววันนี้ผมไม่มีงาน ก็เลยอยากมาเยี่ยมมาเล่นกับแก"
หญิงสาวสูดหายใจลึกอย่างพยายามสะกดอารมณ์ เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่านั่นคือความต้องการแท้จริงของเขา
"นั่นยังไม่ตรงประเด็นไม่ใช่หรือคะ"
"มัท" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง
มัทรีเป็นคนฉลาด เก่งและฉลาด แต่มันน่าหงุดหงิดใจไม่น้อยที่เธอทำเหมือนรู้ทันเขาอยู่ร่ำไป คิดว่าเธอฝืนใจคนเดียวหรือไง เขาเองก็ฝืนใจ ทั้งละอายที่ต้องมาขอความร่วมมือจากเธอ
"ขอพี่...ผมพบลูกก่อนได้ไหม แล้วเราค่อยพูดจากัน"
"แต่จะเสียเวลาทั้งคุณและฉัน"
"ผมเป็นพ่อของแกนะ เอาเถอะ ผมยอมรับว่าพูดคำนี้ช้าไป แต่ผมก็ส่งเสียแกมาตลอด ผมไม่มีสิทธิ์พบแกหรือมัท พี่ผิดขนาดนั้นเลยเหรอ" เขาลืมตัว แทนตัวเองด้วยสรรพนามที่เคยใช้ในอดีตในท้ายที่สุด
มัทรีเบือนหน้าไปทางอื่นพร้อมกับฝืนกลั้นน้ำตา ไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียวหรอก เธอไม่เคยโทษเขาเลย
"แกอยู่ที่นี่หรือเปล่า ทำไมไม่ค่อยมีของเล่นเด็กเลย หรือมัทฝากใครเลี้ยง เป็นคนที่ไว้ใจได้แน่หรือ"
"เปล่าค่ะ อยู่นี่แหละ อยู่ข้างบน" เธอตอบ หางเสียงสั่นเครือ
กระนั้นร่างระหงก็ลุกยืนโดยมีแขกไม่ได้รับเชิญลุกตาม โชคดีที่เธอเป็นฝ่ายก้าวนำเขาจึงแอบปาดน้ำตาทิ้งไป
"มัทให้ลูกอยู่ข้างบนบ่อยหรือ ต้องระวังบันไดให้ดีล่ะ"
เธอไม่ได้ตอบ แล้วธีธัชก็พลอยนึกละอายที่ตนบังอาจให้คำแนะนำคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอ
บันไดขึ้นมาสุดยังทางเดินแคบๆ บนชั้นสองของบ้าน มีประตูห้องสามห้องบนนั้น บานหนึ่งคงเป็นห้องน้ำ ที่สุดระเบียงทางเดินมีประตูเปิดไว้ เขาชะงักย่างก้าวเมื่อมัทรีเดินนำไปทางนั้น ชายหนุ่มถูมือชื้นเหงื่อเข้าด้วยกันด้วยความตื่นเต้นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ไม่มีครั้งใดจะเทียบเท่า
"มัทบอกลูกหรือเปล่าว่าผมเป็นพ่อของแก" เขาเอ่ยถามขึ้น
หญิงสาวชะงักหันมาเช่นกัน เธอผงกศีรษะตอบเขา
"บอกค่ะ แต่ไม่รู้แกจะจำคุณได้ไหม"
ธีธัชพยักหน้าพึงพอใจ ไม่เป็นไร นับแต่นี้ต่อไปเขาเชื่อว่าตนมีโอกาสสร้างความทรงจำร่วมกับลูกขึ้นมา เป็นความทรงจำที่พ่อลูกเท่านั้นจะร่วมแบ่งปันแก่กันได้
นักแสดงหนุ่มก้าวตามอดีตคนรักเข้าไปในห้องซึ่งไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศยังคงอ้อยอิ่งราวกับเพิ่งปิดไปไม่นาน เสียงกุ๊งกิ๊งจากโมบายนอกหน้าต่างดึงสายตาเขาไป ก่อนธีธัชจะหันมองเตียงเด็กเต็มตาพร้อมกับผงะถอยไปก้าวหนึ่ง
"ไม่จริง..."
.....................
สวัสดีค่ะ
แพรวขอฝากนิยายเรื่องใหม่ในนามปากกาภาพิทล/พิมลภาด้วยนะคะ
สำหรับเรื่องนี้ก็อยากให้เป็นแนวอบอุ่น เป็นการเริ่มต้นของอะไรหลายๆ อย่าง (แต่โปรยเหมือนตบจูบเนอะ 55)
อย่างคำแนะนำหลายๆ ท่านว่าการเขียนนิยายควรเริ่มจากเรื่องใกล้ตัว แพรวก็เลยคิดว่าน่าจะลองเขียนเรื่องนี้ดูค่ะ
ยังไงก็ต้องการกำลังใจและคำแนะนำจากทุกคนนะคะ
ขอบคุณค่า
ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มิ.ย. 2558, 16:13:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มิ.ย. 2558, 16:13:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1687
บทที่ ๑ >> |
ภาพิมล_พิมลภา 6 มิ.ย. 2558, 15:43:10 น.
คุณปิ่นนลิน - มีเฉลยตอนหน้าแล้วนะคะ
คุณปิ่นนลิน - มีเฉลยตอนหน้าแล้วนะคะ