กลรัตติกาล
เรื่องต่อ ซ่อนใจไว้ใต้ดาว ชุดเสน่หาฆาตกรรม

หลงกลิ่นจันทน์ , ซ่อนใจไว้ใต้ดาว , กลรัตติกาล
Tags: กลรัตติกาล คีตา ณิชนิตา

ตอน: บทที่ ๒๓ แผนพลาด(๒)





สำนักงานทนายความของปุณณภพตั้งอยู่ในตึกสำนักงานขนาดใหญ่ นายตำรวจหนุ่มเดินนำเจ้าหน้าที่คนอื่นเข้าไป พร้อมแสดงตัวเพื่อเข้าพบกับเจ้าของสำนักงาน ปุณณภพก้าวออกมาจากห้องทำงานเพื่อต้อนรับนายตำรวจ เขายิ้มดูไม่สะทกสะท้านหรือหวาดกลัวเท่าใดนัก

“สวัสดีครับคุณตำรวจ มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ”

“ผมคงไม่รบกวนคุณปุณณภพขนาดนั้นหรอกครับ ที่มาก็เพราะอยากสอบปากคุณคุณเรื่องคุณรัตติกาลสักหน่อย”

“รัตติกาล ทำไมเหรอครับ เธอมีปัญหาอะไรงั้นหรือ”

“ตอนนี้เธอถูกลักพาตัวครับ”

“อ้าว นี่ เกิดขึ้นได้ยังไงกัน” น้ำเสียงของปุณณภพฟังดูตกอกตกใจ นายตำรวจหนุ่มเพ่งสีหน้าของทนายความด้วยท่าทีจับพิรุธ

“คุณปุณณภพไม่รู้จริงๆ เหรอครับ”

“ถามแบบนี้เหมือนจะกล่าวหาผมเลยนะ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

“แล้วที่คุณขู่ด็อกเตอร์ชายไทละ หรือว่าแค่วางก้ามเฉยๆ”

“โธ่ คุณตำรวจพูดอย่างนั้นผมฟ้องหมิ่นประมาทได้นะครับ”

“ผมว่าพูดมาดีกว่าครับ ถ้าคุยกันเรื่องกฎหมายวันนี้ทั้งวันก็ไม่จบ เราแค่อยากรู้ว่าคุณมีส่วนในการหายตัวไปของคุณรัตติกาลหรือเปล่า”

“ทำไมถึงคิดว่าเป็นผมละ อ้อ หรือว่าเพราะเรื่องที่ผมคุยกับนายด็อกเตอร์โบราณนั่น” ปุณณภพหัวเราะในลำคอเหมือนขบขันกับเรื่องนี้นักหนา “ผมก็ขู่ไปเพราะเห็นว่ามาติดพันคุณรัต ผมเองก็ชอบเธอ ทำไมต้องปล่อยให้ตาอยู่มาเอาไปกินด้วยเล่า ผมรึอุตส่าห์รอ แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดถนัด”

“แล้วคุณรู้จักกับเด็กคนนี้ไหม” หมวดจรินทร์ยื่นรูปถ่ายของพิรักษ์ให้กับปุณณภพดู ทนายความจ้องเพียงไม่นานก่อนจะพยักหน้ารับ

“รู้จัก เป็นเด็กในผับที่ผมมีหุ้นส่วนอยู่ ทำงานให้ผมหลายอย่าง”

“รวมถึงงานผิดกฎหมายด้วยไหม”

“เรื่องนั้นผมไม่รู้หรอก เรื่องส่วนตัวเขา” ปุณณภพปฏิเสธเสียงแข็ง จรินทร์ยังคงยืนนิ่งคอยจ้องจับผิดอากัปกิริยาของคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา

“แต่มีคนเห็นคุณให้เงินเขา ในคืนที่คุณรัตติกาลสติแตกบอกว่าเห็นผีท่านนายพล ผีหลอกๆ ที่ถูกจ้างมา” จรินทร์เน้นคำว่าหลอกให้ทนายความตรงหน้าได้ยิน ปุณณภพหน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า

“ผมไม่ยอมรับเรื่องอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องมายัดข้อหาผม”

หมวดหนุ่มเข้าใจดีว่าการพูดคุยกับปุณณภพต้องเป็นแบบนี้ เขาไม่มีทางยอมรับโดยง่าย จึงยื่นรูปถ่ายสภาพศพของเหยื่อคดีทิ้งศพในหนองน้ำให้ดูอีกอย่าง “แล้วนี่ละ คุณรู้จักด้วยไหม”

“อะไรของคุณ เอารูปพวกนี้มาทำไม” ปุณณภพเอ่ยน้ำเสียงหงุดหงิด ท่าทีไม่พออกพอใจกับสิ่งที่นายตำรวจพยายามซักไซ้เขาเหลือเกิน

“พวกเขาทำงานให้คุณไม่ใช่เหรอ ด้านหน้าเป็นทนายความชื่อดัง แต่เบื้องหลัง...แอบทำอะไรอยู่จนต้องฆ่าปิดปากหรือครับ”

“ผมไม่รู้เรื่อง” น้ำเสียงเริ่มดังขึ้นบ่งบอกถึงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

“ไว้ให้จับนายพิรักษ์ได้ก่อนเถอะ คุณจะได้อ้าปากพูดแน่ๆ แล้วหลักฐานที่เราได้มา ยืนยันว่าคนขับรถบรรทุกคนนี้เป็นคนของคุณ คุณเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมดใช่ไหม แล้วเอาคุณรัตติกาลไปไว้ไหน” หมวดจรินทร์เริ่มขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ

ปุณณภพจ้องนายตำรวจกลับด้วยแววตาไม่พอใจเช่นกัน “ผมไม่ใช่คนบงการ ไม่ใช่! พวกนี้เป็นคนของผมก็จริง แต่ก็เป็นของหุ้นส่วนผมเหมือนกัน”

“หุ้นส่วน?” จรินทร์ถามกลับเสียงสูงด้วยความสงสัย หุ้นส่วนคนนี้มีอะไรสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยหรืออย่างไร ดวงตานายตำรวจหนุ่มยังคงจ้องหน้าทนายความปากกล้า อาจเป็นการเลี่ยงความผิดโดยโยนเรื่องให้คนอื่นก็เป็นได้ แต่ท่าทีเช่นนี้ไม่เหมือนโกหกสักเท่าไหร่ หรือว่า...จะมีมือที่สามจริงๆ



ภายใต้ตึกร้างสามชั้น ซึ่งเกือบสร้างเสร็จแล้วแต่ไม่มีการทำต่อไป บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยพงหญ้าสีเขียวเข้มขึ้นสูงเกือบท่วมหัว

ร่างสูงเพรียวของปวีร์ซุกซ่อนตัวตนอยู่มุมตึก เขาพรางตัวด้วยชุดสีดำทั้งหมด สวมหมวกแก๊ปสีเดียวกันอำพรางใบหน้า ดวงตาคมจ้องเป้าหมายของเขาซึ่งเพิ่งจอดรถสนิท เปิดประตูก้าวลงจากรถ เดินตรงเข้าไปยังภายในตึก

เขารีบตามเข้าไปโดยไม่ให้เป้าหมายรู้ตัว เป็นงานถนัดอยู่แล้ว ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก เดินด้วยฝีเท้าเงียบกริบตามไปจนเห็นว่ามีกลุ่มชายชุดดำอีกสามคนยืนอยู่หน้าห้องซึ่งกั้นด้วยปูนเก่าๆ ไม่มีประตูปิด

“ไม่มีใครตามพวกแกมาใช่ไหม นังนั่นยังอยู่ดีหรือเปล่า เตรียมอุปกรณ์ไว้ ต้องกำจัดมัน”

“ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนี่ งานเสี่ยงแบบนี้ ต้องขึ้นราคานะ”

“ตำรวจจะลากคอพวกแกเข้าคุกอยู่แล้วยังจะต่อรองอีก” เสียงนั้นฟังหงุดหงิด จนทำให้เหล่าชายชุดดำหน้าเสีย ยอมทำตามแผนการของคนว่าจ้างในที่สุด

ปวีร์ได้ยินเสียงพูดคุยกัน ระหว่างนั้นเขาก็ควานหามือถือในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตออกมากดแชร์สถานที่ส่งไปให้ชายไท

หวังว่าเพื่อนเขาจะมาถึงก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป ถึงขนาดนี้...คนร้ายไม่น่าจะปล่อยรัตติกาลไว้แน่แล้ว



เสียงหยดน้ำหยดลงพื้นดังเป็นจังหวะ ทำให้รัตติกาลที่เพิ่งลืมตาตื่นนั้นเหลียวมองหาต้นเสียง ลำคอของเธอเริ่มแห้งผาก รู้สึกถึงความกระหาย ยิ่งได้ยินเสียงน้ำด้วยแล้ว เธอหันกลับไปมองพิรักษ์ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลนัก แต่นอกเหนือจากพิรักษ์แล้ว เธอกลับได้เห็นร่างโปร่งแสงของธัญญาอีกด้วย

ทำไมนะ...ทำไมช่วงนี้เธอจึงได้เห็นธัญญาบ่อยครั้ง โดยที่ไม่มีแม่เลี้ยงของเธออยู่ด้วย

แววตาหวาดกลัวทอประกายออกมาเมื่อเห็นธัญญา

“ได้โปรด...เธอต้องการอะไร ทำไมเธอไม่ยอมไปไหนสักที ธัญญา”

พิรักษ์เหลียวมองหาใครอีกคนที่รัตติกาลพูดถึง ดวงตาเล็กหวาดผวาแกมสงสัย ในเมื่อไม่เห็นร่างของใครสักคน นอกจากตัวพิรักษ์เองแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีก

“ยายบ้านี่ พูดอะไรของมันวะ”

“เธอต้องการอะไร มาช่วยฉันหรือว่า...อะไรกันแน่”รัตติกาลยังคงเอ่ยถาม ดวงตาคู่สวยจ้องไปยังร่างโปร่งแสงของธัญญา

ร่างโปร่งแสงนั้นหันขวับมาทางรัตติกาล ดวงตาขาวไม่มีตาดำคู่นั้น ดูไม่ออกว่าจ้องกลับมายังตัวเธอหรือจุดใด ยิ่งดูน่ากลัว ธัญญายกยกมือขึ้นทาบอกตัวเอง พร้อมกับชี้นิ้วมาที่รัตติกาล น้ำตาสีเลือดของธัญญาไหลออกมา ความรู้สึกราวกับว่ากำลังเศร้าสร้อยเหลือกำลัง รัตติกาลรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเสียใจที่ส่งผ่านมาถึงเธอ

เสียใจอย่างนั้นหรือ...ธัญญาต้องการบอกอะไรกับเธอ

"ฉันขอโทษ...ขอโทษ" รัตติกาลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแห้งแหบ

พิรักษ์มองท่าทางของหญิงสาวแล้วเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เริ่มกวาดสายตามองหาสิ่งที่รัตติกาลพูดถึง

"แกพูดอะไรวะ นังบ้า นี่เป็นแผนแกใช่ไหม แกล้งหลอกให้ฉันกลัวแล้วจะหนีไปใช่ไหมละ" แม้จะพูดเช่นนั้นแต่เด็กหนุ่มก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี

รัตติกาลไม่อาจอธิบายให้เด็กหนุ่มเข้าใจได้ จนร่างของธัญญาเลือนหายไปนั่นเองทำให้เธอเริ่มผ่อนคลายลงเช่นกัน เพราะอะไรกันนะ เพราะเหตุใด ธัญญาจึงไม่ยอมจากเธอไป...

รัตติกาลรู้สึกถึงเรี่ยวแรงเริ่มลดน้อยลงไปทุกที ตั้งแต่เช้าเธอได้ดื่มเพียงนมแก้วเดียวเท่านั้นเพราะคิดว่าจะรอกินข้าวพร้อมกับเพื่อนๆ ทว่ากลับเดินจับตัวมาเสียก่อน แต่ถึงจะเหลือเรี่ยวแรงเล็กน้อยเเค่ไหน เธอก็ต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้

"ขอน้ำหน่อยได้ไหม” เสียงแหบแห้งของรัตติกาลนั้นบ่งบอกถึงความเหนื่อยอ่อนเต็มที พิรักษ์จ้องหญิงสาวอย่างไม่วางใจนัก

“หิวน้ำเหรอ อย่าได้เล่นตุกติกนะเว้ย เดี๋ยวได้เจ็บตัวแน่ๆ"

"ไม่หรอก มือฉันก็ถูกมัดไว้อย่างนี้ ขานี่อีก จะหนีไปยังไงได้ละ" รัตติกาลแสร้งว่า เธอคลายปมเชือกที่เท้าไว้เกือบจะหลุดอยู่แล้ว พิรักษ์เข้ามาพร้อมกับขวดน้ำยื่นให้กับหญิงสาว รัตติกาลยื่นมือซึ่งถูกมัดไว้อย่างแน่นหนานั้นให้พิรักษ์ดู

“มัดแน่นอย่างนี้จะถือได้ยังไงกัน แก้ให้ก่อนได้ไหม ฉันสัญญาว่าจะไม่หนีเลย ตอนนี้แรงจะเดินฉันยังไม่มีเลยนะ”

พิรักษ์ถอนหายใจพรืดออกมาอย่างหงุดหงิด ยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ปมเชือกที่ข้อมือหญิงสาวให้ โดยไม่ทันระวังตัวรัตติกาลฟาดหมัดเข้าที่ใบหน้าเด็กหนุ่มจนหน้าคะมำล้มลงกับพื้นซีเมนต์ ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหนีออกไปสุดชีวิต ทว่าพอวิ่งก้าวผ่านออกมาถึงประตู รัตติกาลกลับหยุดฝีเท้ากะทันหัน ดวงหน้าซีเผือดอยู่แล้วกลับซีดลงไปอีกหลายเท่า

คนที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้น...เป็นเหมือนคำตอบที่พิรักษ์ไม่กล้าปริปากเอ่ยออกมา

คำตอบที่เธอ...ไม่เคยคาดคิดมาก่อน คนที่พยายามทำร้ายเธอมาตลอด...





ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2558, 07:09:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2558, 07:09:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1218





<< บทที่ ๒๓ แผนพลาด(๑)    บทที่ ๒๔ ลบแล้วค่ะ ^^ >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 3 มิ.ย. 2558, 16:33:15 น.
อุ่ย เหมือนกำลังดูซีรีย์มันๆ แล้ว เครื่องค้าง ตอนที่เลื่อนจอลงมาแล้วมันจบตอน ความรู้สึกมันใช่!!!


Pat 3 มิ.ย. 2558, 22:02:21 น.
ใครน้า? แม่เลี้ยงหรือเปล่านิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account