ความลับ(รัก)ของหัวใจ
เมื่อสาวสวยนามว่าอันนา ได้บังเอิญซุ่มซ่ามชนเข้ากับหนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาวิทยาลัย จนทำให้เสื้อราคาเฉียดหมื่นของเขาต้องเปื้อน มีทางเดียวที่จะชดใช้ได้นั่นก็คือ ยอมมาเป็นแฟนปลอมๆของเขา เรื่องราวจะเป็นยังไงต้องติดตามค่ะ ^^
Tags: #ไอ้ตัวเล็ก#
ตอน: หึง VS ไม่หึง
“อันนา นี่แกรู้มั้ยว่าอาทิตย์หน้าเราต้องเลือกชมรมแล้วนะ แกจะเข้าชมรมอะไร”
“ชมรมอะไรของแกวะเพียว ฉันไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”
“ก็จริง วันๆแกขุกอยู่กับคาโลทั้งวัน”
”ชมรมอะไรอ่ะแก”
“ก็พวกปี1ทุกคนต้องเลือกเข้าขมรม 1 ชมรม ถ้าไม่เข้าก็ไม่มีสิทธิจบการศึกษา”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืมใช่ และนี่ใบปลิวเอาไปดูว่ามีชมรมอะไรบ้าง”
ยัยเพียวยื่นใบปลิวกองใหญ่ให้กับฉัน
“แล้วนี่แกเข้าชมรมอะไรอ่ะ”
“สวยๆอย่างฉันต้องชมรมการแสดงอยู่แล้ว”
ยัยเพียวตอบอย่างมั่นใจ ยัยนี่ได้ความหลงตัวเองมาจากใครกันนะ
“เออนี่อันนา แกกับคาโลไปถึงไหนกันแล้วเนี่ย”
“ถึงไหนอะไรกันล่ะ หมอนั่นใช้ฉันอย่างกับทาส”
ยัยเพียวมองฉันด้วยสายตาจับผิด
“อะ..อะไรของแก มองฉันแบบนั้นทำไม”
“ป่าว ! ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แกร้อนตัวไปเองทั้งนั้น”
“แกรีบไปงานที่คณะไม่ใช่เหรอ รีบไปเลยนะ”
“ฮ่าๆๆๆ เขินล่ะซิ งั้นฉันไปก่อนนะขอให้แกรักกับคาโลนานๆ”
“แกรีบไปเลยก่อนที่ฉันจะฆ่าแก”
เมื่อยัยเพียวเดินจากไป ฉันได้แต่นั่งยิ้มเพราะความเขินอายอยู่คนเดียว
“แกดูยัยขี้เหร่ตรงนั้นสิ นั่งยิ้มคนเดียวสงสัยสติไม่ดีแน่ๆเลยอ่ะ น่าสงสารจังหน้าตาขี้เหร่แถมยังสติไม่ดีอีกต่างหาก”
O0O นี่ฉันสติยังดีอยู่นะย่ะ แถมหน้าตาฉันสวยเหมือนพี่อั้ม ผัดขิงข่าเลยนะ ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นและตรงไปที่ห้องสมุดเพื่อไปสงบสติอารมณ์ ในระหว่างที่ฉันกำลังหาที่นั่งอยู่นั่นฉันก็ได้พบกับชายคนหนึ่ง ท่าทางคุ้นๆ และเขาก็เดินตรงมาหาฉัน
“อันนา”
ชายคนนั้นคือแฟรงค์นั่นเอง
“แฟรงค์ นายมาทำอะไรที่นี่อ่ะ แถมยังใช่ชุดมหาลัยที่นี่อีก”
“ฉันย้ายมาเรียนที่นี่นะ”
“ย้ายมาเรียนที่นี่เหรอ ดีจังเลย^^”
“นี่อันนา ทำไมช่วงนี้เธอถึงไม่ไปที่ร้านหนังสือเลยล่ะ”
“พอดีช่วงนี้ฉันยุ่งๆนะ เลยไม่ได้ไปหานายเลย”
”ไม่เป็นไร ฉันก็มาหาเธอแทนแล้วนี่ไง”
แฟรงค์ส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน
“เย็นนี้เธอว่างมั้ย ไปกินข้าวกัน”
“เอ่อ...คือ”
“ไม่ว่าง”
ฉันหันไปมองก็พบว่าคาโลเดินตรงมาทางฉัน ด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจเอามากๆ
“นายมีสิทธิอะไร ที่มาห้ามอันนาไม่ให้ไปกินข้าวกับฉัน”
แฟรงค์ถามออกไปด้วยความสงสัย
“แฟน.... ฉันเป็นแฟนกับยัยนี่ไงละ”
“นี่พวกนายเลิกเถียงกันสักทีเถอะ ที่นี่มันห้องสมุดนะ”
ฉันดุพวกเขาทั้งคู่ แฟรงค์ก็สงบสติอารมณ์ทันทีแต่คาโลยังคงทำสีหน้าไม่พอใจ ฉันจึงลากพวกเขาออกมาจากห้องสมุด ชะนีน้อยทั้งหลายต่างก็มองฉันด้วยสายตาที่เหยียดหยามและโกรธแค้น คาโลพยายามขัดขืนแต่ในที่สุดฉันก็ลากเขาทั้งคู่ออกมาจากห้องสมุดมาที่ลานกิจกกรมจนได้
ตึงๆๆๆ โป๊ะๆๆๆ
เสียงดนตรีดังครึกโครมอยู่ที่กลางลานกิจกรรม
“น้องๆปี1 สนใจ...”
“ไม่สน”
คาโลตะโกนใส่หน้าพี่กะเทยร่างยักษ์คนหนึ่งที่ถือป้ายชมรมจิตอาสา จนพี่เขาถึงกับน้ำตาไหลพราก
“นี่คาโล นายดุพี่เขาทำไม”
ฉันดุคาโลเสียงดัง
“ก็ฉันหงุดหงิดอยู่นี่”
“แล้วน้องสุดหล่อคนนั้นล่ะคะ สนใจเช้าชมรมจิตอาสาของพวกพี่มั้ย”
พี่กะเทยร่างยักษ์อีกคนหนึ่งเดินเข้าไปถามแฟรงค์ ด้สยท่าทางกล้ากลัวๆ
“ครับ ผมสนใจ”
“กรี๊ด หล่อแล้วยังใจดีอีกใครได้เป็นแฟนคงโชคดีมากเลยนะคะ”
พี่กะเทยจีบปากจีบคอพูด ฉันแทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว
“ขอบคุณครับ”
“เออนี่อันนา เธอมีชมรมหรือยังเข้าชมรมนี้กับฉันมั้ย”
แฟรงค์เดินเข้ามาใกล้ๆฉัน เพื่อหลีกหนีมือที่เหนียวยิ่งกว่ากาวของพี่กะเทยร่างยักษ์
“อ๋อ เอาสิฉันก็ยังไม่มีชมรมอยู่เหมือนกัน”
“ดีเลยคะน้อง ทำจิตอาสาเยอะๆจะได้สวยเหมือนพวกพี่ไงคะ โฮ้โฮ้โฮ้”
- -“
“ฉันสมัครด้วย”
คาโลพูดเสียงดังจนผู้คนรอบข้างหันมามองทางเราเป็นตาเดียว
“นายว่าไงนะ”
ฉันถามคาโลอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าหูของฉันยังใช้งานได้ดีอยู่
“หูหนวกเหรอยัยเพี้ยน ฉันจะสมัครชมรมนี้ไง”
“นายแน่ใจเหรอคาโล เมื่อกี้นายยังบอกไม่สนใจอยู่เลยนะ”
“ก็นั่นมันเมื่อกี้ แต่ตอนนี้ฉันสนใจแล้ว”
“เอาแต่ใจชะมัด”
ฉันพูดอุบอิบอยู่ในลำคอ
“ผมขอใบสมัครด้วยครับ”
เมื่อพวกเรากรอกใบสมัครเสร็จเราก็มานั่งตรงลานประชุม เพื่อรอคำชี้แจงจากรุ่นพี่
“เอาล่ะค่ะน้องๆ พี่ก็ขอต้อนรับน้องๆเข้าสู่ชมรมจิตอาสานะคะ “
พี่กะเทยร่างยักษ์ประกาศผ่านไมโครโฟน
“พี่ชื่อลูกอมนะคะ เป็นประธานชมรมจิตอาสาแห่งนี้และวันนี้พี่ก็จะขอแจ้งให้ทุกคนทราบว่าในสัปดาห์หน้า พี่จะพาน้องๆทุกคนไปทำกิจกรรมอาสากัน เราจะไปกัน 2 วัน 1 คืน ก็ขอให้น้องๆเตรียมตัวกันให้พร้อมนะคะ สำหรับวันนี้ก็แยกย้ายได้คะ”
“อันนาฉันไปก่อนนะ พอดีที่ร้านวุ่นๆอยู่น่ะ”
เมื่อพี่ลูกอมพูดจบ แฟรงค์ก็ขอตัวออกไปทำงานต่อที่ร้าน
“แต่เราเพิ่งเจอกันเองนะ”
“ฉันก็อยู่นี่แหละ ถ้าเธอเบื่อก็เข้าไปหาฉันที่ร้านได้ตลอดเลยนะ”
“จ๊ะ”
ฉันส่งยิ้มหวานให้กับแฟรงค์ก่อนที่เขาก็เดินไปอย่างรวดเร็ว
“ชิ กับมันพูดจาซะหวานเลยนะ ทีกับฉันทั้งดุทั้งด่า”
คาโลทำเสียงน้อยใจ
“ก็แฟรงค์เขาทำตัวดีนี่ไม่เหมือนกับนาย ชอบเอาแต่ใจอีกอย่างเขาก็เป็นเพื่อนฉัน”
เมื่อฉันพูดจบคาโลก็เงียบไป
“นี่คาโล นายแน่ใจนะว่าจะอยู่ชมรมจิตอาสาจริงๆน่ะ”
“แน่สิ ฉันใจบุญจะตาย”
ใจบุญมากค่ะขนาดเด็กชนหมอนี่นิดเดียว อีตาบ้านี่ยังดุจนน้องเขาร้องไห้ไปฟ้องพ่อเลย
“นี่ยัยเพี้ยน นายแฟรงค์อะไรนั้นมันเป็นใครอ่ะ ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”
“อ่อ แฟรงค์เขาเป็นลูกเจ้าของร้านหนังสือที่ฉันชอบไปไง และตอนนี้เขาก็เพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ด้วย”
“ย้ายมาเรียนตอนนี้เนี่ยเหรอ”
“อืมใช่”
“หมอนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ”
“นายว่าไงนะ”
ฉันถามคาโลเพราะฉันได้ยินที่เขาพูดไม่ค่อยถนัด
“เปล่า เย็นนี้เธอห้ามไปกินข้าวกับมันนะเธอต้องไปกินข้าวกับฉันเท่านั้น”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ฉันไม่มีเพื่อนกินข้าวด้วยไงล่ะยัยเพี้ยน ไอ้ฟราโก้ก็หายหัวไปเลยสงสัยติดสาวๆอีกตามเคย”
“แต่แฟรงค์ท่าทางก็ยังไม่มีเพื่อนกินข้าวเหมือนกันนี่”
“ได้ไง ฉันต้องสำคัญกว่าหมอนั่นสิ ถ้าเธอไม่ไปกินข้าวกับฉันฉันคงกินข้าวไม่อร่อยแน่ๆเลย”
คาโลอ้อนฉันเด้วยใบหน้าที่น่ารักเกินกว่าที่จะปฏิเสธลง
“ก็ได้ๆ”
เมื่อฉันตอบตกลงคาโลก็ส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน ^/////^ดูหมอนี่ใกล้ๆหล่อกว่าเดิมอีกแฮะ
‘ณ วันออกค่ายอาสา’
“นี่คาโลนายเร็วๆหน่อยได้มั้ย เดี๋ยวก็ไปไม่ทันหรอก”
“รู้แล้วนะ ฉันก็รีบอยู่นี่ไง”
“ถ้าไปไม่ทันฉันฆ่านายแน่”
ฉันบ่นคาโลตลอดทาง เพราะเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องวิ่งขาขวิดแบบนี้ ไม่นานเราก็วิ่งมาถึงจุดนัดพบด้วยความเหน็ดเหนื่อย โชคดีที่ทุกคนยังคงรอเราอยู่
แฮกๆๆ
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ทุกคนต้องรอ”
ฉันกล่าวขอโทษทุกคนด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง
“คาโลนายขอโทษทุกคนสิ นายเป็นต้นเหตุนะ”
ฉันกระซิบบอกคาโล
“ขอโทษ”
คาโลพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มใจนัก ฉันทำสายตาไม่พอใจเขาจึงยอมพูดเสียงอ่อนลง
“ขอโทษครับ”
พี่กะเทยลูกอมทำหน้าเอือมกับนิสัยของคาโลที่ทั้งปากร้ายและเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด
“เอาล่ะคะยังไงก็มากันคบแล้ว แยกย้ายกันหาที่นั่งนะคะ”
พี่ลูกอมพูดจบทุกคนต่างก็วิ่งจับจองที่นั่งที่ตนเองถูกใจ
“อันนา”
“ยัยเพียวแกมาอยู่ที่นี่ได้ไง”
“ชมรมจิอาสาและชมรมการแสดงจับมือกันออกค่ายอาสาในครั้งนี้นะ”
“แกไม่เห็นบอกฉันเลย”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิยะ”
“ดีจังที่มีแกไปด้วย”
“เฮ้ อันนา”
บทสนทนาของเราจบลงเมื่อมีคนเอ่ยเรียกชื่อฉัน
“ฟราโก้”
“ไม่ได้เจอกันเลยเธอสวยขึ้นนะ”
“สวยแต่มีเจ้าของแล้วว่ะ”
พวกเราหันไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพียงกัน ก็พบคาโลยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่ข้างๆฉัน
“เจ้าของจอมปลอมไม่ใช่เหรอวะ”
ฟราโก้ลดเสียงลงเพื่อไม่ให้คนนอกวงสนทนาได้ยิน ฉันเหลือบไปมองคาโล ท่าทางของเขาเหมือนอยากฆ่าฟราโก้ให้ตายซะตรงนี้ ฉันเองก็หวั่นไหวกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อยเพียงแต่ไม่อยากเข้าข้างตัวเองมากไปกว่านี้ ฉับพลันก็มีชายร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาประชิดตัวฉันในมือถือขวดน้ำพร้อมกับยื่นให้ฉัน นี่มันวันรวมญาติหรือไงกัน
“ฉันให้เห็นเธอวิ่งมาเหนื่อยๆ เลยเอาน้ำมาให้นะ”
แฟรงค์พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและดูใจดี ฉันเอื้อมมือไปหยิบแต่ก็มีมือปริศนาคว้าขวดน้ำไปต่อหน้าต่อตาฉัน
“ขอบใจ ฉันกำลังหิวอยู่พอดี”
คาโลคว้าขวดน้ำไปดื่มจนหมดพร้อมกับยื่นขวดเปล่าคืนให้แฟรงค์อย่างหน้าตาเฉย แฟรงค์ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นสายมองคาโลด้วยความขุ่นเคือง
“เอ่อ ยังไงก็ขอบใจมากนะแฟรงค์”
ฉันพยายามพูดเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ปกติ แฟรงค์ยิ้มให้ฉันอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ประจำของตัวเอง คาโลก็ทำท่าทางหงุดหงิดฉันมากก่อนที่จะไปนั่งกับฟราโก้ที่ถัดจากฉันไปแค่เบาะเดียว หมอนี่แปลกคนจังแฮะอารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างกับผู้หญิงมีประจำเดือน รถขับเคลื่อนอยู่นานสุดท้ายพวกเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย พวกเราค่อยๆทยอยก้าวลงจากรถกันอย่างเชื่องช้าด้วยความเหนื่อยล้าจากการนั่งรถเป็นเวลานาน
“เอาล่ะค่ะน้องๆทุกคนที่นี่ก็คือสถานที่ที่เราจะพักกันนะคะ”
พี่กะเทยลูกอมกล่าวพร้อมชี้ไปที่ลานกว้างซึ่งไร้สิ่งก่อสร้างทุกชนิด
“ไหนล่ะครับโรงแรมที่เราจะพักกัน”
นักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
…….
“อย่าบอกนะว่า นะ…นอนที่นี่”
“ใช่แล้วค่ะเราจะนอนกันที่นี่มาทำจิตอาสาทั้งทีก็ต้องมาซึมซับบรรยากาศกันหน่อย เอาล่ะทุกคนแยกย้ายไปจับจองพื้นที่และหยิบเต็นท์มากางกันได้แล้ว เดี๋ยวเราจะต้องไปทำงานอาสากันอีก”
พี่ลูกอมพูดจบทุกคนต่างก็วิ่งไปจับจองพื้นที่ที่ตัวเองชอบ จนทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย
“อันนาฉันหยิบเต็นท์มาให้เธอน่ะ”
“ขอบใจนะ”
ฉันหยิบเต็นท์จากมือฟราโก้ด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย นานๆจะมีผู้ชายใจดีคอยดูแล หุหุหุ^^
“แล้วนี่เธอกางเต็นท์เป็นมั้ย”
“ไม่เป็นจ๊ะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันทำให้นะ^_^”
“ขอบใจแต่ไม่ต้อง แฟนฉันฉันดูแลเองได้”
คาโลพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวและใบหน้าที่ชวนหาเรื่อง
“นี่คาโล นายพูดจาให้มันสุภาพหน่อยสิ”
“แต่ฉันไม่ชอบขี้หน้ามันนิ”
“แต่แฟรงค์เค้าเป็นเพื่อนฉันนะ”
“ฉันก็เป็นแฟนเธอเหมือนกัน”
“เอาล่ะๆ งั้นฉันไปก่อนดีกว่านะอันนา อย่าเถียงกันเพราะฉันเลย”
แฟรงค์ส่งยิ้มแห้งๆให้ฉัน พอเขาวิ่งไปคาโลก็หันมาทำหน้าดุใส่ฉันทันที
“ฉันจะฆ่าเธอยัยเพี้ยน”
“ฉันทำอะไรผิดล่ะเนี่ย”
เขาไม่สนใจฉันได้แต่เดินหนีไป คาโลกางเต็นท์ได้อย่างคล่องแคล่วจนฉันแอบขยี้ตาของตัวเองเพราะไม่เชื่อว่าคาโลจะมีดีกว่าแค่ชี้นิ้วสั่งคนอื่นไปวันๆ
“อึ้งเลยซิยัยเพี้ยน ฉันเก่งแถมหล่อมากใช่มั้ยล่ะ”
“ก็ไม่เท่าไหร่ย่ะ แล้วนี่ทำไมฉันต้องใกล้เต็นท์นายด้วยเนี่ย”
“ทำไม อยู่ใกล้ฉันแล้วทำไม นี่อยากไปนอนใกล้แฟรงค์อะไรนั่นใช่มั้ย”
“นอนใกล้แฟรงค์ยังดีกว่านอนใกล้นายแล้วกันย่ะ”
“เอาล่ะน้องๆ หยุดเถียงกันได้แล้วเพื่อนๆรอพวกเธออยู่ ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
พี่ลูกอมเดินเข้ามาห้ามสงครามน้ำลายของเรา2คน ก่อนที่จะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น ฉันวิ่งนำคาโลไปรวมตัวกับทุกคนเพื่อจะออกไปทำจิตอาสากัน ระยะทางจากที่พักกับโรงเรียนที่เราจะไปทำจิตอาสาไม่ไกลกันนัก บรรยากาศบริเวณรอบนอกชวนให้ขนลุก เป็นโรงเรียนขนาดเล็กและทรุดโทรมมาก หวังว่าที่นี่จะไม่ใช่โรงเรียนผีเฮี้ยนนะ
“พี่ก็จะมีฉลากให้ทุกคนจับนะว่าตัวเองจะได้ทำหน้าที่อะไร ตำแหน่งไหน”
พวกเราเดินทยอยกันมาจับฉลาก ฉันและฟราโก้ได้อยู่ในส่วนจัดการปรับปรุงห้องสมุด ยัยเพียวได้อยู่บริการเสริฟน้ำดื่ม ส่วนคาโลและแฟรงค์อยู่ส่วนซ่อมแซม
“นี่ฟราโก้แกมาเปลี่ยนกับฉันเลย ฉันจะอยู่กับยัยเพี้ยน”
“ได้ไงวะ จับได้อันไหนก็อยู่อันนั้นดิ”
“ใช่ นายจะมางอแงเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้นะคาโล”
“กะ...ก็ได้”
คาโลทำสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ยอมสงบลงด้วยดี พวกเราแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ฉันและฟราโก้ก็จัดการปัด กวาด เช็ด แล้วก็ถูด้านในของห้องสมุดให้สะอาด ทุกๆคนดูตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้น สายตาของฉัน เหลียบไปเห็นคาโลที่กำลังตั้งใจทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ ท่าทางของเขาดูทะมัดทะแมงผิดกับตอนที่คอยชี้นิ้วใช้ฉัน เมื่อวานก่อน ฉันควรจะโมโหหรือชื่นชมในตัวเขาดีเนี่ย แฟรงค์ที่ซ่อมเก้าอี้อยู่ข้างๆก็ดูขยันขันแข็งไม่แพ้กัน สาวๆต่างก็ชื่นชมพวกเขาเป็นอย่างมากว่าทั้งหล่อและจิตใจดี แฟรงค์ฉันไม่เถียงเลย แต่นายคาโลนั่นฉันขอเถียงขาดใจหมอนี่ไม่ได้ดีอย่างที่ใครๆคิด วันๆคอยแต่จะหาเรื่องแกล้งฉันอย่างเดียว
“โอ๊ย”
แฟรงค์ร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวดเพราะตอกตะปูพลาดไปโดนนิ้วมือตัวเองเข้าอย่างจัง ฉันจึงวิ่งเข้าไปดูอาการเพราะความเป็นห่วง
“เป็นอะไรมากมั้ยแฟรงค์”
“โอ๊ย ยัยเพี้ยนฉันเจ็บ”
เสียงคาโลร้องแทรกขึ้นมาก่อนที่แฟรงค์จะตอบฉัน คาโลยืนทำหน้าบูดเบี้ยวและจับไปที่นิ้วมือของตัวเอง
“เธอไปดูเขาเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
แฟรงค์พูดด้วยไปหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์
“งั้นฉันไปนะ”
ฉันรีบวิ่งไปหาคาโลที่ยืนหน้าตาบูดเบี้ยวทันที
“ยัยเพี้ยนฉันเจ็บ”
“สมน้ำหน้า อยากไม่ระวังเอง”
“ใจร้าย ทีกับไอ้แฟรงค์พูดจาซะดีเชียว”
“อ่ะๆ ไหนขอฉันดูแผลหน่อย”
เขายื่นแขนมาให้ฉันอย่างช้าๆ
“ไหนล่ะแผล”
“ไม่มี”
“นี่นายหลอกฉันเหรอ”
เขาทำหน้ายียวน ฉันเลยคว้านิ้วของเขามากัดอย่างเต็มแรงโทษฐานที่บังอาจมาหลอกฉันได้
“โอ๊ย ยัยเพี้ยนเธอเป็นหมาหรือไงเนี่ย”
“สม น้ำ หน้า”
ฉันพูดเน้นคำอย่างหนักแน่น ก่อนที่ฉันจะเดินกลับไปจัดการกับหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จ
“นี่อันนาเขาว่ากันว่าทะเลาะกันบ่อยๆแบบนี้ลูกดกนะ”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาแซวฉันกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ ฉันได้แต่ส่งยิ้มเหยเกไปให้หล่อน ก่อนที่จะเดินหนีไปทำความสะอาดอีกฟากหนึ่งของห้อง
“ไงอันนา ระวังลูกดกนะ”
ฟราโก้เดินเข้ามาล้อเลียนฉันด้วยท่าที่ฉันกระโดดกอดนิ้วมือคาโลเมื่อกี้
“นายอยากโดนกัดอีกคนใช่มั้ย”
“เฮ้ย ล้อเล่นนิดเดียวเองยัยโหด ฉันไปก่อนดีกว่าไม่อยากโดนงับหัวตอนนี้”
ฟราโก้ซอยเท้าเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ฉันยืนสงบสติและอารมณ์ของตัวเองอยู่ชั่วครู่ก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง พวกเราทำงานกันจนเย็นก็ยังไม่เสร็จแต่ก็ต้องกลับที่พักเพื่อออมแรงไว้ลุยงานกันต่อพรุ่งนี้ ในระหว่างล้อมวงรับประทานอาหารกันอยู่ก็ไม่มีใครแม่แต่เอ่ยปากพูดอะไรออกมาสักคำ
“แหม สงสัยจะอิ่มบุญกันเป็นแถวๆจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว พี่ก็มีปาร์ตี้เล็กๆจัดไว้ขอบคุณน้องๆที่อุตส่ามาทำความดีร่วมกันในวันนี้ พี่ก็ขอเชิญน้องๆไปร่วมสนุกกันที่ด้านโน้นนะคะ”
“เย้ๆๆๆ”
พี่ลูกอมพูดจบเสียงฮือฮา โห่ร้องชอบใจกับการจัดปาร์ตี้ขอบคุณก็ดังขึ้นทุกคนกลับมาดูกระปรี้กระเปร่าอย่างทันตา ต่างก็วิ่งไปร่วมงานปาร์ตี้อย่างพร้อมเพียงกัน
“นี่คาโล แกไม่ไปสนุกกับฉันเหรอวะ”
ฟราโก้เอ่ยปากถามพร้อมกับออกสเต็ปการเต้นเบาๆไปด้วย
“ยังวะ แกไปก่อนเลย”
“แล้วแกล่ะอันนา จะไปสนุกกับฉันมั้ย”
ยัยเพี้ยวถามฉันด้วยใบหน้าที่กระดี๊กระด๊า
“ตามสบายเลยแก ฉันอยากนั่งพักนะ”
“ตามใจ งั้นฉันขอไปสนุกก่อนนะ”
ฟราโก้และยัยเพียววิ่งตรงไปที่กลางงานปาร์ตี้และออกสเต็ปท่าเต้นจนเพื่อนๆต่างก็ส่งเสียงร้องชอบใจด้วยความสนุกสนาน ฉันหันกลับมาเมื่อรู้สึกว่ากำลังมีใครจ้องมองฉันอยู่
“มีอะไรติดหน้าฉันเหรอ”
ฉันถามคาโลพร้อมชี้ไปที่ใบหน้าของฉัน
“ไม่มีนี่”
“แล้วนายจ้องฉันทำไม”
“แค่อยากมองนะ”
“เพี้ยนขึ้นทุกวันแล้วนะนานอ่ะ”
^O^
“ฉันไม่คุยกับนายแล้ว ไปนอนดีกว่า”
ฉันเดินตรงไปที่เต็นท์ของฉันทันที คาโลเองก็เดินเดินตามฉันมาเหมือนกัน
“นายตามฉันมาทำไมย่ะ”
“ใครตามเธอ สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ฉันเองก็ง่วงนอนเหมือนกัน”
คาโลเดินเข้าเต็นท์ตัวเองไปทันที ฉันได้แต่ยืนงงกับท่าทางของเขา ฉันเดินเข้าเต็นท์ไปและเอนตัวลงนอนสักพักคาโลก็ส่องไฟฉ่ายมาก่อกวน ฉันได้แต่กดอารมณ์โกรธของตัวเองไว้
“นี่ยัยเพี้ยนเธอหลับหรือยัง”
คาโลถามฉันผ่านเต็นท์เข้ามา
“ยัง มีอะไร”
ฉันตอบเสียงเรียบ เพราะไม่อยากทะเลาะกับเขาในตอนนี้
“เธอรู้มั้ยนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้มาออกทำงานอาสาแบบนี้นะ”
“ก็ไม่แปลก นายนิสัยแย่ขนาดนี้”
คำทำเสียงจิจ๊ะในลำคอแต่ก็ไม่ได้ด่าฉันแต่อย่างใด
“ที่นี่อากาศดีนะว่ามั้ย”
“อืม”
“เธอชอบดูดาวหรือเปล่า ออกไปดูดาวกันมั้ย”
.....
“อันนา”
......
“ยัยเพี้ยน”
.....
“ฝันดีนะ^^”
เช้านี้พวกเราตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อออกมาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ทุกคนดูกระปรี้กระเปร่าและสดใสกันมากเราจึงออกไปลุยงานกันแต่เช้า แต่มีคนหนึ่งที่สภาพเหมือนยังไม่ตื่นนอนนั่นก็คือคาโล
“รีบตื่นทำไมกันเนี่ย ยังเช้าอยู่เลย”
“ใครจะไปขี้เกียจสันหลังยาวเหมือนนายล่ะ”
คาโลมองค้อนฉัน และอ้าปากหาวไปด้วย พวกเราแยกย้ายไปทำงานที่ยังค้างจากเมื่อวานให้เสร็จ งานในวันนี้ค่อนข้างจะน้อยลงกว่าเมื่อวาน ทำให้พวกเรามีเวลาหยอกล้อและเล่นกันบ้าง บางคนก็โชว์ลีลาท่าเต้น บางคนจัดคอนเสิร์ตขนาดย่อมโดยมีไม้ถูพื้นเป็นกีต้าร์ และถังน้ำเป็นกลอง ทุกคนดูมีความสุขและสนุกสนาน ฉันเห็นพวกเขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“อันนาฉันเอาน้ำมาให้”
ฟราโก้เดินเข้ามาหาฉันที่กำลังนั่งมองพี่ลูกอมแอบลวนลามชายคนหนึ่งอยู่
“ขอบใจนะฟราโก้”
“ไม่เป็นไร”
อึกๆๆๆ
คาโลเดินเข้ามาหยิบขวดน้ำยกขึ้นกระดกจนหมดขวด
“ขอบใจมากเพื่อนรัก ฉันกำลังหิวอยู่พอดีเลย”
“เฮ้ย อะไรของแกวะคาโล ฉันเอามาให้อันนานะโว้ย”
คาโลทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจคำพูดของฟราโก้ 2คนนี้เขาเป็นเพื่อนกันจริงๆหรือเปล่าเห็นกัดกันตลอดเลย
“งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาให้ใหม่นะอันนา”
“ไม่ต้อง ฉันเตรียมมาให้อันนาแล้ว”
คาโลห้ามฟราโก้ก่อนที่เขาจะลุกไป
“อ่าว แล้วทำไมแกไม่กินน้ำที่แกถือมานี่วะ”
“ก็ฉันอยากให้อันนากินน้ำของฉันอ่ะ”
ฟราโก้ได้แต่กุมขมับของตัวเอง
“นี่ไอ้คาโลที่แกทำอยู๋นี่ แกหึงอันนาใช่มั้ย”
พรวดดด น้ำที่ฉันเพิ่งกระดกเข้าปากไปก็ไหลออกมาหยดที่พื้นจนหมด
“แกพูดอะไรใครหึงใคร ไม่มี๊”
ฟราโก้พยายามใช้สายตาเค้นเอาความจริงจากคาโล แต่คาโลก็ส่ายหน้าปฎิเสธออกไป
“ไม่หึงก็ไม่หึง”
ตลอดขากลับฉันและคาโลไม่ได้พูดจาอะไรกันเลย เขามองมาที่ฉันตลอด ฉันได้แต่หลีกเลี่ยงสายตาคู่นั้น ไม่ใช่เพราะความอึดอัดหรือรำคาญแต่อย่างใด แต่มันคือความเขินนั่นเอง หัวใจของฉันมันเป็นอะไรไปนะ คำตอบของคาโลที่ตอบฟราโก้ไปฉันแอบภาวนาให้เขาตอบว่าหึงฉัน ฉันคงชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ
“ชมรมอะไรของแกวะเพียว ฉันไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”
“ก็จริง วันๆแกขุกอยู่กับคาโลทั้งวัน”
”ชมรมอะไรอ่ะแก”
“ก็พวกปี1ทุกคนต้องเลือกเข้าขมรม 1 ชมรม ถ้าไม่เข้าก็ไม่มีสิทธิจบการศึกษา”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืมใช่ และนี่ใบปลิวเอาไปดูว่ามีชมรมอะไรบ้าง”
ยัยเพียวยื่นใบปลิวกองใหญ่ให้กับฉัน
“แล้วนี่แกเข้าชมรมอะไรอ่ะ”
“สวยๆอย่างฉันต้องชมรมการแสดงอยู่แล้ว”
ยัยเพียวตอบอย่างมั่นใจ ยัยนี่ได้ความหลงตัวเองมาจากใครกันนะ
“เออนี่อันนา แกกับคาโลไปถึงไหนกันแล้วเนี่ย”
“ถึงไหนอะไรกันล่ะ หมอนั่นใช้ฉันอย่างกับทาส”
ยัยเพียวมองฉันด้วยสายตาจับผิด
“อะ..อะไรของแก มองฉันแบบนั้นทำไม”
“ป่าว ! ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แกร้อนตัวไปเองทั้งนั้น”
“แกรีบไปงานที่คณะไม่ใช่เหรอ รีบไปเลยนะ”
“ฮ่าๆๆๆ เขินล่ะซิ งั้นฉันไปก่อนนะขอให้แกรักกับคาโลนานๆ”
“แกรีบไปเลยก่อนที่ฉันจะฆ่าแก”
เมื่อยัยเพียวเดินจากไป ฉันได้แต่นั่งยิ้มเพราะความเขินอายอยู่คนเดียว
“แกดูยัยขี้เหร่ตรงนั้นสิ นั่งยิ้มคนเดียวสงสัยสติไม่ดีแน่ๆเลยอ่ะ น่าสงสารจังหน้าตาขี้เหร่แถมยังสติไม่ดีอีกต่างหาก”
O0O นี่ฉันสติยังดีอยู่นะย่ะ แถมหน้าตาฉันสวยเหมือนพี่อั้ม ผัดขิงข่าเลยนะ ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นและตรงไปที่ห้องสมุดเพื่อไปสงบสติอารมณ์ ในระหว่างที่ฉันกำลังหาที่นั่งอยู่นั่นฉันก็ได้พบกับชายคนหนึ่ง ท่าทางคุ้นๆ และเขาก็เดินตรงมาหาฉัน
“อันนา”
ชายคนนั้นคือแฟรงค์นั่นเอง
“แฟรงค์ นายมาทำอะไรที่นี่อ่ะ แถมยังใช่ชุดมหาลัยที่นี่อีก”
“ฉันย้ายมาเรียนที่นี่นะ”
“ย้ายมาเรียนที่นี่เหรอ ดีจังเลย^^”
“นี่อันนา ทำไมช่วงนี้เธอถึงไม่ไปที่ร้านหนังสือเลยล่ะ”
“พอดีช่วงนี้ฉันยุ่งๆนะ เลยไม่ได้ไปหานายเลย”
”ไม่เป็นไร ฉันก็มาหาเธอแทนแล้วนี่ไง”
แฟรงค์ส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน
“เย็นนี้เธอว่างมั้ย ไปกินข้าวกัน”
“เอ่อ...คือ”
“ไม่ว่าง”
ฉันหันไปมองก็พบว่าคาโลเดินตรงมาทางฉัน ด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจเอามากๆ
“นายมีสิทธิอะไร ที่มาห้ามอันนาไม่ให้ไปกินข้าวกับฉัน”
แฟรงค์ถามออกไปด้วยความสงสัย
“แฟน.... ฉันเป็นแฟนกับยัยนี่ไงละ”
“นี่พวกนายเลิกเถียงกันสักทีเถอะ ที่นี่มันห้องสมุดนะ”
ฉันดุพวกเขาทั้งคู่ แฟรงค์ก็สงบสติอารมณ์ทันทีแต่คาโลยังคงทำสีหน้าไม่พอใจ ฉันจึงลากพวกเขาออกมาจากห้องสมุด ชะนีน้อยทั้งหลายต่างก็มองฉันด้วยสายตาที่เหยียดหยามและโกรธแค้น คาโลพยายามขัดขืนแต่ในที่สุดฉันก็ลากเขาทั้งคู่ออกมาจากห้องสมุดมาที่ลานกิจกกรมจนได้
ตึงๆๆๆ โป๊ะๆๆๆ
เสียงดนตรีดังครึกโครมอยู่ที่กลางลานกิจกรรม
“น้องๆปี1 สนใจ...”
“ไม่สน”
คาโลตะโกนใส่หน้าพี่กะเทยร่างยักษ์คนหนึ่งที่ถือป้ายชมรมจิตอาสา จนพี่เขาถึงกับน้ำตาไหลพราก
“นี่คาโล นายดุพี่เขาทำไม”
ฉันดุคาโลเสียงดัง
“ก็ฉันหงุดหงิดอยู่นี่”
“แล้วน้องสุดหล่อคนนั้นล่ะคะ สนใจเช้าชมรมจิตอาสาของพวกพี่มั้ย”
พี่กะเทยร่างยักษ์อีกคนหนึ่งเดินเข้าไปถามแฟรงค์ ด้สยท่าทางกล้ากลัวๆ
“ครับ ผมสนใจ”
“กรี๊ด หล่อแล้วยังใจดีอีกใครได้เป็นแฟนคงโชคดีมากเลยนะคะ”
พี่กะเทยจีบปากจีบคอพูด ฉันแทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว
“ขอบคุณครับ”
“เออนี่อันนา เธอมีชมรมหรือยังเข้าชมรมนี้กับฉันมั้ย”
แฟรงค์เดินเข้ามาใกล้ๆฉัน เพื่อหลีกหนีมือที่เหนียวยิ่งกว่ากาวของพี่กะเทยร่างยักษ์
“อ๋อ เอาสิฉันก็ยังไม่มีชมรมอยู่เหมือนกัน”
“ดีเลยคะน้อง ทำจิตอาสาเยอะๆจะได้สวยเหมือนพวกพี่ไงคะ โฮ้โฮ้โฮ้”
- -“
“ฉันสมัครด้วย”
คาโลพูดเสียงดังจนผู้คนรอบข้างหันมามองทางเราเป็นตาเดียว
“นายว่าไงนะ”
ฉันถามคาโลอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าหูของฉันยังใช้งานได้ดีอยู่
“หูหนวกเหรอยัยเพี้ยน ฉันจะสมัครชมรมนี้ไง”
“นายแน่ใจเหรอคาโล เมื่อกี้นายยังบอกไม่สนใจอยู่เลยนะ”
“ก็นั่นมันเมื่อกี้ แต่ตอนนี้ฉันสนใจแล้ว”
“เอาแต่ใจชะมัด”
ฉันพูดอุบอิบอยู่ในลำคอ
“ผมขอใบสมัครด้วยครับ”
เมื่อพวกเรากรอกใบสมัครเสร็จเราก็มานั่งตรงลานประชุม เพื่อรอคำชี้แจงจากรุ่นพี่
“เอาล่ะค่ะน้องๆ พี่ก็ขอต้อนรับน้องๆเข้าสู่ชมรมจิตอาสานะคะ “
พี่กะเทยร่างยักษ์ประกาศผ่านไมโครโฟน
“พี่ชื่อลูกอมนะคะ เป็นประธานชมรมจิตอาสาแห่งนี้และวันนี้พี่ก็จะขอแจ้งให้ทุกคนทราบว่าในสัปดาห์หน้า พี่จะพาน้องๆทุกคนไปทำกิจกรรมอาสากัน เราจะไปกัน 2 วัน 1 คืน ก็ขอให้น้องๆเตรียมตัวกันให้พร้อมนะคะ สำหรับวันนี้ก็แยกย้ายได้คะ”
“อันนาฉันไปก่อนนะ พอดีที่ร้านวุ่นๆอยู่น่ะ”
เมื่อพี่ลูกอมพูดจบ แฟรงค์ก็ขอตัวออกไปทำงานต่อที่ร้าน
“แต่เราเพิ่งเจอกันเองนะ”
“ฉันก็อยู่นี่แหละ ถ้าเธอเบื่อก็เข้าไปหาฉันที่ร้านได้ตลอดเลยนะ”
“จ๊ะ”
ฉันส่งยิ้มหวานให้กับแฟรงค์ก่อนที่เขาก็เดินไปอย่างรวดเร็ว
“ชิ กับมันพูดจาซะหวานเลยนะ ทีกับฉันทั้งดุทั้งด่า”
คาโลทำเสียงน้อยใจ
“ก็แฟรงค์เขาทำตัวดีนี่ไม่เหมือนกับนาย ชอบเอาแต่ใจอีกอย่างเขาก็เป็นเพื่อนฉัน”
เมื่อฉันพูดจบคาโลก็เงียบไป
“นี่คาโล นายแน่ใจนะว่าจะอยู่ชมรมจิตอาสาจริงๆน่ะ”
“แน่สิ ฉันใจบุญจะตาย”
ใจบุญมากค่ะขนาดเด็กชนหมอนี่นิดเดียว อีตาบ้านี่ยังดุจนน้องเขาร้องไห้ไปฟ้องพ่อเลย
“นี่ยัยเพี้ยน นายแฟรงค์อะไรนั้นมันเป็นใครอ่ะ ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”
“อ่อ แฟรงค์เขาเป็นลูกเจ้าของร้านหนังสือที่ฉันชอบไปไง และตอนนี้เขาก็เพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่ด้วย”
“ย้ายมาเรียนตอนนี้เนี่ยเหรอ”
“อืมใช่”
“หมอนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ”
“นายว่าไงนะ”
ฉันถามคาโลเพราะฉันได้ยินที่เขาพูดไม่ค่อยถนัด
“เปล่า เย็นนี้เธอห้ามไปกินข้าวกับมันนะเธอต้องไปกินข้าวกับฉันเท่านั้น”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ฉันไม่มีเพื่อนกินข้าวด้วยไงล่ะยัยเพี้ยน ไอ้ฟราโก้ก็หายหัวไปเลยสงสัยติดสาวๆอีกตามเคย”
“แต่แฟรงค์ท่าทางก็ยังไม่มีเพื่อนกินข้าวเหมือนกันนี่”
“ได้ไง ฉันต้องสำคัญกว่าหมอนั่นสิ ถ้าเธอไม่ไปกินข้าวกับฉันฉันคงกินข้าวไม่อร่อยแน่ๆเลย”
คาโลอ้อนฉันเด้วยใบหน้าที่น่ารักเกินกว่าที่จะปฏิเสธลง
“ก็ได้ๆ”
เมื่อฉันตอบตกลงคาโลก็ส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน ^/////^ดูหมอนี่ใกล้ๆหล่อกว่าเดิมอีกแฮะ
‘ณ วันออกค่ายอาสา’
“นี่คาโลนายเร็วๆหน่อยได้มั้ย เดี๋ยวก็ไปไม่ทันหรอก”
“รู้แล้วนะ ฉันก็รีบอยู่นี่ไง”
“ถ้าไปไม่ทันฉันฆ่านายแน่”
ฉันบ่นคาโลตลอดทาง เพราะเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องวิ่งขาขวิดแบบนี้ ไม่นานเราก็วิ่งมาถึงจุดนัดพบด้วยความเหน็ดเหนื่อย โชคดีที่ทุกคนยังคงรอเราอยู่
แฮกๆๆ
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ทุกคนต้องรอ”
ฉันกล่าวขอโทษทุกคนด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง
“คาโลนายขอโทษทุกคนสิ นายเป็นต้นเหตุนะ”
ฉันกระซิบบอกคาโล
“ขอโทษ”
คาโลพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มใจนัก ฉันทำสายตาไม่พอใจเขาจึงยอมพูดเสียงอ่อนลง
“ขอโทษครับ”
พี่กะเทยลูกอมทำหน้าเอือมกับนิสัยของคาโลที่ทั้งปากร้ายและเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด
“เอาล่ะคะยังไงก็มากันคบแล้ว แยกย้ายกันหาที่นั่งนะคะ”
พี่ลูกอมพูดจบทุกคนต่างก็วิ่งจับจองที่นั่งที่ตนเองถูกใจ
“อันนา”
“ยัยเพียวแกมาอยู่ที่นี่ได้ไง”
“ชมรมจิอาสาและชมรมการแสดงจับมือกันออกค่ายอาสาในครั้งนี้นะ”
“แกไม่เห็นบอกฉันเลย”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิยะ”
“ดีจังที่มีแกไปด้วย”
“เฮ้ อันนา”
บทสนทนาของเราจบลงเมื่อมีคนเอ่ยเรียกชื่อฉัน
“ฟราโก้”
“ไม่ได้เจอกันเลยเธอสวยขึ้นนะ”
“สวยแต่มีเจ้าของแล้วว่ะ”
พวกเราหันไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพียงกัน ก็พบคาโลยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่ข้างๆฉัน
“เจ้าของจอมปลอมไม่ใช่เหรอวะ”
ฟราโก้ลดเสียงลงเพื่อไม่ให้คนนอกวงสนทนาได้ยิน ฉันเหลือบไปมองคาโล ท่าทางของเขาเหมือนอยากฆ่าฟราโก้ให้ตายซะตรงนี้ ฉันเองก็หวั่นไหวกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อยเพียงแต่ไม่อยากเข้าข้างตัวเองมากไปกว่านี้ ฉับพลันก็มีชายร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาประชิดตัวฉันในมือถือขวดน้ำพร้อมกับยื่นให้ฉัน นี่มันวันรวมญาติหรือไงกัน
“ฉันให้เห็นเธอวิ่งมาเหนื่อยๆ เลยเอาน้ำมาให้นะ”
แฟรงค์พูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและดูใจดี ฉันเอื้อมมือไปหยิบแต่ก็มีมือปริศนาคว้าขวดน้ำไปต่อหน้าต่อตาฉัน
“ขอบใจ ฉันกำลังหิวอยู่พอดี”
คาโลคว้าขวดน้ำไปดื่มจนหมดพร้อมกับยื่นขวดเปล่าคืนให้แฟรงค์อย่างหน้าตาเฉย แฟรงค์ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นสายมองคาโลด้วยความขุ่นเคือง
“เอ่อ ยังไงก็ขอบใจมากนะแฟรงค์”
ฉันพยายามพูดเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ปกติ แฟรงค์ยิ้มให้ฉันอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่ประจำของตัวเอง คาโลก็ทำท่าทางหงุดหงิดฉันมากก่อนที่จะไปนั่งกับฟราโก้ที่ถัดจากฉันไปแค่เบาะเดียว หมอนี่แปลกคนจังแฮะอารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างกับผู้หญิงมีประจำเดือน รถขับเคลื่อนอยู่นานสุดท้ายพวกเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย พวกเราค่อยๆทยอยก้าวลงจากรถกันอย่างเชื่องช้าด้วยความเหนื่อยล้าจากการนั่งรถเป็นเวลานาน
“เอาล่ะค่ะน้องๆทุกคนที่นี่ก็คือสถานที่ที่เราจะพักกันนะคะ”
พี่กะเทยลูกอมกล่าวพร้อมชี้ไปที่ลานกว้างซึ่งไร้สิ่งก่อสร้างทุกชนิด
“ไหนล่ะครับโรงแรมที่เราจะพักกัน”
นักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
…….
“อย่าบอกนะว่า นะ…นอนที่นี่”
“ใช่แล้วค่ะเราจะนอนกันที่นี่มาทำจิตอาสาทั้งทีก็ต้องมาซึมซับบรรยากาศกันหน่อย เอาล่ะทุกคนแยกย้ายไปจับจองพื้นที่และหยิบเต็นท์มากางกันได้แล้ว เดี๋ยวเราจะต้องไปทำงานอาสากันอีก”
พี่ลูกอมพูดจบทุกคนต่างก็วิ่งไปจับจองพื้นที่ที่ตัวเองชอบ จนทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย
“อันนาฉันหยิบเต็นท์มาให้เธอน่ะ”
“ขอบใจนะ”
ฉันหยิบเต็นท์จากมือฟราโก้ด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย นานๆจะมีผู้ชายใจดีคอยดูแล หุหุหุ^^
“แล้วนี่เธอกางเต็นท์เป็นมั้ย”
“ไม่เป็นจ๊ะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันทำให้นะ^_^”
“ขอบใจแต่ไม่ต้อง แฟนฉันฉันดูแลเองได้”
คาโลพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวและใบหน้าที่ชวนหาเรื่อง
“นี่คาโล นายพูดจาให้มันสุภาพหน่อยสิ”
“แต่ฉันไม่ชอบขี้หน้ามันนิ”
“แต่แฟรงค์เค้าเป็นเพื่อนฉันนะ”
“ฉันก็เป็นแฟนเธอเหมือนกัน”
“เอาล่ะๆ งั้นฉันไปก่อนดีกว่านะอันนา อย่าเถียงกันเพราะฉันเลย”
แฟรงค์ส่งยิ้มแห้งๆให้ฉัน พอเขาวิ่งไปคาโลก็หันมาทำหน้าดุใส่ฉันทันที
“ฉันจะฆ่าเธอยัยเพี้ยน”
“ฉันทำอะไรผิดล่ะเนี่ย”
เขาไม่สนใจฉันได้แต่เดินหนีไป คาโลกางเต็นท์ได้อย่างคล่องแคล่วจนฉันแอบขยี้ตาของตัวเองเพราะไม่เชื่อว่าคาโลจะมีดีกว่าแค่ชี้นิ้วสั่งคนอื่นไปวันๆ
“อึ้งเลยซิยัยเพี้ยน ฉันเก่งแถมหล่อมากใช่มั้ยล่ะ”
“ก็ไม่เท่าไหร่ย่ะ แล้วนี่ทำไมฉันต้องใกล้เต็นท์นายด้วยเนี่ย”
“ทำไม อยู่ใกล้ฉันแล้วทำไม นี่อยากไปนอนใกล้แฟรงค์อะไรนั่นใช่มั้ย”
“นอนใกล้แฟรงค์ยังดีกว่านอนใกล้นายแล้วกันย่ะ”
“เอาล่ะน้องๆ หยุดเถียงกันได้แล้วเพื่อนๆรอพวกเธออยู่ ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
พี่ลูกอมเดินเข้ามาห้ามสงครามน้ำลายของเรา2คน ก่อนที่จะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น ฉันวิ่งนำคาโลไปรวมตัวกับทุกคนเพื่อจะออกไปทำจิตอาสากัน ระยะทางจากที่พักกับโรงเรียนที่เราจะไปทำจิตอาสาไม่ไกลกันนัก บรรยากาศบริเวณรอบนอกชวนให้ขนลุก เป็นโรงเรียนขนาดเล็กและทรุดโทรมมาก หวังว่าที่นี่จะไม่ใช่โรงเรียนผีเฮี้ยนนะ
“พี่ก็จะมีฉลากให้ทุกคนจับนะว่าตัวเองจะได้ทำหน้าที่อะไร ตำแหน่งไหน”
พวกเราเดินทยอยกันมาจับฉลาก ฉันและฟราโก้ได้อยู่ในส่วนจัดการปรับปรุงห้องสมุด ยัยเพียวได้อยู่บริการเสริฟน้ำดื่ม ส่วนคาโลและแฟรงค์อยู่ส่วนซ่อมแซม
“นี่ฟราโก้แกมาเปลี่ยนกับฉันเลย ฉันจะอยู่กับยัยเพี้ยน”
“ได้ไงวะ จับได้อันไหนก็อยู่อันนั้นดิ”
“ใช่ นายจะมางอแงเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้นะคาโล”
“กะ...ก็ได้”
คาโลทำสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ยอมสงบลงด้วยดี พวกเราแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ฉันและฟราโก้ก็จัดการปัด กวาด เช็ด แล้วก็ถูด้านในของห้องสมุดให้สะอาด ทุกๆคนดูตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้น สายตาของฉัน เหลียบไปเห็นคาโลที่กำลังตั้งใจทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ ท่าทางของเขาดูทะมัดทะแมงผิดกับตอนที่คอยชี้นิ้วใช้ฉัน เมื่อวานก่อน ฉันควรจะโมโหหรือชื่นชมในตัวเขาดีเนี่ย แฟรงค์ที่ซ่อมเก้าอี้อยู่ข้างๆก็ดูขยันขันแข็งไม่แพ้กัน สาวๆต่างก็ชื่นชมพวกเขาเป็นอย่างมากว่าทั้งหล่อและจิตใจดี แฟรงค์ฉันไม่เถียงเลย แต่นายคาโลนั่นฉันขอเถียงขาดใจหมอนี่ไม่ได้ดีอย่างที่ใครๆคิด วันๆคอยแต่จะหาเรื่องแกล้งฉันอย่างเดียว
“โอ๊ย”
แฟรงค์ร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวดเพราะตอกตะปูพลาดไปโดนนิ้วมือตัวเองเข้าอย่างจัง ฉันจึงวิ่งเข้าไปดูอาการเพราะความเป็นห่วง
“เป็นอะไรมากมั้ยแฟรงค์”
“โอ๊ย ยัยเพี้ยนฉันเจ็บ”
เสียงคาโลร้องแทรกขึ้นมาก่อนที่แฟรงค์จะตอบฉัน คาโลยืนทำหน้าบูดเบี้ยวและจับไปที่นิ้วมือของตัวเอง
“เธอไปดูเขาเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
แฟรงค์พูดด้วยไปหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์
“งั้นฉันไปนะ”
ฉันรีบวิ่งไปหาคาโลที่ยืนหน้าตาบูดเบี้ยวทันที
“ยัยเพี้ยนฉันเจ็บ”
“สมน้ำหน้า อยากไม่ระวังเอง”
“ใจร้าย ทีกับไอ้แฟรงค์พูดจาซะดีเชียว”
“อ่ะๆ ไหนขอฉันดูแผลหน่อย”
เขายื่นแขนมาให้ฉันอย่างช้าๆ
“ไหนล่ะแผล”
“ไม่มี”
“นี่นายหลอกฉันเหรอ”
เขาทำหน้ายียวน ฉันเลยคว้านิ้วของเขามากัดอย่างเต็มแรงโทษฐานที่บังอาจมาหลอกฉันได้
“โอ๊ย ยัยเพี้ยนเธอเป็นหมาหรือไงเนี่ย”
“สม น้ำ หน้า”
ฉันพูดเน้นคำอย่างหนักแน่น ก่อนที่ฉันจะเดินกลับไปจัดการกับหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จ
“นี่อันนาเขาว่ากันว่าทะเลาะกันบ่อยๆแบบนี้ลูกดกนะ”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาแซวฉันกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ ฉันได้แต่ส่งยิ้มเหยเกไปให้หล่อน ก่อนที่จะเดินหนีไปทำความสะอาดอีกฟากหนึ่งของห้อง
“ไงอันนา ระวังลูกดกนะ”
ฟราโก้เดินเข้ามาล้อเลียนฉันด้วยท่าที่ฉันกระโดดกอดนิ้วมือคาโลเมื่อกี้
“นายอยากโดนกัดอีกคนใช่มั้ย”
“เฮ้ย ล้อเล่นนิดเดียวเองยัยโหด ฉันไปก่อนดีกว่าไม่อยากโดนงับหัวตอนนี้”
ฟราโก้ซอยเท้าเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ฉันยืนสงบสติและอารมณ์ของตัวเองอยู่ชั่วครู่ก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง พวกเราทำงานกันจนเย็นก็ยังไม่เสร็จแต่ก็ต้องกลับที่พักเพื่อออมแรงไว้ลุยงานกันต่อพรุ่งนี้ ในระหว่างล้อมวงรับประทานอาหารกันอยู่ก็ไม่มีใครแม่แต่เอ่ยปากพูดอะไรออกมาสักคำ
“แหม สงสัยจะอิ่มบุญกันเป็นแถวๆจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว พี่ก็มีปาร์ตี้เล็กๆจัดไว้ขอบคุณน้องๆที่อุตส่ามาทำความดีร่วมกันในวันนี้ พี่ก็ขอเชิญน้องๆไปร่วมสนุกกันที่ด้านโน้นนะคะ”
“เย้ๆๆๆ”
พี่ลูกอมพูดจบเสียงฮือฮา โห่ร้องชอบใจกับการจัดปาร์ตี้ขอบคุณก็ดังขึ้นทุกคนกลับมาดูกระปรี้กระเปร่าอย่างทันตา ต่างก็วิ่งไปร่วมงานปาร์ตี้อย่างพร้อมเพียงกัน
“นี่คาโล แกไม่ไปสนุกกับฉันเหรอวะ”
ฟราโก้เอ่ยปากถามพร้อมกับออกสเต็ปการเต้นเบาๆไปด้วย
“ยังวะ แกไปก่อนเลย”
“แล้วแกล่ะอันนา จะไปสนุกกับฉันมั้ย”
ยัยเพี้ยวถามฉันด้วยใบหน้าที่กระดี๊กระด๊า
“ตามสบายเลยแก ฉันอยากนั่งพักนะ”
“ตามใจ งั้นฉันขอไปสนุกก่อนนะ”
ฟราโก้และยัยเพียววิ่งตรงไปที่กลางงานปาร์ตี้และออกสเต็ปท่าเต้นจนเพื่อนๆต่างก็ส่งเสียงร้องชอบใจด้วยความสนุกสนาน ฉันหันกลับมาเมื่อรู้สึกว่ากำลังมีใครจ้องมองฉันอยู่
“มีอะไรติดหน้าฉันเหรอ”
ฉันถามคาโลพร้อมชี้ไปที่ใบหน้าของฉัน
“ไม่มีนี่”
“แล้วนายจ้องฉันทำไม”
“แค่อยากมองนะ”
“เพี้ยนขึ้นทุกวันแล้วนะนานอ่ะ”
^O^
“ฉันไม่คุยกับนายแล้ว ไปนอนดีกว่า”
ฉันเดินตรงไปที่เต็นท์ของฉันทันที คาโลเองก็เดินเดินตามฉันมาเหมือนกัน
“นายตามฉันมาทำไมย่ะ”
“ใครตามเธอ สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ฉันเองก็ง่วงนอนเหมือนกัน”
คาโลเดินเข้าเต็นท์ตัวเองไปทันที ฉันได้แต่ยืนงงกับท่าทางของเขา ฉันเดินเข้าเต็นท์ไปและเอนตัวลงนอนสักพักคาโลก็ส่องไฟฉ่ายมาก่อกวน ฉันได้แต่กดอารมณ์โกรธของตัวเองไว้
“นี่ยัยเพี้ยนเธอหลับหรือยัง”
คาโลถามฉันผ่านเต็นท์เข้ามา
“ยัง มีอะไร”
ฉันตอบเสียงเรียบ เพราะไม่อยากทะเลาะกับเขาในตอนนี้
“เธอรู้มั้ยนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้มาออกทำงานอาสาแบบนี้นะ”
“ก็ไม่แปลก นายนิสัยแย่ขนาดนี้”
คำทำเสียงจิจ๊ะในลำคอแต่ก็ไม่ได้ด่าฉันแต่อย่างใด
“ที่นี่อากาศดีนะว่ามั้ย”
“อืม”
“เธอชอบดูดาวหรือเปล่า ออกไปดูดาวกันมั้ย”
.....
“อันนา”
......
“ยัยเพี้ยน”
.....
“ฝันดีนะ^^”
เช้านี้พวกเราตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อออกมาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ทุกคนดูกระปรี้กระเปร่าและสดใสกันมากเราจึงออกไปลุยงานกันแต่เช้า แต่มีคนหนึ่งที่สภาพเหมือนยังไม่ตื่นนอนนั่นก็คือคาโล
“รีบตื่นทำไมกันเนี่ย ยังเช้าอยู่เลย”
“ใครจะไปขี้เกียจสันหลังยาวเหมือนนายล่ะ”
คาโลมองค้อนฉัน และอ้าปากหาวไปด้วย พวกเราแยกย้ายไปทำงานที่ยังค้างจากเมื่อวานให้เสร็จ งานในวันนี้ค่อนข้างจะน้อยลงกว่าเมื่อวาน ทำให้พวกเรามีเวลาหยอกล้อและเล่นกันบ้าง บางคนก็โชว์ลีลาท่าเต้น บางคนจัดคอนเสิร์ตขนาดย่อมโดยมีไม้ถูพื้นเป็นกีต้าร์ และถังน้ำเป็นกลอง ทุกคนดูมีความสุขและสนุกสนาน ฉันเห็นพวกเขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“อันนาฉันเอาน้ำมาให้”
ฟราโก้เดินเข้ามาหาฉันที่กำลังนั่งมองพี่ลูกอมแอบลวนลามชายคนหนึ่งอยู่
“ขอบใจนะฟราโก้”
“ไม่เป็นไร”
อึกๆๆๆ
คาโลเดินเข้ามาหยิบขวดน้ำยกขึ้นกระดกจนหมดขวด
“ขอบใจมากเพื่อนรัก ฉันกำลังหิวอยู่พอดีเลย”
“เฮ้ย อะไรของแกวะคาโล ฉันเอามาให้อันนานะโว้ย”
คาโลทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจคำพูดของฟราโก้ 2คนนี้เขาเป็นเพื่อนกันจริงๆหรือเปล่าเห็นกัดกันตลอดเลย
“งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาให้ใหม่นะอันนา”
“ไม่ต้อง ฉันเตรียมมาให้อันนาแล้ว”
คาโลห้ามฟราโก้ก่อนที่เขาจะลุกไป
“อ่าว แล้วทำไมแกไม่กินน้ำที่แกถือมานี่วะ”
“ก็ฉันอยากให้อันนากินน้ำของฉันอ่ะ”
ฟราโก้ได้แต่กุมขมับของตัวเอง
“นี่ไอ้คาโลที่แกทำอยู๋นี่ แกหึงอันนาใช่มั้ย”
พรวดดด น้ำที่ฉันเพิ่งกระดกเข้าปากไปก็ไหลออกมาหยดที่พื้นจนหมด
“แกพูดอะไรใครหึงใคร ไม่มี๊”
ฟราโก้พยายามใช้สายตาเค้นเอาความจริงจากคาโล แต่คาโลก็ส่ายหน้าปฎิเสธออกไป
“ไม่หึงก็ไม่หึง”
ตลอดขากลับฉันและคาโลไม่ได้พูดจาอะไรกันเลย เขามองมาที่ฉันตลอด ฉันได้แต่หลีกเลี่ยงสายตาคู่นั้น ไม่ใช่เพราะความอึดอัดหรือรำคาญแต่อย่างใด แต่มันคือความเขินนั่นเอง หัวใจของฉันมันเป็นอะไรไปนะ คำตอบของคาโลที่ตอบฟราโก้ไปฉันแอบภาวนาให้เขาตอบว่าหึงฉัน ฉันคงชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ
ไอ้ตัวเล็ก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 มิ.ย. 2558, 02:08:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 มิ.ย. 2558, 02:08:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 813
<< ตึกตักๆ |