(เพื่อน)รัก...สนิทใจ
ใบพลู หมาก และจำปูน สามเพื่อนรักที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กันตั้งแต่เกิด
ผู้ใหญ่พยายามจับคู่พวกเขาแต่เล็ก วาดหวังว่าจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
แต่จะเป็นอย่างนั้นได้จริงเหรอ พวกเขาเป็นเพื่อน
เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นก็คลื่นเหียนจนอยากจะอาเจียนแล้ว
ยังไม่ต้องนึกเลยว่าแต่ละคนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมด!
"กอดคอเป็นเพื่อนรัก...หักใจไม่ให้รัก"
Tags: ใบพลู หมาก จำปูน เพื่อนรัก

ตอน: บทที่ 4 : หัวใจที่ไม่เคยไล่ตามทัน

บทที่ 4

ซูชิชิ้นใหญ่หน้าปลาแซลม่อนเนื้อส้มนุ่มลิ้นถูกคีบเข้าปากแล้วเคี้ยวกร้วมๆ ในปากยังไม่ทันหมดชิ้นแรกดีเธอก็คีบชิ้นที่สองซึ่งเป็นหน้ายำสาหร่ายจิ้มซอส และโปะวาซาบิชิ้นโตลงไป เข้าปากไปอีกชิ้น สองแก้มตอบป่องออกมา สภาพอย่างคนตายอดตายอยาก โมโหหิวทำให้พิดากานต์ไม่กล้าสอดปากขัดจังหวะ กระทั่งเพื่อนกลืนชิ้นที่สองลงคอจึงกล้าส่งเสียง

“กลัวใครมาแย่งกินหรือไงคุณใบพลู”

เฌอพลูจิบชาเขียวร้อน กระแอมเสียงก่อนตอบ “ของกินไม่กลัวโดนแย่งหรอก กลัวโดนแย่งอย่างอื่นต่างหาก”

พิดากานต์มองเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่เรียนกันมาในโรงเรียนหญิงล้วนอย่างประหลาดใจ นานๆ ทีพวกเธอจะนัดเจอกันสักครั้ง แต่ทุกครั้งคนรื่นเริง หัวเราะง่ายอย่างเฌอพลูไม่ได้แสดงสีหน้าอยากกัดคนเหมือนกัดซูชิในปากอย่างนี้

“เพื่อนหรือแฟน”

“เกี่ยวอะไรกับเพื่อน” เฌอพลูเลิกคิ้วถามสงสัย ทำไมเวลาใครๆ ที่คุยกับเธอถึงได้ชอบยกหัวข้อของ ‘เพื่อน’ มาเป็นหนึ่งในปัญหาของเธอเสมอ “ไม่เกี่ยวกับเพื่อน”

“นึกว่าคุณจำปูนสร้างเรื่องปวดหัวให้คุณใบพลูอีก” พิดากานต์นึกถึงผู้ชายห่ามๆ ดูสำมะเลเทเมาที่เคยพบอยู่บ่อยครั้งก่อนจะทำท่ารับไม่ได้

เฌอพลูหัวเราะ คีบซูชิอีกชิ้นมารับประทานต่อ ดวงตาสดใสขึ้น เธอสามารถเพื่อนรักทั้งสองให้พิดากานต์ฟังได้อย่างสนุกสนาน ก่อนจะวกกลับมาทำหน้าหม่นเมื่อพิดากานต์วกกลับมายังเรื่องของเธอ

“สรุปปัญหาคือเรื่องของแฟน”

“อืม”

พิดากานต์ไม่เคยรู้ว่าแฟนของเฌอพลูเป็นใคร ถึงจะเคยสนิทกันมากสมัยมัธยม แต่ก็มาห่างกันไปในช่วงมหาวิทยาลัย อีกฝ่ายโซเชี่ยลก็แตะอยู่น้อยนิด ความเคลื่อนไหวในชีวิตจึงไม่ค่อยเปิดเผยให้ใครได้ล่วงรู้เท่าไหร่

“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าหรอกนะ”

“ไม่ใช่ไม่อยากเล่านะ แต่ฉันไม่อยากคิดถึง น่าปวดหัว กินดีกว่า ดูสิเธอกินไม่ทันฉันแล้วนะ” เฌอพลูตัดบททื่อๆ ใช้ตะเกียบจิ้มไปบนซูชิชิ้นที่สี่ หน้าตาระรื่น พิดากานต์ส่ายศีรษะมองค้อนคนช่างกิน “เดี๋ยวหมากกับแฟนเขาจะมาทานด้วยนะ” คนพูดเคี้ยวตุ้ยเต็มปาก

พิดากานต์ชะงักมือ หน้าตาคล้ายว่าได้ยินอะไรผิด “แฟน? ของหมากเหรอ ไม่ใช่ว่า...” หญิงสาวพยายามพูดต่อ แต่ประตูที่กั้นแบ่งเป็นซองเล็กๆ เป็นที่ส่วนตัวของลูกค้ามีคนเข้ามาเพิ่ม คันธพฤกษ์มาพร้อมร่างของมุกลินที่มาในภาพสาวหวานน่าทะนุถนอม เฌอพลูนึกสภาพตัวเองที่ไม่ว่าเอาไปเปรียบกับใครก็มีแต่ความธรรมดาเป็นที่ตั้ง เฮ้อ...แต่งผมดูดี แต่งหน้าเข้าสู้ เธอก็ยังสู้มุกลินอดีตดาวคณะ หรือจะนุชตานางเอกดาวรุ่งไม่ได้เลย

“ขนมร้านโปรดพลู หมากขับรถไปทำธุระทางนั้นพอดี เลยซื้อมาฝาก”

เค้กนมสดเจ้าโปรดที่ตั้งอยู่ชานเมืองคนละทิศกับที่เธออยู่ใส่กล่องเล็กน่ารักมาให้ คนรับหน้าบาน ลืมความหงุดหงิดจากข่าว และการปะทะฝีปากกับนุชตาไปหมด

“ขอบคุณมากหมาก”

“เวลาพลูอารมณ์ไม่ดีชอบกินล้างกินผลาญ ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้น” คันธพฤกษ์ยิ้มอย่างรู้ทัน

พิดากานต์หัวเราะคล้อยตาม สายตาสังเกตคันธพฤกษ์ที่ปล่อยให้มุกลินนั่งอยู่ข้างเธอ และเชิญตัวเองไปนั่งแปะอยู่ข้างเฌอพลู ทำทุกอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีอะไรผิดสังเกตจริงๆ

แต่สำหรับคนนอกที่มองอยู่...เขาแปลกมากทีเดียว

พิดากานต์ฉลาดพอจะไม่ทักพฤติกรรมเพื่อนรักของเฌอพลู มุกลินบริการคีบอาหารให้คันธพฤกษ์อยู่หลายครั้ง และคันธพฤกษ์ก็คีบซูชิชิ้นโปรดให้กับเฌอพลูอย่างรู้ใจ เพราะทุกชิ้นที่เจ้าตัวได้รับมีแต่ทำให้ยิ้มหน้าบานมากยิ่งขึ้น

คู่รักลากลับไปก่อน ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองเดินเตาะแตะอยู่ในห้างอย่างอ้อยอิ่ง พิดากานต์ยิ้มมุมปาก เก็บความสงสัยไมได้อีกต่อไป

“คุณใบพลู ทำไมถึงไม่คิดมองคนข้างๆ บ้างล่ะ คนที่คุณใบพลูอยู่ด้วยแล้วสบายใจ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข”

“กระท้อนกำลังหมายถึงหมากเหรอ” ร่างที่เดินอยู่หยุดกึก เหลียวมองเพื่อนอย่างประหลาดใจ ก่อนจะย่นคอทำท่าขนลุกขนพอง ปฏิเสธพัลวัน “ไม่ได้หรอก ฉันกับหมากเป็นเพื่อนกัน เราทั้งคู่รู้จักกันดีเกินไปด้วยซ้ำ”

“แน่ใจเหรอว่าคุณใบพลูรู้จักคุณหมากเขาจริงๆ” พิดากานต์บีบไหล่บางของเฌอพลูทีหนึ่ง พูดเป็นปริศนาแล้วเดินจากไป “ตาอย่างเดียวมองทะลุเปลือกไปจนถึงเนื้อในไม่ได้หรอกนะ”

เฌอพลูส่งเสียงประหลาดในคอ นึกขำมากกว่าจริงจัง คนอย่างคันธพฤกษ์ยังมีมุมใดอีกที่เธอไม่รู้จัก...เป็นไปไม่ได้หรอก



เจ้าของร้านดอกไม้สาวเดินหน้านิ่งไปยังคนที่นั่งเอกเขนกพิงกรอบร้านของเธอ พิดากานต์หน้าเรียบเฉยยามที่ผ่านเขาเข้าไปในร้านโดยไม่คิดเหลือบแล คร้านจนคนถูกเมินต้องลุกขึ้นยืน เปิดประตูร้านเข้ามาด้านใน จมูกรับกลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้หลายชนิด

“หมอนั่นหลุดอะไรมาบ้างไหม” ธรณิศลุ้นตัวโก่ง เขาดีใจมากที่รู้ว่าเฌอพลูนัดเพื่อนเก่าทานอาหาร ที่จริงเขาเองก็ถือเป็นลูกค้าประจำร้านดอกไม้ของพิดากานต์ เพราะชอบซื้อดอกไม้หว่านเสน่ห์ใส่สาวๆ อยู่บ่อยครั้ง ทั้งเฌอพลู และคันธพฤกษ์คงคาดไม่ถึงที่เขาจะแอบหย่อนความสงสัยไว้ในใจของพิดากานต์ในเรื่องของคนคู่นั้นเป็นที่เรียบร้อย

หญิงสาวกลอกตามองธรณิศ ส่ายหน้าระอา ขณะก้มหน้าตรวจดูออเดอร์ลูกค้าที่ลูกน้องของเธอจดไว้ “ถ้าไม่ยึดติดกับคำว่าเพื่อน แล้วหัดเข้าข้างตัวเองให้มากอีกนิด คุณใบพลูต้องรู้ความลับของคุณหมากเขาแน่”

“ขนาดเธอยังรู้” ทายาทโรงพยาบาลใหญ่ร้องอย่างผิดหวัง นั่งจุมปุ๊กบนเก้าอี้หมุน เท้าแขนกับโต๊ะวางดอกไม้ “ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”

“คุณชอบคุณใบพลู แล้วเคยทำอะไรให้เขาบ้างไหมล่ะ” พิดากานต์ย้อนยกยิ้มมุมปาก

คนมีข้อเสียสารพัดห้อยติดหลังถลึงตาดุใส่ ก่อนจะถอนหายใจพรืด “ฉันมันเสเพลมาตั้งนานแล้วล่ะ อีกอย่างนิสัยนี้จะทำให้ฉันอยู่ในระยะปลอดภัยของใบพลูได้” ฝ่ายนั้นจะไม่ระแวงเขา จนหนีกระเจิงหากรู้ว่าเขาคิดเกินเพื่อนมานานแล้ว

เสียงนกร้องเบาที่เปิดจากแผ่นซีดี เข้ากันกับบรรยากาศเย็นฉ่ำในร้านดอกไม้ กระจกกรุร้านสว่างรับแสงแดดจากด้านข้าง ทั้งยังอัดแน่นทั้งไม้ดอก และดอกไม้ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อจุใจ ร้านไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย แต่ก็ให้ความอบอุ่นน่านั่ง น่าเข้ามา ธรณิศอ้าปากหาวกว้างๆ ด้วยความง่วงงุน

“คุณใบพลูเขาไม่มีทางรู้ความรู้สึกของคุณหมากหรอก ถ้าคุณหมากไม่ปริปากออกมาเอง”

ธรณิศส่งเสียงเหอะ หายง่วงไปหลายส่วน เขาเองรู้ว่าคันธพฤกษ์มีปากที่หนักกว่าเขาหลายเท่า แต่ที่เขาอิจฉาคือการแสดงออกของฝ่ายนั้นที่เป็นห่วงเป็นใย จริงใจกับเฌอพลูได้มากกว่าเขา ถ้าเฌอพลูจำเรื่องสมัยเด็กๆ ได้ครบถ้วน เขาจะดีใจกว่านี้



‘นายอย่ามาโยนภาระให้ฉันนักสิ’ เด็กชายวัยย่างสิบขวบสวมแว่น ในมือมีหนังสือคณิตศาสตร์บ่นหงุดหงิดใส่เด็กร่วมรุ่นที่เตี้ยกว่าเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ ‘เด็กสิบขวบ แต่เพิ่งจะหัดขี่จักรยาน ฝึกให้ตั้งหลายรอบก็ไม่รู้จักจำ’

‘ใบพลูเขายินดีให้นายสอนให้ บอกว่านายไม่ดุ ไม่กวนประสาทคอยแกล้งเขาเหมือนฉัน’ คนที่อยากเป็นเพื่อนเล่นเด็กหญิงหน้าง้ำ เขาถูกไล่เปิงตั้งแต่วิ่งขนาบจักรยานแล้วพูดแซวล้อเล่นใส่ โดยเฉพาะเรียก ‘ยัยใบพลูเน่า’ ทีไรเป็นได้โดนถีบจนล้มกลิ้งทุกที

คันธพฤกษ์หน้าตาไม่สบอารมณ์ ‘รำคาญจะตาย เสียเวลาอ่านหนังสือฉัน’

เสียงเล็กร้องไห้ดังขึ้นเบื้องหลังของเด็กชายทั้งสอง เด็กหญิงที่ค่อมจักรยานสองล้อคันกะทัดรัด ตั้งใจอวดเพื่อนๆ หลังจากเธอหัดปั่นได้ด้วยตัวเองเป็นระยะสั้น แต่เธอกลับมาได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินจนรู้สึกเสียใจ และผิดหวัง เด็กหญิงสูดน้ำมูกเสียงดัง หยดน้ำนัยน์ตาบดบังแววตาจนไม่มีใครหน้าไหนอ่านความคิดเธอออก

‘ขอโทษ’ เด็กหญิงบอกเสียงสั่น แล้วกลับจักรยานที่เพิ่งปั่นไม่คล่องไปจากหน้าบ้านสามหลัง ธรณิศวิ่งตามอย่างตกใจ เขาเป็นห่วงเพื่อนตัวน้อยที่น่ารักในสายตาเขา สำหรับเขาแล้ว การได้รู้จักเฌอพลูถือเป็นความสุขเล็กๆ ที่เขาได้พานพบ ชีวิตที่พ่อและแม่ไม่มีเวลาให้ถูกเติมเต็มด้วยการเอาเวลานั้นมาคิดว่าจะเล่น จะแกล้งอะไรเฌอพลูดี เขาไม่เคยต้องการให้เพื่อนตัวน้อยต้องร้องไห้มาก่อน

ธรณิศพยายามคว้าร่างของเฌอพลูด้วยความกลัว เพื่อนของเขายังปั่นจักรยานไม่แข็ง แล้วยังปั่นเร็วด้วยจงใจหลบการไล่จับของเขา จู่ๆ มีสุนัขพุดเดิลที่หลุดมาจากบ้านคนแถวนี้ตัวหนึ่งวิ่งมาตัดหน้า จักรยานที่วิ่งตรงถึงกับหักหลบ และพุ่งลงข้างทางไปยังสระน้ำขนาดใหญ่ของหมู่บ้าน เสียงดังโครมกับร่างเล็กที่จมมิดไปในน้ำพร้อมจักรยานทำให้คนมองตาค้าง เห็นร่างเล็กพยายามวักน้ำ ตะกายน้ำขึ้นมาเส้นสมองของเด็กชายคล้ายขาดผึง เขาเตรียมกระโจนลงไปช่วยเฌอพลูขึ้นมา แต่กลับถูกร่างของใครอีกคนวิ่งเร็วตัดหน้า กระโดดลงไปคว้าร่างที่เพิ่งจมหายไปในน้ำขึ้นมาได้ทันท่วงที ธรณิศได้สติรีบไปหากิ่งไม้ยาวออกมายื่นให้คันธพฤกษ์คว้าไว้ แต่อีกฝ่ายกลับเมิน และลากร่างเล็กขึ้นมานอนบนฝั่ง ก่อนจะวกกลับลงไปในน้ำที่อยู่ระดับคอของเขาไปดึงจักรยานขึ้นมา

‘ยัยเบื๊อก น้ำตื้นแท้ๆ’ สีหน้าเด็กชายที่โตเร็วเกินวัยบอกอย่างหงุดหงิด แต่ยังมีแก่ใจอุ้มร่างปวกเปียกไร้สติขึ้นหลัง แบกกลับบ้านด้วยหน้าตาบึ้งตึง ธรณิศได้แต่จูงจักรยานตามหลัง นึกภาวนาให้เฌอพลูตื่นมาจำพฤติกรรมแย่ๆ ของคนช่วยชีวิตให้ได้...แต่ โชคยังเข้าข้างคันธพฤกษ์อยู่เสมอ



ผู้ชายคนนั้นสองหน้ามาจนถึงปัจจุบัน ส่วนใบพลูเน่าก็ยังสมองทึบ ถึงได้แต่จดจำสิ่งดีๆ ของคันธพฤกษ์ไว้ไม่คลาย แต่มันก็เหมือนเวรกรรมดีเหมือนกัน ในวันที่ครั้งหนึ่งเฌอพลูเอาแต่วิ่งตามคันธพฤกษ์ คราวนี้ก็ถึงคราวที่คนเย็นชาบ้าเรียนอย่างนั้นจะวิ่งตามหัวใจของเฌอพลูอยู่ห่างๆ ทั้งยังกระโตกกระตากเปิดตัวก็ไม่ได้

“สมน้ำหน้า” ธรณิศแค่นเสียงออกมาทั้งที่หลับตา ซุกหน้าลงบนท่อนแขนตัวเอง

หญิงสาวที่กำลังจัดดอกไม้เข้าช่อเงยหน้ามองคนหลับ ดวงตาว่างเปล่าเมินกลับมาที่ดอกไม้งามตรงหน้า นึกชื่นชมผู้หญิงที่ไม่ได้ยืนอยู่ใน ณ ที่แห่งนี้

เก่งจริงๆ ที่ทำให้ผู้ชายสองคนหลงรักได้

...แต่การได้รับความรักมากมายขนาดนี้ จะไม่ทำให้เฌอพลูล่วงรู้ความนึกคิดของทั้งสองหนุ่มนี่บ้างเหรอ



“หยิกแก้มพลูหน่อย” มือหนาละจากพวงมาลัยรถเอื้อมมาแตะเบาๆ ทีหนึ่ง

“...”

“แรงๆ สิ” มือหนาเพิ่มแรงหนักกว่าเดิมให้นิดหนึ่ง กลัวแก้มนวลจะขึ้นสีแดง

แก้มนุ่มถูกดึงจนขยาย แต่ไม่ได้ทำให้เจ็บ คันธพฤกษ์ลดมือบนแก้มเนียน มองตามสายตาไปยังรถคันน่ารักคล้ายรถตู้คันเล็กที่จอดอยู่หน้าบ้านของเฌอพลู ก่อนจะลอบหันมองออกนอกหน้าต่าง แล้วกลอกตาด้วยความเบื่อหน่ายอีกรอบหนึ่ง

เขาไม่ได้เบื่อเฌอพลู แต่เบื่อแฟนของเฌอพลูต่างหาก...กว่าจะโผล่หัวมาได้ คันธพฤกษ์กลืนคำเหน็บไว้ในปาก ช่วงที่เขาขับรถเลี้ยวจอดเข้าไปในบ้าน สายตาเขาก็ยังมองตามร่างของเฌอพลูที่พระจกมองหลัง หัวเราะหยันในคอพลางบ่นพึมพำน้ำเสียงแฝงความเจ็บปวด

“อย่ารักพลูน้อยกว่าที่ฉันรักละกัน”

คันธพฤกษ์ละสายตาจากภาพหวานน้ำตาลขึ้นของคู่รักที่เพียงแค่อยู่ใกล้กัน คนอื่นจากไหนก็ถูกผลักออกไปให้กลายเป็นแค่คนนอก



‘เกิดอะไรขึ้น’ เสียงเล็กกอปรกับใบหน้ามึนงงหลังจากเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากการจมน้ำทำให้คนที่กำลังแบกร่างเล็กอยู่นึกประหลาดใจ วูบหนึ่งเขาคิดว่ายัยเด็กน่ารำคาญนี่กำลังเสแสร้ง

‘เธอเพิ่งจมน้ำ’

‘พลูจมน้ำได้ยังไง’ เด็กหญิงพูดพร้อมกับจามติดๆ กัน จมูกเล็กแดงก่ำ อีกไม่นานอาการหวัดคงถามหา

คันธพฤกษ์เหล่มองเพื่อนข้างบ้านอีกฝั่งของเฌอพลู เขารู้ว่าธรณิศต้องพร้อมวางมวยกับเขาเสมอ จึงไม่คิดห้ามปรามเมื่อฝ่ายนั้นกำลังพ่นคำออกมา

‘หมากบ่นรำคาญพลู พลูได้ยินเสียใจ เลยปั่นจักรยานหนีจนตกน้ำไง’

‘อย่าใส่ร้ายหมากนะ!’ เด็กหญิงตะโกนลั่นข้างหูคันธพฤกษ์ หน้าตาขุ่นขึ้ง ปากบิดบู้ไม่พอใจ พลอยเอื้อมมือมาซัดที่แขนของธรณิศทีหนึ่ง ‘หมากเขาดีกับพลูมากนะ’

ร่างของเด็กชายวัยกำลังโตหยุดเดินกะทันหัน เขาปรารถนาจะได้เห็นใบหน้าของเฌอพลูที่อยู่บนหลังเขาว่ามีสิ่งใดปกปิด หรืออำพรางใบหน้าไว้ไหม เขาไม่ปฏิเสธว่าตลอดมายามอยู่ต่อหน้าเฌอพลู เขาจะปฏิบัติดีต่อเธอ เก็บความรำคาญไว้เบื้องหลัง เนื่องจากเขาไม่อยากให้ยายต้องผิดหวัง ยายขอร้องกับเขาไว้แต่เล็ก ขอให้เขาเป็นเพื่อนที่ดีของเฌอพลู หลังจากที่คนรุ่นพ่อแม่เขาทำร้ายพ่อของเฌอพลูมา

เพียงเพราะคำซื่อบริสุทธิ์ที่หลุดออกมาจากปากของเฌอพลู ทำให้เกิดความฝันเล็กๆ ในใจของคันธพฤกษ์เสมอมา เขาอยากเป็นพื้นที่ปลอดภัย เป็นคนดี แม้ว่าในความเป็นจริง เขาจะตรงข้ามกับภาพที่สร้างขึ้นมาให้เฌอพลูเห็นก็ตาม

“หมาก!” เสียงเรียกหวานฉุดชายหนุ่มมาจากอดีต คันธพฤกษ์ผินหน้ามองคนเรียกที่กระโดดหย็องแหย็งอยู่ริมรั้ว รอยยิ้มประดับริมฝีปากเขาโดยทันที

ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเรียกเขาอีกกี่ครั้ง เขาก็พร้อมขานรับคำเรียกของเธอเสมอ ชายหนุ่มปรับสีหน้าให้เป็นยิ้มละมุน ดวงตาอ่อนลงโดยไม่ต้องเสแสร้งใดๆ “มีอะไร ไปอยู่กับพี่เมษเขาสิ”

จู่ๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็เริ่มเบะออก คันธพฤกษ์ขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ เฌอพลูรีบยื่นมือเย็นเฉียบมาจับมือเขาไว้มั่น และกระซิบบอกคำที่ไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดลงกลางใจ

“พี่เมษขอหมั้นพลูกับพ่อแม่”

…………………………………………

คุณ ปิ่นนลิน พลูพยายามเข้มแข็ง แต่จริงๆ ก็ระแวงในความรักพอควรนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่า กลางสัปดาห์ แวบมาอัพได้ อิอิ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มิ.ย. 2558, 09:16:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 มิ.ย. 2558, 09:16:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1054





<< บทที่ 3 : เชื่อใจ...ระแวง   
ผักหวาน 30 มิ.ย. 2558, 10:04:50 น.
ชอบค่ะ อ่านจนถึงตอน 3 เลย
อยากให้จำปูน คู่ใบพลู เพราะดูจริงใจกว่าหมากมากๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account