(เพื่อน)รัก...สนิทใจ
ใบพลู หมาก และจำปูน สามเพื่อนรักที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กันตั้งแต่เกิด
ผู้ใหญ่พยายามจับคู่พวกเขาแต่เล็ก วาดหวังว่าจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
แต่จะเป็นอย่างนั้นได้จริงเหรอ พวกเขาเป็นเพื่อน
เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นก็คลื่นเหียนจนอยากจะอาเจียนแล้ว
ยังไม่ต้องนึกเลยว่าแต่ละคนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมด!
"กอดคอเป็นเพื่อนรัก...หักใจไม่ให้รัก"
ผู้ใหญ่พยายามจับคู่พวกเขาแต่เล็ก วาดหวังว่าจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
แต่จะเป็นอย่างนั้นได้จริงเหรอ พวกเขาเป็นเพื่อน
เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นก็คลื่นเหียนจนอยากจะอาเจียนแล้ว
ยังไม่ต้องนึกเลยว่าแต่ละคนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหมด!
"กอดคอเป็นเพื่อนรัก...หักใจไม่ให้รัก"
Tags: ใบพลู หมาก จำปูน เพื่อนรัก
ตอน: บทที่ 3 : เชื่อใจ...ระแวง
บทที่ 3
มื้อเช้าวันนี้ พ่อและแม่ของเธอกำลังแสดงท่าทางประหลาดออกมา อาทิ พ่อของเธอที่ปกติชวนพูดคุยออกรสชาติในโต๊ะอาหารที่เอาแต่ก้มหน้าทานอาหารหลังจากอ่านหนังสือพิมพ์ และโยนมันออกไปไกลตัวหลังจากอ่านเสร็จ หรือจะแม่ของเธอที่เอาแต่มองสีหน้าของเธอด้วยความห่วงใย ราวกับว่าเธอกำลังป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่าง
เฌอพลูวางช้อนลง พยายามบังคับสีหน้าไม่ให้แสดงออกว่าเธอกำลังหมดอร่อยในอาหาร “ขอพลูอ่านหนังสือพิมพ์...”
“ปกติพ่อไม่เห็นพลูจะอ่าน” บุรีพลางวางช้อนตาม และออกอาการหวงหนังสือพิมพ์ที่อยู่เบื้องหลังตนเองทันที
พิรุธเต็มๆ...เฌอพลูลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน ทำทีไม่สนใจอาการประหลาดของพ่อ แต่เพื่อความมั่นใจอีกสักนิด เธอจึงหันไปหามารดา ผู้ที่โกหกไม่เก่งที่สุดในโลก
“แม่คะ!”
แกล้งเรียกเสียงดังเข้าหน่อย คุณข้าวหอมถึงกับสะดุ้งโหยง พอรู้ตัวว่าอาการของตนออกมามากไป จึงทำใจให้สงบ และยิ้มรับเกร็งๆ
“ว่าไงใบพลู”
“พลูจะไปทำงานแล้วค่ะ” หญิงสาวแสร้งยิ้มประจบ ไม่ทักรอยยิ้มโล่งอกของมารดา และบิดาที่เผลอผ่อนลมหายใจเฮือกยาวออกมา
คำอวยพรโชคดีมีให้เช่นทุกวัน แต่ร่องรอยในตาของพวกท่านที่เป็นห่วงเธอเต็มเปี่ยมทำให้เฌอพลูค้างคาใจ หญิงสาวออกมาหน้าบ้านพบรถของคันธพฤกษ์จอดรออยู่ ใบหน้าบึ้งตึง ไม่สบอารมณ์ของเธอจึงพลอยตามมาด้วยยามหย่อนกายนั่งลงภายในรถ สารถีมองมายิ้มๆ ถามคำถามเดิมที่เขาแทบจะจดลิขสิทธิ์กับเฌอพลูแล้ว
“เป็นอะไร”
“ไม่ใช่พลูหรอก” หญิงสาวกอดอก หันมาทำปากยื่นใส่คันธพฤกษ์ด้วยอีกคน “พ่อแม่พลูต่างหาก แปลกแต่เช้าเลย”
ชายหนุ่มไม่ได้ส่งเสียงประหลาดใจ เพราะเขาเองก็รู้เรื่องสำคัญของใบพลูแล้วเช่นกัน ไม่สิไม่ใช่แค่เขา แต่เป็นทุกคน...ในประเทศ
“หรือหมากก็รู้”
“ใช่”
น้ำเสียงเตรียมคาดคั้นคันธพฤกษ์เพราะตั้งใจหาที่รวนใส่ถึงคราวตกตะลึง เธอแค่หาที่ลงอารมณ์เฉยๆ ไม่ได้คิดว่า เขาจะรู้จริงๆ แล้วเพื่อนรักของเธอไปล่วงรู้ในสิ่งที่พ่อแม่เธอรู้ได้อย่างไร
ข่าว...เฌอพลูนึกถึงท่าทีประหลาดของพ่อตอนห้ามเธออ่านหนังสือพิมพ์จึงค่อยๆ เดาออก และเชื่อมโยงไปถึงคนเดียวในชีวิตเธอที่จะอยู่ตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ได้...เมษา
“เมื่อคืนพลูเพิ่งคุยกับพี่เมษ”
ภายในรถซึ่งมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศตอบรับความเงียบของเฌอพลู หญิงสาวเม้มปากหันไปมองเพื่อนรักที่ไม่ยอมหืออือกับเธออย่างน้อยใจ สายตาล้ำลึกภายใต้กรอบแว่นของคันธพฤกษ์มองตรงไปข้างหน้า จดจ่ออยู่กับท้องถนนที่โล่งสะดวก บ้านของพวกเธอต่างอยู่ชานเมือง ถนนเส้นที่วิ่งอยู่จึงไม่ได้หนาแน่นอะไร
คนถูกเมินส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ ก่อนดวงตาจะหมองลง เมื่อสมองหวนนึกถึงคำพูดหวานหู และพร่ำขอให้เธอยังเชื่อใจผ่านโทรศัพท์ตอนดึกของคืนวาน ทำไมเธอไม่เอะใจว่าจะมีข่าวบางอย่างออกมาตามสื่อรวดเร็วทันด่วนขนาดนี้
“พี่เมษมีข่าวกับผู้หญิงใช่ไหม” ถึงเธอจะค่อนข้างความรู้สึกช้า ออกจะบื้อๆ ในสายตาชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนที่ยังรู้สึก ยังหวาดระแวง หวั่นไหวเป็น
“อย่าคิดมาก”
“พูดง่ายแต่ทำยาก” เฌอพลูดวงตาหม่นแสงลง ความอ่อนแอเข้าเกาะกุมจิตใจเธอ “พลูไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยหมาก”
“ไม่ต้องรู้สึกอะไรสิ ไม่ต้องรัก ไม่ต้องหวัง ไม่ต้องเจ็บปวด” มุมปากของคันธพฤกษ์ยกขึ้นน้อยๆ ดวงตาของเขาหลุบต่ำมองถนน ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง
“ไม่รู้สึกอะไร แล้วจะรักได้ยังไง” เธอสงสัยราวกับตัวเองเป็นแค่เด็กอนุบาล ไม่ประสาเรื่องความรู้สึก
คันธพฤกษ์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ น้ำเสียงของเขาจะฟังว่านุ่มนวลลื่นหูก็ได้ หรือจะฟังว่าแฝงไว้ด้วยความเย็นชาก็ไม่แปลก เฌอพลูหันมองปฏิกิริยาของเพื่อนอย่างประหลาดใจ และได้แต่กะพริบตาปริบกับประกายตาประหลาดที่เขาใช้มองเธอ ก่อนที่มันจะเลือนหายไปยามที่เขาผินหน้ากลับไปมองถนน
“ไม่ยากและไม่ง่ายหรอก ใครๆ ก็ทำได้ พลูก็แค่พยายามไม่รู้สึก หูที่ฟังข่าวก็ฟังไป แต่ไม่ให้มันสั่นคลอนความเชื่อ ที่พลูไม่มีความสุขก็เพราะเปิดหูฟัง เปิดใจระแวงเกินไป รู้สึกให้น้อย ฟังให้น้อย และรับรู้แค่เสียงหัวใจตัวเอง”
คำพูดของคันธพฤกษ์ฟังดูคล้ายเจ้าตัวชำนาญเป็นอย่างมากในการจัดการความรู้สึกของตัวเองด้วยวิธีนี้ ตอนที่รถของพวกเขาเลี้ยวขึ้นอาคารจอดรถของห้างสรรพสินค้า เฌอพลูกลับนึกถึงแฟนของเพื่อนรักของเธอ...หรือว่าเขาใช้วิธีนี้ในการกำจัดความระแวงในใจเรื่องของมุกลินไป
เฌอพลูเปิดประตูลงจากรถ หยุดยืนรอให้คันธพฤกษ์หยิบกระเป๋าสัมภาระของตัวเองออกมาอย่างใจเย็น ดวงตาของเธอเรื่อไปด้วยน้ำจางๆ ขณะที่อีกฝ่ายเดินอ้อมมาหา หญิงสาวกางมือออกกว้างรอ
“กอดหน่อยสิ”
“หืม” คนถูกขอกอดผงะไปช่วงวินาที
“นะ ขอกอดหน่อย” ไม่รอให้เพื่อนเดินเข้ามา หญิงสาวเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเขาแทน ยกสองแขนโอบร่างสูงไว้หลวมๆ หน้าแนบลงกับอกของเขา เสียงหัวใจของเพื่อนเต้นดังอยู่ข้างหูเธอ “ที่หมากเข้าใจพลู ก็เพราะว่าที่จริงแล้วหมากเองก็กำลังปิดบังความรู้สึกบางอย่างไว้ใช่ไหม”
“ใบพลู” น้ำเสียงเข้มหลุดถามออกมาอย่างเหนือความคาดหมาย แขนหนาโอบรอบร่างเล็กไว้อย่างทะนุถนอม ไม่กล้ากอดแรงเกินไปเพราะกลัวร่างบอบบางนี้จะอึดอัด และไม่กล้ากอดหลวมเกินไปจนกลัวว่าร่างอุ่นที่เขารู้สึกนี้จะอันตรธานไป
“เรื่องของมุก ทำให้หมากเป็นแบบนี้ล่ะสิ”
มือที่เคยโอบกอดเฌอพลูร่วงลงข้างตัว คันธพฤกษ์สะกดตัวเองไม่ให้ผลักร่างของหญิงสาวออก แล้วจับไหล่เขย่าเธอให้หัวคลอนอย่างโมโห ได้แต่รับคำในคออย่างขอไปที ลอบกลอกตาใส่คนที่ทำตัวเข้าอกเข้าใจเขาอย่างเต็มที่
“อยากรักก็รักสิ จะมาบังคับไม่ให้ตัวเองไม่รู้สึกทำไม แล้วถ้าวันไหนที่เกิดความระแวงไม่เชื่อใจ พลูจะถามให้ชัดเจนไปเลย” ถึงคราวที่เฌอพลูสอนกลับ หญิงสาวถอยห่างจากเพื่อนหนึ่งก้าว มือยังเกี่ยวแขนเขาไว้อย่างที่ชอบทำเสมอแต่เด็ก รู้สึกกระดากนิดๆ ที่จู่ๆ บังอาจขอกอดคันธพฤกษ์อย่างหน้าด้านๆ แต่การกอดกับเพื่อน มีฝ่ามือที่เข้าใจคอยลูบหลังลูบไหล่ มันทำให้เธอรู้สึกสงบขึ้นจริงๆ มือบางวางทาบแก้มของเพื่อน ยิ้มอ่อนโยน “หมากเป็นคนดี ก็ต้องมีคนดีที่คู่ควรกับหมากนะ”
“ผู้หญิงไม่ค่อยรักคนดีๆ หรอกพลู”
เฌอพลูค้อนคนพูด “ถ้าหมากไม่ใช่เพื่อนพลู ป่านนี้พลูก็รักหมากไปนานแล้วล่ะ หมากไม่เคยทำให้พลูระแวงหรือคลางใจเลยสักครั้ง” ยิ้มหวานทิ้งท้ายขณะที่คันธพฤกษ์อ้างว่าเขาลืมของต้องกลับไปเอา ปล่อยให้เฌอพลูขึ้นไปทำงานก่อนได้เลย
สองมือชายหนุ่มกำเข้าตัวกันแน่น ลมหายใจยัวะจัดถูกสูดเข้าปอดเฮือกใหญ่ เขามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เฌอพลู ได้เห็นรอยยิ้มเธอบ่อยกว่าเมษา ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกันในทุกวัน แม้แต่วันใดที่เธอนอนไม่หลับเขาก็จะรู้ได้ แต่...ทุกอย่างมันก็ได้เท่านั้น
‘ถ้าหมากไม่ใช่เพื่อนพลู ป่านนี้พลูก็รักหมากไปนานแล้วล่ะ หมากไม่เคยทำให้พลูระแวงหรือคลางใจเลยสักครั้ง’
คำพูดนั้นของเฌอพลูไม่ต่างจากลูกดอกอาบยาพิษ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยัยเด็กน่ารำคาญข้างบ้านที่เขาเคยเบื่อหน่าย และชอบตามติดเขากลายเป็นคนที่เขาคลาดสายตาไปไหนไม่ได้ เขาต้องแสร้งทำตัวน่าเบื่อ คอยพูดอะไรยากๆ ให้เด็กสมองถั่วขบคิด และชักนำ แต่เป็นเขาที่ไม่รู้ไปพลาดท่าตอนไหน เขาติดใจดวงตาใสซื่อ ที่คิดอะไรก็แสดงออกมาผ่านสีหน้าและแววตาทั้งหมด ในอดีตเขาถูกยายขอร้องให้ทำดีกับเฌอพลูมากๆ หน่อย เพราะแม่ของเขาทำผิดกับครอบครัวฝั่งเฌอพลูมา แต่ทุกวันนี้เขาปรารถนาที่จะให้เด็กน่ารำคาญคนหนึ่งตอแย และนึกถึงเขาเป็นคนแรก
และเขาก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของยายอย่างเคร่งครัด และค่อนข้างมากเกินไป จนลืมระวังหัวใจตัวเอง กว่าจะรู้ตัว หัวใจของเขาก็ถอนตัวจากอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว
คันธพฤกษ์ข่มใจไม่ให้เดือดพล่าน หยิบโทรศัพท์มาต่อสายถึงมุกลิน ผู้หญิงที่เฌอพลูเข้าใจว่าเป็นคนรักของเขา...แน่นอนว่าเขาดึงมุกลินเข้ามาในครั้งแรกก็เพื่อให้ตัวเองมั่นใจว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเฌอพลูเป็นแค่ความรู้สึกแบบคนทานยาผิด เขาไม่ได้รู้สึกเกินเลยอะไรกับเฌอพลูสักนิด แต่เขาคิดผิด นอกจากเขาจะคบกับมุกลินได้ไม่ยืน มุกลินยังยินดีที่จะให้เขาดึงเธอมาเป็นแฟนกำมะลอ เพื่อให้เฌอพลูเชื่อว่าเขาเป็นเพื่อนได้สนิทใจ
“มีอะไรให้รับใช้จ๊ะหมาก”
“ปลีกตัวจากแฟนเธอ มากินข้าวเที่ยงกับฉันหน่อยสิ”
“เอาแฟนไปด้วยไม่ได้เหรอ ช่วงนี้กำลังตัวติดกัน” ปลายสายหัวเราะคิกอย่างอารมณ์ดี “แต่เอาเถอะ ฉันชอบดูละครสนุกๆ ของหมาก จะไปคนเดียวก็แล้วกัน ว่าแต่ ‘เพื่อนผู้น่ารัก’ ของหมากจะมาด้วยไหม” มุกลินเน้นย้ำตรงคำว่า ‘เพื่อนผู้น่ารัก’ ให้คนฟังเสียดแทงใจเล่น
“ช่วงนี้พลูกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ อย่าหาปัญหาไปให้เขาสงสัยเพิ่ม เวลาไปไหนกับแฟนเธอก็ช่วยระวังตัวหน่อย”
“ถ้าพลูมาเจอก็แค่บอกว่าเป็นเพื่อนสิ ชีวิตฉันไม่ใช่นักโทษนะ จะเดินไปไหนมาไหนกับแฟนไม่ได้”
“แสนนึง” คันธพฤกษ์หย่อนจำนวนเงินให้อย่างสบายๆ จนอีกฝ่ายตะครุบรับอย่างว่าง่าย...เหมือนทุกครั้ง
“ฉันจะเป็นมุกลินที่น่ารักอ่อนหวานให้เอง ไม่ต้องห่วง”
ยังไม่ทันเดินถึงร้าน ข่าวเช้าบันเทิงบนจอทีวีใหญ่ในร้านอาหารก็ตรึงสายตาหญิงสาวไว้ได้เสียก่อน ใบหน้าอ่อนโยน สุภาพของคนในจอทีวีเป็นคนเดียวกันกับที่เธอเรียกว่า ‘แฟน’ เมษากำลังสัมภาษณ์คู่อยู่กับ นุชตา นางเอกดาวรุ่งพุ่งแรง ที่แค่รับบทรองเรื่องแรกคู่กับเมษาก็ดังเป็นพลุแตก
พาดหัวตัวอักษรใหญ่ด้านล่างขึ้นว่า ‘คู่จิ้นลุ้นจริง’ เฌอพลูรู้สึกเสียดายที่ตัวเธอไม่ใช่คนติดละคร ไม่ใช่คนชอบอ่านข่าว แม้เมษาจะเล่นละคร แต่เธอกลับไม่ได้ติดตามงานของเขาเลยสักเรื่องเดียว เธอถึงเพิ่งรู้ในวันนี้ว่าการอยู่หลังเขาของเธอทำให้เธอพลาดเรื่องบางอย่างไป
“ได้ข่าวว่างานละครเรื่องใหม่ ทั้งคุณเมษ และคุณนุชจะรับบทเป็นพระนางหลักคู่กัน อย่างนี้แฟนคลับของพวกคุณได้มีลุ้นอีกแน่ๆ นะคะ” เสียงนักข่าวหญิงจ่อไมค์ของช่องดังไปที่เมษา
ชายหนุ่มยิ้มรับ มีการมอง และส่งตาให้กับหญิงสาวร่างเล็กข้างกายที่ชื่อนุชตา จนเธอนึกอิจฉาก่อนตอบคำถาม...เขามีเวลาไปส่งตาหวานเยิ้มให้คนอื่น ขณะที่เธอทำได้แค่คุยกับเขาทางโทรศัพท์ และวุ่นวายใจไปกับข่าวของเขา
เฌอพลูละจากหน้าจอร้านอาหารเดินออกมาอย่างเชื่องช้า หูแว่วได้ยินเสียงบทสัมภาษณ์ของคนทั้งคู่ที่พยายามตอบให้คนดูข่าวจิ้นต่อไป ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์ วงการก็เป็นอย่างนี้ล่ะมั้ง หญิงสาวยิ้มหยัน เธอเองกำลังทั้งเข้าใจ...และไม่เข้าใจเขาในคราวเดียวกัน
รวมถึงการปรากฏตัวของเธอในร้าน Long Hair ด้วย ทุกคนในร้านที่รวมเธอด้วยครบห้าชีวิต ต่างรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเมษากันเป็นอย่างดี
“สิบโมงครึ่งมีลูกค้าจองคิวพลูไว้” ไกรวุฒิยกแก้วน้ำขึ้นจิบน้ำอุ่น มืออีกข้างเปิดนิตยสารอ่านข่าว
“ค่ะ”
“ยังคบกันดีกับเมษาใช่ไหม”
“เมื่อคืนเราเพิ่งคุยกันค่ะ” เฌอพลูตอบตามจริง แต่ไม่ได้ระบุว่าก่อนจะได้คุยกับเขานั้นระยะเวลาที่ไม่ได้คุยกันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว
“คนในวงการก็อย่างนี้ล่ะ เต้าข่าว โดนจับคู่ มีแฟนเป็นดาราก็ต้องทำใจกว้าง ยอมรับให้ได้ ข่าวบันเทิง มีความจริงอยู่ไม่กี่ส่วนหรอก”
ถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นจะทำทีเป็นไม่สนใจ สาละวนกับการดูแลอุปกรณ์ เช็ดทำความสะอาดร้าน แต่เธอรู้ว่าหูของทุกคนคงจะผึ่งเรื่องของเธอน่าดู เฌอพลูยิ้มอย่างสงบเสงี่ยม ไม่ทำตัวเป็นแฟนขี้ราวี ที่จริงเธอออกจะเรียบร้อยในสายตาใครต่อใคร ไม่ขี้หึง ไม่ขี้จิก แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าการเป็นเธอแบบนี้นั้น แทบจะไม่มีความสุขเลย
“แต่ถ้าคบกันไปแล้วระแวง ก็เลิกเถอะ”
“พี่เก้!” ช่อบุษบา ช่างผมมือรองในร้านในลุกส์สวยเฉียบเก๋ กับผมทรงโมฮอกอุทานชื่อคนพูดลั่น ส่ายหน้าหวือไม่เห็นด้วย “อยู่ดีๆ ไปยุให้เขาเลิกกัน” เหลือบมองหน้าคนถูกยุที่ยังคงยิ้มซึมซื่อมาให้อย่างน่าสงสาร
ไกรวุฒิไหวไหล่ ปิดหนังสือลง ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองหน้าลูกน้องสาว ซึ่งถือเป็นน้องเล็กในร้านนี้ให้เต็มตา “แต่ฉันว่าเลิกชัวร์” เจ้าของร้านหนุ่มยิ้มมั่นใจ และยังยกประเด็กของเฌอพลูขึ้นพูดโดยไม่สนใจหน้าตาของหญิงสาว “ใครพนันกับฉันไหม”
“มั่นใจมาจากไหนคะคุณเก้” ช่อบุษบาค่อนแคะหมั่นเขี้ยว
หนุ่มหน้าสวยยกนิ้วขึ้นมาชี้ที่ตาตัวเอง กระตุกยิ้มให้ทีหนึ่ง “แค่ดูก็รู้แล้ว”
เฌอพลูส่ายหน้าขำ ไม่ได้นึกโกรธกับการถูกหยิบยกมาพูดถึง เธอรู้ว่าแต่ละคนล้วนหวังดี และเป็นห่วงเธอกันทั้งนั้น ถึงจะบอกว่าเธอจะเลิก หรือคบกับเมษาต่ออย่างไร สำหรับเธอแล้วประเด็นสำคัญไม่ใช่คำคาดเดาของพวกเขา แต่อยู่ที่เธอกับเมษาว่าจะเข้าใจกันไปได้อีกนานแค่ไหนมากกว่า
“ฉันพนันได้ไหมพี่เก้”
ทุกคนในร้านส่งเสียงแตกตื่นกับความบ้าบิ่นของเฌอพลู หญิงสาวนั่งลงข้างกายไกรวุฒิ พูดขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันจะไม่เลิกกับพี่เมษภายในหนึ่งเดือนนี้”
“แล้วหลังจากหนึ่งเดือนนี้ล่ะ”
คนถูกถามปรายตามองไกรวุฒิซึ่งกำลังใช้สายรู้ทันมองเธอ “ขอแค่ฉันเจอผู้หญิงคนนั้น ฉันก็จะตอบได้”
ไกรวุฒิยิ้มถูกใจ เขายืดหลังที่พิงพนักโซฟาขึ้นตรง มองไปยังหน้าประตูร้านที่เริ่มมีคนมาเดินเที่ยวห้างเดินกันขวักไขว่ และหนึ่งในนั้นมีคนเลี้ยวเข้ามาในร้าน สวมชุดเรียบง่าย และมีแว่นดำ หมวกปีกกว้างปิดบังใบหน้า เขาแนะนำให้อย่างกระตือรือร้น
“นี่คือคุณนุชตา คนที่นัดคิวพลูทำผมตอนสิบโมงครึ่งไง”
นุชตา...ดวงตาคนรับรู้ต่างเบิกกว้างขึ้น ยกเว้นเฌอพลูที่กำลังตกอยู่ในความสงบ แน่นอนว่าภาพที่แสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกในใจของเธอที่กำลังปั่นป่วนสับสน ตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่หญิงคนนี้เข้าร้านมา รัศมีในตัวเจ้าหล่อนก็กลบความธรรมดาของเธอเสียมิด
และการที่นุชตามาถึงที่นี่ได้และจงใจนัดเธอทั้งที่ไม่เคยเป็นลูกค้ามาก่อน ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเมษาดี เธอใคร่รู้ว่าคนอย่างนุชตากลับต้องการอะไรจากเธอ
แน่นอนว่าลึกๆ เธอคิดว่าตัวเองรู้ ว่า ‘สิ่งนั้น’ คืออะไร แต่เธอยังภาวนาว่ามันจะไม่ใช่
“ฉันได้ยินเรื่องของคุณจากเมมาไม่น้อยเลยนะคะ” หลังตกลงเรื่องทรงผมกันเรียบร้อย ลูกค้าของเธอที่เดินตามเตรียมไปเตียงสระก็เริ่มเรื่องด้วยเสียงหวาน
หัวคิ้วเรียวของคนฟังขมวดชั่วครู่ ‘เม’ ชื่อที่คงมีแต่นุชตาที่พยายามเรียกเขาให้แตกต่าง “ค่ะ พี่เมษเขาก็ชอบช่วยฉันหาลูกค้าอย่างนี้เสมอ พี่เมษเป็นคนน่ารักนะคะ”
สายตาของดาราสาวตวัดมองเธอราวกับว่าเธอโง่หรือเปล่า ริมฝีปากสีส้มจึงค่อยยิ้มออกช้าๆ “ฉันมาที่ร้านเล็กๆ นี่ไม่ได้ตั้งใจมาทำผมหรอกค่ะ ก็แค่อยากมาตกลงกับคุณ เมเขาเองคงไม่มีทางออกมาพูดเอง” นุชตาหันร่างกลับมา นัยน์ตาจ้องคนเบื้องหน้าตัวเองอย่างดูแคลน...แค่ช่างผมต็อกต๋อยคนหนึ่ง “ปล่อยเมไปซะ อย่าดึงอนาคตของเขาลงต่ำเลยค่ะ”
“พี่เมษขอให้คุณพูด หรือคุณเสนอตัวมาพูดเองโดยไม่ปรึกษาพี่เมษกันแน่คะ” เฌอพลูซ่อนมือไว้ข้างหลัง กำเข้าหาตัวแน่นอย่างอดกลั้น เธอไม่ได้โง่ให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำลายชื่อเสียงของทั้งร้าน
“สำคัญเหรอคะ ถ้าสุดท้ายแล้วคนทั้งประเทศจะกดดันจนคุณอยู่เคียงข้างเมไม่ได้อีก”
“ฉันได้รับคำเตือนจากพี่เมษแล้วค่ะ ว่าขอให้เชื่อเขาไม่ว่าจะได้รับข่าวอะไร และฉันก็ยังเชื่อเขา เชื่อคนที่ฉันคบ ดีกว่าคนแปลกหน้าที่มาทีหลัง” เฌอพลูยิ้มบางเบาคล้ายไม่หาความกับการมาขู่ของนุชตา “ฉันเข้าใจวงการดีค่ะ อยากดังก็ต้องสร้างข่าว อยากมีงานก็ต้องทำตัวให้ดังเข้าไว้ พี่เมษรักงานของเขามาก ถึงบันไดบางขั้นที่เขากำลังเหยียบย่างขึ้นไปจะไม่น่าอภิรมย์สำหรับฉัน แต่ฉันจะไม่ขัดขวาง ตราบใดที่ยังเป็นแค่บันไดหรือราวกั้น ฉันจะกังวลไปทำไมคะ”
คนถูกเปรียบเป็นบันไดและราวกั้นหน้าชาดิก เธอเม้มปากแน่น ไม่บุ่มบ่ามเดินออกไปเพราะเถียงสู้ไม่ได้ ที่เธอเคยได้ยินมาจากเมษา เฌอพลูดูไม่น่าจะฉลาด หรือหัวแข็งอย่างที่คิด แต่เธอรู้แล้วว่าที่คาดการณ์ไว้มันผิด
“คุณก็แค่คนที่ยืนรออยู่บนพื้น ไม่ใช่รอเขาอยู่บนบันไดขั้นสุดท้าย แน่ใจเหรอคะ ว่าทันทีที่เมเดินขึ้นไปถึงบันไดขั้นสุดท้ายจริง เขายังอยากเดินกลับลงมาเหยียบย่างบนพื้นปูนธรรมดาอีก” รอยวูบไหวในแววตาของเฌอพลูสร้างความพอใจแก่นุชตา หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นหลังจากปล่อยให้แฟนของเป้าหมายเธอสระผมจัดทรงให้ ไม่ยากเลยที่เธอจะเขี่ยคนพรรค์นี้ไปจากเมษา ผู้ชายคนนั้นเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ และความทะยานอยากในวงการการแสดง เขาจะต้องทำให้เธอไปได้ไกลได้แน่
“ถึงวันนั้น...ก็แล้วแต่เขาเถอะค่ะ”
เฌอพลูไม่สนใจว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้เธอคล้ายผู้แพ้มากแค่ไหนอีกต่อไป สู้ไปแล้วอย่างไร ไม่สู้แล้วอย่างไร...อย่างไรเธอก็เหนื่อยใจเหมือนกัน
.......................
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เริ่มเผยด้านมืดของหมากมาทีละนิดค่ะ เป็นด้านที่พลูไม่เคยเห็น แล้วจะมีโอกาสได้มองเห็นไหม ฮา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^
มื้อเช้าวันนี้ พ่อและแม่ของเธอกำลังแสดงท่าทางประหลาดออกมา อาทิ พ่อของเธอที่ปกติชวนพูดคุยออกรสชาติในโต๊ะอาหารที่เอาแต่ก้มหน้าทานอาหารหลังจากอ่านหนังสือพิมพ์ และโยนมันออกไปไกลตัวหลังจากอ่านเสร็จ หรือจะแม่ของเธอที่เอาแต่มองสีหน้าของเธอด้วยความห่วงใย ราวกับว่าเธอกำลังป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่าง
เฌอพลูวางช้อนลง พยายามบังคับสีหน้าไม่ให้แสดงออกว่าเธอกำลังหมดอร่อยในอาหาร “ขอพลูอ่านหนังสือพิมพ์...”
“ปกติพ่อไม่เห็นพลูจะอ่าน” บุรีพลางวางช้อนตาม และออกอาการหวงหนังสือพิมพ์ที่อยู่เบื้องหลังตนเองทันที
พิรุธเต็มๆ...เฌอพลูลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน ทำทีไม่สนใจอาการประหลาดของพ่อ แต่เพื่อความมั่นใจอีกสักนิด เธอจึงหันไปหามารดา ผู้ที่โกหกไม่เก่งที่สุดในโลก
“แม่คะ!”
แกล้งเรียกเสียงดังเข้าหน่อย คุณข้าวหอมถึงกับสะดุ้งโหยง พอรู้ตัวว่าอาการของตนออกมามากไป จึงทำใจให้สงบ และยิ้มรับเกร็งๆ
“ว่าไงใบพลู”
“พลูจะไปทำงานแล้วค่ะ” หญิงสาวแสร้งยิ้มประจบ ไม่ทักรอยยิ้มโล่งอกของมารดา และบิดาที่เผลอผ่อนลมหายใจเฮือกยาวออกมา
คำอวยพรโชคดีมีให้เช่นทุกวัน แต่ร่องรอยในตาของพวกท่านที่เป็นห่วงเธอเต็มเปี่ยมทำให้เฌอพลูค้างคาใจ หญิงสาวออกมาหน้าบ้านพบรถของคันธพฤกษ์จอดรออยู่ ใบหน้าบึ้งตึง ไม่สบอารมณ์ของเธอจึงพลอยตามมาด้วยยามหย่อนกายนั่งลงภายในรถ สารถีมองมายิ้มๆ ถามคำถามเดิมที่เขาแทบจะจดลิขสิทธิ์กับเฌอพลูแล้ว
“เป็นอะไร”
“ไม่ใช่พลูหรอก” หญิงสาวกอดอก หันมาทำปากยื่นใส่คันธพฤกษ์ด้วยอีกคน “พ่อแม่พลูต่างหาก แปลกแต่เช้าเลย”
ชายหนุ่มไม่ได้ส่งเสียงประหลาดใจ เพราะเขาเองก็รู้เรื่องสำคัญของใบพลูแล้วเช่นกัน ไม่สิไม่ใช่แค่เขา แต่เป็นทุกคน...ในประเทศ
“หรือหมากก็รู้”
“ใช่”
น้ำเสียงเตรียมคาดคั้นคันธพฤกษ์เพราะตั้งใจหาที่รวนใส่ถึงคราวตกตะลึง เธอแค่หาที่ลงอารมณ์เฉยๆ ไม่ได้คิดว่า เขาจะรู้จริงๆ แล้วเพื่อนรักของเธอไปล่วงรู้ในสิ่งที่พ่อแม่เธอรู้ได้อย่างไร
ข่าว...เฌอพลูนึกถึงท่าทีประหลาดของพ่อตอนห้ามเธออ่านหนังสือพิมพ์จึงค่อยๆ เดาออก และเชื่อมโยงไปถึงคนเดียวในชีวิตเธอที่จะอยู่ตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ได้...เมษา
“เมื่อคืนพลูเพิ่งคุยกับพี่เมษ”
ภายในรถซึ่งมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศตอบรับความเงียบของเฌอพลู หญิงสาวเม้มปากหันไปมองเพื่อนรักที่ไม่ยอมหืออือกับเธออย่างน้อยใจ สายตาล้ำลึกภายใต้กรอบแว่นของคันธพฤกษ์มองตรงไปข้างหน้า จดจ่ออยู่กับท้องถนนที่โล่งสะดวก บ้านของพวกเธอต่างอยู่ชานเมือง ถนนเส้นที่วิ่งอยู่จึงไม่ได้หนาแน่นอะไร
คนถูกเมินส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ ก่อนดวงตาจะหมองลง เมื่อสมองหวนนึกถึงคำพูดหวานหู และพร่ำขอให้เธอยังเชื่อใจผ่านโทรศัพท์ตอนดึกของคืนวาน ทำไมเธอไม่เอะใจว่าจะมีข่าวบางอย่างออกมาตามสื่อรวดเร็วทันด่วนขนาดนี้
“พี่เมษมีข่าวกับผู้หญิงใช่ไหม” ถึงเธอจะค่อนข้างความรู้สึกช้า ออกจะบื้อๆ ในสายตาชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอก็ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนที่ยังรู้สึก ยังหวาดระแวง หวั่นไหวเป็น
“อย่าคิดมาก”
“พูดง่ายแต่ทำยาก” เฌอพลูดวงตาหม่นแสงลง ความอ่อนแอเข้าเกาะกุมจิตใจเธอ “พลูไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยหมาก”
“ไม่ต้องรู้สึกอะไรสิ ไม่ต้องรัก ไม่ต้องหวัง ไม่ต้องเจ็บปวด” มุมปากของคันธพฤกษ์ยกขึ้นน้อยๆ ดวงตาของเขาหลุบต่ำมองถนน ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง
“ไม่รู้สึกอะไร แล้วจะรักได้ยังไง” เธอสงสัยราวกับตัวเองเป็นแค่เด็กอนุบาล ไม่ประสาเรื่องความรู้สึก
คันธพฤกษ์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ น้ำเสียงของเขาจะฟังว่านุ่มนวลลื่นหูก็ได้ หรือจะฟังว่าแฝงไว้ด้วยความเย็นชาก็ไม่แปลก เฌอพลูหันมองปฏิกิริยาของเพื่อนอย่างประหลาดใจ และได้แต่กะพริบตาปริบกับประกายตาประหลาดที่เขาใช้มองเธอ ก่อนที่มันจะเลือนหายไปยามที่เขาผินหน้ากลับไปมองถนน
“ไม่ยากและไม่ง่ายหรอก ใครๆ ก็ทำได้ พลูก็แค่พยายามไม่รู้สึก หูที่ฟังข่าวก็ฟังไป แต่ไม่ให้มันสั่นคลอนความเชื่อ ที่พลูไม่มีความสุขก็เพราะเปิดหูฟัง เปิดใจระแวงเกินไป รู้สึกให้น้อย ฟังให้น้อย และรับรู้แค่เสียงหัวใจตัวเอง”
คำพูดของคันธพฤกษ์ฟังดูคล้ายเจ้าตัวชำนาญเป็นอย่างมากในการจัดการความรู้สึกของตัวเองด้วยวิธีนี้ ตอนที่รถของพวกเขาเลี้ยวขึ้นอาคารจอดรถของห้างสรรพสินค้า เฌอพลูกลับนึกถึงแฟนของเพื่อนรักของเธอ...หรือว่าเขาใช้วิธีนี้ในการกำจัดความระแวงในใจเรื่องของมุกลินไป
เฌอพลูเปิดประตูลงจากรถ หยุดยืนรอให้คันธพฤกษ์หยิบกระเป๋าสัมภาระของตัวเองออกมาอย่างใจเย็น ดวงตาของเธอเรื่อไปด้วยน้ำจางๆ ขณะที่อีกฝ่ายเดินอ้อมมาหา หญิงสาวกางมือออกกว้างรอ
“กอดหน่อยสิ”
“หืม” คนถูกขอกอดผงะไปช่วงวินาที
“นะ ขอกอดหน่อย” ไม่รอให้เพื่อนเดินเข้ามา หญิงสาวเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเขาแทน ยกสองแขนโอบร่างสูงไว้หลวมๆ หน้าแนบลงกับอกของเขา เสียงหัวใจของเพื่อนเต้นดังอยู่ข้างหูเธอ “ที่หมากเข้าใจพลู ก็เพราะว่าที่จริงแล้วหมากเองก็กำลังปิดบังความรู้สึกบางอย่างไว้ใช่ไหม”
“ใบพลู” น้ำเสียงเข้มหลุดถามออกมาอย่างเหนือความคาดหมาย แขนหนาโอบรอบร่างเล็กไว้อย่างทะนุถนอม ไม่กล้ากอดแรงเกินไปเพราะกลัวร่างบอบบางนี้จะอึดอัด และไม่กล้ากอดหลวมเกินไปจนกลัวว่าร่างอุ่นที่เขารู้สึกนี้จะอันตรธานไป
“เรื่องของมุก ทำให้หมากเป็นแบบนี้ล่ะสิ”
มือที่เคยโอบกอดเฌอพลูร่วงลงข้างตัว คันธพฤกษ์สะกดตัวเองไม่ให้ผลักร่างของหญิงสาวออก แล้วจับไหล่เขย่าเธอให้หัวคลอนอย่างโมโห ได้แต่รับคำในคออย่างขอไปที ลอบกลอกตาใส่คนที่ทำตัวเข้าอกเข้าใจเขาอย่างเต็มที่
“อยากรักก็รักสิ จะมาบังคับไม่ให้ตัวเองไม่รู้สึกทำไม แล้วถ้าวันไหนที่เกิดความระแวงไม่เชื่อใจ พลูจะถามให้ชัดเจนไปเลย” ถึงคราวที่เฌอพลูสอนกลับ หญิงสาวถอยห่างจากเพื่อนหนึ่งก้าว มือยังเกี่ยวแขนเขาไว้อย่างที่ชอบทำเสมอแต่เด็ก รู้สึกกระดากนิดๆ ที่จู่ๆ บังอาจขอกอดคันธพฤกษ์อย่างหน้าด้านๆ แต่การกอดกับเพื่อน มีฝ่ามือที่เข้าใจคอยลูบหลังลูบไหล่ มันทำให้เธอรู้สึกสงบขึ้นจริงๆ มือบางวางทาบแก้มของเพื่อน ยิ้มอ่อนโยน “หมากเป็นคนดี ก็ต้องมีคนดีที่คู่ควรกับหมากนะ”
“ผู้หญิงไม่ค่อยรักคนดีๆ หรอกพลู”
เฌอพลูค้อนคนพูด “ถ้าหมากไม่ใช่เพื่อนพลู ป่านนี้พลูก็รักหมากไปนานแล้วล่ะ หมากไม่เคยทำให้พลูระแวงหรือคลางใจเลยสักครั้ง” ยิ้มหวานทิ้งท้ายขณะที่คันธพฤกษ์อ้างว่าเขาลืมของต้องกลับไปเอา ปล่อยให้เฌอพลูขึ้นไปทำงานก่อนได้เลย
สองมือชายหนุ่มกำเข้าตัวกันแน่น ลมหายใจยัวะจัดถูกสูดเข้าปอดเฮือกใหญ่ เขามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เฌอพลู ได้เห็นรอยยิ้มเธอบ่อยกว่าเมษา ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกันในทุกวัน แม้แต่วันใดที่เธอนอนไม่หลับเขาก็จะรู้ได้ แต่...ทุกอย่างมันก็ได้เท่านั้น
‘ถ้าหมากไม่ใช่เพื่อนพลู ป่านนี้พลูก็รักหมากไปนานแล้วล่ะ หมากไม่เคยทำให้พลูระแวงหรือคลางใจเลยสักครั้ง’
คำพูดนั้นของเฌอพลูไม่ต่างจากลูกดอกอาบยาพิษ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยัยเด็กน่ารำคาญข้างบ้านที่เขาเคยเบื่อหน่าย และชอบตามติดเขากลายเป็นคนที่เขาคลาดสายตาไปไหนไม่ได้ เขาต้องแสร้งทำตัวน่าเบื่อ คอยพูดอะไรยากๆ ให้เด็กสมองถั่วขบคิด และชักนำ แต่เป็นเขาที่ไม่รู้ไปพลาดท่าตอนไหน เขาติดใจดวงตาใสซื่อ ที่คิดอะไรก็แสดงออกมาผ่านสีหน้าและแววตาทั้งหมด ในอดีตเขาถูกยายขอร้องให้ทำดีกับเฌอพลูมากๆ หน่อย เพราะแม่ของเขาทำผิดกับครอบครัวฝั่งเฌอพลูมา แต่ทุกวันนี้เขาปรารถนาที่จะให้เด็กน่ารำคาญคนหนึ่งตอแย และนึกถึงเขาเป็นคนแรก
และเขาก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของยายอย่างเคร่งครัด และค่อนข้างมากเกินไป จนลืมระวังหัวใจตัวเอง กว่าจะรู้ตัว หัวใจของเขาก็ถอนตัวจากอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว
คันธพฤกษ์ข่มใจไม่ให้เดือดพล่าน หยิบโทรศัพท์มาต่อสายถึงมุกลิน ผู้หญิงที่เฌอพลูเข้าใจว่าเป็นคนรักของเขา...แน่นอนว่าเขาดึงมุกลินเข้ามาในครั้งแรกก็เพื่อให้ตัวเองมั่นใจว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเฌอพลูเป็นแค่ความรู้สึกแบบคนทานยาผิด เขาไม่ได้รู้สึกเกินเลยอะไรกับเฌอพลูสักนิด แต่เขาคิดผิด นอกจากเขาจะคบกับมุกลินได้ไม่ยืน มุกลินยังยินดีที่จะให้เขาดึงเธอมาเป็นแฟนกำมะลอ เพื่อให้เฌอพลูเชื่อว่าเขาเป็นเพื่อนได้สนิทใจ
“มีอะไรให้รับใช้จ๊ะหมาก”
“ปลีกตัวจากแฟนเธอ มากินข้าวเที่ยงกับฉันหน่อยสิ”
“เอาแฟนไปด้วยไม่ได้เหรอ ช่วงนี้กำลังตัวติดกัน” ปลายสายหัวเราะคิกอย่างอารมณ์ดี “แต่เอาเถอะ ฉันชอบดูละครสนุกๆ ของหมาก จะไปคนเดียวก็แล้วกัน ว่าแต่ ‘เพื่อนผู้น่ารัก’ ของหมากจะมาด้วยไหม” มุกลินเน้นย้ำตรงคำว่า ‘เพื่อนผู้น่ารัก’ ให้คนฟังเสียดแทงใจเล่น
“ช่วงนี้พลูกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ อย่าหาปัญหาไปให้เขาสงสัยเพิ่ม เวลาไปไหนกับแฟนเธอก็ช่วยระวังตัวหน่อย”
“ถ้าพลูมาเจอก็แค่บอกว่าเป็นเพื่อนสิ ชีวิตฉันไม่ใช่นักโทษนะ จะเดินไปไหนมาไหนกับแฟนไม่ได้”
“แสนนึง” คันธพฤกษ์หย่อนจำนวนเงินให้อย่างสบายๆ จนอีกฝ่ายตะครุบรับอย่างว่าง่าย...เหมือนทุกครั้ง
“ฉันจะเป็นมุกลินที่น่ารักอ่อนหวานให้เอง ไม่ต้องห่วง”
ยังไม่ทันเดินถึงร้าน ข่าวเช้าบันเทิงบนจอทีวีใหญ่ในร้านอาหารก็ตรึงสายตาหญิงสาวไว้ได้เสียก่อน ใบหน้าอ่อนโยน สุภาพของคนในจอทีวีเป็นคนเดียวกันกับที่เธอเรียกว่า ‘แฟน’ เมษากำลังสัมภาษณ์คู่อยู่กับ นุชตา นางเอกดาวรุ่งพุ่งแรง ที่แค่รับบทรองเรื่องแรกคู่กับเมษาก็ดังเป็นพลุแตก
พาดหัวตัวอักษรใหญ่ด้านล่างขึ้นว่า ‘คู่จิ้นลุ้นจริง’ เฌอพลูรู้สึกเสียดายที่ตัวเธอไม่ใช่คนติดละคร ไม่ใช่คนชอบอ่านข่าว แม้เมษาจะเล่นละคร แต่เธอกลับไม่ได้ติดตามงานของเขาเลยสักเรื่องเดียว เธอถึงเพิ่งรู้ในวันนี้ว่าการอยู่หลังเขาของเธอทำให้เธอพลาดเรื่องบางอย่างไป
“ได้ข่าวว่างานละครเรื่องใหม่ ทั้งคุณเมษ และคุณนุชจะรับบทเป็นพระนางหลักคู่กัน อย่างนี้แฟนคลับของพวกคุณได้มีลุ้นอีกแน่ๆ นะคะ” เสียงนักข่าวหญิงจ่อไมค์ของช่องดังไปที่เมษา
ชายหนุ่มยิ้มรับ มีการมอง และส่งตาให้กับหญิงสาวร่างเล็กข้างกายที่ชื่อนุชตา จนเธอนึกอิจฉาก่อนตอบคำถาม...เขามีเวลาไปส่งตาหวานเยิ้มให้คนอื่น ขณะที่เธอทำได้แค่คุยกับเขาทางโทรศัพท์ และวุ่นวายใจไปกับข่าวของเขา
เฌอพลูละจากหน้าจอร้านอาหารเดินออกมาอย่างเชื่องช้า หูแว่วได้ยินเสียงบทสัมภาษณ์ของคนทั้งคู่ที่พยายามตอบให้คนดูข่าวจิ้นต่อไป ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์ วงการก็เป็นอย่างนี้ล่ะมั้ง หญิงสาวยิ้มหยัน เธอเองกำลังทั้งเข้าใจ...และไม่เข้าใจเขาในคราวเดียวกัน
รวมถึงการปรากฏตัวของเธอในร้าน Long Hair ด้วย ทุกคนในร้านที่รวมเธอด้วยครบห้าชีวิต ต่างรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเมษากันเป็นอย่างดี
“สิบโมงครึ่งมีลูกค้าจองคิวพลูไว้” ไกรวุฒิยกแก้วน้ำขึ้นจิบน้ำอุ่น มืออีกข้างเปิดนิตยสารอ่านข่าว
“ค่ะ”
“ยังคบกันดีกับเมษาใช่ไหม”
“เมื่อคืนเราเพิ่งคุยกันค่ะ” เฌอพลูตอบตามจริง แต่ไม่ได้ระบุว่าก่อนจะได้คุยกับเขานั้นระยะเวลาที่ไม่ได้คุยกันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว
“คนในวงการก็อย่างนี้ล่ะ เต้าข่าว โดนจับคู่ มีแฟนเป็นดาราก็ต้องทำใจกว้าง ยอมรับให้ได้ ข่าวบันเทิง มีความจริงอยู่ไม่กี่ส่วนหรอก”
ถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นจะทำทีเป็นไม่สนใจ สาละวนกับการดูแลอุปกรณ์ เช็ดทำความสะอาดร้าน แต่เธอรู้ว่าหูของทุกคนคงจะผึ่งเรื่องของเธอน่าดู เฌอพลูยิ้มอย่างสงบเสงี่ยม ไม่ทำตัวเป็นแฟนขี้ราวี ที่จริงเธอออกจะเรียบร้อยในสายตาใครต่อใคร ไม่ขี้หึง ไม่ขี้จิก แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าการเป็นเธอแบบนี้นั้น แทบจะไม่มีความสุขเลย
“แต่ถ้าคบกันไปแล้วระแวง ก็เลิกเถอะ”
“พี่เก้!” ช่อบุษบา ช่างผมมือรองในร้านในลุกส์สวยเฉียบเก๋ กับผมทรงโมฮอกอุทานชื่อคนพูดลั่น ส่ายหน้าหวือไม่เห็นด้วย “อยู่ดีๆ ไปยุให้เขาเลิกกัน” เหลือบมองหน้าคนถูกยุที่ยังคงยิ้มซึมซื่อมาให้อย่างน่าสงสาร
ไกรวุฒิไหวไหล่ ปิดหนังสือลง ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองหน้าลูกน้องสาว ซึ่งถือเป็นน้องเล็กในร้านนี้ให้เต็มตา “แต่ฉันว่าเลิกชัวร์” เจ้าของร้านหนุ่มยิ้มมั่นใจ และยังยกประเด็กของเฌอพลูขึ้นพูดโดยไม่สนใจหน้าตาของหญิงสาว “ใครพนันกับฉันไหม”
“มั่นใจมาจากไหนคะคุณเก้” ช่อบุษบาค่อนแคะหมั่นเขี้ยว
หนุ่มหน้าสวยยกนิ้วขึ้นมาชี้ที่ตาตัวเอง กระตุกยิ้มให้ทีหนึ่ง “แค่ดูก็รู้แล้ว”
เฌอพลูส่ายหน้าขำ ไม่ได้นึกโกรธกับการถูกหยิบยกมาพูดถึง เธอรู้ว่าแต่ละคนล้วนหวังดี และเป็นห่วงเธอกันทั้งนั้น ถึงจะบอกว่าเธอจะเลิก หรือคบกับเมษาต่ออย่างไร สำหรับเธอแล้วประเด็นสำคัญไม่ใช่คำคาดเดาของพวกเขา แต่อยู่ที่เธอกับเมษาว่าจะเข้าใจกันไปได้อีกนานแค่ไหนมากกว่า
“ฉันพนันได้ไหมพี่เก้”
ทุกคนในร้านส่งเสียงแตกตื่นกับความบ้าบิ่นของเฌอพลู หญิงสาวนั่งลงข้างกายไกรวุฒิ พูดขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันจะไม่เลิกกับพี่เมษภายในหนึ่งเดือนนี้”
“แล้วหลังจากหนึ่งเดือนนี้ล่ะ”
คนถูกถามปรายตามองไกรวุฒิซึ่งกำลังใช้สายรู้ทันมองเธอ “ขอแค่ฉันเจอผู้หญิงคนนั้น ฉันก็จะตอบได้”
ไกรวุฒิยิ้มถูกใจ เขายืดหลังที่พิงพนักโซฟาขึ้นตรง มองไปยังหน้าประตูร้านที่เริ่มมีคนมาเดินเที่ยวห้างเดินกันขวักไขว่ และหนึ่งในนั้นมีคนเลี้ยวเข้ามาในร้าน สวมชุดเรียบง่าย และมีแว่นดำ หมวกปีกกว้างปิดบังใบหน้า เขาแนะนำให้อย่างกระตือรือร้น
“นี่คือคุณนุชตา คนที่นัดคิวพลูทำผมตอนสิบโมงครึ่งไง”
นุชตา...ดวงตาคนรับรู้ต่างเบิกกว้างขึ้น ยกเว้นเฌอพลูที่กำลังตกอยู่ในความสงบ แน่นอนว่าภาพที่แสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกในใจของเธอที่กำลังปั่นป่วนสับสน ตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่หญิงคนนี้เข้าร้านมา รัศมีในตัวเจ้าหล่อนก็กลบความธรรมดาของเธอเสียมิด
และการที่นุชตามาถึงที่นี่ได้และจงใจนัดเธอทั้งที่ไม่เคยเป็นลูกค้ามาก่อน ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเมษาดี เธอใคร่รู้ว่าคนอย่างนุชตากลับต้องการอะไรจากเธอ
แน่นอนว่าลึกๆ เธอคิดว่าตัวเองรู้ ว่า ‘สิ่งนั้น’ คืออะไร แต่เธอยังภาวนาว่ามันจะไม่ใช่
“ฉันได้ยินเรื่องของคุณจากเมมาไม่น้อยเลยนะคะ” หลังตกลงเรื่องทรงผมกันเรียบร้อย ลูกค้าของเธอที่เดินตามเตรียมไปเตียงสระก็เริ่มเรื่องด้วยเสียงหวาน
หัวคิ้วเรียวของคนฟังขมวดชั่วครู่ ‘เม’ ชื่อที่คงมีแต่นุชตาที่พยายามเรียกเขาให้แตกต่าง “ค่ะ พี่เมษเขาก็ชอบช่วยฉันหาลูกค้าอย่างนี้เสมอ พี่เมษเป็นคนน่ารักนะคะ”
สายตาของดาราสาวตวัดมองเธอราวกับว่าเธอโง่หรือเปล่า ริมฝีปากสีส้มจึงค่อยยิ้มออกช้าๆ “ฉันมาที่ร้านเล็กๆ นี่ไม่ได้ตั้งใจมาทำผมหรอกค่ะ ก็แค่อยากมาตกลงกับคุณ เมเขาเองคงไม่มีทางออกมาพูดเอง” นุชตาหันร่างกลับมา นัยน์ตาจ้องคนเบื้องหน้าตัวเองอย่างดูแคลน...แค่ช่างผมต็อกต๋อยคนหนึ่ง “ปล่อยเมไปซะ อย่าดึงอนาคตของเขาลงต่ำเลยค่ะ”
“พี่เมษขอให้คุณพูด หรือคุณเสนอตัวมาพูดเองโดยไม่ปรึกษาพี่เมษกันแน่คะ” เฌอพลูซ่อนมือไว้ข้างหลัง กำเข้าหาตัวแน่นอย่างอดกลั้น เธอไม่ได้โง่ให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำลายชื่อเสียงของทั้งร้าน
“สำคัญเหรอคะ ถ้าสุดท้ายแล้วคนทั้งประเทศจะกดดันจนคุณอยู่เคียงข้างเมไม่ได้อีก”
“ฉันได้รับคำเตือนจากพี่เมษแล้วค่ะ ว่าขอให้เชื่อเขาไม่ว่าจะได้รับข่าวอะไร และฉันก็ยังเชื่อเขา เชื่อคนที่ฉันคบ ดีกว่าคนแปลกหน้าที่มาทีหลัง” เฌอพลูยิ้มบางเบาคล้ายไม่หาความกับการมาขู่ของนุชตา “ฉันเข้าใจวงการดีค่ะ อยากดังก็ต้องสร้างข่าว อยากมีงานก็ต้องทำตัวให้ดังเข้าไว้ พี่เมษรักงานของเขามาก ถึงบันไดบางขั้นที่เขากำลังเหยียบย่างขึ้นไปจะไม่น่าอภิรมย์สำหรับฉัน แต่ฉันจะไม่ขัดขวาง ตราบใดที่ยังเป็นแค่บันไดหรือราวกั้น ฉันจะกังวลไปทำไมคะ”
คนถูกเปรียบเป็นบันไดและราวกั้นหน้าชาดิก เธอเม้มปากแน่น ไม่บุ่มบ่ามเดินออกไปเพราะเถียงสู้ไม่ได้ ที่เธอเคยได้ยินมาจากเมษา เฌอพลูดูไม่น่าจะฉลาด หรือหัวแข็งอย่างที่คิด แต่เธอรู้แล้วว่าที่คาดการณ์ไว้มันผิด
“คุณก็แค่คนที่ยืนรออยู่บนพื้น ไม่ใช่รอเขาอยู่บนบันไดขั้นสุดท้าย แน่ใจเหรอคะ ว่าทันทีที่เมเดินขึ้นไปถึงบันไดขั้นสุดท้ายจริง เขายังอยากเดินกลับลงมาเหยียบย่างบนพื้นปูนธรรมดาอีก” รอยวูบไหวในแววตาของเฌอพลูสร้างความพอใจแก่นุชตา หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นหลังจากปล่อยให้แฟนของเป้าหมายเธอสระผมจัดทรงให้ ไม่ยากเลยที่เธอจะเขี่ยคนพรรค์นี้ไปจากเมษา ผู้ชายคนนั้นเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ และความทะยานอยากในวงการการแสดง เขาจะต้องทำให้เธอไปได้ไกลได้แน่
“ถึงวันนั้น...ก็แล้วแต่เขาเถอะค่ะ”
เฌอพลูไม่สนใจว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้เธอคล้ายผู้แพ้มากแค่ไหนอีกต่อไป สู้ไปแล้วอย่างไร ไม่สู้แล้วอย่างไร...อย่างไรเธอก็เหนื่อยใจเหมือนกัน
.......................
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เริ่มเผยด้านมืดของหมากมาทีละนิดค่ะ เป็นด้านที่พลูไม่เคยเห็น แล้วจะมีโอกาสได้มองเห็นไหม ฮา
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2558, 17:34:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2558, 17:34:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 1045
<< บทที่ 2 : แผ่วเบาเพียงลมปาก...หนักแน่นดังขุนเขา | บทที่ 4 : หัวใจที่ไม่เคยไล่ตามทัน >> |
ปิ่นนลิน 14 มิ.ย. 2558, 22:45:06 น.
เข้มแข็งไว้เน้อ เฌอพลู
เข้มแข็งไว้เน้อ เฌอพลู