เทหน้าตักรักนางมารร้าย (ฉบับรีไรท์ ทำ e-book)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 15

บทที่ 15

“อ้าว! ไหงถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ”

“บ่นอะไรเฟย์”

“ก็โน่นไง” ฟารีดาพยักพเยิดไปยังวิศวกรมาดนิ่งขวัญใจของสาวน้อยสาวใหญ่ในบริษัท HANO ซึ่งที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นว่าจะมีตุ๊กตาหน้ารถกับใครเขาเสียที หากวันนี้เขากลับนั่งรถมาพร้อมกันกับอรพินท์แถมยังมีท่าทางเหมือนจะสนิทสนมกันอีกต่างหาก “ทำไมถึงเป็นป้าอ้อนไปได้ ก็เจ้าชินมันชอบยัย...”

“ว่ายังไงนะคะพี่เฟย์ ชินชอบใคร” กีรฎาหูผึ่งขึ้นมาทันที

สาวห้าวอมยิ้มมีเลศนัย “ถามคนใกล้ตัวแก้วดีกว่า”

ก้องภพส่ายหน้าหวือ “ฉันไม่รู้อะไรโว้ย! อย่ามาโบ้ยดิวะไอ้เฟย์”

“หูผีจมูกมดอย่างแกกลายเป็นหูหนวกตาบอดตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ” ฟารีดายักไหล่ “เอาเถอะเรื่องนี้ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ว่าแต่คู่โน้นน่ะ” พยักพเยิดไปทางคู่ของภควัตกับปุณยวีร์ที่เพิ่งลงจากรถมาบ้าง “สามวันดีสี่วันไข้แบบนี้คิดว่าจะไปรอดอีกสักกี่น้ำวะ”

ก้องภพถอนหายใจละเหี่ยแทนคำตอบขณะมองตามสายตาของกีรฎาไปที่คู่ของภควัตกับปุณยวีร์ จากนั้นก็มองเลยไปที่คู่ของชินพัตต์กับอรพินท์ซึ่งเดินล่วงหน้าไปก่อน ไม่รู้ว่ามันจะผิดฝาผิดตัวไปถึงเมื่อไหร่แล้วสุดท้าย... เขาก็ได้แต่กลอกตากับอีกคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ







“อะแฮ่ม! เห็นเงียบๆ แต่กินเรียบนะจ๊ะอ้อน”

“เอ่อ พูดเรื่องอะไรกันคะพี่ อ้อนไม่เข้าใจ”

“แหม จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เอนจิเนียร์หนุ่มๆ หล่อๆ แถมมีแต่ตัวพ่อของแผนกทั้งนั้น”

“ไม่ใช่นะคะ อ้อนไม่ได้...”

“จะปฏิเสธทำไมอ้อน เราไม่ได้ทำอะไรผิด เขาเข้ามาหาเราเองทั้งนั้น เราไม่ได้ไปเสนอตัวหรืออ่อยให้ใครมารักมาชอบเหมือนคนบางคนสักหน่อย”

“พูดแบบนี้หมายความว่าไงหรือโย เธอว่าใครอ่อย ใครเสนอตัว”

“แหม จะร้อนตัวไปทำไมล่ะคะ โยไม่ได้ว่าพี่สักหน่อยส่วนจะเป็นใครนั้นคงไม่ต้องให้โยเอ่ยชื่อหรอกมั้งคะ น่าจะรู้ๆ กันอยู่ โยจะเล่าอะไรให้ฟังนะคะพี่ โย อ้อน ปืน ปุ้น พวกเรารู้จักกันมานานแล้วล่ะค่ะ รู้นิสัยกันดี อย่างปุ้นน่ะเขาเป็นสุภาพบุรุษใจดีมีน้ำใจไม่เคยทำร้ายจิตใจใครมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครเห็นใครก็ชอบ แต่หลายปีที่ผ่านมาพี่ไม่เห็นเหรอคะว่าเขาว่างไม่เคยมีใคร เพิ่งจะมามีก็ไม่นานมานี้ ดูจากรูปการณ์แล้วพี่คิดว่าเป็นฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงล่ะคะที่เริ่มก่อน”
...

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ปุณยวีร์ต้องตามนายญี่ปุ่นไปพบลูกค้าที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทอร์นซีบอร์ดจังหวัดระยอง หากเหลือเวลาอีกเกือบยี่สิบนาทีถึงจะได้เวลานัดพร้อมกันที่จุดจอดรถตู้ของบริษัท เธอจึงไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะได้ไม่มีปัญหาในระหว่างการเดินทาง ไม่นึกเลยว่าจะมาได้ยินสิ่งที่เป็นมลพิษทางอารมณ์ตั้งแต่เช้า แล้วนางมารร้ายอย่างเธอมาได้ยินอะไรอย่างนี้มีหรือจะหัวหดหรือว่าหลบไปเข้าห้องน้ำที่ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของตึก แบบนั้นไม่ใช่ปุณยวีร์แล้วล่ะ คนอย่างเธอ ถ้าดีมาเธอก็ดีตอบ แต่ถ้าร้ายมาล่ะก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุข สู้กันตาต่อตา ฟันต่อฟัน! ให้รู้ไปเลยว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป!

“ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษจรดปลายเท้า กับผู้หญิงที่... ร่าน ทำตัวสั่นริกๆ อยากได้เขาขนาดนั้น พี่คิดว่าใครล่ะคะที่เป็นฝ่ายสะ...”

“ดูเธอจะรู้ลึกรู้จริงเชียวนะ คงจะร่าน! ทำตัวสั่นริกๆ เสนอตัวอ่อยใครต่อใครมาจนนับไม่ถ้วนแล้วล่ะสิ!” ปุณยวีร์พูดแทรกขึ้นมา
โยษิตาหันขวับดวงตาที่กรีดอายไลเนอร์เสียคมกริบลุกวาบ “เธอหมายถึงใครฮะ! ใครร่าน! ใครที่เสนอตัวอ่อยมาจนนับไม่ถ้วน เธอว่าใคร!” เจ้าหล่อนถามเสียงกร้าว

ปุณยวีร์เบะปากพลางไหวไหล่ “แหม ถ้าร้อนตัวถึงขนาดนี้ฉันคงไม่ต้องเอ่ยชื่อหรอกมั้ง น่าจะรู้ๆ กันอยู่แล้ว ใช่ไหมคะพี่อัญ” หันไปถามเพื่อนร่วมงานจากแผนกทรัพยากรบุคคลบ้าง ฝ่ายนั้นยิ้มเจื่อนกลับมาแล้วตอบว่า “จ้ะ” เสียงแผ่ว

“มาเข้าห้องน้ำพร้อมหน้ากันหลายคนเลย ดีค่ะดี ปุ่นจะได้พูดทีเดียว ถ้าไงก็ฝากพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ช่วยระจายข่าวไปให้ทั่วทั้ง HANO ด้วยนะคะ” ดวงตาคู่กลมโตกราดมองสมาชิกทุกคนที่ยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้าภายในห้องน้ำก่อนจะหยุดอยู่ที่มาร์เก็ตติงสาวคู่ปรับ “โดยเฉพาะเธอ ฉันหวังว่าสมองจะมีรอยหยักเพียงพอ เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดซ้ำๆ ซากๆ หรอกนะ”

ดวงตาคู่ที่กรีดอายไลเนอร์เสียคมกริบทอประกายกร้าว ขณะที่สองมือข้างลำตัวก็ถูกกำจนแน่น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวกลับไม่สาดวาจาแสบสันตอบกลับมาเลยสักคำ ทั้งที่โกรธจนร่างแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ขนาดนั้นแล้วแท้ๆ หึ! มีความอดทนเหลือเชื่อ งั้นก็อดทนให้ได้ตลอดไปก็แล้วกัน

ปุณยวีร์ยักไหล่ “อยากรู้นักใช่ไหมว่าระหว่างฉันกํบพี่ปุ้น เรามาคบกันได้ยังไง ใครเป็นฝ่ายเข้าหาใครก่อน ฟังให้ดีๆ นะ ฉันใช้คำว่าเข้าหา ไม่ใช่เสนอตัว เพราะฉะนั้นเวลาเอาไปพูดต่อก็กรุณาพูดให้ถูกด้วย ก็อย่างที่เธอรู้ดีอยู่แล้วนั่นแหละว่าพี่ปุ้นเป็นคนดีมีน้ำใจ ใครเห็นใครก็ชอบ ซึ่งฉันก็ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนั้น แล้วฉันเองก็เป็นคนตรงๆ ในเมื่อรู้ใจตัวเองดีว่ารักใครชอบใคร ฉันก็พร้อมจะยอมรับและแสดงท่าทีออกไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับและมองว่าผู้หญิงที่จีบผู้ชายก่อนเป็นผู้หญิงแรงๆ หรืออาจจะแย่ถึงขั้นแรด! ก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่แคร์เพราะฉันถือว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่ได้น่าเกลียดอะไร ฉันก็แค่สร้างโอกาสให้ตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในที่ในสถานการณ์ที่เขาจะมองเห็นฉันหันมาสนใจฉันก็เท่านั้น ซึ่งถ้าแบบนี้เรียกว่าเสนอตัว แล้วผู้หญิงที่ล่อลวงผู้ชายให้ไปหาถึงบ้านจากนั้นก็ปลดกระดุมเสื้อถลกกระโปรงขึ้นจนเห็นไปถึงไหนๆ นอนทอดกายรออยู่บนโซฟาล่ะจะเรียกว่าอะไร ฮิสทีเรียระยะสุดท้ายดีไหม”


เมื่อได้พล่ามออกมาแล้วเธอก็อดไม่ได้ต้องหยิบยกเอาเรื่องน่าอดสูที่กีรฎาเล่าให้ฟังมาโพนทะนา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็เกิดขึ้นในวันเลี้ยงฉลองมงคลสมรสระหว่างสุพรรษากับวัชระที่จู่ๆ ภควัตก็หายตัวไปแล้วทิ้งเธอไว้ในงานเลี้ยงนั่นแหละ ก้องภพเดาเอาว่าคนเป็นเพื่อนคงจะตามอรพินท์ไปที่ทาวเฮาส์จึงโทร. ไปสอบถามโยษิตา ซึ่งเจ้าหล่อนก็ไม่ปฏิเสธ ทั้งที่จริงๆ แล้วตอนนั้นภควัตกับคนรักเก่าไม่ได้อยู่ที่ทาวเฮาส์เลย แต่หายไปไหนและทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ กว่าจะกลับมาก็หลังจากคู่รักวิศกรไปถึงแล้วเกือบชั่วโมง นับเป็นโชคดีของก้องภพที่ไม่ได้ไปที่นั่นคนเดียว แต่กลับกลายเป็นโชคร้ายของกีรฎาที่ต้องไปเห็นการกระทำอันน่าอดสูของผู้หญิงด้วยกัน


“พอเถอะค่ะ ฉันขอร้อง ขอให้เลิกแล้วต่อกันนะคะคุณปุ่น” อรพินท์ร้องขอด้วยน้ำเสียงแห้งโหย ขณะที่โยษิตาได้แต่ยืนหน้าซีดปากสั่นหอบหายใจแรงกำมือแน่นส่งให้ร่างทั้งร่างเครียดเกร็งจนคล้ายกับจะชักกระตุกเป็นลมบ้าหมูไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง “ใจเย็นๆ นะโย ค่อยๆ หายใจเข้า... หายใจออก... ดีจ้ะ หายใจเข้า... หายใจออก...” อรพินท์ช่วยนวดเนื้อนวดตัวและปลอบโยนเพื่อนเสียงอ่อน

พอเห็นอาการผิดปกติของโยษิตาประกอบกับการประคบประหงมดูแลเป็นอย่างดีของเพื่อนเจ้าหล่อนแล้วปุณยวีร์ก็รู้สึกผิดไปวูบหนึ่ง แต่ครั้นนึกถึงการกระทำของอีกฝ่ายขึ้นมาได้เธอก็รีบปัดความรู้สึกแบบนางเอกที่แสนดีทิ้งไปเดินหน้าแสดงบทบาทของนางมารร้ายออกมาอย่างต่อเนื่อง

“หึ! ก่อนจะขอร้องฉันทำไมไม่รู้จักห้ามปรามหรือพูดตักเตือนเพื่อนของคุณบ้างล่ะ มันกี่ครั้งกี่หนแล้วที่เพื่อนของคุณจงใจหาเรื่องฉัน เจ็บแค้นนักหรือไงฮะ! ที่ฉันได้พี่ปุ้นเป็นแฟน ฉันไปแย่งเขามาจากคุณรึก็เปล่า เป็นคุณเองไม่ใช่เหรอที่เป็นฝ่ายทิ้งเขาไป พอเขามีใหม่ก็ทำเป็นเสียดายไม่คิดว่ามันสายเกินไปเหรอ!”

“ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ” อรพินท์กล่าวซ้ำๆ ทั้งน้ำตา

“ขอโทษ!” ปุณยวีร์แค่นเสียง “มาถึงตอนนี้แค่คำขอโทษคงไม่พอหรอกมั้ง คุณรู้ไหมคุณอ้อน... ว่าความสัมพันธ์ในอดีตของคุณกับพี่ปุ้นกระทบกระเทือนความรู้สึกของฉันมากจนฉันถึงกับเคยขอเลิกกับเขามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พี่ปุ้นทำยังไงคุณรู้ไหม” ล่ามสาวเหยียดริมฝีปาก หากไม่ใช่ยิ้ม... แต่เป็นเยาะหยัน! “เขาคุกเข่าขอร้องไม่ให้ฉันเลิกกับเขา บอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิต บอกว่าเป็นเพราะฉันเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองยังมีค่า ซึ่งมันไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงเลย ก่อนหน้านี้พี่ปุ้นดูมีความสุขมากๆ ทั้งยังน่ารักอบอุ่นจนใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ แต่พอมีพวกคุณเข้ามาเท่านั้นเขาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนอมทุกข์ ฉันพูดถึงขนาดนี้แล้วหวังว่าคุณคงจะเข้าใจและคิดได้สักทีนะว่านอกจากคำขอโทษซ้ำๆ ซากๆ ที่ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย คุณควรต้องทำยังไง” พูดจบล่ามสาวก็หันหลังก้าวออกไปจากห้องน้ำ ไอ้ธุระหนักเบาที่เคยคิดจะเข้ามาจัดการมันหดหายไปไหนแล้วไม่รู้ คงจะพร้อมๆ กับที่เธอพ่นคำพูดทำลายล้างความรู้สึกของคนฟังหน้าหวานท่าทางบอบบางจนราวกับจะปริร้าวได้ง่ายๆ หากถูกระทบกระเทือนแม้เพียงนิดเดียว เธอรู้... รู้ดีว่าคำพูดดังกล่าวมันโหดร้ายกับอีกฝ่ายมากแค่ไหน หาก ณ จุดนี้มันเลยขีดจำกัดที่เธอจะทนต่อไปได้อีกแล้ว ถ้าจะโทษก็โทษเพื่อนของเจ้าหล่อนเองแล้วกันที่ขยันเปิดศึกเหลือเกิน


... TBC...

เขียนไปเขียนมา นางเอกชักจะเริ่มไม่เป็นนางเอก 555+ ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณ คุณผู้อ่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน มาคอมเมนท์ และกดไลท์ทุกคนค่ะ ^_^



พนาศิลป์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มิ.ย. 2558, 15:31:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มิ.ย. 2558, 15:31:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1056





<< ตอนที่ 14 จบ   
Zephyr 23 มิ.ย. 2558, 19:37:31 น.
เค้าชอบนางปุ่นอ่ะ
ผญ แอ้บเนียนใส แบบอ้อนต้องเจอยังงี้
นางจะรักสุดจิตสุดใจยังไงก็ตาม
เลิกกันแล้ว
กรุณาอย่าสร้างความร้าวฉานให้คนอื่น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account