Rainbow University สายรุ้งรักปักหัวใจนายต่างชาติ(1)
มหาวิทยาลัยสายรุ้งหรือRainbow University เป็นมหาลัยเอกชนชื่อดังของเมืองไทยที่ใครๆก็ต่างอยากมาเรียนกันทั้งนั้น เพราะที่นี่ผลิตบัณฑิตอย่างมีคุณภาพ และจะมีสิทธิประโยชน์ต่างๆเกินหยั่งถึง
ทำไมนะทำไม คนอย่างฉันจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย อาจารย์นะอาจารย์ก็รู้อยู่ล้วว่าฉันน่ะมันเป็นคนที่มีความสามารถ(แน่ะ ชมตัวเองด้วย) ยังจะมาท้าทายฉันด้วยการให้โจทย์การแสดงวัฒนธรรมต่างประเทศ แถมยังต้องให้ไปหาคู่แสดงเองอีก ฉันเลยต้องไปพึ่งนักศึกษาที่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนมาจากจีนอยู่คณะอื่น ปี3 ยังไม่พออีกนะฉันยังจะต้องมาแข่งกับยัยดาวคณะเน่านี่อีกด้วย เฮ้อ....ชีวิตหน๋อ...ชีวิต
ปล.บ่นโดย ยัยสุพรรณิการ์ นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ สาขานาฏศิลป์ ปี 2
Tags: รัก ฮาๆ ฟินๆจิกหมอนขาด

ตอน: ตอนที่ 2 หาคู่

“เธอหาคู่แสดงได้รึยัง สุพรรณิการ์” เสียงของอาจารย์กุนชาณี หัวหน้าสาขานาฏศิลป์ รีบพูดทันทีที่เจอหน้าลูกศิษย์ที่สุดแสนจะน่ารักอย่างฉัน(เหรอ)
“ใจเย็นซิคะ อาจารย์พึงสั่งหนูไปเมื่อวานนี้เองนะคะ ยังหาข้อมูลการแสดงไม่ได้เลย” ต้องรีบบ่นให้อาจารย์กุนเชียง(ชื่อตั้งเอง) ฟังก่อนที่แกจะถามอีกว่า เลือกการแสดงชุดไหน
“แล้วเลือกการแสดงชุดไหนล่ะ” -_-^ คิดไม่ทันขาดคำ ไม่เคยผิดเลย ณิการ์เอ้ยยยย
“ยังไม่รู้เลยค่ะ แต่ก็เลือกๆไว้บ้างแล้ว” แต่ตัวเลือกมันเยอะนะ
“อาจารย์ขอแนะนำว่าถ้าคิดไม่ออกจริงๆให้ไปที่ห้อง SF สิ ลองขอคำปรึกษาที่นั่นดู” พวกเด็ก SFนั่นน่ะเหรอ ความนี้ไม่เลวเลย
SF เป็นชื่อย่อของพวกเด็กแลกเปลี่ยนที่มาเรียนที่นี่ จำไม่ได้ว่ามีกี่คน เคยได้ยินชื่อเสียงอยู่บ้าง จากพวกเด็กปี 1 ในคณะ แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะสนใจอะไร จนกระทั้งตอนนี้ ฉันต้องเปลี่ยนความคิดนี้ซะแล้ว
ฉันไม่รอช้า ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าห้อง SF (Student Foreigners) แต่เมื่อบิดลูกบิดเข้าไป ก็เจอกับชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังค้นนิตยาสารอย่างเมามันส์ เค้าเงยหน้าขึ้นมามองฉัน
โอ้ว...หล่อนะ แต่สีหน้าไร้ความรู้สึก นี่แสดงสีหน้าอื่นเป็นไหมเนี่ย ฉันว่าถ้าเค้ายิ้มต้องเป็นผู้ชายที่น่ารักคนหนึ่งแน่ๆ
“-_- มาหาใคร” นอกจากจะเย็นชาแล้วยังหยาบคายอีก พูดก็ไม่มีหางเสียง(ได้ข่าวว่าไปจ้องเค้านิ)
“ฉันมาหาอาจารย์จอนนี่ เค้าอยู่ไหม” ชายคนนั้นหันไปอีกห้องหนึ่งเป็นเชิงว่าดูเอาเองดิ และเค้าก็เดินออกไปจากห้อง SF ไร้มารยาท นี่ถ้าไม่เต็มใจจะตอบก็ไม่ต้องถามฉันตั้งแต่แรกสิ แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นฉันยังไม่โกรธเท่านี้เลย
ช่างเหอะไปคุยธุระดีกว่า นั่นไงเจอแล้วบุคคลที่ตามหา อาจารย์จอนนี่ ที่คอยดูแลเด็กแลกเปลี่ยน แกเป็นลูกครึ่งไทย – อังกฤษ ได้ข่าวว่าเคยเป็นทูต ก่อนที่จะผันตัวเองมาเป็นอาจารย์สอนภาษาต่างๆ
“อ้าว...มีไรเหรอ มานั่งก่อนสิ” พูดไทยก็ชัดด้วย ยังหล่อ หนุ่ม แถมสุภาพ แต่ทำไมยังไม่มีแฟนวะ
“^_^ หนูอยากจะมาปรึกษาเรื่องวัฒนธรรมของจีนน่ะค่ะ อาจารย์พอจะว่าไหมคะ” เค้ามองฉันเล็กน้อย ก่อนจะมานั่งตรงข้ามฉันและทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
“ว่ามาสิ” ใจดีจัง นึกว่าจะไล่ฉันออกจากห้องแล้วนะเนี่ย
“เดือนหน้าจะมีการแสดงในวันครบรอบของมหาลัย แล้วหนูได้หัวข้อนาฏศิลป์จีนน่ะค่ะ เลยอยากจะถามว่าต้องแสดงชุดไหนถึงจะเหมาะสมเหรอคะ” เค้าทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา เล่นเอาซะฉันตกใจเลย
“มหาลัยของเรามีนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มาจากจีนด้วยนะ มี 2 คนลองไปถามดูสิ อะนี่ชื่อและก็คณะที่เรียนอยู่”อาจารย์จอนนี่ก้มลงไปเขียนลงในกระดาษ ยิกๆ และก็ยื่นให้ฉัน เหมือนส่งเสริมอย่างมาก ฉันรับมาอ่านทันที
คนแรกที่ฉันจะต้องไปหา คือ หวัง หลี่เย่ เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาการแสดง ปี 1 แล้วจะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี่ย

“ตึกคณะนิเทศ” ฝนก็ตกอีกต่างหาก ดีนะเนี่ยที่พกแม่ร่มคิตตี้สุดหวานนี่มาด้วย(ได้ข่าวว่าแกจะเอาคืนเขาไม่ใช่เหรอยะ) ฉันจัดการหุบร่มทันทีที่ได้เข้ามาในบริเวณตึกคณะนิเทศศาสตร์ คนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย สงสัยคงจะมาหลบฝนกัน บริเวณใต้ตึกคนก็เลยเยอะ
“ขอโทษนะคะ ฉันจะหาคนที่ชื่อ หวัง หลี่เย่ ได้ที่ไหน” ถามมันแถวนั้นแหล่ะ เจอใครก็ถามไป
“น่าจะอยู่ที่ห้องเรียนนะ เพราะใกล้เวลาเรียนแล้ว ไปที่ห้อง3/18 สิ” อ้าวดันตอบได้อีก
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันเดินวนหา ห้องเรียน 3/18 อยู่สักประมาณ 5 นาทีได้ แล้วก็เจอ ประตูห้องเรียนถูกเปิดอยู่ แสดงว่ายังไม่อาจารย์มาสอน สายตาของฉันสอดส่องทั่งห้องก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านชีทอะไรสักอย่างอยู่ เค้าหันมามองฉันทันทีที่ฉันเดินเข้าไปในห้อง ฉันควรเริ่มไงดีเนี่ย
“ขอโทษนะคะ ฉันมาหาหวัง หลี่เย่ คุณเห็นเค้าไหมคะ” ผู้ชายคนนี้หล่อจังเลย ถ้าให้เทียบกับคนที่ฉันเจอที่ห้อง SF มันก็หล่อเท่ากันนั่นแหล่ะ เพียงแต่หล่อคนละแบบกัน
“ผมนี่แหล่ะครับ มีอะไรรึเปล่าครับ” เค้าฉีกยิ้มกระชากใจสาวๆให้กับฉัน โทษทีนะที่ฉันมีภูมิคุ้มกันคนหล่อ รอยยิ้มนั้นเลยทำอะไรฉันไม่ได้ ว่าแต่เท่ห์จังพูดไทยได้ด้วย (นี่ขนาดมีภูมิคุ้มกันนะเนี่ย)
ฉันเดินเข้าไปนั่งตรงหน้าเค้า พร้อมกับเอาร่มลายหวานที่ยังเปียกอยู่ แขวนไว้กับเก้าอี้ตัวข้างๆ
“เอ๊ะ! ร่มนั่นมัน...” เค้ามองไปที่ร่มแล้วพึมพำบางอย่างเป็นภาษาจีน โทษทีที่ฉันดันฟังรู้เรื่องซะด้วย เพียงแต่ฟังไม่ชัดเท่านั้นเอง
“อะไรนะคะ” ฉันเลยตอบกลับเป็นภาษาจีนซะเลย เป็นไงล่ะ
หลี่เย่ ทำหน้าแปลกใจที่ฉันพูดภาษาของเค้าได้ ความจริงพูดได้นิดหน่อย พอทักทายชาวต่างชาติได้ อิอิ
“คุณพูดจีนได้ เรียนเอกจีนเหรอครับ” เค้าฉีกยิ้มละลายใจให้ฉันอีกครั้ง เล่นเอาซะฉันเขินเลย เฮ้ย!! นั่นรุ่นน้องฉันเลยนะ สงบสติหน่อย ปล่อยให้เด็กเค้าได้เจริญเติบโต (ยัยณิการ์ของเรา เมาน้ำฝนอีกแล้วคร๊าบท่านนน)
“ปล่าว...ฉันเรียนคณะศิลปศาสตร์ เอกนาฏศิลป์ ปี 2” พูดซะขนาดนี้ ไม่บอกชื่อไปเลยล่ะ
“งั้นคุณก็เป็น พี่ สินะ” รู้สึกตะหงิกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้สิ
“ฉันมีธุระอยากจะคุยกับคุณน่ะ” เข้าเรื่องเลยละกัน เวลามีน้อย
“คุณพอจะว่างมาเป็นคู่แสดงในงานครบรอบมหาลัยไหม” นี่ก็เข้าเกิ๊นนนน
หลีเย่ยิ้มอีกครั้งพร้อมกับบอกว่า “ผมเองก็มีแสดงเหมือนกันครับ เป็นละครเวที ขอโทษด้วยนะครับ”
ความเครียดมาเยือนทันที ทำไงดีเนี่ย แล้วฉันจะขอใครให้ช่วยได้อีกเนี่ย
“ทำไมไม่ไปขอให้พี่จื่อเฉิงช่วยละครับ เค้าน่าจะว่างนะ” ใครคือ “จื่อเฉิง” ชื่อไม่คุ้นเลย หรือว่าจะเป็นคนจีนอีกคนที่มาเรียนที่นี่ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ
ฉันไม่รอช้ารีบหยิบกระดาษที่อาจารย์จอนนี่ให้มาขึ้นมาดู
“หลี จื่อเฉิง นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา ปี 3” อ้าวงานงอกเป็นรุ่นพี่อีกต่างหาก ไอ้ตรงหน้านี่ยังพูดง่ายอยู่เพราะเป็นรุ่นน้อง แต่คนนี้นี่สิ เครียดกว่าเดิมอีก
เฮ้ยยยย เค้าอาจจะเป็นคนใจดีก็ได้ ใครจะไปรู้ ก็ไอ้ใครจะไปรู้นี่แหล่ะที่ทำให้เป็นกังวลมากกกกกก
“ตอนนี้พี่จื่อเฉิงน่าจะอยู่ที่สนามบอลนะ ลองไปหาเค้าดูสิครับ ผมเชื่อว่าพี่จื่อเฉิงต้องช่วยคุณแน่นอนผมรับรอง”ขอให้มันเป็นอย่างที่แกพูดเถอะนะ หวัง หลี่เย่ เพราะถ้าไม่ฉันนี่แหล่ะที่จะมาหักคอแกเอง หึหึ (เขาอุตส่าห์แนะนำยังจะไปขู่ฆ่าเขาในใจอีก)



Greek
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2558, 10:35:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2558, 10:35:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 824





<< ตอนที่1 แรกเริ่มประเดิมน้ำฝน   ตอนที่ 3 คู่แท้ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account