แค้นรักแค้นเสน่หา
“ผมไม่วิปริตเหมารวมทั้งครอบครัวหรอกจ้ะ เอาแค่คุณคนเดียวแต่ไม่ใช่ครั้งเดียว โอเค้?” พูดหน้าตายแล้วแนบฝ่ามือเข้าหา ในขณะที่เจ้าตัวไม่รู้จะปกปิดส่วนไหนของร่างกายที่ถูกเขาคุกคามอย่างหนัก “อีกอย่าง... คุณต้องทรีตร่างกายผมให้หนักกว่านี้สักหน่อย ไม่ใช่เงอะงะ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ถ้าผมไม่กำไรอย่างน้อยก็เท่าทุนยังดี”
เมื่ออสังหาริมทรัพย์หลายแปลงถูกโกงไปอย่างน่าโมโห มีหรือที่CEO แห่งติโมชุก อินดัสตรี ซึ่งมีผลประกอบการสูงติดอันดับโลกจะยอมถูกลูบคม “ฮาร์คิฟ ติโมชุก” จึงต้องมาทวงคืนจากผู้เป็น “พ่อบุญธรรม” ด้วยตัวเอง
หากรูปร่างน่าปรารถนาและแววตาที่ใช้เชิญชวนเพศตรงข้ามของลูกสาวพ่อบุญธรรม ก็ทำให้เขาอยากสั่งสอนสองพ่อลูกได้ตระหนักว่า... การฉกเอาทรัพย์สินคนอื่นไปเป็นของตนนั้นต้องชดใช้ทั้งต้นและดอกเบี้ยให้ครบถ้วน
“อภินรา” ไม่เคยระแวงใจในดวงตาสีเขียวอมฟ้าแสนเซ็กซี่คู่นั้นเลยสักครั้ง เขามีเสน่ห์ ดึงดูดใจจนทำให้โลกของเธอสั่นสะเทือน เขากำลังใช้เสน่ห์ทางกายล่อลวงให้เธอ “เผลอใจ” และคิดดอกเบี้ยอย่างหฤโหดด้วยการทำให้เธอ “เผลอตัว” แม้จะรู้แก่ใจว่ากำลังใช้หนี้ แต่ดอกเบี้ยแห่งปรารถนาที่เขาทวงจากเธอทุกค่ำคืนก็เริงร้อน วาบหวามน่าหลงใหล
เขากำลังทำสงครามบนเตียงกับลูกหนี้สาว ที่ไม่เคยใจดียอมให้ใครรีเควสได้อย่างเธอ ไม่ว่าจะ... ดับเบิ้ล ทริปเปิ้ลหรือนอนสต็อป เขาก็ไม่เคยเกี่ยงที่จะเก็บหนี้เลยสักวินาทีทั้งยังติดอกติดใจจนคิดแผนการเหนือชั้นเพื่อ “ตลบหลัง” ลูกหนี้สาว ด้วยการ... ทำให้เธออยู่บนเตียงของเขาตลอดไป
“ฉันไม่นิยมความสัมพันธ์แบบ วัน ไนท์ สแตนด์ หรอกค่ะ คุณคงมาหาผิดคนแล้ว”
เขาเงียบและจ้องหน้าเธอชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะร่วนอย่างชอบใจ “เอลก้าที่รัก... แน่นอนว่าผมคิดกับคุณมากกว่าหนึ่งคืน อันที่จริงผมคิดทุกวินาทีด้วยซ้ำ แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆกลัวว่าคุณจะรังเกียจ พานเกลียดขี้หน้าผมน่ะสิ”
อภินราทำตาโต มองค้อนเขาตาเขียวปัด ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเปิดเผย ตรงเสียจนกลายเป็นแข็งทื่อเช่นนี้
“คนเหลือทน! คุณพูดมันออกมาแล้วต่างหาก”
เมื่ออสังหาริมทรัพย์หลายแปลงถูกโกงไปอย่างน่าโมโห มีหรือที่CEO แห่งติโมชุก อินดัสตรี ซึ่งมีผลประกอบการสูงติดอันดับโลกจะยอมถูกลูบคม “ฮาร์คิฟ ติโมชุก” จึงต้องมาทวงคืนจากผู้เป็น “พ่อบุญธรรม” ด้วยตัวเอง
หากรูปร่างน่าปรารถนาและแววตาที่ใช้เชิญชวนเพศตรงข้ามของลูกสาวพ่อบุญธรรม ก็ทำให้เขาอยากสั่งสอนสองพ่อลูกได้ตระหนักว่า... การฉกเอาทรัพย์สินคนอื่นไปเป็นของตนนั้นต้องชดใช้ทั้งต้นและดอกเบี้ยให้ครบถ้วน
“อภินรา” ไม่เคยระแวงใจในดวงตาสีเขียวอมฟ้าแสนเซ็กซี่คู่นั้นเลยสักครั้ง เขามีเสน่ห์ ดึงดูดใจจนทำให้โลกของเธอสั่นสะเทือน เขากำลังใช้เสน่ห์ทางกายล่อลวงให้เธอ “เผลอใจ” และคิดดอกเบี้ยอย่างหฤโหดด้วยการทำให้เธอ “เผลอตัว” แม้จะรู้แก่ใจว่ากำลังใช้หนี้ แต่ดอกเบี้ยแห่งปรารถนาที่เขาทวงจากเธอทุกค่ำคืนก็เริงร้อน วาบหวามน่าหลงใหล
เขากำลังทำสงครามบนเตียงกับลูกหนี้สาว ที่ไม่เคยใจดียอมให้ใครรีเควสได้อย่างเธอ ไม่ว่าจะ... ดับเบิ้ล ทริปเปิ้ลหรือนอนสต็อป เขาก็ไม่เคยเกี่ยงที่จะเก็บหนี้เลยสักวินาทีทั้งยังติดอกติดใจจนคิดแผนการเหนือชั้นเพื่อ “ตลบหลัง” ลูกหนี้สาว ด้วยการ... ทำให้เธออยู่บนเตียงของเขาตลอดไป
“ฉันไม่นิยมความสัมพันธ์แบบ วัน ไนท์ สแตนด์ หรอกค่ะ คุณคงมาหาผิดคนแล้ว”
เขาเงียบและจ้องหน้าเธอชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะร่วนอย่างชอบใจ “เอลก้าที่รัก... แน่นอนว่าผมคิดกับคุณมากกว่าหนึ่งคืน อันที่จริงผมคิดทุกวินาทีด้วยซ้ำ แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆกลัวว่าคุณจะรังเกียจ พานเกลียดขี้หน้าผมน่ะสิ”
อภินราทำตาโต มองค้อนเขาตาเขียวปัด ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเปิดเผย ตรงเสียจนกลายเป็นแข็งทื่อเช่นนี้
“คนเหลือทน! คุณพูดมันออกมาแล้วต่างหาก”
Tags: ฮาร์คิฟ - อภินรา
ตอน: ตอนที่ 9 100%
อภินรานั่งทำงานด้วยจิตใจที่ไม่มั่นคง ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเลิกงานเธอไม่มีสมาธิเท่าที่ควร คิดถึงคำพูดของผู้เป็นพ่อที่สั่งด้วยน้ำเสียงดุกร้าวก่อนออกจากบ้าน
‘คนเราต้องจิตใจหนักแน่น อย่าไปสนใจกับความรู้สึกหวือหวาจอมปลอม ฉันเลือกคนที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดให้แล้ว อนาคตที่มั่นคงรออยู่ข้างหน้า อย่าไปไขว้เขวกับสิ่งยั่วยุเลวร้ายหรือถ้ามันห้ามใจลำบากนักก็คิดเสียว่ามันคือหน้าที่ของลูกที่ต้องตอบแทนคุณพ่อแม่’
อภินราละสายตาจากเอกสารกองโต ยกมือขึ้นคลึงขมับทั้งสองข้างด้วยจิตใจอันห่อเหี่ยว หัวใจและหน้าที่ที่สวนทางกันทำให้สมองเธอล้า ปวดกระบอกตาเพราะนอนไม่หลับด้วยหลายเรื่องที่รุมเร้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว หากเสียงโทรศัพท์เครื่องบางที่กรีดร้องร้องทำให้เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รีบเลื่อนหน้าจอรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของโรงเรียนซีโล
“สวัสดีค่ะ อภินราพูดสายค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการพูดสายนะคะ ดิฉันมีบางเรื่องอยากสอบถามค่ะ” ผู้อำนวยเริ่มซักถามทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายตอบรับ “เมื่อสักครู่นี้มิสเตอร์ฮาร์คิฟ ติโมชุก ได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งล้านบาทให้ทางโรงเรียนนะคะ ได้ยินว่ามิสเตอร์มีศักดิ์เป็นคุณลุงของซีโล ดิฉันเลยอยากจะสอบถามว่าเป็นความจริงใช่ไหมคะ”
“อ้อ... ใช่ค่ะ” อภินรารับคำสั้นๆและฟังผู้อำนวยการกล่าวขอบคุณเป็นการยืดยาว หากเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า ฮาร์คิฟบริจาคเงินจำนวนมากเช่นนั้นให้กับทางโรงเรียนเพื่ออะไร เมื่อรอให้ปลายสายพูดจนจบจึงเอ่ยถามถึงเขาในทันที
“ขอโทษนะคะ มิสเตอร์ยังอยู่ตรงนั้นรึเปล่าคะ”
“ไม่อยู่แล้วค่ะ มิสเตอร์มาถึงเมื่อตอนบ่ายกว่าจะเสร็จเรื่องก็ราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ออกไปดูห้องเรียนของซีโล แล้วก็บอกว่าจะขอเข้ามาพูดคุยกับซีโลในช่วงที่รอผู้ปกครองมารับ ดิฉันเลยจะโทรฯมาสอบถามว่าเรื่องเป็นมายังไงคะ ทางผู้ปกครองจะอนุญาตเช่นนั้นไหม?”
“ค่ะ แต่ไม่อนุญาตให้ออกนอกบริเวณโรงเรียนนะคะ” ที่ต้องกำชับเช่นนี้เพราะเธอไม่อยากมีปัญหากับผู้เป็นพ่อ การที่ให้ฮาร์คิฟทำความคุ้นเคยกับซีโลในตอนที่อยู่โรงเรียนก็เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน เธอไม่เคยจะปิดกั้นหรือกีดกันให้หลานชายอยู่กับญาติฝั่งพ่อเพียงฝ่ายเดียว แต่ก็คิดว่าพ่อคงไม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอเป็นแน่
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทางโรงเรียนจะปล่อยเด็กกลับบ้านกับบุคคลที่ผู้ปกครองแจ้งไว้เท่านั้น” ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่สักครู่จึงวางสาย
อภินรามองนาฬิกาบนข้อมือเมื่อเห็นว่าเลยเวลาเลิกงานมาเกือบชั่วโมงแล้วจึงเก็บข้าวของเข้าที่ เพราะตอนนี้เธอคิดถึงหลานชายเสียแล้ว ไม่ว่าจะเครียดจากการทำงานมากแค่ไหนเมื่อได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ความเครียดเหล่านั้นก็จะมลายหายไปในที่สุด
ก๊อก... ก๊อก...
อภินราขมวดคิ้วมุ่นเมื่อสิ้นเสียงเคาะ ประตูก็ถูกเปิดออกทั้งที่เธอยังไม่ได้อนุญาต ตฤณยิ้มอย่างมีความหมายให้ว่าที่เจ้าสาวพลางเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าแล้วถามด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร
“ผมมารับไปทานข้าว ตอนแรกคิดว่าจะมาไม่ทันซะแล้วแต่โชคดีที่ผมโทรฯไปถามคุณพ่อก่อน ท่านว่าคุณยังไม่กลับแล้วที่บ้านก็ไม่ได้ทำอาหารไว้รอ ให้เราแวะทานข้างนอกกันได้เลย” ตฤณบอกละเอียดยิบจนคนฟังเข้าใจในจุดประสงค์ของผู้เป็นพ่ออย่างดี “เราไปนั่งกินข้าวร้านเพื่อนผมไหม เปิดใหม่ บรรยากาศก็ไม่เลว”
“แล้วแต่คุณค่ะ ฉันทานง่ายอยู่แล้ว” อภินราตอบและเดินออกจากห้อง ยอมให้เขาแตะที่กลางแผ่นหลังซึ่งเป็นอากัปกิริยาของคู่รักซึ่งพึงกระทำและมีให้เห็นจนชินตา ตฤณปฏิบัติตัวต่อเหมือนคู่รักที่มีแพลนแต่งงานอันใกล้นี้ อภินรายอมให้เขาถูกเนื้อต้องตัวเล็กๆน้อยๆ หากดูไม่น่าเกลียด เธอย้ำกับตัวเองในใจเสมอว่า... ควรจะให้โอกาสตฤณได้แสดงความรักและเธอเองก็ควรมองเขาเสียใหม่ ไม่แน่ว่าเธออาจจะทำใจให้อยู่กับเขาได้อย่างไม่ทรมานนัก
เวลาสามชั่วโมงที่เธออยู่กับตฤณช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้านัก แม้ว่าเขาจะเอาใจใส่ บนโต๊ะอาหารก็ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อภินราก็ได้แต่ยิ้มรับ ชวนเขาคุยบ้างในบางโอกาส หากช่วงที่เธอเดินออกมาทำธุระส่วนตัวเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและทันทีที่ได้ยินปลายสาย เธอก็รู้แล้วว่าเบอร์โทรฯแปลกตานี้เป็นของฮาร์คิฟ!
อภินราตัดใจบอกเขาสั้นๆว่าติดธุระสำคัญก่อนจะวางสายและปิดเครื่องในทันที เธอตั้งใจจะทดสอบตัวเองว่าหากไม่มีผู้ชายที่ชื่อฮาร์คิฟวนเวียนอยู่ในชีวิตแล้ว เธอจะยังรู้สึกต่อตฤณอย่างคู่ชีวิตหรือไม่?
อภินรากลับมาถึงบ้านราวสามทุ่มครึ่ง เธอใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็อยู่ในชุดนอนผ้าฝ้ายเบาบาง หญิงสาวเดินผ่านประตูเชื่อมที่เปิดเอาไว้มายังส่วนที่เป็นห้องของหลานชาย ไฟสลัวจากโคมบนหัวเตียงยังเปิดอยู่ทั้งสองข้าง เธอจึงเดินอ้อมไปเปิดไฟอีกฝั่งแล้วกลับมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆหนุ่มน้อยที่กำลังหลับสบาย
“อื้อ... เอลก้ามาแล้วเหรอฮะ” ซีโลถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย หากแต่ขยับตัวตลบผ้าห่มออกอย่างเคยชิน เพื่อเปิดทางให้ผู้เป็นอามานอนเคียงข้าง
“จ้ะ... นอนต่อเถอะนะ เด็กดี” อภินราสอดตัวเข้ามาในผ้าห่ม ในขณะที่หลานชายขยับเข้ามาซุกหน้าอยู่กับอก ขยับศีรษะสองสามครั้งราวกับหาที่ที่สบายที่สุดให้ตัวเอง เธอเอื้อมมือไปลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าซีโลหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เธอก็ชันตัวลุกขึ้นพลางสอดหมอนข้างให้หลานชายตระกองกอด เลื่อนผ้าห่มขึ้นคลุมในระดับอย่างเบามือ มองด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะปิดไฟบนหัวเตียงแล้วจึงเดินกลับมายังส่วนที่เป็นห้องนอนของตนอีกครั้ง พลางคิดในใจว่า หากซีโลไม่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก อีกไม่นานก็คงสามารถแยกห้องนอนได้
ก่อนเข้านอนอภินราควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าถือตั้งใจจะชาร์จแบตเตอรี่ซึ่งทำอยู่เป็นประจำทุกวัน หากเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาก็พบว่าไลน์แอพพลิเคชันมีตัวสีแดงแจ้งเตือนผู้ส่งข้อความเข้ามา
‘ข้อความจากฮาร์คิฟ’ อภินราชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ว่าจะเปิดอ่านข้อความหรือไม่ เธอถือโทรศัพท์เดินวนไปวนมาในห้องนอนสองสามรอบ สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่ใจตัวเอง กดเปิดข้อความของคนที่เพิ่งติดต่อเข้ามาเป็นครั้งแรก
ฮาร์คิฟ คิดดีแล้วใช่ไหมที่ปิดโทรศัพท์หนีผม
ข้อความแรกเขาส่งเข้ามาหลังจากที่เธอปิดเครื่อง
ฮาร์คิฟ ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยทูนหัว เดี๋ยวไอ้หน้าจืดนั่นมันก็รู้หรอกว่าคุณปันใจให้ผม
ข้อความนี้ส่งห่างกันราวห้านาที หากทำให้อภินรารู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆเธอในตอนที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นกับตฤณ
ฮาร์คิฟ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าใส่เสื้อเข้ารูป ให้ตายเถอะ! คุณยอมให้มันแตะก้นได้ไง
ฮาร์คิฟ ส่งสติกเกอร์รูปคนกำลังโมโหจัด มีควันโขมงอยู่บนศีรษะ
อภินราแทบกรี๊ดเมื่อได้อ่านข้อความสุดท้ายที่เขาส่งเข้ามาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว หากเขาอยู่ตรงหน้าเธอคงแก้ให้ถูกว่านั่นเรียก ‘บั้นเอว’ ไม่ใช่ ‘ก้น’ เธอคงไม่หน้ามืดปล่อยให้ผู้ชายมาจับก้นกลางร้านอาหารแบบนั้น หากต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมาอีก
ฮาร์คิฟ นิสัยไม่ดี อ่านแล้วยังไม่ยอมตอบ
เอลก้า ก็นั่นมันตัวฉัน พอใจให้แตะตรงไหนแล้วคุณเดือดร้อนอะไรด้วย
ฮาร์คิฟไม่ตอบแต่โทรฯเข้ามาในทันที หากอภินราก็ปล่อยให้มันดังอยู่เช่นนั้นจนเขาเป็นฝ่ายวางสายไปเอง จากนั้นเสียงข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ฮาร์คิฟ ทำไมไม่รับสาย กลัว?
เอลก้า กลัวตายล่ะ ไม่มีอะไรจะคุยด้วย ง่วงนอนแล้ว
เอลก้า ส่งสติกเกอร์เด็กผู้หญิงหลับพร้อมกรนครอกๆ
ฮาร์คิฟหัวเราะร่วน จนหญิงสาวที่นั่งอยู่เคียงข้างมองด้วยความสงสัยแต่ไม่กล้าซักไซ้ หากฮาร์คิฟกำลังคิดในใจว่า ถ้าอยู่ใกล้ๆคงดึงเธอมากอด แล้วจูบให้ทั่วร่างลบรอยฝ่ามือไอ้หมอนั่นออกจากตัวเธอ แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงแค่ส่งข้อความถึงเธอเท่านั้น
ฮาร์คิฟ ไว้เจอกันคราวหน้าผมจะลบรอยฝ่ามือของมันด้วยจูบ ส่วนคืนนี้ส่งตัวแทนไปซุกอกนุ่มๆแล้ว อ้อ... มีแค่มือของซีโลเท่านั้นล่ะนะที่ผมอนุญาตให้จับคุณได้ทุกส่วน ถ้าคนอื่นจับเดี๋ยวช้ำหมด
แน่นอนว่าอภินราได้อ่านข้อความนั้น ทั้งโกรธที่เขาพูดราวกับเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย ทั้งอายเพราะรู้ว่าในวันแรกที่เจอกันเขาเห็นภาพที่ซีโลซุกมือไว้กลางหว่างอกเธอเป็นแน่
เอลก้า อย่ามาพูดจาหยาบคายกับฉัน
หากยังพิมพ์ไม่จบก็เปลี่ยนใจลบข้อความเดิมทิ้งแล้วตอบกลับด้วยคำพูดก๋ากั่นชนิดที่คิดว่าเขาจะไม่มาตอแยกับเธออีก
เอลก้า โอ๊ยยย ฉันดูแลตัวเองเป็นอย่างดีค่ะ อีกอย่างก็ไม่เคยได้ยินใครบอกว่าช้ำสักที
ฮาร์คิฟโมโหจนลมออกหูกับข้อความล่าสุดที่เธอส่งมา ถ้าไม่ติดว่ามีจิดาภานั่งอยู่ข้างๆเขาคงบึ่งรถไปฟัดนางมารน้อย เปิดเปลือยเธอจนหมดจดให้ลืมผู้ชายคนอื่น เขาแทบลืมไปเสียด้วยซ้ำว่าการจูบผู้หญิงสักคนด้วยความรู้สึกทั้งหมดมันทำยังไง แทบลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่ได้มีกิจกรรมสุดเหวี่ยงมานานแค่ไหน ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพราะอยากฝังกายเข้าไปในร่างสวยๆของเธอ!
ความสำราญใจกับภาพที่ซีโลเอามือซุกกลางหว่างอกเธอมันแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี กับข้อความที่ประกาศออกมาว่ามีผู้ชายได้สัมผัส ลูบไล้ เคล้นคลึงเรือนร่างมาแล้ว
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายงี่เง่ายึดติดกับพรหมจรรย์ บูชาความบริสุทธิ์ของผู้หญิง พูดได้เต็มปากด้วยซ้ำว่าไม่เคยคิดมีเซ็กซ์กับผู้หญิงบริสุทธิ์ ไม่เคยมีและไม่อยู่ในหัว มันคงหมดสนุก ห่อเหี่ยวเมื่อต้องกังวลใจ ระแวดระวังกับความเจ็บปวดในกิจกรรมที่มีแต่ความเร่าร้อน กระแทกกระทั้น
จิดาภามองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างประหลาดใจ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เขายังอารมณ์ดี นั่งแชทกับใครสักคนจนเธอไม่คาดคิดว่านักธุรกิจระดับโลกอย่างเขาจะมีโมเม้นต์แสนธรรมดาเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขากลับหลับตานิ่ง บดกรามแน่นจนเป็นสันนูนราวกับโกรธใครมาสักร้อยชาติ หากปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกกิริยาท่าทางของเขาช่างเต็มไปด้วยแรงดึงดูดเพศตรงข้าม เขาเป็นผู้ชายโปรไฟล์ไฮเอ็นที่มองมุมไหน อยู่ในอารมณ์ใดก็เซ็กซี่ขยี้ใจ
“งานมีปัญหาเหรอคะ คุณดูเครียดจัง” จิดาภาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย ผู้ชายที่นั่งนิ่งมาครู่ใหญ่เข้ามาขอทำความรู้จักกับเธอเมื่อราวห้าวันที่ผ่านมาในผับหรูแห่งหนึ่ง ในตอนแรกเธอไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่ใบหน้าหล่อเหลากับบุคลิกที่สามารถทำให้จิตใจเธอเต้นระรัวนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการเริ่มรู้จักเพื่อนชายสักคน
...และทุกอย่างก็ดีเลิศ สวยหรูกว่าที่คาดคิดเพราะเพื่อนในกลุ่มบางคนแอบกระซิบว่า เขาคือนักธุรกิจหนุ่มชาวยูเครน ซีอีโอของติโมชุก อินดัสตรีที่มีผลประกอบการติดอันดับโลก ที่สำคัญเขาเปลี่ยนผู้หญิงไม่ต่างจากเสื้อผ้า หล่อ ร้าย ร่ำรวยและอันตราย!
ฮาร์คิฟเปิดเปลือกตาขึ้นมองผู้หญิงแต่งตัวเปรี้ยวจัดข้างๆแล้วพยักหน้าน้อยๆรับกับคำถามนั้น “นิดหน่อยครับ”
“ล้อเล่นรึเปล่าคะ คุณบริหารงานเก่งขนาดนั้นยังต้องมีอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจอีก” จิดาภาเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆ เกยคางกับบ่าหนา ใช้ปลายนิ้วไล้แนวสันกรามที่เริ่มมีเคราครึ้มผุดขึ้นมาอย่างเพลินมือ “อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ เราออกไปฟังเพลงกันหน่อยไหมคะ รับรองว่าฉันจะทำให้คุณลืมเรื่องเครียดๆพวกนั้น”
ฮาร์คิฟเหลือบสายตามองผู้หญิงที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เธอติดกับเขาอย่างง่ายดายและทำตัวเฟลิร์ตกับเขาจนกล้าชวนขึ้นเตียงเช่นนี้ เขามีจุดประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การใช้ผู้หญิงร่วมกับสามีของวาเรีย “ถ้าไม่ติดธุระสำคัญหรือมีเวลาเหลืออีกสักครึ่งชั่วโมง เราอาจจะฟังเพลงกันในรถคันนี้ก็ได้”
จิดาภาตาโตมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย ต่างฝ่ายต่างเข้าใจความหมายนั้นเป็นอย่างดี แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนม “งั้นวันนี้เจย์คงต้องปล่อยคุณกลับไปก่อนใช่ไหมคะ”
ฮาร์คิฟโคลงศีรษะและตอบเธอเมื่อรถยนต์เคลื่อนมาถึงด้านหน้าคอนโดมิเนียมสุดหรูของเธอ “คงต้องเป็นอย่างนั้น”
จิดาภาขยับตัวเข้าไปจูบบริเวณข้างแก้มของเขาอย่างอดใจไว้ไว้ไม่อยู่ ทั้งยังแตะปลายลิ้นเข้ากับผิวของเขาเล็กน้อยอย่างยั่วใจก่อนที่จะก้าวลงจากรถยนต์คันหรูและมองตามอย่างพึงใจ ไม่แน่ว่าวันพรุ่งนี้หรือในระยะเวลาอันใกล้ อาจจะมีข่าวกอสซิปของเธอและเขาหลุดออกมาให้คนทั่วไปได้รู้ เพราะในช่วงมื้อค่ำที่ผ่านมาเธอเห็นปาปารัสซี่แอบเก็บภาพอยู่ในร้านอาหาร หากเธอก็ไม่กระโตกกระตากเพราะการเป็นข่าวกับมหาเศรษฐีติดอันโลกย่อมไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว
หากจิดาภาไม่เคยได้ระแวงใจหรือล่วงรู้มาก่อนเลยว่าการที่เธอได้รู้จักกับฮาร์คิฟ ติโมชุก จะทำให้นับจากนี้ชีวิตของเธอมีแต่ความยุ่งยากร้อนรุ่มใจอย่างที่สุด
ตฤณยังเทียวรับเทียวส่งว่าที่เจ้าสาวของตัวเองทุกเช้าเย็น เขารับเธอไปรับประทานอาหารเย็นทุกวันก่อนที่จะส่งกลับบ้าน เขาคิดว่าการใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันจะทำให้สนิทสนมเชื่อใจกันมากขึ้น การมีเขาอยู่ใกล้ๆยังทำให้เธอไม่มีเวลาไปคิดถึงใครคนอื่น หากตฤณลืมไปว่าการกลับบ้านดึกดื่นตลอดสามวันที่ผ่านมาทำให้อภินราไม่ชอบใจนัก ยิ่งทำให้เธอเห็นว่าตฤณยึดเอาเวลาทั้งหมดไปอย่างที่ไม่เคยสนใจความรู้สึกของซีโลเลย การทำเช่นนั้นมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกติดลบกับเขามากขึ้น
ยิ่งใช้เวลากับตฤณมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้ว่าเข้ากับเขาไม่ได้มากเท่านั้น แตกต่างกับฮาร์คิฟที่เธอไม่ยอมพบหรือรับโทรศัพท์จากเขาเลย การตอบแชทจึงเป็นสิ่งที่ฮาร์คิฟใช้สื่อสารกับเธอตลอดระยะเวลาสามวันนี้
หากไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำให้เธอรอคอยข้อความที่เขาส่งเข้ามาอย่างใจจดใจจ่อ คำพูดทะลึ่งทะเล้นที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังว่าต้องการเธอนั้น ทำให้ทั้งเขินอาย ทั้งโกรธแต่สุดท้ายก็ยอมยกโทษให้เขาเพียงเพราะตัวอักษรที่ส่งมาไม่กี่ตัวและยังไถ่ถามให้ความสนใจซีโล ยังไปหาซีโลที่โรงเรียนทุกวัน เล่าเรื่องตลกที่เกิดขึ้นในช่วงทำกิจกรรมให้รับรู้
ความรู้สึกเบื่อหน่ายที่รับมาจากตฤณของวันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากวันที่ผ่านมา เธอยังเดินกลับเข้าบ้านด้วยความรีบเร่งรู้สึกเบิกบานใจราวกับสาวรุ่นที่กำลังมีความรัก เมื่อใกล้ถึงเวลาจะได้พูดคุยกับแฟนหนุ่ม อภินราอมยิ้มกับตัวเองเมื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับฮาร์คิฟ ทำให้เธอรับรู้ได้แต่ความเบิกบานใจ
“อ้าว... ยังไม่ขึ้นข้างบนอีกเหรอคะ” อภินราถามผู้เป็นพ่อเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นว่าท่านกำลังออกมาจากห้องทำงาน
อานันท์ไม่ตอบว่าอย่างไรเพราะทั้งโกรธทั้งโมโหกับเรื่องที่ได้รับรู้มาตั้งแต่เช้า หากใบหน้าชื่นมื่นของลูกสาวยิ่งทำให้เข้าใจในสิ่งที่ตฤณเล่าให้ฟังอย่างละเอียดในตอนเช้า
“ถ้าแกทำหน้าสดชื่น เบิกบานเหมือนคนมีความรักแบบนี้ก็แปลว่าพร้อมที่จะแต่งงานกับตฤณแล้วใช่ไหม” ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากภายในใจคุกรุ่นกับการขัดคำสั่งของลูกสาว
ตฤณเล่าว่าเธอเลื่อนลอย ถามคำตอบคำ ไม่ค่อยสดชื่นเท่าที่ควร เหมือนว่าทำไปด้วยหน้าที่ซึ่งไม่มีทางเลี่ยง แม้ว่าเขาจะพยายามเอาใจเธอทุกอย่างแล้วแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเธอจะสนใจเลยสักนิด หากสิ่งที่อานันท์กลัวที่สุดก็คือกลัวว่าตฤณจะถอดใจ จึงรับปากว่าจะคุยเรื่องนี้กับอภินราให้เข้าใจและสัญญาว่าตฤณจะไม่ได้เห็นความเลื่อนลอยนั้นอีก
อภินราถอนหายใจออกมาหนักๆ เพราะเหนื่อยใจทั้งเหนื่อยทั้งกายที่ต้องฝืนปั้นหน้าในช่วงเวลาที่อยู่กับตฤณ จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะเปิดใจคุยกับพ่อด้วยเหตุผล “หนูไม่ได้รักตฤณค่ะ หนูคงไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้”
“แล้วแกรักใคร ไอ้ฮาร์คิฟอย่างนั้นเหรอ?” อานันท์สวนคำถามกลับอย่างตรงจุด
“หนูไม่รู้หรอกนะคะว่าพ่อบาดหมางใจกับฮาร์คิฟเรื่องอะไร ถึงแม้ว่าไม่มีฮาร์คิฟเข้ามา หนูก็เคยบอกคุณพ่อแล้วว่าไม่เคยคิดกับตฤณฉันคนรักเลยสักนิด”
“อย่ามาแก้ตัว แกหลงเสน่ห์ไอ้ฮาร์คิฟ ตกหลุมพรางที่มันขุดเอาไว้แล้วทั้งตัวยังจะมีหน้ามาปฏิเสธฉันด้วยคำพูดสวยหรู รู้ไหมว่ามันอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมูลงานที่แกไปเจอพวกอันธพาลมาก่อกวน” อานันท์ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องบังเอิญจนน่าสงสัย จึงสั่งให้คนสืบสาวเมื่อตอนบ่ายแต่ถึงบัดนี้ก็ยังไม่คืบหน้า
“ไปกันใหญ่แล้วค่ะคุณพ่อ เรื่องในวันนั้นฮาร์คิฟเป็นคนช่วยหนูเอาไว้ เราต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเขาให้มากไม่แน่ว่าวันนั้นหนูอาจจะถูกพวกเขาทำร้ายก็ได้” อภินราอธิบายให้ผู้เป็นพ่อเข้าใจในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ตนประสบมา
“อย่าเพิ่งแน่ใจไป รอให้คนของฉันสืบเรื่องนี้เสียก่อน ถ้าความจริงเปิดเผย แกนั่นแหละที่ต้องกลายเป็นคนโง่ยอมให้มันหลอกเอาได้ง่ายๆ ไอ้ฮาร์คิฟมันไม่เคยลงรอยกับฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วทำไมมันต้องมาตีสนิททำดีกับแก ช่วยเหลือแกด้วย แกไม่รู้หรอกว่าที่มันมาครั้งนี้ มันต้องการอะไร”
“แล้วเขาต้องการอะไรละคะ?” อภินราถามกลับอย่างอยากรู้
“อาจจะต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงดูซีโลก็ได้ ใครจะไปรู้” อานันท์เปิดเผยให้ลูกสาวได้รู้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
อภินราส่ายหน้ากับข้อสันนิษฐานนั้น เพราะตั้งแต่ฮาร์คิฟปรากฏตัวเธอยังไม่เคยได้ยินว่าเขาพูดถึงสิทธิ์การเลี้ยงดูนี้สักครึ่งคำ “มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ ในเมื่อเขาไม่เคยยกเอาเรื่องนี้มาพูดเลยสักครั้ง”
“ผู้ร้ายที่ไหนมันจะกระโตกระตากให้คนอื่นรู้ว่ากำลังคิดชั่ว”
“ถึงจะอย่างนั้นหนูก็ว่าไม่ใช่ คุณพ่อมีอคติกับเขาเลยระแวงมากไป ถ้าเขาอยากได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูซีโลไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนี้ เขาทำได้ตั้งแต่หลังจากที่วาเรียตายด้วยซ้ำ” อภินราแก้ต่างแทน “แล้วเรื่องแผนการร้ายๆอะไรนั่น หนูก็ไม่เห็นว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการวางแผนยุ่งยากอย่างนั้น”
อานันท์กำมือแน่นเมื่อได้ยินลูกสาวโต้เถียง มีความคิดขัดแย้งกับตน เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าเถียงเขาคอเป็นเอ็น เป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่าพ่อคนนี้มีอคติทั้งที่ทุกสิ่งอย่างที่ทำไปก็เพื่อลูกหลานทั้งนั้น
“หนูรู้นะคะว่าทำให้คุณพ่อโกรธ เรื่องของหนูกับตฤณมันไม่เกี่ยวกับคนอื่น ต่อให้ตอนนี้ไม่มีฮาร์คิฟเข้ามาหนูก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับตฤณได้” อภินราสรุปอย่างชัดเจน
“แกกำลังจะบอกฉันว่า ไม่ได้รักไม่ได้ให้ความสนใจมันใช่ไหม”
อภินรากลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่กลางลำคอลงอย่างยากลำบาก เธอไม่อาจรู้ได้ว่าท่านและฮาร์คิฟมีความบาดหมางใจใดรุนแรงนัก แต่ถ้าให้เลือกระหว่างอยู่กับตฤณอย่างฝืนใจ และอยู่เพียงลำพังแม้ไม่สมหวัง เธอเลือกอย่างหลังมากกว่า จึงรับปากออกไปด้วยน้ำเสียงเบาโหวง “ค่ะ หนูอาจจะทำใจให้รักคนที่คุณพ่อเห็นควรไม่ได้ แต่หนูก็ไม่กล้ามีใจให้กับคนที่คุณพ่อไม่ชอบหรอกค่ะ”
“อย่าลืมคำพูดตัวเองล่ะ แต่ยังไงการแต่งงานของแกกับตฤณก็ต้องเกิดขึ้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
“คุณพ่อ!” อภินราอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ ทั้งที่เธออธิบายอย่างละเอียดแล้วแต่ทำไมสุดท้ายถึงได้วนกลับมาอยู่จุดเดิมเช่นนี้ เธอได้แต่มองตามผู้เป็นพ่อบังคับรถเข็นจากไป ความเหนื่อยใจที่เกิดขึ้นทำให้จิตใจของเธอห่อเหี่ยวแม้ว่าจะอาบน้ำชำระร่างกาย เรียกความสดชื่นให้ตัวเองแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าโลกของเธอช่างหม่นหมองนัก
เสียงเตือนจากข้อความที่ส่งเข้ามาทำให้อภินราสะดุ้งสุดตัวและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความนั้น หากไม่ใช่ข้อความของคนที่กำลังรอ แต่เป็นข้อความจากตฤณ
ภาพข่าวคอลัมน์เล็กๆที่เห็นว่าหญิงชายคู่หนึ่งกำลังโอบกอดกัน แสงไฟสลัวที่ทำให้ภาพใบหน้าไม่ชัดเจนเท่าที่ควรทำให้เธอขยายภาพใหญ่ขึ้นเพื่อมองได้ถนัด ใบหน้าของฮาร์คิฟและจิดาภาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ภาพแรกถ่ายให้เห็นเพียงใบหน้าของทั้งสองที่คลอเคลียกันอย่างแนบชิด อีกภาพทั้งคู่กำลังกอดกันแนบสนิทแทบจะผสานร่างเป็นเนื้อเดียว ข้อความที่บรรยายใต้ภาพยิ่งทำให้อภินราเจ็บหนึบที่หัวใจ
‘ไฮโซเจย์ จิดาภา เปิดตัวแฟนหนุ่มแล้ว หลังจากที่หัวใจว่างงานอยู่นาน คุณเจย์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งกับนักธุรกิจหนุ่มชาวยูเครนซึ่งหล่อเหลา ร่ำรวย ว่ากันว่าคงจะมีข่าวดีในเร็ววันนี้เพราะทั้งคู่ควงกันออกมารับประทานอาหารเย็น ปล่อยอารมณ์ตามเสียงเพลงในผับหรูอยู่หลายคืน’
ตฤณ เผื่อคุณจะยังไม่เห็น ผมเพิ่งทราบข่าวจากเพื่อนๆ
อภินราอ่านข้อความล่าสุดจากตฤณแล้วตอบกลับเป็นอีโมติคอนใบหน้ายิ้มกลับไปเท่านั้น
ตฤณ ได้ยินคุณพ่อว่าเขาไม่ได้ไปที่บ้านอีกตั้งแต่วันนั้น สงสัยไม่ว่างเพราะอย่างนี้เอง
เอลก้า ฉันไม่ทราบค่ะ แต่คงเป็นอย่างนั้น ถึงบ้านหรือยังคะ
ตฤณ ครับ เมื่อกี้นี้เอง
หากข้อความจากฮาร์คิฟก็ส่งซ้อนเข้ามาในทันที เธอทิ้งไว้อย่างนั้นยังไม่เปิดอ่านและคุยกับตฤณต่อ
ตฤณ ไม่ยักรู้ว่าสองคนนี้จะรู้จักกันด้วย จิดาภารู้รึเปล่าว่าเขาเป็นลุงของซีโล
เอลก้า ไม่ทราบค่ะ อย่าสนใจเลย ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา พรุ่งนี้เจอกันนะคะ ฝันดีค่ะ
เอลก้า ส่งสติกเกอร์เด็กหญิงนอนห่มผ้า
เธอจบการสนทนากับตฤณโดยไม่เปิดข้อความสุดท้ายที่เขาส่งเข้ามาอีก เพราะภาพที่ฮาร์คิฟและจิดาภากอดกันกลมยังเด่นชัดแม้ว่าจะเพิ่งเห็นครั้งเดียว เธอยังจินตนาการสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ซึ่งทำให้แทบร้องไห้เพราะรู้ว่าสถานที่สุดท้ายจะจบลงบนเตียง ฮาร์คิฟแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้เปิดข้อความอ่านทั้งที่คาดเอาไว้ว่าเธอน่าจะถึงบ้านแล้วจึงส่งอีกข้อความไปอีกครั้ง
ฮาร์คิฟ หลับแล้วเหรอจ๊ะ เงียบเชียว
แน่นอนว่าเธอเปิดอ่านและมันทำให้เขายิ้มออกมาอย่างพอใจ อดทนรอด้วยอยากรู้ว่าเธอจะตอบกลับมาว่าอย่างไร
เอลก้า คุณรู้จักจิดาภาด้วยเหรอคะ
เขาเงียบไปครู่ใหญ่จนทำให้เธอเกิดความสงสัย ภาพของเขาและจิดาภาแวบแรกอาจทำให้เธอเสียใจ เจ็บปวดแต่ความรู้สึกต่อมากลับสงสัยว่า เขารู้หรือไม่ว่าจิดาภาคือผู้หญิงที่จะแต่งงานกับอังเดร แล้วจิดาภารู้หรือเปล่าว่าฮาร์คิฟเป็นพี่ชายคนละแม่กับวาเรีย เวลาเกือบห้านาทีที่เขาเงียบไปทำให้เธอเริ่มหวั่นใจในคำพูดของผู้เป็นพ่อ
ฮาร์คิฟ หึงล่ะสิ
เอลก้า เธอรู้รึเปล่าว่าคุณเป็นคุณลุงของซีโล
เขาเงียบ ไม่มีทีท่าว่าจะตอบกลับทั้งที่อ่านข้อความที่เธอถามแล้ว หากสถานะออฟไลน์ที่โชว์อยู่หน้าจอก็ทำให้เธอต่อสายตรงถึงเขาทันที เสียงโอเปอเรเตอร์ตอบรับในระบบอัตโนมัติที่ได้ยินยิ่งทำให้อภินรากลัวว่าสิ่งที่พ่อเธอพูดมาทั้งหมดนั้นมันมีมูลความจริง
เป็นครั้งแรกที่คนอย่างฮาร์คิฟ ติโมชุก หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามง่ายๆ สิ่งที่ต้องทำและค้นหาความจริงช่างขัดแย้งกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะคิดถึงเธอได้มากขนาดนี้ เทียบความรู้สึกที่เกิดกับจิดาภาและอภินราช่างต่างกันลิบลับ แน่นอนว่าผู้หญิงทั้งสองคนนี้ตกหลุมรักเขาเหมือนๆกัน แต่สิ่งที่ต่างกันเห็นจะเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่จิดาภาทำตามที่เขาคาดการเอาไว้ นั่นคือไม่รีรอที่จะสานสัมพันธ์ต่อโดยไม่มีการเหนี่ยวรั้งใดๆ
แต่อภินรากลับเหมือนคนกล้าๆกลัวๆ สงวนท่าที ทั้งที่จูบแรกระหว่างกันนั้นช่างยอดเยี่ยม เร่าร้อนตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ความรู้สึกที่มีต่อเธอช่างอ่อนหวาน ลึกล้ำ แม้ว่าจะสั่งตัวเองว่านั่นอาจจะเป็นแค่วิธีดึงดูดความสนใจผู้ชาย ก็เขาเห็นกับตาในครั้งแรกว่าเธอกอดกับตฤณ หากเอกสารสำคัญที่วางอยู่ไม่ไกลนี้ต้องกลับทำให้เขาหนักใจจนต้องยกมือขึ้นคลึงขมับทั้งสองข้าง เมื่อความจริงเปิดเผยในวันพรุ่งนี้เขาอยากรู้นักว่าเธอยังจะมองเขาด้วยสายตาอ่อนหวานระคนเขินอายเช่นนั้นอีกหรือไม่
สัญญาที่เธอเพิ่งลงนามไปเมื่อวานนี้อยู่ในมือเขาแล้ว เขาเพียงขอให้ลินเนอุสถือครองหุ้นในบริษัทลงทุนหนึ่งแทน เมื่อถึงเวลาอันสมควรลินเนอุสก็จะคืนหุ้นในส่วนนี้กลับคืน แน่นอนว่าการลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมของเธอก็จะกลายมาเป็นสิทธิ์ของเขาเช่นกัน หากเธอและพ่อรู้ว่าแท้จริงเงินลงทุนนั้นเป็นของเขาแล้วจะเป็นเช่นไร เขาคงได้เห็นเธอแสดงธาตุแท้อย่างที่หวั่นในใจลึกๆหรือไม่
สมบัติในส่วนวาเรียที่มาร่ายกให้นั้นกลายเป็นของวรโชติจนหมดทุกชิ้น เหลือแต่ในส่วนที่เป็นของเขา ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการของพวกนี้จากมาร่า แต่ที่ต้องวางแผนการเช่นนี้ก็เพราะอยากกระชากหน้ากากของคนในตระกูลวรโชติให้มาร่าได้รู้ว่าไม่ควรเทิดทูนบูชา คนที่หวังแต่ประโยชน์จากเธอ
แน่นอนว่าการเทิดทูนบูชา เชื่อฟังทุกคำพูดของอานันท์นั้นต้องมีสาเหตุ ที่มาร่าไม่ยอมเปิดปากพูดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พ่อของเขาก็ต้องเลิกรากับมาร่าเพราะไม่สามารถพูดถึงอานันท์ในแง่ลบได้เลย และเขาต้องรู้ถึงเหตุผลในข้อนี้ให้จงได้
‘คนเราต้องจิตใจหนักแน่น อย่าไปสนใจกับความรู้สึกหวือหวาจอมปลอม ฉันเลือกคนที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดให้แล้ว อนาคตที่มั่นคงรออยู่ข้างหน้า อย่าไปไขว้เขวกับสิ่งยั่วยุเลวร้ายหรือถ้ามันห้ามใจลำบากนักก็คิดเสียว่ามันคือหน้าที่ของลูกที่ต้องตอบแทนคุณพ่อแม่’
อภินราละสายตาจากเอกสารกองโต ยกมือขึ้นคลึงขมับทั้งสองข้างด้วยจิตใจอันห่อเหี่ยว หัวใจและหน้าที่ที่สวนทางกันทำให้สมองเธอล้า ปวดกระบอกตาเพราะนอนไม่หลับด้วยหลายเรื่องที่รุมเร้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว หากเสียงโทรศัพท์เครื่องบางที่กรีดร้องร้องทำให้เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รีบเลื่อนหน้าจอรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของโรงเรียนซีโล
“สวัสดีค่ะ อภินราพูดสายค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ผู้อำนวยการพูดสายนะคะ ดิฉันมีบางเรื่องอยากสอบถามค่ะ” ผู้อำนวยเริ่มซักถามทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายตอบรับ “เมื่อสักครู่นี้มิสเตอร์ฮาร์คิฟ ติโมชุก ได้บริจาคเงินจำนวนหนึ่งล้านบาทให้ทางโรงเรียนนะคะ ได้ยินว่ามิสเตอร์มีศักดิ์เป็นคุณลุงของซีโล ดิฉันเลยอยากจะสอบถามว่าเป็นความจริงใช่ไหมคะ”
“อ้อ... ใช่ค่ะ” อภินรารับคำสั้นๆและฟังผู้อำนวยการกล่าวขอบคุณเป็นการยืดยาว หากเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า ฮาร์คิฟบริจาคเงินจำนวนมากเช่นนั้นให้กับทางโรงเรียนเพื่ออะไร เมื่อรอให้ปลายสายพูดจนจบจึงเอ่ยถามถึงเขาในทันที
“ขอโทษนะคะ มิสเตอร์ยังอยู่ตรงนั้นรึเปล่าคะ”
“ไม่อยู่แล้วค่ะ มิสเตอร์มาถึงเมื่อตอนบ่ายกว่าจะเสร็จเรื่องก็ราวครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ออกไปดูห้องเรียนของซีโล แล้วก็บอกว่าจะขอเข้ามาพูดคุยกับซีโลในช่วงที่รอผู้ปกครองมารับ ดิฉันเลยจะโทรฯมาสอบถามว่าเรื่องเป็นมายังไงคะ ทางผู้ปกครองจะอนุญาตเช่นนั้นไหม?”
“ค่ะ แต่ไม่อนุญาตให้ออกนอกบริเวณโรงเรียนนะคะ” ที่ต้องกำชับเช่นนี้เพราะเธอไม่อยากมีปัญหากับผู้เป็นพ่อ การที่ให้ฮาร์คิฟทำความคุ้นเคยกับซีโลในตอนที่อยู่โรงเรียนก็เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน เธอไม่เคยจะปิดกั้นหรือกีดกันให้หลานชายอยู่กับญาติฝั่งพ่อเพียงฝ่ายเดียว แต่ก็คิดว่าพ่อคงไม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอเป็นแน่
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทางโรงเรียนจะปล่อยเด็กกลับบ้านกับบุคคลที่ผู้ปกครองแจ้งไว้เท่านั้น” ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่สักครู่จึงวางสาย
อภินรามองนาฬิกาบนข้อมือเมื่อเห็นว่าเลยเวลาเลิกงานมาเกือบชั่วโมงแล้วจึงเก็บข้าวของเข้าที่ เพราะตอนนี้เธอคิดถึงหลานชายเสียแล้ว ไม่ว่าจะเครียดจากการทำงานมากแค่ไหนเมื่อได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ความเครียดเหล่านั้นก็จะมลายหายไปในที่สุด
ก๊อก... ก๊อก...
อภินราขมวดคิ้วมุ่นเมื่อสิ้นเสียงเคาะ ประตูก็ถูกเปิดออกทั้งที่เธอยังไม่ได้อนุญาต ตฤณยิ้มอย่างมีความหมายให้ว่าที่เจ้าสาวพลางเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าแล้วถามด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร
“ผมมารับไปทานข้าว ตอนแรกคิดว่าจะมาไม่ทันซะแล้วแต่โชคดีที่ผมโทรฯไปถามคุณพ่อก่อน ท่านว่าคุณยังไม่กลับแล้วที่บ้านก็ไม่ได้ทำอาหารไว้รอ ให้เราแวะทานข้างนอกกันได้เลย” ตฤณบอกละเอียดยิบจนคนฟังเข้าใจในจุดประสงค์ของผู้เป็นพ่ออย่างดี “เราไปนั่งกินข้าวร้านเพื่อนผมไหม เปิดใหม่ บรรยากาศก็ไม่เลว”
“แล้วแต่คุณค่ะ ฉันทานง่ายอยู่แล้ว” อภินราตอบและเดินออกจากห้อง ยอมให้เขาแตะที่กลางแผ่นหลังซึ่งเป็นอากัปกิริยาของคู่รักซึ่งพึงกระทำและมีให้เห็นจนชินตา ตฤณปฏิบัติตัวต่อเหมือนคู่รักที่มีแพลนแต่งงานอันใกล้นี้ อภินรายอมให้เขาถูกเนื้อต้องตัวเล็กๆน้อยๆ หากดูไม่น่าเกลียด เธอย้ำกับตัวเองในใจเสมอว่า... ควรจะให้โอกาสตฤณได้แสดงความรักและเธอเองก็ควรมองเขาเสียใหม่ ไม่แน่ว่าเธออาจจะทำใจให้อยู่กับเขาได้อย่างไม่ทรมานนัก
เวลาสามชั่วโมงที่เธออยู่กับตฤณช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้านัก แม้ว่าเขาจะเอาใจใส่ บนโต๊ะอาหารก็ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อภินราก็ได้แต่ยิ้มรับ ชวนเขาคุยบ้างในบางโอกาส หากช่วงที่เธอเดินออกมาทำธุระส่วนตัวเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและทันทีที่ได้ยินปลายสาย เธอก็รู้แล้วว่าเบอร์โทรฯแปลกตานี้เป็นของฮาร์คิฟ!
อภินราตัดใจบอกเขาสั้นๆว่าติดธุระสำคัญก่อนจะวางสายและปิดเครื่องในทันที เธอตั้งใจจะทดสอบตัวเองว่าหากไม่มีผู้ชายที่ชื่อฮาร์คิฟวนเวียนอยู่ในชีวิตแล้ว เธอจะยังรู้สึกต่อตฤณอย่างคู่ชีวิตหรือไม่?
อภินรากลับมาถึงบ้านราวสามทุ่มครึ่ง เธอใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็อยู่ในชุดนอนผ้าฝ้ายเบาบาง หญิงสาวเดินผ่านประตูเชื่อมที่เปิดเอาไว้มายังส่วนที่เป็นห้องของหลานชาย ไฟสลัวจากโคมบนหัวเตียงยังเปิดอยู่ทั้งสองข้าง เธอจึงเดินอ้อมไปเปิดไฟอีกฝั่งแล้วกลับมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆหนุ่มน้อยที่กำลังหลับสบาย
“อื้อ... เอลก้ามาแล้วเหรอฮะ” ซีโลถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย หากแต่ขยับตัวตลบผ้าห่มออกอย่างเคยชิน เพื่อเปิดทางให้ผู้เป็นอามานอนเคียงข้าง
“จ้ะ... นอนต่อเถอะนะ เด็กดี” อภินราสอดตัวเข้ามาในผ้าห่ม ในขณะที่หลานชายขยับเข้ามาซุกหน้าอยู่กับอก ขยับศีรษะสองสามครั้งราวกับหาที่ที่สบายที่สุดให้ตัวเอง เธอเอื้อมมือไปลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าซีโลหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เธอก็ชันตัวลุกขึ้นพลางสอดหมอนข้างให้หลานชายตระกองกอด เลื่อนผ้าห่มขึ้นคลุมในระดับอย่างเบามือ มองด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะปิดไฟบนหัวเตียงแล้วจึงเดินกลับมายังส่วนที่เป็นห้องนอนของตนอีกครั้ง พลางคิดในใจว่า หากซีโลไม่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก อีกไม่นานก็คงสามารถแยกห้องนอนได้
ก่อนเข้านอนอภินราควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าถือตั้งใจจะชาร์จแบตเตอรี่ซึ่งทำอยู่เป็นประจำทุกวัน หากเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาก็พบว่าไลน์แอพพลิเคชันมีตัวสีแดงแจ้งเตือนผู้ส่งข้อความเข้ามา
‘ข้อความจากฮาร์คิฟ’ อภินราชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ว่าจะเปิดอ่านข้อความหรือไม่ เธอถือโทรศัพท์เดินวนไปวนมาในห้องนอนสองสามรอบ สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่ใจตัวเอง กดเปิดข้อความของคนที่เพิ่งติดต่อเข้ามาเป็นครั้งแรก
ฮาร์คิฟ คิดดีแล้วใช่ไหมที่ปิดโทรศัพท์หนีผม
ข้อความแรกเขาส่งเข้ามาหลังจากที่เธอปิดเครื่อง
ฮาร์คิฟ ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยทูนหัว เดี๋ยวไอ้หน้าจืดนั่นมันก็รู้หรอกว่าคุณปันใจให้ผม
ข้อความนี้ส่งห่างกันราวห้านาที หากทำให้อภินรารู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆเธอในตอนที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นกับตฤณ
ฮาร์คิฟ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าใส่เสื้อเข้ารูป ให้ตายเถอะ! คุณยอมให้มันแตะก้นได้ไง
ฮาร์คิฟ ส่งสติกเกอร์รูปคนกำลังโมโหจัด มีควันโขมงอยู่บนศีรษะ
อภินราแทบกรี๊ดเมื่อได้อ่านข้อความสุดท้ายที่เขาส่งเข้ามาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว หากเขาอยู่ตรงหน้าเธอคงแก้ให้ถูกว่านั่นเรียก ‘บั้นเอว’ ไม่ใช่ ‘ก้น’ เธอคงไม่หน้ามืดปล่อยให้ผู้ชายมาจับก้นกลางร้านอาหารแบบนั้น หากต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมาอีก
ฮาร์คิฟ นิสัยไม่ดี อ่านแล้วยังไม่ยอมตอบ
เอลก้า ก็นั่นมันตัวฉัน พอใจให้แตะตรงไหนแล้วคุณเดือดร้อนอะไรด้วย
ฮาร์คิฟไม่ตอบแต่โทรฯเข้ามาในทันที หากอภินราก็ปล่อยให้มันดังอยู่เช่นนั้นจนเขาเป็นฝ่ายวางสายไปเอง จากนั้นเสียงข้อความก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ฮาร์คิฟ ทำไมไม่รับสาย กลัว?
เอลก้า กลัวตายล่ะ ไม่มีอะไรจะคุยด้วย ง่วงนอนแล้ว
เอลก้า ส่งสติกเกอร์เด็กผู้หญิงหลับพร้อมกรนครอกๆ
ฮาร์คิฟหัวเราะร่วน จนหญิงสาวที่นั่งอยู่เคียงข้างมองด้วยความสงสัยแต่ไม่กล้าซักไซ้ หากฮาร์คิฟกำลังคิดในใจว่า ถ้าอยู่ใกล้ๆคงดึงเธอมากอด แล้วจูบให้ทั่วร่างลบรอยฝ่ามือไอ้หมอนั่นออกจากตัวเธอ แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงแค่ส่งข้อความถึงเธอเท่านั้น
ฮาร์คิฟ ไว้เจอกันคราวหน้าผมจะลบรอยฝ่ามือของมันด้วยจูบ ส่วนคืนนี้ส่งตัวแทนไปซุกอกนุ่มๆแล้ว อ้อ... มีแค่มือของซีโลเท่านั้นล่ะนะที่ผมอนุญาตให้จับคุณได้ทุกส่วน ถ้าคนอื่นจับเดี๋ยวช้ำหมด
แน่นอนว่าอภินราได้อ่านข้อความนั้น ทั้งโกรธที่เขาพูดราวกับเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย ทั้งอายเพราะรู้ว่าในวันแรกที่เจอกันเขาเห็นภาพที่ซีโลซุกมือไว้กลางหว่างอกเธอเป็นแน่
เอลก้า อย่ามาพูดจาหยาบคายกับฉัน
หากยังพิมพ์ไม่จบก็เปลี่ยนใจลบข้อความเดิมทิ้งแล้วตอบกลับด้วยคำพูดก๋ากั่นชนิดที่คิดว่าเขาจะไม่มาตอแยกับเธออีก
เอลก้า โอ๊ยยย ฉันดูแลตัวเองเป็นอย่างดีค่ะ อีกอย่างก็ไม่เคยได้ยินใครบอกว่าช้ำสักที
ฮาร์คิฟโมโหจนลมออกหูกับข้อความล่าสุดที่เธอส่งมา ถ้าไม่ติดว่ามีจิดาภานั่งอยู่ข้างๆเขาคงบึ่งรถไปฟัดนางมารน้อย เปิดเปลือยเธอจนหมดจดให้ลืมผู้ชายคนอื่น เขาแทบลืมไปเสียด้วยซ้ำว่าการจูบผู้หญิงสักคนด้วยความรู้สึกทั้งหมดมันทำยังไง แทบลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่ได้มีกิจกรรมสุดเหวี่ยงมานานแค่ไหน ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพราะอยากฝังกายเข้าไปในร่างสวยๆของเธอ!
ความสำราญใจกับภาพที่ซีโลเอามือซุกกลางหว่างอกเธอมันแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี กับข้อความที่ประกาศออกมาว่ามีผู้ชายได้สัมผัส ลูบไล้ เคล้นคลึงเรือนร่างมาแล้ว
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายงี่เง่ายึดติดกับพรหมจรรย์ บูชาความบริสุทธิ์ของผู้หญิง พูดได้เต็มปากด้วยซ้ำว่าไม่เคยคิดมีเซ็กซ์กับผู้หญิงบริสุทธิ์ ไม่เคยมีและไม่อยู่ในหัว มันคงหมดสนุก ห่อเหี่ยวเมื่อต้องกังวลใจ ระแวดระวังกับความเจ็บปวดในกิจกรรมที่มีแต่ความเร่าร้อน กระแทกกระทั้น
จิดาภามองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างประหลาดใจ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เขายังอารมณ์ดี นั่งแชทกับใครสักคนจนเธอไม่คาดคิดว่านักธุรกิจระดับโลกอย่างเขาจะมีโมเม้นต์แสนธรรมดาเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขากลับหลับตานิ่ง บดกรามแน่นจนเป็นสันนูนราวกับโกรธใครมาสักร้อยชาติ หากปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกกิริยาท่าทางของเขาช่างเต็มไปด้วยแรงดึงดูดเพศตรงข้าม เขาเป็นผู้ชายโปรไฟล์ไฮเอ็นที่มองมุมไหน อยู่ในอารมณ์ใดก็เซ็กซี่ขยี้ใจ
“งานมีปัญหาเหรอคะ คุณดูเครียดจัง” จิดาภาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย ผู้ชายที่นั่งนิ่งมาครู่ใหญ่เข้ามาขอทำความรู้จักกับเธอเมื่อราวห้าวันที่ผ่านมาในผับหรูแห่งหนึ่ง ในตอนแรกเธอไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่ใบหน้าหล่อเหลากับบุคลิกที่สามารถทำให้จิตใจเธอเต้นระรัวนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการเริ่มรู้จักเพื่อนชายสักคน
...และทุกอย่างก็ดีเลิศ สวยหรูกว่าที่คาดคิดเพราะเพื่อนในกลุ่มบางคนแอบกระซิบว่า เขาคือนักธุรกิจหนุ่มชาวยูเครน ซีอีโอของติโมชุก อินดัสตรีที่มีผลประกอบการติดอันดับโลก ที่สำคัญเขาเปลี่ยนผู้หญิงไม่ต่างจากเสื้อผ้า หล่อ ร้าย ร่ำรวยและอันตราย!
ฮาร์คิฟเปิดเปลือกตาขึ้นมองผู้หญิงแต่งตัวเปรี้ยวจัดข้างๆแล้วพยักหน้าน้อยๆรับกับคำถามนั้น “นิดหน่อยครับ”
“ล้อเล่นรึเปล่าคะ คุณบริหารงานเก่งขนาดนั้นยังต้องมีอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจอีก” จิดาภาเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆ เกยคางกับบ่าหนา ใช้ปลายนิ้วไล้แนวสันกรามที่เริ่มมีเคราครึ้มผุดขึ้นมาอย่างเพลินมือ “อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ เราออกไปฟังเพลงกันหน่อยไหมคะ รับรองว่าฉันจะทำให้คุณลืมเรื่องเครียดๆพวกนั้น”
ฮาร์คิฟเหลือบสายตามองผู้หญิงที่คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เธอติดกับเขาอย่างง่ายดายและทำตัวเฟลิร์ตกับเขาจนกล้าชวนขึ้นเตียงเช่นนี้ เขามีจุดประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การใช้ผู้หญิงร่วมกับสามีของวาเรีย “ถ้าไม่ติดธุระสำคัญหรือมีเวลาเหลืออีกสักครึ่งชั่วโมง เราอาจจะฟังเพลงกันในรถคันนี้ก็ได้”
จิดาภาตาโตมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย ต่างฝ่ายต่างเข้าใจความหมายนั้นเป็นอย่างดี แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนม “งั้นวันนี้เจย์คงต้องปล่อยคุณกลับไปก่อนใช่ไหมคะ”
ฮาร์คิฟโคลงศีรษะและตอบเธอเมื่อรถยนต์เคลื่อนมาถึงด้านหน้าคอนโดมิเนียมสุดหรูของเธอ “คงต้องเป็นอย่างนั้น”
จิดาภาขยับตัวเข้าไปจูบบริเวณข้างแก้มของเขาอย่างอดใจไว้ไว้ไม่อยู่ ทั้งยังแตะปลายลิ้นเข้ากับผิวของเขาเล็กน้อยอย่างยั่วใจก่อนที่จะก้าวลงจากรถยนต์คันหรูและมองตามอย่างพึงใจ ไม่แน่ว่าวันพรุ่งนี้หรือในระยะเวลาอันใกล้ อาจจะมีข่าวกอสซิปของเธอและเขาหลุดออกมาให้คนทั่วไปได้รู้ เพราะในช่วงมื้อค่ำที่ผ่านมาเธอเห็นปาปารัสซี่แอบเก็บภาพอยู่ในร้านอาหาร หากเธอก็ไม่กระโตกกระตากเพราะการเป็นข่าวกับมหาเศรษฐีติดอันโลกย่อมไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว
หากจิดาภาไม่เคยได้ระแวงใจหรือล่วงรู้มาก่อนเลยว่าการที่เธอได้รู้จักกับฮาร์คิฟ ติโมชุก จะทำให้นับจากนี้ชีวิตของเธอมีแต่ความยุ่งยากร้อนรุ่มใจอย่างที่สุด
ตฤณยังเทียวรับเทียวส่งว่าที่เจ้าสาวของตัวเองทุกเช้าเย็น เขารับเธอไปรับประทานอาหารเย็นทุกวันก่อนที่จะส่งกลับบ้าน เขาคิดว่าการใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันจะทำให้สนิทสนมเชื่อใจกันมากขึ้น การมีเขาอยู่ใกล้ๆยังทำให้เธอไม่มีเวลาไปคิดถึงใครคนอื่น หากตฤณลืมไปว่าการกลับบ้านดึกดื่นตลอดสามวันที่ผ่านมาทำให้อภินราไม่ชอบใจนัก ยิ่งทำให้เธอเห็นว่าตฤณยึดเอาเวลาทั้งหมดไปอย่างที่ไม่เคยสนใจความรู้สึกของซีโลเลย การทำเช่นนั้นมันยิ่งทำให้เธอรู้สึกติดลบกับเขามากขึ้น
ยิ่งใช้เวลากับตฤณมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้ว่าเข้ากับเขาไม่ได้มากเท่านั้น แตกต่างกับฮาร์คิฟที่เธอไม่ยอมพบหรือรับโทรศัพท์จากเขาเลย การตอบแชทจึงเป็นสิ่งที่ฮาร์คิฟใช้สื่อสารกับเธอตลอดระยะเวลาสามวันนี้
หากไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำให้เธอรอคอยข้อความที่เขาส่งเข้ามาอย่างใจจดใจจ่อ คำพูดทะลึ่งทะเล้นที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังว่าต้องการเธอนั้น ทำให้ทั้งเขินอาย ทั้งโกรธแต่สุดท้ายก็ยอมยกโทษให้เขาเพียงเพราะตัวอักษรที่ส่งมาไม่กี่ตัวและยังไถ่ถามให้ความสนใจซีโล ยังไปหาซีโลที่โรงเรียนทุกวัน เล่าเรื่องตลกที่เกิดขึ้นในช่วงทำกิจกรรมให้รับรู้
ความรู้สึกเบื่อหน่ายที่รับมาจากตฤณของวันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากวันที่ผ่านมา เธอยังเดินกลับเข้าบ้านด้วยความรีบเร่งรู้สึกเบิกบานใจราวกับสาวรุ่นที่กำลังมีความรัก เมื่อใกล้ถึงเวลาจะได้พูดคุยกับแฟนหนุ่ม อภินราอมยิ้มกับตัวเองเมื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับฮาร์คิฟ ทำให้เธอรับรู้ได้แต่ความเบิกบานใจ
“อ้าว... ยังไม่ขึ้นข้างบนอีกเหรอคะ” อภินราถามผู้เป็นพ่อเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วเห็นว่าท่านกำลังออกมาจากห้องทำงาน
อานันท์ไม่ตอบว่าอย่างไรเพราะทั้งโกรธทั้งโมโหกับเรื่องที่ได้รับรู้มาตั้งแต่เช้า หากใบหน้าชื่นมื่นของลูกสาวยิ่งทำให้เข้าใจในสิ่งที่ตฤณเล่าให้ฟังอย่างละเอียดในตอนเช้า
“ถ้าแกทำหน้าสดชื่น เบิกบานเหมือนคนมีความรักแบบนี้ก็แปลว่าพร้อมที่จะแต่งงานกับตฤณแล้วใช่ไหม” ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากภายในใจคุกรุ่นกับการขัดคำสั่งของลูกสาว
ตฤณเล่าว่าเธอเลื่อนลอย ถามคำตอบคำ ไม่ค่อยสดชื่นเท่าที่ควร เหมือนว่าทำไปด้วยหน้าที่ซึ่งไม่มีทางเลี่ยง แม้ว่าเขาจะพยายามเอาใจเธอทุกอย่างแล้วแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเธอจะสนใจเลยสักนิด หากสิ่งที่อานันท์กลัวที่สุดก็คือกลัวว่าตฤณจะถอดใจ จึงรับปากว่าจะคุยเรื่องนี้กับอภินราให้เข้าใจและสัญญาว่าตฤณจะไม่ได้เห็นความเลื่อนลอยนั้นอีก
อภินราถอนหายใจออกมาหนักๆ เพราะเหนื่อยใจทั้งเหนื่อยทั้งกายที่ต้องฝืนปั้นหน้าในช่วงเวลาที่อยู่กับตฤณ จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะเปิดใจคุยกับพ่อด้วยเหตุผล “หนูไม่ได้รักตฤณค่ะ หนูคงไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้”
“แล้วแกรักใคร ไอ้ฮาร์คิฟอย่างนั้นเหรอ?” อานันท์สวนคำถามกลับอย่างตรงจุด
“หนูไม่รู้หรอกนะคะว่าพ่อบาดหมางใจกับฮาร์คิฟเรื่องอะไร ถึงแม้ว่าไม่มีฮาร์คิฟเข้ามา หนูก็เคยบอกคุณพ่อแล้วว่าไม่เคยคิดกับตฤณฉันคนรักเลยสักนิด”
“อย่ามาแก้ตัว แกหลงเสน่ห์ไอ้ฮาร์คิฟ ตกหลุมพรางที่มันขุดเอาไว้แล้วทั้งตัวยังจะมีหน้ามาปฏิเสธฉันด้วยคำพูดสวยหรู รู้ไหมว่ามันอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมูลงานที่แกไปเจอพวกอันธพาลมาก่อกวน” อานันท์ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องบังเอิญจนน่าสงสัย จึงสั่งให้คนสืบสาวเมื่อตอนบ่ายแต่ถึงบัดนี้ก็ยังไม่คืบหน้า
“ไปกันใหญ่แล้วค่ะคุณพ่อ เรื่องในวันนั้นฮาร์คิฟเป็นคนช่วยหนูเอาไว้ เราต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเขาให้มากไม่แน่ว่าวันนั้นหนูอาจจะถูกพวกเขาทำร้ายก็ได้” อภินราอธิบายให้ผู้เป็นพ่อเข้าใจในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ตนประสบมา
“อย่าเพิ่งแน่ใจไป รอให้คนของฉันสืบเรื่องนี้เสียก่อน ถ้าความจริงเปิดเผย แกนั่นแหละที่ต้องกลายเป็นคนโง่ยอมให้มันหลอกเอาได้ง่ายๆ ไอ้ฮาร์คิฟมันไม่เคยลงรอยกับฉันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วทำไมมันต้องมาตีสนิททำดีกับแก ช่วยเหลือแกด้วย แกไม่รู้หรอกว่าที่มันมาครั้งนี้ มันต้องการอะไร”
“แล้วเขาต้องการอะไรละคะ?” อภินราถามกลับอย่างอยากรู้
“อาจจะต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงดูซีโลก็ได้ ใครจะไปรู้” อานันท์เปิดเผยให้ลูกสาวได้รู้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
อภินราส่ายหน้ากับข้อสันนิษฐานนั้น เพราะตั้งแต่ฮาร์คิฟปรากฏตัวเธอยังไม่เคยได้ยินว่าเขาพูดถึงสิทธิ์การเลี้ยงดูนี้สักครึ่งคำ “มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ ในเมื่อเขาไม่เคยยกเอาเรื่องนี้มาพูดเลยสักครั้ง”
“ผู้ร้ายที่ไหนมันจะกระโตกระตากให้คนอื่นรู้ว่ากำลังคิดชั่ว”
“ถึงจะอย่างนั้นหนูก็ว่าไม่ใช่ คุณพ่อมีอคติกับเขาเลยระแวงมากไป ถ้าเขาอยากได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูซีโลไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนี้ เขาทำได้ตั้งแต่หลังจากที่วาเรียตายด้วยซ้ำ” อภินราแก้ต่างแทน “แล้วเรื่องแผนการร้ายๆอะไรนั่น หนูก็ไม่เห็นว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการวางแผนยุ่งยากอย่างนั้น”
อานันท์กำมือแน่นเมื่อได้ยินลูกสาวโต้เถียง มีความคิดขัดแย้งกับตน เป็นครั้งแรกที่เห็นว่าเถียงเขาคอเป็นเอ็น เป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่าพ่อคนนี้มีอคติทั้งที่ทุกสิ่งอย่างที่ทำไปก็เพื่อลูกหลานทั้งนั้น
“หนูรู้นะคะว่าทำให้คุณพ่อโกรธ เรื่องของหนูกับตฤณมันไม่เกี่ยวกับคนอื่น ต่อให้ตอนนี้ไม่มีฮาร์คิฟเข้ามาหนูก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับตฤณได้” อภินราสรุปอย่างชัดเจน
“แกกำลังจะบอกฉันว่า ไม่ได้รักไม่ได้ให้ความสนใจมันใช่ไหม”
อภินรากลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่กลางลำคอลงอย่างยากลำบาก เธอไม่อาจรู้ได้ว่าท่านและฮาร์คิฟมีความบาดหมางใจใดรุนแรงนัก แต่ถ้าให้เลือกระหว่างอยู่กับตฤณอย่างฝืนใจ และอยู่เพียงลำพังแม้ไม่สมหวัง เธอเลือกอย่างหลังมากกว่า จึงรับปากออกไปด้วยน้ำเสียงเบาโหวง “ค่ะ หนูอาจจะทำใจให้รักคนที่คุณพ่อเห็นควรไม่ได้ แต่หนูก็ไม่กล้ามีใจให้กับคนที่คุณพ่อไม่ชอบหรอกค่ะ”
“อย่าลืมคำพูดตัวเองล่ะ แต่ยังไงการแต่งงานของแกกับตฤณก็ต้องเกิดขึ้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
“คุณพ่อ!” อภินราอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ ทั้งที่เธออธิบายอย่างละเอียดแล้วแต่ทำไมสุดท้ายถึงได้วนกลับมาอยู่จุดเดิมเช่นนี้ เธอได้แต่มองตามผู้เป็นพ่อบังคับรถเข็นจากไป ความเหนื่อยใจที่เกิดขึ้นทำให้จิตใจของเธอห่อเหี่ยวแม้ว่าจะอาบน้ำชำระร่างกาย เรียกความสดชื่นให้ตัวเองแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าโลกของเธอช่างหม่นหมองนัก
เสียงเตือนจากข้อความที่ส่งเข้ามาทำให้อภินราสะดุ้งสุดตัวและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความนั้น หากไม่ใช่ข้อความของคนที่กำลังรอ แต่เป็นข้อความจากตฤณ
ภาพข่าวคอลัมน์เล็กๆที่เห็นว่าหญิงชายคู่หนึ่งกำลังโอบกอดกัน แสงไฟสลัวที่ทำให้ภาพใบหน้าไม่ชัดเจนเท่าที่ควรทำให้เธอขยายภาพใหญ่ขึ้นเพื่อมองได้ถนัด ใบหน้าของฮาร์คิฟและจิดาภาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ภาพแรกถ่ายให้เห็นเพียงใบหน้าของทั้งสองที่คลอเคลียกันอย่างแนบชิด อีกภาพทั้งคู่กำลังกอดกันแนบสนิทแทบจะผสานร่างเป็นเนื้อเดียว ข้อความที่บรรยายใต้ภาพยิ่งทำให้อภินราเจ็บหนึบที่หัวใจ
‘ไฮโซเจย์ จิดาภา เปิดตัวแฟนหนุ่มแล้ว หลังจากที่หัวใจว่างงานอยู่นาน คุณเจย์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งกับนักธุรกิจหนุ่มชาวยูเครนซึ่งหล่อเหลา ร่ำรวย ว่ากันว่าคงจะมีข่าวดีในเร็ววันนี้เพราะทั้งคู่ควงกันออกมารับประทานอาหารเย็น ปล่อยอารมณ์ตามเสียงเพลงในผับหรูอยู่หลายคืน’
ตฤณ เผื่อคุณจะยังไม่เห็น ผมเพิ่งทราบข่าวจากเพื่อนๆ
อภินราอ่านข้อความล่าสุดจากตฤณแล้วตอบกลับเป็นอีโมติคอนใบหน้ายิ้มกลับไปเท่านั้น
ตฤณ ได้ยินคุณพ่อว่าเขาไม่ได้ไปที่บ้านอีกตั้งแต่วันนั้น สงสัยไม่ว่างเพราะอย่างนี้เอง
เอลก้า ฉันไม่ทราบค่ะ แต่คงเป็นอย่างนั้น ถึงบ้านหรือยังคะ
ตฤณ ครับ เมื่อกี้นี้เอง
หากข้อความจากฮาร์คิฟก็ส่งซ้อนเข้ามาในทันที เธอทิ้งไว้อย่างนั้นยังไม่เปิดอ่านและคุยกับตฤณต่อ
ตฤณ ไม่ยักรู้ว่าสองคนนี้จะรู้จักกันด้วย จิดาภารู้รึเปล่าว่าเขาเป็นลุงของซีโล
เอลก้า ไม่ทราบค่ะ อย่าสนใจเลย ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา พรุ่งนี้เจอกันนะคะ ฝันดีค่ะ
เอลก้า ส่งสติกเกอร์เด็กหญิงนอนห่มผ้า
เธอจบการสนทนากับตฤณโดยไม่เปิดข้อความสุดท้ายที่เขาส่งเข้ามาอีก เพราะภาพที่ฮาร์คิฟและจิดาภากอดกันกลมยังเด่นชัดแม้ว่าจะเพิ่งเห็นครั้งเดียว เธอยังจินตนาการสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ซึ่งทำให้แทบร้องไห้เพราะรู้ว่าสถานที่สุดท้ายจะจบลงบนเตียง ฮาร์คิฟแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้เปิดข้อความอ่านทั้งที่คาดเอาไว้ว่าเธอน่าจะถึงบ้านแล้วจึงส่งอีกข้อความไปอีกครั้ง
ฮาร์คิฟ หลับแล้วเหรอจ๊ะ เงียบเชียว
แน่นอนว่าเธอเปิดอ่านและมันทำให้เขายิ้มออกมาอย่างพอใจ อดทนรอด้วยอยากรู้ว่าเธอจะตอบกลับมาว่าอย่างไร
เอลก้า คุณรู้จักจิดาภาด้วยเหรอคะ
เขาเงียบไปครู่ใหญ่จนทำให้เธอเกิดความสงสัย ภาพของเขาและจิดาภาแวบแรกอาจทำให้เธอเสียใจ เจ็บปวดแต่ความรู้สึกต่อมากลับสงสัยว่า เขารู้หรือไม่ว่าจิดาภาคือผู้หญิงที่จะแต่งงานกับอังเดร แล้วจิดาภารู้หรือเปล่าว่าฮาร์คิฟเป็นพี่ชายคนละแม่กับวาเรีย เวลาเกือบห้านาทีที่เขาเงียบไปทำให้เธอเริ่มหวั่นใจในคำพูดของผู้เป็นพ่อ
ฮาร์คิฟ หึงล่ะสิ
เอลก้า เธอรู้รึเปล่าว่าคุณเป็นคุณลุงของซีโล
เขาเงียบ ไม่มีทีท่าว่าจะตอบกลับทั้งที่อ่านข้อความที่เธอถามแล้ว หากสถานะออฟไลน์ที่โชว์อยู่หน้าจอก็ทำให้เธอต่อสายตรงถึงเขาทันที เสียงโอเปอเรเตอร์ตอบรับในระบบอัตโนมัติที่ได้ยินยิ่งทำให้อภินรากลัวว่าสิ่งที่พ่อเธอพูดมาทั้งหมดนั้นมันมีมูลความจริง
เป็นครั้งแรกที่คนอย่างฮาร์คิฟ ติโมชุก หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามง่ายๆ สิ่งที่ต้องทำและค้นหาความจริงช่างขัดแย้งกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะคิดถึงเธอได้มากขนาดนี้ เทียบความรู้สึกที่เกิดกับจิดาภาและอภินราช่างต่างกันลิบลับ แน่นอนว่าผู้หญิงทั้งสองคนนี้ตกหลุมรักเขาเหมือนๆกัน แต่สิ่งที่ต่างกันเห็นจะเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ที่จิดาภาทำตามที่เขาคาดการเอาไว้ นั่นคือไม่รีรอที่จะสานสัมพันธ์ต่อโดยไม่มีการเหนี่ยวรั้งใดๆ
แต่อภินรากลับเหมือนคนกล้าๆกลัวๆ สงวนท่าที ทั้งที่จูบแรกระหว่างกันนั้นช่างยอดเยี่ยม เร่าร้อนตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า ความรู้สึกที่มีต่อเธอช่างอ่อนหวาน ลึกล้ำ แม้ว่าจะสั่งตัวเองว่านั่นอาจจะเป็นแค่วิธีดึงดูดความสนใจผู้ชาย ก็เขาเห็นกับตาในครั้งแรกว่าเธอกอดกับตฤณ หากเอกสารสำคัญที่วางอยู่ไม่ไกลนี้ต้องกลับทำให้เขาหนักใจจนต้องยกมือขึ้นคลึงขมับทั้งสองข้าง เมื่อความจริงเปิดเผยในวันพรุ่งนี้เขาอยากรู้นักว่าเธอยังจะมองเขาด้วยสายตาอ่อนหวานระคนเขินอายเช่นนั้นอีกหรือไม่
สัญญาที่เธอเพิ่งลงนามไปเมื่อวานนี้อยู่ในมือเขาแล้ว เขาเพียงขอให้ลินเนอุสถือครองหุ้นในบริษัทลงทุนหนึ่งแทน เมื่อถึงเวลาอันสมควรลินเนอุสก็จะคืนหุ้นในส่วนนี้กลับคืน แน่นอนว่าการลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมของเธอก็จะกลายมาเป็นสิทธิ์ของเขาเช่นกัน หากเธอและพ่อรู้ว่าแท้จริงเงินลงทุนนั้นเป็นของเขาแล้วจะเป็นเช่นไร เขาคงได้เห็นเธอแสดงธาตุแท้อย่างที่หวั่นในใจลึกๆหรือไม่
สมบัติในส่วนวาเรียที่มาร่ายกให้นั้นกลายเป็นของวรโชติจนหมดทุกชิ้น เหลือแต่ในส่วนที่เป็นของเขา ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการของพวกนี้จากมาร่า แต่ที่ต้องวางแผนการเช่นนี้ก็เพราะอยากกระชากหน้ากากของคนในตระกูลวรโชติให้มาร่าได้รู้ว่าไม่ควรเทิดทูนบูชา คนที่หวังแต่ประโยชน์จากเธอ
แน่นอนว่าการเทิดทูนบูชา เชื่อฟังทุกคำพูดของอานันท์นั้นต้องมีสาเหตุ ที่มาร่าไม่ยอมเปิดปากพูดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พ่อของเขาก็ต้องเลิกรากับมาร่าเพราะไม่สามารถพูดถึงอานันท์ในแง่ลบได้เลย และเขาต้องรู้ถึงเหตุผลในข้อนี้ให้จงได้
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มิ.ย. 2558, 10:51:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มิ.ย. 2558, 10:51:36 น.
จำนวนการเข้าชม : 1227
<< ตอนที่ 8 100% | ตอนที่ 10 100% >> |