ในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
เรื่องราวการเดินทางเพื่อเยียวยาหัวใจ ของผู้หญิงที่ดื้อรั้นและพยศกว่าม้าป่า รักอิสระกว่าอินทรี และเปราะบาง...กว่าตุ๊กตาแก้ว...

หากอัญญาคืออินทรีจากลุ่มเจ้าพระยา ปีกเธอหักแล้วด้วยความรัก หัวใจเธอสลายแล้วด้วยความทรมาน ใครจะเยียวยาได้นอกจากตัวเธอ

หากทาชิคือมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลายา ดวงตาเขามั่นคงเพียงภาพเธอ กรงเล็บนั้นมีไว้เพื่อปกป้องเพียงหัวใจเธอ

หลับเถอะคนดี...หลับใหลในอ้อมกอด...มังกรสายฟ้า...
Tags: ภูฏาน มังกรสายฟ้า การเดินทาง ความรัก ศัลยแพทย์

ตอน: Paro Dzong

ท้องเริ่มร้องประท้วง เนมานำลูกทัวร์มาที่โรงแรมเก่าแก่ของพาโร ที่ซึ่งเขาบอกว่าเป็นที่พักรับรองอาคันตุกะที่มาร่วมงานครองราชสมบัติของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน

ทาชิกระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็ว เขาพูดภาษาถิ่นรัวเร็วกับเนมาทำให้อัญญาเผลอกลอกตาอย่างไม่ชอบใจนักแล้วหันไปกระซิบกับอรรัมภา

“บอกว่าเราพูดไทยเสียมารยาท แล้วดูสิคะ”

อรรัมภาหัวเราะ “คงไม่มีสาระอะไรที่เราต้องเกี่ยวมั้งคะ พี่ดู ๆ เขาก็ไม่แย่เท่าไร...อุตส่าห์มาช่วยดูแลนะ”

“รบกวนพี่ ๆ หรือเปล่าคะ อัญต้องขอโทษด้วยนะคะ”

“ไม่เลย สนุกดีออก” คุณนิภาบอกด้วยรอยยิ้ม

“ใช่ คนเยอะ ๆ สนุกดีนะ” คุณพรรณียิ้มปลอบ ขณะที่อัญญายังทำหน้างอ เดินตามเนมาและทาชิเข้าไปในโรงแรมซึ่งทำเป็น อาคารสี่เหลี่ยมคล้ายระเบียงล้อมรอบสวนตรงกลางซึ่งประดิษฐานศาลาเล็ก ๆ ตั้งรูปองค์ศากยมุนีไว้ตามศิลปะพื้นเมือง ขวามือมีบันไดขึ้นสู่ห้องน้ำและห้องอาหารด้านบน

“ห้องน้ำหญิงอยู่ข้างบน ห้องน้ำชายอยู่ชั้นล่างนะครับ” เนมาหันมาผายมือบอกเมื่อถึงทางขึ้นบันได

“อ้าว ไหงอย่างนั้น” คุณปรีชาอุทานพลางหัวเราะ

“นับว่าสถาปนิกสร้างได้ถูกต้องตามตำรานะคะ” อัญญาและอรรัมภาหันมาหัวเราะกับคุณนิภา

“ตำราอะไรครับ”

“ตำราบูชาภรรยาค่ะ”

คณะเดินทางชาวไทยหัวเราะพลางพูดคุยกันไปจนถึงห้องอาหาร พนักงานก้าวมาต้อนรับก่อนคุยกับเนมาเป็นภาษาพื้นเมือง เมื่อเห็นทาชิ พนักงานในชุดพื้นเมืองคนหนึ่งก็ยกเก้าอี้มาเพิ่มให้

“ทานด้วยกันนะคะ” อรรัมภาเป็นคนชวน เพราะอัญญานั่งกดดูรูปภาพในกล้องอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง

ทาชิเอ่ยขอบคุณก่อนนั่งลงที่หัวโต๊ะตรงข้ามคุณปรีชา ข้างอัญญาและอรรัมภา เนมาเอ่ยขอตัวออกไปเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว

พนักงานก้าวมาตักข้าวสวยให้ทีละคน ก่อนจะยกอาหารมาเสิร์ฟ อาหารส่วนใหญ่ทำจากผัก มีเพียงหมูผัดกระเทียมที่เป็นเนื้อสัตว์เพียงจานเดียวบนโต๊ะ

“เดือนนี้เป็นเดือนที่มีวันวิสาขบูชา ในปีที่มีเดือนแปดสองหน เราเลยไม่กินเนื้อสัตว์ในเดือนนี้” ทาชิเลือกตักเฉพาะจานที่เป็นผัก

“ในภูฏาน เราไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าสัตว์ไม่ว่าชนิดไหนทั้งนั้น เนื้อสัตว์ทั้งหมดนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งอินเดียและเนปาล”

“ทั้งหมดเหรอคะ” คุณนิภาเลิกคิ้วมองอย่างประหลาดใจ “เคยได้ยินเหมือนกันว่าที่นี่ไม่ฆ่าสัตว์”

“ครับ...เราไม่ฆ่าสัตว์ทุกชนิด”

“สัตว์เล็กอย่างพวกไก่ ปลาล่ะคะ”

“ไม่ครับ...” เขาย้ำคำด้วยท่าทางเด็ดขาด “สัตว์ชนิดเดียวที่เราจำต้องฆ่าหรือทำให้บาดเจ็บ คือศัตรูที่เข้ามารุกรานแผ่นดินเราเท่านั้น”

ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบไปชั่วอึดใจ “ภูฏานมีศัตรูเข้ามารุกรานด้วยเหรอคะ”

“มีครับ เมื่อปี 2003 เราถูกรุกรานโดยกลุ่มทหารกองโจรจากอินเดียที่รุกเข้ามา กษัตริย์องค์ก่อนท่านทรงเตือนหลายครั้งให้ถอยออกไปแต่พวกเขาก็ยังเข้ามา เราจึงจำเป็นต้องใช้วิธีการขึ้นเด็ดขาด ขับไล่พวกเขาออกไป” ท่าทางของคนพูดที่นั่งนิ่งหยัดตัวตรงอย่างเคร่งขรึมราวนายทหารในสงครามสะกดทั้งโต๊ะอาหารให้เงียบงัน ก่อนจะผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเขาเผยรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก

“เนมาคงเล่าให้พวกคุณฟังพรุ่งนี้ เมื่อแวะพักที่โดชูลา”

“โดชูลา”

“เป็นสถูปที่สร้างเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ปี 2003 ครับ อยู่ระหว่างทางจากทิมพูไปพูนาคา เนมาบอกว่าจะพาพวกคุณไปพรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้คุณทาชิจะไปกับเราด้วยไหมคะ” อรรัมภาช่วยถามได้ตรงใจอัญญานัก แพทย์สาวภาวนาให้เขาตอบปฏิเสธ
เสียงภาวนาในใจเธออาจจะดังเกินไป คนตัวโตจึงเหลือบมองมาด้วยสายตาเหมือนรู้ทัน

“ครับ...โชคดีที่ผมได้พักร้อนช่วงนี้พอดี” ชายหนุ่มมองหน้าอัญญาที่แสดงอาการผิดหวังอย่างชัดเจน “พวกคุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผมขออนุญาตร่วมคณะไปด้วย”

“ถ้าเนมาโอเค...พวกเราก็ไม่มีอะไรขัดข้องค่ะ”

อัญญาถอนใจเบา ๆ เหลือบมองรุ่นพี่สาวตาปริบ ๆ

สวรรค์...หนูอัญอุตส่าห์หนีมาเที่ยวถึงภูฏาน คิดว่าจะได้เป็นอิสระจากกรอบของโลกบ้าง แต่อาจารย์ผู้น่ารักยังอุตส่าห์สรรหาส่งหมีตัวโตมา...อย่าใช้คำว่ามาช่วยดูแลเลย สำหรับอัญญาเธอเรียกทาชิว่าตัวตายตัวแทนผู้คุมความประพฤติน่าจะเหมาะกว่า

“คุณคงไม่ขัดข้องใช่ไหม” เขาหันมาถามหญิงสาว

อัญญากลอกตา พ่นลมหายใจแรงบอกชัดว่าขัดใจที่สุด “ความขัดข้องของอัญมีผลต่อการตัดสินใจของคุณเหรอคะ”

ทาชิหัวเราะ “คงต้องบอกว่าไม่ครับ...และผมไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมคุณต้องต่อต้าน”

“คงเหมือนที่อัญไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องทำตาม”

“มันเป็นหน้าที่ครับ ผมรับปากพี่โมซาไว้”

“มันเป็นอิสระค่ะ...อัญไม่ได้วิงวอนร้อง” หญิงสาวบอกเสียงเรียบ ทาชิมองเธอนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ หันไปเลือกผลไม้จากจานตรงกลางที่จัดมา

“หมูอร่อยนะครับ” คุณปรีชาเลื่อนจานหมูผัดกระเทียมตรงกลางให้

“อรไม่กินสัตว์ใหญ่ค่ะ”

อัญญานิ่งไปครู่ ก่อนบอกเสียงเบา “อัญว่าจะลอง...กินแบบชาวภูฏานเขาดูน่ะค่ะ”

“แล้วกัน...จะเป็นมังสวิรัตกันเสียแล้ว”

“นาน ๆ ทีค่ะ...มาบ้านเมืองเขาแล้ว อัญอยากลองใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่นเขาน่ะค่ะ” อัญญาบอกอย่างหมายมาด “ว่าจะหาคีร่ามาลองนุ่งดู น่าจะคล้ายซิ่นบ้านเรานะคะ”

“แหม เพิ่งวันแรกเอง น้องอัญจะกลายเป็นสาวภูฏานแล้วนะคะนี่” คุณนิภาเอ่ยกลั้วหัวเราะ

หลังมื้ออาหาร เนมาเดินมาพบทุกคนที่ห้องอาหาร เขาพูดคุยกับทาชิไม่กี่คำ ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับแล้วเดินมาตรงหน้าทุกคน อธิบายคร่าว ๆ ว่าหลังออกจากโรงแรมจะพาทุกคนไปเยี่ยมชมพาโรซอง หนึ่งในห้องปราการของเมือง ก่อนเดินทางสู่ทิมพู

คณะเดินทางรีบไปที่รถ อัญญาลองหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหาสัญญาณไวไฟ ก่อนจะร้องอุทานอย่างยินดี “พี่อรขา...มีฟรีไวไฟของล็อบบี้ล่ะค่ะ”

หญิงสาวรีบส่งข้อความไปแจ้งมารดาว่าเดินทางถึงภูฏานโดยปลอดภัยพร้อมแนบภาพอาหารที่เพิ่งรับประทานไปให้มารดาดูด้วย ก่อนจะส่งข้อความถึงอาจารย์ที่เคารพ

‘อาจารย์ส่งหมีตัวเบ้อเริ่มมาคุมความประพฤติอัญใช่ไหมคะ’

‘อัญบอกแล้วว่าดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่เด็กห้าขวบเสียหน่อยนะคะ’ เธอส่งรูปการ์ตูนร้องไห้งอแงไปให้ ก่อนจะถอนใจยาว มองหมีตัวโตที่ถูกส่งมาอย่างไม่ชอบใจนัก

แล้วข้อความที่ถูกส่งไปก็ขึ้นสถานะว่าถูกอ่านแล้ว อัญญายืนรออยู่เพียงครู่ก็ได้รับข้อความตอบกลับ

‘อาทิตย์หน้ามีเคสใหญ่วันอังคาร ถ้างอแงจนกลับมาไม่ทันก็ไม่ต้องเข้าเคส’

‘ชัดนะ’ อาจารย์ส่งภาพการ์ตูนที่ยืนกอดอกยกคิ้วอย่างกวนประสาทกลับมาให้ อัญญาอ่านแล้วได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับตัวเอง เทบจะเผลอขยี้เท้าลงกับพื้นอย่างขัดใจ ไม่ว่าเมื่อไรอาจารย์ผู้อาวุโสก็รู้ทันและดักทางเธอได้เสมอ



หลังเดินทางออกจากโรงแรมที่รับประทานอาหาร เนมาพาทุกคนมาที่พาโรซอง ป้อมปราการทรงสี่เหลี่ยมที่อยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์นัก เมื่อมองขึ้นไปยังแลเห็นอาคารทรงกลมของพิพิธภัณฑ์หลังเก่าให้สองสาวได้ยกกล้องมาถ่ายภาพเก็บไว้

เนมาบอกว่า “พาโรซองเดิมเป็นป้อมปราการเหมือนทาซอง สร้างในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 ต่อมาราวร้อยปีก่อน ที่นี่ถูกไฟไหม้ ได้รับความเสียหายไปมาก กษัตริย์จึงมีรับสั่งให้บูรณะใหม่น่ะครับ”

ทางสู่พาโรซองเป็นบันไดไม่ชันมาก แต่ค่อนข้างสูง ตำรวจที่เฝ้าด้านหน้าร้องตะโกนบางอย่างเป็นภาษาท้องถิ่น

“คุณต้องใส่เสื้อแขนยาว หรือไม่ก็เสื้อคอปก” ทาชิหันมาบอก อรรัมภาหันไปมองผู้หญิงในคณะ ก่อนบอก

“เดี๋ยวอรขึ้นไปเอาเสื้อที่รถนะคะ”

เมื่อเครื่องแต่งกายทุกคนเรียบร้อยดีแล้ว เนมาจึงนำคณะเข้าไปภายใน ด้านหน้าสุดมีกงล้อมนตราเห็นเด่นชัด คุณปรีชาเดินไปหมุนกงล้อตามเข็มนาฬิกาแทนการสวดมนต์บูชา

เนมาหยุดหน้ารูปภาพที่มีช้างยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มีลิงอยู่บนหลังช้าง กระต่ายอยู่บนหลังลิง และนกอยู่บนหลังกระต่ายกำลังคาบลูกไม้ไว้ในปาก

“นี่เป็นภาพการทำงานร่วมกันของสัตว์สี่ชนิดซึ่งมีส่วนในการกำเนิดต้นไม้ เป็นภาพมงคลที่ถ้ามีประดับอยู่ที่ไหน ที่นั่นจะมีแต่ความปรองดอง” เนมาเริ่มอธิบายภาพแรก

“ที่นี่เชื่อเรื่องภาพมงคล คล้าย ๆ จีนเลยนะคะ” คุณพรรณีออกความเห็น ก่อนจะเดินตามเนมาไปดูภาพต่อไป

ภาพของหนังสือที่วางอยู่บนดอกบัว ใต้ดาบที่ปรากฏแสงเรืองรองโดยรอบ ข้างหนังสือทั้งซ้ายและขวาเป็นนกที่มีสองหัวกำลังมองตรงมา

“นี่คือตัวแทนของ god of wisdom เทพเจ้าแห่งปัญญา” เนมาบอกด้วยรอยยิ้ม “หนังสือนี่คือพระไตรปิฎก ที่คุณจะเรียนรู้ได้ต้องประหารกิเลสด้วยดาบข้างบนเสียก่อน ส่วนนกสองหัวทั้งสองตัวนี่มีหน้าที่เฝ้าตำราและขจัดความชั่วร้าย”
ทาชิแค่นหัวเราะในคอ “ความชั่วร้ายที่ต้องกำจัดก็คือความไม่บริสุทธิ์ในใจมนุษย์นั่นล่ะ”

อัญญาและอรรัมภากอดอกเดินตามคณะไปเรื่อย ๆ เพราะเนมาแจ้งแต่แรกแล้วว่าพื้นที่และภาพวาดในอาคารเป็นส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพ

เนมาหันมาอีกด้านซึ่งปรากฏภาพวาดของเทพเจ้าสี่พระองค์เป็นสีสันที่ต่างกัน

“นี่เป็นเทพประจำทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก” เนมาอธิบายทีละองค์ซึ่งมีอำนาจบันดาลในสิ่งที่ต่างกันออกไป ทั้งความร่ำรวย ความดีงาม และอายุที่ยืนยาว

“คล้าย ๆ ท้าวกุเวร...” คุณปรีชาหันมาคุยกับคุณนิภาและคุณพรรณี “ของจีนก็มีใช่ไหมครับ ที่วัดเล่งเน่งยี่”

“ใช่...น่าจะคล้าย ๆ กันนะคะ”

ออกมาจากระเบียงประตูด้านหน้าเป็นลานกว้างจนถึงอาคารด้านในเป็นตึกสีขาวกรุระเบียงไม้ตบแต่งด้วยภาพเขียนสีเป็นลวดลายพื้นเมือง หน้าตัวอาคารมีพระสงฆ์ในจีวรสีแดงส้มเดินอยู่กับสามเณรห่มจีวรสีแดงเข้ม กำลังเดินเรียงกันเข้าไปด้านใน เสียงพูดคุยเอะอะดังอยู่ครู่ ก่อนจะเงียบลงราวปิดสวิตช์ เมื่อมีพระสงฆ์ห่มจีวรส้มถือแส้เดินเข้ามา

อัญญาและอรรัมภามองหน้ากันตาปริบ ๆ เหลือบมองแส้ที พระที เณรที แล้วหันมองเนมาราวตั้งคำถาม

คุณปรีชาและคุณพรรณียกมือไหว้ คนที่เหลือจึงทำตาม ก่อนเนมาจะพาเดินไปอีกฝั่งพร้อมให้คำอธิบาย “ท่านเป็นพระผู้ดูแลที่นี่ครับ ท่านค่อนข้างเข้มงวด แส้ที่ถือนั่นสามารถฟาดได้ทุกคนรวมทั้งนักท่องเที่ยวด้วย” เพียงเท่านี้สองสาวก็เบิกตาโตมองหน้ากันอย่างหวั่นใจ เนมาและทาชิหัวเราะเบา ๆ

“แต่ถ้าท่านฟาด...เราถือว่าเป็นการให้พรนะครับ”

“คุณอยากได้พรไหม” เนมาหันมาถามอรรัมภา

“ขอพรแบบไม่ต้องตีดีกว่าค่ะ”

เนมาพาเดินไปที่ตัวอาคารอีกฝั่ง ด้านหน้ามีเณรน้อยนั่งอยู่หน้าถาดวางเครื่องรางให้ผู้มาเยี่ยมชมได้เลือกดู อีกฝั่งเป็นตั่งเตี้ย ๆ วางอาสนะไว้ มีป้ายเขียนว่าห้ามนั่ง

“นั่นเป็นที่สำหรับพระ ถ้าคุณนั่งคุณจะได้รับพร” เนมาบอกกลั้วหัวเราะ

อรรัมภาส่ายหน้า ขณะที่คุณพรรณีอมยิ้ม “ดีนะ เขาเข้าใจปลอบ ถ้าใครโดนตีถือว่าได้พร น่ารักดีนะคะ”

“จริงด้วยค่ะ” อัญญาอุทาน เพิ่งรู้สึกถึงกุศโลบาย

เนมาพาเดินเข้าไปด้านใน มีภาพวาดพระโพธิสัตว์ที่เนมาเล่าว่าเป็นภาพเก่าแก่ดั้งเดิมตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ทุกคนต่างยกมือไหว้ ก่อนจะเดินตามไปกราบรูปจำลองพระศรีอริยเมตรัยซึ่งอยู่ด้านในสุด

คุณพรรณีเงยหน้ามองเครื่องประดับด้านบนเพดานที่ทำเป็นผ้าหลากสีเย็บติดกันห้อยเรียงกันห่าง ๆ “ผ้านี่มีความหมายอะไรไหมคะ”

เนมามองตามแล้วชี้ให้ดูผ้าสี่เหลี่ยมที่อยู่สองข้างของห้อง “ครับ นั่นแทนต่างหูของพระพุทธองค์ สมัยที่เป็นเจ้าชายสิตธิตถะทองมีพระกุณฑลสวมอยู่เสมอ”

เขาพาเดินไปใต้ผ้าที่เย็บเป็นทรงสี่เหลี่ยมถัดเข้ามา “ส่วนนี่...แทนอาภรณ์ของเจ้าชาย และในสุดคือพระวรกายของพระองค์”
“ลึกซึ้งนะคะ เขาใส่ใจทุกรายละเอียดจริง ๆ ” คุณนิภาบอก

เมื่อออกมาจากอาคาร อรรัมภาและอัญญาหยุดหน้าถามเครื่องรางที่มีเณรน้อยเฝ้าอยู่ ก้มลงมองอย่างสนใจ “สวยนะคะ”
สองสาวมองอยู่นาน ทาชิเดินเข้าไปดู ก่อนหยิบเอาจี้สองอันส่งให้อรรัมภาและอัญญาคนละชิ้น แล้วหยิบเงินนูทรัลออกมาให้เณร

“จี้วัชระ...เราเชื่อว่าเป็นเครื่องรางที่ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และช่วยให้ประสบความสำเร็จ” เขาหันมาบอก “ผมให้...ยินดีต้อนรับสู่พาโร”

อรรัมภากล่าวขอบคุณเบา ๆ เช่นเดียวกับอัญญาที่เอ่ยเป็นภาษาซองคา “คาดรินเชลา”

ทาชิคลี่ยิ้ม “คุณออกเสียงได้เหมือนเราแล้ว”



ออกจากพาโรซอง รถยนต์เคลื่อนตัวไปตามหลืบเขาสลับซับซ้อนเพื่อเดินทางสู่ทิมพู เมืองหลวงของประเทศ คณะทัวร์พากันชี้ชวนให้ดูพิพิธภัณฑ์และอาคารที่เพิ่งเยี่ยมชมที่ปรากฏอยู่บนเทือกเขาห่างออกไปไม่ไกลนัก

“นี่เขามีแต่เขาจริง ๆ นะ”

“เราก็ขับรถข้ามเขากันเลยนะคะ” อรรัมภาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เนมาที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับรถหันมาบอกทุกคนว่า การเดินทางจะใช้เวลาราวครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนถึงทิมพู ถ้าโชคดีไม่มีฝนตก รถน่าจะแล่นได้เร็วในระดับหนึ่ง ถนนหนทางลาดยางเรียบร้อยจึงไม่ขรุขระมากนัก

“พรุ่งนี้เราจะเดินทางจากทิมพูไปพูนาคา ใช้เวลาราวสองชั่วโมง ทางครึ่งหนึ่งลาดยางดี แต่ครึ่งหลังค่อนข้างขรุขระ ระวังเมารถนะครับ”

“แย่แน่เลย คุณปรีชาจะเมาไหมนี่” คุณนิภาเอ่ยกับสามี

“ไม่รู้สิ พรุ่งนี้ผมขึ้นรถแล้วรีบนอนดีกว่า”

“ทางขรุขระ เด้งไปเด้งมาจะนอนไหวหรือคะ” คุณพรรณีเอ่ยกลั้วหัวเราะ

“เอาอย่างนี้ค่ะ...พี่ปรีชากินยาแก้เมา แล้วก็จัดยานอนหลับต่อเลย รับรองหลับยาวค่ะ” คุณหมอเสนอตัวช่วย ก่อนจะหัวเราะเจื่อน ๆ “แต่อัญไม่มียานอนหลับมาะคะ มีแต่ยาแก้เมา”

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ยังไม่เมาเลย”

“ค่ะ...พรุ่งนี้ก็อย่าเมานะ” คุณนิภาตวัดสายตา ส่งค้อนวงโตให้สามี

“โธ่...พี่นิภาห่วงก็บอกตรง ๆ สิคะ ไม่ต้องเขิน” สองสาวโสดของคณะหัวเราะชอบใจเมื่อคุณปรีชาหันไปยักคิ้วให้คุณนิภาที่นั่งข้าง ๆ

เสียงพูดคุยดังอยู่ไม่นานก็หยุดลง อัญญาหันไปมองภาพนอกหน้าต่างรถที่เปิดไว้ให้ลมพัดพาความเย็นเข้ามา เนมาหันมาเหลือบมองแล้วหัวเราะเมื่ออัญญาหันกลับมา เขายกมือขึ้นประสานกันแล้วเอียงคอเล็กน้อยราวจะบอกเธอว่าเพื่อนร่วมคณะที่อยู่ข้างหน้าหลับกันไปหมดแล้ว

อัญญาคลี่ยิ้มบาง พยักหน้ารับเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะหันมองผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ

ทาชินั่งนิ่ง หยัดกายตรงกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างอีกฝั่ง หากรุ่นพี่โมซาเป็นตัวแทนของความอ่อนโยนแห่งจิตใจชาวภูฏาน อัญญาคิดว่าผู้ชายตรงหน้าเธอคือตัวแทนของภูผาที่มั่นคง

ความคิดของหญิงสาวย้อนวนกลับไปหาผู้ชายที่เมืองไทย ผู้ชายที่เธอเคยคิดว่าเขาเป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ทำให้หัวใจเธอสงบและอบอุ่นทุกครั้งที่ได้พักลงข้าง ๆ

โลกพาผู้คนมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต ให้รู้จัก เรียนรู้ ผูกพัน
แต่มีสักกี่คนเชียวที่โลกเก็บเอาไว้...เพื่อให้หัวใจเราได้อบอุ่น

อัญญาหยิบสมุดบันทึกและปากกาขึ้นมา ตวัดเขียนประโยคที่ลอยเข้ามาให้หัว

‘บางครั้ง...โลกก็พาใครบางคนออกไป เพื่อให้เราได้เติบโตและเข้มแข็งขึ้น’

---
คุณคิมหันตุ์ : ไอซ์นั่งทวนดูแล้ว...เอ่อ...เกรงว่าจะหายากมากค่ะ ฉากนั้น 555

คุณpkka : ขอบคุณค่ะ ไอซ์เขินนะคะนี่

คุณsunflower : ขอบคุณค่ะ ดีใจจังค่ะ ตอนแรกไอซ์กลัวมากว่าเรื่องจะหนักไปไหมน่ะค่ะ

คุณsai : เดี๋ยวมีอีกหลายเนียนค่ะ

ไอซ์ลงไว้ในพันทิปด้วยนะคะ จะได้ใส่ภาพได้ แวะไปชมกันได้ค่ะ ที่ http://pantip.com/topic/33849618



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2558, 21:38:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2558, 21:38:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1467





   Dragon's nest >>
ปรางขวัญ 29 มิ.ย. 2558, 08:03:40 น.
ตามอ่านทีเดียวแล้วอยากไปเที่ยวเลยค่ั


คิมหันตุ์ 29 มิ.ย. 2558, 10:08:41 น.
ประโยคท้ายๆ ชอบมากเลยค่ะ กำลัง อยู่ในสถานการณ์นี้พอดี โดนเลย


sai 29 มิ.ย. 2558, 11:53:36 น.
ชอบประโยคที่หนูอัญเขียนจังเลยคะ แต่เรายังเข้มแข็งไม่พอยังมีแว๊บๆให้อ่อนแอในบางเวลา


sai 29 มิ.ย. 2558, 11:53:48 น.
ชอบประโยคที่หนูอัญเขียนจังเลยคะ แต่เรายังเข้มแข็งไม่พอยังมีแว๊บๆให้อ่อนแอในบางเวลา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account