เมียบำเรอครึ่งคืน
“ทำไมเธอไม่ห้ามฉัน! โอ... ไม่ไหวแล้วนะ ทำไมถึงน่ากินอย่างนี้...”
จบคำพูดเวทิศก็คุกเข่าก้มปากและจมูกเข้าหาส่วนที่ ‘น่ากิน’
และทำตามความอยากของตัวเองอย่างไม่รีรอ



‘กันตาภา’ พนักงานเงินเดือนระดับล่างมีเหตุผลที่ดีในการ ‘ดูถูก’ นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐี
รูปหล่อ คมเข้ม เซ็กซี่ และหยิ่งยโสอย่าง ‘เวทิศ วิชิตเมธา’ CEO หนุ่มของบริษัทที่เธอทำงานอยู่
และผู้ชายคนนี้เองที่เป็น ‘ต้นเหตุ’ ที่ทำให้เธอ ‘ถูกล่อลวง’ ไปที่โรงแรมในคืนนั้น เขาแย่งชิงเอา
‘ความสาว’ และศักดิ์ศรีความเป็นหญิงของเธอไปด้วยกำลัง ทิ้งให้เธอถูกความอัปยศครั้งนั้นตาม
หลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา!



จริงอยู่ ตอนนี้เขาอาจเต็มใจที่จะชดใช้ความผิดด้วยการปกป้องและดูแลเธอในฐานะ
‘เมียที่เกิดจากความผิดพลาด’ ด้วยข้อเสนอที่ยั่วยวนใจ... ทั้งเครื่องเพชร เงินสดในบัญชีทุกๆ เดือน
เสื้อผ้าแบรนด์เนม รถยนต์คันหรู และคฤหาสน์ แต่ผู้หญิงที่ถือดีและหยิ่งผยองอย่างกันตาภาไม่มีทาง
ที่จะยอมรับมัน ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะสามารถลบเลือนความเกลียดชังที่มีต่อเขา... หรือความโหดร้ายที่
เขาทำไว้กับเธอได้ แต่เวทิศ ผู้ชายจอมโอหังก็มีวิธีการคุกคาม ข่มขู่ และ ‘บังคับ’ ในรูปแบบของเขาเอง
เสมอๆ ซึ่งซาตานหนุ่มรู้ดีว่าหญิงสาวที่ไร้เดียงสาอย่างเธอยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากเพื่อทําหน้าที่ใน
ฐานะ ‘เมียลับ’ และกันตาภาเองก็รู้ดีไม่แตกต่างกันว่าเธอจะต้องเรียนรู้มันให้ไว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การเรียนรู้เรื่อง ‘เสแสร้งรัก’ เพื่อเอาตัวรอดจากอํานาจอันอํามหิตของเขาเพื่อรอวันหลบหนี!



“คนจะรักกันมันไม่จำเป็นต้องใช้แรงหรอกส้มโอ โยกเบาๆ คลึงนิ่มๆ ก็สุขหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
แต่ถ้าเธอยังหัวรั้น ดื้อดึงอยู่อย่างนี้ อีกนานกว่าจะรู้ว่าต้องควบคุมฉันยังไง”



“มาแล้วค่ะคุณขา ศิริพารา นักประพันธ์ระดับ Bestselling Author
มีหลายๆ ท่านถามหาผลงานเล่มเล็กของเธอกันจนสายโทรศัพท์แทบไหม้ หยิบไปเลยค่ะ
แค่นามปากกาก็การันตีความมัน! เพราะถ้าหยิบไม่ทัน หมดก่อนแบบรอบที่แล้ว
จะหาว่าดิฉันไม่บอกไม่ได้นะคะ”
รองสนิท ณ สงขลา บรรณาธิการที่ปรึกษา
Tags: เมียบำเรอครึ่งคืน, เวทิศ, กันตาภา

ตอน: ตอนที่ 3 100%

เที่ยงวันเดียวกัน กันตาภาก็ได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่งซึ่งไม่คาดคิดว่าเขาจะติดต่อกลับมารวดเร็วเช่นนี้ หากน้ำเสียงที่ดูเศร้าสร้อยก็ทำให้เธอเกิดความสงสารมากขึ้นไปอีก หญิงสาวปฏิเสธที่จะออกมารับประทานอาหารกลางวันกับรุจิราเพราะนัดกับรวิเอาไว้ เมื่อถึงเวลานัดหมายกันตาภาก็เดินออกมาหารวิที่ด้านหน้าของบริษัท โดยไม่รู้ว่ารูปร่างอรชรอ้อนแอ้นของตนนั้นสามารถสะกดสายตาของเวทิศได้เป็นอย่างดี

เวทิศมองตามผู้หญิงรูปร่างน่าปรารถนาที่เดินออกไปยังประตูด้านหน้าของบริษัทอย่างรีบร้อน เธอทำให้เขารีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในใจคิดอยากรู้ว่าเธอจะรีบร้อนทำไมนักหนา แต่เมื่อเห็นกับตาว่าเธอรีบร้อนมาหาผู้ชายคนหนึ่งซึ่งยืนรออยู่ด้านหน้าบริษัท เวทิศก็ไหวไหล่แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังรถสปอร์ตสุดหรูที่จอดรออยู่ไม่ไกลทันที

ก็คนอย่างเวทิศ วิชิตเมธา ต้องสนใจผู้หญิงที่มีเจ้าของด้วยหรือยังไง ไม่ใช่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมาครอง แต่ผู้หญิงที่สนใจในตัวเขาน่ะสิ ที่ต้องหาทุกวิถีทาง ทำทุกอย่างเพื่อจะได้มีโอกาสใช้เวลาสุดพิเศษกับเขาสองต่อสอง หรือบางทีอาจจะเป็นสาม นั่นก็แล้วแต่เขาจะปรารถนา

แต่ทว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดูคุ้นตานัก ส่วนผู้ชายนั่นยิ่งดูคุ้นหน้าเข้าไปใหญ่ เวทิศคิดพร้อมบังคับรถยนต์ของตนออกไปอย่างรวดเร็ว

...ไม่กี่นาทีก็นึกขึ้นมาได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือรวิ เคยเป็นคนหิ้วสาวๆมาส่งถึงห้องนี่นา อยากได้ใครก็ชี้นิ้วสั่ง ไม่นานรวิก็จัดมาส่งให้ถึงเตียง ว่าแต่แม่หนูน้อยคนนี้ก็คงจะตกหลุมคารมคมคายของรวิเป็นแน่ ก็มันเจ้าชู้ใช่เล่นเสียเมื่อไหร่ เวทิศถอนหายใจออกมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกเหมือนถูกแย่งของทั้งที่ของสิ่งนั้นไม่ใช่ของตน!


“พี่โต้งรอนานไหมคะ?” กันตาภาถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงยิ้มแย้ม

“ไม่หรอก ก็เรานัดพี่เองว่าพักตอนเที่ยงตรง” รวิตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ซึ่งกันตาภาก็สังเกตได้

“ค่ะ เดี๋ยวเราข้ามไปร้านบะหมี่ฝั่งโน้นดีไหมคะ ทานไปคุยไป ส้มโอมีเรื่องอยากขอโทษพี่โต้งหลายเรื่องเลย” กันตาภาชวนและยิ้มอย่างดีใจเมื่อรวิ พยักหน้ารับเดินเคียงคู่ตนออกมาจากบริเวณด้านหน้าบริษัทจนกระทั่งมานั่งอยู่ในร้านบะหมี่ ซึ่งมีลูกค้าหนาตาเพราะเป็นช่วงเวลาพักกลางวัน

หลังจากที่สั่งอาหารและเครื่องดื่มสำหรับตัวเองและชายหนุ่มแล้ว กันตาภาก็เริ่มเข้าเรื่องทันที

“ส้มโอรู้นะคะว่าสิ่งที่พี่โต้งได้รับมันเกินไปจริงๆ แล้วยังส่งผลให้ต้องรับผลของการกระทำที่ตัวเองไม่ได้ก่อความผิดเอาไว้” เอาเข้าจริงกันตาภาก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงให้ดีกว่านี้ “ขอโทษจริงๆนะคะ”

“พูดจริงๆนะส้มโอ ที่พี่ตัดสินใจออกมาเจอกับเรานี่ก็เพราะว่าง เมื่อวานนี้พี่ถูกเชิญให้ออกจากงานอีกแล้ว” รวิเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากร้านปิดทำการ “ผู้จัดการบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นเขาร้องเรียนเข้าไปในบริษัทใหญ่ แล้วทางบริษัทก็ไม่อยากมีปัญหา พูดแค่นี้พี่ก็เข้าใจแล้ว”

“ตายจริง ทำไมเป็นอย่างนี้ได้ล่ะคะ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าไม่ใช่ความผิดของพี่โต้งซักหน่อย หรือจะให้ส้มโอไปยืนยันก็ได้นะคะ ส้มโอเต็มใจ”

รวิส่ายหน้าพลางหยุดการสนทนาชั่วคราวเมื่อพนักงานเอาบะหมี่พร้อมเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ “ทานก่อนเถอะ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
“จริงๆนะคะ ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด” กันตาภาว่าในขณะที่เติมเครื่องปรุงตามชอบ

“ชีวิตพี่มันไม่เคยได้รับความยุติธรรมอยู่แล้วล่ะ”

คำพูดประชดประชันที่ดังขึ้นทำให้กันตาภารู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ ชายหนุ่มตรงหน้ารับประทานบะหมี่อย่างคนหิวโซภายในเวลาไม่กี่นาทีเขาก็สั่งมาอีกชามและตั้งหน้าตั้งตารับประทานจนหมด เธอจึงได้แต่หันมาจัดการกับอาหารกลางวันของตัวเอง คิดเอาไว้ว่ารับประทานเรียบร้อยแล้วค่อยพูดจากันภายหลังจะดีกว่า

“พี่โต้งอยากให้ส้มโอช่วยอะไรไหมคะ บอกมาได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ” กันตาภาถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขารับประทานบะหมี่ชามที่สามหมดลงและมีท่าทีว่าจะไม่สั่งเพิ่มอีก

“ช่วยให้พี่เข้ามาทำงานภายใต้อาณัติของคนที่เคยใส่ร้ายป้ายสีพี่น่ะเหรอ พี่ขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า” รวิบอก

“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ คนเราทำผิดกันได้ คือที่ส้มโอพูดไม่ได้หมายความว่าจะออกรับผิดแทนคุณร็อกกับคุณเทมส์ แต่เรื่องมันก็ล่วงเลยมาจนเป็นแบบนี้ เราจะกลับไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตก็ไม่ได้ ส้มโอแค่อยากรู้ว่าจะทำยังไงถึงจะช่วยให้พี่โต้งสบายกว่านี้ หรือมีงานทำที่มั่นคง” กันตาภาอธิบายด้วยน้ำเสียงประนีประนอม

“ช่วยด้วยการที่ส้มโอจะไปขอร้องคุณร็อกให้ยัดพี่เข้าทำงานในโรงแรมสักสาขาของเขา หรือไม่ก็ไปขอร้องคุณเทมส์ให้ถีบพี่เข้าเป็นพนักงานขายรถในโชว์รูมสักแห่งน่ะเหรอ”

“ไม่เลยค่ะ ถ้าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่พี่โต้งต้องการ” กันตาภาตอบกลับโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน “ส้มโอแค่คิดว่าอยากจะช่วยในสิ่งที่พี่โต้งต้องการเท่านั้น ไม่เคยคิดว่าจะยัดเยียดสิ่งที่พี่โต้งไม่ต้องการเลย อยากให้รู้ว่าเราสามคนพี่น้องก็รู้สึกผิด รู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เคยต้องการให้เรื่องราวมันดำเนินไปอย่างนี้เลย”

รวิถอนหายใจเฮือกใหญ่ กลืนก้อนแข็งๆที่จุกอยู่กลางลำคอลงอย่างยากลำบาก ไม่เคยคิดว่าชะตาชีวิตของตัวเองจะผกผันเช่นนี้ ตลอดเวลาที่เรื่องร้ายๆผ่านเข้ามาในชีวิต จิตใจเขายังคงคิดถึงแต่ชยาภา คนรักที่ถูกอดีตเจ้านายช่วงชิงไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถต่อสู้เพื่อยื้อแย่งเธอไว้ได้เลย

“ชมพู่สบายดีไหม?” สุดท้ายรวิก็อดที่จะถามถึงคนรักเก่าไม่ได้

“ค่ะ สบายดีค่ะ”

“พี่นี่ถามอะไรโง่ๆ อยู่กับระดับมหาเศรษฐีอย่างนั้นจะไม่สบายได้ยังไง”

“อย่าประชดสิคะ” กันตาภาว่า

“เปล่าเลย” รวิปฏิเสธ “ บางทีพี่ก็เคยคิดนะว่าทำไมพี่คบกับชมพู่ได้พักใหญ่แล้ว มันถึงไม่มีอะไรคืบหน้าสักที ที่แท้ก็ชะตาฟ้าลิขิตมาแล้วว่าเราไม่ใช่คู่กัน ดีแล้วแหละที่ชมพู่ได้คนดีๆดูแล ต่อไปจะได้ไม่ต้องทำงานหนักให้เหนื่อย”

กันตาภาลอบถอนหายใจเพราะฟังจากน้ำเสียงและท่าทางก็เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าทำใจได้กว่าครึ่งแล้ว คงเหลือแต่ความน้อยใจในโชคชะตาที่ต้องมาพบเจอกับเรื่องร้ายๆกระมัง “ว่างๆก็บอกชมพู่โทรหาพี่มั่งนะ พี่แค่อยากไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบดูบ้าง”

“ตอนนี้พี่ไปเที่ยวค่ะ คงอีกสักพักกว่าจะกลับ” กันตาภาตอบพลางสังเกตถึงใบหน้าของคู่สนทนา

รวิพยักหน้ารับอย่างคนยอมรับโชคชะตา “มีความสุขก็ดีแล้ว งั้นพี่ไปก่อนนะ เราก็รีบไปเถอะ ใกล้หมดเวลาพักแล้วนี่”

“เดี๋ยวสิคะพี่โต้ง แล้วพี่โต้งตกงานอยู่อย่างนี้จะทำยังไงต่อไปล่ะคะ?” กันตาภาถามก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกขึ้น

“อย่าห่วงเลย พี่พอจะมีคนรู้จักอยู่บ้าง ก็คงจะไปเป็นเด็กรับรถตามผับเหมือนเดิม บางทีพี่อาจจะไม่เหมาะกับงานประจำก็ได้ ถึงมีเหตุให้ต้องถูกไล่ออกทุกที ทำเป็นจ็อบๆอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ได้เงินใช้เร็ว”

“อย่าลืมนะคะ ถ้าคิดว่าส้มโอพอจะช่วยเหลืออะไรได้ ก็โทรมาได้ทุกเมื่อ”

“งั้นมื้อนี้ส้มโอเป็นเจ้ามือก็แล้วกันนะ ถือซะว่าช่วยคนตกงาน” รวิยิ้มให้ก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินจากไป รอยยิ้มที่กันตาภาได้รับทำให้เธอรู้สึกว่าความโกรธที่อยู่ในตัวเขาลดลงไปกว่าครึ่ง อาจจะยังลบเลือนไม่หมดเสียทีเดียวแต่ก็ดีกว่าค้างคาใจกันอยู่เช่นนี้ ได้กล่าวคำขอโทษออกไปบ้างก็ทำให้สบายใจขึ้นมาก

กันตาภานั่งอยู่สักพักจึงเรียกพนักงานในร้านมาเก็บค่าบะหมี่และเดินกลับเข้าไปทำงานในช่วงภาคบ่ายของวันด้วยความรู้สึกที่เบาสบายกว่าตอนเช้า หากเพื่อนร่วมงานของเธอส่วนมากยังจับกลุ่มสนทนากันในเรื่องของท่านรองประธานหนุ่มไม่จบสิ้น ช่วงเช้าเป็นการกรี้ดกร๊าดที่บางคนเพิ่งได้มีโอกาสเห็นเขาตัวจริงและในช่วงบ่ายยังเพิ่มการพูดคุย ชื่นชมในความสามารถ โดยเรื่องที่กลุ่มวิชิตยนต์จะเข้าไปลงทุนสร้างโชว์รูมใหญ่ในอินเดีย ยังเป็นที่กล่าวขาน

ซึ่งความจริงแล้วกันตาภาออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินเสียงชื่นชมเช่นนี้ เพราะทัตเทพนั้นเคยเอ่ยถึงน้องชายอย่างหัวเสียในวันแต่งงานเนื่องจากเขาไม่สามารถมาร่วมแสดงความยินดีได้ทันเวลา และยังเคยได้ยินเปรยกับนีราภาว่า...

‘มันคงติดใจผู้หญิงฮ่องกงซะจนลืมการลืมงานหมดแล้วล่ะ ฉันเบื่อจริงๆนะ เมื่อไหร่มันจะเลิกคั่วผู้หญิงไปทั่วแล้วหาเมียเป็นตัวเป็นตนสักที’

คำต่อว่าของทัตเทพนั้นทำให้เธอนึกรังเกียจอยู่ในใจ คนอะไรจะติดผู้หญิงซะจนไม่มาร่วมงานแต่งงานของพี่ชาย แย่ที่สุด!
แต่ดูจากเสียงชื่นชมของคนรอบข้างตลอดทั้งวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งรุจิราก็ทำให้เธอถึงกับมึนไปไม่น้อยเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะชั่งน้ำหนักด้านดีหรือด้านเสียของเขาอย่างไร?


ห้องเช่าเล็กๆในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง

ตุบ... ตุบ... ตุบ...

เสียงกำปั้นที่ชกเข้าฝาผนังบ้านอย่างแรงหลายครั้งติดกันจนหลังมือของรวิมีเลือดเหนียวซึมออกมา ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บไปมากกว่าหัวใจที่ถูกเหยียบย่ำจนสาหัสเช่นที่เป็นอยู่นี้

“ไปเที่ยวกันใช่ไหม มีความสุขกันมากใช่ไหม มีความสุขบนความทุกข์ของกูใช่ไหม” ทุกครั้งที่ระบายความรู้สึกออกมา กำปั้นก็ชกเข้าที่ผนังบ้านอย่างไม่ยั้ง

“พวกมึง! พวกมึงต้องชดใช้ให้กูอย่างสาสม” รวิทิ้งตัวลงนั่งอยู่บนพื้นอย่างคนหมดแรง ในใจตอนนี้มันกลัดหนองเต็มไปด้วยความแค้นทีรอวันสะสาง

เขาปฏิญาณว่าจะเป็นคนดี รักเดียวใจเดียว!

เขาเป็นคนอาสาดูแลกันตาภาที่ไปทำงานเป็นพริตตี้เพราะกลัวว่าจะมีอาเสี่ยกระเป๋าหนักมาคิดร้าย!

เขาเป็นคนช่วยเธอเพราะไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด กันตาภาถึงได้ถูกวางยานอนหลับ!

สุดท้ายเขากลับถูกใส่ร้าย เป็นคนเอากันตาภาไปขายให้กับทัตเทพแล้วยังไม่รู้ตัวว่าถูกอัดคลิปเอาไว้ เพื่อให้อัครรัฐใช้เป็นข้อบังคับชยาภา ให้เธอยอมเป็นของอัครรัฐเพื่อแลกกับการช่วยเหลือกันตาภา

“ไอ้อัครรัฐ ไอ้ทัตเทพ พวกมึงต้องได้รับผลกรรมที่ทำชั่วไว้กับกู กูจะทำให้พวกมึงต้องน้ำตาตกเหมือนกู ฮือ...” รวิทอดตัวลงกับพื้นบ้าน คร่ำครวญออกมาอย่างเจ็บปวดใจเพราะเป็นถูกฝ่ายกระทำมาตลอดเวลา


ปัง... ปัง... ปัง...

เสียงทุบประตูบ้านหนักๆดังขึ้นพร้อมกับเสียงเข้มของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น “เฮ้ย... ไอ้โต้ง มึงอยู่ข้างในรึเปล่าวะ?”

“เออ... อยู่ มีอะไรวะ” รวิรับคำพลางชันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่คนด้านนอกจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาทั้งที่ยังไม่ได้ขออนุญาต
“มึงจะทำงานไหมวะ ที่ผับของเสี่ยเล็กตรงถนนใหญ่เนี่ย เขาขาดเด็กรับรถ มึงจะเอาไหมวะ” เพื่อนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดด้วยกันเข้าถาม

“แล้วเขาจ่ายยังไง”

“ไอ้นี่... จะอดตายอยู่แล้วยังเลือกงาน ก็ให้เป็นชั่วโมง แต่ถ้ามึงบริการดีก็ได้ทิปเยอะเพราะผับเสี่ยเล็กน่ะมีแต่พวกไฮโซกระเป๋าหนักมาเที่ยว ถ้ามึงมีบริการเสริมเหมือนเมื่อก่อนนะ ไม่นานเดี๋ยวมึงก็มีเงินได้ไปเช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่เหมือนเดิมแหละ”

จริงสินะ! เมื่อก่อนที่เข้ามาหางานทำในเมืองหลวงก็เริ่มต้นจากเด็กรับรถในผับหรู อยู่นานวันเข้าก็รู้จักพวกเด็กสาวใจแตก อยากได้เงินใช้เยอะๆ เด็กสาวพวกนี้ก็จะมาขอร้องให้ตนแนะนำกับบรรดาคนมีเงินที่รักสนุกทั้งหลาย ได้ค่าตอบแทนเป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ แล้วก็จบกันไป ทั้งมันยังเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ได้รู้จักและมีโอกาสเข้าไปทำงานกับอัครรัฐ ซึ่งเห็นว่าตนหน่วยก้านดี คล่องแคล่วว่องไวจึงรับเข้าไว้ทำงาน

รวิหัวเราะเยาะให้กับโชคชะตาของตัวเองที่ต้องวนกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง

“เอาสิ ดีกว่าอยู่เฉยๆอย่างนี้”

“เออ... ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป” ให้กำลังใจแล้วลุกขึ้นเพื่อจะไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปทำงานเช่นกัน “รีบอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวได้ออกไปพร้อมกัน แล้วทำแผลที่มือให้เรียบร้อยด้วยนะโว้ย”

รวิไม่ได้สนใจว่าเพื่อนของตนจะเดินออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายกมือขึ้นมาดูด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความเจ็บปวด หากแต่มันคือความเจ็บปวดที่ฝั่งลึกไว้ในจิตใจเพื่อรอวันแก้แค้น คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายอย่างรวดเร็ว เขาต้องทำงานให้หนักเพื่อจะได้มีเงินสักก้อน เมื่อมีเงินทุกสิ่งอย่างที่คิดจะทำก็ดูง่ายขึ้นอีกเปราะ


ราวเที่ยงคืนของวันเดียวกันรถสปอร์ตสีเหลืองสดของเวทิศก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าผับหรู ซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายของศิษย์เก่านักเรียนอเมริกาประจำปี ร่างสูงใหญ่ของเวทิศก้าวลงจากรถพลางหยิบธนบัตรสีเทาส่งให้เด็กรับรถโดยไม่ได้สนใจที่จะมองหน้าหรือสบสายตา

แวบแรกที่รวิเห็นลูกค้าที่เดินลงมาจากรถก็อยากจะปรี่เข้าไปทำร้ายร่างกายมันให้สาสมเพราะมันเป็นน้องของคนที่ทำให้ต้องมาตกอับอยู่อย่างนี้ แต่สิ่งที่ทำได้คืออดทนและก้มหน้าโค้งคำนับรับเศษเงินที่มันโยนให้โดยไม่แยแส เสียงกรี้ดกร๊าดจากสาวๆที่รุมจิกรุมทึ้ง ทำให้รวิต้องเบือนหน้าหนีพลางสอดตัวเองเข้าไปในสปอร์ตคาร์ บังคับมันออกไปจอดไว้อย่างปลอดภัยที่สุด

“ไงวะ... งานวันแรกหนักไปหน่อยแต่เงินดีใช่ไหม” เสียงไถ่ถามจากเพื่อนดังขึ้น ทำให้รวิเดินมาหยุดตรงหน้าและล้วงกระเป๋ากางเกงออกมาวางเงินใส่ลังกระดาษเก่าๆ

“ก็ไม่เลว กระเป๋าหนักกันทั้งนั้น” รวิตอบพลางเหลือบสายตามองด้านในที่มีธนบัตรกองรวมกันอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ หากนำมาแบ่งคนละเท่าๆกันคงได้เงินมาประทังชีวิตอยู่มากโข

“โอกาสดีๆแบบนี้มีไม่บ่อยนักหรอกโว้ย เห็นว่าวันนี้เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์กลุ่มนักเรียนนอก ก็คงไม่พ้นลูกผู้ดีมีเงิน แต่ก็อย่างว่าแหละ ยิ่งพวกมีเงินเยอะๆยิ่งมั่วมาก คอยดูสิว่าวันนี้อีหนูเพียบ สาวๆสวยๆใสๆทั้งนั้น” พูดจบก็รีบไปยังด้านหน้าของผับเพื่อรับรถยนต์คันงามที่กำลังแล่นเข้ามาจอด

รวิแสยะยิ้มให้กับวงจรชีวิตที่คนส่วนมากนับหน้าถือตา เงินตราที่บันดาลได้ทุกอย่าง จะมีกี่คนบ้างที่รู้ว่าภายใต้ใบท่าทางบุคลิกอันดีเยี่ยม มีนามสกุลโด่งดังต่อท้าย เป็นที่รู้จักนับหน้าถือตา เบื้องหลังก็เต็มไปด้วยเรื่องโสมม เซ็กส์ ยาเสพติด ไม่ต่างจากจิ๊กโก๋ในแหล่งเสื่อมโทรมเช่นกัน และเขานี่แหละที่จะเป็นคนกระชากหน้ากากของพวกมันออกมาประจานให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ เพียงแค่ต้องรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

ภายในผับหรูที่วันนี้ถูกใช้เป็นสถานที่สังสรรค์ของศิษย์เก่าอเมริกา เวทิศนั่งดื่มวิสกี้อยู่บนโซฟาหนังสีดำสนิทในมุมหนึ่งของผับพร้อมกับสาวสวยที่เตรียมเอาไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา ในขณะที่เจ้าตัวทักทายกับเพื่อนเป็นระยะๆ

“ไฮ... กาย ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่ ถ้านานกว่านี้ฉันคิดว่าจะลืมคุณได้จริงๆนะคะ”

“พูดอย่างนี้ผมเสียใจนะเนี่ย ผมถูกตัดออกจากความทรงจำของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน วีวี่คนสวย?” เวทิศตอบพลางยกแก้ววิสกี้ดื่มรวดเดียว

วิรันดา เซเลบริตี้คนสวยของเมืองไทยยิ้มให้กับอดีตคู่ควงที่เร่าร้อนที่สุดของตนพลางทิ้งตัวลงนั่งเบียดกับชายหนุ่มจนแทบจะขึ้นไปเกยบนตักของเขา “ปากหวานไม่เปลี่ยนนะคะกาย”

“ผมไม่ได้เปลี่ยน คนที่เปลี่ยนคือคุณ” เวทิศยังจำได้ว่าเรื่องราวที่ทำให้เขาและเธอต้องลดระดับความสัมพันธ์ให้เหลือแค่เพื่อนคือ เธอกำลังคั่วกับหนุ่มอิตาลีอยู่บนเตียงแล้วเขาเปิดเข้าไปเจอพอดี

“พูดอย่างนี้อย่าบอกว่ายังติดใจฉันอยู่นะคะ” วิรันดาสาวสังคมหัวสมัยใหม่ ใครก็รู้ว่าเธอเปรี้ยวแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ในสถานที่ส่วนตัวแถมยังมีแอลกอฮอล์ไหลเวียนในร่างกาย มันยิ่งทำให้เธอเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงอย่างที่สุด “ถ้าคุณอยาก... ฉันจะทบทวนให้ว่าเมื่อก่อน เราสนุกกันแค่ไหน”

หากคำพูดของเธอทำให้เวทิศหัวเราะออกมาราวกับยินเรื่องน่าขันที่สุดในรอบหลายปี คนอย่างเขาต้องหันไปรีไซเคิลผู้หญิงที่เขี่ยทิ้งแล้วหรืออย่างไร “อยากสิ แต่อยากเป็นผู้ชมนะ ได้ไหมล่ะ วีวี่คนเก่ง”

ได้ยินคำตอบอย่างนั้นวิรันดาก็หน้าร้อนเพราะความโกรธ หากแต่คิดในใจว่าเรื่องเพียงเท่านี้ไม่ทำให้เธอต้องแพ้แก่ผู้ชายนิสัยเสียคนนี้หรอก จึงรีบปรับสีหน้าราวกับรู้สึกผิดเสียเต็มประดา “รู้สึกผิดยังไงไม่รู้ที่ทำให้คุณต้องฝังใจ ตอนนั้นคุณมันน่าเบื่อนี่ค่ะ ฉันแค่อยากได้รสชาติใหม่ๆบ้าง คงไม่ต้องถึงกับต้องให้ฉันเอ่ยคำขอโทษนะคะ”

“โอ้ว... ไม่เลยวีวี่ ผมแค่โมโหแทนคุณที่ไอ้เกย์น่าหล่อนั่น มันใช้คุณเป็นเครื่องมือตัดสินรสนิยมทางเพศ แล้วที่น่าโมโหไปกว่านั้น หลังจากที่มันได้อึ๊บคุณ มันเลือกที่จะฟัดผู้ชายต่อ” เวทิศหลิ่วตาให้ผู้หญิงที่ทำตัวไร้กระดูกสันหลัง คลอเคลียเขาอยู่หลายนาทีแล้วจู่ๆก็ดีดตัวนั่งตรงราวกับมีเหล็กดามหลัง จ้องตาด้วยความแค้นเคือง

“ไอ้คนเฮงซวย”

“อู้ว...” เวทิศครางพลางไหวหัวไหล่รับ มองผู้หญิงที่เดินจากไปอย่างไม่ใส่ใจ หากแม่สาวหุ่นอวบอัดที่อยู่ในวงแขนที่กำลังต่อว่าเขาอย่างไม่จริงจัง ยังเร้าอารมณ์ได้มากกว่า

“คุณกายนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันนะคะ”

“เธอก็เห็นนี่ ว่าหล่อนเริ่มก่อน” เวทิศบอกสาวนุ่งสั้นในอ้อมแขน

“ค่ะ หล่อ รวย ร้ายกาจอย่างนี้นี่เอง สาวๆถึงได้กลัวคุณกายนัก” หากคิ้วหนาที่เลิกขึ้นเชิงถามของผู้ชายสุดเร้าใจคนนี้ก็ทำให้เธอรีบขยายความต่อไป “ก็เขาลือกันว่าคุณกายเป็นตัวอันตราย ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงไทยเพราะยังรับไม่ค่อยได้กับความสัมพันธ์อันฉาบฉวย”

“ไม่ม้าง... ก็ดูจากที่เห็น...” เวทิศชะงักคำพูดพลางกวาดสายตามองเรือนร่างอวบอัดซึ่งอยู่ในชุดที่ใช้ผ้าได้ประหยัดสุดๆ “นั่นมันเก่าจนแทบจะโบราณไปแล้ว”

“คุณกายทำให้หนูรู้สึกอาย ผู้ชายคิดเรื่องอย่างว่าอย่างเดียวเหรอคะ ถ้าอยู่ใกล้ๆผู้หญิง” ถามอย่างอยากรู้เพราะเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขา ก็ฝันไปไกลว่าอยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาเสียแล้ว

“ก็จะให้คิดอะไรอื่นได้ล่ะ ในเมื่อเธอแต่งตัวขนาดนี้”

คำพูดดิบๆตรงๆของเขาทำให้สาวใจกล้าแทบอดใจรอไม่ไหว แล้วที่ทำให้เธองงงันก็คือเขาดื่มเหล้าเพียวๆเข้าไปนับแก้วไม่ถ้วน แต่กลับไม่แสดงอาการใดๆเลยสักนิด “ถ้าอย่างนั้นจะคิดอย่างเดียวทำไมล่ะคะ ลงมือทำน่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ”

เวทิศเห็นด้วยกับสาวใจกล้าในอ้อมแขนที่เบียดตัวเข้าหาตนอย่างเชิญชวน ไม่รีรอที่จะเดินออกไปวาดลีลากลางฟลอร์ตามที่เธอชักจูง การโชว์สเต็ปแดนซ์ของเธอเป็นเหมือนการโหมโรงให้เขาได้ร้อนมากขึ้น ลีลาใจกล้าของเธอและสาวๆกลางฟลอร์ ทำให้หลายคนต้องครางหวืออย่างพึงใจ

ราวชั่วโมงต่อมา เวทิศและสาวใจกล้าคนดังกล่าวก็เดินกอดกันออกมาจากผับ ทั้งคู่ยืนรออยู่ไม่นาน สปอร์ตคาร์สุดหรูก็ขับมาจอดให้ตรงหน้า เวทิศจึงล้วงกระเป๋าเพื่อจ่ายทิปให้เด็กรับส่งรถตามธรรมเนียม ด้วยสติสัมปชัญญะที่ไม่เต็มร้อยผสมกับราคะอันแรงกล้าทำให้ไม่รู้ตัวว่ากระเป๋าสตางค์ที่ตั้งใจสอดกลับไปไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของตัวเองหล่นลงบนพื้น!

ตุบ...

บรึ๋น...

เสียงกระเป๋าสตางค์ที่ร่วงลงพื้นกับเสียงเร่งเครื่องยนต์ออกไปนั้นดังขึ้นเกือบพร้อมๆกัน ในขณะที่รวิทำได้เพียงแค่ก้มเก็บมันขึ้นมาและเงยหน้าขึ้นมามองตามรถยนต์สีเหลืองที่เคลื่อนตัวห่างไปไกล



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2558, 21:03:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2558, 21:03:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1021





<< ตอนที่ 2 100%   ตอนที่ 4 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account