เมียบำเรอครึ่งคืน
“ทำไมเธอไม่ห้ามฉัน! โอ... ไม่ไหวแล้วนะ ทำไมถึงน่ากินอย่างนี้...”
จบคำพูดเวทิศก็คุกเข่าก้มปากและจมูกเข้าหาส่วนที่ ‘น่ากิน’
และทำตามความอยากของตัวเองอย่างไม่รีรอ



‘กันตาภา’ พนักงานเงินเดือนระดับล่างมีเหตุผลที่ดีในการ ‘ดูถูก’ นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐี
รูปหล่อ คมเข้ม เซ็กซี่ และหยิ่งยโสอย่าง ‘เวทิศ วิชิตเมธา’ CEO หนุ่มของบริษัทที่เธอทำงานอยู่
และผู้ชายคนนี้เองที่เป็น ‘ต้นเหตุ’ ที่ทำให้เธอ ‘ถูกล่อลวง’ ไปที่โรงแรมในคืนนั้น เขาแย่งชิงเอา
‘ความสาว’ และศักดิ์ศรีความเป็นหญิงของเธอไปด้วยกำลัง ทิ้งให้เธอถูกความอัปยศครั้งนั้นตาม
หลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา!



จริงอยู่ ตอนนี้เขาอาจเต็มใจที่จะชดใช้ความผิดด้วยการปกป้องและดูแลเธอในฐานะ
‘เมียที่เกิดจากความผิดพลาด’ ด้วยข้อเสนอที่ยั่วยวนใจ... ทั้งเครื่องเพชร เงินสดในบัญชีทุกๆ เดือน
เสื้อผ้าแบรนด์เนม รถยนต์คันหรู และคฤหาสน์ แต่ผู้หญิงที่ถือดีและหยิ่งผยองอย่างกันตาภาไม่มีทาง
ที่จะยอมรับมัน ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะสามารถลบเลือนความเกลียดชังที่มีต่อเขา... หรือความโหดร้ายที่
เขาทำไว้กับเธอได้ แต่เวทิศ ผู้ชายจอมโอหังก็มีวิธีการคุกคาม ข่มขู่ และ ‘บังคับ’ ในรูปแบบของเขาเอง
เสมอๆ ซึ่งซาตานหนุ่มรู้ดีว่าหญิงสาวที่ไร้เดียงสาอย่างเธอยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากเพื่อทําหน้าที่ใน
ฐานะ ‘เมียลับ’ และกันตาภาเองก็รู้ดีไม่แตกต่างกันว่าเธอจะต้องเรียนรู้มันให้ไว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การเรียนรู้เรื่อง ‘เสแสร้งรัก’ เพื่อเอาตัวรอดจากอํานาจอันอํามหิตของเขาเพื่อรอวันหลบหนี!



“คนจะรักกันมันไม่จำเป็นต้องใช้แรงหรอกส้มโอ โยกเบาๆ คลึงนิ่มๆ ก็สุขหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
แต่ถ้าเธอยังหัวรั้น ดื้อดึงอยู่อย่างนี้ อีกนานกว่าจะรู้ว่าต้องควบคุมฉันยังไง”



“มาแล้วค่ะคุณขา ศิริพารา นักประพันธ์ระดับ Bestselling Author
มีหลายๆ ท่านถามหาผลงานเล่มเล็กของเธอกันจนสายโทรศัพท์แทบไหม้ หยิบไปเลยค่ะ
แค่นามปากกาก็การันตีความมัน! เพราะถ้าหยิบไม่ทัน หมดก่อนแบบรอบที่แล้ว
จะหาว่าดิฉันไม่บอกไม่ได้นะคะ”
รองสนิท ณ สงขลา บรรณาธิการที่ปรึกษา
Tags: เมียบำเรอครึ่งคืน, เวทิศ, กันตาภา

ตอน: ตอนที่ 7 100%

ราวชั่วโมงต่อมารถสปอร์ตสุดหรูสีบาดใจของเวทิศก็เลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้าคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง เวทิศก้าวเดินด้วยความรีบร้อนพร้อมโยนกุญแจรถให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างรู้กัน แม้ว่ามันจะไม่ใช่หน้าที่ของชายในชุดดำก็ตามที แต่การที่สองเสือหนุ่มแห่งกลุ่มวิชิตยนต์คือผู้ถือครองห้องชุดราวสามสิบเปอร์เซ็นต์ของทั้งตึกเอาไว้แล้วเปิดให้คนทั่วไปได้เช่าอาศัย เพียงเท่านี้ก็ทำให้พนักงานรู้จักทั้งคู่เป็นอย่างดี และทุกคนยังเต็มใจทำโดยได้ทิปอย่างงามจากชายหนุ่มอีกด้วย

เวทิศเดินมาหยุดที่หน้าห้องชุดหมายเลขเดียวกันกับที่พี่ชายบอก ทำใจอยู่สักพักแล้วจึงตัดสินใจกดปุ่มเรียกหน้าห้อง ในขณะที่กันตาภาเพิ่งจะลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยอาการเจ็บระบบไปทั้งตัว เธอนอนไม่หลับทั้งคืนและเดินมายังประตูเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง...
ภาพของผู้ชายที่ปรากฏอยู่หน้าห้องผ่านจอมอนิเตอร์ที่ติดไว้บนผนังข้างประตูทำให้กันตาภาชาวาบไปทั้งร่าง เมื่อเห็นว่าไอ้หื่นกามที่พรากเอาความสาวของตนไปยืนอยู่อีกฝั่งของประตู!!

“เปิดประตู เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เวทิศพูดพร้อมจ้องมองที่กล้องอย่างไม่กะพริบตา

กันตาภาผงะ ถอยหลังไปครึ่งก้าวเพราะไม่คิดว่าเขาจะตามมาถึงที่นี่ ยืนอยู่ตรงนี้แล้วยังมาใช้น้ำเสียงข่มขู่อีกด้วย

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ส้มโอ ฉันรู้ว่าเธออยู่ข้างใน” เวทิศขยับเข้ามาใกล้ๆกล้อง เท้ามือเข้ากับประตูห้องอย่างอดทนรอ

หากกันตาภายังไม่พร้อมที่จะพูดคุยหรือพบปะกับใครในตอนนี้ ยิ่งเป็นคนที่ทำลายความศรัทธาของตัวเองแล้ว ยิ่งไม่อยากจะเสวนา “ไปให้พ้น ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก”

สิ้นคำพูดอันระคายหูเวทิศก็ใช้คีย์การ์ดที่เตรียมพร้อมมาอย่างดีแตะเข้าที่เซ็นเซอร์ เสียงติ๊ด...เป็นสัญญาณเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกก็ดังขึ้น ทำให้กันตาภาชะงักการก้าวเดินแล้วหันขวับกลับมามองคนที่บุกรุกเข้ามา

“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นฉันจะแจ้งความให้มาลากคอแกเข้าคุก” กันตาภาตวาดเสียงดัง แต่คนที่เดินเข้ามากลับถอนหายใจเฮือก พิงสะโพกสอบกับโต๊ะวางแจกันดอกไม้ กวาดสายตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

“เป็นยังไงบ้าง?” เวทิศถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าครึ่ง เมื่อเห็นใบหน้างดงามซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำรอบๆบริเวณช้ำอย่างคนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“ไม่ตายง่ายๆหรอก” กันตาภาสะบัดหน้าหนี เพราะแค่เห็นเขาไม่กี่นาที ภาพความทรงจำอันน่าอายก็ทำให้จิตใจเธอรวดร้าวขึ้นมาอีกครั้ง “ไปให้พ้น ฉันไม่มีอะไรต้องพูดกับแก”

“ไม่เอาน่า... ฉันว่าเรามาคุยกันดีๆดีกว่า ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเธอเป็นคู่แฝดของ...” เวทิศยังพูดไม่จบประโยค น้ำเสียงสั่นเครือก็ตวาดออกมาอีกครั้ง

“แล้วแกให้โอกาสฉันปริปากบ้างไหม ฉันพยายามบอกแกกี่ครั้ง” กันตาภากัดริมฝีปากแน่น กะพริบตาถี่ๆเพื่อขับไล่ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

เป็นครั้งแรกที่มีคนจิกเรียกอย่างนี้แล้วไม่โกรธ ตรงกันข้ามอยากดึงเธอเข้ามากอดปลอบประโลม หากต้องเบือนหน้าหนีเพราะแสงสว่างที่ลอกผ่านเข้ามาในห้องกระทบกับรูปร่างน่าปรารถนาที่อยู่ในชุดนอนผ้าฝ้ายสีครีม แล้วเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นเรือนร่างได้อย่างชัดเจน!

“คือ... ฉันไม่รู้จริงๆว่าเธอเป็นใคร ฉันขอโทษ” เวทิศเอ่ยออกมาในที่สุด

หากแต่คนฟังกลับยิ้มอย่างขื่นขมใจ “หมดธุระแล้วก็ออกไปไกลๆ ชาตินี้อย่าต้องเจอกันอีกเลย”

“ยาก... ก็ในเมื่อว่าคู่แฝดของเธอเป็นพี่สะใภ้ของฉัน”

“ก็ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวอะไรกับฉัน ออกไป ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!” กันตาภาออกปากไล่โดยไม่มองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

“ทำไมเราไม่มาคุยกันดีๆ ในเมื่อเรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงป่านนี้ เธอก็รู้ว่าตอนนั้นฉันถูกวางยา ฉันเองก็ไม่ได้ต้องการให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ เธอจะเอายังไง อยากให้ฉันรับผิดชอบยังไง?” เวทิศไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่านี้ คำพูดหลายคำที่คิดไว้ว่าจะพูดกับเธอ แต่เมื่อได้เห็นแววตาเจ็บช้ำนั้นก็ทำให้น้ำท่วมปากพูดไม่ออกทีเดียว

“เฮอะ! ฉันจะหาความรับผิดชอบอะไรจากผู้ชายที่ถูกวางยาปลุกเซ็กส์ ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษฉันที่อยู่ไม่ถูกที่ถูกเวลา เลยต้องถูกย่ำยีอย่างนั้น” กันตาภาแค่นพูดออกมาราวกับประชดตัวเอง “ฉันไม่กล้าเรียกร้องอะไรหรอก แค่แกออกไปจากที่นี่ แล้วอย่ามาข้องเกี่ยวกันอีกเลยก็ขอบพระคุณอย่างยิ่ง”

หากคนอย่างเวทิศไม่เคยลงให้ใครอย่างนี้มาก่อน นี่สินะ! เหตุผลที่เขาไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงไทย เพราะคำพูดประชดประชันอย่างนี้ จะเอายังไง อยากได้อะไรก็ไม่พูดมาตรงๆ แล้วเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อีกต่างหาก

“นี่! ให้มันน้อยๆหน่อยนะแม่คุณ คำก็แก สองคำก็ไล่ จะเอายังไง อยากได้อะไรทำไมไม่พูดออกมาตรงๆ ฉันพยายามใจเย็นพูดกับเธอมานานแล้วนะ” เวทิศเสียงแข็ง

“ก็บอกแล้วว่าไม่เอายังไง ออกไปให้พ้นๆ คำที่สามก็ยังจะไล่ คำที่สี่ก็จะเรียกแก มีอะไรไหมไอ้หื่นกาม?” กันตาภาโต้กลับอย่างไม่เกรงกลัว

เวทิศหรี่ตามองผู้หญิงรูปร่างน่าปรารถนาอย่างเหลือเชื่อ เธอไม่เพียงไม่กลัวแต่ยังขัดคำสั่งเขาทุกอย่างอีกสินะ! “อ้อ... ฉันลืมไปได้ยังไงกัน เธอ ‘ดื้อ’ นี่ ใช่ไหม”

ก็เธอดื้อ ไม่ยอมทำตามที่เขาพร่ำบอกสักอย่าง ทั้งที่ตัวเองไม่ประสีประสา เงอะงะ แม้กระทั่งมือ แขนของตัวเองทั้งสองข้างก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการมันอย่างไร เวทิศยังจำภาพในตอนที่เธอบิดตัวเร่าๆอยู่ใต้ร่างได้เป็นอย่างดี

กันตาภากรี๊ดออกมาด้วยความเหลืออด เขาว่าเธอ ‘ดื้อ’ ในตอนที่เผลอตัวให้เขา เอามันมาเตือนความจำให้ได้อับอายอีกครั้ง “ไอ้คนสารเลว ออกไปให้พ้น ไม่งั้นฉันจะเรียก รปภ. มาลากคอแกออกไป”

“คิดดูดีๆนะกันตาภาว่าฉันเป็นใคร รปภ. ที่ไหนจะกล้าทำอย่างนั้น”

“ใหญ่โตคับฟ้าจริงๆนะ”

หากคำประชดประชันไม่ได้ทำให้เวทิศรู้สึกสำนึกหรือละอาย เขาไหวไหล่รับอย่างสบายอารมณ์ “อืม... ก็พอตัวล่ะ นี่! อย่าชวนทะเลาะน่า... ฉันมีการมีงานต้องทำนะ ที่มาหาเนี่ยก็เพราะอยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง จะเอายังไง จะให้ฉันรับผิดชอบยังไง”

“ฉันไล่แกไปไกลๆตั้งแต่แรกแล้ว ฉัน...”

“ถ้ายังไม่หยุดเรียกแกอีก อย่าหาว่าฉันใจร้าย” เวทิศกดเสียงต่ำ หน้าบึ้งหากกันตาภากลับไม่ใส่ใจ

“ทำไม คนอย่างแกก็ดีแต่รังแกคนไม่มีทางสู้ จะตบตีทำร้ายฉันก็ลองดู คราวนี้ฉันสู้แค่ตาย” กันตาภากระชากเสียง หันหน้ามาจ้องเขาไม่กะพริบตา

หากแต่รูปร่างน่าปรารถนาของเธอที่มันล่อตาล่อใจ ทรวงอกไซส์พิเศษที่เขารู้ว่ารสสัมผัสมันยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยายกำลังทำให้ความโกรธ ความโมโหของของกลายเป็นอยากยั่วเธอให้โกรธเสียมากกว่า

“จุ... จุ... จุ... เมื่อคืนนี้ฉันทำเธอเจ็บก็จริง แต่เธอก็ร้ายใช่เล่น ข่วนหลังฉันแสบไปหมด เธอทั้งทึ้งทั้งดึงผมฉันจนเจ็บหนังหัว เสียวใช่ไหมจ๊ะ?” เวทิศพูดพลางขยิบตาใส่อย่างสู่รู้

“ไอ้... ไอ้ลามก ไอ้โรคจิต” กันตาภากำมือตัวเองแน่น

“อา... เธอตัวเล็กกว่าฉันนี่ อีกอย่างก็เป็นครั้งแรกของเธอด้วย มันก็ต้องเจ็บบ้างล่ะ แต่ฉันไม่ใช่โรคจิตอย่างที่เธอคิดนะ ไม่นิยมความรุนแรง ไม่เคยมีประวัติแบบพวกซาดิสซ์ อย่างบีดีเอสเอ็มนี่หายห่วง ไม่มีเด็ดขาด แค่มีพลังเหลือเฟือมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง เธอก็รู้แก่ใจว่ารอบสองเราสนุกกันแค่ไหน”

“กรี๊ดดด... ไอ้บ้า ฉันจะฆ่าแก ฉันจะแจ้งความลากคอแกเข้าตะราง” จบคำพูดกันตาภาก็ปรี่เข้าไประดมกำปั้นใส่ร่างสูงใหญ่ทันที หากแต่เวทิศไม่ไหวติง ไม่หลบกำปั้นน้อยๆที่ระรัวบนร่างกายของตนไม่เลือกที่ เพราะน้ำตาที่ไหลอาบลงบนสองแก้ม มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้โรคจิตอย่างที่เธอประณามจริงๆ

“ชู่ว... อย่าร้องไห้เลยนะ ฉันขอโทษ ฉันยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง พูดมาเลยว่าเธออยากให้ทำยังไง” เวทิศยกมือขึ้นโอบร่างน่าปรารถนาไว้ในอ้อมแขน แต่เจ้าตัวกลับฤทธิ์แรง เหวี่ยงสะบัด ไม่ยอมให้กอดปลอบแต่โดยดี

“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า มากอดฉันทำไม ปล่อยนะ” กันตาภาดิ้นสุดแรงเกิดแต่ก็ยังไม่หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรงนั่นอยู่ดี

“เอ๊ะ! เธอนี่จะเอายังไงกันนะ พอถามว่าจะเอายังไง เธอก็ไล่ส่ง พอพูดดีด้วยหน่อยก็เอะอะโวยวาย ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต พวกผู้หญิงบริสุทธิ์”

จบคำพูด ‘พวกผู้หญิงบริสุทธิ์’ ก็ทำให้กันตาภาหยุดชะงัก มองหน้าเขา สบสายตาเขานิ่งอยู่ชั่วอึดใจ และกรี๊ดใส่หน้าเขาดังๆจนหูทั้งสองข้างดับไปชั่วขณะ และยังไม่ทันได้พูดจากันว่าอย่างไร เธอก็หมดสติ คอพับคออ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเขา!

“นี่! ส้มโอ... ส้มโอ... เธอทำอย่างนี้กับฉันอีกแล้วนะ” เวทิศครางออกมาอย่างหัวเสียพลางช้อนอุ้มร่างอ้อนแอ้นขึ้นไว้ในวงแขนแล้วเดินเข้าไปวางเธอลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ “เดี๋ยวก็หลับ เดี๋ยวก็เป็นลม ทำไมถึงได้อ่อนแออย่างนี้นะ”

เวทิศส่ายหน้ากับคนที่ฤทธิ์แรงอยู่ดีๆก็หมดสติไปแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหาผ้าชุบน้ำสะอาดมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ เผื่อจะสบายเนื้อสบายตัวขึ้นมาบ้าง ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็เดินมานั่งลงข้างเตียงพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ ลงมือใช้มันซับตามใบหน้างดงาม เธอดูเหมือนกันกับพี่สะใภ้ของเขาอยู่มาก จะแตกต่างกันก็เพียงจมูกรั้นปลายเท่านั้น ริมฝีปากเป็นกระจับน่าจูบ
แต่เมื่อหลังมือแตะเข้ากับซอกคอระหง อุณหภูมิที่สัมผัสได้ก็ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเพราะความร้อนจากร่างกายของเธอมันแตกต่างจากคนปกติและเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมร่างกายเธอถึงได้อ่อนแอเช่นนี้ ไม่เพียงเท่านั้น สายตาของเขายังปะทะเข้ากับรอยช้ำเขียวๆอยู่หลายจุด!

ผู้ชายมากประสบการณ์รู้แก่ใจดีเชียวล่ะ ว่ามันเป็นฝีมือของตัวเองแต่ออกจะแปลกใจอยู่มากว่า... ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นผิวเนื้อผู้หญิงคนไหนเป็นรอยเช่นนี้ นอกเสียจากว่าจะตั้งใจทำ แต่ทำไมแค่ช่วงลำคอของเธอก็ทำให้เขาตกใจเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเอามากถึงขนาดนี้ หรืออาจะเพราะฤทธิ์ยานรกนั่น

เวทิศยังไม่คลายความสงสัยในขณะเดียวกันก็ถือวิสาสะแกะกระดุมชุดนอนผ้าฝ้ายของเธอออก แล้วต้องหลับตาลงอย่างละอายแก่ใจเมื่อพบว่าผิวเนื้ออันบอบบางของเธอเป็นรอยจ้ำ โดยเฉพาะทรวงอกทั้งสองข้าง หน้าท้อง ต้นขาด้านใน!!

ควรแล้วสินะ ที่เธอจะมองด้วยสายตาประณาม ไม่ผิดหรอกที่เธอจะเรียกว่าไอ้หื่นกาม ไอ้ลามก ไอ้โรคจิต เวทิศคิดพลางติดกระดุมชุดนอนของเธอกลับเช่นเดิมแล้วต่อสายเรียกหมอให้มาดูอาการทันที


ชั่วโมงต่อมา... เวทิศยังยืนมองคุณหมอที่กำลังตรวจร่างกายกันตาภาอย่างละเอียด ฉีดยาให้เธอสองเข็มแล้วหันไปหยิบยาในกระเป๋าออกมา

“ยาลดไข้กับยาแก้อักเสบให้ทานตามที่หมอเขียนไว้จนหมด”

“แล้วเธอเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” เวทิศถามพลางพยักพเยิดไปยังคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง

“ร่างกายอ่อนแอ แล้วก็มีไข้นิดหน่อย ไม่สูงมากหรอกแต่ต้องคอยวัดอุณหภูมิเรื่อยๆ ถ้ามีไข้ก็ต้องเช็ดตัวให้เธอ พักผ่อนเยอะๆแล้วก็อย่ารุนแรง” ท้ายประโยค คุณหมอมองชายหนุ่มตัวต้นเหตุลอดแว่นสายตา รู้ดีล่ะว่าร่างกายเธออ่อนแอเพราะเหตุใด

เวทิศทำหน้าเมื่อย ระอาใจนักที่ใครๆก็มองว่าตนเป็นไอ้หื่นกาม หากแต่ขี้คร้านจะเถียงจึงแค่พยักหน้ารับคำ เดินไปส่งคุณหมอวัยกลางคนแล้วเดินกลับเข้ามามองคนที่หลับสนิทอยู่อย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร?


บ่ายจัดของวันเดียวกัน... หลังจากที่ทั้งวันต้องเฝ้าดูอาการของเธออย่างใกล้ชิดและขณะเดียวกันเขาก็สั่งงานทางโทรศัพท์ โชคดีที่วันนี้ไม่ได้มีงานสำคัญอะไรนัก เธอยังหลับลึก ไข้ขึ้นอยู่ครั้งหนึ่งและเขาก็เช็ดเนื้อเช็ดตัวตามที่คุณหมอบอก ไม่นานนักอุณหภูมิในร่างกายของเธอก็ลดลงจนไม่น่ากังวล เขาจึงออกมาซื้ออาหารเพราะคิดว่าเมื่อเธอรู้สึกตัวขึ้นมาจะต้องทานอาหารและทานยาตามหมอสั่ง

เวทิศวางอาหารสำหรับคนป่วยและสำหรับตัวเองไว้ในครัว ซึ่งออกแบบการใช้สอยได้อย่างลงตัว แล้วเดินย่องเข้ามาหาคนป่วยที่นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างเงียบกริบ และต้องยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นเธอขยับตัวเล็กน้อย หน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับกำลังอยู่ในห้วงของความฝัน

อาการน่ารักเช่นนั้นสามารถดึงดูดใจให้เขานั่งลงข้างๆเธอ เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ชู่ว... ฝันร้ายใช่ไหมคนสวย” เวทิศพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คลึงหัวแม่มือกลางหว่างคิ้วได้รูปที่ขมวดมุ่น

“แม่ขา... ส้มโอคิดถึงแม่ คิดถึงพ่อด้วย”

เธอละเมอออกมาพร้อมกับคว้าเอาแขนของเขาไปกอด ขยับใบหน้าอยู่สองสามครั้งแล้วเอาแก้มแนบกับหลังมือแล้วหลับนิ่งไป ท่าทางเช่นนั้นทำให้หัวใจของเวทิศกระตุกวาบ เบือนหน้าหนี ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพียงแค่การแสดงออกเล็กๆน้อยๆ เช่นนี้ จะทำให้เขารู้สึกสงสารขึ้นมาจับหัวใจ

หากยังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่เขาก็พยายามจะถาม จะเจรจาหลายครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมพูดออกมาว่าอยากจะให้ทำเช่นไร ถ้าเธอเป็นผู้หญิงทั่วไปก็คงจ่ายเงินไปสักก้อนเป็นค่าทำขวัญ หรือไม่ก็ซื้อสิ่งของที่พวกเธออยากได้

แต่ให้ตายสิ! แค่ได้สัมผัสเนื้อตัวเธอเพียงเล็กน้อย เขาก็รวดร้าวไปด้วยความปรารถนาขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำไมร่างกายของเธอถึงได้มีอิทธิพลกับเขาถึงเพียงนี้นะ หรืออาจจะเป็นเพราะในร่างกายยังมีฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ตกค้างอยู่ เวทิศคิดหาเหตุผลอย่างสับสน

“กรี๊ดดด... ไอ้หื่นกาม แกเข้ามาในห้องฉันทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

เสียงกรี๊ดยาวๆตามด้วยเสียงต่อว่าดังขึ้น ทำให้เวทิศหันขวับไปยังต้นกำเนิดของเสียง แล้วต้องส่ายหน้าระอาใจ เมื่อดวงตาดำขลับของเธอมองมาด้วยความรังเกียจ แต่กลับกอดมือเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“บอกให้ออกไป คนหน้าทน ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปสักที” กันตาภาได้แต่ใช้เสียงและคำพูดป้องกันตัวเองเพราะไม่มีเรี่ยวแรงไปสู้รบปรบมือกับเขาได้

“ก็ว่าจะไปอยู่หรอก แต่ติดที่เธอพิศวาสฉันมาก ขนาดหลับยังกอดมือฉันไว้แน่นเลย” พูดพลางพยักพเยิดไปที่มือของตัวเอง
กันตาภาเบี่ยงใบหน้าออกเล็กน้อย แล้วรีบปัดมือใหญ่ออกราวกับเป็นขยะพิษ สีหน้าขยะแขยงของเธอทำให้เวทิศอารมณ์เสียขึ้นมาทันตา

“คนอะไรไม่รู้จักขอบคุณ เธอเป็นลม ฉันรึอุตส่าห์อุ้มเข้ามาวางบนเตียง เช็ดตัวตอนไข้ขึ้น เรียกหมอให้มาดูอาการ เช็ดตัวให้เธออีกรอบแถมยังต้องวิ่งโร่ไปซื้อข้าวต้มมาเตรียมไว้ให้ทั้งที่มีงานต้องทำ เธอละเมอยังดึงมือฉันไปกอด ตกลงจะให้เข้าใจว่าท่าทางขยะแขยงนี่ใช่ไหมคือคำขอบคุณ” เวทิศร่ายยาวจนเธอทำหน้าง้ำ

ความเงียบงันเกิดขึ้นชั่วครู่ กันตาภาเองก็ไม่รู้ว่าที่เขาทำกับเธอนั้นยังต้องกล่าวคำขอบคุณอีกหรือ มันเพียงพอแล้วหรือกับสิ่งที่สูญเสียไป แต่เมื่อคิดดูอีกทีเธอเองก็ไม่รู้ว่าเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นได้อย่างไร

ขณะที่เวทิศแปลกใจกับความคิดของตัวเอง เพียงแค่ได้เห็นสีหน้า แววตาหมองเศร้า ความรู้สึกโมโหที่เธอเป็นผู้ก่อขึ้นก็เหือดหายไป ไม่รู้ว่าเกิดความเห็นอกเห็นใจเธอขึ้นได้อย่างไร

“เอาอย่างนี้ดีไหม คือ...” เวทิศไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จึงขยับตัวให้เผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ในขณะที่เธอชันตัวขึ้นพิงพนักเตียง “เราก็โตๆกันแล้ว เธอก็รู้ว่าต่อให้คร่ำครวญ ขับไล่ไสส่งฉันยังไง เราก็ไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นได้”

“ฉันรู้แล้ว และก็ยืนยันมาตลอดว่าให้แก... เอ่อ ให้คุณไปให้พ้น ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก” กันตาภายังไม่ยอมมองหน้าเขาเช่นเดิม

“แล้วจะปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นผ่านไปง่ายๆเลยเหรอ เธอรู้ตัวไหมว่ามีคนคิดร้ายด้วย รู้ไหมว่าอยู่คนเดียวแบบนี้มันอันตราย”

“ฉันไม่ใช่คนสำคัญของประเทศ ไม่เคยไปทำร้ายใครถึงจะได้มีคนมาคิดร้าย อีกอย่างฉันคงไม่เข้าไปใกล้คนถูกวางยาอีกแล้ว”

“ประชดเข้าไป นั่งเชิดหน้าอย่างนั้นเจ็บคอมั่งไหม เฮ้อ...” เวทิศถอนหายใจออกมาหนักๆ “นี่คงไม่รู้เลยสินะว่าทั้งหมดมันเป็นแผนของไอ้รวิ”

กันตาภาหันขวับมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “พูดอะไรของคุณ?”

“ก็พูดเรื่องจริง ไอ้รวินั่นมันแค้นพวกเรา มันเลยวางแผนทั้งหมดขึ้น ส่วนเรื่องราวมันจะเป็นยังไงเธอน่าจะรู้ละเอียดกว่าฉัน เพราะความจริงฉันก็เพิ่งรู้ว่าเธอเป็นคู่แฝดของพี่สะใภ้”

จริงน่ะเหรอ? เป็นแผนของพี่โต้งจริงๆน่ะเหรอ ที่เขาทำไปทั้งหมดเพราะแก้แค้นอย่างนั้นเหรอ จริงสินะ ไม่อย่างนั้นทุกเรื่องมันจะประจวบเหมาะอย่างนี้เหรอ เป็นไปได้ไหมที่เขาดวงตก ถูกเหยียบย่ำจนแค้นใจแล้วทำเรื่องเช่นนี้ขึ้น กันตาภาตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตน จนลืมไปว่ามีอีกคนยังนั่งอยู่ตรงกันข้าม

เวทิศมองผู้หญิงสวยตรงหน้าที่นิ่งเงียบไปนาน ขนาดว่ายกมือขึ้นโบกไปมาเธอยังไม่รู้สึกตัว “เฮ้... ส้มโอ เธอโอเคไหม เป็นอะไรรึเปล่า?”

มือใหญ่ที่เอื้อมมาเขย่าไม่แรงนักทำให้กันตาภารู้สึกตัว และปัดมือเขาออกอย่างแรง “อย่ามาถูกตัวฉันนะ”

“นี่ จะคุยกันดีๆสักชั่วโมงได้ไหม รับรองว่าถ้าเราตกลงกันได้ หาข้อสรุปได้ ฉันไม่คิดจะยุ่งกับเธอแน่ แล้วขอร้องล่ะ ฉันไม่ใช่ไอ้โรคจิต ไอ้หื่นกาม เลิกมองฉันด้วยสายตาประณามหยามเหยียดสักทีเถอะแม่คุณ”

“ฉันบอกเป็นรอบที่ร้อยว่าไม่ต้องมายุ่ง ไปให้พ้น” กันตาภายังย้ำความตั้งใจเดิม

“แล้วจะบอกกับพี่น้องเธอยังไง สองคนนั่นเขาจะคิดยังไงที่เธอถูกฉันปล้ำ”

“พี่กับองุ่นรู้แล้วเหรอ” ใบหน้าและน้ำเสียงของกันตาภาตกตื่นใจจนคนฟังถอนหายใจ

“ไม่รู้สิ แต่เทมส์รู้แล้ว ฉันติดต่อไอ้รวิไม่ได้ เลยจะโทรไปหาเทมส์ที่ฟลอริดา พอดีไปเจอรูปแต่งงานบนโต๊ะของเทมส์ ฉันตกใจมากที่เห็นพี่สะใภ้หน้าตาเหมือนเธอ” เวทิศมองสีหน้าวิตกกังวลของเธอแล้วรู้สึกสงสาร จึงปรับเสียงให้ลดระดับลงอีก “เป็นอะไรไปอีกล่ะ อย่าเงียบแบบนี้ได้ไหม?”

“พี่กับส้มโอกำลังท้อง ฉันไม่อยากให้ต้องมาคิดมากกับเรื่องของฉัน ถ้าเกิดรู้เรื่องขึ้นมาจริงๆก็คงเที่ยวไม่สนุก แถมไม่เป็นผลดีกับหลานในท้องด้วย” กันตาภาเม้มปากแน่น ทำท่าคิดหนัก

เออ... ผู้หญิงคนนี้คิดแปลกดี ตัวเองเดือดร้อนจนถึงขนาดนี้ยังเป็นห่วงพี่น้อง กลัวไปสารพัดทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย “ฉันว่าเราอย่าเพิ่งคิดถึงคนอื่นเลย คิดถึงตัวเองก่อนดีกว่า ส้มโอ”

“คนอื่นที่ว่าคือพี่สาวกับคู่แฝดของฉัน เขาคือครอบครัวของฉัน ไม่ให้นึกถึงพวกเขาแล้วจะให้นึกถึงใคร ฉันเป็นคนรักพี่รักน้อง ไม่ได้ตัวคนเดียวหรือเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ จะได้เห็นแก่ตัวเหมือน...”

“เหมือนฉันล่ะสิ” เวทิศต่อให้จบประโยคด้วยตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อยเช่นกัน นับตั้งแต่ได้แกะกล่องของขวัญเป็นคนแรก ความรู้สึกไม่ต่างจากคนเลวก็ประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน

“พูดเองนะ” กันตาภากระอ้อมกระแอ้มตอบไม่เต็มเสียง

“อืม... ก็ฉันพูดในสิ่งที่เธอกำลังคิด” เวทิศต่อให้ “หรือจะเถียงว่าไม่ได้คิด”

“เป็นหมอดูหรือไง ถึงจะได้อ่านใจคนอื่นออก แล้วนี่เมื่อไหร่จะไปสักที ฉันอยากอยู่คนเดียว” กันตาภาออกปากไล่เขาเกือบจะทุกนาที หากแต่เขายังเฉย ไม่สนใจ

“เอาล่ะๆ ฉันจะถามเธออีกครั้งว่าจะเอายังไง คิดจะจัดการกับความสัมพันธ์ของเราที่เกิดขึ้นยังไง” เวทิศตัดปัญหาไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเธอ ถามเข้าประเด็นทันที

“จะให้ทำอะไรได้ คุณมาตั้งคำถามแบบนี้ ใครจะไปตอบได้”

“อ้าว... แล้วจะให้ถามยังไง ก็เธอเป็นฝ่ายเสียหายก็ต้องถามสิ ฉันว่าฉันทำถูกแล้วนะ จะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่หรือจะให้จัดการยังไง ก็พูดมาสิ”

จบคำพูดกันตาภาก็สะบัดฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าคร้ามคมสุดแรงเกิด

เพียะ!... เพียะ!...

“หยาบคาย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนที่คุณจะใช้เงินฟาดหัว ไป... ออกไปให้พ้น ฉันไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ที่เสียไปนั่นต่อให้เอาเงินทองมากองท่วมหัวฉันก็ไม่มีวันได้มันกลับคืนมา ฉันจะถือซะว่าโชคร้ายทำทานให้หมามันกิน!” กันตาภาตวาดออกไปสุดเสียง ทำใจดีสู้เสือเมื่อเห็นดวงตาของเขาดุกร้าวขึ้นมา บดกรามทั้งสองข้างแน่นจนเห็นเป็นสันนูน

“เธอกล้ามากนะที่ตบหน้าฉัน คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้ามาทำอย่างนี้กับฉัน มันจะมากไปแล้วนะกันตาภา” เวทิศถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก อุตส่าห์เสียเวลาทั้งวัน ทำเรื่องบ้าบอไร้สาระเพียงเพราะอยากให้เธอฟื้น จะได้รู้ว่าเธอต้องการให้ทำเช่นไร แต่สุดท้าย... เธอกลับตบเขาจนหน้าชาแถมยังเปรยว่าเป็นหมาเสียอีก

“คำถามของคุณมันทำร้ายฉันก่อน มันมากกว่าการตบหน้าซะด้วยซ้ำ!” กันตาภาตวาดออกมาด้วยความเจ็บใจ

“อย่ามาหาความฉันนะ ฉันไปทำร้ายเธอเมื่อไหร่กัน ยกเว้นเรื่องเมื่อคืน” เวทิศถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ

“ลองคุณมีน้องสาวแล้วเกิดเรื่องอย่างฉัน ไอ้หื่นกามนั่นมันมาตั้งคำถามแบบนี้แล้วคุณจะตอบมันว่ายังไง คุณจะเรียกร้องค่าเสียหายจากไอ้หื่นกามนั่น แล้วจิตใจที่บอบช้ำของน้องสาวคุณมันจะดีขึ้นไหม”

คำพูดของเธอทำให้เขาคิ้วกระตุก เริ่มนึกขึ้นได้ว่านี่คือความแตกต่างของแต่ละบุคคล เธอไม่ใช่สาวๆที่จะยินยอมพร้อมใจขึ้นเตียงหาความสุขกับเขา โดยมีข้อตกลงที่เข้าใจกันเป็นอย่างดี เงิน ทอง ของมีค่าถือเป็นสินน้ำใจเล็กน้อยพลางหันไปกล่าวคำขอโทษเสียงอ่อย

“ก็... ขอโทษก็ได้” แต่เมื่อเห็นใบหน้างดงามเชิดขึ้นราวกับนางพญา เวทิศก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตั้งแต่เจอหน้ากัน เป็นเขาคนเดียวที่ต้องยอมลงให้เธอทุกเรื่องไป

โธ่โว้ย! ก็คนมันไม่ค่อยได้เจอผู้หญิงอย่างนี้นี่ น่าจะพูดกันดีๆก็ได้ ทำไมต้องตบเขาซะจนหน้าหันหน้าชา

“เธอก็น่าจะอธิบายมาดีๆ ไม่เห็นต้องมาทำร้ายร่างกายฉันอย่างนี้” นึกถึงภาพที่โดนผู้หญิงตบครั้งแรกในชีวิตแล้วก็อดโมโหไม่ได้

“คราวหลังจะพูดจะจาอะไรก็หัดคิดซะบ้าง คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องอธิบายให้มากความ” กันตาภาโต้กลับทันควัน

“โอเคๆ เป็นอันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรต้องติดค้างกัน มันเป็นเรื่องของความพลาดพลั้งที่เกิดจากไอ้ระยำคนหนึ่งวางแผนขึ้น และฉันสังหรณ์ใจว่าอีกไม่นานมันต้องมีเรื่องร้ายๆตามมาแน่ ส่วนเธอ... ฉันก็จะดูแลไปจนกว่าร่างกายจะแข็งแรง สามารถกลับไปทำงานใช้ชีวิตได้ตามปกติ ที่พูดมานี่ถูกไหม พอใจเธอรึเปล่า?” เวทิศถามพลางเลิกคิ้วอย่างรอคอยคำตอบ

“แล้วจะให้ฉันทำอะไรได้มากกว่านี้...” กันตาภาหน้าง้ำ อดใจหายไม่ได้ที่ได้ยินข้อสรุปเช่นนี้แต่ก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเช่นกันว่าอยากได้อะไร

เวทิศสับสนกับคำพูดของเธอเหลือเกิน “อ้าว... แม่คุณ จะเอายังไงกับฉันกันแน่ พอ...”

“ช่างเถอะๆ ตกลงตามนี้แล้วกัน ไม่ต้องมาดูแลอะไรฉันหรอก ฉันดูแลตัวเองได้” กันตาภาพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค

“งั้นก็ลุกขึ้นแล้วออกไปทานข้าวทานยาซะ” เวทิศบอกในขณะที่หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย นี่คงเป็นครั้งแรกสินะ ที่พูดคุยกันรู้เรื่องและเธอก็ยอมทำตามคำสั่งคิดพลางลุกขึ้นจากข้างเตียงแล้วก้าวเดินออกไปจากห้องนอน

หากเดินห่างออกมาไม่กี่ก้าวก็ต้องหันกลับไปเมื่อได้ยินเสียงอุทานของเธอ!

“โอ๊ย...” กันตาภาก้าวลงจากเตียงได้ไม่กี่ก้าว ก็ต้องทรุดลงกองอยู่บนพื้น ร่างกายอ่อนแอด้วยฤทธิ์ไข้ พักผ่อนไม่เพียงพอทั้งยังรู้สึกระบมไปทั้งตัวโดยเฉพาะจุดลี้ลับที่ทุกครั้งของการก้าวเดินเกิดความเจ็บแปลบปลาบย้ำเตือนให้นึกถึงต้นเหตุที่เกิดความรวดร้าวเช่นนี้ “จะทำอะไร?”

เวทิศมองคนที่ถามเสียงตื่น ใบหน้าตกใจแล้วต้องส่ายหน้า เธอไม่มีแรงแม้จะเดินแล้วยังทำเป็นอวดเก่ง พลางไม่เข้าใจในความคิดของตัวเองว่า... ทำไมต้องหงุดหงิดใจนักเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางรังเกียจรังงอนของเธอ

“อุ้มน่ะสิ แล้วไม่ต้องมาพูดนะว่าดูแลตัวเองได้ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าแค่จะเดินยังไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง” จบคำพูดเวทิศก็ช้อนอุ้มร่างน่าปรารถนาเข้าไปในห้องน้ำ วางเธอลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า บริการทั้งบีบยาสีฟันลงบนแปรงสีฟันแล้วยื่นให้ คนรับทำท่าอิดออดเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมรับการดูแลจากเขาโดยไม่บ่นว่าอย่างไรอีก



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ค. 2558, 12:37:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ค. 2558, 12:37:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1191





<< ตอนที่ 6 100%   ตอนที่ 8 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account