เมียบำเรอครึ่งคืน
“ทำไมเธอไม่ห้ามฉัน! โอ... ไม่ไหวแล้วนะ ทำไมถึงน่ากินอย่างนี้...”
จบคำพูดเวทิศก็คุกเข่าก้มปากและจมูกเข้าหาส่วนที่ ‘น่ากิน’
และทำตามความอยากของตัวเองอย่างไม่รีรอ



‘กันตาภา’ พนักงานเงินเดือนระดับล่างมีเหตุผลที่ดีในการ ‘ดูถูก’ นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐี
รูปหล่อ คมเข้ม เซ็กซี่ และหยิ่งยโสอย่าง ‘เวทิศ วิชิตเมธา’ CEO หนุ่มของบริษัทที่เธอทำงานอยู่
และผู้ชายคนนี้เองที่เป็น ‘ต้นเหตุ’ ที่ทำให้เธอ ‘ถูกล่อลวง’ ไปที่โรงแรมในคืนนั้น เขาแย่งชิงเอา
‘ความสาว’ และศักดิ์ศรีความเป็นหญิงของเธอไปด้วยกำลัง ทิ้งให้เธอถูกความอัปยศครั้งนั้นตาม
หลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา!



จริงอยู่ ตอนนี้เขาอาจเต็มใจที่จะชดใช้ความผิดด้วยการปกป้องและดูแลเธอในฐานะ
‘เมียที่เกิดจากความผิดพลาด’ ด้วยข้อเสนอที่ยั่วยวนใจ... ทั้งเครื่องเพชร เงินสดในบัญชีทุกๆ เดือน
เสื้อผ้าแบรนด์เนม รถยนต์คันหรู และคฤหาสน์ แต่ผู้หญิงที่ถือดีและหยิ่งผยองอย่างกันตาภาไม่มีทาง
ที่จะยอมรับมัน ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะสามารถลบเลือนความเกลียดชังที่มีต่อเขา... หรือความโหดร้ายที่
เขาทำไว้กับเธอได้ แต่เวทิศ ผู้ชายจอมโอหังก็มีวิธีการคุกคาม ข่มขู่ และ ‘บังคับ’ ในรูปแบบของเขาเอง
เสมอๆ ซึ่งซาตานหนุ่มรู้ดีว่าหญิงสาวที่ไร้เดียงสาอย่างเธอยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมากเพื่อทําหน้าที่ใน
ฐานะ ‘เมียลับ’ และกันตาภาเองก็รู้ดีไม่แตกต่างกันว่าเธอจะต้องเรียนรู้มันให้ไว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การเรียนรู้เรื่อง ‘เสแสร้งรัก’ เพื่อเอาตัวรอดจากอํานาจอันอํามหิตของเขาเพื่อรอวันหลบหนี!



“คนจะรักกันมันไม่จำเป็นต้องใช้แรงหรอกส้มโอ โยกเบาๆ คลึงนิ่มๆ ก็สุขหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
แต่ถ้าเธอยังหัวรั้น ดื้อดึงอยู่อย่างนี้ อีกนานกว่าจะรู้ว่าต้องควบคุมฉันยังไง”



“มาแล้วค่ะคุณขา ศิริพารา นักประพันธ์ระดับ Bestselling Author
มีหลายๆ ท่านถามหาผลงานเล่มเล็กของเธอกันจนสายโทรศัพท์แทบไหม้ หยิบไปเลยค่ะ
แค่นามปากกาก็การันตีความมัน! เพราะถ้าหยิบไม่ทัน หมดก่อนแบบรอบที่แล้ว
จะหาว่าดิฉันไม่บอกไม่ได้นะคะ”
รองสนิท ณ สงขลา บรรณาธิการที่ปรึกษา
Tags: เมียบำเรอครึ่งคืน, เวทิศ, กันตาภา

ตอน: ตอนที่ 8 100%

เวทิศเลื่อนชามข้าวต้มปลาไปไว้ตรงหน้าหญิงสาวที่ดูสดชื่นขึ้น หลังจากที่พาเธอเข้าไปล้างหน้าล้างตาแล้วอุ้มออกมาวางไว้บนเก้าอี้โต๊ะอาหารหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ แล้วหันมาจัดการแกะอาหารของตัวเองใส่จานบ้าง

“ที่คุณว่าอีกไม่นานต้องมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นน่ะ มันยังไงกันแน่” กันตาภาถามเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มรับประทานอาหารของตัวเองไปได้สักพัก

“ไม่รู้สิ มันแค่ลางสังหรณ์ ไอ้รวิมันคงไม่วางแผนมากมายแล้วยอมรามือไปง่ายๆอย่างนี้ ร็อกกับเทมส์ทำมันไว้แสบนักนี่” เวทิศกล่าวถึง อัครรัฐและทัตเทพ ซึ่งอัครรัฐเป็นเพื่อนของพี่ชายซึ่งกินด้วยกัน เที่ยวด้วยกันจนกลายเป็นเพื่อนร่วมแก๊งเดียวกันไปโดยปริยาย

กันตาภาพยักหน้ารับพอจะเดาได้ว่าทัตเทพคงจะเล่าเรื่องนี้ให้น้องชายฟังแล้ว หากแต่ตนยังคิดไม่ตกว่ารวิจะทำอย่างไรต่อไป หากคนที่ร่วมโต๊ะอาหารกลับชะงักการรับประทานของตัวเองไปชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังใช้ช้อนเขี่ยข้าวต้มไปเรื่อยๆ ทั้งที่เพิ่งทานไปไม่กี่คำ

“อย่าเขี่ยอย่างนั้นสิ รีบๆกินเข้าไป” เวทิศบอก หากต้องมองหน้าเธออย่างแปลกใจเมื่อเห็นมือบางวางช้อนและเอื้อมไปหยิบน้ำสะอาดมาดื่มแทน “อ้าว...”

“อิ่มแล้ว มันไม่อร่อย จืดชืด” กันตาภาบอกพลางใช้กระดาษชำระซับปาก

“แล้วจะกินอะไรล่ะ ปกติคนป่วยเขาก็ต้องกินอาการอ่อนๆ ข้าวต้มหรือโจ๊กอะไรประมาณนี้”

“ไม่เอาแล้ว ปกติฉันไม่ชอบอาหารประเภทจืดๆอยู่แล้ว ทานแค่นี้แหละ อิ่มแล้ว” กันตาภาตอบพลางเอื้อมมือไปหยิบถุงยาที่วางอยู่ใกล้มือ หากมือใหญ่ของคนที่นั่งตรงกันข้ามก็ยื่นมาแย่งถุงยาไปจากมือเสียก่อน

“กินข้าวเข้าไปอีก กินน้อยอย่างกับแมวดมอย่างนี้ เดี๋ยวยาได้กัดกระเพาะ เจ็บท้องเจ็บไส้ขึ้นมาอีก ไม่ต้องหายกันล่ะทีนี้”
“ถ้าลำบากนักก็กลับไปสิ ใครใช้ให้มาห่วง”

“วันนี้ฉันทำอะไรเพื่อเธอมามากมาย มากชนิดที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน แถมยังไม่ได้ยินคำขอบคุณสักครึ่งคำออกจากปากเธอ โอเค้... ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นการขอโทษในสิ่งที่ฉันทำไม่ดีไว้กับเธอ แต่เธอเล่นเอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอ ที่เตือนก็เพราะหวังดีกลัวว่าถ้าไข้กลับแล้วจะลำบาก ฉันไม่กล้าไปห่วงใยคนเก่งแบบเธอหรอก” ประโยคสุดท้ายเวทิศก็อดที่จะประชดไม่ได้

“อย่ามาประชดนะ” กันตาภาต่อว่าตรงๆ

“ไม่ใช่แค่เธอที่ไม่ชอบหรอก ฉันเองก็ไม่ชอบให้ใครมาประชดเหมือนกัน ทีนี้จะพูดกันดีๆอย่างผู้ใหญ่เปิดอกคุยกันได้รึยัง จะบอกให้ว่าฉันก็เหนื่อยใจ รู้สึกผิด เสียใจในเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากเธอหรอก ถ้าฉันไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องที่เกิดขึ้น คงไม่หน้าด้านทนอยู่ตรงนี้ให้เธอออกปากไล่ยังกะหมูกะหมา ทนให้เธอตบตีอย่างนี้หรอก” เวทิศพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ วันนี้เขาต้องปะทะคารม ปะทะอารมณ์กับเธอ ยอมลงให้ทุกเรื่อง ยอมอย่างที่ไม่เคยยอมให้ใครมาก่อน

“แล้วคุณคนเดียวหรือไงที่รู้สึกอย่างนั้น จะบอกให้ว่าฉันรู้สึกแย่กว่าคุณร้อยเท่าพันเท่า สิ่งที่ฉันเสียไปคนอย่างคุณอาจจะมองว่าไม่มีค่า ก็แค่เยื่อบางๆที่บางคนอาจจะไม่มีตั้งนานแล้ว แต่รู้ไหมว่ามันคือศักดิ์ศรี คือการวางตัวอันดีงามของลูกผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งภูมิใจที่ประพฤติตัวตามคำสั่งของแม่ ฉันรู้สึกขาดความเชื่อมั่นถือมั่นในตัวเอง ฉันกลายเป็นผู้หญิงใจง่ายที่ยอมทอดกายให้คุณเชยชมโดยที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เลย แล้วผู้ชายคนนั้นกลับมาโยนคำถามบ้าบอใส่หน้าฉัน” กันตาภาพูดทั้งน้ำตา
เวทิศหัวใจกระตุกวาบเมื่อได้ฟังความรู้สึกในใจของเธอ น้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าปัญหายุ่งยากใจที่ตัวเองพบเจอนั้น เมื่อเทียบกับเธอแล้วมันกลายเป็นเพียงเรื่องน้อยนิด!

“ถ้าลำบากมากนักก็ไปให้พ้น ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนฉันก็จะไล่อย่างนี้ ถ้าอยากได้คำขอบคุณฉันไม่มีให้ แล้วที่ตบไปสองครั้งนั่นมันยังไม่หนำใจ อยากกระทืบให้ตายไปตรงหน้าด้วยซ้ำ”

โอ... โหดจริงแม่คุณ หากแต่เวทิศก็ทำได้แค่เพียงคิดในใจแล้วฟังเธอระบายความอึดอัดใจต่อไป...

“ฉันแค่ต้องการเวลารักษาใจตัวเอง แค่อยากอยู่คนเดียวเผื่อจะทำใจได้บ้าง” กันตาภาพูดในขณะที่น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
“จ้ะๆ ฉันขอโทษอีกครั้ง แต่อย่าร้องไห้อีกเลยนะ เช็ดน้ำตาก่อนได้ไหม” เวทิศพูดพลางยื่นกระดาษชำระให้เธอ “ที่จริงฉันหวังดีนะ เธอเพิ่งกินข้าวไปสองคำแล้วจะกินยาอีกสามสี่เม็ดนี่ ยามันจะกัดกระเพาะเอา”

กันตาภารับกระชำระมาซับน้ำตา สูดน้ำมูกอย่างไม่อาย “ก็บอกว่าไม่ชอบอาหารจืดๆ”

“งั้น... กินผัดไทของฉันดูไหม มันน่าจะถูกปากเธอมากกว่าข้าวต้มสักหน่อย” เวทิศเลื่อนจานอาหารของตนไปใกล้ๆเธออย่างเอาใจ และรีบคะยั้นคะยอเมื่อเห็นว่าเธอส่ายหน้ากำลังจะเอ่ยปฏิเสธ “นะ... กินอีกสักห้าหกคำแล้วค่อยกินยา”

กันตาภาลอบถอนหายใจ ตัดใจหยิบตะเกียบไม้ที่ยังไม่ใช้ขึ้นมาเขี่ยดูสองสามที จากนั้นจึงคีบเส้นและถั่วงอกรับประทาน
เวทิศลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอทานผัดไทของตนเองเข้าไปสองสามคำติดกัน จึงเอื้อมมือไปเลื่อนชามข้าวต้มของเธอมารับประทานแทนเพราะดูท่าว่าผัดไทยคงรสชาติไม่เลวนัก ไม่อยากไปแย่งเธอรับประทาน

“อื้ม... ไปเอาช้อนคันใหม่ก่อนสิ ช้อนนั่นฉันใช้ไปแล้วนะ” กันตาภาบอกแต่เขายังใช้ช้อนที่เธอใช้ไปแล้วหน้าตาเฉย

เฮอะ!... มากกว่าน้ำลายเธอที่ติดอยู่บนช้อนฉันก็กินมาแล้ว ออกจะหลงใหลติดใจในรสชาติ จะต้องเดินไปหยิบให้มันยุ่งยากทำไม แต่ก็ได้แค่คิดเพราะหากตอบออกไปเช่นนั้น คงได้เริ่มทะเลาะกันอีกเป็นแน่ เวทิศคิดในใจและตอบออกไปอีกอย่าง “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ”

เมื่อได้คำตอบเช่นนั้นกันตาภาจึงรับประทานอาหารของตนไปเงียบๆ เธอทานผัดไทยไปได้ราวครึ่งจานก็รู้สึกอิ่ม ที่เหลือเขาก็เป็นคนจัดการทั้งหมดจนไม่เหลือทั้งข้าวต้มและผัดไทย แถมยังต่อด้วยบะหมี่ชามโตตบท้ายด้วยบัวลอยเผือก เป็นอันว่าเธอนั่งมองเขากวาดทุกอย่างที่ซื้อมาบนโต๊ะอาหารจนเกลี้ยงพลางนึกค่อนขอดในใจว่าทานข้าวยังกับคนอดอาหารมาสักสามวัน!
“ฉันจะกินเยอะงี้แหละ ถ้าไม่กินข้าวให้ครบสามมื้อ” พูดพลางเก็บจานชามที่ใช้แล้วยกไปไว้ในซิงก์ล้างจาน

“กองไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเอง คุณกลับไปเถอะ ฉันดีขึ้นมากแล้ว” กันตาภาบอก หากแต่เขายังล้างจานอย่างคล่องแคล่วจนเธอรู้สึกแปลกใจ เพราะท่าทางไม่เหมือนคนที่จะหยิบจับงานพวกนี้ได้คล่องมือ

เวทิศจัดการล้างจานชามสองสามใบในเวลาไม่กี่นาที จากนั้นจึงเช็ดมือแล้วเดินมาหยุดที่ตรงหน้าหญิงสาวอีกครั้ง

“แน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้ จะให้ฉันอุ้มไปส่งบนเตียงไหม?”

กันตาภาส่ายหน้าปฏิเสธเร็วๆจนผมเผ้ากระจาย “ไม่ต้อง คุณกลับไปเถอะ”

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะซื้ออาหารเช้ามาให้ เธอก็พักผ่อนมากๆล่ะ”

“ไม่ต้องหรอก บางทีพรุ่งนี้ฉันอาจจะไปทำงาน”

เวทิศกอดอก ส่ายหน้ามองผู้หญิงหัวรั้นอย่างหน่ายใจ “เห็นว่าลางานไว้สองวันไม่ใช่เหรอ ยังไม่หายดีก็พักไปก่อนก็ได้ หรือจะลาต่อไปอีกจนกว่าจะสบายใจก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันอนุญาตเอง”

หึ! คงเป็นอภิสิทธิ์ของคนถูกขืนใจสินะ? กันตาภาอดที่จะคิดประชดตัวเองไม่ได้ “ไม่ดีกว่า ไม่อยากทำตัวถืออภิสิทธิ์เหนือคนอื่น อีกอย่างอยู่คนเดียวไม่มีอะไรทำแบบนี้มันคิดฟุ้งซ่าน”

“ตามใจ งั้นฉันไปแล้วนะ” เวทิศบอกและยืนอยู่ครู่หนึ่งเพราะคิดว่าจะได้ยินคำล่ำลาหรืออะไรสักอย่างที่ออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มนั่น หากแต่ผิดถนัดเพราะไม่เพียงไม่พูด หน้าเขาเธอก็ยังไม่ชายตาแล!

เอาล่ะ... แค่พูดกันโดยไม่ใส่อารมณ์นี่ก็เป็นพระคุณแล้ว เวทิศคิดพลางเดินออกจากห้องชุดสุดหรู ปลายทางของเขาไม่ได้ห่างไกลจากห้องนี้เลยเพราะเมื่อช่วงบ่ายที่กลับเข้ามาพร้อมเสบียงทั้งหลาย เขาได้สั่งให้แม่บ้านเปิดห้องตรงกันข้ามไว้ให้แล้ว
เพียงแค่เปิดประตูเข้ามาในห้องชุดที่ตกแต่งไว้อย่างมีระดับ เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็พร้อมใจกันทำงานโดยที่ไม่ต้องกดปุ่มเปิดให้เสียเวลา หากเจ้าตัวกลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเคยชินกับระบบอัตโนมัติพวกนี้อยู่แล้ว

“หวังว่าคงไม่คิดมากจนทำเรื่องบ้าๆหรอกนะ” เวทิศพูดกับตัวเองในขณะที่ถอดเสื้อผ้า เดินเข้ามาในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายเรียกความสดชื่นให้ตัวเองบ้าง

เรื่องบ้าๆที่เขาคิดก็เช่นว่า ทำร้ายตัวเอง คิดสั้น อะไรทำนองนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็นึกค้านขึ้นมาว่า สมัยนี้แล้วคงไม่มีใครคิดฆ่าตัวตายด้วยเรื่องอย่างนี้แล้วมั้ง อีกอย่างดูท่าทางเธอก็ไม่ใช่คนสิ้นคิดทำร้ายตัวเองอย่างนั้น

อา... แน่ล่ะ! เธอไม่คิดทำร้ายตัวเองแน่นอน ก็เธอเป็นคนพูดปาวๆว่าอยากกระทืบเขาให้ตายไปต่อหน้าเองนี่หว่า เวทิศส่ายหน้าให้กับผู้หญิงเจ้าอารมณ์ที่ต้องขลุกอยู่กับเธอทั้งวัน พลางแปลกใจตัวเองว่าทำๆไมเวลามันถึงได้เดินไปอย่างรวดเร็วนัก เถียงๆกับเธอแค่ไม่เท่าไหร่อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็เที่ยงคืนแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงรีบจัดการกับตัวเองโดยเร็ว


ในขณะที่กันตาภาหน้าร้อนด้วยความอับอายอีกครั้ง เมื่อมองตัวเองในกระจกแล้วพบว่ามีสภาพไม่ต่างจากแม่ยั่วเมือง เพราะเนื้อตัวที่ปราศจากชุดชั้นในมีเพียงชุดนอนผ้าฝ้ายปกปิดเรือนกาย นั่นทำให้เห็นทรวดทรงของตนได้อย่างไม่ต้องใช้จินตนาการ สภาพจิตใจที่ย่ำแย่ทำให้ไม่มีเวลาใส่ใจกับตัวเอง เห็นได้ชัดว่าความอาดูรในสิ่งที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนได้ ไม่เป็นผลดีกับตัวเองเลยสักนิด

แค่เพียงคิดว่าร่างกายของตนต้องเป็นอาหารตาของเขามาตลอดหลายชั่วโมง กันตาภายกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง สัมผัสได้เป็นอย่างดีว่ามันร้อนซู่ด้วยความอับอาย! แต่ก็นั่นแหละ... มันคือบทเรียนแสนแพงให้เรียนรู้ว่า ต่อจากนี้การเห็นใจไว้ใจใครง่ายๆไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ

นับจากนี้เธอคงต้องดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น และปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ซ้ำรอยอีกเด็ดขาด เธอควรที่จะเลิกเสียใจให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วหันมาดูแลตัวเอง กลับไปดำเนินชีวิตตามปกติเสียที เมื่อคิดได้ดังนั้นกันตาภาก็เลื่อนมือออกจากใบหน้า ตั้งใจจะปลดกระดุมชุดนอนเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัว

แต่กระดุมชุดนอนที่ติดผิดจากที่ควรเป็นจนทำให้ชายชุดนอนนั้นยาวไม่เท่ากันก็ทำให้กันตาภานึกแปลกใจ เพราะตัวเองไม่เคยติดกระดุมผิดๆเช่นนี้มาก่อน!

‘คนอะไรไม่รู้จักขอบคุณ เธอเป็นลม ฉันรึอุตส่าห์อุ้มเข้ามาวางบนเตียง เช็ดตัวตอนไข้ขึ้น เรียกหมอให้มาดูอาการ เช็ดตัวให้เธออีกรอบแถมยังต้องวิ่งโร่ไปซื้อข้าวต้มมาเตรียมไว้ให้ทั้งที่มีงานต้องทำ เธอละเมอยังดึงมือฉันไปกอด ตกลงจะให้เข้าใจว่าท่าทางขยะแขยงนี่ใช่ไหมคือคำขอบคุณ’

จู่ๆคำพูดของเขาก็ดังก้องขึ้นมาไม่ตกหล่นสักคำ

“หน็อย... ไอ้คนฉวยโอกาส!” กันตาภาขยุ้มเข้าที่ชุดนอนของตัวเองอย่างเหลืออด เมื่อคิดว่าไอ้คนฉวยโอกาสบังอาจจับต้อง จ้องมองร่างกายตัวเองโดยไม่ได้รับอนุญาต “สาบานว่าถ้ากล้าทำกับฉันอย่างนี้อีกครั้ง ฉันฆ่าคุณตายกับมือแน่ๆ”

กันตาภาพูดกับตัวเองพลางหันหลังให้กระจกเงา เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับรอยคิสมาร์กตามผิวกาย มันยิ่งทำให้เจ็บใจทั้งอับอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี!

ไม่กี่นาทีต่อมากันตาภาก็จัดการกับตัวเองเรียบร้อย รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวขึ้นมากจึงเปิดทีวีแล้วคลานขึ้นไปบนเตียงนุ่ม กดรีโมตไล่หาช่องที่น่าสนใจอยู่สักพัก ไม่กี่นาทีต่อมาก็เข้าสู่นิทราด้วยความเหนื่อยอ่อนบวกเข้ากับฤทธิ์ยาที่คุณหมอจัดให้ในขณะที่ทีวียังเปิดไปเรื่อยๆ


ในเวลาเดียวกันนี้...

รวิกำลังนั่งมองของสำคัญที่อยู่ในมือตัวเองอย่างพึงพอใจ เมื่อเช้าเขาเดินทางไปยังโรงแรมอีกครั้งเพื่อรับของสำคัญจากแม่บ้านที่เข้าไปทำความสะอาดในห้องที่เวทิศและกันตาภาใช้บริการอยู่ค่อนคืน เมื่อได้รับของสำคัญแล้วเขาจึงจ่ายค่าตอบแทนให้แม่บ้านอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเธอยิ้มรับจนแก้มปริแถมยังก่อนที่จะแยกกันยังทิ้งท้ายว่าถ้ามีงานง่ายๆ แต่ค่าตอบแทนดีเช่นนี้ให้เรียกใช้ได้ตลอดเวลา

นี่สินะ อำนาจเงิน!

รวิคิดอย่างเจ็บปวด เจ็บใจนักที่ทำดีแต่ไม่ดีได้ เจ็บใจที่ใครๆก็เห็นเงินมีค่าราวกับพระเจ้า สามารถบันดาลทุกสิ่งได้ สามารถกลับผิดเป็นถูก ซื้อได้แม้กระทั่งความรัก ไม่เว้นแม้แต่ชยาภา ผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่าเป็นคนดี ขยันขันแข็ง เงินไม่สามารถซื้อใจเธอได้ แต่มาถึงตอนนี้เขาคิดผิด เธอก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไป เห็นแก่เงิน ชอบความสะดวกสบาย

ใจจริงแล้วเขาอยากจะแก้แค้นไอ้อัครรัฐกับชยาภามากกว่า แต่ในเมื่อไม่สามารถเข้าใกล้พวกมันสองคนได้ง่ายๆ ก็ต้องเปลี่ยนจุดมุ่งหมายมาที่กันตาภา ซึ่งโชคร้ายเดินเข้ามาหาเขาเอง

“ช่วยไม่ได้นะส้มโอ... ฉันจัดการกับพี่เขยพี่สาวเธอไม่ได้ ฉันก็ต้องจัดการเธอนั่นแหละ” รวิมองของสำคัญที่ยังวางอยู่ตรงหน้า มันคือหนทางแห่งการเรียกเงินก้อนโต บางทีมันอาจจะทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะคิดบัญชีพวกมันทั้งครอบครัว เอาให้กระอักเลือด ให้มันอายไปทั้งโคตร!

“ฮ่า...” รวิระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทิ้งตัวลงบนฟูกเก่าๆคิดถึงการล้างแค้นและอนาคตอันแสนหวาน “อีกไม่นานท่องเอาไว้ไอ้โต้ง อีกไม่นานแกจะไม่ต้องทนอยู่รังหนูโสโครกนี่ อีกไม่นานแกจะได้ล้างแค้นพวกมันที่ย่ำยี อีกไม่นาน... ฮ่า...”


อีกมุมหนึ่งในแหล่งที่พักอาศัยของผู้มีอันจะกิน เวทิศนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาหลายรอบเพราะใจยังคิดถึงร่างน่าปรารถนาที่อยู่ในห้องตรงกันข้าม คิดไปต่างๆนานากลัวว่าเธอจะคิดทำอะไรไม่เข้าท่า

เวทิศผุดลุกขึ้นจากที่นอนนุ่มเพราะเขาคงนอนตาค้างไปถึงสว่างหากไม่ได้เห็นกับตาว่าตอนนี้กันตาภาอยู่อย่างไร เขาเดินออกจากห้องชุดของตัวเองพร้อมกับคีย์การ์ดห้องตรงกันข้าม เพียงแค่แตะมันลงประตูห้องก็เปิดออกอย่างง่ายดาย

สภาพห้องยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแตกต่างจากตอนที่เขาเดินออกไปเมื่อสามชั่วโมงที่ผ่านมา เวทิศเดินลึกเข้าไป... จุดหมายคือห้องนอนของกันตาภา เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูพลางแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงจากทีวีดังมาเป็นอันดับแรกทั้งที่เป็นเวลาตีสองเศษซึ่งเธอควรจะปิดมันและพักผ่อนแล้ว

หากภาพที่เห็นนั้นเหมือนมีมนตร์สะกดให้เขาเดินเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว ร่างน่าปรารถนานอนตะแคงกอดใช้หมอนข้างหนุนศีรษะและกอดในใบเดียวกัน กระโปรงนอนร่นสูงจนเห็นเรียวขางดงาม เธอพลิกตัวนอนหงาย ศีรษะตกจากหมอนข้างและเปิดเผยเนื้อตัวมากขึ้นจากท่านอนที่ทำให้เขาต้องหัวใจเต้นแรง แต่เจ้าตัวยังหลับสนิท

“เธอตั้งใจยั่วฉันใช่ไหมของขวัญ เธอรู้ไหมว่าฉันอยากซุกหน้ากับส้มโอสองลูกที่อยู่บนตัวเธอแค่ไหน” เวทิศพูดออกมาตรงๆพลางช้อนศีรษะได้รูปขึ้นแล้วสอดหมอนไว้ด้านล่าง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างยั่วใจอย่างเบามือ

หากริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นเล็กน้อยมันทำให้เขาไม่สามารถละสายตาจากเธอได้ สีชมพูเข้มของริมฝีปากมีมนตร์ขลังสั่งให้เขาก้มตัวลงไปและเล็มหาความหอมหวาน เพียงแค่ได้จูบซับอย่างแผ่วเบาความปรารถนาในกายก็พุ่งพล่านราวกับหนุ่มน้อยริรัก
เมื่อได้เริ่มก็ไม่สามารถหยุดได้แค่ริมฝีปาก เมื่อกระดุมสองเม็ดแรกถูกปลดออก ส้มโอลูกโตที่หลงใหล แน่นหนั่นไปด้วยก้อนเนื้อหยุ่นมือก็สะกดให้เขาก้มลงไปจูบซับมันอย่างแผ่วเบา ความยั่วยวนใจในรูปร่างของเธอมันทำให้เขารวดร้าวขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมตัวได้ทั้งที่มีเสื้อผ้าขวางกั้น

เธอเร้าอารมณ์ แค่นอนนิ่งๆก็เซ็กซี่ขาดใจ หากเขาเองก็ต้องทำทุกอย่างด้วยความเงียบกริบเพราะกลัวว่าเธอจะตื่นขึ้นมาโวยวาย เข้าใจความรู้สึกของพวกลักหลับได้เป็นอย่างดีว่ามันตื่นเต้นแค่ไหน!

‘ไอ้โรคจิต ไอ้หื่นกาม’ จู่ๆเสียงหวานที่ประณามก็ดังก้องขึ้นมาในโสตประสาท

เวทิศผละตัวเองออกจากร่างยั่วใจอย่างรวดเร็ว ก่นด่าตัวเองในใจที่ชอบทำตัวอย่างที่เธอต่อว่าพลางดึงผ้าห่มคลุมร่างงามจนถึงช่วงคอ เอื้อมมือไปปิดทีวีและหรี่ไฟที่มุมห้องให้ลดแสงสว่างลง ก่อนที่จะเดินออกไปยังห้องน้ำด้านนอกจัดการปลดปล่อยตัวเองให้เร็วที่สุด

หากระหว่างที่ดื่มด่ำกับความสุขเพียงลำพังนั้น ก็แปลกใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องมาทำเรื่องอย่างนี้ด้วย ทำไมไม่ออกไปหิ้วสาวๆสักคนแล้วพาเธอมาโยกให้หนำใจ ทำไมในหัวสมองถึงมีแต่ภาพของส้มโอสองลูกกระเพื่อมตามแรงรักที่ตนเป็นผู้กำหนด ทำไมถึงได้ยินแต่เสียงครวญครางของเธอ แค่เพียงคิดมันก็กระชากพาเขาไปสู่ไคลแม็กซ์อันเข้มข้น!

จนแล้วจนรอดเวทิศก็ต้องพาตัวเองมานอนที่โซฟาตัวใหญ่ หลังจากที่ชั่งใจอยู่นานว่าจะเดินกลับไปนอนบนเตียงนุ่มๆของตัวเอง หรือเข้าไปนอนกับเธอข้างใน ซึ่งสองความคิดแรกนั้นดูจะไม่เข้าท่า สุดท้ายจึงเลือกที่จะนอนเฝ้าเธอหน้าห้องเห็นจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด คงจะทำให้คลายความกังวลจากเธอและเข้าสู่การพักผ่อนได้จริงๆเสียที


รุ่งเช้ากันตาภาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่น แม้ร่างกายจะยังรู้สึกระบมอยู่บ้างแต่หากยังอยู่คนเดียวต่อไปอย่างนี้ก็รังแต่จะทำให้คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา จึงรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานพลางนึกในใจว่า ความเป็นคนช่างเจรจาของรุจิราคงพอจะทำให้เธอเพลิดเพลินและเลิกคิดฟุ้งซ่านเสียที

ราวครึ่งชั่วโมงต่อมากันตาภาก็เดินออกจากห้องชุดในเวลาปกติที่ต้องเดินทางไปทำงานเช่นทุกวัน หญิงสาวแวะซื้อยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจากร้านขายยาที่ตั้งอยู่ข้างๆคอนโดมิเนียมพลางนึกตำหนิตัวเองว่าควรจะคิดได้ตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง แต่ก็วางใจได้ในระดับหนึ่งเมื่อสอบถามจากเภสัชกรแล้วได้รับคำยืนยันว่าหากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้ก็ยังใช้ได้ผลเช่นกัน



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ค. 2558, 23:02:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ค. 2558, 23:02:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1002





<< ตอนที่ 7 100%   ตอนที่ 9 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account