พันธกานต์สิเน่หา
งานเขียนนี้เคยตีพิมพ์ในนามปากกาทิตภากร ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่องและวางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!!


(เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วน)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 15


แปดนาฬิกาของวันใหม่ กอร์ดอนเงยหน้าจากกองเอกสารก็พบว่าโมนิก้าก้าวเข้ามาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงาน แม้วันนี้หล่อนจะไม่ได้สวมเสื้อผ้าโชว์เนื้อโชว์หนัง แต่หัวคิ้วเขาก็ยังกระตุก เมื่อเห็นหล่อนอยู่ในชุดเสื้อสูทเข้ารูปกับกระโปรงเอวต่ำเน้นสรีระ

“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าแต่งตัวอย่างนี้”

“แล้วชุดนี้ไม่ดีตรงไหนละคะบอส เสื้อก็แขนยาว กระโปรงก็ไม่ได้ผ่าสักนิด ไม่โป๊ ไม่เปลือย แล้วจะเอาอะไรอีก” โมนิก้านำเสนอตัวเอง ด้วยการหมุนตัวโชว์เจ้านาย ก่อนจะจบลงด้วยการโพ้สท่าไม่ต่างจากนางแบบในนิตยสาร

“ไม่โป๊ ไม่เปลือย แต่ทั้งรัดทั้งสั้นเนี่ยนะ”

“ทั้งรัดทั้งสั้นที่ไหนกันคะบอส เสื้อก็พอดีตัว กระโปรงก็ยาวตั้งสิบห้านิ้วเชียวนะ” โมนิก้าแจกแจง

“ผมว่าคุณควรจะกลับไปเรียนเรื่องการใช้ภาษามาใหม่ เพราะสิ่งที่ผมเห็นควรใช้คำว่าแค่สิบห้านิ้ว ไม่ใช่...ตั้งสิบห้านิ้วเชียวนะ” กอร์ดอนบีบเสียงล้อเลียนประโยคท้าย

“คร่ำครึชะมัด สมัยนี้ใครๆ เขาก็ใส่กันอย่างนี้ทั้งนั้น” โมนิก้าเบ้ปาก ครั้นหมุนตัวกลับมายืนอิงสะโพกข้างหนึ่งกับโต๊ะทำงานก็เขี่ยเล็บตัวเองเล่น

“คุณว่าอะไรนะ?”

“อ๋อ...เปล่าค่ะ ฉันก็แค่คิดว่าเย็นนี้คงต้องไปซื้อกระโปรงยาวๆ มาใส่สักตัว”

“คิดได้อย่างนั้นก็ดี เพราะบริษัทผมไม่มีนโยบายให้พนักงานหญิงแต่งตัวอ่อยลูกค้า ทุกคนจะต้องสวมกระโปรงยาวคลุมเข่าเท่านั้น”

“แหม...ระเบียบเยอะจังนะคะ ทำไมคุณไม่ออกกฎให้พนักงานหญิงสวมเสื้อผ้ามิดชิดปิดหน้าปิดตาด้วยละคะ” โมนิก้าจีบปากจีบคอประชดประชันอย่างน่าหมั่นไส้

“มิสฟิลเลจ!”

“คะ...?” โมนิก้าเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แสร้งทำหน้าเหลอหลาเหมือนไม่เข้าใจความหมายในการเตือนนั้น

“ออกไปทำหน้าที่ของคุณได้แล้ว”

“แล้วตำแหน่งเลขาส่วนตัวต้องทำอะไรบ้างละคะ”

กอร์ดอนมองคนย้อนถามตาแป๋วแล้วพ่นลมหายใจออกมา ยังไม่ทันเริ่มงานหล่อนก็เปิดฉากตีรวนเสียแล้ว นึกโมโหเลยประชดกลับไป

“ก็ชงกาแฟให้ผมและก็พนักงานทุกคนในบริษัท ถ้ายังไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีกก็ไปขัดห้องน้ำ หรือไม่ก็หาผ้ามาเช็ดกระจกทุกบานให้สะอาด”

“อะไรนะ!” โมนิก้าจ้องคนให้คำแนะนำที่ทิ้งตัวอิงหลังสบายๆ กับพนักเก้าอี้หนังชั้นดี พลางหมุนปากกาในมือเล่น

“มีปัญหาอะไรมิทราบ”

“ฉันมาทำงานที่นี่ในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของคุณ ไม่ใช่เมด!”

“แล้วยังไง จะตำแหน่งไหนก็ไม่สำคัญ ผมเป็นเจ้านาย ถ้าผมสั่ง...คุณต้องทำและต้องทำให้ดีด้วย ถ้าทำไม่ได้ก็ออกไป!”

โมนิก้ามองคนยื่นคำขาดแล้วกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ ข่มความไม่พอใจไว้ในส่วนลึกแล้วก้าวออกจากห้องไปทำตามคำสั่ง ถึงกระนั้นก็ไม่วายทิ้งท้ายอารมณ์ด้วยการกระชากประตูปิดเสียงดังสนั่น โชคดีที่โมนิก้าไม่หยุดยืนอยู่หน้าประตู ไม่เช่นนั้นคงโกรธมากกว่านี้อีกหลายเท่า หากรู้ว่ากอร์ดอนหัวเราะไล่หลัง...




สองวันมาแล้วที่เพนนีเห็นอันโตนิโอง่วนกับการทำอาหารอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ร่างสูงที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วกลายเป็นภาพชินตาไปเสียแล้ว หากไม่ติดเรื่องอดีตอันโชกโชนของเขา ผู้ชายช่างเอาใจคนนี้ก็นับว่าเป็นสามีที่น่ารักไม่ใช่เล่น

“เช้านี้มีเบคอน ไข่ ขนมปังและก็น้ำผลไม้ อาหารทั้งหมดพร้อมเสิร์ฟทันทีที่คุณนั่งลงที่รัก” อันโตนิโอเผยยิ้มกว้าง พลางเลื่อนเก้าอี้ให้เพนนี

“ขอบคุณค่ะ อุ๊ย...!” เพนนีพลันนึกขึ้นมาได้ ครั้นชำเลืองมองอันโตนิโอเห็นทำแก้มป่องยื่นหน้าเข้ามาหา ก็อดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่หล่อนต้องหอมแก้มเขา ถึงกระนั้นก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยง

อันโตนิโอยิ้มหน้าระรื่นทีเดียว หนึ่งจุมพิตที่ข้างแก้มทำให้เขาเต็มใจบริการอย่างแข็งขัน เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วกลับมาพร้อมกล่องน้ำผลไม้ วางมือข้างหนึ่งลงบนลาดไหล่ของเพนนีแล้วรินน้ำผลไม้ใส่แก้ว

กลิ่นโคโลนญ์อ่อนๆ จากกายเขากับการเคลื่อนไหวใกล้ตัวนั้นทำให้จิตใจของเพนนีกระเจิดกระเจิง ไม่มีสมาธิเอาเสียเลย จนกระทั่งอันโตนิโอเดินกลับไปนั่งฝั่งตรงข้าม หล่อนก็เอ่ยแก้เก้อออกมา

“ปกติคุณทำอาหารทานเองบ่อยเหรอคะ”

“ก็ไม่บ่อยหรอก ส่วนใหญ่แม่บ้านเป็นคนจัดการให้ คุณถามทำไมเหรอ?”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่คิดว่าคุณคงชอบทำครัว เพราะฉันเข้ามาห้องนี้ทีไรก็มักจะเห็นคุณอยู่ตรงนั้นทุกที” เพนนีชี้นิ้วไปที่เคาน์เตอร์ทำอาหารแล้วยิ้มล้อเลียน หนุ่มมาดมั่นอย่างอันโตนิโอก็เขินเป็น แต่ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปว่ายกมือลูบต้นคอแก้เก้อ

“อ๋อ...ผมก็แค่อยากทำอะไรให้คุณบ้างในช่วงเวลาดีๆ ของเรา ถ้ากลับไป...ผมคงไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้” อันโตนิโอวางมือบนมือเรียวแล้วไล้เบาๆ พยายามจะสื่อสารกับหล่อนด้วยการกระทำ

“คุณรู้ไหม...อาหารแต่ละจานผมใส่ใจรายละเอียดก็เพื่อคุณนะที่รัก”

“อันโตนิโอ...” เพนนีครางน้ำตาคลอ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครปฏิบัติกับหล่อนอย่างอ่อนโยนและเอาใจใส่เหมือนเขา

“เป็นอะไรไป คุณโอเคไหม” อันโตนิโอตกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าคำพูดไม่กี่คำของเขาจะทำให้หล่อนร้องไห้ออกมา

“ค่ะ ฉันโอเค” เพนนีปาดหยาดน้ำตาบนแก้มนวลที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว กระดากอายที่แสดงความอ่อนแอออกมา

“ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวเราไปนอนอาบแดดกันบนเรือดีกว่า ผมเตรียมชุดว่ายน้ำไว้ให้คุณแล้ว ขาดก็แต่เบ็ดตกปลา...น่าจะอยู่ในห้องเก็บของ” อันโตนิโอชวนคุยเปลี่ยนบรรยากาศ ซึ่งก็ได้ผล เมื่อเห็นเพนนีมีรอยยิ้มสดใส

“ถ้าอย่างนั้น...ให้ฉันช่วยหานะคะ”

“อืม...แต่เราต้องจัดการอาหารเช้าให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปเตรียมของกัน” อันโตนิโอยื่นข้อเสนอ ซึ่งเพนนีก็ไม่อิดออด เพราะความสุขสนุกสนานกำลังรอหล่อนอยู่...




หนึ่งชั่วโมงให้หลัง อันโตนิโอเดินลุยน้ำทยอยเอาอุปกรณ์ตกปลาและตะกร้าปิกนิกไปไว้บนเรือยอร์ช โดยเพนนีทำหน้าที่ส่งของให้เขาอยู่บนหาด ครั้นเห็นอันโตนิโอขนของเสร็จ หล่อนก็ทำท่าจะเดินลุยน้ำไปขึ้นเรือ แต่ก็ต้องชะงัก

“ผมอุ้มคุณดีกว่าที่รัก” อันโตนิโอที่เดินลุยน้ำกลับมาขันอาสา

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน...ว้ายย...ย!” เพนนีอุทานอย่างตื่นตระหนก จู่ๆ คนขันอาสาก็ช้อนร่างหล่อนลอยจากพื้นโดยไม่บอกกล่าว จากที่จะปฏิเสธ...เวลานี้กลับต้องเลื่อนมือขึ้นโอบรอบคอเขาไปโดยปริยาย ซึ่งความใกล้ชิดที่มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นขวางกั้นก็ทำให้หล่อนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา

อันโตนิโอยิ้มกริ่มทีเดียว เขารับรู้ถึงการเต้นของหัวใจที่แรงและรัวจนจับจังหวะไม่ถูก ตลอดจนความหยุ่นนุ่มเต็มตึงใต้เสื้อตัวโคร่งที่เพนนีสวมทับชุดว่ายน้ำ จากฝ่ามือที่สัมผัสกับทรวงอกหล่อนโดยบังเอิญในจังหวะอุ้มขึ้นมาไว้ในวงแขน

แม้อันโตนิโอจะไม่ได้ตั้งใจลวนลาม แต่ก็ไม่ได้เลื่อนมือออก ด้วยเห็นว่าเขาเป็นสามี การสัมผัสภรรยาไม่ใช่เรื่องเสียหาย อีกทั้งเขาเองก็รู้สึกดี ไม่อยากจะปล่อยร่างนุ่มในอ้อมแขนเสียด้วยซ้ำ

แค่สัมผัสผิวเผินยังตื่นเต้นขนาดนี้ ถ้าสักวันได้เป็นเจ้าของ...

อันโตนิโอครุ่นคิด พลางวางคนในอ้อมแขนลงบนบันไดทางขึ้นเรือยอร์ช ทันทีที่หล่อนทรงตัวได้ก็ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ชะงักแล้วก้าวขึ้นบันไดไปหน้าตาเฉย ปล่อยให้คนมีน้ำใจนั้นได้แต่มองตามแล้วยิ้มขำ

เดี๋ยวจะคิดทั้งต้นทั้งดอกให้คุ้มเลย...

อันโตนิโอครุ่นคิดแล้วก้าวตามขึ้นไปนำเรือออกจากฝั่ง ครั้นเห็นว่าออกมาไกลพอสมควรก็ดับเครื่องแล้วชะโงกหน้ามองดาดฟ้าเรือ เห็นเพนนีนอนคว่ำหน้าอาบแดดอย่างสบายอารมณ์ก็นำเครื่องดื่มไปให้

“น้ำผลไม้ครับคุณผู้หญิง”

เพนนีเปิดเปลือกตาขึ้นมองพลางส่งยิ้มให้คนทำเสียงล้อเลียน ครั้นเขายื่นแก้วน้ำผลไม้ที่ตกแต่งอย่างสวยงามมาตรงหน้า หล่อนก็รับไว้แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง อยากจะขอบคุณความมีน้ำใจของเขา แต่ก็แสร้งเสมองไปทางอื่น

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วสินะ ที่หล่อนไม่ยอมพูดคำว่าขอบคุณ

อันโตนิโอครุ่นคิดอย่างหงุดหงิด แต่ครู่เดียวก็เลือนหายไป เพราะเวลานี้เรือนร่างอะร้าอร่ามในบิกินีตัวน้อยตรงหน้านั้นน่าสนใจมากกว่า ซึ่งการที่เพนนีเมินมองไปทางอื่นก็นับว่าเป็นเรื่องดี เขาจะได้มีโอกาสชื่นชมเรือนร่างหล่อนโดยไม่ต้องลอบมอง

เพนนีเป็นผู้หญิงที่ซ่อนรูปจริงๆ หล่อนแลเซ็กซี่ไปทั้งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น ไม่ว่าจะเป็นอกอวบอิ่ม เอวคอดกิ่ว หรือสะโพกผาย ช่างแตกต่างกันเวลาที่หล่อนสวมเสื้อผ้าปกปิดมิดชิด

“ผมช่วยทาครีมกันแดดให้นะ” อันโตนิโอขันอาสา สายตาไม่ได้ละไปจากเรือนร่างแสนเซ็กซี่ของภรรยา

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทามาแล้ว”

“ทาแล้วก็ควรทาอีก แดดแรงอย่างนี้ เดี๋ยวผิวเสีย มา...ผมทาให้ดีกว่า” อันโตนิโอพูดเองเออเองเสร็จสรรพแล้วเขยิบตัวเข้าซ้อนหลัง จัดแจงตวัดผมสลวยไปด้านหน้า เผยแผ่นหลังนวลเนียนที่เวลานี้กลายเป็นสีชมพู

แม้อันโตนิโอจะได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มนักรักแห่งทศวรรษ แต่เวลานี้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมสลวยของภรรยาก็ทำให้มือไม้สั่น เขาต้องใช้เวลาหลายนาทีทีเดียวกว่าจะสงบความฟุ้งซ่านในใจลง

“เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาคุณทาให้ผมบ้าง” อันโตนิโอรั้งไหล่บางให้หันมาเผชิญหน้า พลางบีบครีมกันแดดใส่มือเรียว

“เอ๋...?” เพนนีมองอันโตนิโอตาปริบๆ ใจสั่นเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อเห็นเขาถอดเสื้อลำลองเนื้อบางออกจากตัวและตามด้วยกางเกงขาสั้น เผยเรือนร่างสมบูรณ์แบบในกางเกงว่ายน้ำ

เพนนียกมือค้างอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าแตะต้องเนื้อตัวเขา จนอันโตนิโอต้องรั้งมือหล่อนมาวางบนแผงอกกว้างแล้วใช้ฝ่ามืออุ่นๆ ทาบทับ บังคับให้ทำความรู้จักกับร่างกายเขา ไล่ไปตั้งแต่ลำคอ แผงอกกว้าง เรื่อยลงมาตามซิกแพคเป็นลอนสวยและต่ำลงจนจรดขอบกางเกงว่ายน้ำ

เพนนีหน้าร้อนผ่าวทีเดียว ลมหายใจติดขัดจนต้องเผยอริมฝีปากขึ้นรับอากาศ หล่อนไม่เคยสัมผัสร่างกายผู้ชายอย่างใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อน ซึ่งอันโตนิโอเองก็รับรู้ได้จากฝ่ามือสั่นๆ และสีหน้าตื่นๆ ของหล่อน

“ไปเล่นน้ำกันดีกว่า” อันโตนิโอรั้งมือเพนนีให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินไปที่กาบเรือ ไม่อยากแกล้งคนไม่ประสาให้ประสาทรั่วไปมากกว่า ด้วยเห็นว่ายังมีหลายวิธีที่จะสร้างความคุ้นเคย

“ไหนบอกว่าจะไปเล่นน้ำ แล้วพาฉันมาทำอะไรตรงนี้คะ”

“ก็เรามาฮันนีมูนกัน จะให้ว่ายน้ำไปว่ายน้ำมาคงไม่สนุก อย่างน้อยก็น่าจะหาอะไรทำที่ตื่นเต้นสักนิด”

“เอ๋...?” เพนนีไม่มีโอกาสถามเสียด้วยซ้ำว่าอะไรที่ว่าหมายถึงอะไร อันโตนิโอก็กอดหมับแล้วพาทิ้งตัวดำดิ่งลงในทะเลไปพร้อมกับเขา

อารามตกใจ เพนนีตะเกียดตะกายพยายามจะทะลึ่งตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่อันโตนิโอกอดรัดไม่ยอมปล่อย ในจังหวะหล่อนโหยหาอากาศหายใจ เขาก็ประกบปากมอบอากาศแลกกับจุมพิตหวานๆ

เพนนีรีบเผยอปากเปิดรับด้วยความเต็มใจ เวลานี้คนถูกจูบเลยกลายมาเป็นคนจูบเสียเอง ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าจูบเขาอย่างดูดดื่ม ราวกับรอคอยริมฝีปากนั้นมานานแสนนาน ซ้ำเหนี่ยวรั้งกายเขาไว้ไม่ห่าง จนคนเริ่มก่อนรู้สึกเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้

แม้อันโตนิโอจะทราบว่าเพนนีทำไปเพราะโหยหาอากาศหายใจ หล่อนไม่ได้ตั้งใจจูบเขาอย่างคนที่อยู่ในอารมณ์พิศวาส แต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อย...หล่อนก็มีปฏิกิริยาตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ

“คนบ้า! คุณจะฆ่าฉันหรือไง” เพนนีแผดเสียงพลางผลักอกคนที่พาขึ้นมาสูดอากาศบนผิวน้ำ เมื่อเห็นเขายังกอดรัดไม่ยอมปล่อย

“โธ่...ที่รัก ใครจะฆ่าคนสวยๆ อย่างคุณได้ลงคอ”

“ก็คุณไง เมื่อกี้คุณทำฉันเกือบจมน้ำตาย”

“ผมก็แค่อยากกอด อยากจูบเมียผมบ้าง มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดไม่ใช่เหรอ”

“นี่คุณจงใจแกล้งฉันอย่างนั้นเหรอ”

“ก็ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วคุณจะยอมให้ผมจูบและจูบตอบผมไหมล่ะ”

“คนบ้า...เจ้าเล่ห์นัก!” เพนนีทำอะไรคนยิ้มหน้าระรื่นไม่ได้มากไปกว่าตวัดค้อน

“ถึงผมจะเจ้าเล่ห์ แต่ก็เจ้าเล่ห์กับคุณคนเดียว”

“โกหก! คนกะล่อนอย่างคุณน่ะเชื่อยาก ปล่อยนะ...ฉันจะขึ้นแล้ว”

แม้อันโตนิโอจะยอมปล่อยแต่โดยดี แต่พอเห็นหล่อนว่ายน้ำหนี เขาก็ใช้พละกำลังที่เหนือกว่าว่ายแซงหน้ามาขวางบันไดทางขึ้นเรือยอร์ช

“เอ๊ะ! คุณนี่ยังไงนะ หลีกไปสิ...จะมาขวางทางฉันทำไม” เพนนีทำเสียงขุ่น

ครั้นเห็นอันโตนิโอไม่เปิดทางให้ หล่อนก็ดึงแขนเขา แต่คนนั่งเต๊ะท่าขวางบันไดทางขึ้นกลับจับหมับลงมาบนต้นแขนแล้วรั้งหล่อนเข้าหาตัว เพียงแค่ออกแรงน้อยนิด...คลื่นลมแรงที่ซัดสาดก็เป็นใจช่วยเขาพาร่างเซซวนของหล่อนมานั่งคร่อมบนตักอย่างง่ายดาย

“ปล่อยนะ...” เพนนีประท้วงไม่ต่างจากเสียงกระซิบ หน้าแดงซ่านทีเดียว ไม่กล้าขยับตัว เพราะอ้อมแขนที่โอบรัดกับท่านั่งที่ล่อแหลมนั้นทำให้ส่วนที่อ่อนไหวไวต่อความรู้สึกแนบชิดกับสรีระแข็งแกร่งจนหล่อนร้อนๆ หนาวๆ ไปทั้งตัว

“คุณจะรีบขึ้นไปทำไมกัน เราเพิ่งเล่นน้ำกันแป๊บเดียวเอง”

“ก็...ก็ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากขึ้นไปนอนพัก”

“จริงเหรอ” อันโตนิโอหรี่ตามอง รอยยิ้มเปิดเผยแลกรุ้มกริ่มบนริมฝีปากบอกให้รู้ว่าเขาไม่เชื่อคำพูดนั้นสักนิด เพราะร่างกายหล่อนไม่ได้ร้อนระอุอย่างคนเป็นไข้ แต่กำลังสั่นไหวเพราะความใกล้ชิด ทว่า...เพนนีก็ยังปดออกมาคำโต

“ก็จริงน่ะสิ ฉันจะโกหกคุณทำไม ตอนนี้ฉันหนาวจะแย่ อยากขึ้นไปหายากินแล้วนอนพัก”

“ก็ได้...แต่ต้องจ่ายค่าผ่านทางมาก่อน”

“เอ๋...?” เพนนีมองคนยื่นข้อเสนอตาปริบๆ นี่เขาจะมาไม้ไหนกัน แต่หล่อนก็ไม่ต้องสงสัยนาน เมื่อได้ยินเขาเฉลยในประโยคต่อมา

“หนึ่งจูบแลกกับการขึ้นไปบนเรือ ถ้าคุณโอเค...ผมจะเปิดทางให้”

“ตกลงค่ะ” เพนนีตอบรับทันที ไม่มีความลังเลในสายตา แน่ล่ะ...หล่อนยอมขาดทุนเล็กน้อย ยังไงก็ดีกว่าตกอยู่ในสภาพล่อแหลมให้คนเจ้าเล่ห์หากำไร แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอเขาโน้มหน้าลงทำท่าจะเอาเปรียบ หล่อนก็หลับตาปี๋เอียงหน้าหลบอย่างคนทำใจไม่ได้

“ด...เดี๋ยวค่ะ” เพนนีปรามเสียงสั่น

“อะไรอีกล่ะที่รัก หรือว่าคุณเปลี่ยนใจ”

“เปล่าค่ะ แต่ฉันขอเป็นฝ่ายจูบคุณเองดีกว่า” เพนนียื่นข้อเสนอปุ๊บ หล่อนก็หลับหูหลับตาจุ๊บริมฝีปากเขาปั๊บโดยไม่รอคำตอบรับ

ทว่า...สัมผัสเพียงแผ่วราวนกขนนั้นไม่เป็นที่พอใจของอันโตนิโอ เขาต้องการจุมพิตที่ดูดดื่มมากกว่านี้ ในจังหวะเพนนีกำลังจะผละออกห่างนั้นเอง อันโตนิโอก็ตามติดพลางยกมือขึ้นตรึงศีรษะได้รูปสวยของหล่อนไว้แล้วบดจูบริมฝีปากนุ่มอย่างไม่ยอมให้หลบเลี่ยง

เพนนีรู้ตัวว่าพลาดท่าเสียทีก็ยกมือดันแผงอกกว้าง แต่อันโตนิโอก็ใช้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าหลอกล่อหล่อนจนหัวหมุน ซ้ำยังเปิดเกมรุกลากไล้ฝ่ามือซุกซนไปทั่วร่าง เร้าอารมณ์คนบนตักด้วยการรั้งสะโพกผายเข้าแนบชิด เพื่อจะสัมผัสหล่อนได้ใกล้ชิดขึ้นอีกนิด

เพนนีนั้นทำอะไรไม่ถูกทีเดียว อยากผลักไสใจจะขาด แต่ร่างกายที่ร้อนวูบวาบกลับทรยศใจตน สั่นไหว วาบหวามในทุกสัมผัสที่เขาโลมไล้ จนต้องเผยอริมฝีปากขึ้นสูดลมหายใจลึก ปล่อยให้ริมฝีปากอุ่นที่ผละออกห่างลากเลื่อนลงต่ำพาด่ำดิ่งลงสู่ห้วงอารมณ์สิเน่หา

เพนนีไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าสองมือที่ดันอกกว้างเลื่อนขึ้นโอบรอบลำคอเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าจะขาดใจจนต้องเหนี่ยวรั้งเขาไว้ เมื่อริมฝีปากอุ่นๆ ที่ลากไล้เข้าหยอกเย้าทรวงอกสล้าง ทิ้งรอยเสน่หาจางๆ กลางร่องอกพอให้หวามไหวจนกายสาวสั่นระริก แต่อารมณ์หลงเพริศก็มีอันต้องสะดุด เมื่อได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหู

“ถ้าคุณยังยินดีจ่ายค่าผ่านทาง ผมแนะนำว่าควรจะไปจ่ายต่อบนเตียงจะดีกว่า” อันโตนิโอยิ้มกรุ้มกริ่ม มองคนบนตักที่ยังนั่งตาปรอยเคลิบเคลิ้มกับห้วงสิเน่หา

“บ้านะสิ!” เพนนี้ตวัดค้อน ประกายตาล้อเลียนที่สะท้อนจากดวงตาคมเข้มให้ใบหน้าหล่อนร้อนผ่าว รีบชักมือกลับแล้วก้มหน้างุด พลางตำหนิตัวเองที่หลวมตัวไปรับข้อเสนอเสี่ยงๆ หล่อนเลยถูกพ่อหนุ่มนักรักจอมเจ้าเล่ห์คนนี้เอาเปรียบ...

ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายที่จะโพสให้อ่านกันค่ะ พันธกานต์สิเน่หา By กันต์ระพี วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้นค่ะ!! นักอ่านท่านใดสนใจสามารถโหลดมาอ่านกันได้แล้วที่...

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjc5OTUiO30




กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ค. 2558, 11:10:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2558, 11:10:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1291





<< ตอนทีี่ 14   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account