พันธกานต์สิเน่หา
งานเขียนนี้เคยตีพิมพ์ในนามปากกาทิตภากร ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่องและวางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!!


(เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วน)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนทีี่ 14


วันนี้โพสให้อ่านกันยาวๆ ก่อนที่ตอนหน้าจะต้องจากกันแล้ว ขอย้ำอีกครั้งค่ะ พันธกานต์สิเน่หา By กันต์ระพี วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!! นักอ่านท่านใดสนใจสามารถโหลดมาอ่านกันได้แล้วที่...

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjc5OTUiO30

กอร์ดอนได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง เขาก็เลิกแขนเสื้อขึ้นมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเรือนหรู ครั้นเห็นว่าคนที่เขานัดสัมภาษณ์รักษาเวลาได้ดีเยี่ยมก็นึกชมในใจ

“เชิญ...!”

สิ้นเสียงนั้น โมนิก้าก็ก้าวเข้ามาในห้องประชุม สิ่งแรกที่สะดุดตาคือภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่บนผนังกึ่งกลางห้อง ไม่จำเป็นต้องบอกก็ทราบว่าบุคคลในภาพคือผู้ก่อตั้งบริษัทแบรนเนตฯ

โมนิก้าไม่แปลกใจที่ภายในห้องประชุมโอ่อ่าแลหรูหรานี้จะมีเครื่องมือเครื่องใช้และอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย เพราะทราบดีว่าบริษัทนี้เป็นผู้นำด้านซอฟแวร์ แต่เวลานี้หล่อนขุ่นใจมากกว่า เมื่อมองไปที่หัวโต๊ะวงรีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง แล้วพบว่าคนที่จะสัมภาษณ์หล่อนนั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้หนังชั้นดี

“นั่งก่อนสิมิสฟิลเลจ”

“ฉันจะไม่นั่งจนกว่าคุณจะหันหน้ามา” โมนิก้าตีรวนตามนิสัย

“มันจำเป็นนักเหรอ”

“จำเป็นสิ อย่างน้อย...ฉันก็ควรรู้ว่าใครเป็นคนสัมภาษณ์และรับฉันเข้าทำงาน เว้นแต่ว่าหน้าคุณจะอุบาทว์ จนไม่อยากให้ใครเห็น”

“ถ้าอยากรู้ว่าหน้าผมอุบาทว์หรือเปล่าก็เดินมาดูเองสิ”

“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย”

“เพราะผมไม่ชอบทำตามคำสั่งใคร”

โมนิก้ากลอกตาพลางขมุบขมิบปาก หงุดหงิดขึ้นมาเมื่อถูกตีรวนเข้าบ้าง นี่เขาจะสัมภาษณ์งานหรือคิดจะปั่นประสาทหล่อนกันแน่ นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ให้ได้ละก็ หล่อนคงด่ากราดไปแล้ว

โมนิก้าพ่นลมออกจากปากพลางนับหนึ่งถึงสิบในใจ สงบสติอารมณ์ลงก็ก้าวฉับๆ ไปที่หัวโต๊ะ ครั้นเห็นหน้าคนกวนประสาทถนัดตาก็เบิกตากว้าง

“คุณ...!”

“ตกใจเหรอ?” กอร์ดอนยิ้ม เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่โมนิก้าแสดงออก แต่หล่อนก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำให้ตัวเองน่าขันไปมากกว่านี้ โดยการเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโสแล้วปรายตามองเขาเหยียดๆ

“เปล๊า...ฉันแค่คิดไม่ถึงเท่านั้นเอง ก็ประธานบริษัทอย่างคุณไม่น่าจะให้เกียรติมาสัมภาษณ์พนักงานต๊อกต๋อยอย่างฉันด้วยตัวเอง”

“คุณทราบ...”

“แน่นอน ฉันรู้และจำคุณได้แม่นยำ มิสเตอร์แบรนเนต!” น้ำเสียงนั้นหยามหยัน ไม่ต่างจากสายตาหยามเหยียด

อีกครั้งแล้วสินะ ที่หล่อนมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้...

กอร์ดอนครุ่นคิด อดแปลกใจไม่ได้ อยากจะถามออกไปตรงๆ ว่าหล่อนมีปัญหาหรือไม่พอใจเขาเรื่องอะไร แต่คนตรงหน้าคงไม่ตอบ ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากใส่ใจ

“ไม่จำเป็นต้องเป็นทางการนักก็ได้ เรียกผมว่ากอร์ดอนก็พอ” กอร์ดอนลุกขึ้นมายืนอิงสะโพกกับโต๊ะวงรี พลางผายมือไปที่เก้าอี้ตัวที่เพิ่งลุกขึ้นมา

“นั่งก่อนสิ เราจะได้เริ่มการสัมภาษณ์กันเสียที”

โมนิก้าปรายตามองคนเชื้อเชิญแล้วเดินผ่านหน้าไปทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้าง อิงหลังกับเก้าอี้หนังชั้นดี วางท่าไม่ต่างจากผู้บริหารหญิง ซึ่งอากัปกิริยาดังกล่าวก็ขัดหูขัดตากอร์ดอนเสียนี่กระไร หล่อนช่างมีความสามารถในการก่อกวนประสาทให้เขาหงุดหงิดเสียจริงๆ

“คุณจบอะไรมา”

“ฉันก็กรอกไว้ในใบสมัครแล้ว ทำไมคุณไม่อ่านเองล่ะ”

นั่นปะไร...หล่อนตีรวนเขาอีกแล้ว ทั้งที่พยายามระงับอารมณ์ไม่ให้คล้อยตาม แต่หล่อนก็ทำให้เขาหมดความอดทนจนได้

“มิสฟิลเลจ ผมกำลังสัมภาษณ์คุณอยู่ ถ้าไม่ตอบก็เชิญ!”

โมนิก้ากัดฟันกรอดทีเดียว จ้องคนชี้นิ้วไปที่ประตูเป็นเชิงไล่ นี่เขากล้าดียังไงมาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ นึกว่าหล่อนจะกลัวจนหัวหดหรือยังไง ไม่มีทาง!

“ฉันจบมหาวิทยาลัยในอเมริกา พอใจไหม!”

“พอใจ แต่คงพอใจกว่านี้ ถ้าคุณพูดดีๆ ไม่ใช่ตะเบ็งเสียงอย่างที่ทำอยู่”

“ไม่ว่าฉันจะพูดยังไง ก็ถือว่าเป็นคำตอบไม่ใช่เหรอ คุณมีหน้าที่สัมภาษณ์ก็ถามมา อย่านอกเรื่อง” โมนิก้าเหน็บแนม

กอร์ดอนกลอกตาพลางพ่นลมหายใจออกมา หากคนตรงหน้าเป็นผู้ชาย เขาคงกระชากคอเสื้อมาตะบันหน้าไปแล้ว โทษฐานที่ทำให้เขาหงุดหงิดได้ทุกนาที นึกโมโห เขาเลยยั่วโทสะกลับไปบ้าง

“คุณจบจากอเมริกา แล้วทำไมต้องบินมาสมัครงานที่นี่ หรือว่าตะเวนยื่นใบสมัครไปทุกที่แล้วเขาไม่รับ”

โมนิก้าจ้องคนปรามาสตาวาว อยากจะหักคอเขาให้ตายคามือนัก หากวุฒิบัตรที่นำมายื่นไม่ปลอมแปลงและระบุว่าจบด้านบริหาร โมนิก้าคงไม่ปล่อยให้เขามาเหยียดหยาม แต่คงโต้กลับไปแล้วว่าโปรแกรมเมอร์มือทองอย่างหล่อน ใครๆ ก็ต้องการตัว แต่เวลานี้จำต้องเก็บคำพูดนั้นไว้

“เปล่า ฉันก็แค่กลับมาเยี่ยมบ้าน พอดีเห็นประกาศรับสมัครงานของบริษัทคุณในหน้าหนังสือพิมพ์เลยลองมาสมัครดู ถ้าได้งานที่รายได้ดีก็อาจจะย้ายมาตั้งรกรากที่นี่” โมนิก้าไม่ได้ปด แต่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด

สาเหตุที่หล่อนต้องเดินทางกลับอังกฤษเพราะบิดาเสียชีวิตกะทันหัน อันมีสาเหตุมาจากบริษัทล้มละลาย เพราะถูกคู่แข่งใช้กลโกงแย่งชิงตลาดทางการค้า ตอนนี้สถานะทางการเงินของหล่อนย่ำแย่ เงินที่เก็บสะสมก็ร่อยหรอลงทุกวัน เพราะหล่อนจำเป็นต้องลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่เพื่อสะสางอะไรบางอย่าง

“คุณไม่ใช่คนอเมริกันเหรอ?”

“ถึงฉันจะพักที่อเมริกา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องเป็นคนอเมริกัน พ่อแม่ฉันเป็นคนอังกฤษ ฉันก็ต้องมีเชื้อสายอังกฤษสิ”

“แล้วทำไมคุณถึงมาสมัครงานที่บริษัทแบรนเนตฯ”

“ฉันก็แค่เห็นว่าที่นี่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ อาจจะมีตำแหน่งว่างสักตำแหน่งหรือสองตำแหน่งที่ฉันพอจะทำได้” โมนิก้าไหวไหล่ แม้จะมีจุดประสงค์หลักนอกเหนือจากการมาสมัครงานที่นี่และคาดหวังว่าจะได้ร่วมงานกับบริษัทนี้ แต่จะให้สรรเสริญเยินยอเกินจริง หล่อนไม่ทำ!

“คุณพูดเหมือนไม่อยากได้งานทำ” กอร์ดอนหรี่ตามอง

“ใครว่า...ฉันอยากทำงานที่นี่จนตัวสั่น”

“จริงเหร๊อ”

“ถ้าไม่จริง ฉันจะมาสมัครงานที่นี่ทำไม”

“นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณต้องแต่งตัวล่อไอ้เข้สินะ” กอร์ดอนมองเสื้อคว้านลึกอวดอกอิ่มกับกระโปรงสั้นโชว์เรียวขา ที่เวลานี้ชายกระโปรงเข้ารูปร่นขึ้นอย่างล่อแหลม เพราะเจ้าตัวนั่งไขว่ห้างตรงหน้าเขา

“มิสเตอร์แบรนเนต!”

โมนิก้าเตือนเชิงต่อว่าว่าไร้มารยาท เมื่อเห็นสายตาโจ่งแจ้งของกอร์ดอนมองมาอย่างไม่ให้เกียรติ แต่เขาไม่สนใจคำเตือนนั้น ซ้ำยังม้วนใบสมัครงานยับย่นในมือเป็นท่อนกลมๆ แล้วชี้ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายโมนิก้าที่โผล่พ้นเสื้อผ้าแบรนด์ดัง

“ถ้ารักจะร่วมงานกัน คุณควรสวมเสื้อผ้าให้รัดกุม ไม่ใช่เปิดตรงนั้น โชว์ตรงนี้ ผมไม่อยากให้ผู้ชายทั้งบริษัทมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ”

โมนิก้าหน้าชาทีเดียว อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ เขาทำท่าราวกับอาจารย์เคร่งศาสนา สั่งสอนหล่อนไม่ขาดปาก ทั้งที่ดวงตาคู่นั้นสะท้อนความปรารถนาอย่างแรงกล้า ราวกับจะกลืนกินหล่อน นึกหมั่นไส้เลยลุกเดินไปยืนเบียดชิดติดแผงอกเขา

“ผู้ชายที่ว่าเนี่ย รวมคุณด้วยหรือเปล่าคะ” โมนิก้าถามเสียงหวาน พลางช้อนตาขึ้นมองอย่างยวนยั่ว ขยับจับเนกไทแล้วไล้มือไปบนเสื้อสูท

กอร์ดอนทำอะไรไม่ถูกทีเดียว จู่ๆ ลมหายใจก็พลันสะดุด จนต้องขยับปมเนกไทแล้วกระแอมกระไอเตือนสติ ลำพังเขาก็คิดไม่ซื่ออยู่แล้ว หล่อนยังจะมายั่วกันเห็นๆ ขืนปล่อยให้ไล่ต้อนอย่างนี้ มีหวังห้องประชุมคงกลายเป็นห้องสวีทเป็นแน่

“เอ่อ...เอาเป็นว่าวันนี้จบการสัมภาษณ์แค่นี้ พรุ่งนี้คุณมาพบผมที่ห้องและเริ่มงานได้เลย” กอร์ดอนเบี่ยงตัวออกพยายามรักษาระยะห่าง หลังจากพูดจบก็ทำท่าจะก้าวออกจากห้องประชุม แต่โมนิก้าก็ไม่วายส่งคำถามไล่หลัง

“เดี๋ยวสิคะ ไม่ทราบว่าคุณจะรับฉันเข้าทำงานหรือว่าแค่ทดลองงานคะ”

“ถามทำไม?”

“ฉันไม่อยากเสียเวลาน่ะค่ะ ถ้าแค่ทดลองงาน ฉันจะได้ไม่มา”

กอร์ดอนมองคนที่พูดอย่างยโสแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าตัดสินใจผิดหรือถูกที่รับแม่คนเรื่องมากมาทำงาน หล่อนคงไม่ใช่ลูกจ้างที่ดีแน่ แต่ไหนๆ ก็รับปากไปแล้วคงต้องลองดูสักตั้ง ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ค่อยหาทางไล่ออกทีหลัง

“พนักงานใหม่ก็ต้องทดลองงานด้วยกันทั้งนั้น แต่สำหรับคุณ...ผมจะเซ็นอนุมัติให้เข้าทำงานเป็นกรณีพิเศษ ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษที่พนักงานของผมแสดงกิริยาไม่ดีกับคุณ”

“แล้วคุณจะให้ฉันทำงานในตำแหน่งอะไรคะ”

“เลขาส่วนตัวของผม” กอร์ดอนตอบโดยไม่ต้องคิดแล้วก้าวออกจากห้องไป

โมนิก้ามองประตูที่ปิดลงช้าๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ อีกไม่นานแล้วสินะ การล้างแค้นจะเริ่มต้น หล่อนจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของกอร์ดอน ทุกคนในตระกูลแบรนเนตจะต้องพบกับความหายนะเหมือนกับครอบครัวของหล่อน!





กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2558, 17:49:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2558, 17:49:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1160





<< ตอนที่ 13   ตอนที่ 15 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account