พิรุณสีนิล (ชื่อเดิม ฝนกุมภา)
เธอได้สวดอ้อนวอนขอให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ฝันไป ท้องนภามิดมิดเบื้องบนค่อยๆ เลือนหาย พอๆ กับเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาลงทุกที...
Tags: รัก ฆาตกรรม ตาย กุ๊กกิ๊ก วีดวิ้ว ศพ

ตอน: ๔



ผ่านมาสามสัปดาห์ยังไม่มีอะไรคืบหน้า รู้แค่เพียงว่าหลังจากนายวัฒนะเดินออกจากร้านเหล้าดังกล่าวก็ไม่มีใครเห็นอีกเลยกระทั่งกลายเป็นศพไปแล้ว ตันเตยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ หลังอ่านรายงานคดีนี้อีกครั้ง บรรยากาศการทำงานวันนี้ดูตึงเครียดมากกว่าทุกวัน หลังผู้กำกับนิรุตติ์ได้กำชับให้รีบหาตัวฆาตกรเพราะกำลังถูกสังคมคาดหวังอยู่ แต่จนถึงตอนนี้เขายังหาผู้ต้องสงสัยไม่ได้ ในโทรศัพท์มือถือของนายวัฒนะก็มีแค่ไม่กี่เบอร์ ประวัติการโทร.ออกโทร.เข้าก็ปกติ ส่วนมากจะเป็นเรื่องคนที่ติดต่อให้ไปทำงาน หรือเบอร์ของอ้อยใจที่จะโทร.ไปเป็นระยะ นอกนั้นก็ไม่พบความผิดปกติอะไร เขาแค่ต้องการใครสักคนที่เห็นว่า ‘ใคร’ เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับนายวัฒนะก่อนตาย

เสียงหึ่งๆ จากเครื่องปรับอากาศในห้องไม่ได้ทำลายสมาธิของตันเตเท่ากับเสียงใสๆ ของใครบางคนด้านนอก ตันเตรู้ว่าน้ำเสียงที่เจื้อยแจ้วอยู่นั้นเป็นใคร และไม่รู้ว่าทำไมคำพูดของหมวดปานเทพในวันนั้นถึงดังก้องขึ้นมาอีกรอบ เขาครุ่นคิดอยู่นานจนได้ยินเสียงเคาะประตูห้องสองสามที แล้วคนที่เขาคิดอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้น

“สวัสดีค่ะสารวัตร” ฟ้ารินเดินเข้าไปหาพร้อมยื่นถุงในมือให้

“อะไรครับ?” ตันเตรับมันมาด้วยสีหน้างงๆ

“ก๋วยเตี๋ยวหลอดค่ะ เจ้านี้อร่อยมาก พอดีฟ้าแวะมาทำธุระเลยซื้อมาฝากด้วย เผื่อสารวัตรหิว”

“ขอบคุณมากครับ คุณฟ้าเหมือนรู้เลยว่าผมยังไม่ได้กินอะไร” ตันเตยิ้มน้อยๆ

“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ฟ้าเสียอีกต้องขอบคุณสารวัตรที่ช่วยส่งสายตรวจไปที่บ้านทุกวันตามที่ฟ้าขอ”

“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว”

“ว่าแต่...คดีไปถึงไหนแล้วคะสารวัตร นี่ฟ้าถามได้รึเปล่า?”

“ได้สิครับ” แต่เสียงท้องของสารวัตรหนุ่มกลับร้องประท้วงเสียก่อน จนเจ้าตัวถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเก้อเขิน

“สงสัยมันจะได้กลิ่นก๋วยเตี๋ยวหลอด น่าขายหน้าชะมัด”

“แล้วสารวัตรจะรออะไรล่ะคะ แกะเลย เจ้านี้อร่อยจริงๆ นะ”

ตันเตจึงแกะกล่องโฟมออกดู ก๋วยเตี๋ยวหลอดที่นอนอยู่ข้างในหน้าตาใช้ได้ทีเดียว กลิ่นก็ยั่วยวน สงสัยเขาจะหิวจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นฟ้าไม่กวนเวลาสารวัตรดีกว่าค่ะ ฟ้าขอตัวก่อน ขอให้มีความสุขกับก๋วยเตี๋ยวหลอดนะคะ” เธอยิ้มกว้าง แล้วเดินหายออกไปจากห้อง

ตันเตมองตามร่างนั้นไป ไม่รู้ว่าเขาเผลอยิ้มออกมาเมื่อไร แต่นั่นเป็นความรู้สึกที่ดีทีเดียว



หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ เรื่องก๋วยเตี๋ยวหลอดเจ้าอร่อยของพยานปากเอกในคดีก็เกือบเลือนหายไป กระทั่งในเย็นวันนี้ที่เขาสังเกตเห็นป้ายของร้านขายก๋วยเตี๋ยวหลอดระหว่างทางกลับจากธุระเรื่องคดี

ตันเตไม่รอช้า รีบจอดรถเทียบกับฟุตปาธ เพราะติดใจในรสชาติของมัน แต่ไม่รู้ว่าเจ้านี้จะอร่อยสู้เจ้าที่เคยกินไปได้หรือไม่

“ติดใจเหรอคะสารวัตร” เสียงใสๆ ที่เอ่ยทักขึ้น ทำเอาตันเตต้องหันไปมองอย่างแปลกใจ

“คุณฟ้า?”

“ฟ้าเห็นตั้งแต่สารวัตรจอดแล้วค่ะ คิดอยู่ว่าจะใช่รึเปล่า จนเห็นใกล้ๆ เลยคิดว่าไม่ผิดตัวแน่ บังเอิญจังเจอกันที่นี่” หญิงสาวอมยิ้ม

“นั่นสิครับ” สารวัตรหนุ่มหัวเราะน้อยๆ

“ฟ้าเป็นลูกค้าประจำร้านนี้ค่ะ ต้องซื้อกลับบ้านแทบทุกวัน”

“ถ้าผมอยู่ใกล้ก็คงซื้อกลับบ้านเหมือนคุณฟ้าเหมือนกัน”

“อันที่จริงสารวัตรไม่ต้องเรียกฟ้าว่า คุณฟ้า ก็ได้ค่ะ ฟ้าอ่อนกว่าสารวัตรตั้งเยอะ เรียกฟ้าเฉยๆ เถอะค่ะ”

“ฟ้าพูดอย่างนี้ผมเลยดูแก่ขึ้นอีกสิบปีเลย งั้นก็เรียกผมว่า พี่เต เถอะ” แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจพูดให้รู้สึก แต่ตันเตก็อดเจ็บจี๊ดๆ ไม่ได้ ก็เขากับเธออายุห่างกันถึงสิบปีเต็ม

“อุ๊ย ฟ้าขอโทษค่ะ ฟ้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ” ฟ้ารินรีบปฏิเสธ ซ่อนยิ้มเอาไว้อยากยากเย็น

“ไม่เป็นไรหรอก พี่แค่พูดเล่น”

“ถ้าอย่างนั้นให้ฟ้าชดใช้ด้วยก๋วยเตี๋ยวหลอดอีกชุดนะคะ จะได้รู้สึกว่าได้ไถ่โทษ”

“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ” ตันเตรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ แต่จู่ๆ คำพูดของหมวดปานเทพก็ดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง เขายืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดบางอย่างออกไป

“ถ้าฟ้าอยากไถ่โทษ งั้นเย็นนี้ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ พี่อยากไปลองร้านแถวนี้อยู่นานแล้ว แต่ไม่มีเพื่อนไปสักที” ในที่สุดเขาก็ลองเปิดใจตัวเองดูอีกสักครั้ง

“แน่ใจนะคะพี่เต ฟ้ากินเยอะนะ”

“ก็คงไม่ถึงกับล้มละลายมั้งครับ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ก่อนจะพากันเดินออกไปยังรถของแต่ละคน



“เป็นตำรวจนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะคะ” ฟ้ารินนิ่วหน้า หลังได้ฟังความคืบหน้าของคดีระหว่างการรับประทานอาหารค่ำ

“แล้วเป็นนักเขียนโปรแกรมนี่ลำบากรึเปล่าครับ?” ตันเตถามกลับบ้าง เพราะอยากรู้จักเธอให้มากขึ้น

“ลำบากค่ะ ยิ่งตอนจะส่งงานยิ่งลำบาก เพราะเอาเวลาช่วงต้นๆ ไปใช้เรื่อยเปื่อยเสียหมด” ฟ้ารินพูดติดตลก ตันเตจึงยิ้มตาม

“แต่ดูท่าทางฟ้ารักมันนะ”

“รักสิคะ ถ้าไม่รักก็ไม่มีเงิน ยิ่งเงินเยอะ ยิ่งรักมาก แล้วพี่เตล่ะคะ รักงานที่ทำรึเปล่า”

“พี่ก็ยังสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน” ตันเตยิ้มน้อยๆ

“แสดงว่างานหนักน่าดู ไม่งั้นก็น่าเบื่อเต็มทน พี่เตเลยตอบอย่างนี้” ฟ้ารินแหย่ถาม

“ทั้งคู่” อันที่จริงเขาอยากจะบอกว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาคงไม่เลือกเรียนโรงเรียนนายร้อย เพื่อจบมาทำงานหนักเช่นนี้

“บางทีพี่ก็คิดนะว่าอยากมีเวลาให้ตัวเองบ้าง ทุกวันนี้เหมือนมีชีวิตอยู่เพื่องาน”

“จงใช้ชีวิตให้เสมือนว่าพรุ่งนี้ท่านจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เรียนรู้ให้เสมือนว่าท่านจะอยู่ในโลกนี้ต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด”

“ชอบมหาตมะคานธีหรือ?”

“พี่เตรู้ด้วยเหรอคะว่าใครเป็นคนพูด?” ฟ้ารินรู้สึกประหลาดใจ เพราะถึงแม้มหาตมะคานธีจะเป็นบุคคลสำคัญของโลก แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าใครเป็นเจ้าของประโยคคลาสสิกนี้

“พี่อ่านหนังสือเจอ”

“พี่เตชอบอ่านหนังสือเหรอคะ” น้ำเสียงของสาวน้อยดูกระตือรือร้นขึ้นมา

“ถ้าว่างนะ” ตันเตมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกสนใจ พอพูดถึงหนังสือก็เหมือนลูกแมวได้ของเล่นใหม่ ดวงตาสุกปลั่ง ท่าทางมีความสุขขึ้นมาทันที

“ฟ้าก็อ่านนะ ฟ้าชอบอ่านแนวปรัชญา สังคม พวกนี้ แต่ถ้าหนักๆ ก็ไม่ไหวนะคะ พวกแฟนตาซีก็ชอบ หรือสอบสวนก็ไม่เลว สรุป...คือฟ้าอ่านได้ทุกแนวเลย” ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆ

“พี่เคยอ่านอยู่เล่มนึงชื่อเรื่อง The old man and the sea เขาบอกว่าดีก็ไปหามาอ่าน สุดท้ายอ่านไม่รู้เรื่องเลยเก็บเข้ากรุไป” ตันเตพูดพลางนึกย้อนไปถึงสมัยวัยรุ่น พอมีคนบอกว่าหนังสือเล่มไหนดีเล่มไหนเด่นก็เป็นต้องหามาลอง แต่พอได้ลองอ่านเรื่องที่ว่าแล้ว เขาก็ต้องยกธงขาว ทั้งเรื่องมีแต่ทะเล ชายแก่ เด็กหนุ่ม และปลาตัวใหญ่ เสมือนกับเป็นการเล่นแง่กับจิตใจตัวเอง สู้อยู่กับความคิดของตัวเอง มันเป็นสัญลักษณ์เกินไป เด็กอย่างเขาในตอนนั้นยากจะเข้าใจ

“เล่มนี้ฟ้ารู้จักค่ะ ได้รางวัลโนเบลด้วยนะ ฟ้าอ่านไปแค่รอบเดียวเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับทะเล ฟ้ากลับชอบเรื่อง Life of pi มากกว่า พี่เตเคยอ่านรึเปล่าคะ?”

“พี่เคยดูหนัง”

“ถ้าพี่เตดูหนังแล้วต้องอ่านหนังสือเพิ่มค่ะ มันสนุกมากจริงๆ นะ ถามว่ามันทำเหมือนในหนังสือไหม ฟ้าบอกเลยว่าหนังทำดีมาก มีหลายๆ จุดที่ขยายความจากในหนังสือได้ดีทีเดียว แต่ยังไงหนังสือก็คือหนังสือค่ะ มันทำให้จินตนาการเราเพริดแพร้วกว่าเยอะ แถมยังมีฉากเด็ดๆ ที่ไม่มีในหนังด้วย”

“อย่างเช่นอะไร?”

“ก็อย่างเช่นเรื่องที่พายศึกษาศาสนาทั้งสามไปพร้อมกัน พายเกิดมาในครอบครัวของชาวฮินดูที่ไม่ค่อยเคร่งนัก แล้วพอโตขึ้นพายก็ได้รู้จักกับศานาคริสต์และอิสลาม ทั้งสามศาสนาสอนให้เป็นคนดีเหมือนกัน รักในพระเจ้าเหมือนกันแม้จะคนละองค์ แต่เรื่องดันมาเกิดตอนที่พายเจอกับนักบวชทั้งสามศาสนาพร้อมๆ กัน กลายเป็นว่ารถไฟชนกันสามขบวน มันเป็นตลกร้ายจริงๆ ค่ะ จนพ่อของพายต้องสอนลูกชายตัวเองด้วยประโยค ‘การเชื่อในทุกอย่างในเวลาเดียวกัน มันก็เท่ากับว่าไม่เชื่ออะไรสักอย่างเดียวอย่างแท้จริง’”

“ดูท่าทางจะชอบมาก”

“มากๆ เลยละค่ะ มันทำให้เราได้คิดถึงชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่ง บางทีสิ่งที่เราคิดอาจจะไม่ถูกเสมอไป หรือสิ่งที่เราเห็นว่าผิด บางทีมันก็มีเหตุผลในตัวของมันเอง”

“พี่รู้สึกเหมือนตัวเองนั่งอยู่กับนักปราชญ์”

“นักปาด มากกว่าค่ะ” ฟ้ารินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปตักข้าวกินแก้เก้อ เพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียว

“อ้าว พูดต่อสิ หยุดทำไมล่ะ พี่กำลังสนุกเชียว”

“ก็ฟ้าพูดอยู่คนเดียว ทำไมพี่เตไม่พูดบ้างล่ะคะ”

“พี่พูดไม่เก่ง แต่เป็นนักฟังที่ดีได้”

“ก็ถ้าเป็นเรื่องที่ฟ้าชอบ ฟ้าก็จะกลายเป็นอย่างนี้ทุกทีเลย พูดอยู่คนเดียว พูดจนคนอื่นเบื่อรีบเปลี่ยนเรื่อง” ฟ้ารินหัวเราะร่วน มองหน้าผู้ฟังที่ดีไปด้วย บางทีนายตำรวจหนุ่มคนนี้ก็ดูไม่เลวเหมือนกัน...

“ไม่รู้สิ ฟ้าชอบดูหนัง ชอบอ่านหนังสือ แต่พอจะพูดกับเพื่อนทีไร หนังที่ดูหรือหนังสือที่อ่าน แนวมันไม่ตรงกันสักที ฟ้าก็เลยไม่พูดดีกว่า”

“พี่ชอบดูหนังนะ ดูได้ทุกแนว แต่ยกเว้นแนวรัก ดูแล้วง่วงทุกที”

“ชอบที่สุดคือแนวฆาตกรรมรึเปล่าคะ เผื่อดูไว้เป็นแนวทางไล่จับผู้ร้าย”

“ก็ไม่เชิงหรอก บันเทิงเสียมากกว่า จะให้มาตามจับผู้ร้ายเหมือนในหนังคงยาก เพราะเรื่องจริงมันไม่เหมือนกัน”

“แล้วถ้าคนร้ายเลียนแบบหนังมาฆ่าคนล่ะคะพี่เต อันนี้พอจะเป็นไปได้ไหม”

“ก็ไม่แน่นะ บางทีคดีของนายวัฒนะอาจจะเป็นหนึ่งในคดีที่คนร้ายเป็นโรคจิตทำตามหนังก็ได้”

“ถ้าเป็นในหนังหักมุม พี่เตต้องสงสัยคนที่ไม่น่าสงสัยที่สุด และฆาตกรคือคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา คนที่เราคิดไม่ถึง คนที่เราไว้ใจ แล้วสุดท้ายพอเฉลย คนดูก็จะตบเข่าฉาดแล้วบอกว่า ‘เป็นไปได้ยังไง คนนี้น่ะนะ!’” สิ้นเสียงใสๆ ตันเตถึงกับหัวเราะ ไม่คิดว่าแม่สาวน้อยตรงหน้าจะมีจินตนาการไกลขนาดนี้

“ถ้างั้นให้พี่สงสัยใครดี เปี๊ยกไหม เพราะว่าเปี๊ยกเพิ่งเสียงานให้นายวัฒนะ และรู้ข้อมูลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นงาน ที่เที่ยว เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งครอบครัว อืม...บางทีพี่คงต้องกลับไปสืบจากเปี๊ยกใหม่อีกรอบแล้ว” ตันเตพยักหน้าหงึกๆ

“อ้าว...แล้วฟ้าล่ะคะพี่เต ฟ้าก็น่าสงสัยนะ เป็นใครไม่รู้ จู่ๆ ก็เจอศพ แถมยังมาทำตัวตีสนิทแกล้งล้วงความลับจากนายตำรวจเจ้าของคดีอีก”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เชิญที่โรงพักด้วยนะครับ” ตันเตพูดจริงจังจนฟ้ารินหลุดขำออกมา

“ได้ค่ะ แต่ฟ้าไม่กินโอเลี้ยงนะคะ บาดคอ ขอเป็นคาปูชิโนเย็นๆ แทน”

“เอาจริง?”

“แหม พี่เตก็...” แล้วเธอก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงสวยงาม

ตันเตมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกดีๆ อย่างน้อยการชวนเธอมารับประทานอาหารครั้งนี้ก็ทำให้รู้จักเธอมากขึ้น คนเราหากคิดจะทำความรู้จักกัน ก็ควรจะค่อยๆ รู้จักกันไปทีละนิดละหน่อย สำรวจกันไปทีละมุมอย่าได้รีบ เปรียบเสมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้องอ่านไปทีละหน้า ละเมียดละไมไปกับตัวอักษร กระทั่งรู้ว่าหนังสือที่อ่านอยู่นั้นสมควรจะอ่านต่อหรือวางลง







ดารานิล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2558, 14:47:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2558, 00:04:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1157





<< ๓   
ปอกะเจา 30 ก.ค. 2558, 15:19:25 น.
ทำไมฟ้ารินถึงมาตามข่าวกับตำรวจบ่อยจัง ติดใจสารวัตรเตแน่เลย >__<


กาซะลองพลัดถิ่น 31 ก.ค. 2558, 02:09:26 น.
ฟ้ารินไปโรงพักบ่อยเนอะ ตามข่าวซะยังกับเป็นนักข่าว รุกเยอะไปไหมคะ ฟ้าริน
คนร้ายนี่ อ่านครั้งแรกพุ่งไปที่ลูกของผู้หญิงที่ถูกข่มขืนในบทนำ แต่ไม่ชัวร์ ต้อง
ลองอ่านไปอีกหลาย ๆ ตอน เนอะ เพราะอาจมีหลุมพราง


จ๊ะจ๋า 31 ก.ค. 2558, 15:18:09 น.
ถ้าเป็นหนัง คนที่โผล่มามีส่วนร่วมหรืออยากรู้ความคืบหน้าการสืบคดีบ่อยๆ ตำรวจจะคิดว่าเป็นฆาตกรโรคจิตที่หลงตัวเองคิดว่าตำรวจโง่จับฆาตกรไม่ได้


Zephyr 2 ส.ค. 2558, 19:02:20 น.
ฟ้ารินนางคือคนนั้นรึป่าววว
นางดูใส่ใจไปนะ อาจมีสองบุคลิก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account