ยักษา
ชีวิตไม่มีอะไรที่แน่นอน
"คนหนึ่ง"เกิดมาทำตามที่ฟ้าลิขิต
"อีกคน"เกิดมาโดยเลือกทางเดินของตัวเอง
พวกเขาถูกลิขิตให้เกิดมาเป็นศัตรูกันแต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือปกป้อง"เธอ"ผู้หญิงที่เขารักให้พ้นจากอันตรายด้วยชีวิตของพวกเขากับสองสายเลือดที่ไม่อาจจะลงรอยกันได้ระหว่างคนกับ...ยักษ์
"พวกเราเลือกเกิดไม่ได้จึงต้องเกิดมาเป็นแบบนี้เมื่อถูกลิขิตให้เป็นแบบนี้เราก็ต้องเป็นแบบนี้...ตามที่ฟ้าลิขิต"
"คนหนึ่ง"เกิดมาทำตามที่ฟ้าลิขิต
"อีกคน"เกิดมาโดยเลือกทางเดินของตัวเอง
พวกเขาถูกลิขิตให้เกิดมาเป็นศัตรูกันแต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือปกป้อง"เธอ"ผู้หญิงที่เขารักให้พ้นจากอันตรายด้วยชีวิตของพวกเขากับสองสายเลือดที่ไม่อาจจะลงรอยกันได้ระหว่างคนกับ...ยักษ์
"พวกเราเลือกเกิดไม่ได้จึงต้องเกิดมาเป็นแบบนี้เมื่อถูกลิขิตให้เป็นแบบนี้เราก็ต้องเป็นแบบนี้...ตามที่ฟ้าลิขิต"
Tags: ยักษ์ สยองขวัญ ช่วงชิง ความรัก
ตอน: เมื่อแรกพบ
ภายในซอยมืดที่เคยมีบรรยากาศครื้นเครงในตอนเช้าแต่หากเมื่อถึงเวลากลางคืนกลับมีเพียงความว่างเปล่าและแสงไฟสลัวๆจากเสาไฟที่ติดอยู่ตามทางเดินสองเท้าในความมืดกำลังขยับด้วยความรวดเร็วเพื่อหลีกหนีบรรยากาศที่เหน็บหนาวและบุคคลปริศนาด้านหลังที่เดินตามหญิงสาวมาตั้งแต่ที่ตลาดชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ผิวดำเดินตามอย่างไม่ลดละยิ่งหญิงสาวข้างหน้าก้าวเท้าเร็วเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเร่งฝีเท้าตามมากขึ้นเท่านั้นจนเมื้อชายฉกรรจ์เร่งฝีเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็วกว่าเดิมหญิงสาวก็ตบะแตกวิ่งหนีในทันที
"ช่วยด้วย!!!"หญิงสาวตะโกนออกมาขณะวิ่งหนีซึ่งชายฉกรรจ์ด้านหลังได้ตะโกนสั่งให้เธอหุบปากและวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละเช่นเดียวกับหญิงสาวที่วิ่งไม่หยุดเหมือนกันจนเมื่อเริ่มเห็นแสงไฟจากบ้านหลังใหญ่สายลมก็พัดปะทะเข้ากับร่างบางอย่างแรงพร้อมนำพาเสียงฝีเท้าของคนด้านหลังให้หายไปด้วย
เงียบ........หญิงสาวหยุดวิ่งหนีก่อนจะหันไปมองด้านหลังก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่าในใจรู้สึกผ่อนปรนหลังจากที่เกร็งมานานก่อนเจ้าตัวจะรีบกลับมายังบ้านของเธอ..และเด็กๆ
"กลับมาแล้วเหรอ"แม่ครู เจ้าของบ้านอุปถัมภ์ที่คอยเลี้ยงดูเด็กๆที่มีปัญหาครอบครัวหรือเด็กกำพร้าพ่อและแม่เอ่ยขึ้น
"จ๊ะแม่ครู..แล้วน้องพิมกินอะไรยังหรือจ๊ะ"
"กินจนหลับไปแล้ว..ดูซิ!แอบไปซื้อโจ๊กมาจนได้ทั้งๆที่รู้ว่าแถวนี้เวลากลางคืนน่ะน่ากลัวจะตายไหนจะพวกโจรที่ฆ่ากันตายอีก"หญิงชราขยับแว่นเล็กน้อยก่อนจะหันไปหยิบตะกร้าไหมพรมที่เธอมักถักเวลาว่างอยู่บ่อยครั้งขึ้นมาถือ
"ไปนอนเถอะนะพรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอเรา..ส่วนโจ๊กนี้เก็บไว้ตอนเช้าละกันนะ"
"ค่ะแม่ครู..ฝันดีค่ะ"หญิงสาวกล่าวราตรีสวัสดิ์คนที่มีบุญคุณกับเธอมากที่สุดในชีวิตก่อนจะเดินไปสำรวจดูรอบบ้านว่าได้ล็อคทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วเธอจึงตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องเล็กๆที่แม่ครูเจ้าของบ้านจัดไว้ให้หญิงสาววัย18ปีอย่างเธออยู่คนเดียว
"หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำขณะนั่งเปิดหนังสือวิชาสำคัญที่จะต้องสอบในวันพรุ่งนี้แต่ในหัวกลับเลิกคิดถึงชายฉกรรจ์ที่จู่ๆก็หายไปในความมืดไม่ได้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนสมองจะท้วงให้เลิกสนใจแล้วหันกลับมามองหนังสือในมือแต่หางตากลับเห็นกระจกเสียก่อนใบหน้าสวยได้รูปคิ้วที่เรียวสวยริมฝีปากสีลูกพีชกับดั้งที่โด่งได้รูปดูไปแล้วหญิงสาวคนนี้ก็สวยใช่เล่นไม่งั้นจะได้เป็นถึงนางรำประจำโรงเรียนมัธยมศึกษาในย่านนี้หรือ..ผมสีดำถูกปล่อยให้สยายออกมาก่อนที่เจ้าของความสวยทั้งหมดทั้งมวลนี้จะส่ายหน้าไปมา
"อ่านหนังสือเถอะ!..สริญดา" สริญดาหรือหญิงสาวในอุปถัมภ์ของแม่ครูกล่าวขึ้นสายตาตวัดมองที่ตัวหนังสือไล่ไปเรื่อยๆจนความง่วงเริ่มคลืบคลานเข้ามาสริญดาจึงปิดหนังสือแล้วเอนหลังลงนอนคิดเรื่องต่างๆมากมายจนผล็อยหลับไปในที่สุด
……………………………………………………………
แสงของรุ่งอรุณสาดส่องกระทบกับหน้าผาก่อนจะทาบลงบนตัวชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเส้นผมสีดำกระทบกับแสงแดดทำให้เส้นผมฉายความเงางามริมฝีปากรูปกระชับเผยรอยยิ้มชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องหน้าแม้ในใบหน้าจะมีแว่นดำปกปิดดวงตาของเขาอยู่แต่ก็ไม่อาจจะกั้นความสวยงามที่ธรรมชาติสรรสร้างมาได้เลย..ภายในรถสปอร์ตสีดำสนิทที่จอดอยู่ข้างๆสาวสวยผมลอนเปิดประตูรถออกมาพร้อมใช้นิ้วเรียวขยับแว่นดำของเธอเพื่อให้กระชับขึ้นก่อนจะก้าวเท้าไปยืนข้างๆชายหนุ่มริมหน้าผา
"ชอบที่นี่เหรอ...ทศคินทร์"มัศยา ยักษิณีสาวถามพลางมองเสี้ยวใบหน้าของชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นใหญ่เหนือยักษ์ทั้งปวงอย่างสงสัย
"เธอชอบหรือเปล่ามัศยา"ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกแต่สายตายังจับจ้องไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า
"ก็สวยดีนะ...คุณกำลังคิดอะไรอยู่หรือ"ยักษิณีสาวยกมือขึ้นมากอดหน้าอกพร้อมทั้งจ้องเขม็งใบหน้าของคนที่ตัวใหญ่กว่าอย่างต้องการคำตอบ
"คิดว่า...ได้เวลาไปสอบแล้วนะ"ทศคินทร์กระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะสาวเท้าไปที่รถโดยไม่รอฟังคำบ่นของยักษิณีสาวที่ก่นด่าเขาในใจอยู่
"ให้ตายสิ!"มัศยาสบถก่อนจะรีบเดินตามหลังทศคินทร์ไปอย่างรวดเร็วในใจก็ก่นด่าเขาที่พาเธอมาแล้วก็ทิ้งเธอให้งงอยู่คนเดียว
………………………………………………………………
บริเวณมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง
ทศคินทร์เปรยตามองคนข้างๆเพื่อสังเกตุว่าเธอกินอะไรมาบ้างหรือยังแต่เมื่อเห็นผิวพรรณที่เปล่งปลั่งของหญิงสาวเขาก็รู้ได้โดยทันที
"คุณจะลงไปส่งฉันไหม"มัศยาถามถึงจะรู้ว่ามันไม่จำเป็นแต่การอยู่ท่ามกลางมนุษย์มากมายโดยปราศจากเขามันอาจจะทำให้เธออดทนต่อกลิ่นมนุษย์ที่หอมหวนไม่ไหวอย่างน้อยเขาก็เป็นคนเดียวที่ห้ามเธอได้ไม่สิ!ห้ามยักษ์ทุกตนได้ตั้งหาก!
"แย่จัง!ลืมกระเป๋าตังค์จนได้"สริญดาอุทานก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้คงเป็นเพราะเมื่อคืนเธอนอนดึกไปหน่อยเลยพาลให้เธอตื่นสายในวันสำคัญอย่างนี้สายลมพัดอ่อนๆเข้ามากระทบเรียวหน้าของสริญดาสายตาของเธอเหลือบไปที่รถสปอร์ตสีดำคันหนึ่งและมองเข้าอย่างจังกับผู้ชายเจ้าของรถที่พึ่งเปิดประตูออกมาแม้จะมีแว่นดำปิดกั้นดวงตาของเขาอยู่แต่สริญดาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาและเคร่งขรึมในตัวเจ้าของรถ
"น่ากลัวจัง"สริญดาพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะสบตาเข้ากับผู้ชายที่เธอพึ่งนินทาไปเมื่อกี้อีกครั้งหากแต่ครั้งนี้เธอรู้ใจหวิวๆคล้ายจะเป็นลมจนเธอต้องหลบสายตาเขาเพื่อเรียกสติให้กลับมาอีกครั้งแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในอาคารเพื่อหลบแดดที่เริ่มร้อนขึ้นมา
"โชคดีนะ"ทศคินทร์พูดพลันยักคิ้วหลิ่วตาให้มัศยา
"รู้แล้วน่า"มัศยาเก็กท่าทำเป็นรำคาญแต่หลักฐานสีแดงๆที่ปรากฏบนแก้มของหญิงสาทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอขวยเขินขนาดไหนพูดแล้วยักษาผู้ยิ่งใหญ่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
"หนังสือพิมพ์ไหมครับ"ชายแก่คนหนึ่งเดินมาสะกิดแขนของทศคินทร์ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะส่งเงินให้ชายสูงอายุอย่างนอบน้อม
"ผมไม่มีทอนหรอกครับ"ชายสูงอายุส่ายหัวไปมากับจำนวนเงินมากมายที่ชายหนุ่มยื่นให้
"รับไว้เถอะครับ"ทศคินทร์ยิ้มก่อนจะยัดเงินใส่มือชายสูงอายุแล้วรับหนังสือพิมพ์มา
"เอิ่ม..ถ้างั้นก็..ขอบคุณครับ"ชายสูงอายุยิ้มก่อนจะพยุงร่างกายเดินจากไป
"มีอะไรหรือทศคินทร์"มัศยาเอ่ยถามเมื่อเธอรับรู้ถึงความไม่พอใจที่เปร่งออกมาจากภายในทั้งๆที่ภายนอกเขาดูปรกติดีทศคินทร์ไม่ตอบได้แต่มองหนังสือพิมพ์ในมืออย่างโมโหที่มีคนขัดคำสั่งเขา!
………………………………………………………………
ตกเย็น
สริญดาตั้งหน้าตั้งตาร้อยพวงมาลัยอย่างขะมักเขม้นจนแม่ครูอดที่จะยิ้มไม่ได้
"พอเถอะริญจะรีบทำไปถึงไหน"
"ริญกลัวเสร็จไม่ทันน่ะค่ะแม่ครู"
"เหนื่อยตายแย่..เนี่ยน้องๆก็ช่วยอยู่ริญพึ่งสอบเสร็จไปพักผ่อนเถอะนะ"
"ริญทำได้ค่ะแม่ครู"สริญดายิ้มออกมาจนแม่ครูส่ายหัวไปมากลับความดื้อรั้นของหญิงสาว
"แม่ครู!แม่ครูจ๊ะ"จ้อย เด็กชายวัยสิบขวบวิ่งหน้าตาตื่นมาอย่างกับโดนผีหลอกพลันนั่งลงข้างๆแม่ครูอย่างหวาดกลัว
"มีอะไรเหรอจ้อย"สริญดาเอ่ยถาม
"มีคนตายจ๊ะ!ศพอยู่ตรงทางแยกหน้าหมู่บ้านพอดีเลยเนี่ยมีคนมุงดูเยอะเชียวนะพี่ริญ"จ้อยอธิบายอย่างตื่นเต้นสริญดากับแม่ครูได้แต่มองหน้ากันงงๆสลับกับมองจ้อย
"ก็ชั่งเขาปะไร!แล้วไหนไข่ที่ข้าให้เอ็งไปซื้อ"
"คือ...คือ...จ้อยทำตก"
"หะ!อะไรนะ!!"แม่ครูอุทานขึ้นมาสริญดาเห็นท่าไม่ดีจึงวางพวงมาลัยลง
"ชั่งเถอะจ๊ะแม่ครูเดี๋ยวริญขี่จักรยานไปซื้อให้ใหม่นะจ๊ะ"
"อืม..รีบไปรีบมาล่ะเรานี่นะเจ้าจ้อย!"แม่ครูมองเด็กชายอย่างตำหนิแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรมากสริญดายิ้มออกมาก่อนจะเดินไปจูงจักรยานจนมาถึงหน้าหมู่บ้าน
"อ้าวหนูริญมานี่เร็ว!"ป้าปทุมแม่ค้าขายข้าวแกงกวักมือเรียกสริญดาก่อนจะลุกลี้ลุกลนเดินมาจับแขนสริญดาไปดูตรงมุมตึกภาพชายฉกรรจ์นอนตาเบิกโพร่งนิ้วมือหักไปคนละทิศละทางแต่นั้นก็ไม่น่ากลัวเท่ากับรอยกัดกินตามเนื้อตัวเขาเลยสักนิดสริญดารีบหันหน้าหนีภาพที่น่าเวทนานั้นอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว
"หรือจะมีสัตว์ร้ายในหมู่บ้านเรา"ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้นซึ่งชาวบ้านที่พากันห้อมล้อมตำรวจก็ต่างพากันพยักหน้าไปตามๆกันสริญดาเหลือบมองศพชายฉกรรจ์อีกครั้งดูจากสัดส่วนความสูงแล้วทำไมเขาถึงเหมือนคนที่ไล่ตามเธอเมื่อคืนเลยนะ!
"อ้าว!หนูริญ"ป้าปทุมมองสริญดาที่ขี่จักรยานออกไปอย่างงงๆผิดกับหญิงสาวที่รู้สึกสับสนไปหมดจิตใจที่เหม่อลอยมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องศพชายฉกรรจ์จนไม่ทันได้สังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซด์สีดำที่แล่นมาข้างหน้า
กริ๊ด!!!!
สริญดาหักรถจักรยานไปทางต้นไม้จนชนเข้าอย่างจังทำให้จักรยานล้มลงพร้อมถุงไข่ไก่ที่หล่นกระจัดกระจายข้างๆท้องถนน
"เฮ้ย!"ชายหนุ่มเจ้าของรถมอเตอร์ไซด์อุทานก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออกผมสีดำขลับที่ถูกจัดไม่เป็นทรงพลิ้วไหวเล็กน้อยตามแรงลมคิ้วที่ดกดำขมวดเข้าหากันก่อนจะที่เขาจะถอดแว่นตาออกสายตาที่คมกริบจับจ้องมาทางหญิงสาวอย่างตกใจก่อนที่เขาจะตรงมาจับแขนเธอ
"ขี่จักรยานยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือนี่ถ้าเกิดชนกันจริงๆจะให้ทำยังไง"ชายหนุ่มสบถก่อนจะพยุงสริญดาให้ลุกขึ้น
"แย่แล้ว!"สริญดามองดูไข่ไก่ที่ตกแตกอย่างเสียดายก่อนจะถลาเข้าไปเก็บไข่ไก่ที่ยังไม่แตก
"นี่คุณ!เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่ก็ได้"ชายหนุ่มตรงมาจับมือหญิงสาวให้ลุกขึ้นสริญดามองเขาอย่างหวาดกลัวก่อนจะคุกเข่าลงพร้อมยกมือไหว้เขา
"ฉันขอโทษนะคะอย่าด่าฉันเลยนะฉันไม่ได้ตั้งใจ"สริญดาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาที่ข้อเท้ามีเลือดไหลออกมาเพราะข้อเท้าสไลด์ไปกับพื้นเมื่อกี้นี้
"จะไหว้ทำไมกัน!ดูสิคุณมีแผลด้วยนี่"ชายหนุ่มจับที่ข้อเท้าของเธอก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแจ็คเก็ตหนังสีดำแล้วนำผ้าไปพันแผลไว้
"แต่...."
"ไม่ต้องพูดเลยนะ!ผมไม่ได้ด่าคุณหรอกใช้ผ้านี่พันแผลไว้นะส่วนเรื่องไข่ไก่นั่นเดี๋ยวผมซื้อคืนให้และเอิ่ม....."ชายหนุ่มหันไปมองจักรยานที่สภาพเละเทะจนเกินจะเยียวยาก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น
"เดี๋ยวผมเอาไปซ่อมให้แล้วกันนะ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะฉันผิดเองที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ"
"คุณรู้ก็ดีแล้วแต่ผมก็ต้องรับผิดชอบเพราะผมเป็นผู้ชายแล้วก็เลิกกลัวผมได้แล้วนะผมไม่ใช่โจร!"ชายหนุ่มพูดก่อนจะอุ้มสริญดาขึ้นสู่อ้อมแขน
"นี่คุณจะทำอะไรคะ!"
"ผมไม่พาคุณไปฆ่าหรือนั่งยางหรอกนะคุณก็เห็นๆอยู่ว่ารถคุณพังยังไงผมก็ต้องไปส่งคุณอยู่ดี"
"เกรงใจคุณเปล่าๆนะคะฉันกลับเองได้ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ"
"สภาพอย่างนี้เนี่ยนะ..คุณอย่าพึ่งอวดเก่งนักเลยผมไปส่งคุณน่ะดีแล้ว...แล้วนี่จะนั่งข้างหน้าหรือข้างหลัง"
"เอิ่ม...ข้างหลังดีกว่าค่ะ"สริญดาตอบอย่างแผ่วเบาชายหนุ่มจึงค่อยๆจับเธอนั่งด้านหลังรถก่อนที่ตัวเองจะขึ้นคล่อมรถมอเตอร์ไซค์อย่างชำนาญ
"กอดผมไว้นะ"
"คะ!"
"ผมหมายถึงกอดเอวผมไว้ถ้าหากผมขี่รถเร็วแล้วคุณร่วงลงไปรับรองว่าศพคุณไม่สวยแน่ๆ"
"อ๋อ..ค่ะ"สริญดาพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะใช้มือโอบเอวชายหนุ่มเอาไว้
"ขออนุญาตนะคะ"สริญดาพูดชายหนุ่มเจ้าของรถอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ผู้หญิงคนนี้นี่ซื่อบื้อเสียจริง
"เดี๋ยวก่อนนะคะ..คุณชื่ออะไรเหรอคะฉันจะได้เรียกถูกน่ะค่ะ"
"ผมชื่อราพณ์ครับ"
"ช่วยด้วย!!!"หญิงสาวตะโกนออกมาขณะวิ่งหนีซึ่งชายฉกรรจ์ด้านหลังได้ตะโกนสั่งให้เธอหุบปากและวิ่งตามมาอย่างไม่ลดละเช่นเดียวกับหญิงสาวที่วิ่งไม่หยุดเหมือนกันจนเมื่อเริ่มเห็นแสงไฟจากบ้านหลังใหญ่สายลมก็พัดปะทะเข้ากับร่างบางอย่างแรงพร้อมนำพาเสียงฝีเท้าของคนด้านหลังให้หายไปด้วย
เงียบ........หญิงสาวหยุดวิ่งหนีก่อนจะหันไปมองด้านหลังก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่าในใจรู้สึกผ่อนปรนหลังจากที่เกร็งมานานก่อนเจ้าตัวจะรีบกลับมายังบ้านของเธอ..และเด็กๆ
"กลับมาแล้วเหรอ"แม่ครู เจ้าของบ้านอุปถัมภ์ที่คอยเลี้ยงดูเด็กๆที่มีปัญหาครอบครัวหรือเด็กกำพร้าพ่อและแม่เอ่ยขึ้น
"จ๊ะแม่ครู..แล้วน้องพิมกินอะไรยังหรือจ๊ะ"
"กินจนหลับไปแล้ว..ดูซิ!แอบไปซื้อโจ๊กมาจนได้ทั้งๆที่รู้ว่าแถวนี้เวลากลางคืนน่ะน่ากลัวจะตายไหนจะพวกโจรที่ฆ่ากันตายอีก"หญิงชราขยับแว่นเล็กน้อยก่อนจะหันไปหยิบตะกร้าไหมพรมที่เธอมักถักเวลาว่างอยู่บ่อยครั้งขึ้นมาถือ
"ไปนอนเถอะนะพรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอเรา..ส่วนโจ๊กนี้เก็บไว้ตอนเช้าละกันนะ"
"ค่ะแม่ครู..ฝันดีค่ะ"หญิงสาวกล่าวราตรีสวัสดิ์คนที่มีบุญคุณกับเธอมากที่สุดในชีวิตก่อนจะเดินไปสำรวจดูรอบบ้านว่าได้ล็อคทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วเธอจึงตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องเล็กๆที่แม่ครูเจ้าของบ้านจัดไว้ให้หญิงสาววัย18ปีอย่างเธออยู่คนเดียว
"หายไปไหนนะ"หญิงสาวพึมพำขณะนั่งเปิดหนังสือวิชาสำคัญที่จะต้องสอบในวันพรุ่งนี้แต่ในหัวกลับเลิกคิดถึงชายฉกรรจ์ที่จู่ๆก็หายไปในความมืดไม่ได้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนสมองจะท้วงให้เลิกสนใจแล้วหันกลับมามองหนังสือในมือแต่หางตากลับเห็นกระจกเสียก่อนใบหน้าสวยได้รูปคิ้วที่เรียวสวยริมฝีปากสีลูกพีชกับดั้งที่โด่งได้รูปดูไปแล้วหญิงสาวคนนี้ก็สวยใช่เล่นไม่งั้นจะได้เป็นถึงนางรำประจำโรงเรียนมัธยมศึกษาในย่านนี้หรือ..ผมสีดำถูกปล่อยให้สยายออกมาก่อนที่เจ้าของความสวยทั้งหมดทั้งมวลนี้จะส่ายหน้าไปมา
"อ่านหนังสือเถอะ!..สริญดา" สริญดาหรือหญิงสาวในอุปถัมภ์ของแม่ครูกล่าวขึ้นสายตาตวัดมองที่ตัวหนังสือไล่ไปเรื่อยๆจนความง่วงเริ่มคลืบคลานเข้ามาสริญดาจึงปิดหนังสือแล้วเอนหลังลงนอนคิดเรื่องต่างๆมากมายจนผล็อยหลับไปในที่สุด
……………………………………………………………
แสงของรุ่งอรุณสาดส่องกระทบกับหน้าผาก่อนจะทาบลงบนตัวชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเส้นผมสีดำกระทบกับแสงแดดทำให้เส้นผมฉายความเงางามริมฝีปากรูปกระชับเผยรอยยิ้มชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเบื้องหน้าแม้ในใบหน้าจะมีแว่นดำปกปิดดวงตาของเขาอยู่แต่ก็ไม่อาจจะกั้นความสวยงามที่ธรรมชาติสรรสร้างมาได้เลย..ภายในรถสปอร์ตสีดำสนิทที่จอดอยู่ข้างๆสาวสวยผมลอนเปิดประตูรถออกมาพร้อมใช้นิ้วเรียวขยับแว่นดำของเธอเพื่อให้กระชับขึ้นก่อนจะก้าวเท้าไปยืนข้างๆชายหนุ่มริมหน้าผา
"ชอบที่นี่เหรอ...ทศคินทร์"มัศยา ยักษิณีสาวถามพลางมองเสี้ยวใบหน้าของชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นใหญ่เหนือยักษ์ทั้งปวงอย่างสงสัย
"เธอชอบหรือเปล่ามัศยา"ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกแต่สายตายังจับจ้องไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า
"ก็สวยดีนะ...คุณกำลังคิดอะไรอยู่หรือ"ยักษิณีสาวยกมือขึ้นมากอดหน้าอกพร้อมทั้งจ้องเขม็งใบหน้าของคนที่ตัวใหญ่กว่าอย่างต้องการคำตอบ
"คิดว่า...ได้เวลาไปสอบแล้วนะ"ทศคินทร์กระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะสาวเท้าไปที่รถโดยไม่รอฟังคำบ่นของยักษิณีสาวที่ก่นด่าเขาในใจอยู่
"ให้ตายสิ!"มัศยาสบถก่อนจะรีบเดินตามหลังทศคินทร์ไปอย่างรวดเร็วในใจก็ก่นด่าเขาที่พาเธอมาแล้วก็ทิ้งเธอให้งงอยู่คนเดียว
………………………………………………………………
บริเวณมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง
ทศคินทร์เปรยตามองคนข้างๆเพื่อสังเกตุว่าเธอกินอะไรมาบ้างหรือยังแต่เมื่อเห็นผิวพรรณที่เปล่งปลั่งของหญิงสาวเขาก็รู้ได้โดยทันที
"คุณจะลงไปส่งฉันไหม"มัศยาถามถึงจะรู้ว่ามันไม่จำเป็นแต่การอยู่ท่ามกลางมนุษย์มากมายโดยปราศจากเขามันอาจจะทำให้เธออดทนต่อกลิ่นมนุษย์ที่หอมหวนไม่ไหวอย่างน้อยเขาก็เป็นคนเดียวที่ห้ามเธอได้ไม่สิ!ห้ามยักษ์ทุกตนได้ตั้งหาก!
"แย่จัง!ลืมกระเป๋าตังค์จนได้"สริญดาอุทานก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้คงเป็นเพราะเมื่อคืนเธอนอนดึกไปหน่อยเลยพาลให้เธอตื่นสายในวันสำคัญอย่างนี้สายลมพัดอ่อนๆเข้ามากระทบเรียวหน้าของสริญดาสายตาของเธอเหลือบไปที่รถสปอร์ตสีดำคันหนึ่งและมองเข้าอย่างจังกับผู้ชายเจ้าของรถที่พึ่งเปิดประตูออกมาแม้จะมีแว่นดำปิดกั้นดวงตาของเขาอยู่แต่สริญดาก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาและเคร่งขรึมในตัวเจ้าของรถ
"น่ากลัวจัง"สริญดาพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะสบตาเข้ากับผู้ชายที่เธอพึ่งนินทาไปเมื่อกี้อีกครั้งหากแต่ครั้งนี้เธอรู้ใจหวิวๆคล้ายจะเป็นลมจนเธอต้องหลบสายตาเขาเพื่อเรียกสติให้กลับมาอีกครั้งแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในอาคารเพื่อหลบแดดที่เริ่มร้อนขึ้นมา
"โชคดีนะ"ทศคินทร์พูดพลันยักคิ้วหลิ่วตาให้มัศยา
"รู้แล้วน่า"มัศยาเก็กท่าทำเป็นรำคาญแต่หลักฐานสีแดงๆที่ปรากฏบนแก้มของหญิงสาทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอขวยเขินขนาดไหนพูดแล้วยักษาผู้ยิ่งใหญ่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
"หนังสือพิมพ์ไหมครับ"ชายแก่คนหนึ่งเดินมาสะกิดแขนของทศคินทร์ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะส่งเงินให้ชายสูงอายุอย่างนอบน้อม
"ผมไม่มีทอนหรอกครับ"ชายสูงอายุส่ายหัวไปมากับจำนวนเงินมากมายที่ชายหนุ่มยื่นให้
"รับไว้เถอะครับ"ทศคินทร์ยิ้มก่อนจะยัดเงินใส่มือชายสูงอายุแล้วรับหนังสือพิมพ์มา
"เอิ่ม..ถ้างั้นก็..ขอบคุณครับ"ชายสูงอายุยิ้มก่อนจะพยุงร่างกายเดินจากไป
"มีอะไรหรือทศคินทร์"มัศยาเอ่ยถามเมื่อเธอรับรู้ถึงความไม่พอใจที่เปร่งออกมาจากภายในทั้งๆที่ภายนอกเขาดูปรกติดีทศคินทร์ไม่ตอบได้แต่มองหนังสือพิมพ์ในมืออย่างโมโหที่มีคนขัดคำสั่งเขา!
………………………………………………………………
ตกเย็น
สริญดาตั้งหน้าตั้งตาร้อยพวงมาลัยอย่างขะมักเขม้นจนแม่ครูอดที่จะยิ้มไม่ได้
"พอเถอะริญจะรีบทำไปถึงไหน"
"ริญกลัวเสร็จไม่ทันน่ะค่ะแม่ครู"
"เหนื่อยตายแย่..เนี่ยน้องๆก็ช่วยอยู่ริญพึ่งสอบเสร็จไปพักผ่อนเถอะนะ"
"ริญทำได้ค่ะแม่ครู"สริญดายิ้มออกมาจนแม่ครูส่ายหัวไปมากลับความดื้อรั้นของหญิงสาว
"แม่ครู!แม่ครูจ๊ะ"จ้อย เด็กชายวัยสิบขวบวิ่งหน้าตาตื่นมาอย่างกับโดนผีหลอกพลันนั่งลงข้างๆแม่ครูอย่างหวาดกลัว
"มีอะไรเหรอจ้อย"สริญดาเอ่ยถาม
"มีคนตายจ๊ะ!ศพอยู่ตรงทางแยกหน้าหมู่บ้านพอดีเลยเนี่ยมีคนมุงดูเยอะเชียวนะพี่ริญ"จ้อยอธิบายอย่างตื่นเต้นสริญดากับแม่ครูได้แต่มองหน้ากันงงๆสลับกับมองจ้อย
"ก็ชั่งเขาปะไร!แล้วไหนไข่ที่ข้าให้เอ็งไปซื้อ"
"คือ...คือ...จ้อยทำตก"
"หะ!อะไรนะ!!"แม่ครูอุทานขึ้นมาสริญดาเห็นท่าไม่ดีจึงวางพวงมาลัยลง
"ชั่งเถอะจ๊ะแม่ครูเดี๋ยวริญขี่จักรยานไปซื้อให้ใหม่นะจ๊ะ"
"อืม..รีบไปรีบมาล่ะเรานี่นะเจ้าจ้อย!"แม่ครูมองเด็กชายอย่างตำหนิแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรมากสริญดายิ้มออกมาก่อนจะเดินไปจูงจักรยานจนมาถึงหน้าหมู่บ้าน
"อ้าวหนูริญมานี่เร็ว!"ป้าปทุมแม่ค้าขายข้าวแกงกวักมือเรียกสริญดาก่อนจะลุกลี้ลุกลนเดินมาจับแขนสริญดาไปดูตรงมุมตึกภาพชายฉกรรจ์นอนตาเบิกโพร่งนิ้วมือหักไปคนละทิศละทางแต่นั้นก็ไม่น่ากลัวเท่ากับรอยกัดกินตามเนื้อตัวเขาเลยสักนิดสริญดารีบหันหน้าหนีภาพที่น่าเวทนานั้นอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว
"หรือจะมีสัตว์ร้ายในหมู่บ้านเรา"ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้นซึ่งชาวบ้านที่พากันห้อมล้อมตำรวจก็ต่างพากันพยักหน้าไปตามๆกันสริญดาเหลือบมองศพชายฉกรรจ์อีกครั้งดูจากสัดส่วนความสูงแล้วทำไมเขาถึงเหมือนคนที่ไล่ตามเธอเมื่อคืนเลยนะ!
"อ้าว!หนูริญ"ป้าปทุมมองสริญดาที่ขี่จักรยานออกไปอย่างงงๆผิดกับหญิงสาวที่รู้สึกสับสนไปหมดจิตใจที่เหม่อลอยมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องศพชายฉกรรจ์จนไม่ทันได้สังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซด์สีดำที่แล่นมาข้างหน้า
กริ๊ด!!!!
สริญดาหักรถจักรยานไปทางต้นไม้จนชนเข้าอย่างจังทำให้จักรยานล้มลงพร้อมถุงไข่ไก่ที่หล่นกระจัดกระจายข้างๆท้องถนน
"เฮ้ย!"ชายหนุ่มเจ้าของรถมอเตอร์ไซด์อุทานก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออกผมสีดำขลับที่ถูกจัดไม่เป็นทรงพลิ้วไหวเล็กน้อยตามแรงลมคิ้วที่ดกดำขมวดเข้าหากันก่อนจะที่เขาจะถอดแว่นตาออกสายตาที่คมกริบจับจ้องมาทางหญิงสาวอย่างตกใจก่อนที่เขาจะตรงมาจับแขนเธอ
"ขี่จักรยานยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือนี่ถ้าเกิดชนกันจริงๆจะให้ทำยังไง"ชายหนุ่มสบถก่อนจะพยุงสริญดาให้ลุกขึ้น
"แย่แล้ว!"สริญดามองดูไข่ไก่ที่ตกแตกอย่างเสียดายก่อนจะถลาเข้าไปเก็บไข่ไก่ที่ยังไม่แตก
"นี่คุณ!เดี๋ยวผมซื้อให้ใหม่ก็ได้"ชายหนุ่มตรงมาจับมือหญิงสาวให้ลุกขึ้นสริญดามองเขาอย่างหวาดกลัวก่อนจะคุกเข่าลงพร้อมยกมือไหว้เขา
"ฉันขอโทษนะคะอย่าด่าฉันเลยนะฉันไม่ได้ตั้งใจ"สริญดาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาที่ข้อเท้ามีเลือดไหลออกมาเพราะข้อเท้าสไลด์ไปกับพื้นเมื่อกี้นี้
"จะไหว้ทำไมกัน!ดูสิคุณมีแผลด้วยนี่"ชายหนุ่มจับที่ข้อเท้าของเธอก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแจ็คเก็ตหนังสีดำแล้วนำผ้าไปพันแผลไว้
"แต่...."
"ไม่ต้องพูดเลยนะ!ผมไม่ได้ด่าคุณหรอกใช้ผ้านี่พันแผลไว้นะส่วนเรื่องไข่ไก่นั่นเดี๋ยวผมซื้อคืนให้และเอิ่ม....."ชายหนุ่มหันไปมองจักรยานที่สภาพเละเทะจนเกินจะเยียวยาก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น
"เดี๋ยวผมเอาไปซ่อมให้แล้วกันนะ"
"ไม่ต้องหรอกค่ะฉันผิดเองที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ"
"คุณรู้ก็ดีแล้วแต่ผมก็ต้องรับผิดชอบเพราะผมเป็นผู้ชายแล้วก็เลิกกลัวผมได้แล้วนะผมไม่ใช่โจร!"ชายหนุ่มพูดก่อนจะอุ้มสริญดาขึ้นสู่อ้อมแขน
"นี่คุณจะทำอะไรคะ!"
"ผมไม่พาคุณไปฆ่าหรือนั่งยางหรอกนะคุณก็เห็นๆอยู่ว่ารถคุณพังยังไงผมก็ต้องไปส่งคุณอยู่ดี"
"เกรงใจคุณเปล่าๆนะคะฉันกลับเองได้ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ"
"สภาพอย่างนี้เนี่ยนะ..คุณอย่าพึ่งอวดเก่งนักเลยผมไปส่งคุณน่ะดีแล้ว...แล้วนี่จะนั่งข้างหน้าหรือข้างหลัง"
"เอิ่ม...ข้างหลังดีกว่าค่ะ"สริญดาตอบอย่างแผ่วเบาชายหนุ่มจึงค่อยๆจับเธอนั่งด้านหลังรถก่อนที่ตัวเองจะขึ้นคล่อมรถมอเตอร์ไซค์อย่างชำนาญ
"กอดผมไว้นะ"
"คะ!"
"ผมหมายถึงกอดเอวผมไว้ถ้าหากผมขี่รถเร็วแล้วคุณร่วงลงไปรับรองว่าศพคุณไม่สวยแน่ๆ"
"อ๋อ..ค่ะ"สริญดาพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะใช้มือโอบเอวชายหนุ่มเอาไว้
"ขออนุญาตนะคะ"สริญดาพูดชายหนุ่มเจ้าของรถอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ผู้หญิงคนนี้นี่ซื่อบื้อเสียจริง
"เดี๋ยวก่อนนะคะ..คุณชื่ออะไรเหรอคะฉันจะได้เรียกถูกน่ะค่ะ"
"ผมชื่อราพณ์ครับ"
AThousandYears
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2558, 06:59:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2558, 07:23:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 1458
หัวใจยักษา >> |
AThousandYears 12 พ.ย. 2558, 07:12:46 น.
สวัสดีผู้อ่านทุกคนนะคะ
สวัสดีผู้อ่านทุกคนนะคะ
คิมหันตุ์ 12 พ.ย. 2558, 13:37:57 น.
มาแปลกกกกดีค่ะ ติดตามๆ
มาแปลกกกกดีค่ะ ติดตามๆ
AThousandYears 12 พ.ย. 2558, 14:17:46 น.
ขอบคุณนะคะดีใจที่ได้เจอกันอีกค่ะ
ขอบคุณนะคะดีใจที่ได้เจอกันอีกค่ะ
สายลมที่พัดวน 12 พ.ย. 2558, 20:19:59 น.
รอติดตามน๊า
รอติดตามน๊า