เจ้าสาวเงากุหลาบ (จบแล้วค่า)
เจ้าสาวเงากุหลาบ
เธอฝันเห็นคนตาย
เธอมีวิญญาณตามติดไม่ห่าง
เธอถูกคนที่เธอแอบชอบมานาน ขอแต่งงาน และเธอก็รักเขา
แต่เธอกลับรู้สึกว่า ในตัวเธอเรียกร้องหาใครอีกคน
มาหยา ~ สาวอินทีเรียวัยเบญจเพสหน้าลูกครึ่งตาสีฟ้าพลาดท่าตกบันไดในบ้านโบราณที่เธอรับปรับปรุงครั้งใหญ่
หลังจากนั้น มาหยาก็ฝันแปลกๆแถมยังรู้สึก... เหมือนมีใครอีกคนคอยติดตามแล้วบางครั้งก็พยายามจะช่วงชิงร่างกายเธอไปอีก
ทำให้ ภีมวัชช์ โชควรารัตน์ ~ ต้องมาดูแลเธอที่เป็นเหมือนหลานสาวอย่างใกล้ชิด เพราะมาหยาไม่เหลือญาติคนไหนแล้ว
และการแก้อาถรรพณ์บางอย่าง ที่จะทำให้ภีมวัชช์ต้องเข้าประตูวิวาห์อย่างจำเป็น
เธอฝันเห็นคนตาย
เธอมีวิญญาณตามติดไม่ห่าง
เธอถูกคนที่เธอแอบชอบมานาน ขอแต่งงาน และเธอก็รักเขา
แต่เธอกลับรู้สึกว่า ในตัวเธอเรียกร้องหาใครอีกคน
มาหยา ~ สาวอินทีเรียวัยเบญจเพสหน้าลูกครึ่งตาสีฟ้าพลาดท่าตกบันไดในบ้านโบราณที่เธอรับปรับปรุงครั้งใหญ่
หลังจากนั้น มาหยาก็ฝันแปลกๆแถมยังรู้สึก... เหมือนมีใครอีกคนคอยติดตามแล้วบางครั้งก็พยายามจะช่วงชิงร่างกายเธอไปอีก
ทำให้ ภีมวัชช์ โชควรารัตน์ ~ ต้องมาดูแลเธอที่เป็นเหมือนหลานสาวอย่างใกล้ชิด เพราะมาหยาไม่เหลือญาติคนไหนแล้ว
และการแก้อาถรรพณ์บางอย่าง ที่จะทำให้ภีมวัชช์ต้องเข้าประตูวิวาห์อย่างจำเป็น
Tags: วิวาห์ ปิ่นนลิน วิญญาณ เจ้าบ่าว เจ้าสาว
ตอน: บทนำ - ตอนที่ 1
เจ้าสาวเงากุหลาบ
บทนำ
ภายในบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น สองชั้นหลังคามุงกระเบื้องสีน้ำตาลเข้มหน้าจั่ว ตัวบ้านเป็นไม้สีออกส้มทั้งหลังยกสูงจากพื้นเล็กน้อย บนสนามหญ้าสีเขียวที่มีการแต่งสวนสวยงาม ปลูกดอกไม้หลากหลายสีสัน รวมถึงมีต้นไม้ใหญ่เล็กมากมายให้ร่มเงาดูร่มรื่น ตอนนี้บ้านถูกเปิดไฟสีส้มสว่างเพราะฟ้าด้านนอกค่อยๆเข้มขึ้น ใกล้จะเข้าทุ่มหนึ่งแล้ว
บ้านหลังนี้เป็นบ้านของ ชัชชวิน เครือมาศ อาจารย์ภาคสถาปัตยกรรมวัยเพียงสี่สิบแปดปี แม้จะรับงานออกแบบสิ่งก่อสร้างบ้าง แต่ชัชชวินเน้นสอนหนังสือมากกว่าแล้ว
และวันนี้ชัชชวินก็มีแขกมาหา พร้อมนำของมามอบให้เขา ชัชชวินอยากจะปฏิเสธแต่ดูเหมือนจะยากเมื่ออีกฝ่ายร้อนเงินขนาดหนัก ถึงขนาดยอมขายให้ในราคาที่ไม่มากมายนักแสดว่าเจ้าตัวคงจะร้อนเงินมากจริงๆ เขาจึงยอมช่วยเหลือซื้อของสิ่งนี้ทั้งที่เขาก็ดูไม่ค่อยจะเป็น
แหวนเพชรสีชมพูเข้มจัดไปทางแดง ตัวแหวนทำด้วยทองโบราณที่ค่อนข้างเข้มและเก่า ดูก็น่าจะมีอายุเป็นสิบๆปีแน่นอน
ชัชชวินนั่งมองแแหวนเพชรที่เพิ่งช่วยซื้อมาตรงโต๊ะทำงานของเขา พลันถอนหายใจ เขาจะซื้อแหวนเพชรผู้หญิงนี้มาทำอะไรกัน ของแท้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ก่อนที่จะมองไปยังรูปถ่ายของเขากับลูกสาวที่เขารับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมในกรอบรูปไม้
“บางทียัยไหมอาจจะชอบก็ได้" ชัชชวินจึงเลิกคิดมากต่อไป เขาวางแหวนวงนั้นบนโต๊ะแล้วลุกไปทำการทำงานอย่างอื่น
ขณะที่ชัชชวินเหวี่ยงประตูห้องทำงานให้เปิดออก กระจกใสที่กรุอยู่ตรงประตูได้สะท้อนภาพหญิงสาวผมยาวคนหนึ่งในชุดแต่งงานลูกไม้สีขาวหม่น ผิวกายของเธอขาวซีด สวมมงกุฏดอกกุหลาบสีแดงเหี่ยวๆบนศีรษะ เธอมองตามหลังของชัชชวินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้น ริมฝีปากหยักเล็กจิ้มลิ้มปิดสนิท แม้ใบหน้าของเธอจะงดงามขนาดไหน แต่ในความมืดของหน้าอีกซีกหนึ่งก็เห็นถึงพุพองด้วยแผลเหวอะหวะน่ากลัว
เธอปรากฏกายเพียงชั่ววินาทีเท่านั้นหญิงสาวในชุดแต่งงานก็จางหายไป เหลือเพียงห้องทำงานที่เงียบ และว่างเปล่าเท่านั้น
ตอนที่ 1
งานแต่งงานแสนหวานของผู้บริหารหนุ่มวัยสามสิบปีกับคนรักถูกจัดในโรงแรมใจกลางเมือง มีแขกมากมายมาร่วมงาน ทุกคนดูมีสีหน้าแช่มชื้นมีความสุข ...
ทุกคนเหรอ … ไม่หรอก … มีเขาคนหนึ่งนี่แหละที่หน้าชื่นอกตรม
ภีมวัชช์ยกไวน์สีแดงเข้มในมือขึ้นดื่ม แล้วเม้มปากเมื่อเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจตัวเองว่าจะมาร่วมงานแต่งงานของคนที่เขาแอบรักให้เจ็บปวดหัวใจทำไมกัน แถมยังเป็นเจ้าสาวให้กับคู่แข่งตัวฉกาจของเขาอีก
เหตุผลที่ ภีมวัชช์ โชควรารัตน์ ปฏิเสธไม่ได้ก็คงเพราะเจ้าสาวคนสวยในงานแต่งงานนี้เคยเป็นพนักงานทำงานให้เขาช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
‘เดียวจะแต่งงานค่ะ คุณภีม … ถ้าคุณภีมว่าง มาร่วมงานให้ได้นะคะ’
เดียว หรือ รวิณดา เธอนำข่าวพร้อมการ์ดแต่งงานมาให้เขาถึงที่บริษัทแฮ้ปปี้ แบร์ ฟาร์ม ของเขาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข น้ำเสียงก็สดใสจนภีมวัชช์ไม่อาจปฏิเสธ ทำร้ายจิตใจของคนเชิญได้จริงๆ
ภีมวัชช์เริ่มเคี้ยวริมฝีปากไปมาอย่างขัดใจ ทำไมเธอถึงไม่เคยเอะใจเลยนะว่าเขาก็หลงรักเธอเหมือนกัน หรือเพราะดวงตาของเจ้าหล่อนเอาแต่มองผู้ชายที่ครอบครองตำแหน่งเจ้าบ่าวในคืนนี้เพียงคนเดียว จึงไม่เหลือสายตาไว้มองคนอื่นรอบตัวบ้าง
ภีมวัชช์ยังไม่ลืมเหตุผลเจ้าหล่อนให้ไว้ตอนที่รวิณดาลาออก นอกจากเขาจะแสนเสียดายพนักงานสาวที่ลุยลงแปลงผักกับเขาได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่เคยบ่นเหมือนสาวๆคนอื่นที่กลัวร้อน กลัวเลอะ แถมยังดูเข้ากับเหล่าผักที่เขาปลูกได้ดีอีก เธอยังตอกย้ำความรักมั่นคงต่อผู้ชายคนนั้นให้เขาเจ็บปวดซ้ำหนัก
‘เดียวไม่อยากทำให้คุณอนลลำบากใจน่ะค่ะ’
อนล! อนลชื่อนี้ ... ตอนแรกภีมวัชช์ได้ยินชื่อนี้ที่เจ้าหล่อนพูดถึงบ่อยๆก็ยังสงสัย เอะใจเล็กๆน้อยๆ หากพอได้พบหน้าว่าอนลที่ว่าเป็นใคร ภีมวัชช์เหมือนโดนต่อยจนมึน เพราะไม่ใช่คนไกลอื่นใดเลย อนล สิริสราญ ที่เป็นผู้บริหารหนุ่มแห่งบริษัท สินสราญ พรอพเพอร์ตี้ คู่แข่งบิดาของภีมวัชช์น่ะเอง
บิดาของภีมวัชช์ ทำบริษัทก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์มาสองรุ่นแล้ว จากรับเหมาก่อสร้างเล็กๆจนเปิดบริษัทใหญ่โต ภีมวัชช์จึงโตมากับเรื่องก่อสร้างตั้งแต่เด็ก คุ้นเคยอย่างดี
กระทั่งเขาไปเรียนการบริหารเพิ่มเติมกลับมาช่วยบิดาดูแลกิจการอยู่หลายปี หากเหตุการณ์ตึกถล่มในตอนนั้น
ภีมวัชช์อาจจะไม่ใช่คนผิดแต่เขาก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ให้ภาสน้องชายขึ้นดูแลแทน ส่วนตัวเขานั้นก็หนีไปพักใจที่ชอกช้ำจากการถูกหักหลังจากอดีตแฟนสาวที่ต่างจังหวัด
ใครจะมาคิด ... พอเขากลับมาเปิดบริษัทฟาร์มผักของตัวเองที่ชื่อ แฮปปี้ แบร์ ฟาร์ม ได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็พบรักอีกครั้ง ภีมวัชช์ไม่เคยปิดใจ เขาไม่โทษความรัก เขามองเป็นรายบุคคลมากกว่า ยายอดีตแฟนสาวของเขาน่ะนิสัยแย่เอง เขาจึงค่อยๆอยากจะปลูกต้นรักกับพนักงานสาวอย่าง รวิณดา ยอมเป็นสมภารกินไก่วัด ... แต่ ... เธอก็ดันมีคนรักแล้ว
... นั่นล่ะ ... ภีมวัชช์จึงอกหักดังเป๊าะ เก็บหัวใจที่แตกละเอียดบนพื้นมาประกอบกลับแทบไม่ทัน
เพื่อไม่ให้หมกมุ่นมากเกินไป ภีมวัชช์จึงพยายามทำตัวให้ยุ่ง จนไม่คิดถึงเรื่องกวนใจอื่นๆได้ ภีมวัชช์เข้าใจดีว่าทำไมรวิณดาถึงลาออก การมาทำงานให้คู่แข่งคนรักตัวเองมันคงทำให้เธอลำบากใจ ภีมวัชช์จึงไม่เหนี่ยวรั้ง หอบหัวใจพังๆมาดูแลเอง
แม้จะได้ข่าวว่าอดีตพนักงานสาวเจ็บป่วยจนเข้าโรงพยาบาล ภีมวัชช์ยังใจแข็งไม่ไปเยี่ยมเลยเพราะกลัวทำใจไม่ได้!
หากข่าวที่ทำให้ภีมวัชช์อดใจไว้ไม่ไหว ก็คือ ข่าวลักพาตัวแฟนหนุ่มของเธอ ซึ่งก็คือ อนล สิริสราญ ผู้บริหารหนุ่มคนเก่งแห่งสินสราญ พรอพเพอร์ตี้ คู่แข่งตัวฉกาจของบริษัทบิดา ภีมวัชช์จึงต้องแวะไปเอาของไปเยี่ยมไปเยียนตามคนรู้จัก อนลก็จิกๆกัดๆเขานิดหน่อยให้พอเป็นกระษัย ภีมวัชช์รู้เจตนาดี ไอ้รุ่นผู้บริหารรุ่นน้องนี่ก็แค่หวงแฟน ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับเขาหรอก
ก่อนที่ภีมวัชช์จะช้ำหนักกว่าเดิม ... เมื่อยินข่าวดีนี้
ร่างสูงที่ช่วงอกหนา เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อจากการทำงานใช้แรงงานหนักช่วงหนึ่ง เพราะเคยผิดหวังในความรักจึงหนีบรรยากาศเดิมไปปลูกผักกับเกษตรกรต่างจังหวัดเป็นปีๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาทำบริษัทของตัวเองบ้าง ตอนนี้ก็มีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพออกมาหลายอย่าง เช่นผักปลอดสารพิษ สลัดพร้อมรับประทาน และน้ำผักผลไม้รวมจัดจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า
แต่พอเขาหายดี หัวใจเข้มแข็ง พบรักครั้งใหม่ ก็อกหักดังเป๊าะอีกรอบ
เขาขัดใจเล็กน้อย เพราะการใช้แรงงานหนักๆเพื่อให้ลืมบาดแผลในหัวใจ ทำให้เกิดหุ่นแบบนี้ … ใครๆก็หาว่าเขาหุ่นเหมือนหมี
หมีภีม ... ไอ้เพื่อนบ้าๆให้ฉายานี้กับเขาเมื่อพบหน้ากันล่าสุด!
ภีมวัชช์ไม่ใช่คนอ้วน แต่เขาสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาเองต่างหาก หน้าท้องก็มีซิกซ์แพ็คแข็งปั๋ง ลูบเล่นมันส์มือ ไม่ลงพุงนุ่มนิ่มเหมือน หมีเท้ดดี้ แบร์ สักหน่อย เพื่อลบภาพหมีน้อยที่ถูกใครๆแซว ภีมวัชช์เลยเริ่มไว้หนวดเคราเล็กน้อย ทำให้หน้าตาคมเข้มดูดุดันขึ้น แต่ถ้าใครรู้จักภีมวัชช์ดี ก็จะรู้ว่า ภีมวัชช์เป็นคนใจดี และอบอุ่นจมากทีเดียว
พอคนหุ่นหมีหันมองไปยังบ่าวสาวที่มีความรักห้อมล้อม ก็ถอนหายใจเบาๆ กระดกไวน์ในแก้วจนหมดก่อนจะวางลงที่ถาดของบริกรหนุ่มที่เดินผ่านมาพอดี
“อ้าว หมีภีม มาร่วมงานนี้ด้วยเหรอ”
ภีมวัชช์หันมองตามเสียงเรียก เห็นเจ้าของเสียงร่างสูงในชุดสูทสีครามท่าทางภูมิฐานมาดคุณชายกำลังเดินตรงมาหาเขา
“ไอ้คุณพีช … แล้วนายล่ะ มาด้วยเหรอ” ภีมวัชช์เลิกคิ้วสูง ถาม ‘คุณพีช’ กลับอย่างสนิทสนม เพื่อนคนนี้ก็อีกคนที่เห็นด้วยกับฉายานี้!
ภีมวัชช์กับ หม่อมหลวงพิชาภพ วงศ์ปภาภัทร เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันทั้งมัธยมต้น ยันมัธยมปลาย แล้วก็ดันไปเรียนต่อปริญญาโทแม้จะคนละคณะ แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยเดียวกันที่อังกฤษอีก
หม่อมหลวงพิชาภพ แห่งวังปภาภัทรยิ้มกว้าง ริมฝีปากหยักนั้นช่างรับกับใบหน้าหล่อเหลาไทยแท้ ดวงตาคมสะกดใจสาวๆรอบๆเสียจริง ไม่แปลกเลยที่จะติดหนึ่งในห้าสิบหนุ่มหล่อ เพอร์เฟคของนิตยสารฉบับหนึ่ง
“พ่อของเรานับถือคุณย่าของคุณอนล เจ้าบ่าวเหมือนญาติผู้ใหญ่ เลยให้เรามาร่วมงานด้วยน่ะ … ว่าแต่นายมากกว่า แปลกนะ บริษัทนายกับอนลเป็นคู่แข่งกันไม่ใช่เหรอ แถมได้ข่าวว่านายก็กลับไปช่วยพ่อนายทำบริษัทเหมือนเดิมแล้ว” พิชภพหรี่ตาถามกลับอย่างสงสัย ไม่คิดว่าข่าวที่ภีมวัชช์กลับไปนั่งตำแหน่งผู้บริหาร หลังจากออกจากตำแหน่งไปเมื่อปีก่อนนั้นจะเป็นข่าวลือ
“ใช่ ฉันกลับไปทำโชควรารัตน์แล้วก็จริง แล้วก็เป็นคู่แข่งอนลก็จริง แต่ใช่จะเป็นเพื่อนกันไม่ได้นี่หว่า” ภีมวัชช์หยิบแชมเปญมาจิบ ไม่ยอมบอกหรอกว่าที่มานี่เพราะเจ้าสาวชวน
“จริงสิ ภีม เรามีเรื่องอยากให้นายช่วยเราหน่อย พอดีเราเพิ่งได้บ้านมาหลังนึง อยากจะปรับปรุงซ่อมแซมใหม่เสียหน่อย นายช่วยหาคนทำงานนี้ให้เราหน่อยได้ไหม” พิชาภพเห็นว่าภีมวัชช์คุ้นเคยกับวงการก่อสร้างมาก จึงเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ
“ได้สิ … ไม่มีปัญหาหรอก ไว้นายมาหาเราที่บริษัทนะ ว่างวันไหนก็นัดมาล่ะกัน” คนตอบน้ำเสียงใจดีเสมอ ... พิชาภพยังสงสัยเลยว่าใครกันหนอที่ชอบไปเล่าลือว่าภีมวัชช์ดุอย่างกับหมี แค่เวลาไม่พูดหรือยิ้ม ภีมวัชช์เข้าขั้นหน้าโหดเท่านั้นเอง
ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องอื่นต่อกระทั่งผ่านช่วงพิธีการของบ่าวสาว สุดท้ายก็ถึงเวลาที่สาวโสดรอคอย การโยนดอกไม้จากเจ้าสาวคนสวยบนเวที สร้างความสนุกสนานให้กับสาวๆไม่น้อยเลย
ทีแรกภีมวัชช์ยืนมองอยู่ห่างๆ ... หากเขาขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆ เพราะอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้าสาวชัดๆกว่านี้ แต่อยู่ๆก็มีสาวร่างอวบอ้วนที่ต้องการจะไปร่วมแย่งดอกไม้ด้วยวิ่งแทรกมาชนหลังเขาชนเซไปด้านหน้าหลายก้าว ในจังหวะที่ช่อดอกไม้แสนสวยถูกโยนลงจากหน้าเวทีพอด ราวกับมีใครบางคนปัดให้มันกระเด็นจากมือสาวๆในกลุ่มที่แย่งชิงกันจนกระดอนมาหล่นใส่มือหนาของคนที่กำลังเสียหลักด้านหลังเพราะถูกกระแทกอย่างแรงแทบจะล้ม กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีช่อดอกไม้เจ้าสาวก็มาหล่นในมือของเขาแล้ว
“เอ้อ ... “ ภีมวัชช์กระพริบตารัวๆ ร้องเสียงแปลกๆออกมาเพราะหาคำพูดอะไรไม่เจอ ได้แต่ยืนอึ้ง เมื่อเขากลายเป็นจุดสนใจของคนในงานที่ต่างพากันอึ้งและอมยิ้ม หรือพวกนั้นจะคิดว่าเขาต้องการแย่งช่อดอกไม้จากสาวๆหรือเปล่านะ ภีมวัชช์เขินจนแก้มเปลี่ยนสี รีบยื่นช่อดอกไม้เจ้าสาวให้สาวน้อยข้างๆ แต่เธอกลับส่ายหน้ายิ้มๆให้เขาเสียนี่
ความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะผิดคิวทำให้งานสะดุด จนเจ้าบ่าวต้องรีบแก้สถานการณ์
“สงสัยว่าเราจะได้เจ้าบ่าวคนต่อไปแทนนะครับ ผมจะรอไปงานคุณนะครับ คุณภีม” เจ้าบ่าวหนุ่มเอ่ยขึ้น เสียงหัวเราะชอบใจ และเสียงตบมือดังตามมาทันที
ภีมวัชช์มองช่อดอกไม้ในมือ ยิ้มแหยๆ นึกค้านในใจ … เจ้าบ่าวคนต่อไปบ้าอะไร ... เรื่องไร้สาระชัดๆ!
+++
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกลากจากจุดที่ลงรถแทกซี่หน้าคอนโดมิเนียมอย่างทุลักทุเล หญิงสาวเจ้าของผมยาวหยักศกสีน้ำตาลทองธรรมชาติถึงกลางหลังถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อเธอต้องลากทั้งกระเป๋า และถุงขนมของฝากมากมายจนเต็มมือเต็มไม้ไปหมด
มาหยา ถึงกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ดวงตาสีฟ้าสวยเหมือนลูกแก้วกลอกตามองไปด้านบน ริมฝีปากชมพูพ่นลมออกมา พร้อมยกมือบางโบกเรียกลมใกล้ๆใบหน้าผิวขาวสไตล์ลูกครึ่ง เธอสูงแค่ร้อยหกสิบเซนติเมตร ไม่สูงเหมือนคนที่มีเชื้อลูกครึ่งเหมือนคนอื่น
แต่มาหยาคิดว่า ถึงไม่สูงเท่า สัดส่วนหุ่นสะบึมของเธอก็ไม่ด้อยกว่าสาวลูกครึ่งคนอื่นหรอกนะ!
แม้เค้าโครงหน้า และสีดวงตาบอกชัดเจนว่ามาหยาไม่ใช่เชื้อไทยแท้ มีเชื้อของบิดาชาวอังกฤษอยู่ครึ่งหนึ่ง ขณะที่มารดาเป็นคนไทย แต่มาหยาก็พูดไทยได้ชัดมาก
พ่อแม่ของมาหยาก็เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกในต่างประเทศพร้อมกัน ทำให้มาหยาได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มาจนอายุ ยี่สิบห้าปี จากพ่อบุญธรรมอย่างอาจารย์ชัชชวิน
เพราะอาจารย์ชัชชวินเป็นลูกศิษย์ของศาสตาจารย์โธมัส และ ปาณิตา พอทั้งคู่จากไปด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างเดินทางไปประชุมวิชาการที่ต่างประเทศ ชัชชวินที่อายุเพียงสามสิบปีในเวลานั้นต้องรับมาหยาวัยเจ็ดขวบมาเลี้ยงดูแทน มาหยาเองก็คุ้นเคยกับเขาเดิมอยู่แล้ว จึงปรับตัวเข้าหากันไม่ยากนัก และตอนนี้ก็เป็นพ่อลูกที่สนิทและรักใคร่กันมากทีเดียว
เพียงแต่พอมาหยาเรียนจบในคณะสถาปัตยกรรมภายใน ชัชชวินก็อยากให้ลูกเลี้ยงได้ทำงานในบริษัทดีๆจึงฝากฝังน้องชายคนสนิทมาทำงานในกรุงเทพฯ กับบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง
มาหยาอยากอยู่กับพ่อมากกว่ามาทำงานในเมืองอีก แต่เมื่อขัดคำสั่งบิดาไม่ได้จึงต้องยอมมาหาประสบการณ์อย่างช่วยไม่ได้
“มาอาช่วย" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นขณะที่มาหยาพยายามลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ พร้อมถุงพะรุงพะรังไปยังประตูทางเข้าคอนโดมิเนียมที่บิดาซื้อไว้ให้พักโดยลำพังในเวลาเกือบเที่ยงคืน มาหยาเงยหน้ามอง เห็นว่าเป็นใครเธอก็ยิ้มออกทันที
ภีมวัชช์ โชควรารัตน์ ... น้องชายคนสนิทของบิดาเธอนี่เอง ... คนที่บิดาฝากฝังให้เธอมาทำงาน และภีมวัชชืก็อาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้เหมือนเธอด้วย
“เย้ อาภีมมาได้เวลาดีเลย เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของหนูเลยนะเนี่ย" มาหยาตบมืออย่างดีใจที่ภีมวัชช์โผล่มาตอนนี้ ตอนที่เธอกำลังลำบาก
"งั้นเจ้าชายก็มีของให้เจ้าหญิงมาหยาครับ" ภีมวัชช์รับมุขตอบ ก่อนจะส่งบางอย่างให้เธอ
“ว้าว! ... ดอกไม้สวยจังเลยค่ะอาภีม เอ ... ทำไมเอามาให้หนูละคะ" มายาถามเมื่อภีมวัชช์ยื่นช่อดอกไม้แสนสวยมาให้เธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมเจ้าตัวยังอยู่ในเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็ค ผมเผ้าเซ็ทแต่งอย่างดูดีอีกต่างหาก
ปกตินอกจากเวลาทำงานบริษัทแล้ว ภีมวัชช์ไม่ใช่คนแต่งตัวเนี้ยบหรอก มาหยารู้จักภีมวัชช์มาตั้งแต่เธออายุสิบห้า ภีมวัชช์ก็อายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีเคยมาทำงานที่บริษัทสถาปนิก ชัชชวิน บิดาของเธอ ทำให้รู้จักคุ้นเคยกันค่อนข้างมาก
“ก็ไม่รู้จะให้ใคร เลยเอามาให้ไหมดีกว่า" เขาบอกขณะช่วยหญิงสาวดึงกระเป๋าเดินทางใบโตไปยังลิฟท์ มาหยาเดินตามหลังไปติดๆ
“อ้าว! แล้วไปได้มายังไงล่ะคะ ให้สาวแล้วสาวไม่เอา หรือว่ามีสาวให้มาคะ ... ฮันแน่!” มาหยาจับพิรุธร่างสูง เลยโดนมะเหงกลงกลางกระหม่อมจนเธอโอดออกมาเสียงเบา
“ฮันแน่อะไรของเรากัน ... พอดีมีเรื่องบ้าๆเกิดขึ้นน่ะ ... จะเอาไหม ถ้าไม่เอาอาจะเอาไปทิ้งขยะ" ภีมวัชช์พูดอย่างหงุดหงิด ชักรำคาญกับการถูกซักถามเสียแล้ว
“เอาค่ะๆ หนูเอา สวยออก ...อย่าทิ้งเลยนะคะอาภีม" มาหยารีบบอกเขาทันที
“ว่าแต่เราเถอะ ไปเที่ยวญี่ปุ่นแค่สองอาทิตย์ แต่ทำไมเหมือนย้ายบ้านขนาดนี้ แล้วนี่ช้อปปิ้งจนเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย!” ภีมวัชช์ตาโตกับถุงพะรุงพะรังที่มาหยาหิ้วอยู่ คนบ้าหอบฟาง บ้าช้อปปิ้งยิ้มแหยๆ
“แหม ก็นานๆไปทีนี่คะ อาภีมอุตส่าห์ให้ไหมลาพักร้อนไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที ... หนูมีของฝากให้อาภีมด้วยนะ" มาหยาบอกเขาตาวาว ชวนให้ลุ้น
“ซื้ออะไรมาฝากอา" ภีมวัชช์ถามกลับ เมื่อเดินเข้าลิฟท์เรียบร้อยแล้ว มาหยาจึงยื่นช่อดอกไม้ให้ภีมวัชช์ถือแทนเธอก่อน มือบางล้วงหาหยิบถุงกระดาษสีขาวๆในถุงใบใหญ่ออกมาก่อนจะดึงดอกไม้มาถือไว้เองแล้วส่งถุงนั้นให้เขา ภีมวัชช์ไม่รอช้า คลี่ปากถุงเปิดดูก่อนจะมองหน้ามาหยาอย่างอึ้งๆ
“เป็นไงคะ ชอบหรือเปล่า หนูว่ามันเหมาะกับอาภีมมากเลยนะ" มาหยาถามอย่างอยากรู้
“ไอ้นี่นี่นะเหมาะกับอา" ภีมวัชช์ใช้มือล้วงหยิบของในถุงออกมา เป็นชุดชั้นในเซ็กซี่สีขาวขนปุยออกมา ตรงกางเกงชั้นในมีติดหางกระต่ายด้วย แถมยังมีหมวกหูกระต่ายยาวๆติดมือขึ้นมาอีก
ภีมวัชช์ถามอีกครั้ง "คิดว่าอาเหมาะกับชุดบันนี่เกิร์ลเหรอไหม"
“เฮ้ย!” มาหยาตาโต วางช่อดอกไม้บนกระเป๋าเดินทาง แล้วรีบดึงของในมือภีมวัชช์คืนมา ยัดชุดชั้นในลงถุงอย่างเดิมพร้อมอธิบายเสียงร้อนรน
“ไม่ใช่นะคะ! หนูหยิบผิด ... อันนี้ต่างหากล่ะ" มาหยารีบหยิบของที่ถูกต้องส่งให้แทน หน้าขาวๆของเธอแดงก่ำเพราะสายตาตกตะลึงของเขา
“ไม่ยักรู้ว่าไหมมีรสนิยมอย่างนี้" ภีมวัชช์ว่าขณะดูของฝาก
“ก็ ... ก็มันน่ารักดีนี่คะ" มาหยาเสมองอย่างอื่นที่ไม่ใช่หน้าของอาหนุ่ม แต่เงาสะท้อนของผนังลิฟท์ก็เห็นว่าภีมวัชช์ยิ้มมุมปากพลางส่ายหน้าไปมา ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องว้าก ตกใจกับของฝากอีกรอบ!
“แล้วไอ้นี่มันเหมาะกับอาตรงไหน!” คว้าฟิกเกอร์จากในถุงยื่นมาตรงหน้า ดวงตาคมวาววับไม่พอใจ
"หมีบ้านี่ ว่าไง เหมาะกับอาตรงไหนเนี่ย" กับตัวฟิกเกอร์หมีตัวสีน้ำตาลหน้าตาน่ารักนั่งถือข้าวโพดอยู่ในมือ ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือเขาเอง
“เหมือนอาภีมมากกกกเลยค่ะ ดูสิ เหมือนออก ถือข้าวโพดด้วย ฮ่าๆ" มาหยาหยิบเจ้าโมเดลหมีน้อยชื่อดังของญี่ปุ่นมาเทียบกับหน้าดุๆของภีมวัชช์ จริงๆก็ไม่เหมือนหรอก แต่มาหยาคิดว่าเวลาแกล้งเขาแล้วสนุกดีแค่นั้นเอง
“เดี๋ยวเถอะ! ล้ออาเหรอไง!” ภีมวัชช์ดุใส่ มาคิดดูแล้ว ชื่อบริษัท 'แฮ้ปปี้ แบร์ ฟาร์ม' ปลูกผักนั่นยายตัวแสบนี่ก็ช่วยเขาคิด เจ้าหล่อนเป็นคนแรกที่เรียกเขาว่าคุณหมี แล้วก็ชอบซื้ออะไรหมีๆมาฝากเขาอยู่เรื่อย
คุณหมีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อมาหยายังหัวเราะไม่หยุด คิดจะเอาคืนแต่พอประตูลิฟท์เปิดออก มาหยารีบเดินหนีร่างสูงไปอย่างรู้ตัวทันว่าจะโดนอะไร
ภีมวัชช์ส่ายหน้าใส่ หากใบหน้าของเขาก็เปื้อนยิ้มกับความสดใสที่มาหยามี
อย่างน้อยลูกเลี้ยงของชัชชวิน พี่ชายคนสนิทที่มีบุญคุณกับเขา ก็ทำให้หัวใจเหงาๆของภีมวัชช์หัวเราะได้บ้าง หลังจากห่อเหี่ยวจากงานแต่งงานของหญิงสาวที่ทำให้เขาอกหักคนนั้น
แต่อยู่ๆ มาหยากลับหยุดนิ่งไปอยู่กลางทางเดิน ภีมวัชช์รีบขยับเท้าเดินเข้าไปหา อยากจะลงโทษที่กลั่นแกล้งเขานัก
“คิดว่าจะหนีอาพ้นหรือไง ... แม่กระต่ายน้อย"
เขาตั้งฉายาให้เธอบ้าง จากไอ้ชุดบันนี่วาบหวิวที่เขาเห็นเมื่อครู่นั่นล่ะ! ก่อนจะเห็นว่ามาหยารับโทรศัพท์ค้างอยู่
“ไหม เกิดอะไรขึ้น?” ภีมวัชช์ถามอย่างแปลกใจ เมื่อครู่เธอยังหัวเราะเริงร่าอยู่เลย แต่ตอนนี้ดวงตาสีฟ้าสวยกำลังเต็มไปด้วยความตกใจ ภีมวัชช์เห็นท่าไม่ดีเลยดึงโทรศัพท์ในมือมาหยามาคุยแทน
“คุณหนูไหมครับ! คุณหนู ฟังผมอยู่หรือเปล่าครับ!” เสียงของจืด คนดูแลบ้านของชัชชวินดังมาตามสาย ภีมวัชช์รีบเอ่ยลงไป
“นี่ผมภีมพูดนะจืด เกิดอะไรขึ้น”
“คุณภีม! แย่แล้วครับ 'จารย์ตกบันไดครับคุณภีม 'จารย์ชัชเสียแล้วครับ คุณภีม!” จืดรายงานเสียงสั่น ก่อนจะปล่อยโฮออกมา ภีมวัชช์ต้องค่อยๆถามข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะวางสายไป
ภีมวัชช์รู้ว่ามาหยาคงจะช็อคไปแล้ว เขาดึงร่างบางมากอดไว้แน่นเพื่อปลอบประโลม
“กระต่ายน้อย ...”
จากสัมผัสอบอุ่นอ่อนโยนจากมือหนาที่ลูบปลอบ น้ำเสียงทุ้มของภีมวัชช์ ทำให้มาหยาที่ถูกรั้งไปกอดแนบแผงอกแข็งแกร่งเริ่มได้สติทีละนิด ยกแขนกอดเอวของภีมวัชช์แน่น เธอยึดเขาไว้ราวกับเป็นเพียงหลักสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ ก่อนจะร้องไห้โฮกับข่าวร้ายที่เพิ่งได้รับรู้
“อาภีมขา ... คุณพ่อ ... คุณพ่อของหนู ...”
ภีมวัชช์กลั้นน้ำตา พยายามก้มลงบอกกับมาหยาน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“ไหม ... เราไปหาท่านด้วยกันนะ ... อาจะพาไป”
จบตอน
เอาคุณภีมมาส่งให้อ่านกันค่ะ
คู่นี้อาจจะไม่มีอุปสรรคความรักอะไรมาก
แต่ชีวิตนางเอกจะยากลำบากหน่อย
ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
สต๊อกมีไม่เยอะ ลงช้าๆ ไปเรื่อยๆนะคะ ฮ่าๆ
แนวลึกลับนิดๆ วิญญาณ และความรักค่ะ :D
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ สวัสดีค่ะ
บทนำ
ภายในบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น สองชั้นหลังคามุงกระเบื้องสีน้ำตาลเข้มหน้าจั่ว ตัวบ้านเป็นไม้สีออกส้มทั้งหลังยกสูงจากพื้นเล็กน้อย บนสนามหญ้าสีเขียวที่มีการแต่งสวนสวยงาม ปลูกดอกไม้หลากหลายสีสัน รวมถึงมีต้นไม้ใหญ่เล็กมากมายให้ร่มเงาดูร่มรื่น ตอนนี้บ้านถูกเปิดไฟสีส้มสว่างเพราะฟ้าด้านนอกค่อยๆเข้มขึ้น ใกล้จะเข้าทุ่มหนึ่งแล้ว
บ้านหลังนี้เป็นบ้านของ ชัชชวิน เครือมาศ อาจารย์ภาคสถาปัตยกรรมวัยเพียงสี่สิบแปดปี แม้จะรับงานออกแบบสิ่งก่อสร้างบ้าง แต่ชัชชวินเน้นสอนหนังสือมากกว่าแล้ว
และวันนี้ชัชชวินก็มีแขกมาหา พร้อมนำของมามอบให้เขา ชัชชวินอยากจะปฏิเสธแต่ดูเหมือนจะยากเมื่ออีกฝ่ายร้อนเงินขนาดหนัก ถึงขนาดยอมขายให้ในราคาที่ไม่มากมายนักแสดว่าเจ้าตัวคงจะร้อนเงินมากจริงๆ เขาจึงยอมช่วยเหลือซื้อของสิ่งนี้ทั้งที่เขาก็ดูไม่ค่อยจะเป็น
แหวนเพชรสีชมพูเข้มจัดไปทางแดง ตัวแหวนทำด้วยทองโบราณที่ค่อนข้างเข้มและเก่า ดูก็น่าจะมีอายุเป็นสิบๆปีแน่นอน
ชัชชวินนั่งมองแแหวนเพชรที่เพิ่งช่วยซื้อมาตรงโต๊ะทำงานของเขา พลันถอนหายใจ เขาจะซื้อแหวนเพชรผู้หญิงนี้มาทำอะไรกัน ของแท้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ก่อนที่จะมองไปยังรูปถ่ายของเขากับลูกสาวที่เขารับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมในกรอบรูปไม้
“บางทียัยไหมอาจจะชอบก็ได้" ชัชชวินจึงเลิกคิดมากต่อไป เขาวางแหวนวงนั้นบนโต๊ะแล้วลุกไปทำการทำงานอย่างอื่น
ขณะที่ชัชชวินเหวี่ยงประตูห้องทำงานให้เปิดออก กระจกใสที่กรุอยู่ตรงประตูได้สะท้อนภาพหญิงสาวผมยาวคนหนึ่งในชุดแต่งงานลูกไม้สีขาวหม่น ผิวกายของเธอขาวซีด สวมมงกุฏดอกกุหลาบสีแดงเหี่ยวๆบนศีรษะ เธอมองตามหลังของชัชชวินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้น ริมฝีปากหยักเล็กจิ้มลิ้มปิดสนิท แม้ใบหน้าของเธอจะงดงามขนาดไหน แต่ในความมืดของหน้าอีกซีกหนึ่งก็เห็นถึงพุพองด้วยแผลเหวอะหวะน่ากลัว
เธอปรากฏกายเพียงชั่ววินาทีเท่านั้นหญิงสาวในชุดแต่งงานก็จางหายไป เหลือเพียงห้องทำงานที่เงียบ และว่างเปล่าเท่านั้น
ตอนที่ 1
งานแต่งงานแสนหวานของผู้บริหารหนุ่มวัยสามสิบปีกับคนรักถูกจัดในโรงแรมใจกลางเมือง มีแขกมากมายมาร่วมงาน ทุกคนดูมีสีหน้าแช่มชื้นมีความสุข ...
ทุกคนเหรอ … ไม่หรอก … มีเขาคนหนึ่งนี่แหละที่หน้าชื่นอกตรม
ภีมวัชช์ยกไวน์สีแดงเข้มในมือขึ้นดื่ม แล้วเม้มปากเมื่อเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจตัวเองว่าจะมาร่วมงานแต่งงานของคนที่เขาแอบรักให้เจ็บปวดหัวใจทำไมกัน แถมยังเป็นเจ้าสาวให้กับคู่แข่งตัวฉกาจของเขาอีก
เหตุผลที่ ภีมวัชช์ โชควรารัตน์ ปฏิเสธไม่ได้ก็คงเพราะเจ้าสาวคนสวยในงานแต่งงานนี้เคยเป็นพนักงานทำงานให้เขาช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
‘เดียวจะแต่งงานค่ะ คุณภีม … ถ้าคุณภีมว่าง มาร่วมงานให้ได้นะคะ’
เดียว หรือ รวิณดา เธอนำข่าวพร้อมการ์ดแต่งงานมาให้เขาถึงที่บริษัทแฮ้ปปี้ แบร์ ฟาร์ม ของเขาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข น้ำเสียงก็สดใสจนภีมวัชช์ไม่อาจปฏิเสธ ทำร้ายจิตใจของคนเชิญได้จริงๆ
ภีมวัชช์เริ่มเคี้ยวริมฝีปากไปมาอย่างขัดใจ ทำไมเธอถึงไม่เคยเอะใจเลยนะว่าเขาก็หลงรักเธอเหมือนกัน หรือเพราะดวงตาของเจ้าหล่อนเอาแต่มองผู้ชายที่ครอบครองตำแหน่งเจ้าบ่าวในคืนนี้เพียงคนเดียว จึงไม่เหลือสายตาไว้มองคนอื่นรอบตัวบ้าง
ภีมวัชช์ยังไม่ลืมเหตุผลเจ้าหล่อนให้ไว้ตอนที่รวิณดาลาออก นอกจากเขาจะแสนเสียดายพนักงานสาวที่ลุยลงแปลงผักกับเขาได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่เคยบ่นเหมือนสาวๆคนอื่นที่กลัวร้อน กลัวเลอะ แถมยังดูเข้ากับเหล่าผักที่เขาปลูกได้ดีอีก เธอยังตอกย้ำความรักมั่นคงต่อผู้ชายคนนั้นให้เขาเจ็บปวดซ้ำหนัก
‘เดียวไม่อยากทำให้คุณอนลลำบากใจน่ะค่ะ’
อนล! อนลชื่อนี้ ... ตอนแรกภีมวัชช์ได้ยินชื่อนี้ที่เจ้าหล่อนพูดถึงบ่อยๆก็ยังสงสัย เอะใจเล็กๆน้อยๆ หากพอได้พบหน้าว่าอนลที่ว่าเป็นใคร ภีมวัชช์เหมือนโดนต่อยจนมึน เพราะไม่ใช่คนไกลอื่นใดเลย อนล สิริสราญ ที่เป็นผู้บริหารหนุ่มแห่งบริษัท สินสราญ พรอพเพอร์ตี้ คู่แข่งบิดาของภีมวัชช์น่ะเอง
บิดาของภีมวัชช์ ทำบริษัทก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์มาสองรุ่นแล้ว จากรับเหมาก่อสร้างเล็กๆจนเปิดบริษัทใหญ่โต ภีมวัชช์จึงโตมากับเรื่องก่อสร้างตั้งแต่เด็ก คุ้นเคยอย่างดี
กระทั่งเขาไปเรียนการบริหารเพิ่มเติมกลับมาช่วยบิดาดูแลกิจการอยู่หลายปี หากเหตุการณ์ตึกถล่มในตอนนั้น
ภีมวัชช์อาจจะไม่ใช่คนผิดแต่เขาก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ให้ภาสน้องชายขึ้นดูแลแทน ส่วนตัวเขานั้นก็หนีไปพักใจที่ชอกช้ำจากการถูกหักหลังจากอดีตแฟนสาวที่ต่างจังหวัด
ใครจะมาคิด ... พอเขากลับมาเปิดบริษัทฟาร์มผักของตัวเองที่ชื่อ แฮปปี้ แบร์ ฟาร์ม ได้ไม่เท่าไหร่ เขาก็พบรักอีกครั้ง ภีมวัชช์ไม่เคยปิดใจ เขาไม่โทษความรัก เขามองเป็นรายบุคคลมากกว่า ยายอดีตแฟนสาวของเขาน่ะนิสัยแย่เอง เขาจึงค่อยๆอยากจะปลูกต้นรักกับพนักงานสาวอย่าง รวิณดา ยอมเป็นสมภารกินไก่วัด ... แต่ ... เธอก็ดันมีคนรักแล้ว
... นั่นล่ะ ... ภีมวัชช์จึงอกหักดังเป๊าะ เก็บหัวใจที่แตกละเอียดบนพื้นมาประกอบกลับแทบไม่ทัน
เพื่อไม่ให้หมกมุ่นมากเกินไป ภีมวัชช์จึงพยายามทำตัวให้ยุ่ง จนไม่คิดถึงเรื่องกวนใจอื่นๆได้ ภีมวัชช์เข้าใจดีว่าทำไมรวิณดาถึงลาออก การมาทำงานให้คู่แข่งคนรักตัวเองมันคงทำให้เธอลำบากใจ ภีมวัชช์จึงไม่เหนี่ยวรั้ง หอบหัวใจพังๆมาดูแลเอง
แม้จะได้ข่าวว่าอดีตพนักงานสาวเจ็บป่วยจนเข้าโรงพยาบาล ภีมวัชช์ยังใจแข็งไม่ไปเยี่ยมเลยเพราะกลัวทำใจไม่ได้!
หากข่าวที่ทำให้ภีมวัชช์อดใจไว้ไม่ไหว ก็คือ ข่าวลักพาตัวแฟนหนุ่มของเธอ ซึ่งก็คือ อนล สิริสราญ ผู้บริหารหนุ่มคนเก่งแห่งสินสราญ พรอพเพอร์ตี้ คู่แข่งตัวฉกาจของบริษัทบิดา ภีมวัชช์จึงต้องแวะไปเอาของไปเยี่ยมไปเยียนตามคนรู้จัก อนลก็จิกๆกัดๆเขานิดหน่อยให้พอเป็นกระษัย ภีมวัชช์รู้เจตนาดี ไอ้รุ่นผู้บริหารรุ่นน้องนี่ก็แค่หวงแฟน ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับเขาหรอก
ก่อนที่ภีมวัชช์จะช้ำหนักกว่าเดิม ... เมื่อยินข่าวดีนี้
ร่างสูงที่ช่วงอกหนา เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อจากการทำงานใช้แรงงานหนักช่วงหนึ่ง เพราะเคยผิดหวังในความรักจึงหนีบรรยากาศเดิมไปปลูกผักกับเกษตรกรต่างจังหวัดเป็นปีๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาทำบริษัทของตัวเองบ้าง ตอนนี้ก็มีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพออกมาหลายอย่าง เช่นผักปลอดสารพิษ สลัดพร้อมรับประทาน และน้ำผักผลไม้รวมจัดจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า
แต่พอเขาหายดี หัวใจเข้มแข็ง พบรักครั้งใหม่ ก็อกหักดังเป๊าะอีกรอบ
เขาขัดใจเล็กน้อย เพราะการใช้แรงงานหนักๆเพื่อให้ลืมบาดแผลในหัวใจ ทำให้เกิดหุ่นแบบนี้ … ใครๆก็หาว่าเขาหุ่นเหมือนหมี
หมีภีม ... ไอ้เพื่อนบ้าๆให้ฉายานี้กับเขาเมื่อพบหน้ากันล่าสุด!
ภีมวัชช์ไม่ใช่คนอ้วน แต่เขาสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาเองต่างหาก หน้าท้องก็มีซิกซ์แพ็คแข็งปั๋ง ลูบเล่นมันส์มือ ไม่ลงพุงนุ่มนิ่มเหมือน หมีเท้ดดี้ แบร์ สักหน่อย เพื่อลบภาพหมีน้อยที่ถูกใครๆแซว ภีมวัชช์เลยเริ่มไว้หนวดเคราเล็กน้อย ทำให้หน้าตาคมเข้มดูดุดันขึ้น แต่ถ้าใครรู้จักภีมวัชช์ดี ก็จะรู้ว่า ภีมวัชช์เป็นคนใจดี และอบอุ่นจมากทีเดียว
พอคนหุ่นหมีหันมองไปยังบ่าวสาวที่มีความรักห้อมล้อม ก็ถอนหายใจเบาๆ กระดกไวน์ในแก้วจนหมดก่อนจะวางลงที่ถาดของบริกรหนุ่มที่เดินผ่านมาพอดี
“อ้าว หมีภีม มาร่วมงานนี้ด้วยเหรอ”
ภีมวัชช์หันมองตามเสียงเรียก เห็นเจ้าของเสียงร่างสูงในชุดสูทสีครามท่าทางภูมิฐานมาดคุณชายกำลังเดินตรงมาหาเขา
“ไอ้คุณพีช … แล้วนายล่ะ มาด้วยเหรอ” ภีมวัชช์เลิกคิ้วสูง ถาม ‘คุณพีช’ กลับอย่างสนิทสนม เพื่อนคนนี้ก็อีกคนที่เห็นด้วยกับฉายานี้!
ภีมวัชช์กับ หม่อมหลวงพิชาภพ วงศ์ปภาภัทร เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันทั้งมัธยมต้น ยันมัธยมปลาย แล้วก็ดันไปเรียนต่อปริญญาโทแม้จะคนละคณะ แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยเดียวกันที่อังกฤษอีก
หม่อมหลวงพิชาภพ แห่งวังปภาภัทรยิ้มกว้าง ริมฝีปากหยักนั้นช่างรับกับใบหน้าหล่อเหลาไทยแท้ ดวงตาคมสะกดใจสาวๆรอบๆเสียจริง ไม่แปลกเลยที่จะติดหนึ่งในห้าสิบหนุ่มหล่อ เพอร์เฟคของนิตยสารฉบับหนึ่ง
“พ่อของเรานับถือคุณย่าของคุณอนล เจ้าบ่าวเหมือนญาติผู้ใหญ่ เลยให้เรามาร่วมงานด้วยน่ะ … ว่าแต่นายมากกว่า แปลกนะ บริษัทนายกับอนลเป็นคู่แข่งกันไม่ใช่เหรอ แถมได้ข่าวว่านายก็กลับไปช่วยพ่อนายทำบริษัทเหมือนเดิมแล้ว” พิชภพหรี่ตาถามกลับอย่างสงสัย ไม่คิดว่าข่าวที่ภีมวัชช์กลับไปนั่งตำแหน่งผู้บริหาร หลังจากออกจากตำแหน่งไปเมื่อปีก่อนนั้นจะเป็นข่าวลือ
“ใช่ ฉันกลับไปทำโชควรารัตน์แล้วก็จริง แล้วก็เป็นคู่แข่งอนลก็จริง แต่ใช่จะเป็นเพื่อนกันไม่ได้นี่หว่า” ภีมวัชช์หยิบแชมเปญมาจิบ ไม่ยอมบอกหรอกว่าที่มานี่เพราะเจ้าสาวชวน
“จริงสิ ภีม เรามีเรื่องอยากให้นายช่วยเราหน่อย พอดีเราเพิ่งได้บ้านมาหลังนึง อยากจะปรับปรุงซ่อมแซมใหม่เสียหน่อย นายช่วยหาคนทำงานนี้ให้เราหน่อยได้ไหม” พิชาภพเห็นว่าภีมวัชช์คุ้นเคยกับวงการก่อสร้างมาก จึงเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ
“ได้สิ … ไม่มีปัญหาหรอก ไว้นายมาหาเราที่บริษัทนะ ว่างวันไหนก็นัดมาล่ะกัน” คนตอบน้ำเสียงใจดีเสมอ ... พิชาภพยังสงสัยเลยว่าใครกันหนอที่ชอบไปเล่าลือว่าภีมวัชช์ดุอย่างกับหมี แค่เวลาไม่พูดหรือยิ้ม ภีมวัชช์เข้าขั้นหน้าโหดเท่านั้นเอง
ทั้งคู่พูดคุยกันเรื่องอื่นต่อกระทั่งผ่านช่วงพิธีการของบ่าวสาว สุดท้ายก็ถึงเวลาที่สาวโสดรอคอย การโยนดอกไม้จากเจ้าสาวคนสวยบนเวที สร้างความสนุกสนานให้กับสาวๆไม่น้อยเลย
ทีแรกภีมวัชช์ยืนมองอยู่ห่างๆ ... หากเขาขยับเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆ เพราะอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้าสาวชัดๆกว่านี้ แต่อยู่ๆก็มีสาวร่างอวบอ้วนที่ต้องการจะไปร่วมแย่งดอกไม้ด้วยวิ่งแทรกมาชนหลังเขาชนเซไปด้านหน้าหลายก้าว ในจังหวะที่ช่อดอกไม้แสนสวยถูกโยนลงจากหน้าเวทีพอด ราวกับมีใครบางคนปัดให้มันกระเด็นจากมือสาวๆในกลุ่มที่แย่งชิงกันจนกระดอนมาหล่นใส่มือหนาของคนที่กำลังเสียหลักด้านหลังเพราะถูกกระแทกอย่างแรงแทบจะล้ม กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีช่อดอกไม้เจ้าสาวก็มาหล่นในมือของเขาแล้ว
“เอ้อ ... “ ภีมวัชช์กระพริบตารัวๆ ร้องเสียงแปลกๆออกมาเพราะหาคำพูดอะไรไม่เจอ ได้แต่ยืนอึ้ง เมื่อเขากลายเป็นจุดสนใจของคนในงานที่ต่างพากันอึ้งและอมยิ้ม หรือพวกนั้นจะคิดว่าเขาต้องการแย่งช่อดอกไม้จากสาวๆหรือเปล่านะ ภีมวัชช์เขินจนแก้มเปลี่ยนสี รีบยื่นช่อดอกไม้เจ้าสาวให้สาวน้อยข้างๆ แต่เธอกลับส่ายหน้ายิ้มๆให้เขาเสียนี่
ความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะผิดคิวทำให้งานสะดุด จนเจ้าบ่าวต้องรีบแก้สถานการณ์
“สงสัยว่าเราจะได้เจ้าบ่าวคนต่อไปแทนนะครับ ผมจะรอไปงานคุณนะครับ คุณภีม” เจ้าบ่าวหนุ่มเอ่ยขึ้น เสียงหัวเราะชอบใจ และเสียงตบมือดังตามมาทันที
ภีมวัชช์มองช่อดอกไม้ในมือ ยิ้มแหยๆ นึกค้านในใจ … เจ้าบ่าวคนต่อไปบ้าอะไร ... เรื่องไร้สาระชัดๆ!
+++
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกลากจากจุดที่ลงรถแทกซี่หน้าคอนโดมิเนียมอย่างทุลักทุเล หญิงสาวเจ้าของผมยาวหยักศกสีน้ำตาลทองธรรมชาติถึงกลางหลังถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อเธอต้องลากทั้งกระเป๋า และถุงขนมของฝากมากมายจนเต็มมือเต็มไม้ไปหมด
มาหยา ถึงกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ดวงตาสีฟ้าสวยเหมือนลูกแก้วกลอกตามองไปด้านบน ริมฝีปากชมพูพ่นลมออกมา พร้อมยกมือบางโบกเรียกลมใกล้ๆใบหน้าผิวขาวสไตล์ลูกครึ่ง เธอสูงแค่ร้อยหกสิบเซนติเมตร ไม่สูงเหมือนคนที่มีเชื้อลูกครึ่งเหมือนคนอื่น
แต่มาหยาคิดว่า ถึงไม่สูงเท่า สัดส่วนหุ่นสะบึมของเธอก็ไม่ด้อยกว่าสาวลูกครึ่งคนอื่นหรอกนะ!
แม้เค้าโครงหน้า และสีดวงตาบอกชัดเจนว่ามาหยาไม่ใช่เชื้อไทยแท้ มีเชื้อของบิดาชาวอังกฤษอยู่ครึ่งหนึ่ง ขณะที่มารดาเป็นคนไทย แต่มาหยาก็พูดไทยได้ชัดมาก
พ่อแม่ของมาหยาก็เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกในต่างประเทศพร้อมกัน ทำให้มาหยาได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มาจนอายุ ยี่สิบห้าปี จากพ่อบุญธรรมอย่างอาจารย์ชัชชวิน
เพราะอาจารย์ชัชชวินเป็นลูกศิษย์ของศาสตาจารย์โธมัส และ ปาณิตา พอทั้งคู่จากไปด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างเดินทางไปประชุมวิชาการที่ต่างประเทศ ชัชชวินที่อายุเพียงสามสิบปีในเวลานั้นต้องรับมาหยาวัยเจ็ดขวบมาเลี้ยงดูแทน มาหยาเองก็คุ้นเคยกับเขาเดิมอยู่แล้ว จึงปรับตัวเข้าหากันไม่ยากนัก และตอนนี้ก็เป็นพ่อลูกที่สนิทและรักใคร่กันมากทีเดียว
เพียงแต่พอมาหยาเรียนจบในคณะสถาปัตยกรรมภายใน ชัชชวินก็อยากให้ลูกเลี้ยงได้ทำงานในบริษัทดีๆจึงฝากฝังน้องชายคนสนิทมาทำงานในกรุงเทพฯ กับบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง
มาหยาอยากอยู่กับพ่อมากกว่ามาทำงานในเมืองอีก แต่เมื่อขัดคำสั่งบิดาไม่ได้จึงต้องยอมมาหาประสบการณ์อย่างช่วยไม่ได้
“มาอาช่วย" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นขณะที่มาหยาพยายามลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ พร้อมถุงพะรุงพะรังไปยังประตูทางเข้าคอนโดมิเนียมที่บิดาซื้อไว้ให้พักโดยลำพังในเวลาเกือบเที่ยงคืน มาหยาเงยหน้ามอง เห็นว่าเป็นใครเธอก็ยิ้มออกทันที
ภีมวัชช์ โชควรารัตน์ ... น้องชายคนสนิทของบิดาเธอนี่เอง ... คนที่บิดาฝากฝังให้เธอมาทำงาน และภีมวัชชืก็อาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้เหมือนเธอด้วย
“เย้ อาภีมมาได้เวลาดีเลย เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของหนูเลยนะเนี่ย" มาหยาตบมืออย่างดีใจที่ภีมวัชช์โผล่มาตอนนี้ ตอนที่เธอกำลังลำบาก
"งั้นเจ้าชายก็มีของให้เจ้าหญิงมาหยาครับ" ภีมวัชช์รับมุขตอบ ก่อนจะส่งบางอย่างให้เธอ
“ว้าว! ... ดอกไม้สวยจังเลยค่ะอาภีม เอ ... ทำไมเอามาให้หนูละคะ" มายาถามเมื่อภีมวัชช์ยื่นช่อดอกไม้แสนสวยมาให้เธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมเจ้าตัวยังอยู่ในเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็ค ผมเผ้าเซ็ทแต่งอย่างดูดีอีกต่างหาก
ปกตินอกจากเวลาทำงานบริษัทแล้ว ภีมวัชช์ไม่ใช่คนแต่งตัวเนี้ยบหรอก มาหยารู้จักภีมวัชช์มาตั้งแต่เธออายุสิบห้า ภีมวัชช์ก็อายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีเคยมาทำงานที่บริษัทสถาปนิก ชัชชวิน บิดาของเธอ ทำให้รู้จักคุ้นเคยกันค่อนข้างมาก
“ก็ไม่รู้จะให้ใคร เลยเอามาให้ไหมดีกว่า" เขาบอกขณะช่วยหญิงสาวดึงกระเป๋าเดินทางใบโตไปยังลิฟท์ มาหยาเดินตามหลังไปติดๆ
“อ้าว! แล้วไปได้มายังไงล่ะคะ ให้สาวแล้วสาวไม่เอา หรือว่ามีสาวให้มาคะ ... ฮันแน่!” มาหยาจับพิรุธร่างสูง เลยโดนมะเหงกลงกลางกระหม่อมจนเธอโอดออกมาเสียงเบา
“ฮันแน่อะไรของเรากัน ... พอดีมีเรื่องบ้าๆเกิดขึ้นน่ะ ... จะเอาไหม ถ้าไม่เอาอาจะเอาไปทิ้งขยะ" ภีมวัชช์พูดอย่างหงุดหงิด ชักรำคาญกับการถูกซักถามเสียแล้ว
“เอาค่ะๆ หนูเอา สวยออก ...อย่าทิ้งเลยนะคะอาภีม" มาหยารีบบอกเขาทันที
“ว่าแต่เราเถอะ ไปเที่ยวญี่ปุ่นแค่สองอาทิตย์ แต่ทำไมเหมือนย้ายบ้านขนาดนี้ แล้วนี่ช้อปปิ้งจนเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย!” ภีมวัชช์ตาโตกับถุงพะรุงพะรังที่มาหยาหิ้วอยู่ คนบ้าหอบฟาง บ้าช้อปปิ้งยิ้มแหยๆ
“แหม ก็นานๆไปทีนี่คะ อาภีมอุตส่าห์ให้ไหมลาพักร้อนไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที ... หนูมีของฝากให้อาภีมด้วยนะ" มาหยาบอกเขาตาวาว ชวนให้ลุ้น
“ซื้ออะไรมาฝากอา" ภีมวัชช์ถามกลับ เมื่อเดินเข้าลิฟท์เรียบร้อยแล้ว มาหยาจึงยื่นช่อดอกไม้ให้ภีมวัชช์ถือแทนเธอก่อน มือบางล้วงหาหยิบถุงกระดาษสีขาวๆในถุงใบใหญ่ออกมาก่อนจะดึงดอกไม้มาถือไว้เองแล้วส่งถุงนั้นให้เขา ภีมวัชช์ไม่รอช้า คลี่ปากถุงเปิดดูก่อนจะมองหน้ามาหยาอย่างอึ้งๆ
“เป็นไงคะ ชอบหรือเปล่า หนูว่ามันเหมาะกับอาภีมมากเลยนะ" มาหยาถามอย่างอยากรู้
“ไอ้นี่นี่นะเหมาะกับอา" ภีมวัชช์ใช้มือล้วงหยิบของในถุงออกมา เป็นชุดชั้นในเซ็กซี่สีขาวขนปุยออกมา ตรงกางเกงชั้นในมีติดหางกระต่ายด้วย แถมยังมีหมวกหูกระต่ายยาวๆติดมือขึ้นมาอีก
ภีมวัชช์ถามอีกครั้ง "คิดว่าอาเหมาะกับชุดบันนี่เกิร์ลเหรอไหม"
“เฮ้ย!” มาหยาตาโต วางช่อดอกไม้บนกระเป๋าเดินทาง แล้วรีบดึงของในมือภีมวัชช์คืนมา ยัดชุดชั้นในลงถุงอย่างเดิมพร้อมอธิบายเสียงร้อนรน
“ไม่ใช่นะคะ! หนูหยิบผิด ... อันนี้ต่างหากล่ะ" มาหยารีบหยิบของที่ถูกต้องส่งให้แทน หน้าขาวๆของเธอแดงก่ำเพราะสายตาตกตะลึงของเขา
“ไม่ยักรู้ว่าไหมมีรสนิยมอย่างนี้" ภีมวัชช์ว่าขณะดูของฝาก
“ก็ ... ก็มันน่ารักดีนี่คะ" มาหยาเสมองอย่างอื่นที่ไม่ใช่หน้าของอาหนุ่ม แต่เงาสะท้อนของผนังลิฟท์ก็เห็นว่าภีมวัชช์ยิ้มมุมปากพลางส่ายหน้าไปมา ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องว้าก ตกใจกับของฝากอีกรอบ!
“แล้วไอ้นี่มันเหมาะกับอาตรงไหน!” คว้าฟิกเกอร์จากในถุงยื่นมาตรงหน้า ดวงตาคมวาววับไม่พอใจ
"หมีบ้านี่ ว่าไง เหมาะกับอาตรงไหนเนี่ย" กับตัวฟิกเกอร์หมีตัวสีน้ำตาลหน้าตาน่ารักนั่งถือข้าวโพดอยู่ในมือ ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือเขาเอง
“เหมือนอาภีมมากกกกเลยค่ะ ดูสิ เหมือนออก ถือข้าวโพดด้วย ฮ่าๆ" มาหยาหยิบเจ้าโมเดลหมีน้อยชื่อดังของญี่ปุ่นมาเทียบกับหน้าดุๆของภีมวัชช์ จริงๆก็ไม่เหมือนหรอก แต่มาหยาคิดว่าเวลาแกล้งเขาแล้วสนุกดีแค่นั้นเอง
“เดี๋ยวเถอะ! ล้ออาเหรอไง!” ภีมวัชช์ดุใส่ มาคิดดูแล้ว ชื่อบริษัท 'แฮ้ปปี้ แบร์ ฟาร์ม' ปลูกผักนั่นยายตัวแสบนี่ก็ช่วยเขาคิด เจ้าหล่อนเป็นคนแรกที่เรียกเขาว่าคุณหมี แล้วก็ชอบซื้ออะไรหมีๆมาฝากเขาอยู่เรื่อย
คุณหมีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อมาหยายังหัวเราะไม่หยุด คิดจะเอาคืนแต่พอประตูลิฟท์เปิดออก มาหยารีบเดินหนีร่างสูงไปอย่างรู้ตัวทันว่าจะโดนอะไร
ภีมวัชช์ส่ายหน้าใส่ หากใบหน้าของเขาก็เปื้อนยิ้มกับความสดใสที่มาหยามี
อย่างน้อยลูกเลี้ยงของชัชชวิน พี่ชายคนสนิทที่มีบุญคุณกับเขา ก็ทำให้หัวใจเหงาๆของภีมวัชช์หัวเราะได้บ้าง หลังจากห่อเหี่ยวจากงานแต่งงานของหญิงสาวที่ทำให้เขาอกหักคนนั้น
แต่อยู่ๆ มาหยากลับหยุดนิ่งไปอยู่กลางทางเดิน ภีมวัชช์รีบขยับเท้าเดินเข้าไปหา อยากจะลงโทษที่กลั่นแกล้งเขานัก
“คิดว่าจะหนีอาพ้นหรือไง ... แม่กระต่ายน้อย"
เขาตั้งฉายาให้เธอบ้าง จากไอ้ชุดบันนี่วาบหวิวที่เขาเห็นเมื่อครู่นั่นล่ะ! ก่อนจะเห็นว่ามาหยารับโทรศัพท์ค้างอยู่
“ไหม เกิดอะไรขึ้น?” ภีมวัชช์ถามอย่างแปลกใจ เมื่อครู่เธอยังหัวเราะเริงร่าอยู่เลย แต่ตอนนี้ดวงตาสีฟ้าสวยกำลังเต็มไปด้วยความตกใจ ภีมวัชช์เห็นท่าไม่ดีเลยดึงโทรศัพท์ในมือมาหยามาคุยแทน
“คุณหนูไหมครับ! คุณหนู ฟังผมอยู่หรือเปล่าครับ!” เสียงของจืด คนดูแลบ้านของชัชชวินดังมาตามสาย ภีมวัชช์รีบเอ่ยลงไป
“นี่ผมภีมพูดนะจืด เกิดอะไรขึ้น”
“คุณภีม! แย่แล้วครับ 'จารย์ตกบันไดครับคุณภีม 'จารย์ชัชเสียแล้วครับ คุณภีม!” จืดรายงานเสียงสั่น ก่อนจะปล่อยโฮออกมา ภีมวัชช์ต้องค่อยๆถามข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนจะวางสายไป
ภีมวัชช์รู้ว่ามาหยาคงจะช็อคไปแล้ว เขาดึงร่างบางมากอดไว้แน่นเพื่อปลอบประโลม
“กระต่ายน้อย ...”
จากสัมผัสอบอุ่นอ่อนโยนจากมือหนาที่ลูบปลอบ น้ำเสียงทุ้มของภีมวัชช์ ทำให้มาหยาที่ถูกรั้งไปกอดแนบแผงอกแข็งแกร่งเริ่มได้สติทีละนิด ยกแขนกอดเอวของภีมวัชช์แน่น เธอยึดเขาไว้ราวกับเป็นเพียงหลักสุดท้ายที่เธอเหลืออยู่ ก่อนจะร้องไห้โฮกับข่าวร้ายที่เพิ่งได้รับรู้
“อาภีมขา ... คุณพ่อ ... คุณพ่อของหนู ...”
ภีมวัชช์กลั้นน้ำตา พยายามก้มลงบอกกับมาหยาน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
“ไหม ... เราไปหาท่านด้วยกันนะ ... อาจะพาไป”
จบตอน
เอาคุณภีมมาส่งให้อ่านกันค่ะ
คู่นี้อาจจะไม่มีอุปสรรคความรักอะไรมาก
แต่ชีวิตนางเอกจะยากลำบากหน่อย
ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
สต๊อกมีไม่เยอะ ลงช้าๆ ไปเรื่อยๆนะคะ ฮ่าๆ
แนวลึกลับนิดๆ วิญญาณ และความรักค่ะ :D
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ สวัสดีค่ะ
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ส.ค. 2558, 02:55:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ต.ค. 2559, 22:18:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1402
ตอนที่ 2 >> |
phakarat 18 ส.ค. 2558, 21:05:31 น.
เรื่องนี้มีวิญญาณน่ากลัวมากมั้ยคะจะได้ทำใจก่อนอ่านอิอิ
เรื่องนี้มีวิญญาณน่ากลัวมากมั้ยคะจะได้ทำใจก่อนอ่านอิอิ
Nuchsan 18 ส.ค. 2558, 23:04:44 น.
Nuchsan 18 ส.ค. 2558, 23:05:58 น.
อย่าน่ากลัวมากนะไรเตอร์ เขาขวัญอ่อน
อย่าน่ากลัวมากนะไรเตอร์ เขาขวัญอ่อน
Zephyr 19 ส.ค. 2558, 01:27:57 น.
สาวหน้าเฟะนั่นคือใคร
แค้นพ่อลงลูกสินะ
จะเอาร่างลูกไปสิงมานัวอาภีมเหรอ
สาวหน้าเฟะนั่นคือใคร
แค้นพ่อลงลูกสินะ
จะเอาร่างลูกไปสิงมานัวอาภีมเหรอ
กัณฐกา 23 ส.ค. 2558, 11:56:33 น.
สนุก ลึกลับ น่าค้นหาค่ะ
สนุก ลึกลับ น่าค้นหาค่ะ