แก้วขวัญวันรัก "พันธนาการรักขวัญชีวัน"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

เข้าสู่เรื่องที่สองแล้ว เรื่องนี้มีชื่อว่า พันธนาการรักขวัญชีวัน

ขวัญชีวัน พี่สาวคนรองของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
สาวโก๊ะเจ้าของฉายา "สาวโก๊ะมหาภัย" ที่เหยียบย่างที่ไหนวอดวายที่นั่น
ยิ่งมามีคดีที่ทำให้ผู้ชายที่เข้าใกล้เจ็บตัวไปหลายต่อหลายราย
ทำให้เธอกลายเป็นสาวต้องห้ามไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่แล้ววันหนึ่งเธอกลับได้ไปเจอกับวาทิน
ผู้ชายที่บอกตัวเองไม่ใช่มาเฟีย แต่อิทธิพลเขาเยอะเหลือเกิน
ทั้งที่รู้ว่าเขาอันตรายไม่ควรเข้าใกล้ แต่กลับห้ามใจตัวเองไม่ได้จนหลงรักผู้ชายทีไม่ควรรัก


ขวัญชีวันจะแก้ปัญหาหัวใจที่มาพร้อมกับความวุ่นวายได้อย่างไร
ติดตามได้ใน "พันธนาการรักขวัญชีวัน"
Tags: ความรัก ความลับ รอคอย ตามล่า มาเฟีย

ตอน: บทนำ

บทนำ




เธอเคยได้ยินคนเปรียบเปรยความรักว่า ความรักเปรียบเสมือนกับขนมเค้ก สวย หอมหวาน น่าลิ้มลอง แต่ความอร่อยของขนมเค้กเราไม่สามารถตัดสินได้จากหน้าตาที่ตกแต่งด้วยครีมจนสวยงามครีมเหล่านั้นเมื่อกินไปนาน ๆ เราก็จะเลี่ยนจนไม่อยากทานมันอีก แต่ความอร่อยของขนมเค้กที่แท้จริงเกิดจากเนื้อเค้กที่อร่อย เพราะบางทีขนมเค้กหน้าตาบ้าน ๆ แต่เนื้อเค้กอร่อยสามารถดึงดูดใจคนได้ดีกว่าขนมเค้กหน้าตาสวยงามแต่รสชาติไม่ชวนชิม เหมือนกับความรักที่เราจะไม่สามารถเลือกมองหรือรักใครได้เพียงผิวเผินจากหน้าตา แต่ความรักเกิดจากข้างใน เราจะเลือกรักใครสักคน เราต้องได้รู้ตัวตนของเขา เมื่อองค์ประกอบความรักที่สำคัญที่สุดคือหัวใจของทั้งคู่ที่ตรงกันครบ ความรักของคน ๆ นั้นจะงดงามที่สุดแน่นอน เพราะความรักของเขาไม่ได้เกิดอย่างผิวเผินแต่มันเกิดจากความลึกซึ้งของหัวใจของคนทั้งคู่

แต่ขวัญชีวันเธอไม่ใช่คนที่ทานขนมเค้ก แต่เธอเป็นคนทำขนมเค้ก ดังนั้นสำหรับเธอความรักของก็เหมือนกับการทำขนมเค้ก ขนมเค้กจะอร่อยได้ ต้องเกิดจากวัตถุดิบที่ดี ขั้นตอนที่พิถีพิถัน และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือความใส่ใจ ขนมเค้กที่อร่อยได้บางทีอาจไม่ได้มาจากวัตถุดิบชั้นยอด แต่มาจากความใส่ใจ ยิ่งเราใส่หัวใจ และความรักลงไปมากเท่าไหร่ ผู้ที่ได้ชิม ได้ทานขนมเค้กชิ้นนั้นก็จะยิ่งมีความสุข ความรักก็เช่นกัน วัตถุดิบที่สำคัญของความรักคือความใส่ใจ ความรักถ้าขาดความใส่ใจกันมันจะเกิดเป็นรักได้อย่างไร

ชีวิตของขวัญชีวันเรียบง่าย เธอไม่เคยขอว่าจะให้ตัวเองได้เจอกับความรัก เพราะเธอไม่พร้อมจะหลงใหลกลิ่นหอมหวานของความรัก และสุดท้ายต้องกระอักเลือดตายเมื่อขนมเค้กนั้นซ่อนยาพิษไว้ เธอกลัวการที่ต้องรัก แต่สุดท้ายผลตอบแทนของรักคือความว่างเปล่า แต่แล้วเธอกลับทำสิ่งผิดพลาดที่สุด เมื่อเผลอลิ้มลองขนมเค้กอาบยาพิษชิ้นนั้น และสุดท้ายเธอก็ถอนตัวหนีความอร่อยที่ซ่อนยาพิษของเค้กชิ้นนั้นไม่ได้ ยิ่งรักก็ยิ่งยากจะถอนตัว และเหตุการณ์นั้นได้สอนบทเรียนของความรักกับเธอไว้ว่า ความรักไม่เคยทำร้ายใครนอกจากตัวเราที่ทำร้ายตัวเราเอง ชีวิตรักที่มีความสุขคือการปล่อยวางหัวใจ ความอร่อยอยู่กับเราเพียงชั่ววูบ แต่เมื่อเบื่อและจืดจางมันจะไม่เหลือค่าอะไร เพียงเธอไม่ยืดติดหลงใหล เพียงเธอยอมรับความจริง เธอจะไม่ต้องตกอยู่ในบ่วงของความรักอีก

ขวัญชีวัน





...วันลอยกระทง ปี 57...

แสงจันทร์คืนเพ็ญส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้า ประกายแสงงามตาชวนให้ต้องมนตร์สะกด แต่เหนือสิ่งอื่นใดแสงจันทร์กลางกรุงคงเทียบไม่ได้กับแสงจันทร์ตามเขตชนบท เพราะความงดงามประกายแสงทองของพระจันทร์กลางกรุงถูกกลบด้วยแสงไฟจนรัศมีที่ควรจะได้เห็นนั้นบางตาลง ค่ำคืนลอยกระทงอย่างนี้ค่อนข้างครึกครื้น ท้องถนนรถค่อนข้างติดตลอดช่วง และคิดว่าจนกว่าค่ำคืนนี้จะผ่านพ้นไปถนนคงไม่เว้นว่าง ลอยกระทงคืนนี้เป็นทั้งคืนของครอบครัวและคู่รัก ครอบครัวจูงมือกันพ่อแม่ลูกดูแล้วชวนสุขใจ คู่รักทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่เกี่ยวแขนเดินคู่กันไปลอยกระทง เป็นภาพที่หวานชวนอิจฉาสำหรับสาวโสดที่บางคนที่ได้แต่ทิ้งตัวเปล่าเปลี่ยวใจอยู่กับบ้าน หรือบางคนก็ออกไปลอยกระทงแบบฉายเดี่ยวอย่างมั่นใจ

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

(เจ้ขวัญ) เสียงปลายสายเอ่ยขึ้นทันทีที่ขวัญชีวันกดรับสาย

“ว่าไงรัก ถึงเชียงใหม่หรือยัง” สาวน้อยร่างอวบเอ่ยขึ้น ขณะกำลังเก็บร้าน วันลอยกระทงแบบนี้คนส่วนใหญ่ก็ตรงไปลอยกระทง ร้านเธอที่แม้จะอยู่กลางเมืองไม่ไกลจากห้างใหญ่ แต่ก็ห่างไกลจากสถานที่จัดงานลอยกระทงคนจึงแวะมาช่วงหนึ่งก่อนจะเงียบไป สุดท้ายเธอคิดว่าคืนนี้คงไม่มีใครแล้วจึงตัดสินใจเก็บร้าน แต่ลูกจ้างขอกลับเร็วกว่าทุกวันตามประสาคนมีธุระในคืนลอยกระทง เธอจึงต้องยอมเก็บร้านคนเดียว จากที่เก็บตอนสองทุ่ม ตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้วเธอยังเก็บร้านไม่เสร็จเลย

(ถึงแล้ว แล้วตัวล่ะเจ้ขวัญกลับบ้านหรือยัง วันนี้ไม่มีใครอยู่ด้วย เจ้แก้วก็ต้องไปดูแลงานที่ฝรั่งเศส เจ้วันก็กลับบ้านไปดูอาอี๊ เจ้ขวัญอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม)

“อยู่ได้สิ ไม่ต้องห่วงเจ้หรอกน่า ห่วงตัวเองเถอะว่าอย่าไปก่อเรื่องที่เชียงใหม่”

(เจ้ขวัญ...) รักจิราลูกพี่ลูกน้องสาวคนเล็กเอ่ยอย่างไม่ชอบใจที่โดนกล่าวหา แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่รักจิราน้องสาวคนเล็กเป็นสาวเลือดร้อนขาบู้ประจำบ้าน มักจะทำก่อนคิดเสมอและก็เกิดปัญหาทุกครั้ง

(เค้าห่วงตัวอยู่นะเจ้ขวัญ แล้วนี่กลับบ้านหรือยัง จะสี่ทุ่มแล้วนะ”

“เอ่อ...กลับแล้ว”

(โกหก) รักจิราเอ่ยเสียงดังทำเอาสาวขวัญอ่อนสะดุ้งและเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู ก่อนจะยกกลับมาชิดหูเช่นเดิม ขวัญชีวันสาวร่างอวบหน้าตากลมดูน่ารักคนนี้ไม่เคยโกหกใครได้เนียนเลยสักครั้ง

“เจ้ไม่ได้...”

(ตัวโกหกเค้าไม่ได้หรอกนะเจ้ขวัญ เค้าบอกแล้วไงว่าอย่ากลับบ้านดึก ทำไมไม่รีบปิดร้าน ลอยกระทงคนพลุกพล่านไม่น่าไว้ใจ แล้ววันนี้ตัวอยู่คนเดียวจะกลับบ้านยังไง แท็กซี่เดี๋ยวนี้ก็อันตราย...) รักจิราเริ่มบ่นเทศนาให้พี่สาวฟัง ขวัญชีวันเองก็ชินไปแล้วที่รักจิราจะตั้งตัวเป็นผู้พิทักษ์เธอแบบนี้

“รักไม่ต้องห่วงเจ้นะ เอาอย่างนี้คืนนี้เดี๋ยวเจ้ค้างที่ร้านก็ได้ เจ้จะปิดหน้าต่างทุกบาน ประตูทุกห้องไม่ให้แม้แต่มดเล็ดลอดเข้ามา รักไม่ต้องห่วงเจ้นะ ทำงานให้สบายใจ มัวแต่มาห่วงเจ้แล้วงานจะเสร็จ...โอ๊ย”

เคร้ง

(เจ้ขวัญ!!! เจ้ขวัญเป็นอะไร แล้วจะไม่ให้เค้าห่วงได้ยังไง เจ้ขวัญ) รักจิราเอ่ยตะโกนผ่านสายมาด้วยความเป็นห่วง พื้นเพนิสัยของขวัญชีวันแม้จะอายุมากกว่า แต่พี่สาวคนนี้กลับเหมือนน้องสาวที่พวกเธอทั้งบ้านต้องดูแล แก้วกัลยาลูกพี่ลูกน้องสาวคนโต ถึงแม้จะขี้วีน ขี้เหวี่ยง แต่รายนี้รู้จักพลิกแพลง สามารถเอาตัวรอดเองได้ทุกสถานการณ์ วันวิวาห์แม้จะเป็นสาวหน้านิ่ง เยือกเย็น แต่ก็เป็นคนที่มีสติอ่านสถานการณ์ขาด รู้ว่าอะไรควรหลบควรเลี่ยง และไม่ต้องพูดถึงตัวรักจิรา รายนี้สามารถล้มผู้ชายตัวโต ๆ ได้ด้วยมือเปล่า คงไม่ต้องห่วงอะไรมาก ควรจะห่วงคนที่ไปมีเรื่องกับรักจิรามากกว่า แต่ลูกพี่ลูกน้องสาวคนรองคนนี้มีนิสัยเปิ่นโก๊ะ เดินสามเก้าก็ล้มทั้งสามเก้า เผลอเดินชนโน่นชนนี้จนล้ม ตามตัวมีรอยเขียวช้ำกลับบ้านทุกวัน และโชคดีหน่อยเวลาได้ทำงานที่ตัวเองชอบนิสัยโก๊ะ ๆ ไม่ค่อยเกิดปัญหาให้หนักใจ ไม่อย่างนั้นคงมีเตาอบระเบิดกันบ้างตอนอบขนมเค้ก

“เอ่อ...เจ้ไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำของตกเอง...เอ่อ...จริง ๆ นะ” ขวัญชีวันพูดขณะที่มือก็ลูบไปที่เอว สีหน้าฉายความเจ็บปวดออกมา พร้อมด่าตัวเองในใจว่าโก๊ะได้ไม่ดูเวลา

(เฮ้อ...เค้าจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วกลับไป แล้วอย่าลืมนะต้องปิดประตูให้สนิท บานหน้าต่างให้แน่น ตรวจดูให้ทั่วก่อนจะนอน แล้วเอาเครื่องช็อคไฟฟ้าที่เค้าเก็บไว้ในลิ้นชักวางไว้บนหัวนอน แล้ว.....) แล้วรักจิราก็เริ่มต้นเทศนา บอกวิธีป้องกันตัวถ้ามีขโมยขโจรรอบเข้ามา ขวัญชีวันส่ายหน้ากับคนคิดมาก และตอนนั้นเอง

แกร๊ง

ขวัญชีวันหันหลังกลับไปมองทันที เธอได้ยินเสียงบางอย่างที่หลังร้าน ร้านเบเกอรี่ของขวัญชีวันตั้งอยู่ในตึกคูหาหนึ่งแถว ๆ ย่านห้างดัง โรงเรียนและบริษัท ทำเลถือว่าดีมาก และคนก็ค่อนข้างพลุกพล่านคงไม่มีโจรที่ไหนเข้ามา เพราะเธอเปิดร้านมาสี่ปีแล้ว ยังไม่เคยพบเจอโจรเลย แต่ขวัญชีวันอาจจะลืมไปว่าเวลาสี่ทุ่ม ไม่มีคนพลุกพล่านเช่นกลางวัน ห้างก็ปิดไปแล้ว โรงเรียนไม่ต้องหวัง อย่าพูดถึงบริษัทที่คงไม่มีใครทำงานในคืนเทศกาลแบบนี้

(มีอะไรหรือเปล่าเจ้ขวัญ ทำไมเงียบไป)

“เอ่อ... เจ้กำลังจะล้างจานน่ะ แค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวเจ้โทรไปใหม่ตอนเจ้เก็บร้านเสร็จ” ขวัญชีวันกดตัดสายไปทันทีกลัวว่าจะเผยพิรุธให้คนปลายสายเป็นห่วง ขวัญชีวันกดเบอร์ 191 เตรียมรอไว้และขาก็ก้าวไปด้านหลังร้านอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ใจของเธอเต้นสั่นระรัว แต่ความอยากรู้มีมากกว่าทำให้ขวัญชีวันเลือกเดินไปหลังร้าน ในมือหยิบไม้กวาดขึ้นมาถือ และค่อย ๆ ก้าวเดินไป คนเจ้าเนื้อคว้ามือจับลูกบิดประตูหลังร้าน ก่อนจะนับหนึ่งสองสามในใจ

ปัง!!!

ขวัญชีวันผลักประตูออกไป ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วหลังร้านอย่างหวาดระแวง ด้านหลังร้านเป็นขวัญชีวันเป็นโซนโล่ง ๆ ที่มีรั้วเล็ก ๆ ล้อมไว้ และเมื่อเปิดประตูรั้วออกไปจะเป็นที่จอดรถสำหรับเจ้าของตึกคูหาต่าง ๆ

“ไม่เห็นมีอะไรเลย” ขวัญชีวันเอ่ย และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอหันหลังกำลังจะปิดประตุกลับเข้าไป เสียงการเคลื่อนไหวยวบยาบหนังร้านทำให้เธอหันหลังกลับไป ขวัญชีวันคว้าหยิบไม้กวาดขึ้นมาถือและเดินตรงไปที่ลานจอดโดยลืมคำเตือนของรักจิรา ลานจอดรถด้านหลังมีรถจอดอยู่สองสามคัน ซึ่งเป็นรถของเจ้าของร้านในคูหาเดียวกัน แต่เพราะเวลานี้ดึกมากแล้วคงไม่มีใครมาสนใจเรื่องพวกนี้ ขวัญชีวันค่อย ๆ ก้าวตรงไปก่อนมองรถต้องสงสัยคันนั้น เธอค่อย ๆ ย่องเข้าไป ใจเต้นรัวแรงขึ้น มือยกไม้กวาดขึ้นเตรียมพร้อมถ้าเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่อันตรายเธอจะตีไม่ยั้งและร้องเสียงดัง ๆ ให้คนแถวนี้ได้ยิน ขวัญชีวันคิด

“นั่นใครน่ะ” ขวัญชีวันเอ่ยถามเสียงดังก่อนจะรีบวิ่งพร้อมกระโดดไปยืนอยู่ข้างรถที่เธอเห็นเงาแวบ ๆ แต่เหมือนเธอจะรีบวิ่งไปหน่อย จึงสะดุดขาตัวเองถลาตัวล้มลงไปนอนหมอบกับพื้น

ตุ๊บ!!!

“โอ๊ย!!!” ขวัญชีวันร้องและทำหน้าเหยเก ก่อนจะค่อย ๆ ประกองตัวเองลุกขึ้นปัดฝุ่นตามเนื้อตัว พลางบ่นงึมงำในใจกับความซุ่มซ่ามของตนเอง สองตาสำรวจมองเมื่อไม่เห็นความผิดปกติจึงหันหลังจะกลับเข้าร้าน

“จะซวยอะไรอย่างเนี่ย ได้แผลอีกแล้วขวัญเอ๊ย...” ขวัญชีวันที่กำลังบ่นเงียบเสียงลงทันที เมื่อข้อเท้าของเธอถูกมือปริศนาจับเข้า

หมับ

ขวัญชีวันทำตาโต ใบหน้าฉายแววตกใจตื่นตระหนก ใจสั่นรัวราวกับกลองเพลน น้ำตาใส ๆ คลออยู่ที่เบ้าตา ตัวก็แข็งขาก็ไม่กล้าขยับ ความคิดที่มโนขึ้นมาว่าเธอต้องโดนฆ่าข่มขืน แต่เธอไม่สวยขนาดนั้น โจรมันอาจฆ่าเธอและชิงทรัพย์ ภาพที่มโนออกมาต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงรวยระรินเอ่ยเรียกเธอแผ่วเบาคล้ายจะขาดใจ ขวัญชีวันจึงหันกลับไปมอง สีหน้าที่ตกใจแปลกเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกับเจอผี ก่อนจะตะโกนเสียงดัง

“คะ...คุณอย่าตายนะ”



....ติดตามตอนต่อไป....


มาขอเปิดเรื่องเจ้ขวัญรอ เดี๋ยวลงตอนเจ้แก้วถึงตอน 25 ตอนแรกของเจ้ขวัญจะตามมา

ใครรอติดตามความโก๊ะ และใครรอเป็นกำลังให้ให้กับงามใหญ่ของเจ้ขวัญ
ใครเจออันตรายเาี่ยงตายของเจ้แก้วคิดว่าเนหื่อยแทนแล้ว
มาเจอเจ้ขวัญเรา จะบอกว่านางน่าสงสารไม่แพ้เจ้แก้ว
เจ้ทรมานทางเอกทุกคน ใครรอเรื่องนี้พบกันแน่นอนเร็ว ๆ นี้ค่ะ


ส่วนเจ้แก้วเดี๋ยวไรเตอร์จะลงตอน 24 ให้วันเสาร์ค่ะ ตอนนี้กำลังเคลียร์เนื้อเรื่องอยู่ แก้เนื้อหลายจุด
เลยตัดสินใจยังไม่ลง เอาเจ้ขวัญว่าเรียกน้ำย่อยก่อน

พบกันค่ะ





พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ส.ค. 2558, 20:35:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ส.ค. 2558, 20:37:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 712





<< ก่อนเริ่มเรื่อง   ตอนที่ 1 เธอคือขวัญชีวัน >>
kaelek 19 ส.ค. 2558, 21:08:51 น.
ปูเสื่อรอหน้าบ้านเลย..
ใครกันที่บาดเจ็บ พระเอกหรือไม่.. รอจ้า รอๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account