ผิดไหม...ที่รักกัน
ภาม says : "ผมไม่รู้ว่า 'บาป' มีหน้าตาอย่างไร...
แต่จะผิดมากไหม...ถ้าผมตกหลุมรัก 'แม่' ของตัวเอง"

ใยไหม says : "ความรักนั้นไม่ผิด...แต่ว่าผิดที่รัก"


Tags: ผิด รัก ภาม ใยไหม

ตอน: บทนำ : วันสุดท้าย...ที่เราอยู่ด้วยกัน

WallyValent : ผิดไหม...ที่รักกัน


บทนำ


- Palm’s Diary -

วันที่ 2,880 (Deleted) วันสุดท้าย...ที่เราอยู่ด้วยกัน

วันนี้เป็นวันที่อากาศสดใส
ผมรีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้า
อาจจะเป็นเพราะรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษก็เป็นได้ ...
ก็จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของคุณพ่อคนสำคัญของผม

พ่อผมกำลังจะแต่งงาน!!!

ถามว่า ทำไมผมถึงดูไม่อนาทรร้อนใจหรือตีอกชกหัวอาละวาดแบบที่ลูกๆ ทั่วไปเขาจะทำกัน
ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก มัน Non sense มากอ่ะ พ่อของผมกำลังจะมีความสุขนะ เขากำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับผู้หญิงที่เขารักเป็นครั้งแรก จะให้ผมไปขัดขวางให้เป็นบาปกรรมติดตัวก็ไม่ควรใช่ไหม

แต่เดี๋ยวนะ... ครั้งแรกเหรอ? แล้วแม่ของผมหายไปไหนซะล่ะ?

ตาย? มีสามีใหม่? หายสาบสูญ? พ่อฉุดแม่ผมมาเลยไม่ได้แต่งงานกัน?

ผิด! ผิดหมดเลยครับ!

ผมไม่มีแม่หรอก (T_T น่าสงสารเนอะ)

แต่ผมไม่ได้เกิดมาจากซอกกระบอกไม้ไผ่หรอกนะ

เรื่องจริงๆ ก็คือ... ผมกับพ่อไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ ต่อกันเลยแม้แต่หยดเดียว เพราะพ่อทำเรื่องขอผมมาเลี้ยงตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กน้อยตีนเท่าฝาหอย (ยักษ์) ผมว่าพ่อคงจะรู้สึกสงสารที่เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ วัยเพียงแค่ 10 ขวบ (ตอนนั้น) ต้องเผชิญกับปัญหาเลวร้ายที่เกิดขึ้นในครอบครัว(เก่า) เพียงลำพัง …อย่าให้ผมเล่าถึงมันเลยครับ ฝังไว้ในอดีตนั่นล่ะดีแล้ว

ตอนนั้นพ่อเพิ่งจะอายุ 25 เรียนจบโทจากเมืองนอก แล้วกลับมาสานต่อกิจการธุรกิจนำเข้าวัสดุภัณฑ์จากต่างประเทศอันใหญ่โตมโหฬารของคุณปู่ได้เพียงไม่นาน เขากำลังจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ ก่อนจะตัดสินใจรับผมเข้ามาในชีวิต แต่ว่าผมก็ไม่ได้เข้ามาทำให้ชีวิตของพ่อตกต่ำลงหรอกนะครับ เขายังคงเจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่องที่เขาทำอยู่เสมอ

พ่อเป็นคนดีและเก่งมากๆ เขาเลี้ยงผมมาอย่างดีราวกับลูกแท้ๆ ทั้งๆที่พ่อเองก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กมาก่อน เขาพาผมไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ ส่งเสียให้เข้าเรียนในโรงเรียนระดับต้นๆ ของประเทศ เปิดบัญชีให้ผมมีเงินไว้ใช้ซื้อของส่วนตัว บางเวลาที่ผมซึมเศร้าเมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ พ่อจะเข้ามาปลอบโยนแล้วทำให้ผมกลับมายิ้มได้ทุกครั้ง เราไปเที่ยวทุกๆ ที่ด้วยกันทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เพราะพ่อรู้ว่าผมคลั่งไคล้การ์ตูน (มังงะ) และวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาก

เขาตามใจผมเสียจนญาติผู้ใหญ่ของพ่อหลายคนต้องเตือนว่า การสปอยล์ของพ่อจะทำให้ผมเสียคน แต่ผมและพ่อรู้ดีว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะผมจะไม่มีทางทำตัวไม่ดีให้พ่อของผมต้องเสียใจเด็ดขาด

ผมไม่อวยพ่อแล้วดีกว่า… แต่ว่าเขาเป็นเหมือน Hero ผู้สร้างโลกใบใหม่ให้กับผมจริงๆ นะ

หลังจากหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหม่และกางเกงเข้าชุดกันที่เพิ่งไปซื้อจากสยามกับเพื่อนมาใส่ หมุนตัวหน้ากระจกจนพอใจกับลุคที่หล่อใสเหมือนนักร้องเกาหลีผู้โด่งดังของตัวเองแล้ว ผมก็เดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้านเพื่อหาอะไรทาน ก่อนออกไปทำธุระข้างนอกตามที่ตั้งใจไว้

แต่ทันทีที่เดินลงมาสุดขั้นบันได สายตากลับเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนโซฟาหน้าทีวีในห้องนั่งเล่น ผมจึงเปลี่ยนความตั้งใจแรกที่จะเดินตรงเข้าครัว แล้วค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้เจ้าสิ่งนั้นแทน

สงสัยใช่ไหมว่ามันคืออะไร?

มันก็คือ... ก้อนอึ!

เขียนไม่ผิดหรอกครับ มันคือก้อนอึขนาดมหึมาที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ของพ่อ ก้อนอึขยับพลิกตัวไปทางซ้ายทีหนึ่ง ก่อนจะเตะขาขึ้นไปบนอากาศแบบรัวไม่หยุด ผมคิดว่าเจ้าตัวคนนอนดิ้นคงกำลังฝันร้ายเหมือนเช่นทุกคืน จึงตัดสินใจทำในสิ่งที่คิดว่าน่าจะช่วยให้ก้อนอึหยุดดิ้นได้

ป้าบ!!!
(เสียงอาจจะดังไปนิด แต่ไม่เจ็บ(มาก) หรอกมั้ง...)

หมอนอิงใบใหญ่ถูกผมฟาดลงไปบนหน้าผากของเธออย่างพอดิบพอดี ทำให้ก้อนอึ หรือ ‘ว่าที่คุณแม่’ ของผมเด้งตัวขึ้นมานั่งหลังตรงบนโซฟา เธอมองซ้ายทีขวาที หน้ามึนยิ่งกว่าคนเพิ่งลงจากรถไฟเหาะ ก่อนจะจ้องหน้าผมเขม็ง แล้วกรีดร้องออกมาสุดเสียง

‘นายภาม! ไอ้บ้าภาม! ไอ้โรคจิตภาม! มาปลุกฉันทำไมเนี่ย! คนกำลังหลับฝันดีอยู่เลยนะ’ คนตัวเล็กในชุดนอนลายคิตตี้ตัวโปรดโวยวายใส่ผมเป็นชุด ผมเลยหยิบสมุดโน้ตคู่ใจมาเขียนข้อความตอบโต้ไปเบาๆ

- ฝันว่าพ่อพายจับปล้ำอยู่รึไงป้า -

เท่านั้นล่ะครับ หน้าเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ก่อนจะเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์ของเจ้าตัวที่ปะทุขึ้น มือเธอกำแน่น ริมฝีปากบางเม้มตึง หลังจากนั้นสิ่งของรอบๆ ตัวเท่าที่เธอจะสามารถคว้าได้ก็ลอยเข้าใส่ตัวผมแบบไม่มียั้ง จนผมต้องหาที่หลบกำบังตัว แล้วรีบขยับมือเขียนโน้ตอีกใบเป็นพัลวัน

- ยอมๆ ไม่เล่นแล้ว วันนี้วันสำคัญ ไม่อยากให้เจ้าสาวหน้าเหี่ยว เดี๋ยวพ่อโกรธ -

‘เหี่ยวอะไรยะ! ฉันเพิ่งจะอายุ 23 ถึงนายจะเป็นแค่เด็ก 18 ก็ไม่ได้หมายความว่าหน้านายจะไม่มีวันเหี่ยวนะ! ใครสั่งใครสอนให้พูดจากับว่าที่เจ้าสาวของพ่อนายแบบนี้หา นี่วันแต่งงานของฉันนะ จะทำดีด้วยสักวันนี่ทำไม่ได้เลยใช่ไหม...’ คราวนี้มาชุดใหญ่เลยทีเดียว ผมเริ่มมองหาตัวช่วย ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังวิ่งลงบันไดมา ผมจึงรีบยื่นโน้ตส่งไปให้เธอ แล้วเดินหลบเข้าไปในครัว

- พ่อมาแล้ว เคลียร์กันเองนะ บาย –

‘เกิดอะไรขึ้นใยไหม! มีใครทำอะไรเรารึเปล่า’ เสียงทุ้มนุ่มของพ่อนำมาก่อนที่เขาจะวิ่งมาถึง ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เปิดประตูตู้เย็น แล้วคุ้ยหาอุปกรณ์ในการทำอาหารเช้าของตัวเอง ปล่อยให้คู่รักข้าวใหม่ปลามันได้ออดอ้อนกันไปตามประสา

ใยไหมกับพ่อเพิ่งจะไปจดทะเบียนสมรสกันมาเมื่อวาน ดูเธอจะปลื้มปริ่มกับไอ้ใบกระดาษสีขาวเลื่อมขอบชมพูทองที่ระบุว่าเธอได้เปลี่ยนสถานะจาก ‘นางสาว’ มาเป็น ‘นาง’ นั่นเสียเหลือเกิน ถึงขนาดหาซื้อกรอบหลุยส์อย่างดีมาใส่ไว้กันฝุ่นเกาะ ผมไปขอดูก็หวงนักหวงหนา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยจะสนใจข้าวของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

เราสองคนสนิทกัน ด้วยวัยที่ไม่ห่างกันมากนักและมักจะหาเรื่องทะเลาะกันแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่วันแรกที่พบกันเมื่อแปดปีก่อน ผมพลาดไปทำตุ๊กตาตัวสำคัญที่พ่อกับแม่ของเธอซื้อให้ก่อนพวกท่านจะเสียชีวิตขาขาด หลังจากนั้นใยไหมก็ร้ายใส่ผมมาโดยตลอด แต่พ่อก็ไม่เคยรับรู้และยังคงคิดว่ายัยมนุษย์บ้า(ป้า)นี่เป็นนางฟ้าตัวน้อยๆ ของเขาอยู่เสมอ

‘ไม่มีอะไรค่ะพี่พาย พอดีภามเขาเดินลงมาเงียบๆ ไฟก็ไม่ค่อยสว่าง ไหมตกใจก็เผลอตะโกนออกมาเสียงดัง พี่พายเลยต้องมาตื่นไปด้วย ไหมขอโทษนะคะ’ เสียงใสออดอ้อนพ่อผม พร้อมกับเคลื่อนตัวไปเกาะแกะด้วยการเอาหน้าไปอิงแอบแนบชิดท่อนแขนของพ่อ ผมรู้สึกหมันไส้จึงเบะปากส่งไปให้ เธอก็แลบลิ้นตอบกลับมา โดยที่พ่อไม่มีโอกาสได้เห็น…นี่มันละครชัดๆ

‘ไม่เป็นไรครับคนดี พี่แค่ตกใจ นึกว่าเราจะเผลอนอนดิ้นจนตกโซฟา ถ้าเจ้าสาวของพี่เป็นอะไรไปในวันสำคัญแบบนี้ล่ะก็แย่เลย ยิ่งสวยน้อยๆ อยู่ด้วย’

‘เอ๊ะ พี่พายนี่!’ เธอแสร้งทำเป็นกระเง้ากระงอดต่อคำหยอกเย้าของพ่อพอประมาณ แต่ส่งสายตาดุจัดมาทางผม เอ๊ะ! หรือว่าเสียงหัวเราะเยาะของผมจะดังมากเกินไป เอาเถอะ ผมหันหลังกลับมาชงโกโก้ต่อก็ได้ เชิญเธอใช้จริตนางงามเวเนซูเอร่าอ้อนพ่อไปตามสบายเลย ไม่สนใจแล้ว ชิ… แต่ทั้งๆ ที่นึกในใจแบบนั้น หางตาเจ้ากรรมของผมก็ยังไม่วายแอบมองพวกเขาอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ

‘ถึงจะสวยน้อย แต่ไหมของพี่พายก็น่ารักที่สุดครับ’

แหม่…พ่อผมเองก็ใช่เล่น ปล่อยหมัดเด็ดเสียจนยัยนั่นถึงกับอ่อนระทวยซุกตัวแนบสนิทอยู่ในอ้อมแขน

ถามว่าผมรู้สึกยังไงน่ะเหรอ? อิจฉาสิครับ! ผมเองก็ผู้ชายนะ กำลังโตเป็นหนุ่มเต็มตัวด้วย ก็อยากจะมีคู่กับเขาบ้างอะไรบ้าง

‘พี่พายอ่า…’ เสียงใยไหมแผ่วลง เธออายจนหน้าแดง แต่ยังไม่ยอมถอนตัวออกจากอ้อมกอด จากนั้นพ่อก็ค่อยๆ เกลี่ยผมที่หล่นมาปรกหน้าเธอขึ้นมาทัดหู ประสานสายตากันหวานซึ้ง ผมไม่อยากนึกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เขาจะ &*^&%$# กันโดยไม่สนใจผมที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนเลยหรือไง?!!

‘ผ้านวมอุ่นพอไหมครับ เมื่อคืนพี่จะอุ้มขึ้นไปนอนข้างบน เราก็ไม่ยอม’

‘ก็ตอนนั้นพี่พายดูเหนื่อยมากแล้วนี่คะ ไหมไม่อยากรบกวน ส่วนผ้านวมของพี่พายก็อุ่นค่ะ อุ่นเหมือนตัวพี่พาย กอดทีไรก็อุ่น อุ่นทั้งกาย อุ่นทั้งใจ’

เพล้ง!

เวรกรรม... อินกับฉากรักพวกเขามากไปหน่อย เผลอปล่อยมือที่ถือแก้วโกโก้ร้อน จนมันตกลงไปแตกกระจายเกลื่อนพื้น แก้วใบโปรดของผมเสียด้วย…เฮ้อ T_T ก็ใครให้สองคนนั้นทำท่าจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกลางบ้านแบบนี้เล่า…

‘ภาม! เป็นอะไรรึเปล่า’ พ่อวิ่งหน้าตื่นมาเลย มีใยไหมเดินตามมาช้าๆ มือเธอกำหมัด พร้อมกับส่งสายตาพิฆาตมาทางผม ขอโทษนะ มือมันลื่นจริงๆ …ไม่ได้ตั้งใจ

- แก้วโกโก้มันร้อน ไม่ทันระวัง ขอโทษที่รบกวนเวลาสวีทของพ่อครับ -

ผมเขียนโน้ตส่งให้พ่อ เตรียมจะก้มลงเก็บเศษแก้วบนพื้นครัว แต่พ่อส่ายหน้าไม่ให้ผมทำ เขาเดินไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักผงมาจัดการเอง เสร็จแล้วก็หยิบแก้วใบใหม่มาชงโกโก้ พร้อมกับส่งแซนวิชชิ้นใหญ่ในตู้เย็นออกมาให้ผม

ใยไหมยืนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดๆ ผมรู้ว่าเธออิจฉาผมมาก สายตาที่มองมาช่างบ่งบอกความรู้สึกทุกอย่างจนผมต้องยอมสงบศึก ก้มหน้าก้มตากินของที่พ่อทำให้ไปโดยไม่กวนอารมณ์เธออีก

‘เดี๋ยวภามจะออกไปธุระข้างนอกก่อนไปที่งานใช่ไหม พ่อฝากไปส่งไหมที่ร้านทำผมหน่อยสิ เพราะพ่อต้องไปรับคุณปู่ที่โรงพยาบาลก่อน’

พ่อครับ ผมเพิ่งจะกู้ระเบิดได้ พ่อก็ปล่อยระเบิดอีกลูกมาแล้วเหรอ… นั่นไง ใยไหมส่งสายตาอำมหิตมาแล้ว บรรยากาศเข้าขั้นมาคุสุดๆ แต่ผมก็เข้าใจเธอนะ ไม่มีเจ้าสาวคนไหนอยากนั่งรถร่วมกับลูกชายเจ้าบ่าว (ที่ไม่ค่อยถูกชะตากัน) แบบผมไปงานแต่งงานของตัวเองหรอก

งานแต่งงานของสองคนนี้ยิ่งไม่ค่อยจะเหมือนงานอื่นๆ ด้วย เพราะพ่อกับใยไหมเลือกที่จะไปจดทะเบียนสมรสกันเงียบๆ สองคนที่สำนักงานเขต แล้วก็จัดพิธีฉลองมงคลสมรสด้วยการจัดงานเลี้ยงทานอาหารกันเล็กๆ ภายในครอบครัวและญาติคนสนิทที่ร้านอาหารริมแม่น้ำแห่งหนึ่งเท่านั้น

อาจจะเป็นเพราะใยไหมเป็นเด็กในบ้านที่อยู่ด้วยกันมานาน ญาติผู้ใหญ่ก็ไม่มี เพราะพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังจากที่พ่อรับผมมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน และเมื่อญาติทุกคนของเธอรังเกียจที่จะรับเลี้ยงเด็กหญิงกำพร้า คุณปู่ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อของเธอจึงตัดสินใจรับใยไหมมาเลี้ยงดูอยู่ที่นี่ด้วยกัน (แต่เธออาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่กับคุณปู่ ส่วนบ้านหลังเล็กนี่มีผมอยู่กับพ่อแค่สองคน แม้ว่าช่วงหลังๆ นี่เธอชักจะมายึดพื้นที่ในบ้านนี้ไปบ้างบางส่วนแล้วก็ตาม) พ่อกับใยไหมแอบปลูกต้นรักกันมานานแสนนาน โดยมีผมเป็นวัชพืชคอยกีดกันขัดขวาง แต่ก็ทำอะไรต้นรักของพวกเขาที่ยังคงเจริญงอกงามมาจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้เลย

ผมยังจำภาพเหตุการณ์วันแรกที่ใยไหมก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ดี ภาพในความทรงจำของผมคือเธอเป็นเด็กสาวที่สวยมากๆ คนหนึ่ง อายุมากกว่าผม 5 ปี ช่วงนั้นผมยังเป็นเด็กเก็บกด ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร แต่พอรู้ว่าจะมีพี่สาวคนใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วย ผมก็รีบไปยืนแอบมองเธออยู่ตรงมุมห้องชั้นบน สายตาของผมจับจ้องไปตามทุกท่วงท่าที่เธอก้าวเดินไปมารอบๆ บ้านอย่างเพลิดเพลิน แล้วหัวใจของผมก็สั่นไหวไปตามจังหวะที่หางเปียสองข้างของเธอขยับขึ้นลงโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเธอก้าวเท้าขึ้นบันไดมายังชั้นบนที่ผมยืนรออยู่ ผมก็ตัดสินใจขยับตัวออกจากมุมห้อง หวังจะไปทักทายเธอสักครั้ง

แต่ว่าผมพลาด… = =

เธอตกใจที่เห็นผมจนผงะหงายหลัง จวนเจียนจะตกบันไดอยู่รอมร่อ ผมจึงไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปช่วย แต่มือกลับคว้าไว้ได้เพียงแค่ขาข้างหนึ่งของตุ๊กตาที่เธอถือ ส่วนร่างบอบบางของเธอล่วงลงไปนอนหงายท้องตึง กระโปรงเปิดอ้าซ่าอยู่บนพื้นเบื้องล่าง และหลังจากนั้น เราสองคนก็กลายเป็นคู่กัดกันมาตลอด

- ไม่เอา ทำไมพ่อไม่ไปส่งไหมก่อนไปโรงพยาบาลอ่ะ ผมรีบ จะออกไปแล้ว –

‘ช่วยพ่อหน่อยดิ เมื่อคืนอยู่เคลียร์งานจนดึก นอนน้อย ไม่อยากขับไปทางร้านนั้น แล้ววนกลับมาโรงพยาบาลอีก รถมันติด’

ผมทำท่าจะค้านอีกครั้ง แต่เมื่อมองสีหน้าเพลียๆ ของพ่อ ผมก็ต้องยอมเปลี่ยนใจ เพราะรู้ว่าช่วงนี้พ่อพักผ่อนน้อยติดต่อกันมาหลายวัน เนื่องจากมีโปรเจคใหญ่ของรัฐที่สั่งซื้อวัสดุภัณฑ์ของทางบริษัทเรา พ่อต้องอยู่ตรวจเอกสารจนดึกดื่นทุกคืน แล้วยังเจ้ารถสปอร์ตคันงามที่พ่อเพิ่งซื้อให้ผมเป็นของขวัญตอนที่สอบใบขับขี่ผ่านก็ยังค้ำคอให้ต้องรู้สึกผิด ผมจึงไม่มีทางเลือก จำใจพยักหน้ารับชะตากรรม

‘ดีมาก แล้วพอภามทำธุระเสร็จ ไหมก็คงจะเสร็จพอดี ภามก็วนกลับมารับไหมไปที่ร้านอาหารด้วยกันเลยนะ’ พ่อสรุปเอาเองเสร็จสรรพ พร้อมกับส่งยิ้มพึงพอใจมาให้อีกทีหนึ่ง แหม่ ได้คืบจะเอาศอกนะพ่อ แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่ทำหน้าเมื่อยส่งไป

- อืม ก็ได้ –

‘พี่พายคะ ไหมไปเองก็ได้ ไม่อยากรบกวนภาม…’ ใยไหมค่อยๆ พูด หลังจากยืนเงียบๆ ฟังพวกเราคุยกันมาพักใหญ่ นี่เธอยืนหลับหรือไงหา... เขาตกลงกันเรียบร้อยหมดแล้วกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้ ผมส่ายหน้าให้เธออย่างเหนื่อยหน่าย แล้วยื่นโน้ตไปอีกครั้ง

- อีก 15 นาที เจอกันที่รถ –

‘แต่ว่า…’ ใยไหมยังพยายามปฏิเสธ จริงๆ แล้วเธอคงอยากให้พ่อไปส่ง แต่พ่อก็เหมือนจะเหนื่อยมากจริงๆ ถึงได้ยอมขัดใจภรรยาทางนิตินัย

‘ขึ้นไปอาบน้ำเถอะไหม ภามตกลงแล้ว’ พอได้ยินแบบนั้น ใยไหมก็เม้มปากเป็นเส้นตรงด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดหน้าพรืด แล้ววิ่งหายขึ้นไปข้างบน ในครัวจึงเหลือเพียงพ่อกับผมแค่สองคน

พ่อยังคงยิ้มในหน้าด้วยความเอ็นดู เขาเอื้อมมือหยิบแก้วของตัวเองมาเทนมใส่ แล้วเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าผม แต่กลับไม่ยอมดื่มนม เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมอยู่พักใหญ่ เหมือนครุ่นคิดเรื่องบางอย่างแบบเคร่งเครียดจริงจัง จนผมต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม พ่อจึงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งก่อนพูด

‘ภาม ทำไมแกเบี้ยวนัดหมอสะกดจิต หมอเขาคิวแน่นมากเลยนะ กว่าจะแทรกคิวให้เราได้’

ว่าแล้วเชียว นอกจากเรื่องงาน ก็มีไม่กี่เรื่องที่ทำให้พ่อต้องหนักใจ

พ่ออยากให้ผมพูดได้เหมือนกับคนทั่วไป ผมเองก็อยากนะ แต่ผมไม่อยากไปพบหมอสะกดจิต เพราะผมเคยไปกับพ่อมาแล้วครั้งหนึ่ง หมอนั่นทำผมเจ็บปวดแสนสาหัส แล้วผมก็ตระหนักได้ในวันนั้นเลยว่า ผมยังไม่พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการรักษา ผมยังไม่พร้อมจะระลึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เพราะมันคือเหตุการณ์เลวร้ายที่กระทบกระเทือนจิตใจของผมอย่างร้ายแรง จนผมต้องสูญเสียความสามารถในการพูดมาจนถึงตอนนี้

- ไม่อยากไป ไม่อยากนึกถึงเรื่องคืนนั้นอีกแล้ว –

‘แต่พ่ออยากให้ภามพูดได้ แกจะยึดติดกับอดีตแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ’

- ไม่อยากไปจริงๆ มันเจ็บ...เจ็บมากอ่ะพ่อ –

‘พ่อรู้ดีกว่าใครว่าภามเจ็บมากแค่ไหน แต่พ่อก็เจ็บปวดที่เห็นภามต้องเป็นแบบนี้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่ภามยังมีโอกาสที่จะเป็นเหมือนคนปกติคนอื่นๆ ไม่ต้องมานั่งเขียนโน้ตให้เสียเวลา แล้วถ้ามีเรื่องฉุกเฉิน ถ้าหากไม่มีพ่ออยู่ด้วย ใครจะช่วยภามจัดการกับเรื่องต่างๆ ได้ ไปหาหมอเถอะนะภาม ถือว่าพ่อขอร้องนะ’

ผมมองหน้าพ่ออย่างอึดอัด ถึงแม้การไปหาหมอจะทำให้ผมเจ็บปวดสักเพียงใด แต่พอเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของพ่อ ผมกลับรู้สึกเจ็บเสียมากกว่า ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธความปรารถนาดีของคนที่มอบชีวิตใหม่ให้กับเราได้

- ไว้นัดครั้งหน้า ผมจะไปนะ -

‘ดีมากไอ้ลูกรัก แกรู้ไหมว่าวันนี้พ่อมีความสุขมากแค่ไหน พ่อขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วเจอกันที่งาน’ พ่อยิ้มกว้าง หยิบนมขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะลุกมาตบไหล่ผมทีหนึ่ง แล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน ผมจึงได้แต่ถือกระดาษโน้ตที่เพิ่งจะเขียนเสร็จค้างไว้ ทั้งๆ ที่มันคือประโยคสำคัญที่ผมอยากจะมอบให้เขา

- ผมก็มีความสุข ที่เห็นพ่อมีความสุขครับ -

โน้ตแผ่นนั้นถูกแปะลงบนตู้เย็น ผมกลับมานั่งที่เดิม หยิบไดอารี่ขึ้นมาเขียนต่อ แต่เขียนไปได้ไม่เท่าไร ใยไหมก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเดินลงมาแล้ว ใบหน้าสวยหวานของเธอยังคงบูดบึ้ง สายตาที่ส่งมาบอกนัยว่าไม่พอใจสุดๆ แต่ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าไม่ว่าวันนี้เธอจะร้ายใส่ผมสักเพียงใด ผมจะอดทน

ขอให้พ่อมีความสุขที่เห็นเจ้าสาวของเขาสวยที่สุดในวันสำคัญวันนี้…ก็พอแล้ว


------------------------------------------


*** Writer Talk***

สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน
ทั้งคนที่เคยอ่านงานของเราและผู้อ่านหน้าใหม่
เราหยุดเขียนงานไปพักใหญ่ (มากกก ก ไก่ล้านตัว)
เนื่องจากเหตุผลต่างๆ มากมาย (ขอโทษคนที่ตามอ่านด้วยนะคะ)
แต่ตอนนี้กลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง พร้อมกับเปิดตัวนิยายเรื่องใหม่ค่ะ

แค่ชื่อเรื่องก็มาแนวสีเทาๆ แล้ว
เนื้อเรื่องยิ่งมืดมน มืดมัว…เอ่อ ไม่ถึงขั้นนั้น

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักของ ‘นายภาม’ หนุ่มหล่อใส
ที่ดันไปตกหลุมรัก ‘ก้อนอึ’ เอ้ย คุณแม่ของตัวเอง...
แต่เอ๊ะ! แม่กับลูกจะรักกันได้ยังไง?
ผิดศีลธรรม มโนธรรม จริยธรรม บลา บลา บลา

เอาเป็นว่า ถ้าอยากรู้ว่าแม่ลูกคู่นี้จะ “ผิดไหม…ที่รักกัน”
ก็ติดตามอ่านกันได้ในเรื่องนี้เลยค่ะ

ปล.ระยะเวลาในการอัพนิยายอาจจะมีถี่บ้าง ห่างบ้าง
ตามภาระการงาน (หลัก) ที่ทำอยู่นะคะ
แต่จะพยายามไม่ให้ขาดตอนค่ะ >^__^<''

-ขอบคุณทุกท่านที่กดเข้ามาอ่านจากใจ-

WallyValent :)

กดติดตาม Fan Page : Facebook.com/WallyValent



WallyValent
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ส.ค. 2558, 17:17:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2558, 11:32:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1447





   บทที่ 1 : คุณแม่ (จำเป็น) >>
แว่นใส 3 ก.ย. 2558, 18:36:21 น.
ไม่แปลกหรอก ห่างกันแค่ 5 ปีเอง


WallyValent 3 ก.ย. 2558, 21:03:41 น.
ใช่ค่ะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account