รัก-ที่เกิดขึ้นหลังแต่ง
เธอ คือ สาวน้อยผู้น่ารัก สดใส มีจิตใจที่อ่อนโยน แต่แอบดื้ออยู่ลึกๆ ต้องกลายมาเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองหลังจากที่แต่งงาน เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเธอเข้มแข็ง ไม่ได้อ่อนแอ แต่ใครจะไปรู้ว่าลึกๆแล้วเธอไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่เธอพยายามแสดงมันออกมา ให้ทุกคนเห็น โดยเฉพาะเขา คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี
ส่วนเขา คือ ชายหนุ่มผู้หล่อเหลา เย็นชา พูดน้อย และใจร้ายที่สุด เท่าที่เธอเคยรู้จักมา
ทั้งคู่ต่างใช้ชีวิต เหมือนตอนยังอยู่ตัวคนเดียว แม้บางคนจะพยายามพูดคุยด้วย ถามโน้นนี้นั้น ตามประสาคนสดใส แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือด้วยเลย ทำให้เธอหมดความพยายามในที่สุด เธอจึงกลายเป็นคนที่เงียบ ไม่พูดไม่จา ไม่ร่าเริงสดใส เหมือนแต่ก่อน ทำให้เขาเริ่มแปลกใจตัวเอง ทำไมถึงต้องรู้สึกยังงี้ด้วย เมื่อเธอกลายเป็นอีกคน ที่เขาไม่คุ้นเคย
ส่วนเขา คือ ชายหนุ่มผู้หล่อเหลา เย็นชา พูดน้อย และใจร้ายที่สุด เท่าที่เธอเคยรู้จักมา
ทั้งคู่ต่างใช้ชีวิต เหมือนตอนยังอยู่ตัวคนเดียว แม้บางคนจะพยายามพูดคุยด้วย ถามโน้นนี้นั้น ตามประสาคนสดใส แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือด้วยเลย ทำให้เธอหมดความพยายามในที่สุด เธอจึงกลายเป็นคนที่เงียบ ไม่พูดไม่จา ไม่ร่าเริงสดใส เหมือนแต่ก่อน ทำให้เขาเริ่มแปลกใจตัวเอง ทำไมถึงต้องรู้สึกยังงี้ด้วย เมื่อเธอกลายเป็นอีกคน ที่เขาไม่คุ้นเคย
Tags: แนวแต่งก่อนจีบ ความรัก เศร้า อัรฮาม VS อัฟชีณ
ตอน: ความกลัว
รุ่งสางของเช้าวันใหม่มาเยือน เปลือกตาบางขยับขยุกขยิก ปรับสายตาให้กับแสงสว่างที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องพัก เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนพร้อมกับจัดเก็บที่นอนให้เรียบร้อย แล้วลุกเดินไปเปิดผ้าม่านต้อนรับแสงอรุณของเช้าวันใหม่ เธอเปิดประตูออกไปยืนชมวิวที่ระเบียง สายลมหนาวพัดพาความหนาวเย็นกระทบผิวเธอ ทำให้ต้องกอดตัวเองด้วยความหนาว ป่านนี้แม่กับน้องๆของเธอจะเป็นยังไงกันบ้างน่ะ เธอคิดถึงพวกเขาเหลือเกิน วิวทิวทัศน์ยามเช้าไม่ได้ทำให้ความมัวหมองในจิตใจของเธอดีขึ้นมาเลยเพราะเธอมัวแต่จมอยู่กับความคิดตัวเองจนไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นด้านล่าง อากาศในตอนเช้าของที่นี้หนาวมากและยังมีไอหมอกปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ เธอยืนได้ไม่นานก็เดินเข้าไปในห้อง เพราะอากาศหนาวเกินไป อีกอย่างชุดที่เธอใส่อยู่มันก็ไม่ได้หนาอะไรมาก
เธอใช้เวลาทำธุระส่วนตัวเพียงไม่นาน เธอก็เดินลงข้างล่าง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง แต่ยังมีชายหนุ่มผู้เป็นสามีอีกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย คิดได้ดังนั้น สายตาเธอก็สอดส่องหาเขาไปทั่วบ้าน แต่ก็ไร้วี่แวว 'ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน' 'เมื่อคืนเขาออกไปข้างนอกกลับมาหรือยัง' เธอมีคำถามมากมายอยู่ในสมองเกี่ยวกับเขา
“คุณอัรฮามค่ะ” เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากเขา
“สงสัยคงจะยังไม่ตื่น” คิดได้ดังนั้น เธอก็เดินเข้าห้องครัว เพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้สำหรับตัวเองและเขา แต่เมื่อเดินเข้าห้องครัวไปแล้ว สายตาก็ปะทะเข้ากับอาหารที่เธอทำไว้ให้เขาเมื่อคืน อาหารยังอยู่ในสภาพเดิมทุกอย่าง
“หรือว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้กลับมา” เธอคิดอย่างน้อยใจ นี้เธอเพิ่งมาอยู่ได้แค่วันเดียว เขาก็ทิ้งเธอให้อยู่บ้านคนเดียวซะแล้ว เขาไม่คิดบ้างหรือไงว่าเธอจะกลัว เธอคิดพลางปาดหยาดน้ำตาที่รื้นขอบตาทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วเอาอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปอุ่น ในขณะที่เธอกำลังอุ่นอาหารอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงของตกแตกดัง ‘เพล้ง’
“ใครค่ะ คุณอัรฮามรึเปล่าค่ะ” เธอถามและไม่ลืมที่จะปิดเตา แล้วออกไปดูตามเสียงทันทีด้วยความรวดเร็ว ทางไปห้องรับแขกมีแจกันโชว์ใบเล็กๆตกแตก กระจายไปตามพื้น เธอกวาดสายตาไปทั่วพร้อมกับเดินหาต้นเหตุที่ทำให้แจกันตกแตก พลันสายตาก็เห็นแผ่นหลังกว้างๆของผู้ชายคนหนึ่งมีของเต็มกระเป๋าวิ่งกระโดดออกไปทางหน้าต่างอีกด้านหนึ่งด้วยความรวดเร็ว ปากก็ร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยค่ะ คุณอัรฮาม” ปากเธอก็ร้องขอความช่วยเหลือและเรียกหาเจ้าของบ้านไปด้วย ส่วนเท้านี้วิ่งตามคนร้าย ด้วยความที่เธอรีบกลัวตามคนร้ายไม่ทัน ทำให้ไม่ทันระวังตัว เท้าเธอจึงไปเหยียบเศษกระจกหน้าต่างที่มันทุบแตกกระจายตามพื้นเข้า จนเลือดหยดลงบนพื้น แต่ด้วยสปีริตของธอทำให้เธอข่มความเจ็บไว้ แล้ววิ่งตามคนร้ายทันที เธอไม่ลืมที่จะดึงนิกอบที่อยู่บนศรีษะมาปิดหน้าด้วย
“หยุดนะ หยุดเดียวนี้ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” หญิงสาวหยิบไม้ที่อยู่บนพื้นหญ้าขึ้นมา แล้วเขวี้ยงไปโดนศรีษะของโจรขึ้นมา ทำให้โจรคนนั้นหันหลังมามองเธอ แล้วเดินมาหาเธออย่างเอาเรื่อง
“อย่านะ แกจะทำอะไร” เธอถามออกไปด้วยความกลัว แต่เธอก็พร้อมสู้เต็มที่ ถึงแม้ว่าหนทางที่จะชนะชายร่างสูงใหญ่ข้างหน้าเป็นศูนย์ก็เถอะ
“เสือกนักนะ..............” โจรคนนั้นบีบคอหญิงสาวด้วยความเหี้ยมโหด เธอดิ้นพร้อมกับทุบมือลงบนมือหยาบคู่นั้น เพราะเริ่มจะขาดอากาศหายใจ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยยย” เสียงเธอเริ่มเบาลงเรื่อยๆ
ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในบ้านถึงกับตกใจกับสภาพบ้านที่เห็นอยู่ตอนนี้
“อัฟชีณ อัฟชีณ เธออยู่ไหน ได้ยินฉันมั๊ย อัฟชีณณณ” ชายหนุ่มรีบตามหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับรอยเลือด มีเลือดหยดลงบนพื้น มีเศษกระจกแตกกระจาย
“อัฟชีณ ได้ยินฉันมั๊ย” อัรฮามเริ่มใจคอไม่ดี ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ เขาวิ่งตามหาเธอด้วยความเป็นห่วง ถึงเขาจะไม่ได้รักเธอ แต่เธอมาอยู่ที่นี้กับเขา เขาก็ต้องดูแลเธอก็แค่นั้น
“อัฟชีณ ได้ยินฉันมั๊ย อัฟชีณ” เขาวิ่งไปตามหยดเลือดที่อยู่บนพื้นหญ้า
ด้วยความที่บรรยากาศในตอนเช้าเงียบสงบ หูเขาจึงแว่วได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ ถึงมันจะเบามากก็ตาม เขาไม่รอช้า รีบวิ่งไปตามเสียงที่ได้ยินทันทีด้วยความรวดเร็ว
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยยย”
เธอรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายเตะเข้าไปที่ จุดกึ่งกลางลำตัวของโจรคนนั้น ถึงมันจะไม่แรงมาก เพราะกำลังของเธอเริ่มอ่อนแรง แต่มันก็ทำไอ้โจรคนนั้นจุกใช่เล่น ด้วยเหตุนี้ทำให้มันยิ่งบีบรัดคอเธอแน่นขึ้นด้วยความโกรธ แล้วต่อยเข้าไปที่ท้องน้อยของเธอ จนเธอสลบคามือมัน แล้วมันก็ควักมีดเล่มเล็กออกมาเตรียมที่จะแทงหญิงสาว ไม่ทันที่มันจะได้แทง อัรฮามเข้ามาเตะมันด้วยความแรง จนมันเซล้มไปอีกทาง ทำให้มือมันปล่อยออกมาจากต้นคอของหญิงสาว จนเธอล้มลงไปกองกับพื้นหญ้าอย่างแรง
“มึงเป็นใคร เข้ามาเสือกอะไรด้วยว่ะ” โจรคนนั้นเอ่ยถาม ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้มันได้หยิบมีดขึ้นมา เขารีบเอามีดแล้วโยนไปไกลๆ โจรหน้าโหดลุกขึ้นยืนจะเข้าไปต่อยชายหนุ่ม แต่ไม่ทันชายหนุ่มเสยหมัดเข้าใสมันซะก่อน ชายหนุ่มต่อยมันจนล้มลงไปกองกับพื้น แล้วรีบวิ่งไปดูหญิงสาวที่สลบไม่รู้เรื่อง
“อัฟชีณ อัฟชีณ ลืมตาสิ” อัรฮามเข้าไปโอบกอดเธอมาไว้ในอ้อมแขน เขย่าเรียกเธอเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเธอ
“เสือกนักน่ะมึง” ชายหนุ่มไม่ทันระวังตัว เพราะความเป็นห่วงหญิงสาวมีมากกว่า ทำให้โจรคนนั้นวิ่งไปหยิบมีดขึ้นมาจะแทงชายหนุ่ม แต่ด้วยความเร็วของเขา ทำให้หลบหลีกได้ทันก่อนที่จะโดนมีดแทงจริงๆ เขาวางหญิงสาวลงบนหญ้าด้วยความอ่อนโยน แล้วหันไปจัดการกับโจรคนนั้น
“ถ้าแกไม่อยากเข้าคุก รีบไปซะ”
“คิดว่ากูจะกลัวมึงหรือไง” มันเอ่ยออกมาด้วยความไม่สะทกสะท้าน
“งั้นก็เชิญแกอยู่ไป เพราะอีกเดียวไม่เกินห้านาที ตำรวจคงมาถึง” เปล่าหรอก ไม่มีตำรวจที่ไหนทั้งนั้น เขาไม่ได้แจ้งตำรวจ เขาแค่พูดขู่ออกไป เพราะดูท่าแล้ว เหมือนมันจะติดยาแล้วมาขโมยของ และมันคงไม่อยากเจอตำรวจแน่ๆ หน้าตามันลนลาน แต่ก็พูดออกไปว่า
“นี่มึงขู่กูเหรอ” มันลุกขึ้น พร้อมกับชี้หน้า “ฝากไว้ก่อนนะมึง กูมาเอาคืนแน่” พูดจบรีบวิ่งออกไปทันทีด้วยความเร็ว เพราะกลัวตำรวจจับ
“อัฟชีณ อัฟชีณ” ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวมาไว้ในอ้อมแขน แล้วรีบวิ่งพาหญิงสาวกลับเข้าบ้าน “เธออย่าเป็นอะไรไปนะ” เขาได้แต่พูดปลอบ
ชายหนุ่มบรรจงวางหญิงสาวลงบนเตียงนอนอย่างถนุถนอม จากนั้นรีบโทรศัพน์หาเพื่อนรักที่เป็นนายแพทย์ให้เข้ามาตรวจอาการภรรยาที่บ้านในทันที
“ไอ้วิน.....แกต้องมาถึงบ้านฉันภายในสิบห้านาที” ชายหนุ่มรีบตัดบท ไม่รอให้เพื่อนได้ถามอะไรมาก ไม่ถามแม้กระทั่งว่าตอนนี้เพื่อนอยู่ไหน ว่างหรือเปล่า
“แกจะบ้าเหรอไง ที่ทำงานฉันไม่ได้อยู่หน้าปากซอยบ้านแกนะเว้ย” ถึงโรงพยาบาลที่เขาทำงานจะอยู่ไม่ไกลจากบ้านเพื่อนนัก ก็ขอกวนเพื่อนกลับให้พอสนุกปากสนุกคอ ชายหนุ่มไม่รอช้าเลี้ยวรถจากที่จะไปที่ทำงาน เปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวไปทางบ้านเพื่อนรักแทน อีกอย่างเข้างานสายๆหน่อยก็ได้ เพราะเขามีตรวจคนไข้ตอนบ่ายๆ
“ไอ้หมอ.............” ชายหนุ่มด่าเพื่อนยาวเหยียด “ยังไงก็แล้วแต่ แกต้องมาถึงบ้านฉันภายในสิบนาที”
“ไอ้นี้ ไหงมาสิบนาทีแล้ว แล้วนี้แกเป็นอะไร ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้” คุณหมอหนุ่มบ่นไปงั้นๆแหละ
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร คนที่เป็นคืออัฟชัณ” ชายหนุ่มบอกเพื่อนอย่างใจเย็น
“เมียแกเป็นอะไร ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาลเลยล่ะ แล้วนี้ทำไม.......”
“ฉันตอบคำถามแกหมดแน่ ตอนนี้แกมาให้ถึงบ้านฉันให้เร็วที่สุดก็พอ” อัรฮามไม่รอฟังเพื่อนถามจนจบรีบวางสายทันที เพราะรู้ว่าเดียวภายในไม่ถึงสิบนาทีมันก็มาถึง
เขาเดินเข้าไปเอาผ้ากับกะละมังในห้องน้ำ มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้หญิง ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงข้างๆหญิงสาว หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงมาก นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นหน้าตาของเธอ มือของเขาที่จับนิกอบของเธอหยุดชะงักและสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาค่อยๆบรรจงเปิดผ้าปิดหน้าพร้อมด้วยฮิญาบของเธอออก หัวใจเขากระตุกมื่อได้พิษมองใบหน้าเธอครั้งแรก เธอสวย สวยมาก ขนาดเธอไม่รู้สึกตัวยังสวยขนาดนี้ ชายหนุ่มเอาแต่มองใบหน้าเธอเรื่อยลงมาเรื่อยๆ ทำให้เห็นรอยแดงจนช้ำน่ากลัวตัดกับผิวขาวๆของเธอบริเวณต้นคอ ชายหนุ่มลูบต้นคอเธอเบาๆ สายตาชายหนุ่มเรื่อยลงมาถึงหน้าท้องของเธอ เขาไม่ลังเลเลยที่จะเปิดเสื้อเธอดูและก็เป็นดังคาด มีรอยแผลช้ำจากการโดนต่อยท้องเป็นวงกว้างหน้ากลัว ชายหนุ่มลูบหน้าท้องแบนราบของเธออย่างเบามือที่สุด เพราะกลัวเธอจะเจ็บ สายตาชายหนุ่มที่มองเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด สงสาร เป็นห่วง เมื่อสำรวจจนพอใจแล้วจึงเอาผ้าชุดน้ำบิดหมาดๆเช็ดไปตามใบหน้าของหญิงสาว แขนกลมกลึงขาวผ่อง
ไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ชายหนุ่มจึงรีบปิดเสื้อเธอลง คงจะเป็นเพื่อนเขาที่มาถึงได้อย่างรวดเร็วทันใจ เขามองหน้าเธอแวบหนึ่ง พลางใช้ความคิด แล้วเขาก็ใส่ฮิญาบกับผ้าปิดหน้าหญิงสาวไว้ตามเดิม แล้วเดินไปเปิดประตูให้เพื่อน
“มัวทำไรอยู่วะ ชักช้า แล้วไหนล่ะ เมียแก” ไม่วายบ่นเพื่อนเป็นตาแก แล้วเดินตามเพื่อนรักเข้ามาภายในห้อง
“โน้นอยู่บนเตียง รีบตรวจแล้วรีบๆกลับไปเลย” พาเพื่อนเดินไปถึงเตียงที่มีหญิงสาวนอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ แล้วนั่งลงข้างๆเธอ
“แล้วนี้แกจะให้ฉันตรวจเมียแกยังไง เล่นปิดหมด เหลือแต่ลูกตาซะขนาดนี้” หมอวินมองหน้าคนป่วยแวบหนึ่งแล้วหันไปแหว
ใส่เพื่อน ที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆคนป่วย ‘ห่วงเขาขนาดนี้แล้ว ยังจะปากแข็งอีก’
“แกอย่าพูดมากได้มั้ย ตรวจๆไปเหอะ”
“ห่วงมากซะด้วย” ไม่วายเอ่ยแซวเพื่อน พร้อมกับจัดอุปกรณ์เครื่องมือที่จะใช้ในการตรวจ
“เปล่า ไม่ได้ห่วง ก็แค่มนุษยธรรม” สายตาจับจ้องไปที่หญิงสาว ปากก็ตอบคำถามเพื่อน
“หึ หึ เปล่าไม่ได้ห่วง” หมอวินประชดกลับ “แล้วนี้แกจะให้ฉันตรวจได้ยัง”
“ก็ตรวจไปสิ”
“แกก็ออกไปสิ ฉันจะได้ตรวจสักที อ้อ แล้วช่วยถอดฮิญาบกับนิกอบออกให้ด้วย ฉันจะได้ตรวจสะดวกๆหน่อย”
“ทำไมฉันต้องออกไปด้วย นี่มันเมียฉันนะโว้ย อีกอย่างฮิญาบกับนิกอบไม่เห็นเกี่ยวกันเลย”
“แกนี่ หึงไม่เข้าเรื่องจริงๆ ฉันเป็นหมอน่ะเว้ย ฉันมีหน้าที่ตรวจรักษาคนไข้ ไม่มีอารมณ์อะไร..........กับเขาหรอก ยิ่งเจ้าของมันห่วงยิ่งกว่าหมาบ้าซะอีก
ยิ่งไม่อยากเข้าไปยุ่ง” หมอวินพูดอย่างเอือมระอา ห่วงเขามากขนาดนี้ยังจะปากแข็งอีก ‘นี่ตกลงมันจะให้ตรวจป่ะว่ะ’ มองหน้าเพื่อน เมื่อมันยังนิ่งมองหน้าหญิงสาวอยู่ที่เดิม
“หรือแกจะรอให้เมียแกเป็นหนักกว่านี้” หมอหนุ่มพูดเตือนเพื่อน จนมันยอมถอดนิกอบของหญิงสาว แต่ก็ไม่วายกำชับเพื่อน
“ถอดนิกอบให้แล้ว ส่วนฮิญาบไม่จำเป็นต้องถอด ถ้าแกคิดอะไรไม่ดีกับเมียฉัน ฉันฆ่าแกแน่ไอ้หมอ” คุณหมอหนุ่มเข้าใจความรู้สึกเพื่อนรักเป็นอย่างดี เมื่อได้มองใบหน้าของเธออย่างชัดเจน เธอเป็นผู้หญิงที่สวยจับตามากคนหนึ่ง ไม่แปลกที่มันจะห่วงมากขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่ามีเจ้าของดุอย่างกับหมาบ้าแบบมันอยู่ เขาอยากมองหน้าเธอให้นานกว่านี้
“เออ ไม่ถอดก็ไม่ถอด ถ้าแกไปหาหมอที่อื่น แล้วทำแบบนี้ ฉันรับรองเลย เขาไล่เตพิดแกออกมาแน่” ตรวจไปพลาง บ่นเพื่อนไปพลาง
“แผลเยอะเหมือนกันนะนี้ ถลกเสื้อเมียแกขึ้นดิ”
“ไอ้............”
“ฉันเป็นหมอ” สุดท้ายอัรฮามก็ต้องทำตามเพื่อน ทำไปโดยไม่เต็มใจ
“มีแผลที่เท้าด้วย ดูๆไปแล้วเหมือนโดนเศษกระจก แผลลึกซะด้วย” อัรฮามถึงกับตกใจ เมื่อได้ยินเพื่อนบอกว่า ที่เท้าเธอมีแผลโดนกระจกบาด รีบเข้าไปดูด้วยความตกใจ เขาไม่ทันได้สังเกตุ เขานึกว่าเลือดที่เห็นอยู่เป็นของไอ้โจรคนนั้น ‘นี้เธออย่าบอกนะว่าเธอวิ่งตามโจรไปทั้งๆที่เจ็บเท้า’
“ไอ้........อย่าให้เจอหน้านะ ฉันจะจับแกเข้าตารางให้ได้” หมอวินไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้มาก่อน ถึงมันจะปากร้ายไปหน่อย แต่มันก็ไม่เคยโกรธใครได้หน้ากลัวเท่านี้มาก่อน
“เบาๆนะเว้ยไอ้หมอ อย่าทำให้เมียฉันเจ็บ” ไม่วายหันไปกำชับเพื่อน
สายตาเขาไม่ได้ละไปจากใบหน้าเธอแม้แต่วินาทีเดียว น้ำตาเธอไหลออกมาจากห่างตาทั้งสอง มือของเขาข้างหนึ่งจับมือนุ่มของภรรยาไว้ อีกข้างคอยเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยความอ่อนโยน “ไอ้หมอ เมียฉันร้องไห้ทำไม” ชายหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนด้วยความตกใจ เมื่อเห็นน้ำตามากมายของเธอ
“เธอคงจะกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบ ช่วงนี้ร่างกายของน้องเขาอ่อนแอมาก มีช้ำในหลายจุดตามร่างกาย ถ้าจะให้ดียังไง ฉันว่าแกควรพาเขาไปเอ๊กซเรย์ร่างกายที่โรงพบาลหน่อยก็ดีว่ะ เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน แต่เท่าที่ฉันตรวจดูคร่าวๆแล้วไม่น่าจะมีอะไร ส่วนแผลที่เท้าห้ามโดนน้ำจนกว่าจะหาย ทำแผลทุกวัน อาหารก็ให้กินเฉพาะอาหารอ่อนๆ แล้วก็ให้เธอพักผ่อนเยอะๆ” หมอวินพูดอธิบายเพื่อนรักไปพลางๆ ก็ฉีดยาใส่น้ำเกลือให้หญิงสาว
“อืม” ชายหนุ่มพูดได้แค่นั้น เมื่อเพื่อนรักอธิบายให้จนจบ
“จะบอกฉันได้หรือยังว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แกหายหัวไปไหนมา ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น..................” คุณหมอหนุ่มสุดหล่อถามทันทีที่มีโอกาส
“คำถามแกนี้ยาวเป็นห่างว่าวเลยนะไอ้วิน ฉันตอบแกหมดแน่ แต่ช่วยถามทีละคำถามได้มั๊ย” ตอบเพื่อนด้วยความหงุดหงิด ใช่ว่าเขาอยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซะหน่อย
อัรฮามเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนฟังโดยไม่ปิดบัง เมื่อคืนเขาออกไปทำธุระข้างนอกมา กลับเข้าบ้านอีกทีก็ตอนตีหนึ่งกว่าแล้ว เข้าไปดูเธอในห้อง เธอก็นอนหลับไปแล้ว เขาไม่อยากรบกวนแวลาพักผ่อนของธอ ก็เลยกลับห้องไปนอน เขายอมรับกับตัวเองว่าไม่ง่ายเลยที่จะข่มตาให้หลับลงได้ เพราะภาพเสี้ยวใบหน้าของเธอที่เขามองเห็นลางๆในที่มืดลอยเข้ามาให้ห้วงความคิด ยิ่งพยายามข่มตาให้หลับเท่าไหร่ เหมือนมันจะยิ่งยาก เพราะไม่เพียงแต่อยากจินตนาการใบหน้าของเธอเท่านั้น สมองของเขากลับคิดถึงใครอีกคน ที่อยู่ในห้วงความนึกคิดของเขาตลอดเวลา ตั้งแต่ที่เขากลับไทยครั้งนั้น จนมาถึงเขาแต่งงาน เธอคนนั้นก็ยังไม่จางหายไปจากก้นบึ้งของหัวใจ เขายอมรับกับตัวเองในทันทีเลยว่าเธอคือรักแรกของเขา ถึงเขาจะไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสัมผัสตัวตนของเธอ หรือแม้กระทั่งพูดคุยด้วย เขาก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าเธอคือรักแรกของเขา
“น่าสงสารเมียแกเหนอะ ที่แกมอบรักแรกให้ใครไปแล้วก็ไม่รู้” อัรฮามเล่ายังไม่ทันจบ หมอหนุ่มก็เอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน
“จะฟังต่อมั๊ย ถ้าไม่จะได้หยุด” ชายหนุ่มนึกขัดใจเพื่อน ที่พูดขัดจังหวะขึ้นมา
“ฟังดิ เล่าต่อๆ” หันไปทำสายตาออดอ้อนกับอัรฮาม ชายหนุ่มสายหน้าด้วยความระอาในความกะล่อนของเพื่อนรัก
“ฉันภาวนาให้ตอนเช้ามาถึงไวๆ จะได้รีบออกจากบ้าน”
“ทำไมว่ะ”
“ฉันจะได้รีบออกไปทำงานไง ฉันรู้สึกว่าเธออึดอัดเวลาอยู่กับฉัน” ชายหนุ่มพูดไปตามที่เห็น
“ก็แหงสิ อยู่กับคนแปลกหน้า จะให้น้องเขารู้สึกปลอดภัยหรือไง” หมอวินพูดเข้าข้างหญิงสาว
“ยังไงก็ช่าง ฉันเป็นสามีเขาแล้ว เขาก็ต้องปรับตัวสิ” ชายหนุ่มเถียงเพื่อน
“โอเค โอเค แกเข้าเรื่องซะที” หมอหนุ่มรีบบอกเพื่อน ก่อนที่จะไม่ได้รู้สาเหตุกันซะก่อน
“ฉันนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนมาถึงหกโมงเช้า ก็รีบแต่งตัวออกจากบ้านไปทำงาน”อัรฮามเล่ายังไม่ทันจบ หมอหนุ่มก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน
“นี่แกจะมาขยันอะไรขนาดนั้นว่ะเนี๊ย” หมอหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนด้วยความตกใจ เมื่อรู้ว่าเพื่อนไปทำงานเช้าตรู่ขนาดนั้น ถึงเขาจะรู้ว่าเพื่อนเขาขยันขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดว่าจะไปทำงานเช้าขนาดนี้
“หรือเพราะแกหวั่นไหวกันแน่ว่ะที่ต้องอยู่กับน้องเขาแค่สองคนในบ้าน ถึงต้องรีบออกไปทำงานเช้าขนาดนั้น” ไม่วายแซวเพื่อนด้วยความสนุกสนาน
“แกช่วยหยุดกระแหนะ กระแหนฉัน แล้วฟังฉันเล่าให้จบก่อนไม่ได้หรือไงไอ้หมอ” ชายหนุ่มเริ่มจะหมดความอดทนกับเพื่อนรัก เมื่อมันยังไม่หยุดพล่ามไร้สาระ ถึงหมอวินจะเดาถูกว่าเขาหวั่นไหว แต่เขาไม่มีวันบอกให้ตัวเองโดนมันล้อหรอก
“โอเค โอเค”
“พอไปถึงที่ทำงาน ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารสำคัญไว้ที่บ้าน ก็เลยขับรถกลับมาเอา” ระยะทางระหว่างบ้านเขากับที่ทำงานไม่ใช่ใกล้ๆ เขาพยายามขับรถมาถึงที่บ้านให้ช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้
‘ถ้าฉันขับรถให้เร็วกว่านี้ เหตุการณ์ในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นกับเธอ’ ชายหนุ่มคิดกับตัวเอง
“แล้วไงต่อว่ะ อย่าเงียบดิไอ้อัร” หมอวินถามขึ้นมา เมื่อเห็นเพื่อนรักนิ่งเงียบไปนาน ไม่เล่าเรื่องราวต่อจากนั้นให้ฟัง
“ฉันคงเลวมากใช่มั๊ย ที่ทิ้งเธอไว้ที่บ้านคนเดียว ทั้งๆที่รู้ ว่าเธอไม่รู้จักใครที่นี้ ที่สำคัญถ้าฉันขับรถเร็วกว่านี้ เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น” ชายหนุ่มเล่าให้เพื่อนฟังด้วยความรู้สึกผิด เสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“มันไม่ใช่ความผิดแกเลยนะ เรื่องแบบนี้ใครๆก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นหรอก อย่างน้อยแกก็ช่วยชีวิตน้องเขาทัน ต้องขอบคุณเอกสารสำคัญของแกซะอีก ที่ทำให้แกต้องวกรถกลับมาอีกครั้ง ทั้งๆที่ระยะทางที่ทำงานแกกับที่บ้านไม่ใช่ใกล้ๆกันเลย ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดน้องอัฟชีณคงแย่เอาการเลยทีเดียว อาการอาจจะหนักกว่าที่เป็นอยู่” หมอวินเอ่ยปลอบใจเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ทั้งเพื่อนทั้งหญิงสาว ที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว
“เดี่ยวเย็นๆฉันเข้ามาดูอาการอีกที ตอนนี้ฉันต้องไปทำงานแล้ว” เว้นคำพูดไว้นิดหนึ่ง แล้วมองหน้าเพื่อน ก่อนจะพูดต่อให้จบ
“ส่วนแกอย่าคิดมาก เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่ความผิดแก”
“ขอบใจมากสำหรับวันนี้”
“ยินดีเพื่อน” ตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนแล้วเดินจากไป
หลังจากหมอวินกลับไป อัรฮามเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้คนป่วย แต่แล้วสายตาหันไปเจอกับอาหารบนเตา ที่คนป่วยน่าจะทำไว้ ชายหนุ่มไม่รอช้าอุ่นอาหารนั้นทันที พร้อมกับเตรียมยาไว้ให้หญิงสาว
ระหว่างทางที่เดินขึ้นบันได ชายหนุ่มครุ่นคิดว่าจะบอกเรื่องที่หญิงสาวโดนทำร้ายกับทั้งที่บ้านเธอและทางที่บ้านเขายังไง ไม่ให้ผู้ใหญ่ต้องเป็นห่วง
“แม่ต้องด่าแกเป็นเดือนแน่ไอ้อัร” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเอง เขาต้องเตียมตัวเตรียมใจที่จะต้องโดนแม่ด่า ที่ปล่อยให้ลูกสะไภท่านต้องเจ็บตัว ‘เฮ้อออออ’ ถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องหญิงสาวเบาๆ
......................................................................................
มีอะไรติชม คอมมเมนต์ได้น่ะค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้ค่ะ
เธอใช้เวลาทำธุระส่วนตัวเพียงไม่นาน เธอก็เดินลงข้างล่าง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง แต่ยังมีชายหนุ่มผู้เป็นสามีอีกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย คิดได้ดังนั้น สายตาเธอก็สอดส่องหาเขาไปทั่วบ้าน แต่ก็ไร้วี่แวว 'ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน' 'เมื่อคืนเขาออกไปข้างนอกกลับมาหรือยัง' เธอมีคำถามมากมายอยู่ในสมองเกี่ยวกับเขา
“คุณอัรฮามค่ะ” เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากเขา
“สงสัยคงจะยังไม่ตื่น” คิดได้ดังนั้น เธอก็เดินเข้าห้องครัว เพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้สำหรับตัวเองและเขา แต่เมื่อเดินเข้าห้องครัวไปแล้ว สายตาก็ปะทะเข้ากับอาหารที่เธอทำไว้ให้เขาเมื่อคืน อาหารยังอยู่ในสภาพเดิมทุกอย่าง
“หรือว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้กลับมา” เธอคิดอย่างน้อยใจ นี้เธอเพิ่งมาอยู่ได้แค่วันเดียว เขาก็ทิ้งเธอให้อยู่บ้านคนเดียวซะแล้ว เขาไม่คิดบ้างหรือไงว่าเธอจะกลัว เธอคิดพลางปาดหยาดน้ำตาที่รื้นขอบตาทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วเอาอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปอุ่น ในขณะที่เธอกำลังอุ่นอาหารอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงของตกแตกดัง ‘เพล้ง’
“ใครค่ะ คุณอัรฮามรึเปล่าค่ะ” เธอถามและไม่ลืมที่จะปิดเตา แล้วออกไปดูตามเสียงทันทีด้วยความรวดเร็ว ทางไปห้องรับแขกมีแจกันโชว์ใบเล็กๆตกแตก กระจายไปตามพื้น เธอกวาดสายตาไปทั่วพร้อมกับเดินหาต้นเหตุที่ทำให้แจกันตกแตก พลันสายตาก็เห็นแผ่นหลังกว้างๆของผู้ชายคนหนึ่งมีของเต็มกระเป๋าวิ่งกระโดดออกไปทางหน้าต่างอีกด้านหนึ่งด้วยความรวดเร็ว ปากก็ร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยค่ะ คุณอัรฮาม” ปากเธอก็ร้องขอความช่วยเหลือและเรียกหาเจ้าของบ้านไปด้วย ส่วนเท้านี้วิ่งตามคนร้าย ด้วยความที่เธอรีบกลัวตามคนร้ายไม่ทัน ทำให้ไม่ทันระวังตัว เท้าเธอจึงไปเหยียบเศษกระจกหน้าต่างที่มันทุบแตกกระจายตามพื้นเข้า จนเลือดหยดลงบนพื้น แต่ด้วยสปีริตของธอทำให้เธอข่มความเจ็บไว้ แล้ววิ่งตามคนร้ายทันที เธอไม่ลืมที่จะดึงนิกอบที่อยู่บนศรีษะมาปิดหน้าด้วย
“หยุดนะ หยุดเดียวนี้ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” หญิงสาวหยิบไม้ที่อยู่บนพื้นหญ้าขึ้นมา แล้วเขวี้ยงไปโดนศรีษะของโจรขึ้นมา ทำให้โจรคนนั้นหันหลังมามองเธอ แล้วเดินมาหาเธออย่างเอาเรื่อง
“อย่านะ แกจะทำอะไร” เธอถามออกไปด้วยความกลัว แต่เธอก็พร้อมสู้เต็มที่ ถึงแม้ว่าหนทางที่จะชนะชายร่างสูงใหญ่ข้างหน้าเป็นศูนย์ก็เถอะ
“เสือกนักนะ..............” โจรคนนั้นบีบคอหญิงสาวด้วยความเหี้ยมโหด เธอดิ้นพร้อมกับทุบมือลงบนมือหยาบคู่นั้น เพราะเริ่มจะขาดอากาศหายใจ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยยย” เสียงเธอเริ่มเบาลงเรื่อยๆ
ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในบ้านถึงกับตกใจกับสภาพบ้านที่เห็นอยู่ตอนนี้
“อัฟชีณ อัฟชีณ เธออยู่ไหน ได้ยินฉันมั๊ย อัฟชีณณณ” ชายหนุ่มรีบตามหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับรอยเลือด มีเลือดหยดลงบนพื้น มีเศษกระจกแตกกระจาย
“อัฟชีณ ได้ยินฉันมั๊ย” อัรฮามเริ่มใจคอไม่ดี ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ เขาวิ่งตามหาเธอด้วยความเป็นห่วง ถึงเขาจะไม่ได้รักเธอ แต่เธอมาอยู่ที่นี้กับเขา เขาก็ต้องดูแลเธอก็แค่นั้น
“อัฟชีณ ได้ยินฉันมั๊ย อัฟชีณ” เขาวิ่งไปตามหยดเลือดที่อยู่บนพื้นหญ้า
ด้วยความที่บรรยากาศในตอนเช้าเงียบสงบ หูเขาจึงแว่วได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ ถึงมันจะเบามากก็ตาม เขาไม่รอช้า รีบวิ่งไปตามเสียงที่ได้ยินทันทีด้วยความรวดเร็ว
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยยย”
เธอรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายเตะเข้าไปที่ จุดกึ่งกลางลำตัวของโจรคนนั้น ถึงมันจะไม่แรงมาก เพราะกำลังของเธอเริ่มอ่อนแรง แต่มันก็ทำไอ้โจรคนนั้นจุกใช่เล่น ด้วยเหตุนี้ทำให้มันยิ่งบีบรัดคอเธอแน่นขึ้นด้วยความโกรธ แล้วต่อยเข้าไปที่ท้องน้อยของเธอ จนเธอสลบคามือมัน แล้วมันก็ควักมีดเล่มเล็กออกมาเตรียมที่จะแทงหญิงสาว ไม่ทันที่มันจะได้แทง อัรฮามเข้ามาเตะมันด้วยความแรง จนมันเซล้มไปอีกทาง ทำให้มือมันปล่อยออกมาจากต้นคอของหญิงสาว จนเธอล้มลงไปกองกับพื้นหญ้าอย่างแรง
“มึงเป็นใคร เข้ามาเสือกอะไรด้วยว่ะ” โจรคนนั้นเอ่ยถาม ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้มันได้หยิบมีดขึ้นมา เขารีบเอามีดแล้วโยนไปไกลๆ โจรหน้าโหดลุกขึ้นยืนจะเข้าไปต่อยชายหนุ่ม แต่ไม่ทันชายหนุ่มเสยหมัดเข้าใสมันซะก่อน ชายหนุ่มต่อยมันจนล้มลงไปกองกับพื้น แล้วรีบวิ่งไปดูหญิงสาวที่สลบไม่รู้เรื่อง
“อัฟชีณ อัฟชีณ ลืมตาสิ” อัรฮามเข้าไปโอบกอดเธอมาไว้ในอ้อมแขน เขย่าเรียกเธอเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเธอ
“เสือกนักน่ะมึง” ชายหนุ่มไม่ทันระวังตัว เพราะความเป็นห่วงหญิงสาวมีมากกว่า ทำให้โจรคนนั้นวิ่งไปหยิบมีดขึ้นมาจะแทงชายหนุ่ม แต่ด้วยความเร็วของเขา ทำให้หลบหลีกได้ทันก่อนที่จะโดนมีดแทงจริงๆ เขาวางหญิงสาวลงบนหญ้าด้วยความอ่อนโยน แล้วหันไปจัดการกับโจรคนนั้น
“ถ้าแกไม่อยากเข้าคุก รีบไปซะ”
“คิดว่ากูจะกลัวมึงหรือไง” มันเอ่ยออกมาด้วยความไม่สะทกสะท้าน
“งั้นก็เชิญแกอยู่ไป เพราะอีกเดียวไม่เกินห้านาที ตำรวจคงมาถึง” เปล่าหรอก ไม่มีตำรวจที่ไหนทั้งนั้น เขาไม่ได้แจ้งตำรวจ เขาแค่พูดขู่ออกไป เพราะดูท่าแล้ว เหมือนมันจะติดยาแล้วมาขโมยของ และมันคงไม่อยากเจอตำรวจแน่ๆ หน้าตามันลนลาน แต่ก็พูดออกไปว่า
“นี่มึงขู่กูเหรอ” มันลุกขึ้น พร้อมกับชี้หน้า “ฝากไว้ก่อนนะมึง กูมาเอาคืนแน่” พูดจบรีบวิ่งออกไปทันทีด้วยความเร็ว เพราะกลัวตำรวจจับ
“อัฟชีณ อัฟชีณ” ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวมาไว้ในอ้อมแขน แล้วรีบวิ่งพาหญิงสาวกลับเข้าบ้าน “เธออย่าเป็นอะไรไปนะ” เขาได้แต่พูดปลอบ
ชายหนุ่มบรรจงวางหญิงสาวลงบนเตียงนอนอย่างถนุถนอม จากนั้นรีบโทรศัพน์หาเพื่อนรักที่เป็นนายแพทย์ให้เข้ามาตรวจอาการภรรยาที่บ้านในทันที
“ไอ้วิน.....แกต้องมาถึงบ้านฉันภายในสิบห้านาที” ชายหนุ่มรีบตัดบท ไม่รอให้เพื่อนได้ถามอะไรมาก ไม่ถามแม้กระทั่งว่าตอนนี้เพื่อนอยู่ไหน ว่างหรือเปล่า
“แกจะบ้าเหรอไง ที่ทำงานฉันไม่ได้อยู่หน้าปากซอยบ้านแกนะเว้ย” ถึงโรงพยาบาลที่เขาทำงานจะอยู่ไม่ไกลจากบ้านเพื่อนนัก ก็ขอกวนเพื่อนกลับให้พอสนุกปากสนุกคอ ชายหนุ่มไม่รอช้าเลี้ยวรถจากที่จะไปที่ทำงาน เปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวไปทางบ้านเพื่อนรักแทน อีกอย่างเข้างานสายๆหน่อยก็ได้ เพราะเขามีตรวจคนไข้ตอนบ่ายๆ
“ไอ้หมอ.............” ชายหนุ่มด่าเพื่อนยาวเหยียด “ยังไงก็แล้วแต่ แกต้องมาถึงบ้านฉันภายในสิบนาที”
“ไอ้นี้ ไหงมาสิบนาทีแล้ว แล้วนี้แกเป็นอะไร ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้” คุณหมอหนุ่มบ่นไปงั้นๆแหละ
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร คนที่เป็นคืออัฟชัณ” ชายหนุ่มบอกเพื่อนอย่างใจเย็น
“เมียแกเป็นอะไร ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาลเลยล่ะ แล้วนี้ทำไม.......”
“ฉันตอบคำถามแกหมดแน่ ตอนนี้แกมาให้ถึงบ้านฉันให้เร็วที่สุดก็พอ” อัรฮามไม่รอฟังเพื่อนถามจนจบรีบวางสายทันที เพราะรู้ว่าเดียวภายในไม่ถึงสิบนาทีมันก็มาถึง
เขาเดินเข้าไปเอาผ้ากับกะละมังในห้องน้ำ มาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้หญิง ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงข้างๆหญิงสาว หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงมาก นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นหน้าตาของเธอ มือของเขาที่จับนิกอบของเธอหยุดชะงักและสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาค่อยๆบรรจงเปิดผ้าปิดหน้าพร้อมด้วยฮิญาบของเธอออก หัวใจเขากระตุกมื่อได้พิษมองใบหน้าเธอครั้งแรก เธอสวย สวยมาก ขนาดเธอไม่รู้สึกตัวยังสวยขนาดนี้ ชายหนุ่มเอาแต่มองใบหน้าเธอเรื่อยลงมาเรื่อยๆ ทำให้เห็นรอยแดงจนช้ำน่ากลัวตัดกับผิวขาวๆของเธอบริเวณต้นคอ ชายหนุ่มลูบต้นคอเธอเบาๆ สายตาชายหนุ่มเรื่อยลงมาถึงหน้าท้องของเธอ เขาไม่ลังเลเลยที่จะเปิดเสื้อเธอดูและก็เป็นดังคาด มีรอยแผลช้ำจากการโดนต่อยท้องเป็นวงกว้างหน้ากลัว ชายหนุ่มลูบหน้าท้องแบนราบของเธออย่างเบามือที่สุด เพราะกลัวเธอจะเจ็บ สายตาชายหนุ่มที่มองเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด สงสาร เป็นห่วง เมื่อสำรวจจนพอใจแล้วจึงเอาผ้าชุดน้ำบิดหมาดๆเช็ดไปตามใบหน้าของหญิงสาว แขนกลมกลึงขาวผ่อง
ไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ชายหนุ่มจึงรีบปิดเสื้อเธอลง คงจะเป็นเพื่อนเขาที่มาถึงได้อย่างรวดเร็วทันใจ เขามองหน้าเธอแวบหนึ่ง พลางใช้ความคิด แล้วเขาก็ใส่ฮิญาบกับผ้าปิดหน้าหญิงสาวไว้ตามเดิม แล้วเดินไปเปิดประตูให้เพื่อน
“มัวทำไรอยู่วะ ชักช้า แล้วไหนล่ะ เมียแก” ไม่วายบ่นเพื่อนเป็นตาแก แล้วเดินตามเพื่อนรักเข้ามาภายในห้อง
“โน้นอยู่บนเตียง รีบตรวจแล้วรีบๆกลับไปเลย” พาเพื่อนเดินไปถึงเตียงที่มีหญิงสาวนอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ แล้วนั่งลงข้างๆเธอ
“แล้วนี้แกจะให้ฉันตรวจเมียแกยังไง เล่นปิดหมด เหลือแต่ลูกตาซะขนาดนี้” หมอวินมองหน้าคนป่วยแวบหนึ่งแล้วหันไปแหว
ใส่เพื่อน ที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆคนป่วย ‘ห่วงเขาขนาดนี้แล้ว ยังจะปากแข็งอีก’
“แกอย่าพูดมากได้มั้ย ตรวจๆไปเหอะ”
“ห่วงมากซะด้วย” ไม่วายเอ่ยแซวเพื่อน พร้อมกับจัดอุปกรณ์เครื่องมือที่จะใช้ในการตรวจ
“เปล่า ไม่ได้ห่วง ก็แค่มนุษยธรรม” สายตาจับจ้องไปที่หญิงสาว ปากก็ตอบคำถามเพื่อน
“หึ หึ เปล่าไม่ได้ห่วง” หมอวินประชดกลับ “แล้วนี้แกจะให้ฉันตรวจได้ยัง”
“ก็ตรวจไปสิ”
“แกก็ออกไปสิ ฉันจะได้ตรวจสักที อ้อ แล้วช่วยถอดฮิญาบกับนิกอบออกให้ด้วย ฉันจะได้ตรวจสะดวกๆหน่อย”
“ทำไมฉันต้องออกไปด้วย นี่มันเมียฉันนะโว้ย อีกอย่างฮิญาบกับนิกอบไม่เห็นเกี่ยวกันเลย”
“แกนี่ หึงไม่เข้าเรื่องจริงๆ ฉันเป็นหมอน่ะเว้ย ฉันมีหน้าที่ตรวจรักษาคนไข้ ไม่มีอารมณ์อะไร..........กับเขาหรอก ยิ่งเจ้าของมันห่วงยิ่งกว่าหมาบ้าซะอีก
ยิ่งไม่อยากเข้าไปยุ่ง” หมอวินพูดอย่างเอือมระอา ห่วงเขามากขนาดนี้ยังจะปากแข็งอีก ‘นี่ตกลงมันจะให้ตรวจป่ะว่ะ’ มองหน้าเพื่อน เมื่อมันยังนิ่งมองหน้าหญิงสาวอยู่ที่เดิม
“หรือแกจะรอให้เมียแกเป็นหนักกว่านี้” หมอหนุ่มพูดเตือนเพื่อน จนมันยอมถอดนิกอบของหญิงสาว แต่ก็ไม่วายกำชับเพื่อน
“ถอดนิกอบให้แล้ว ส่วนฮิญาบไม่จำเป็นต้องถอด ถ้าแกคิดอะไรไม่ดีกับเมียฉัน ฉันฆ่าแกแน่ไอ้หมอ” คุณหมอหนุ่มเข้าใจความรู้สึกเพื่อนรักเป็นอย่างดี เมื่อได้มองใบหน้าของเธออย่างชัดเจน เธอเป็นผู้หญิงที่สวยจับตามากคนหนึ่ง ไม่แปลกที่มันจะห่วงมากขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่ามีเจ้าของดุอย่างกับหมาบ้าแบบมันอยู่ เขาอยากมองหน้าเธอให้นานกว่านี้
“เออ ไม่ถอดก็ไม่ถอด ถ้าแกไปหาหมอที่อื่น แล้วทำแบบนี้ ฉันรับรองเลย เขาไล่เตพิดแกออกมาแน่” ตรวจไปพลาง บ่นเพื่อนไปพลาง
“แผลเยอะเหมือนกันนะนี้ ถลกเสื้อเมียแกขึ้นดิ”
“ไอ้............”
“ฉันเป็นหมอ” สุดท้ายอัรฮามก็ต้องทำตามเพื่อน ทำไปโดยไม่เต็มใจ
“มีแผลที่เท้าด้วย ดูๆไปแล้วเหมือนโดนเศษกระจก แผลลึกซะด้วย” อัรฮามถึงกับตกใจ เมื่อได้ยินเพื่อนบอกว่า ที่เท้าเธอมีแผลโดนกระจกบาด รีบเข้าไปดูด้วยความตกใจ เขาไม่ทันได้สังเกตุ เขานึกว่าเลือดที่เห็นอยู่เป็นของไอ้โจรคนนั้น ‘นี้เธออย่าบอกนะว่าเธอวิ่งตามโจรไปทั้งๆที่เจ็บเท้า’
“ไอ้........อย่าให้เจอหน้านะ ฉันจะจับแกเข้าตารางให้ได้” หมอวินไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้มาก่อน ถึงมันจะปากร้ายไปหน่อย แต่มันก็ไม่เคยโกรธใครได้หน้ากลัวเท่านี้มาก่อน
“เบาๆนะเว้ยไอ้หมอ อย่าทำให้เมียฉันเจ็บ” ไม่วายหันไปกำชับเพื่อน
สายตาเขาไม่ได้ละไปจากใบหน้าเธอแม้แต่วินาทีเดียว น้ำตาเธอไหลออกมาจากห่างตาทั้งสอง มือของเขาข้างหนึ่งจับมือนุ่มของภรรยาไว้ อีกข้างคอยเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยความอ่อนโยน “ไอ้หมอ เมียฉันร้องไห้ทำไม” ชายหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนด้วยความตกใจ เมื่อเห็นน้ำตามากมายของเธอ
“เธอคงจะกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบ ช่วงนี้ร่างกายของน้องเขาอ่อนแอมาก มีช้ำในหลายจุดตามร่างกาย ถ้าจะให้ดียังไง ฉันว่าแกควรพาเขาไปเอ๊กซเรย์ร่างกายที่โรงพบาลหน่อยก็ดีว่ะ เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน แต่เท่าที่ฉันตรวจดูคร่าวๆแล้วไม่น่าจะมีอะไร ส่วนแผลที่เท้าห้ามโดนน้ำจนกว่าจะหาย ทำแผลทุกวัน อาหารก็ให้กินเฉพาะอาหารอ่อนๆ แล้วก็ให้เธอพักผ่อนเยอะๆ” หมอวินพูดอธิบายเพื่อนรักไปพลางๆ ก็ฉีดยาใส่น้ำเกลือให้หญิงสาว
“อืม” ชายหนุ่มพูดได้แค่นั้น เมื่อเพื่อนรักอธิบายให้จนจบ
“จะบอกฉันได้หรือยังว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แกหายหัวไปไหนมา ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น..................” คุณหมอหนุ่มสุดหล่อถามทันทีที่มีโอกาส
“คำถามแกนี้ยาวเป็นห่างว่าวเลยนะไอ้วิน ฉันตอบแกหมดแน่ แต่ช่วยถามทีละคำถามได้มั๊ย” ตอบเพื่อนด้วยความหงุดหงิด ใช่ว่าเขาอยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซะหน่อย
อัรฮามเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนฟังโดยไม่ปิดบัง เมื่อคืนเขาออกไปทำธุระข้างนอกมา กลับเข้าบ้านอีกทีก็ตอนตีหนึ่งกว่าแล้ว เข้าไปดูเธอในห้อง เธอก็นอนหลับไปแล้ว เขาไม่อยากรบกวนแวลาพักผ่อนของธอ ก็เลยกลับห้องไปนอน เขายอมรับกับตัวเองว่าไม่ง่ายเลยที่จะข่มตาให้หลับลงได้ เพราะภาพเสี้ยวใบหน้าของเธอที่เขามองเห็นลางๆในที่มืดลอยเข้ามาให้ห้วงความคิด ยิ่งพยายามข่มตาให้หลับเท่าไหร่ เหมือนมันจะยิ่งยาก เพราะไม่เพียงแต่อยากจินตนาการใบหน้าของเธอเท่านั้น สมองของเขากลับคิดถึงใครอีกคน ที่อยู่ในห้วงความนึกคิดของเขาตลอดเวลา ตั้งแต่ที่เขากลับไทยครั้งนั้น จนมาถึงเขาแต่งงาน เธอคนนั้นก็ยังไม่จางหายไปจากก้นบึ้งของหัวใจ เขายอมรับกับตัวเองในทันทีเลยว่าเธอคือรักแรกของเขา ถึงเขาจะไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสัมผัสตัวตนของเธอ หรือแม้กระทั่งพูดคุยด้วย เขาก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าเธอคือรักแรกของเขา
“น่าสงสารเมียแกเหนอะ ที่แกมอบรักแรกให้ใครไปแล้วก็ไม่รู้” อัรฮามเล่ายังไม่ทันจบ หมอหนุ่มก็เอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน
“จะฟังต่อมั๊ย ถ้าไม่จะได้หยุด” ชายหนุ่มนึกขัดใจเพื่อน ที่พูดขัดจังหวะขึ้นมา
“ฟังดิ เล่าต่อๆ” หันไปทำสายตาออดอ้อนกับอัรฮาม ชายหนุ่มสายหน้าด้วยความระอาในความกะล่อนของเพื่อนรัก
“ฉันภาวนาให้ตอนเช้ามาถึงไวๆ จะได้รีบออกจากบ้าน”
“ทำไมว่ะ”
“ฉันจะได้รีบออกไปทำงานไง ฉันรู้สึกว่าเธออึดอัดเวลาอยู่กับฉัน” ชายหนุ่มพูดไปตามที่เห็น
“ก็แหงสิ อยู่กับคนแปลกหน้า จะให้น้องเขารู้สึกปลอดภัยหรือไง” หมอวินพูดเข้าข้างหญิงสาว
“ยังไงก็ช่าง ฉันเป็นสามีเขาแล้ว เขาก็ต้องปรับตัวสิ” ชายหนุ่มเถียงเพื่อน
“โอเค โอเค แกเข้าเรื่องซะที” หมอหนุ่มรีบบอกเพื่อน ก่อนที่จะไม่ได้รู้สาเหตุกันซะก่อน
“ฉันนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนมาถึงหกโมงเช้า ก็รีบแต่งตัวออกจากบ้านไปทำงาน”อัรฮามเล่ายังไม่ทันจบ หมอหนุ่มก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน
“นี่แกจะมาขยันอะไรขนาดนั้นว่ะเนี๊ย” หมอหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนด้วยความตกใจ เมื่อรู้ว่าเพื่อนไปทำงานเช้าตรู่ขนาดนั้น ถึงเขาจะรู้ว่าเพื่อนเขาขยันขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดว่าจะไปทำงานเช้าขนาดนี้
“หรือเพราะแกหวั่นไหวกันแน่ว่ะที่ต้องอยู่กับน้องเขาแค่สองคนในบ้าน ถึงต้องรีบออกไปทำงานเช้าขนาดนั้น” ไม่วายแซวเพื่อนด้วยความสนุกสนาน
“แกช่วยหยุดกระแหนะ กระแหนฉัน แล้วฟังฉันเล่าให้จบก่อนไม่ได้หรือไงไอ้หมอ” ชายหนุ่มเริ่มจะหมดความอดทนกับเพื่อนรัก เมื่อมันยังไม่หยุดพล่ามไร้สาระ ถึงหมอวินจะเดาถูกว่าเขาหวั่นไหว แต่เขาไม่มีวันบอกให้ตัวเองโดนมันล้อหรอก
“โอเค โอเค”
“พอไปถึงที่ทำงาน ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารสำคัญไว้ที่บ้าน ก็เลยขับรถกลับมาเอา” ระยะทางระหว่างบ้านเขากับที่ทำงานไม่ใช่ใกล้ๆ เขาพยายามขับรถมาถึงที่บ้านให้ช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้
‘ถ้าฉันขับรถให้เร็วกว่านี้ เหตุการณ์ในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นกับเธอ’ ชายหนุ่มคิดกับตัวเอง
“แล้วไงต่อว่ะ อย่าเงียบดิไอ้อัร” หมอวินถามขึ้นมา เมื่อเห็นเพื่อนรักนิ่งเงียบไปนาน ไม่เล่าเรื่องราวต่อจากนั้นให้ฟัง
“ฉันคงเลวมากใช่มั๊ย ที่ทิ้งเธอไว้ที่บ้านคนเดียว ทั้งๆที่รู้ ว่าเธอไม่รู้จักใครที่นี้ ที่สำคัญถ้าฉันขับรถเร็วกว่านี้ เหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น” ชายหนุ่มเล่าให้เพื่อนฟังด้วยความรู้สึกผิด เสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“มันไม่ใช่ความผิดแกเลยนะ เรื่องแบบนี้ใครๆก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นหรอก อย่างน้อยแกก็ช่วยชีวิตน้องเขาทัน ต้องขอบคุณเอกสารสำคัญของแกซะอีก ที่ทำให้แกต้องวกรถกลับมาอีกครั้ง ทั้งๆที่ระยะทางที่ทำงานแกกับที่บ้านไม่ใช่ใกล้ๆกันเลย ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดน้องอัฟชีณคงแย่เอาการเลยทีเดียว อาการอาจจะหนักกว่าที่เป็นอยู่” หมอวินเอ่ยปลอบใจเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ทั้งเพื่อนทั้งหญิงสาว ที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว
“เดี่ยวเย็นๆฉันเข้ามาดูอาการอีกที ตอนนี้ฉันต้องไปทำงานแล้ว” เว้นคำพูดไว้นิดหนึ่ง แล้วมองหน้าเพื่อน ก่อนจะพูดต่อให้จบ
“ส่วนแกอย่าคิดมาก เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่ความผิดแก”
“ขอบใจมากสำหรับวันนี้”
“ยินดีเพื่อน” ตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนแล้วเดินจากไป
หลังจากหมอวินกลับไป อัรฮามเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้คนป่วย แต่แล้วสายตาหันไปเจอกับอาหารบนเตา ที่คนป่วยน่าจะทำไว้ ชายหนุ่มไม่รอช้าอุ่นอาหารนั้นทันที พร้อมกับเตรียมยาไว้ให้หญิงสาว
ระหว่างทางที่เดินขึ้นบันได ชายหนุ่มครุ่นคิดว่าจะบอกเรื่องที่หญิงสาวโดนทำร้ายกับทั้งที่บ้านเธอและทางที่บ้านเขายังไง ไม่ให้ผู้ใหญ่ต้องเป็นห่วง
“แม่ต้องด่าแกเป็นเดือนแน่ไอ้อัร” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเอง เขาต้องเตียมตัวเตรียมใจที่จะต้องโดนแม่ด่า ที่ปล่อยให้ลูกสะไภท่านต้องเจ็บตัว ‘เฮ้อออออ’ ถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะเปิดประตูห้องหญิงสาวเบาๆ
......................................................................................
มีอะไรติชม คอมมเมนต์ได้น่ะค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้ค่ะ
Fidavs
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2558, 11:22:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2558, 11:22:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1217
<< สู่โลกกว้าง |
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 31 ส.ค. 2558, 22:23:42 น.
1. ควรมีคำอธิบายเพิ่ม กรณีที่เป็นศัพท์เฉพาะ
2. ยังมีคำผิด นะคะ
1. ควรมีคำอธิบายเพิ่ม กรณีที่เป็นศัพท์เฉพาะ
2. ยังมีคำผิด นะคะ