เจ้าสาวแสนแสบ
เมื่อสายลับสาวแสบ ต้องจับพลัดจับผลูไปเป็นเมียเจ้าพ่อหนุ่มเข้าให้


มาลุ้นกันว่า...เธอจะทำภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ


หรือจะ...เสร็จ...มาเฟียตัวร้ายก่อนกัน!!


และถ้าต้องเลือก...เธอจะเลือกอย่างไหน...



หน้าที่...หรือ...หัวใจ


Tags: รัตนรัตน์,เจ้าสาวแสนแสบ,romantic comedy

ตอน: บทที่ 6 : ซวย! บอกได้คำเดียวว่า ซวย!!!) PART II

เจ้าสาวแสนแสบ


โดย รัตนรัตน์





บทที่ 6 : ซวย! บอกได้คำเดียวว่า ซวย!!!



ร่างสูงก้าวไปยังเวทีอย่างไม่รอช้า ดวงตาคมกล้ามองปราดไปยังสี่พี่น้องเทเลทับบี้บนเวทีอย่างพินิจพิจารณา ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากรู้อย่างที่สุดก็คือ


เจ้าตุ๊กตาสีไหน...คือ...เธอ!


ทั้งนี้โชว์ที่กำลังแสดงอยู่บนเวทีหาได้ทำให้บรรดาแขกเหรื่อที่มาใช้บริการออกมาโวยวายแต่อย่างใด ทุกคนต่างพากันนั่งเงียบและจับจ้องไปยังเวทีด้วยความสนใจ ด้วยเพราะเข้าใจว่านี่คงเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่จัดเตรียมไว้ให้แขกผู้มาใช้บริการได้ตื่นตาตื่นใจนั่นเอง เป็นเหตุให้หนุ่มๆ หลายคนพากันลุ้นจนตัวโก่งว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเป็นลำดับต่อไป


และดูเหมือนว่า THE HEAVEN จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังจริงๆ เพราะในที่สุด..เงาะก็ถอดรูป!
...สวรรค์ก็คือสวรรค์อยู่วันยังค่ำ โดยเฉพาะสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่บัดนี้ได้มีนางฟ้าซึ่งงดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ปรากฎกายขึ้นแล้ว


ชุดเทเลทับบี้สีม่วงค่อยๆ ถูกรูดจนหลุดร่วง เผยให้เห็นเรือนร่างขาวนวลกระจ่างตา ตั้งแต่เนินไหล่เปล่าเปลือยไล่ไปยังเนินอกสล้างที่มีขนาดเกินตัว ทว่าน่าเสียดายเป็นหนักหนาที่เนินเนื้อที่ขาวราวหิมะแรก ครึ่งหนึ่งนั้นถูกปกปิดด้วยผ้าแถบสีขาวปักดิ้นเงินเลื่อมมุกที่ทอประกายระยิบระยับราวกับเป็นเครื่องทรงของเหล่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ ทำให้ความงามบางส่วนต้องถูกซ่อนเร้นไว้



แต่กระนั้นเอวเล็กคอดกิ่วที่สอบหายไปกับอาภรณ์พลิ้วไหวส่วนล่าง ซึ่งมีเนินหน้าท้องเรียบเนียนที่ส่ายสะบัดไปตามตามเสียงจังหวะดนตรีที่ดังระรัวก็หาได้ทำให้ผิดหวัง เพราะยิ่งเสียงเพลงเร็วขึ้นเท่าใด ผู้เป็นเจ้าของก็ยิ่งส่ายสะบัดเร็วขึ้นเท่านั้น และยิ่งสะบัด ปลีน่องและท่อนขาเรียวยาวก็ยิ่งโผล่พ้นผืนผ้าบางเบามากขึ้นไปอีก เผยให้เห็นแก้มก้นเต็มตึงชวนมอง บีบหัวใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่กำลังจับจ้องเป็นหนักหนา



ยิ่งเมื่อได้เห็นใบหน้างดงามยามแย้มยิ้มของนางฟ้า ก็ยิ่งทำให้หนุ่มๆ หลายคนทำราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงฝัน เพราะนอกจากหญิงสาวบนเวทีจะมีเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ยักย้ายส่ายสะโพกได้ดึงดูดตาดึงดูดใจแล้ว ใบหน้าของเจ้าหล่อนยังงดงามชวนมองอย่างที่สุดอีกด้วย
หากแต่แม้ว่าชายหนุ่มหลายคนจะกำลังเคลิบเคลิ้มกับภาพที่เห็น ทว่าคงต้องเว้นไว้อยู่คนหนึ่ง
พายุมองภาพหญิงสาวบนเวทีด้วยสายตาเรียบเฉย เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาไปกับส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่างขาวโพลนบนเวทีแม้แต่น้อย หากแต่สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้ก็คือ...



‘เธอ’ คือคนไหน ในสามคนที่เหลือ!



ไม่กี่อึดใจถัดมาเทเลทับบี้สีเขียวก็ถอดชุดสุดน่ารักออกจากตัว เผยให้เห็นใบหน้าสวยและเรือนร่างเย้ายวนภายใต้อาภรณ์บางเบา ที่เคลื่อนไหวทุกคราก็สะกดสายตาทุกคนจนไม่สามารถถอดถอนไปมองสิ่งอื่นใดได้อีก



ไม่ใช่! ไม่ใช่คนนี้!…



ดวงตาคมกร้าวมองไปยังตุ๊กตาสีสดสองตัวที่เหลือ...แดง หรือ เหลือง?




แม้จะเป็นเพียงการคาดเดา ทว่าสังหรณ์ใจบางอย่างบอกเขาว่า...น่าจะตัวสีเหลือง เพราะท่าทางที่แสดงออกค่อนข้างจะร่าเริงผิดวิสัยมนุษย์มนาอยู่สักหน่อย



ในที่สุดสิ่งที่เขาสงสัยก็ได้คำเฉลย เพราะเวลาต่อมาเทเลทับบี้สีแดงก็เผยใบหน้าจริงให้เห็น ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าพ่อหนุ่มจ้องเขม็งไปยังเจ้าตุ๊กตาตัวสุดท้ายที่เหลือบนเวที เพราะมั่นใจแล้วว่าหญิงสาวที่ซ่อนกายอยู่ใต้ชุดตุ๊กตาสีเหลือง คือ...เธอ!



ด้านผู้ชมหน้าเวทีนั้น เมื่อนางฟ้าในชุดสีแดงได้โชว์ท่า ‘ถอด’ ชุดตุ๊กตาตัวโคร่งด้วยท่วงท่าแสนเซ็กซี่เร้าใจจนต้องซี๊ดปากตามเสร็จสิ้น สายตาทุกคู่ก็หันมาจับจ้องยังเทเลทับบี้สีเหลืองแทน ด้วยคาดหวังว่าหญิงสาวคนสุดท้ายจะต้องมีใบหน้าที่งดงามและเรือนร่างที่เย้ายวนอย่างที่สุด กับทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่จะต้องยิ่งน้อยชิ้นลงอย่างแน่นอน เพราะจากสถิติสามสาวที่เผยโฉมแต่ละครั้ง ดีกรีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นทุกนาง ดังนั้นนางฟ้าคนสุดท้ายต้องมีไม้เด็ดเป็นฟินาเล่ปิดโชว์ให้ตื่นตาตื่นใจเป็นแน่ ซึ่งนั่นก็ทำให้สายตาทุกคู่มองไปยังร่างน้อยที่ยืนโบกสะบัดไปมาอย่างลัลล้าเป็นตาเดียว




ข้างพายุหาได้สนใจมองโชว์ ‘ถอด’ ที่เพิ่งแสดงผ่านไปไม่ สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงหญิงสาวในชุดน่ารักบนเวทีเท่านั้น แต่กระนั้นก็อดเหลือบมองสายตากระเหี้ยนกระหือรือจากบรรดาลูกค้าหนุ่มๆ ที่พร้อมใจกันส่งไปยังร่างเล็กในชุดเทเลทับบี้สีเหลืองด้วยนัยน์ตาเคืองขุ่นและลมหายใจที่ร้อนระอุไม่ได้



ใช่...เขาบอกว่าอยากดูเธอขึ้นโชว์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากให้คนอื่นดูด้วยนี่!



และในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อแสงไฟจากสปอตไลท์ตัวใหญ่สาดเป็นลำไปยังร่างของเจ้าเทเลทับบี้ตัวน้อย ซึ่งจะโชว์เป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะปิดการแสดงชุดนี้



ทว่าใครเลยจะรู้ว่าขณะที่หนุ่มๆ หลายคนกำลังใจเต้นแรงด้วยอยากเห็นความงามของเจ้าเทเลทับบี้ตัวสุดท้ายเต็มแก่นั้น หญิงสาวที่ซุกซ่อนอยู่ภายในชุดตัวดังกล่าวก็มีอาการไม่ต่างกัน



‘เอาไงดีเนี่ย...ถอด รึ ไม่ถอดดีนะ?’



ภิตะวันคิดไม่ตก แม้ว่าจะตกลงกับดาราแล้วว่าเธอนั้นจะยอมแสดงแทน หากว่าได้เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่ด้วยตัวเอง ซึ่งดาราก็ยินยอมกับทั้งให้ความร่วมมือแต่โดยดี ถึงขนาดไปจัดหาชุดที่เธอขอมาได้ทันก่อนโชว์จะเริ่ม ทั้งยังอ้อนวอนให้เธอช่วยแสดงโชว์ชุดนี้ให้จบลงได้อย่างสวยงาม เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาต่อว่าต่อขานและหักเงินเจ้าตัวได้ในภายหลัง



“แล้วจบอย่างสวยงามนี่มันจบยังไงล่ะ” ภิตะวันจำได้ว่าเธอเอ่ยถามดาราไปเช่นนั้น



“ไม่ยากหรอก ก็ดูตัวอย่างคนอื่นๆ สิ เค้าทำอะไรก็ให้ทำตามเค้า เค้าเต้น เราก็เต้นตาม ไม่ยากหรอก”


ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอหลงขึ้นมายืนบนเวทีแห่งนี้...



‘เอาวะ! ถอดก็ถอด เต้นก็เต้นวะ คนอย่างภิตะวันไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว!!’


เร็วเท่าความคิด นิ้วเรียวเอื้อมไปยังตำแหน่งของซิปที่ด้านหลังของเสื้อตัวโคร่ง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนซิปลงด้านล่าง ทว่าจู่ๆ ซิปที่รูดก็ดันไปติดกับเนื้อผ้าข้างๆ เข้าทำให้การรูดต้องชะงักงัน



แต่เมื่อตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว คนอย่างเธอไม่เคยเปลี่ยนใจ ว่าแล้วเจ้าตัวก็ออกแรงดึงซิปแรงขึ้น พร้อมกับที่เสียงโห่เชียร์ของผู้ชมเริ่มดังกระหึ่มขึ้นมา ด้วยคิดว่านี่คงเป็นส่วนหนึ่งของโชว์ที่ต้องการให้ผู้ชมร่วมลุ้นตามไปจนวินาทีสุดท้ายนั่นเอง



‘ทำไมมันถอดยากอย่างนี้เนี่ย!’ ใบหน้าชื้นเหงื่อด้านในหัวตุ๊กตาเริ่มยุ่งเหยิง เมื่อรูดเท่าไหร่ซิปเจ้ากรรมก็ไม่ลงซะที ทว่าขณะที่คนบนเวทีกำลังพยายามเหลือเกินที่จะปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกายนั้น ใครบางคนที่ยืนกอดอกอยู่หน้าเวทีกลับมองกิริยานั้นด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นัก นัยน์ตาคมเข้มร้อนระอุราวกับมีลูกไฟดวงเล็กๆ สุมอยู่ภายใน


“...ดไฟ!”


“อะไรนะครับ?” หนึ่งในบรรดาลูกน้องคนสนิทเอ่ยถาม เนื่องด้วยเสียงเพลงที่ดังอยู่โดยรอบทำให้ได้ยินคำพูดของผู้เป็นนายไม่ชัดนัก



“ฉันสั่งให้ปิดไฟบนเวทีไม่ได้ยินรึไง!”



เสียงเฉียบขาดดังขึ้น และนั่นก็ทำเอาบรรดาลูกน้องรีบกุลีกุจอทำตามคำสั่งแทบไม่ทัน หากแต่ดูเหมือนจะช้าไปกว่านักแสดงสาวบนเวทีเสียแล้ว เมื่อวินาทีเดียวกันนั้นแผ่นหลังที่ขาวนวลเนียนราวกับสะท้อนแสงในความมืดก็ปรากฏแก่สายตา



“บ้าชิบ!”


เสียงสบถเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากบางของเจ้าพ่อหนุ่มโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะกระโดดขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว มือหนาคว้าเอวบางเข้ามาใกล้ จากนั้นจึงพลิกร่างคนตัวเล็กหันเข้าด้านใน ด้วยหมายใช้แผ่นหลังของตนบดบังผิวขาวกระจ่างตานั้นให้พ้นจากสายตาของทุกคน อ้อมแขนแกร่งกอดรัดคนตัวเล็กเสียแน่นราวกับเจ้าเทเลทับบี้ตัวน้อยคือของรักของหวงของตน!



โชคดียิ่งนักที่ก่อนที่ใครต่อใครจะได้เห็นว่าบนเวทีเกิดอะไรขึ้น สปอตไลท์ทุกตัวที่สาดแสงไปยังเวทีได้ถูกดับแสงลงเสียก่อน พร้อมกันนั้นควันจำนวนมากก็พวยพุ่งขึ้นมา ราวกับจะบอกว่าการแสดงชุดพิเศษได้จบลงเพียงเท่านี้ เป็นเหตุให้เสียงครางอย่างแสนเสียดายของผู้คนที่กำลังลุ้นระทึกดังขรม ด้วยไม่นึกว่าโชว์จะจบลงแบบค้างๆ คาๆ เช่นนี้




“ปล่อยนะ!” ภิตะวันฮึดฮัดขัดขืน ด้วยไม่คุ้นชินกับการอยู่ในอ้อมอกของใคร โดยเฉพาะผู้ชาย...แม้ว่าอ้อมอกแกร่งที่ว่านี้จะเคยกอดรัดเธอมาแล้วครั้งหนึ่งก็ตาม!



“อยากโชว์นักรึไง?”



ไม่ถามเปล่าแต่กลับฝังจมูกลงยังซอกคอนุ่ม ด้วยหมายดอมดม ‘กลิ่น’ หอมละมุนที่ตนนั้นติดอกติดใจอีกครา และก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อกลิ่นหอมจางๆ ยังคงอบอวลไปทั่วอณูเนื้อนุ่มนิ่มของร่างเล็กในอ้อมแขน



“เฮ้ย! ทำบ้าอะไรน่ะ!!”


เสียงแหลมเอ่ยอย่างตกอกตกใจ ขณะที่ในสมองอยากจะพ่นคำตอบกรอกหูเจ้าของแผงอกแกร่งใจแทบขาด ‘ถามมาได้ว่าอยากโชว์?... ก็ไม่ใช่เพราะนายรึไงที่ฉันต้องมาแสดงอะไรแบบนี้น่ะห๊ะ!’



เสียงขุ่นมัวดังแว่วในอก ขณะที่เจ้าตัวแหงนหน้ามองเจ้าของท่อนแขนที่กอดรัดแน่นหนาอย่างไม่กลัวเกรง แต่เพราะความมืดที่ปกคลุมโดยรอบทำให้เธอเห็นแค่เพียงดวงตาวิบวับของอีกฝ่ายเท่านั้น



“ปล่อย!!!” เสียงแหลมเล็ก เกรี้ยวกราดดังขึ้น ทว่าคนตัวโตนอกจากจะไม่ปล่อยหากแต่กลับรั้งร่างบางแน่นเข้า ก่อนจะทั้งผลักและดันร่างเล็กไปด้านหลังเวทีได้สำเร็จ



ด้านหลังเวทีที่คนทั้งคู่ก้าวขาเข้ามานั้นมีแสงสว่างเรืองรองพอสมควร คราแรกนั้นก็มีหลายชีวิตกำลังแต่งหน้าทำผมอยู่อย่างเร่งรีบ เพื่อเตรียมสำหรับโชว์ของตนเองในชุดๆ ถัดไป แต่เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่คือใครเท่านั้นล่ะ วงแตกในทันที!



ดังนั้นเพียงไม่กี่วินาทีสถานที่ๆ เคยอลหม่านก็กลับเงียบเชียบราวกับเมืองร้าง จนในที่สุดก็เหลือเพียงชายหนุ่มร่างสูงใหญ่และร่างน้อยในชุดตัวโคร่งสีเหลืองแสบสันที่ถูกใครบางคนกักขังไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา ก่อนที่เจ้าของร่างสูงจะดันร่างเล็กไปติดกำแพง จนไม่มีที่ให้หนีอีกต่อไป



“อยากเต้นนักไม่ใช่หรือ เต้นสิ!”



เสียงเข้มเอ่ยขึ้นขณะที่พากายแกร่งของตัวเองเบียดเสียดกับร่างเล็กจนแทบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แผงอกหนาทาบทับอยู่บนทรวงอกอวบหยุ่นจนยุบยวบ



‘อยู่ท่านี้เต้นได้ก็บ้าแล้ว! ไม่ได้อยากเต้นด้วย ปล่อยนะโว้ย!’ ภิตะวันตอบโต้อีกฝ่ายในใจ ขณะที่พยายามขัดขืนสุดกำลัง ก็ใครใช้ให้ไอ้เจ้าพ่อบ้านี่เอาตัวมาเบียดกับเธอจนเธอตัวบี้ตัวแบนแบบนี้กันเล่า!



ทว่าเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าขณะที่กำลังด่าทอใครบางคนในใจนั้น ใบหน้าเนียนใสภายใต้หัวตุ๊กตาขนาดใหญ่นั้นแดงระเรื่อเพียงใด ด้วยแม้เธอจะเล่นกีฬา เรียนศิลปะป้องกันตัวและลงแข่งขันต่อสู้กับผู้ชายมาแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ หากแต่สถานการณ์ที่ใกล้ชิดต่างกันเหลือเกินกับครั้งนี้



“เต้นสิ ถ้าไม่เต้น จะทำอย่างอื่น!”






to be continued....


ขอไปต่อความซวยที่ตอนหน้านะคะ


***************************


ซวยจริง ไรจริง ผิดมั้ยถ้าอยากให้นางเอกซวยบ่อยๆ 555


ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ...^^


~รัตนรัตน์ ~


*****************************






รัตนรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 เม.ย. 2554, 16:17:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 เม.ย. 2554, 16:17:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 2633





<< บทที่ 6 : ซวย! บอกได้คำเดียวว่า ซวย!!! PART I    บทที่ 6 : ซวย! บอกได้คำเดียวว่า ซวย!!! PART III >>
jink 5 เม.ย. 2554, 19:13:22 น.
แหมๆ คุณพายุมาช่วยทัน ไม่งั้นมีเฮ อิอิ


SaiParn 10 เม.ย. 2554, 19:18:37 น.
ลุ้นความซวยของภิตะวันต่อไปจร้า


XaWarZd 29 พ.ค. 2554, 01:43:48 น.
กรี๊ดดดด ลุ้นค่ะลุ้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account