กับดักรักจอมบงการ
อลินธิดา’ ผู้ประกาศข่าวสาวช่วงพยากรณ์อากาศประจําสถานีโทรทัศน์
แม้งานที่ทําจะท้าทายความสามารถมากมายแค่ไหน
แต่หญิงสาวก็ยังมองหา ‘งานข่าว’ ในหน้าที่ใหม่อยู่เสมอๆ
แต่การอิจฉาริษยา ปะทะกัน และแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในสถานีก็ทําให้เธอสะดุดล้มไม่เป็นท่า
จนกระทั่งเธอได้ล่วงรู้ ‘ความลับ’ ของเขา
มหาเศรษฐีหนุ่มที่สังคมอยากจะรู้เรื่องชีวิตของเขามากที่สุด!
‘พบกรันต์ โภไคยสกุล’ เขาคือนักธุรกิจมหาเศรษฐี ที่นอกจากจะมีอิทธิพลมากแล้ว
เขายังมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ และเซ็กซี่เฉียบขาดบาดใจชนิดที่อลินธิดาไม่เคยเจอมาก่อน
ความปรารถนาที่เขาและเธอสัมผัสได้จากกันและกันนั้นอาจจะเร่าร้อน
แต่ต้องหักห้ามใจ... ภายใต้ ‘การหลอกลวง’ และความเสี่ยงในแง่ของ ‘ความไม่เชื่อใจ’
จนกระทั่ง ‘รสสัมผัสต้องห้าม’ ที่เกิดขึ้นบนเตียงซึ่งเขาปรนเปรอให้อย่างเชี่ยวชาญ
ดึงให้เธอและเขาเดินมาถึงทางแยกอันน่าลําบากใจ... ระหว่าง
‘ความถูกต้อง’ และ ‘ความรัก’
สถานีโทรทัศน์ที่ชื่อ CAN ซึ่งเป็นสถานที่ทํางานของเธอนั้น เขารู้จักชื่อเสียงของมันดี
และรู้ว่าการล่อลวงนักข่าวสาวให้ขึ้นเตียงคือการเล่นกับไฟ
ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะขาย ‘ความลับ’ ของเขาเพราะความทะเยอทะยานในหน้าที่
และข่าวอื้อฉาวที่ออกมาก็เป็นจริงดังคาดด้วยวิธีการ ‘สกปรก’
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผย
หากอาจจะรวมไปถึง ‘ความลับ’ ของอลินธิดา
...ที่รอวันประจานตัวเองออกมาในอีกเก้าเดือน!
“ตอนนี้แค่อาบน้ำจ้ะน้ำผึ้ง ผมแค่อยากให้คุณได้คุ้นชินกับเนื้อตัวและสัมผัสของผม
เอาไว้วันหลังผมจะแสดงให้ดูว่าเราทำได้ทุกที่ถ้าคุณต้องการ หรือจะชอบแบบโลดโผนผมก็ยินดี”
แม้งานที่ทําจะท้าทายความสามารถมากมายแค่ไหน
แต่หญิงสาวก็ยังมองหา ‘งานข่าว’ ในหน้าที่ใหม่อยู่เสมอๆ
แต่การอิจฉาริษยา ปะทะกัน และแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในสถานีก็ทําให้เธอสะดุดล้มไม่เป็นท่า
จนกระทั่งเธอได้ล่วงรู้ ‘ความลับ’ ของเขา
มหาเศรษฐีหนุ่มที่สังคมอยากจะรู้เรื่องชีวิตของเขามากที่สุด!
‘พบกรันต์ โภไคยสกุล’ เขาคือนักธุรกิจมหาเศรษฐี ที่นอกจากจะมีอิทธิพลมากแล้ว
เขายังมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ และเซ็กซี่เฉียบขาดบาดใจชนิดที่อลินธิดาไม่เคยเจอมาก่อน
ความปรารถนาที่เขาและเธอสัมผัสได้จากกันและกันนั้นอาจจะเร่าร้อน
แต่ต้องหักห้ามใจ... ภายใต้ ‘การหลอกลวง’ และความเสี่ยงในแง่ของ ‘ความไม่เชื่อใจ’
จนกระทั่ง ‘รสสัมผัสต้องห้าม’ ที่เกิดขึ้นบนเตียงซึ่งเขาปรนเปรอให้อย่างเชี่ยวชาญ
ดึงให้เธอและเขาเดินมาถึงทางแยกอันน่าลําบากใจ... ระหว่าง
‘ความถูกต้อง’ และ ‘ความรัก’
สถานีโทรทัศน์ที่ชื่อ CAN ซึ่งเป็นสถานที่ทํางานของเธอนั้น เขารู้จักชื่อเสียงของมันดี
และรู้ว่าการล่อลวงนักข่าวสาวให้ขึ้นเตียงคือการเล่นกับไฟ
ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะขาย ‘ความลับ’ ของเขาเพราะความทะเยอทะยานในหน้าที่
และข่าวอื้อฉาวที่ออกมาก็เป็นจริงดังคาดด้วยวิธีการ ‘สกปรก’
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผย
หากอาจจะรวมไปถึง ‘ความลับ’ ของอลินธิดา
...ที่รอวันประจานตัวเองออกมาในอีกเก้าเดือน!
“ตอนนี้แค่อาบน้ำจ้ะน้ำผึ้ง ผมแค่อยากให้คุณได้คุ้นชินกับเนื้อตัวและสัมผัสของผม
เอาไว้วันหลังผมจะแสดงให้ดูว่าเราทำได้ทุกที่ถ้าคุณต้องการ หรือจะชอบแบบโลดโผนผมก็ยินดี”
Tags: กับดักรักจอมบงการ, พบกรันต์, อลินธิดา
ตอน: ตอนที่ 7 100%
รัตน์ระพีเดินทางมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งในเวลาก่อนเที่ยงวันพลางสอดส่ายสายตาหาเพื่อนสนิทที่นัดไว้ ดาราสาวยิ้มด้วยความดีใจเมื่อเห็นหทัยกานต์ โบกมือพร้อมเรียกให้เธอไปนั่งในมุมหนึ่งของร้านอาหาร
“ระพี... ทางนี้” หทัยกานต์เรียกพลางสำรวจร่างของเพื่อนสาวที่พักนี้ราศีจับ ทำอะไรก็เป็นข่าวครึกโครม “แหม... ตั้งแต่เป็นข่าวกับคุณพบกรันต์ไม่เว้นแต่ละวันเนี่ย ออร่าคุณนายแห่งห้างแม็กซ์มอลล์จับเป็นประกายเชียวนะยะ”
รัตน์ระพีหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจในคำพูดของเพื่อนพลางถอดแว่นกันแดดออกด้วยท่าทีนวยนาดราวกับคุณนาย “ทั้งหมดก็ต้องขอบใจเธอนั่นแหละ”
“แล้วเป็นยังไง เป็นผู้หญิงของคุณพบรันต์นี่เหมือนมีอภิสิทธิ์เหนือคนทั่วไปอย่างที่เขาว่ากันรึเปล่า?” หทัยกานต์ ซึ่งทำงานอยู่ในนิตยสารแห่งหนึ่งถามด้วยความอยากรู้
“ก็... ดีมากๆ” รัตน์ระพีเว้นจังหวะไว้ช่วงหนึ่ง จากนั้นก็ลากเสียงยาวราวกับเพิ่อมความอิจฉาให้เพื่อน “เขาช่างเอาใจใส่ สุภาพ เห็นฉันแต่งตัวสวยนี่ชมไม่ขาดปากเลยล่ะ อยากได้อยากทานอะไรนะ ทุ่มไม่อั้น”
“เรื่องนั้นฉันรู้แล้วน่า... ที่ถามนี่หมายถึงเรื่องอย่างว่าน่ะ เขาโซฮอตสมกับคำร่ำลือรึเปล่า?” หทัยกานต์ถามด้วยน้ำเสียงกระซิบพลางขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อนอย่างอยากรู้
รัตน์ระพีปั้นหน้ายากเพียงแวบเดียวจากนั้นก็พูดออกมาด้วยท่าทีเขินอาย “อ่อนหวาน เร่าร้อน พลังเหลือล้น ไม่เคยอิ่ม มันสุดที่จะบรรยาย”
หทัยกานต์อ้าปากค้างเพราะคำพูดและท่าทางชวนฝันของเพื่อนนั้นทำให้จินตนาการไปสุดกู่ “อ้าย... ฉันอิจฉาเธอที่สุด ได้ดีแล้วอย่าลืมเพื่อนคนนี้เชียวนะ”
“ลืมได้ยังไงกัน เธอคือเพื่อนเจ้าสาวของฉันเชียวนะ”
คำพูดที่ออกจากริมฝีปากอวบอิ่มซึ่งเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงสดยิ่งทำให้หทัยกานต์ตกตะลึงมากขึ้น “นี่แปลว่าเขาขอเธอแต่งงานแล้วเหรอ ระพี?”
“เธอนี่มันไร้เดียงสาจริงๆนะยัยเล็ก!” รัตน์ระพีพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อคำถามของเพื่อนดับความฝันที่สวยหรูลงจนหมดสิ้น “ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างคุณพบกรันต์ เขาคงไม่คิดจะเอ่ยปากขอผู้หญิงที่รู้จักกันไม่ถึงเดือนแต่งงานหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รักษาชีวิตโสดมาจนถึงอายุสามสิบหกปีอย่างนี้ ที่ฉันพูดเนี่ยหมายถึง ฉันจะต้องจับเขาให้อยู่หมัดและวันแต่งงานของฉัน เธอก็คือเพื่อนเจ้าสาวย่ะ”
“อ๋อ... ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าเธอหมายถึงอนาคต แต่ฉันมีวิธีที่จะเร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันแต่งงานของเธอเร็วๆนะ” หทัยกานต์พูดพลางยิ้มอย่างคนเจ้าแผนการ
“ทำยังไง รีบๆพูดมาเร็ว”
“เธอก็อัดคลิปตอนที่กำลังทำกิจกรรมอย่างว่า ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน เธอก็รู้ว่าฉันทำมันได้ดีแค่ไหน” หทัยกานต์บอก แต่เมื่อเห็นสีหน้าคิดหนักของเพื่อนจึงเสนอทางลัดอีกหนึ่งวิธี “หรือไม่ก็ปล่อยให้ท้อง คราวนี้ต่อให้คุณพบกรันต์จะรักจะหวงแหนชีวิตโสดแค่ไหน เขาไม่มีวันหลุดพ้นจากมือเธอ”
“ไม่ได้หรอก คนอย่างคุณพีทน่ะไม่เคยพลาดท่าเสียทีเรื่องป้องกันตัวเองอยู่แล้ว” รัตน์ระพีบอก เขาไม่ใช่ผู้ชายตัณหากลับที่จะมั่วกับผู้หญิงไม่เลือกหน้า ขนาดว่าเธอและเขาอิงแอบแนบชิดกันเกือบทุกคืน ยังจบลงที่จูบเร่าร้อนเป็นไฟซึ่งเธอเองนั้นติดอกติดใจหนักหนา เขาไม่เคยเอ่ยปากขอค้างกับเธอสักคืน แต่ถ้าหากบอกออกไปตามตรงว่ายังไม่มีสัมพันธ์ทางกายกับเขาแล้วก็เป็นเรื่องที่เสียหน้าอย่างมาก “ไอ้เรื่องคลิปก็เป็นวิธีที่เข้าท่าอยู่หรอก แต่ถ้าทำบ่อยไปฉันกลัวคุณพีทจับได้สักวัน”
“ทำไม เรื่องคอลัมน์ซุบซิบนั่น เขาสงสัยเธอเหรอ?”
“เปล่า แต่กว่าฉันจะหาเรื่องลากไปใส่ความยัยน้ำผึ้งนั่นได้ ก็แทบแย่เหมือนกัน อีกอย่างตอนที่เขาโกรธผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากๆ ท่าทางของเขาเตือนให้ฉันรู้ว่าอย่าทำให้เขาโกรธจะดีกว่า” รัตน์ระพียังรู้สึกหวาดหวั่นกับสายตาที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะนั้น
“น่ากลัวอย่างนั้นเชียว?” เมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้ารับ หทัยกานต์ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เฮ้อ... เธอได้ดีมีแฟนเป็นถึงอภิมหาเศรษฐีแล้ว จะทำอะไรก็ดูดีไปหมด เดี๋ยวนี้รับงานแทบจะไม่มีเวลาว่างใช่ไหมล่ะ”
“อะไรของเธอ อยู่ดีๆก็มาน้อยใจตัดพ้อต่อว่าฉันเนี่ย” รัตน์ระพีถามด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตั้งแต่ที่เป็นข่าวคู่ควงคนใหม่ของพบกรันต์ ซีอีโอหนุ่มแห่งห้างแม็กซ์มอลล์ก็ทำให้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น งานโชว์ตัวที่มีเพียงเดือนละไม่กี่ครั้ง ก็ติดต่อเข้ามาอย่างมากมายและมันสามารถสร้างรายได้ก้อนโตให้เธอมีเงินซื้อหาเครื่องสำอาง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้ายี่ห้อดัง ทั้งหมดนี้ก็อยากจะอัพเกรดตัวเองให้เหมาะสมกับพบกรันต์
“ฉันนี่สิลำบาก นี่ถ้าบก. รู้ว่าข่าวทั้งหมดที่ฉันหาไปให้นั่นเพื่อใส่ความอลินธิดา มีหวังฉันตกที่นั่งลำบาก สองคนนี้เขาสนิทกันจะตาย”
ความจริงแล้วเรื่องทั้งหมดเกิดจากแผนการของรัตน์ระพีและหทัยกานต์ ภาพทั้งหมดนั้นรัตน์ระพีเป็นคนนำมาให้หทันกานต์ ซึ่งทำงานอยู่ในนิตยสารฉบับเดียวกันกับที่อลินธิดาเพิ่งลาออก หทัยกานต์นำภาพไปให้บก. ซึ่งเป็นคนเขียนคอลัมน์คุณหนูจอมแฉต่อจากอลินธิดา โดยที่ไม่รู้ว่ามีคนกำลังแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง” รัตน์ระพีถามออกมาในที่สุด
“ละครของเธอกำลังจะออนแอร์ช่องCAN ไม่ใช่เหรอ แล้วฉันก็ยังได้ยินมาอีกว่าคุณพบกรันต์ทุ่มเงินซื้อเวลาโฆษณาในช่วงละครของเธอออนแอร์ตั้งหลายล้าน เส้นสายใหญ่ขนาดนี้เธอก็ชาวยพูดกับคุณพบกรันต์ฝากฉันให้เข้าทำงานที่ฝ่ายข่างช่องCAN บ้างสิ”
รัตน์ระพีปั้นหน้ายากเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับพบกรันต์อย่างไรดี
“ถ้าฉันได้เข้าไปทำงานที่ช่องCAN ก็แปลว่าเธอจะมีหูมีตาสอดส่องเรื่องของยัยน้ำผึ้งนะ” แต่คำพูดที่จับทางความคิดของรัตน์ระพีได้ถูกก็ทำให้หทัยกานต์ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
จริงสินะ! ถึงแม้ว่าพบกรันต์จะไม่เคยเอ่ยถึงอลินธิดาสักครั้ง แต่แววตาชื่นชม อ่อนโยนในตอนที่เขาเอ่ยถึงเมื่อคราวที่แล้วยังทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจ ขนาดว่าเธอทำให้เขาต้องโมโหถึงขนาดนั้น เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่ได้ยินชื่อของอลินธิดา เขาดูใจเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด การที่หทัยกานต์ได้เข้าไปทำงานอยู่ใกล้ๆกับอลินธิดา คงจะเป็นประโยชน์ต่อเธอเป็นแน่ “เอาล่ะ... เดี๋ยวฉันจะลองหาวิธีดู แต่ถ้าเธอได้เข้าไปทำงานในช่องCAN แล้ว อย่าลืมสิ่งที่พูดกับฉันไว้ก็แล้วกัน”
“ไม่มีปัญหา คนอย่างฉันคำไหนคำนั้น” จบคำพูด ทั้งสองสาวก็หัวเราะออกมาอย่างถูกอกถูกใจ ต่างคนต่างมีจุดประสงค์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ราวชั่วโมงต่อมาทั้งคู่ก็แยกย้ายออกจากร้านอาหารเพราะต่างคนต่างมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติแตกต่างกัน รัตน์ระพีนั้นต้องรีบเดินทางไปยังสถานีช่องCAN สมทบกับนักแสดงพร้อมผู้จัดละคร เพื่อมอบช่อดอกไม้ให้กับกองบรรณาธิการข่าว ฝ่ายบันเทิง ในโอกาสที่ทางบริษัทกำลังจะมีละครออกอากาศทางช่องCAN
เกือบสองสัปดาห์ที่อลินธิดาเข้ามาทำงานในสถานีช่องCAN ทุกอย่างดูลงตัว เข้าที่เข้าทางอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานรวมไปถึงงานที่ได้รับมอบหมาย เสียงตอบรับของผู้ชมก็เป็นไปในแง่บวก ตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้แต่แรก และสิ่งที่ทำให้อลินธิดาภูมิใจมากที่สุดก็คือการทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศ ที่ได้เสียงตอบรับจากผู้ชมเข้ามาเป็นอย่างดี ลีลาการนำเสนอข่าวพยากรณ์อากาศที่แปลก แหวกแนวมากกว่าการเดินเข้ามารายงานสภาพอากาศอย่างเคร่งขรึม ใช้คำพูดที่เป็นทางการมากกว่าที่จะทำให้คนเข้าใจได้ง่าย
อลินธิดาเลือกใช้คำพูดที่เหมือนการเล่าสภาพดินฟ้าอากาศทั่วไป ให้คนในครอบครัวได้รับรู้ การเคลื่อนไหวอยู่บนโซฟาของเธอก็ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ น่ามอง มันจึงทำให้การรายงานสภาพอากาศแตกต่างไปจากเดิม
จากความสามารถนี้ก็ทำให้ทีมงานมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้หญิงตัวเล็กๆ ท่าทางหยิบโหย่งเป็นคุณหนูที่ดีแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ คนที่ไม่ได้มีอคติกับภาพลักษณ์ตั้งแต่แรกก็ยิ่งยอมรับ ส่วนคนที่ตั้งคำถามว่าเธอจะทำงานในหน้าที่นี้ได้หรือไม่ ก็พบกับคำตอบแล้วว่าเธอเหมาะสมกับหน้าที่ครีเอทีฟข่าวภาคค่ำนี้เป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ...” เสียงทักทายของหญิงชายหลายคนที่ดังขึ้นในห้องบรรณาธิการข่าวสถานีช่องCAN ทำให้อลินธิดาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้า ก็ได้พบว่าเหล่าดารานักแสดงรวมไปถึงผู้จัดละครได้เข้ามาในห้องราวสิบกว่าชีวิต
“สวัสดีค่า... ลมอะไรหอบเอาหนุ่มหล่อสาวสวยมาถึงห้องข่าวได้คะเนี่ย” กิ๊บซี่เดินออกมารับหน้าเหล่านักแสดงทันที
“ลมคิดถึงคร้าบ...” นักแสดงชายใหน้าหล่อเหลาคนหนึ่งเอ่ยถึง ทำให้กิ๊บซี่ถึงกับอายม้วนเกือบจะละลายกับสายตาหวานฉ่ำที่ดาราหนุ่มส่งให้ “ผม ทีมนักแสดงและผู้จัดละครเรื่อง... นำดอกไม้มามอบให้พี่ๆเนื่องในโอกาสที่ละครกำลังจะออนแอร์ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“อ้ายยย... หล่อเริ่ด ตัวเป็นๆหล่อกว่าในทีวีอีกพันเท่าเลยนะฮร้า...” กิ๊บซี่บอกพลางซบศีรษะลงบนท่อนแขนกำยำของดาราหนุ่ม
“ฮะแอ่มๆ เกินไปแล้วเจ๊ โน่นๆ พี่ชาตรีเดินหน้าหงิกมาโน่นแล้ว” นักข่าวคนหนึ่งพูดขึ้นมา ทำให้กิ๊บซี่รีบออกมายืนตัวตรง เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงในห้องเป็นอย่างดี
เมื่อกิ๊บซี่รู้ตัวว่าถูกหลอกเข้าให้แล้วจึงหันไปกล่าวอาฆาตนักข่าวคนดังกล่าว จากนั้นจึงเดินมาหาอลินธิดาให้เป็นตัวแทนของฝ่ายข่าวออกมารับช่อดอกไม้ “ขอแนะนำให้รู้จักกับคุณอลินธิดาหรือเรียกสั้นๆว่าคุณน้ำผึ้ง ครีเทีฟสาวคนใหม่ขอเราที่พ่วงตำแหน่งผู้ประกาศข่าวพยากรณ์ไปด้วยค่า...”
“สวัสดีค่ะ...” อลินธิดายกมือไหว้สวัสดีอย่างมีมารยาท
“ยังไงพี่ขอฝากละครของพวกเราด้วยนะคะ น้องนักแสดงและทีมงานทุกคนตั้งใจกับงานชิ้นนี้มาก เป็นเรื่องแรกที่บริษัทของเรามีโอกาสผลิตละครให้กับทางช่องCAN และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุน เอ็นดูจากฝ่ายข่าวนะคะ” ผู้จัดคนดังที่เพิ่งมีโอกาสผลิตละครป้อนชื่องCAN กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมมอบดอกไม้ช่อโตให้เป็นที่ระลึก
“ยินดีค่ะ ละครดี ขนนักแสดงดังมาล้นจออย่างนี้ เรตติ้งต้องกระฉูดแน่ค่ะ” อลินธิดากล่าวตอบพร้อมกับรับช่อดอกไม้จากดาราหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ส่งสายมองครีเอทีฟสาวด้วยความสนใจจนหลายคนสังเกตได้
“หลายวันมานี้ใครๆก็พูดถึงแต่ข่าวภาคค่ำของช่องCAN ว่ารวดเร็ว กระชับ ฉับไว ที่สำคัญผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศยังกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ก็เพราะฝีมือคุณน้ำผึ้งนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ดาราหนุ่มไม่รีรอที่จะเปิดสัมพันธไมตรีกับสาวสวยที่ถูกใจ โดยที่รัตน์ระพียืนอยู่ปลายแถวฟังคำพูดนั้นด้วยท่าทางสะอิดสะเอียน
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ทั้งหมดก็เป็นเพราะพวกเราทุกคนช่วยกัน ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ มีอะไรให้ช่วยเหลือพวกเราฝ่ายข่าวช่องCAN ยินดีเสมอ” อลินธิดาตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและคำพูดที่ดูสุภาพ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จนดาราหนุ่มต้องถอยไปด้วยสีหน้าเจื่อน
“หวังว่าเราคงได้มีโอกาสร่วมงานกันนะคะ พี่เห็นคุณน้ำผึ้งในงานอีเวนท์มาหลายงานแล้ว ชื่นชมในความสามารถมาก แต่ไม่คิดว่าคุณชาตรีจะก้าวเร็วกว่าคนอื่นเสมอ” ผู้จัดละครและรายการโทรทัศน์ชื่อดังกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากแต่กิ๊บซี่ก็รับรู้ได้ว่าคำชวนนั้นทำให้อลินธิดาวางตัวลำบากจึงรีบออกหน้าตอยรับแทนด้วยคำพูดติดตลก
“ว้าย... ถ้าอยากได้คนนี้ต้องคุยกับคุณชาตรีเองนะคะ แค่ทำงานให้ช่องCAN ที่เดียวก็ไม่มีเวลาไปรับงานอื่นแล้วค่ะ ที่นี่เขาใช้คุ้มค่ามาก...” กิ๊บซี่พูดพลางวาดแขนไปโอบร่างอรชรของอลินธิดาไว้ แสดงท่าทีหวงแหนอย่างออกนอกหน้า เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผู้จัดคนดังรู้เป็นนัยแล้วว่า โอกาสที่จะดึงอลินธิดาไปร่วมงานด้วยนั้นยากเต็มที
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องขอตัวเลยแล้วกัน ต้องเอาช่อดอกไม้ไปมอบให้ฝ่ายต่างๆด้วยค่ะ” ผู้จัดละครร่างท้วมกล่าวขึ้น หากแต่เสียงแหลมของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นทันทีเมื่อจบคำพูดของผู้จัดละครชื่อดัง
“เอ่อ... ขอโทษด้วยนะคะ” รัตน์ระพีเดินมาเผชิญหน้ากับอลินธิดา พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันที่มำให้หลายคนแปลกใจกับท่าทางนี้นัก “ระพีคงไปมอบช่อดอกไม้กับทีมงานไม่ได้แล้วนะคะ เพราะเหลืออีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลานัดกับคุณสมพรแล้วล่ะค่ะ นี่ยังต้องรอรับคุณพบกรันต์ที่จะมาเซ็นสัญญาซื้อโฆษณาในตอนที่ละครของเราออนแอร์ด้วยนะคะ”
จบคำพูดของรัตน์ระพีเสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นทันที ต่างก็เดากันไปต่างๆนานาว่ารัตน์ระพีนั้นอาจจะเป็นพิธีกรรายการเกมโชว์ใหม่ที่ยังสรุปตัวพิธีกรหญิงไม่ได้ และคุณสมพรที่รัตน์ระพีกล่าวถึงก็คือ โปรดิวเซอร์ของรายการเกมโชว์ดังกล่าว ไม่แน่ว่า การที่พบกรันต์ตกลงซื้อโฆษณากับทางช่องCAN จะเป็นการดันให้รัตน์ระพีได้รับหน้าที่นี้ก็เป็นได้
“แหม... เดี๋ยวนี้ใครก็มาแรงสู้คุณระพีไม่ได้นะครับ ลักกี้อินเกมแถมยังลักกี้อินเลิฟด้วย” เสียงของนักข่าวคนหนึ่งดังขึ้นทำให้รัตน์ระพีหัวเราะด้วยความเขินอาย หากแต่อลินธิดากลับเห็นว่ามันเป็นเสียงหัวเราะของนางอิจฉาในละครเสียมากกว่า หากแต่ยังเลือกที่จะเงียบอยู่เช่นเดิม
“โอ้... ไฮโซมาก...” กิ๊บซี่เป็นคนเดียวที่แสดงความคิดเห็น “ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าคุณระพีได้เป็นพิธีกรหญิงของรายการเกมโชว์ใหม่นี่ใช่ไหมคะ?”
“ก็... เอาเป็นว่ารอให้ระพีกับทางผู้ใหญ่คุยกันลงตัวก่อนนะคะ มีความคืบหน้ายังไง ระพีจะรีบบอกพี่ๆสื่อมวลชนทันทีเลยค่ะ แต่ตอนนี้ต้องขอตัวแล้วนะคะ ใกล้ถึงเวลานัดเต็มที” รัตน์ระพีบอกแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง โดยมีคณะผู้จัดละครตามออกไปเช่นกัน
“น้องน้ำผึ้งว่าคุณระพีนี่จะได้เป็นพิธีกรจริงๆรึเปล่า?” กิ๊บซี่ถามขึ้นหลังจากที่แขกผู้มาเยือนทยอยออกไปจากห้องหมดแล้ว พลางมองร่างอรชรของครีเอทีฟสาวที่ส่ายหน้าดิก เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตัวเอง
“ไม่ทราบสิคะ แต่รออีกพักก็คงได้รู้ล่ะค่ะ” อลินธิดาบอกพลางก้มหน้าลงทำงานของตนเองต่อ
“โธ่!... ขัดใจกะเทยจริงๆ ออกความเห็นหน่อยสิคะ เอาแบบจิกกัดหรือหมั่นไส้ก็ได้ พี่กิ๊บซี่เข้าใจว่าน้องน้ำผึ้งเคยกิ๊กกั๊กกับคุณพบกรันต์มาก่อน” กิ๊บซี่ยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา เป็นเชิงไม่ให้หญิงสาวได้ปฏิเสธพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ “อะๆ ไม่ต้องมาปฏิเสธกะเทยนะคะ เรื่องแบบนี้กะเทยรู้และเข้าใจดี มีอะไรหนักอกหนักใจก็ปรึกษาได้ เราร่วมงานกันมาจนป่านนี้ น้องน้ำผึ้งยังไม่รู้ว่าอีกเหรอคะว่าพี่เป็นกะเทยสปีชี่ย์ที่ไว้ใจได้”
คำพูดของกิ๊บซี่ทำให้อลินธิดาหัวเราะร่วน ครึ่งเดือนที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน ทำให้รู้ว่ากิ๊บซี่เป็นคนที่มีความจริงใจ ไม่ใช่คนช่างพูดที่ชอบเอาเรื่องของคนอื่นนินทาให้สนุกปากไปวันๆ “ไม่ใช่ไม่ไว้ใจค่ะ แต่น้ำผึ้งรู้จักกับคุณพบกรันต์เพราะเขารู้จักกับเพื่อนสนิทน่ะค่ะ ก็พริกหวานที่เป็นโปรดิวเซอร์ข่าวช่วงเย็นไงคะ พี่ไม่สนิทอะไรมากมายหรอกค่ะ”
อลินธิดาเอ่ยถึงคะนึงนิจ หรือพริกหวาน เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ผลิตรายการข่าวป้อนให้ช่องCAN แท้จริงแล้วพริกหวานเป็นน้องสาวต่างมารดาของพบกรันต์ แต่ไม่ค่อยมีใครได้รับรู้ความจริงนี้นัก ซึ่งเธอเองก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว หากจะเปิดเผยก็คงต้องรอให้เจ้าตัวพูดด้วยตัวเอง จึงได้แต่ตอบเลี่ยงๆไป
“ไม่มีอะไรก็แล้วไป แต่ถ้ามีก็ปรึกษากะเทยได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงนะคะ”
“ค่า... ทำงานเถอะค่ะ” อลินธิดาบอก แต่ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าหงิกงอของกิ๊บซี่ “เป็นอะไรไปคะพี่กิ๊บซี่?”
“จะอะไรซะอีกล่ะคะ จารุพรนักข่าวภาคสนาม นางดันท้องขึ้นมาแถมมาบอกพี่ตอนที่นักข่าวทุกคนมีงานล้นมือ แล้วถ้าเกิดข่าวด่วนขึ้นมา พี่จะหานักข่าวที่ไหนออกไปทำข่าว” ยังไม่ทันได้จบคำพูด ชัยรัตน์ ช่างภาพก็เดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาหากิ๊บซี่ทันที
“ต้องรีบหานักข่าวมาแทนที่จารุพรแล้วนะเจ๊กิ๊บซี่ วันนี้ออกไปทำข่าวที่เมืองทอง ยังไม่ทันได้ลงจากรถ จารุพรก็เหนื่อย หน้าซีด ผมเลยต้องโทรเรียกสามีเธอมารับ ตกหนักที่ผมต้องเก็บทั้งภาพ หาทั้งข่าวคนเดียว” ชัยรัตน์ ช่างภาพรายงานด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเหนื่อยจัด
“นั่นไง! งานเข้านังกิ๊บซี่อีกแล้วไหมล่ะ” กิ๊บซี่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจพลางเดินไปยังโต๊ะทำงานของตน โดยมีช่างภาพหนุ่มเดินตามไปติดๆ “แล้วฉันจะไปหานักข่าวมาจากไหนได้เร็วขนาดนี้”
อลินธิดาส่ายหน้าให้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฝ่ายบรรณาธิการข่าวของช่องCAN ที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดให้ต้องตามแก้ปัญหา แก้ไขสถานการณ์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่นี่ก็คือเสน่ห์ของงานโทรทัศน์ที่ท้าทายความสามารถ และนับวันก็เริ่มจะติดใจกับเสน่ห์นั้นเสียแล้ว
แต่อลินธิดาก็ไม่มีเวลาเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ตรงหน้าให้จบลงเพราะต้องไปแต่งหน้า ทำผม เตรียมตัวอ่านข่าวพยากรณ์อากาศ ซึ่งตอนแรกที่ทำนั้นไม่มั่นใจในตัวเองเลยว่าผู้ชมจะชอบการนำเสนอที่แปลกตาเช่นนี้หรือไม่ แต่เมื่อได้เสียงตอบรับที่ดีเกินคาด มันก็เป็นกำลังใจให้เดินหน้าต่อไปและกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอไปแล้ว
เมื่อการออกอากาศข่าวภาคค่ำจบลงก็เท่ากับว่างานในแต่ละวันของอลินธิดาสิ้นสุดลงเช่นกัน หญิงสาวบีบนวดต้นคอตัวเองขับไล่ความเมื่อยขบที่สะสมมาตลอดทั้งวันในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ แต่เมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวไปได้สักพัก ประตูก็ค่อยๆเปิดออก ดวงตากลมโตของอลินธิดาเหลือบขึ้นมองผู้ที่ก้าวเข้ามาในลิฟต์พลางนึกในใจว่า โลกนี้มันกลมจนแคบอย่างนี้นี่เอง!
“ตายจริง ไม่คิดว่าจะได้เจอสาวมากความสามารถอีกครั้ง” รัตน์ระพีเป็นฝ่ายทักทายขึ้นก่อน และก้าวมายืนขั้นกลางระหว่างอลินธิดาและพบกรันต์ หากรอยยิ้มที่มุมปากที่ยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ของอลินธิดานั้นทำให้รัตน์ระพีหมั่นไส้กับท่าทางอวดดีนี้นัก “จะไม่ทักทายกันหน่อยหรือไงคะ จะว่าไปเราต้องผูกสัมพันธ์กันไว้เพราะอีกหน่อย ฉันก็ต้องมาเป็นพิธีกรให้รายการเกมโชว์ของช่องCAN”
เป็นอีกครั้งที่อลินธิดาส่งยิ้มที่มุมปากให้อย่างไม่ยินดียินร้าย
“ความจริงเธอน่าจะทักทาย แนะนำรายการที่ตัวเองทำกับคุณพบกรันต์นะ เผื่อบางทีฟลุค คุณพบกรันต์เหมาซื้อเวลาโฆษณา จะได้สบายเหมือนละครของฉันที่กำลังจะออกอากาศ” รัตน์ระพียังได้รับแค่รอยยิ้มเช่นเดิมกลับมา ท่าทางถือดี ไม่แยแสต่อสิ่งอื่นใดรอบตัวนั้นจุดชนวนให้อารมณ์ของรัตน์ระพีคุกรุ่น โดยที่พบกรันต์ยังเลือกที่จะยืนนิ่ง สังเกตปฏิกิริยาของผู้หญิงทั้งคู่ต่อไป “ตายจริง! ระพีก็ทักทายตามมารยาทนะคะ แต่ทำไมคุณอลินธิดาถึงได้เงียบกริบอย่างนี้”
จบคำพูดก็วางศีรษะไว้กับหัวไหล่หนา โดยที่ไม่มีทางได้เห็นรอยยิ้มร้ายกาจ ยั่วอารมณ์ที่พบกรันต์ส่งให้อลินธิดา “อย่าไปใส่ใจเลย”
รอยยิ้มยั่วโมโหที่ส่งสามารถมองผ่านกระจกเงาของประตูลิฟต์ ทำให้อลินธิดาต้องกำมือแน่น หากแต่ต้องหลับตาลงอย่างระงับสติอารมณ์ ภาวนาให้ประตูของลิฟต์เปิดออกโดยเร็ว
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก อลินธิดาก็ก้าวเดินออกมาเป็นคนแรก หากน้ำเสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ต้องชะงักการก้าวเดินและหันมาเผชิญหน้ากับคนทั้งคู่
“แต่งตัวก็ดี แต่หยิ่งที่สุด คนเขาอุตส่าห์หวังดี แนะนำให้ตั้งหลายอย่าง ไม่ขอบคุณ ไม่ทักทายกันสักคำ” รัตน์ระพีว่าอย่างตรงไปตรงมา
อลินธิดามองทั้งคู่ด้วยสายตาเรียบเฉย หากแต่วาจาที่ตอบโต้นั้นตรงกันสวนทางกับสีหน้าอันราบเรียบนัก “ฉันมากกว่าที่ต้องถามเธอว่าตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีใครสอนเธอเหรอว่าห้ามพูดกันในลิฟต์ แล้วอีกอย่าง เธอไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าซื่อ พูดจาเป็นนางเอกแสนดีกับฉันหรอก แสดงธาตุแท้ของเธออกมาเหมือนกับวันที่เจอกันในซุปเปอร์มาร์เก็ตดีกว่า”
“ทำไมต้องว่ากันแรงอย่างนี้ด้วย ฉันก็แค่หวังดี อยากคุยด้วยดีๆ ไหนๆเราก็จะต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว” รัตน์ระพียิ่งแสร้งทำน้ำเสียงไร้เดียงสามากขึ้น เมื่ออลินธิดาแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
“ความหวังดีประสงค์ร้ายของเธอน่ะ ฉันไม่ต้องการหรอก เก็บมารยาของเธอเอาไปใช้กับคนรวยแต่มีปัญหาทางสายตาเถอะ” อลินธิดาลอบยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าคร้ามคมของพบกรันต์กระตุก
“เฮ้อ... ร้ายกาจ จอมเหวี่ยงอย่างที่หลายคนเคยเตือนระพีจริงๆค่ะ” รัตน์ระพีหันไปพูดกับพบกรันต์ด้วยสีหน้าอ่อนใจ “เสื้อผ้า รองเท้าสวยๆ ราคาแพง ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันเลยว่าคนเหล่านั้นจะจิตใจดี พูดจาไพเราะ”
“เฮอะ!... ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงรับบทนางเอกแล้วไม่ดังสักที ที่แท้ก็เพราะตัวตนที่แท้จริงของเธอมันเป็นตัวอิจฉา แยกไม่ออกว่าอันไหนชีวิตจริงอันไหนการแสดง จะบอกอะไรให้นะรัตน์ระพี ฉันจะแต่งตัวยังไง ใส่เสื้อผ้าแพงแค่ไหนนั่นก็เพราะเห็นว่ามันอยู่บนตัวฉันแล้วเหมาะสม ฉันไม่ได้เป็นพวกวัตถุนิยมที่จะจับแพะมาชนกับแกะ โดยไม่รู้กาละเทศะ เหมือนอย่างที่เธอใส่ชุดดำกับสร้อยมุกเม็ดโต ที่พูดนี่อย่าเก็บเอาไปคิดล่ะว่าฉันอิจฉา แต่สำหรับคนทั่วไป ชุดดำกับไข่มุกเขาเลือกใส่ไปงานศพ แต่ต้องเปลี่ยนชุดหน่อยนะเพราะมันดูโป๊ไปนิด เดี๋ยวเจ้าภาพเขาจะหาว่าไม่รู้จักกาละเทศะ”
อลินธิดาถือโอกาสวิจารณ์ชุดที่รัตน์ระพีเลือกสวมใส่ในวันที่เป็นข่าวกับพบกรันต์
“นี่เธอ! ยัย!...” รัตน์ระพีชี้หน้า เกือบหลุดคำไม่สุภาพออกมาเสียแล้ว
“อะๆ อย่าเชียวนะ เดี๋ยวภาพลักษณ์ดาราสาวคนสวยจะเสียเปล่าๆ และขอแนะนำว่าอยู่ให้ห่างจากฉัน เพราะฉันร้ายได้มากกว่าที่เธอคิด” จบคำพูดอลินธิดาก็หมุนตัวกลับ ก้าวเดินฉับๆขึ้นรถยนต์คันใหญ่ของตน ทิ้งให้รัตน์ระพีมองตามด้วยความเจ็บใจ เคียดแค้น และบอกกับตัวเองว่าต้องเอาคืนให้ได้อับอายไปทั้งสถานี
ส่วนพบกรันต์นั้นออกจะแปลกใจกับคำพูดจาของอลินธิดาอยู่ไม่น้อย หากแต่ไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ จึงออกปากชวนดาราสาวข้างกายไปรับประทานอาหารเย็น แต่ในใจกลับนึกชอบความไม่ยอมคนของอลินธิดา เธอปกป้องตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ท่าทางไม่ยอมใครของเธอนั้นมันทำให้เขาต้องลอบยิ้มเพราะนึกขำตัวเองที่ถูกเธอว่ากระทบด้วยเช่นกัน
“ระพี... ทางนี้” หทัยกานต์เรียกพลางสำรวจร่างของเพื่อนสาวที่พักนี้ราศีจับ ทำอะไรก็เป็นข่าวครึกโครม “แหม... ตั้งแต่เป็นข่าวกับคุณพบกรันต์ไม่เว้นแต่ละวันเนี่ย ออร่าคุณนายแห่งห้างแม็กซ์มอลล์จับเป็นประกายเชียวนะยะ”
รัตน์ระพีหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจในคำพูดของเพื่อนพลางถอดแว่นกันแดดออกด้วยท่าทีนวยนาดราวกับคุณนาย “ทั้งหมดก็ต้องขอบใจเธอนั่นแหละ”
“แล้วเป็นยังไง เป็นผู้หญิงของคุณพบรันต์นี่เหมือนมีอภิสิทธิ์เหนือคนทั่วไปอย่างที่เขาว่ากันรึเปล่า?” หทัยกานต์ ซึ่งทำงานอยู่ในนิตยสารแห่งหนึ่งถามด้วยความอยากรู้
“ก็... ดีมากๆ” รัตน์ระพีเว้นจังหวะไว้ช่วงหนึ่ง จากนั้นก็ลากเสียงยาวราวกับเพิ่อมความอิจฉาให้เพื่อน “เขาช่างเอาใจใส่ สุภาพ เห็นฉันแต่งตัวสวยนี่ชมไม่ขาดปากเลยล่ะ อยากได้อยากทานอะไรนะ ทุ่มไม่อั้น”
“เรื่องนั้นฉันรู้แล้วน่า... ที่ถามนี่หมายถึงเรื่องอย่างว่าน่ะ เขาโซฮอตสมกับคำร่ำลือรึเปล่า?” หทัยกานต์ถามด้วยน้ำเสียงกระซิบพลางขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อนอย่างอยากรู้
รัตน์ระพีปั้นหน้ายากเพียงแวบเดียวจากนั้นก็พูดออกมาด้วยท่าทีเขินอาย “อ่อนหวาน เร่าร้อน พลังเหลือล้น ไม่เคยอิ่ม มันสุดที่จะบรรยาย”
หทัยกานต์อ้าปากค้างเพราะคำพูดและท่าทางชวนฝันของเพื่อนนั้นทำให้จินตนาการไปสุดกู่ “อ้าย... ฉันอิจฉาเธอที่สุด ได้ดีแล้วอย่าลืมเพื่อนคนนี้เชียวนะ”
“ลืมได้ยังไงกัน เธอคือเพื่อนเจ้าสาวของฉันเชียวนะ”
คำพูดที่ออกจากริมฝีปากอวบอิ่มซึ่งเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีแดงสดยิ่งทำให้หทัยกานต์ตกตะลึงมากขึ้น “นี่แปลว่าเขาขอเธอแต่งงานแล้วเหรอ ระพี?”
“เธอนี่มันไร้เดียงสาจริงๆนะยัยเล็ก!” รัตน์ระพีพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อคำถามของเพื่อนดับความฝันที่สวยหรูลงจนหมดสิ้น “ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างคุณพบกรันต์ เขาคงไม่คิดจะเอ่ยปากขอผู้หญิงที่รู้จักกันไม่ถึงเดือนแต่งงานหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รักษาชีวิตโสดมาจนถึงอายุสามสิบหกปีอย่างนี้ ที่ฉันพูดเนี่ยหมายถึง ฉันจะต้องจับเขาให้อยู่หมัดและวันแต่งงานของฉัน เธอก็คือเพื่อนเจ้าสาวย่ะ”
“อ๋อ... ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าเธอหมายถึงอนาคต แต่ฉันมีวิธีที่จะเร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันแต่งงานของเธอเร็วๆนะ” หทัยกานต์พูดพลางยิ้มอย่างคนเจ้าแผนการ
“ทำยังไง รีบๆพูดมาเร็ว”
“เธอก็อัดคลิปตอนที่กำลังทำกิจกรรมอย่างว่า ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน เธอก็รู้ว่าฉันทำมันได้ดีแค่ไหน” หทัยกานต์บอก แต่เมื่อเห็นสีหน้าคิดหนักของเพื่อนจึงเสนอทางลัดอีกหนึ่งวิธี “หรือไม่ก็ปล่อยให้ท้อง คราวนี้ต่อให้คุณพบกรันต์จะรักจะหวงแหนชีวิตโสดแค่ไหน เขาไม่มีวันหลุดพ้นจากมือเธอ”
“ไม่ได้หรอก คนอย่างคุณพีทน่ะไม่เคยพลาดท่าเสียทีเรื่องป้องกันตัวเองอยู่แล้ว” รัตน์ระพีบอก เขาไม่ใช่ผู้ชายตัณหากลับที่จะมั่วกับผู้หญิงไม่เลือกหน้า ขนาดว่าเธอและเขาอิงแอบแนบชิดกันเกือบทุกคืน ยังจบลงที่จูบเร่าร้อนเป็นไฟซึ่งเธอเองนั้นติดอกติดใจหนักหนา เขาไม่เคยเอ่ยปากขอค้างกับเธอสักคืน แต่ถ้าหากบอกออกไปตามตรงว่ายังไม่มีสัมพันธ์ทางกายกับเขาแล้วก็เป็นเรื่องที่เสียหน้าอย่างมาก “ไอ้เรื่องคลิปก็เป็นวิธีที่เข้าท่าอยู่หรอก แต่ถ้าทำบ่อยไปฉันกลัวคุณพีทจับได้สักวัน”
“ทำไม เรื่องคอลัมน์ซุบซิบนั่น เขาสงสัยเธอเหรอ?”
“เปล่า แต่กว่าฉันจะหาเรื่องลากไปใส่ความยัยน้ำผึ้งนั่นได้ ก็แทบแย่เหมือนกัน อีกอย่างตอนที่เขาโกรธผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากๆ ท่าทางของเขาเตือนให้ฉันรู้ว่าอย่าทำให้เขาโกรธจะดีกว่า” รัตน์ระพียังรู้สึกหวาดหวั่นกับสายตาที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะนั้น
“น่ากลัวอย่างนั้นเชียว?” เมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้ารับ หทัยกานต์ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เฮ้อ... เธอได้ดีมีแฟนเป็นถึงอภิมหาเศรษฐีแล้ว จะทำอะไรก็ดูดีไปหมด เดี๋ยวนี้รับงานแทบจะไม่มีเวลาว่างใช่ไหมล่ะ”
“อะไรของเธอ อยู่ดีๆก็มาน้อยใจตัดพ้อต่อว่าฉันเนี่ย” รัตน์ระพีถามด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตั้งแต่ที่เป็นข่าวคู่ควงคนใหม่ของพบกรันต์ ซีอีโอหนุ่มแห่งห้างแม็กซ์มอลล์ก็ทำให้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น งานโชว์ตัวที่มีเพียงเดือนละไม่กี่ครั้ง ก็ติดต่อเข้ามาอย่างมากมายและมันสามารถสร้างรายได้ก้อนโตให้เธอมีเงินซื้อหาเครื่องสำอาง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้ายี่ห้อดัง ทั้งหมดนี้ก็อยากจะอัพเกรดตัวเองให้เหมาะสมกับพบกรันต์
“ฉันนี่สิลำบาก นี่ถ้าบก. รู้ว่าข่าวทั้งหมดที่ฉันหาไปให้นั่นเพื่อใส่ความอลินธิดา มีหวังฉันตกที่นั่งลำบาก สองคนนี้เขาสนิทกันจะตาย”
ความจริงแล้วเรื่องทั้งหมดเกิดจากแผนการของรัตน์ระพีและหทัยกานต์ ภาพทั้งหมดนั้นรัตน์ระพีเป็นคนนำมาให้หทันกานต์ ซึ่งทำงานอยู่ในนิตยสารฉบับเดียวกันกับที่อลินธิดาเพิ่งลาออก หทัยกานต์นำภาพไปให้บก. ซึ่งเป็นคนเขียนคอลัมน์คุณหนูจอมแฉต่อจากอลินธิดา โดยที่ไม่รู้ว่ามีคนกำลังแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง” รัตน์ระพีถามออกมาในที่สุด
“ละครของเธอกำลังจะออนแอร์ช่องCAN ไม่ใช่เหรอ แล้วฉันก็ยังได้ยินมาอีกว่าคุณพบกรันต์ทุ่มเงินซื้อเวลาโฆษณาในช่วงละครของเธอออนแอร์ตั้งหลายล้าน เส้นสายใหญ่ขนาดนี้เธอก็ชาวยพูดกับคุณพบกรันต์ฝากฉันให้เข้าทำงานที่ฝ่ายข่างช่องCAN บ้างสิ”
รัตน์ระพีปั้นหน้ายากเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับพบกรันต์อย่างไรดี
“ถ้าฉันได้เข้าไปทำงานที่ช่องCAN ก็แปลว่าเธอจะมีหูมีตาสอดส่องเรื่องของยัยน้ำผึ้งนะ” แต่คำพูดที่จับทางความคิดของรัตน์ระพีได้ถูกก็ทำให้หทัยกานต์ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
จริงสินะ! ถึงแม้ว่าพบกรันต์จะไม่เคยเอ่ยถึงอลินธิดาสักครั้ง แต่แววตาชื่นชม อ่อนโยนในตอนที่เขาเอ่ยถึงเมื่อคราวที่แล้วยังทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจ ขนาดว่าเธอทำให้เขาต้องโมโหถึงขนาดนั้น เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่ได้ยินชื่อของอลินธิดา เขาดูใจเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด การที่หทัยกานต์ได้เข้าไปทำงานอยู่ใกล้ๆกับอลินธิดา คงจะเป็นประโยชน์ต่อเธอเป็นแน่ “เอาล่ะ... เดี๋ยวฉันจะลองหาวิธีดู แต่ถ้าเธอได้เข้าไปทำงานในช่องCAN แล้ว อย่าลืมสิ่งที่พูดกับฉันไว้ก็แล้วกัน”
“ไม่มีปัญหา คนอย่างฉันคำไหนคำนั้น” จบคำพูด ทั้งสองสาวก็หัวเราะออกมาอย่างถูกอกถูกใจ ต่างคนต่างมีจุดประสงค์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ราวชั่วโมงต่อมาทั้งคู่ก็แยกย้ายออกจากร้านอาหารเพราะต่างคนต่างมีภารกิจที่ต้องปฏิบัติแตกต่างกัน รัตน์ระพีนั้นต้องรีบเดินทางไปยังสถานีช่องCAN สมทบกับนักแสดงพร้อมผู้จัดละคร เพื่อมอบช่อดอกไม้ให้กับกองบรรณาธิการข่าว ฝ่ายบันเทิง ในโอกาสที่ทางบริษัทกำลังจะมีละครออกอากาศทางช่องCAN
เกือบสองสัปดาห์ที่อลินธิดาเข้ามาทำงานในสถานีช่องCAN ทุกอย่างดูลงตัว เข้าที่เข้าทางอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานรวมไปถึงงานที่ได้รับมอบหมาย เสียงตอบรับของผู้ชมก็เป็นไปในแง่บวก ตามคอนเซ็ปต์ที่วางไว้แต่แรก และสิ่งที่ทำให้อลินธิดาภูมิใจมากที่สุดก็คือการทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศ ที่ได้เสียงตอบรับจากผู้ชมเข้ามาเป็นอย่างดี ลีลาการนำเสนอข่าวพยากรณ์อากาศที่แปลก แหวกแนวมากกว่าการเดินเข้ามารายงานสภาพอากาศอย่างเคร่งขรึม ใช้คำพูดที่เป็นทางการมากกว่าที่จะทำให้คนเข้าใจได้ง่าย
อลินธิดาเลือกใช้คำพูดที่เหมือนการเล่าสภาพดินฟ้าอากาศทั่วไป ให้คนในครอบครัวได้รับรู้ การเคลื่อนไหวอยู่บนโซฟาของเธอก็ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ น่ามอง มันจึงทำให้การรายงานสภาพอากาศแตกต่างไปจากเดิม
จากความสามารถนี้ก็ทำให้ทีมงานมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้หญิงตัวเล็กๆ ท่าทางหยิบโหย่งเป็นคุณหนูที่ดีแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ คนที่ไม่ได้มีอคติกับภาพลักษณ์ตั้งแต่แรกก็ยิ่งยอมรับ ส่วนคนที่ตั้งคำถามว่าเธอจะทำงานในหน้าที่นี้ได้หรือไม่ ก็พบกับคำตอบแล้วว่าเธอเหมาะสมกับหน้าที่ครีเอทีฟข่าวภาคค่ำนี้เป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ...” เสียงทักทายของหญิงชายหลายคนที่ดังขึ้นในห้องบรรณาธิการข่าวสถานีช่องCAN ทำให้อลินธิดาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้า ก็ได้พบว่าเหล่าดารานักแสดงรวมไปถึงผู้จัดละครได้เข้ามาในห้องราวสิบกว่าชีวิต
“สวัสดีค่า... ลมอะไรหอบเอาหนุ่มหล่อสาวสวยมาถึงห้องข่าวได้คะเนี่ย” กิ๊บซี่เดินออกมารับหน้าเหล่านักแสดงทันที
“ลมคิดถึงคร้าบ...” นักแสดงชายใหน้าหล่อเหลาคนหนึ่งเอ่ยถึง ทำให้กิ๊บซี่ถึงกับอายม้วนเกือบจะละลายกับสายตาหวานฉ่ำที่ดาราหนุ่มส่งให้ “ผม ทีมนักแสดงและผู้จัดละครเรื่อง... นำดอกไม้มามอบให้พี่ๆเนื่องในโอกาสที่ละครกำลังจะออนแอร์ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“อ้ายยย... หล่อเริ่ด ตัวเป็นๆหล่อกว่าในทีวีอีกพันเท่าเลยนะฮร้า...” กิ๊บซี่บอกพลางซบศีรษะลงบนท่อนแขนกำยำของดาราหนุ่ม
“ฮะแอ่มๆ เกินไปแล้วเจ๊ โน่นๆ พี่ชาตรีเดินหน้าหงิกมาโน่นแล้ว” นักข่าวคนหนึ่งพูดขึ้นมา ทำให้กิ๊บซี่รีบออกมายืนตัวตรง เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงในห้องเป็นอย่างดี
เมื่อกิ๊บซี่รู้ตัวว่าถูกหลอกเข้าให้แล้วจึงหันไปกล่าวอาฆาตนักข่าวคนดังกล่าว จากนั้นจึงเดินมาหาอลินธิดาให้เป็นตัวแทนของฝ่ายข่าวออกมารับช่อดอกไม้ “ขอแนะนำให้รู้จักกับคุณอลินธิดาหรือเรียกสั้นๆว่าคุณน้ำผึ้ง ครีเทีฟสาวคนใหม่ขอเราที่พ่วงตำแหน่งผู้ประกาศข่าวพยากรณ์ไปด้วยค่า...”
“สวัสดีค่ะ...” อลินธิดายกมือไหว้สวัสดีอย่างมีมารยาท
“ยังไงพี่ขอฝากละครของพวกเราด้วยนะคะ น้องนักแสดงและทีมงานทุกคนตั้งใจกับงานชิ้นนี้มาก เป็นเรื่องแรกที่บริษัทของเรามีโอกาสผลิตละครให้กับทางช่องCAN และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุน เอ็นดูจากฝ่ายข่าวนะคะ” ผู้จัดคนดังที่เพิ่งมีโอกาสผลิตละครป้อนชื่องCAN กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมมอบดอกไม้ช่อโตให้เป็นที่ระลึก
“ยินดีค่ะ ละครดี ขนนักแสดงดังมาล้นจออย่างนี้ เรตติ้งต้องกระฉูดแน่ค่ะ” อลินธิดากล่าวตอบพร้อมกับรับช่อดอกไม้จากดาราหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ส่งสายมองครีเอทีฟสาวด้วยความสนใจจนหลายคนสังเกตได้
“หลายวันมานี้ใครๆก็พูดถึงแต่ข่าวภาคค่ำของช่องCAN ว่ารวดเร็ว กระชับ ฉับไว ที่สำคัญผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศยังกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ก็เพราะฝีมือคุณน้ำผึ้งนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ดาราหนุ่มไม่รีรอที่จะเปิดสัมพันธไมตรีกับสาวสวยที่ถูกใจ โดยที่รัตน์ระพียืนอยู่ปลายแถวฟังคำพูดนั้นด้วยท่าทางสะอิดสะเอียน
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ทั้งหมดก็เป็นเพราะพวกเราทุกคนช่วยกัน ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ มีอะไรให้ช่วยเหลือพวกเราฝ่ายข่าวช่องCAN ยินดีเสมอ” อลินธิดาตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและคำพูดที่ดูสุภาพ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปกันใหญ่ จนดาราหนุ่มต้องถอยไปด้วยสีหน้าเจื่อน
“หวังว่าเราคงได้มีโอกาสร่วมงานกันนะคะ พี่เห็นคุณน้ำผึ้งในงานอีเวนท์มาหลายงานแล้ว ชื่นชมในความสามารถมาก แต่ไม่คิดว่าคุณชาตรีจะก้าวเร็วกว่าคนอื่นเสมอ” ผู้จัดละครและรายการโทรทัศน์ชื่อดังกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง หากแต่กิ๊บซี่ก็รับรู้ได้ว่าคำชวนนั้นทำให้อลินธิดาวางตัวลำบากจึงรีบออกหน้าตอยรับแทนด้วยคำพูดติดตลก
“ว้าย... ถ้าอยากได้คนนี้ต้องคุยกับคุณชาตรีเองนะคะ แค่ทำงานให้ช่องCAN ที่เดียวก็ไม่มีเวลาไปรับงานอื่นแล้วค่ะ ที่นี่เขาใช้คุ้มค่ามาก...” กิ๊บซี่พูดพลางวาดแขนไปโอบร่างอรชรของอลินธิดาไว้ แสดงท่าทีหวงแหนอย่างออกนอกหน้า เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผู้จัดคนดังรู้เป็นนัยแล้วว่า โอกาสที่จะดึงอลินธิดาไปร่วมงานด้วยนั้นยากเต็มที
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องขอตัวเลยแล้วกัน ต้องเอาช่อดอกไม้ไปมอบให้ฝ่ายต่างๆด้วยค่ะ” ผู้จัดละครร่างท้วมกล่าวขึ้น หากแต่เสียงแหลมของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นทันทีเมื่อจบคำพูดของผู้จัดละครชื่อดัง
“เอ่อ... ขอโทษด้วยนะคะ” รัตน์ระพีเดินมาเผชิญหน้ากับอลินธิดา พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันที่มำให้หลายคนแปลกใจกับท่าทางนี้นัก “ระพีคงไปมอบช่อดอกไม้กับทีมงานไม่ได้แล้วนะคะ เพราะเหลืออีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลานัดกับคุณสมพรแล้วล่ะค่ะ นี่ยังต้องรอรับคุณพบกรันต์ที่จะมาเซ็นสัญญาซื้อโฆษณาในตอนที่ละครของเราออนแอร์ด้วยนะคะ”
จบคำพูดของรัตน์ระพีเสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นทันที ต่างก็เดากันไปต่างๆนานาว่ารัตน์ระพีนั้นอาจจะเป็นพิธีกรรายการเกมโชว์ใหม่ที่ยังสรุปตัวพิธีกรหญิงไม่ได้ และคุณสมพรที่รัตน์ระพีกล่าวถึงก็คือ โปรดิวเซอร์ของรายการเกมโชว์ดังกล่าว ไม่แน่ว่า การที่พบกรันต์ตกลงซื้อโฆษณากับทางช่องCAN จะเป็นการดันให้รัตน์ระพีได้รับหน้าที่นี้ก็เป็นได้
“แหม... เดี๋ยวนี้ใครก็มาแรงสู้คุณระพีไม่ได้นะครับ ลักกี้อินเกมแถมยังลักกี้อินเลิฟด้วย” เสียงของนักข่าวคนหนึ่งดังขึ้นทำให้รัตน์ระพีหัวเราะด้วยความเขินอาย หากแต่อลินธิดากลับเห็นว่ามันเป็นเสียงหัวเราะของนางอิจฉาในละครเสียมากกว่า หากแต่ยังเลือกที่จะเงียบอยู่เช่นเดิม
“โอ้... ไฮโซมาก...” กิ๊บซี่เป็นคนเดียวที่แสดงความคิดเห็น “ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าคุณระพีได้เป็นพิธีกรหญิงของรายการเกมโชว์ใหม่นี่ใช่ไหมคะ?”
“ก็... เอาเป็นว่ารอให้ระพีกับทางผู้ใหญ่คุยกันลงตัวก่อนนะคะ มีความคืบหน้ายังไง ระพีจะรีบบอกพี่ๆสื่อมวลชนทันทีเลยค่ะ แต่ตอนนี้ต้องขอตัวแล้วนะคะ ใกล้ถึงเวลานัดเต็มที” รัตน์ระพีบอกแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง โดยมีคณะผู้จัดละครตามออกไปเช่นกัน
“น้องน้ำผึ้งว่าคุณระพีนี่จะได้เป็นพิธีกรจริงๆรึเปล่า?” กิ๊บซี่ถามขึ้นหลังจากที่แขกผู้มาเยือนทยอยออกไปจากห้องหมดแล้ว พลางมองร่างอรชรของครีเอทีฟสาวที่ส่ายหน้าดิก เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของตัวเอง
“ไม่ทราบสิคะ แต่รออีกพักก็คงได้รู้ล่ะค่ะ” อลินธิดาบอกพลางก้มหน้าลงทำงานของตนเองต่อ
“โธ่!... ขัดใจกะเทยจริงๆ ออกความเห็นหน่อยสิคะ เอาแบบจิกกัดหรือหมั่นไส้ก็ได้ พี่กิ๊บซี่เข้าใจว่าน้องน้ำผึ้งเคยกิ๊กกั๊กกับคุณพบกรันต์มาก่อน” กิ๊บซี่ยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา เป็นเชิงไม่ให้หญิงสาวได้ปฏิเสธพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ “อะๆ ไม่ต้องมาปฏิเสธกะเทยนะคะ เรื่องแบบนี้กะเทยรู้และเข้าใจดี มีอะไรหนักอกหนักใจก็ปรึกษาได้ เราร่วมงานกันมาจนป่านนี้ น้องน้ำผึ้งยังไม่รู้ว่าอีกเหรอคะว่าพี่เป็นกะเทยสปีชี่ย์ที่ไว้ใจได้”
คำพูดของกิ๊บซี่ทำให้อลินธิดาหัวเราะร่วน ครึ่งเดือนที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน ทำให้รู้ว่ากิ๊บซี่เป็นคนที่มีความจริงใจ ไม่ใช่คนช่างพูดที่ชอบเอาเรื่องของคนอื่นนินทาให้สนุกปากไปวันๆ “ไม่ใช่ไม่ไว้ใจค่ะ แต่น้ำผึ้งรู้จักกับคุณพบกรันต์เพราะเขารู้จักกับเพื่อนสนิทน่ะค่ะ ก็พริกหวานที่เป็นโปรดิวเซอร์ข่าวช่วงเย็นไงคะ พี่ไม่สนิทอะไรมากมายหรอกค่ะ”
อลินธิดาเอ่ยถึงคะนึงนิจ หรือพริกหวาน เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ผลิตรายการข่าวป้อนให้ช่องCAN แท้จริงแล้วพริกหวานเป็นน้องสาวต่างมารดาของพบกรันต์ แต่ไม่ค่อยมีใครได้รับรู้ความจริงนี้นัก ซึ่งเธอเองก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว หากจะเปิดเผยก็คงต้องรอให้เจ้าตัวพูดด้วยตัวเอง จึงได้แต่ตอบเลี่ยงๆไป
“ไม่มีอะไรก็แล้วไป แต่ถ้ามีก็ปรึกษากะเทยได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงนะคะ”
“ค่า... ทำงานเถอะค่ะ” อลินธิดาบอก แต่ต้องแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าหงิกงอของกิ๊บซี่ “เป็นอะไรไปคะพี่กิ๊บซี่?”
“จะอะไรซะอีกล่ะคะ จารุพรนักข่าวภาคสนาม นางดันท้องขึ้นมาแถมมาบอกพี่ตอนที่นักข่าวทุกคนมีงานล้นมือ แล้วถ้าเกิดข่าวด่วนขึ้นมา พี่จะหานักข่าวที่ไหนออกไปทำข่าว” ยังไม่ทันได้จบคำพูด ชัยรัตน์ ช่างภาพก็เดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาหากิ๊บซี่ทันที
“ต้องรีบหานักข่าวมาแทนที่จารุพรแล้วนะเจ๊กิ๊บซี่ วันนี้ออกไปทำข่าวที่เมืองทอง ยังไม่ทันได้ลงจากรถ จารุพรก็เหนื่อย หน้าซีด ผมเลยต้องโทรเรียกสามีเธอมารับ ตกหนักที่ผมต้องเก็บทั้งภาพ หาทั้งข่าวคนเดียว” ชัยรัตน์ ช่างภาพรายงานด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเหนื่อยจัด
“นั่นไง! งานเข้านังกิ๊บซี่อีกแล้วไหมล่ะ” กิ๊บซี่พูดด้วยสีหน้าลำบากใจพลางเดินไปยังโต๊ะทำงานของตน โดยมีช่างภาพหนุ่มเดินตามไปติดๆ “แล้วฉันจะไปหานักข่าวมาจากไหนได้เร็วขนาดนี้”
อลินธิดาส่ายหน้าให้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฝ่ายบรรณาธิการข่าวของช่องCAN ที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดให้ต้องตามแก้ปัญหา แก้ไขสถานการณ์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่นี่ก็คือเสน่ห์ของงานโทรทัศน์ที่ท้าทายความสามารถ และนับวันก็เริ่มจะติดใจกับเสน่ห์นั้นเสียแล้ว
แต่อลินธิดาก็ไม่มีเวลาเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ตรงหน้าให้จบลงเพราะต้องไปแต่งหน้า ทำผม เตรียมตัวอ่านข่าวพยากรณ์อากาศ ซึ่งตอนแรกที่ทำนั้นไม่มั่นใจในตัวเองเลยว่าผู้ชมจะชอบการนำเสนอที่แปลกตาเช่นนี้หรือไม่ แต่เมื่อได้เสียงตอบรับที่ดีเกินคาด มันก็เป็นกำลังใจให้เดินหน้าต่อไปและกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอไปแล้ว
เมื่อการออกอากาศข่าวภาคค่ำจบลงก็เท่ากับว่างานในแต่ละวันของอลินธิดาสิ้นสุดลงเช่นกัน หญิงสาวบีบนวดต้นคอตัวเองขับไล่ความเมื่อยขบที่สะสมมาตลอดทั้งวันในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ แต่เมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวไปได้สักพัก ประตูก็ค่อยๆเปิดออก ดวงตากลมโตของอลินธิดาเหลือบขึ้นมองผู้ที่ก้าวเข้ามาในลิฟต์พลางนึกในใจว่า โลกนี้มันกลมจนแคบอย่างนี้นี่เอง!
“ตายจริง ไม่คิดว่าจะได้เจอสาวมากความสามารถอีกครั้ง” รัตน์ระพีเป็นฝ่ายทักทายขึ้นก่อน และก้าวมายืนขั้นกลางระหว่างอลินธิดาและพบกรันต์ หากรอยยิ้มที่มุมปากที่ยิ้มออกมาอย่างเสียมิได้ของอลินธิดานั้นทำให้รัตน์ระพีหมั่นไส้กับท่าทางอวดดีนี้นัก “จะไม่ทักทายกันหน่อยหรือไงคะ จะว่าไปเราต้องผูกสัมพันธ์กันไว้เพราะอีกหน่อย ฉันก็ต้องมาเป็นพิธีกรให้รายการเกมโชว์ของช่องCAN”
เป็นอีกครั้งที่อลินธิดาส่งยิ้มที่มุมปากให้อย่างไม่ยินดียินร้าย
“ความจริงเธอน่าจะทักทาย แนะนำรายการที่ตัวเองทำกับคุณพบกรันต์นะ เผื่อบางทีฟลุค คุณพบกรันต์เหมาซื้อเวลาโฆษณา จะได้สบายเหมือนละครของฉันที่กำลังจะออกอากาศ” รัตน์ระพียังได้รับแค่รอยยิ้มเช่นเดิมกลับมา ท่าทางถือดี ไม่แยแสต่อสิ่งอื่นใดรอบตัวนั้นจุดชนวนให้อารมณ์ของรัตน์ระพีคุกรุ่น โดยที่พบกรันต์ยังเลือกที่จะยืนนิ่ง สังเกตปฏิกิริยาของผู้หญิงทั้งคู่ต่อไป “ตายจริง! ระพีก็ทักทายตามมารยาทนะคะ แต่ทำไมคุณอลินธิดาถึงได้เงียบกริบอย่างนี้”
จบคำพูดก็วางศีรษะไว้กับหัวไหล่หนา โดยที่ไม่มีทางได้เห็นรอยยิ้มร้ายกาจ ยั่วอารมณ์ที่พบกรันต์ส่งให้อลินธิดา “อย่าไปใส่ใจเลย”
รอยยิ้มยั่วโมโหที่ส่งสามารถมองผ่านกระจกเงาของประตูลิฟต์ ทำให้อลินธิดาต้องกำมือแน่น หากแต่ต้องหลับตาลงอย่างระงับสติอารมณ์ ภาวนาให้ประตูของลิฟต์เปิดออกโดยเร็ว
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก อลินธิดาก็ก้าวเดินออกมาเป็นคนแรก หากน้ำเสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ต้องชะงักการก้าวเดินและหันมาเผชิญหน้ากับคนทั้งคู่
“แต่งตัวก็ดี แต่หยิ่งที่สุด คนเขาอุตส่าห์หวังดี แนะนำให้ตั้งหลายอย่าง ไม่ขอบคุณ ไม่ทักทายกันสักคำ” รัตน์ระพีว่าอย่างตรงไปตรงมา
อลินธิดามองทั้งคู่ด้วยสายตาเรียบเฉย หากแต่วาจาที่ตอบโต้นั้นตรงกันสวนทางกับสีหน้าอันราบเรียบนัก “ฉันมากกว่าที่ต้องถามเธอว่าตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีใครสอนเธอเหรอว่าห้ามพูดกันในลิฟต์ แล้วอีกอย่าง เธอไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าซื่อ พูดจาเป็นนางเอกแสนดีกับฉันหรอก แสดงธาตุแท้ของเธออกมาเหมือนกับวันที่เจอกันในซุปเปอร์มาร์เก็ตดีกว่า”
“ทำไมต้องว่ากันแรงอย่างนี้ด้วย ฉันก็แค่หวังดี อยากคุยด้วยดีๆ ไหนๆเราก็จะต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว” รัตน์ระพียิ่งแสร้งทำน้ำเสียงไร้เดียงสามากขึ้น เมื่ออลินธิดาแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
“ความหวังดีประสงค์ร้ายของเธอน่ะ ฉันไม่ต้องการหรอก เก็บมารยาของเธอเอาไปใช้กับคนรวยแต่มีปัญหาทางสายตาเถอะ” อลินธิดาลอบยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าคร้ามคมของพบกรันต์กระตุก
“เฮ้อ... ร้ายกาจ จอมเหวี่ยงอย่างที่หลายคนเคยเตือนระพีจริงๆค่ะ” รัตน์ระพีหันไปพูดกับพบกรันต์ด้วยสีหน้าอ่อนใจ “เสื้อผ้า รองเท้าสวยๆ ราคาแพง ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันเลยว่าคนเหล่านั้นจะจิตใจดี พูดจาไพเราะ”
“เฮอะ!... ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงรับบทนางเอกแล้วไม่ดังสักที ที่แท้ก็เพราะตัวตนที่แท้จริงของเธอมันเป็นตัวอิจฉา แยกไม่ออกว่าอันไหนชีวิตจริงอันไหนการแสดง จะบอกอะไรให้นะรัตน์ระพี ฉันจะแต่งตัวยังไง ใส่เสื้อผ้าแพงแค่ไหนนั่นก็เพราะเห็นว่ามันอยู่บนตัวฉันแล้วเหมาะสม ฉันไม่ได้เป็นพวกวัตถุนิยมที่จะจับแพะมาชนกับแกะ โดยไม่รู้กาละเทศะ เหมือนอย่างที่เธอใส่ชุดดำกับสร้อยมุกเม็ดโต ที่พูดนี่อย่าเก็บเอาไปคิดล่ะว่าฉันอิจฉา แต่สำหรับคนทั่วไป ชุดดำกับไข่มุกเขาเลือกใส่ไปงานศพ แต่ต้องเปลี่ยนชุดหน่อยนะเพราะมันดูโป๊ไปนิด เดี๋ยวเจ้าภาพเขาจะหาว่าไม่รู้จักกาละเทศะ”
อลินธิดาถือโอกาสวิจารณ์ชุดที่รัตน์ระพีเลือกสวมใส่ในวันที่เป็นข่าวกับพบกรันต์
“นี่เธอ! ยัย!...” รัตน์ระพีชี้หน้า เกือบหลุดคำไม่สุภาพออกมาเสียแล้ว
“อะๆ อย่าเชียวนะ เดี๋ยวภาพลักษณ์ดาราสาวคนสวยจะเสียเปล่าๆ และขอแนะนำว่าอยู่ให้ห่างจากฉัน เพราะฉันร้ายได้มากกว่าที่เธอคิด” จบคำพูดอลินธิดาก็หมุนตัวกลับ ก้าวเดินฉับๆขึ้นรถยนต์คันใหญ่ของตน ทิ้งให้รัตน์ระพีมองตามด้วยความเจ็บใจ เคียดแค้น และบอกกับตัวเองว่าต้องเอาคืนให้ได้อับอายไปทั้งสถานี
ส่วนพบกรันต์นั้นออกจะแปลกใจกับคำพูดจาของอลินธิดาอยู่ไม่น้อย หากแต่ไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ จึงออกปากชวนดาราสาวข้างกายไปรับประทานอาหารเย็น แต่ในใจกลับนึกชอบความไม่ยอมคนของอลินธิดา เธอปกป้องตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ท่าทางไม่ยอมใครของเธอนั้นมันทำให้เขาต้องลอบยิ้มเพราะนึกขำตัวเองที่ถูกเธอว่ากระทบด้วยเช่นกัน
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2558, 20:06:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2558, 20:06:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1161
<< ตอนที่ 6 100% | ตอนที่ 8 100% >> |
กาซะลองพลัดถิ่น 1 ก.ย. 2558, 02:37:56 น.
อืมมม... พระเอกเรื่องนี้คงชอบกินสลัด (อัพเกรดจากหญ้า) หรือไงเนาะ กึ่ง ๆ มาเฟียซะขนาดนี้ถ้าอยากจะได้ข่าวที่ปล่อยออกไปว่าต้นตอมาจากไหนก็ไม่เห็นจะยาก ทำไมต้องมาทำบื้อควงนางร้ายประชดนางเอกด้วยล่ะ หรือว่าอยากสืบเรื่องคู่แข่งเรื่องธุรกิจ ........นางเอกสู้คนดี ต้องอย่างนี้ดิ ...
อืมมม... พระเอกเรื่องนี้คงชอบกินสลัด (อัพเกรดจากหญ้า) หรือไงเนาะ กึ่ง ๆ มาเฟียซะขนาดนี้ถ้าอยากจะได้ข่าวที่ปล่อยออกไปว่าต้นตอมาจากไหนก็ไม่เห็นจะยาก ทำไมต้องมาทำบื้อควงนางร้ายประชดนางเอกด้วยล่ะ หรือว่าอยากสืบเรื่องคู่แข่งเรื่องธุรกิจ ........นางเอกสู้คนดี ต้องอย่างนี้ดิ ...