กับดักรักจอมบงการ
อลินธิดา’ ผู้ประกาศข่าวสาวช่วงพยากรณ์อากาศประจําสถานีโทรทัศน์
แม้งานที่ทําจะท้าทายความสามารถมากมายแค่ไหน
แต่หญิงสาวก็ยังมองหา ‘งานข่าว’ ในหน้าที่ใหม่อยู่เสมอๆ
แต่การอิจฉาริษยา ปะทะกัน และแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในสถานีก็ทําให้เธอสะดุดล้มไม่เป็นท่า
จนกระทั่งเธอได้ล่วงรู้ ‘ความลับ’ ของเขา
มหาเศรษฐีหนุ่มที่สังคมอยากจะรู้เรื่องชีวิตของเขามากที่สุด!
‘พบกรันต์ โภไคยสกุล’ เขาคือนักธุรกิจมหาเศรษฐี ที่นอกจากจะมีอิทธิพลมากแล้ว
เขายังมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ และเซ็กซี่เฉียบขาดบาดใจชนิดที่อลินธิดาไม่เคยเจอมาก่อน
ความปรารถนาที่เขาและเธอสัมผัสได้จากกันและกันนั้นอาจจะเร่าร้อน
แต่ต้องหักห้ามใจ... ภายใต้ ‘การหลอกลวง’ และความเสี่ยงในแง่ของ ‘ความไม่เชื่อใจ’
จนกระทั่ง ‘รสสัมผัสต้องห้าม’ ที่เกิดขึ้นบนเตียงซึ่งเขาปรนเปรอให้อย่างเชี่ยวชาญ
ดึงให้เธอและเขาเดินมาถึงทางแยกอันน่าลําบากใจ... ระหว่าง
‘ความถูกต้อง’ และ ‘ความรัก’
สถานีโทรทัศน์ที่ชื่อ CAN ซึ่งเป็นสถานที่ทํางานของเธอนั้น เขารู้จักชื่อเสียงของมันดี
และรู้ว่าการล่อลวงนักข่าวสาวให้ขึ้นเตียงคือการเล่นกับไฟ
ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะขาย ‘ความลับ’ ของเขาเพราะความทะเยอทะยานในหน้าที่
และข่าวอื้อฉาวที่ออกมาก็เป็นจริงดังคาดด้วยวิธีการ ‘สกปรก’
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผย
หากอาจจะรวมไปถึง ‘ความลับ’ ของอลินธิดา
...ที่รอวันประจานตัวเองออกมาในอีกเก้าเดือน!
“ตอนนี้แค่อาบน้ำจ้ะน้ำผึ้ง ผมแค่อยากให้คุณได้คุ้นชินกับเนื้อตัวและสัมผัสของผม
เอาไว้วันหลังผมจะแสดงให้ดูว่าเราทำได้ทุกที่ถ้าคุณต้องการ หรือจะชอบแบบโลดโผนผมก็ยินดี”
แม้งานที่ทําจะท้าทายความสามารถมากมายแค่ไหน
แต่หญิงสาวก็ยังมองหา ‘งานข่าว’ ในหน้าที่ใหม่อยู่เสมอๆ
แต่การอิจฉาริษยา ปะทะกัน และแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในสถานีก็ทําให้เธอสะดุดล้มไม่เป็นท่า
จนกระทั่งเธอได้ล่วงรู้ ‘ความลับ’ ของเขา
มหาเศรษฐีหนุ่มที่สังคมอยากจะรู้เรื่องชีวิตของเขามากที่สุด!
‘พบกรันต์ โภไคยสกุล’ เขาคือนักธุรกิจมหาเศรษฐี ที่นอกจากจะมีอิทธิพลมากแล้ว
เขายังมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ และเซ็กซี่เฉียบขาดบาดใจชนิดที่อลินธิดาไม่เคยเจอมาก่อน
ความปรารถนาที่เขาและเธอสัมผัสได้จากกันและกันนั้นอาจจะเร่าร้อน
แต่ต้องหักห้ามใจ... ภายใต้ ‘การหลอกลวง’ และความเสี่ยงในแง่ของ ‘ความไม่เชื่อใจ’
จนกระทั่ง ‘รสสัมผัสต้องห้าม’ ที่เกิดขึ้นบนเตียงซึ่งเขาปรนเปรอให้อย่างเชี่ยวชาญ
ดึงให้เธอและเขาเดินมาถึงทางแยกอันน่าลําบากใจ... ระหว่าง
‘ความถูกต้อง’ และ ‘ความรัก’
สถานีโทรทัศน์ที่ชื่อ CAN ซึ่งเป็นสถานที่ทํางานของเธอนั้น เขารู้จักชื่อเสียงของมันดี
และรู้ว่าการล่อลวงนักข่าวสาวให้ขึ้นเตียงคือการเล่นกับไฟ
ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะขาย ‘ความลับ’ ของเขาเพราะความทะเยอทะยานในหน้าที่
และข่าวอื้อฉาวที่ออกมาก็เป็นจริงดังคาดด้วยวิธีการ ‘สกปรก’
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผย
หากอาจจะรวมไปถึง ‘ความลับ’ ของอลินธิดา
...ที่รอวันประจานตัวเองออกมาในอีกเก้าเดือน!
“ตอนนี้แค่อาบน้ำจ้ะน้ำผึ้ง ผมแค่อยากให้คุณได้คุ้นชินกับเนื้อตัวและสัมผัสของผม
เอาไว้วันหลังผมจะแสดงให้ดูว่าเราทำได้ทุกที่ถ้าคุณต้องการ หรือจะชอบแบบโลดโผนผมก็ยินดี”
Tags: กับดักรักจอมบงการ, พบกรันต์, อลินธิดา
ตอน: ตอนที่ 8 100%
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่อลินธิดาขับรถออกมาจ่ายตลาดใกล้บ้าน โดยมีสายใจเดินทางมาด้วย ทั้งคู่แปลกใจเป็นอย่างมากว่าเพราะเหตุใดวันนี้ตลาดถึงได้เงียบผิดปกติ ร้านค้าที่เคยซื้อของกลับปิดอยู่หลายร้าน เป็นเหตุให้ร้านที่เปิดขายของนั้นมีคนมาจับจ่ายซื้อของจนแน่นร้าน
“วันนี้พ่อค้าแม่ขายไปไหนกันหมดจ๊ะป้า ทำไมถึงได้ปิดร้านพร้อมๆกันล่ะ?” สายใจถามพลางวางตระกร้าผักสดนานาชนิดตรงหน้าแม่ค้า
“ก็ต้องปิดน่ะสิ เมื่อคืนนี้ไม่รู้ว่านักเลงหัวไม้ที่ไหนมันมาทำลายข้าวของเสียหายหมด นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะขายของไปได้นานสักเท่าไหร่” แม่ค้าผักบอกด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “กลัวเหลือเกิน... กลัวว่าจะเป็นพวกมาไล่ที่”
“ทำไมล่ะจ๊ะป้า ป้าขายของที่ตลาดนี้ก็ต้องจ่ายค่าเช่าไม่ใช่เหรอ เอาสัญญาเช่าไปคุยกับเจ้าของที่ดินให้รู้เรื่องสิ” อลินธิดาแนะนำ
“ไม่มีสัญญาเช่าอะไรหรอกแม่หนู เจ้าของตลาดนี้น่ะเคยบอกกับแม่ค้าพ่อค้าทั้งหลายแล้วว่าขายที่ดินไปได้เป็นปีแล้ว แต่เจ้าของที่ดินคนใหม่เขายังไม่ได้ใช้ประโยชน์เลยให้พวกป้าขายของต่อไปได้”
“อ้าว... แปลว่าป้ารู้นานแล้วเหรอว่าต้องย้ายออกจากตลาดนี้ แล้วทำไมไม่หาทางขยับขยายล่ะจ๊ะ” อลินธิดาซักถามอย่างสนใจ
“รู้... พวกเราที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็รู้กันทั้งนั้น แต่จะให้ย้ายไปไหนเพราะมันรวมไปถึงบ้านที่พวกเราซุกหัวนอน จากกลางซอยมาถึงตลาดทะลุกลางซอยถัดไป ไล่จนถึงท้ายซอยก็ที่ดินเจ้าเดียวกันกับตลาดตรงนี้แหละ” หากแต่คุณลุงที่ขายของเบ็ดเตล็ดแผงข้างๆ ก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ ออกปากปรามป้า เจ้าของร้านผัก
“ยัยแม้นนี่ก็ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม ไม่รู้ว่าจะใช่พวกไล่ที่ดินจริงรึเปล่า รอให้พวกหัวหน้าชุมชนกลับมาก่อนสิ ค่อยฟันธงว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง” คุณลุงร้านข้างๆบอก พลางหันมาชี้แจงกับอลินธิดา “ขอบใจแม่หนูมากนะ ที่อุตส่าห์ถามไถ่ แต่อย่าไปเชื่อยายแม้นปากมากนักเลย เรื่องยังไม่เกิดก็ต่อความยาวสาวความยืดไปเสียไกล”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอลินธิดาก็พอจะเดาได้ว่า อีกไม่นานต้องเกิดเรื่องใหญ่กับชุมชนใกล้บ้านของตนเองเป็นแน่ หากแต่ยังไม่อยากซักถามอะไรให้มากความและถ้าหากแสดงตัวว่าเป็นนักข่าว ทำงานเกี่ยวกับสื่อสารมวลชนจะยิ่งทำให้เกิดความหวาดระแวงที่จะบอกเรื่องราวทั้งหมด จึงหันไปถามราคาผักสดที่เลือกไว้พร้อมจ่ายเงินแล้วเดินเลือกซื้อของอื่นๆที่ต้องใช้ ในขณะที่พยายามรับฟังบทสนทนาของแม่ค้าพ่อขายในตลาด เก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดพลางคิดในใจว่า หากที่ดินผืนที่ว่านี้ กินเนื้อที่กว้างใหญ่จนติดกับรั้วบ้านของเธอนั้นก็น่าจะเกิดปัญหาขึ้นหลายอย่าง เพราะตลาดสดตรงนี้ห่างจากซอยบ้านของเธอถึงสามซอย แต่ซอยในถนนเส้นนี้จะคล้ายๆกันหมดคือเป็นซอยตัน กลางซอยบางซอยจะมีถนนเชื่อมต่อกัน เหมือนกับซอยตลาดสดนี้ที่กลางซอยจะมีถนนเชื่อมต่อไปยังซอยถัดไป ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนหลายหลังคาเรือน
ที่ดินกว้างใหญ่ทั้งยังตั้งอยู่ใจกลางเมืองเช่นนี้ สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งธุรกิจได้หลายอย่างนัก ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียมหรือหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งมันยากที่จะคาดเดา
ชั่วโมงต่อมาอลินธิดาก็กลับมาถึงบ้าน พร้อมกับผักผลไม้มากมาย โดยมีเจ้าช็อกโกแลตยืนกระดิกหางอย่างดีใจจนเกินเหตุทั้งที่เพิ่งจากกันไม่ถึงสองชั่วโมง และมันจะมีท่าทางเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอกลับถึงบ้าน อลินธิดาคิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดเลยที่เลี้ยงเจ้าช็อกโกแลตไว้ ไม่เพียงแค่ทำให้แม่ของเธอคลายเหงาแต่มันยังทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าบ้านได้อย่างดีเยี่ยม หากมีสิ่งผิดปกติหรือคนแปลกหน้ามาด้อมๆมองๆใกล้รั้วบ้าน เจ้าช็อกโกแลตจะทั้งเห่าทั้งขู่ จนหลายคนในละแวกนี้รู้กิตติศัพท์ว่ามันดุร้าย หวงสิ่งของเพียงใด
สำนักงานใหญ่ของกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง
พบกรันต์กำลังประชุมเครียดเกี่ยวกับโครงการสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ ที่ทุ่มงบประมาณมากกว่าหมื่นล้านบาท เพราะโครงการนี้ทำขึ้นเพื่อความเป็นที่หนึ่งของห้างแม็กซ์มอลล์ ผู้ที่เข้าร่วมประชุมมีเพียงผู้บริหารระดับสูงราวสิบคน บางคนเคยทำงานอยู่ข้างกายเจ้าสัวพร้อม และถือหุ้นในเครือพร้อมพบจึงสามารถไว้ใจได้ว่า ความลับสุดยอดของการประชุมครั้งนี้จะไม่รั่วไหลออกไปเป็นแน่
หากแต่สิ่งที่เป็นปัญหาให้กับพบกรันต์และผู้บริหารคือ การตัดสินใจว่าจะเลือกขยายโครงการนี้ที่ห้างแม็กซ์มอลล์สาขาที่ก่อตั้งขึ้นแล้ว หรือทุ่มงบสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ขึ้นมา
“ผมเห็นว่าเราน่าจะเลือกขยายโครงการที่นี่ ให้เป็นแม็กซ์ โกลบอล มอลล์ (Maxx Global Mall) เพราะตรงนี้คือใจกลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร หากเราจะทุ่มงบสร้างที่อื่นหรือพัฒนาที่ดินเปล่าขึ้นมา ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเราต้องระดมงบประมาณอีกมหาศาลเพื่อเชื่อมต่อห้างใหม่เข้าคนเมืองเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดิน โครงการของรัฐบาลที่ยังชะงักงันนั่น ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับเราได้เลย เพราะฉะนั้นผมเห็นควรว่าจะต้องพัฒนาที่นี่จะมีผลดีกับเรามากกว่า” ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“จริงอยู่ว่าที่นี่คือใจกลางย่านธุรกิจ มีความพร้อมในหลายๆด้าน แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือพื้นที่อันจำกัด ซึ่งไม่สามารถขยับขยายใหญ่กว้างใหญ่ขึ้นได้อีกแล้ว มีทางเดียวคือต่อให้สูงขึ้น ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ได้ตอบโจทย์ที่เราต้องการสร้างศูนย์สรรพสินค้าที่ใหญ่ติดอันดับโลก” ผู้บริหารอีกคนแย้งขึ้น
“แต่นั่นมันหมายถึงว่าเราต้องระดมเงินทุนอีกมหาศาล”
“ที่ดินสวยๆในเมืองมีเยอะแยะ ทำไมเราต้องเอาโครงการของเราไปสร้างชานเมืองที่ห่างไกลผู้คนด้วย”
“แต่นั่นมันเป็นที่ดินเจ้าปัญหา ถ้าหากเราตัดสินใจที่จะเลือกที่ดินตรงนั้น ผมกลัวว่าจะเกิดคำครหา” พบกรันต์ตอบเพราะรู้ทันความคิดของผู้บริหารคนดังกล่าวดีว่าหมายถึงที่ดินผืนใด ซึ่งในกรุงเทพมหานครนี้ที่ดินผืนใหญ่ที่จะพัฒนาให้เป็นโครงการเมกะโปรเจ็คนี้มีไม่กี่ผืนเท่านั้น หากแต่การประชุมที่ดำเนินมามากกว่าสามชั่วโมงต้องหยุดชะงักลง เมื่อมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นและร่างกำยำของคำรบ ก็เดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน “ผมขอเวลานอกสักสิบนาที”
ทุกคนรู้ดีว่าหากไม่มีเรื่องด่วนที่สุด คำรบจะไม่กล้าเข้ามาขัดจังหวะในการประชุมลับนี้เป็นแน่ เมื่อผู้บริหารทุกคนทยอยออกไปจากห้องประชุมแล้วคำรบจึงรีบรายงานเจ้านายทันที
“เกิดเรื่องขึ้นจริงๆครับท่าน”
“เรื่องอะไร?” พบกรันต์ถาม ในขณะที่ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้คลึงขมับทั้งสองข้างของตัวเอง
“เมื่อคืนมีการทำลายข้าวของของพ่อค้าแม่ค้าในตลาด เมื่อกี้นี้ก็มีคนเมายาบ้าใช้มีดวิ่งไล่แทงชาวบ้านละแวกนั้นไปทั่ว แต่มันแปลกตรงที่ว่าชาวบ้านบอกว่าชายที่เมายา ไม่ใช่คนในชุมชนน่ะสิครับ ผมว่ามันแปลกๆ” คำรบรายงาน หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้คำรบต้องรีบรับสาย แล้วส่งต่อให้เจ้านายอย่างรวดเร็ว “คุณมุกดารินครับ”
“ครับ” พบกรันต์รับสายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น หากแต่นิ่งเงียบฟังปลายสายที่รายงานด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบทั้งรีบร้อนอยู่ในที ราวกับกลัวว่าจะมีบุคคลที่สามเข้ามาล่วงรู้ และมีเพียงเสียงรับคำสั้นๆหลุดลอดออกจากริมฝีปากบางเฉียบเท่านั้น
มุกดารินเหลือบสายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความหวาดระแวง สุดท้ายก่อนจะวางสายก็ยังหลุดปากเตือนด้วยความเป็นห่วง “คราวนี้พอลเอาจริงนะคะ เขามุ่งมั่นมากๆ”
หากพบกรันต์ก็รู้ดีว่าสิ่งที่หญิงสาวปลายสายต้องการจะสื่อสารนั้น บอกให้เขาได้รู้ว่าคราวนี้คู่แข่งทางธุรกิจของเขาของจะต้องกำชัยชนะเอาไว้เพียงอย่างเดียว “ครับ ขอบคุณมากนะมุก ดูแลตัวเองด้วย”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับสั้นๆ พบกรันต์ก็ส่งโทรศัพท์คืนให้กับคนสนิทและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเครียด “งานนี้พอลมันเอาจริง และเราก็พลาดไม่ได้เหมือนกัน คำรบ ติดต่อนายหน้าขายที่ผืนนั้น ฉันอยากได้!”
คำรบขวมดคิ้วมุ่นกับคำสั่งของเจ้านาย หากแต่รีบปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมาพบกรันต์ก็เรียกผู้บริหารระดับสูงเข้าประชุมต่อ ถกปัญหาที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่ทว่าความจริงแล้ว ซีอีโอหนุ่มแห่งแม็กซ์มอลล์มีคำตอบที่อยู่ในใจแล้วว่าเขาจะเลือกพัฒนาที่ดินผืนไหนให้เป็นศูนย์กลางห้างสรรพสินค้าติดอันดับโลก!
มุกดารินรับคำสั้นๆ หากน้ำเสียงอบอุ่นที่ได้รับนั้นทำให้หัวใจอันหนาวเหน็บอุ่นซ่าน แต่ก็รับรู้ได้เพียงชั่วขณะเพราะเสียงหัวเราะดังกระหึ่มของผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าทำให้จิตใจกระวนกระวายเพราะไม่เคยเห็นแววตามุ่งมั่น ตั้งใจเท่าครั้งนี้เลย
“ฮ่า... เธอทำได้ดีมากมุกดาริน ไม่เสียแรงที่ฉันทุ่มเงินมหาศาลซื้อตัวเธอมา” เฉินไป่เฉียงหรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในนาม พอล เฉิน นักธุรกิจเจ้าของห้างพอลการ์เดน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพอใจ “ตอนนี้ไอ้พบกรันต์มันคงคิดหนัก นอนเอาเท้าก่ายหน้าผาก มันจะระดุมทุนได้จากที่ไหนในเวลาอันรวดเร็วเพื่อมาพัฒนาที่ดินชานเมืองให้เป็นแหล่งช็อปปิ้งใหม่”
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะคะ จะไปหาแหล่งเงินทุนจากไหน ถึงจะมาสู้กับแม็กซ์มอลล์ได้” มุกดารินถามอย่างอยากรู้ พลางส่งแก้วบรั่นดีให้กับพอล เฉิน ที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไปแล้ว เงินทุนมีพร้อม มากมายกว่าที่เธอจะคาดคิดนัก สิ่งที่เธอต้องทำก็คือทำให้ไอ้พบกรันต์มันเพลี่ยงพล้ำ หัวปั่น หลงกลไปกับบ่วงล่อที่ฉันวางไว้” พอล เฉิน ดื่มบรั่นดีในแก้วหมดรวดเดียวพลางกระดิกนิ้วเรียกมุกดารินให้เข้ามานั่งใกล้ๆ ด้วยท่าทีไร้มารยาท หากแต่มุกดารินก็ต้องยอมเดินเข้าสู้อ้อมกอดของเขาแต่โดยดี “หวังว่าจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”
“ค่ะ... แต่คุณก็คงต้องให้ฉันออกไปเจอเขาบ้าง เรื่องบางเรื่องพูดกันทางโทรศัพท์เขาไม่มีทางเชื่อแน่” มุกดารินบอกพร้อมกับรอยยิ้มท้าทาย หากแต่ปฏิกิริยาที่พอล เฉิน แสดงกลับมานั้นทำให้เธอถึงกับตัวแข็งทื่อ
ฝ่ามือใหญ่ที่โอบตรงช่วงเอวเลื่อนไปขยำบั้นท้ายงอนงามอย่างไม่เกรงใจ ตอบแทนรอยยิ้มท้าทายที่เธอมีให้ “เธออยากเจอมันเมื่อไหร่ก็ตามสบาย แต่อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกันว่าเธอยอมอ้าขาให้มันทับรอยฉัน เพราะฉันจะไม่เอาไว้ทั้งคู่”
มุกดารินเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ แต่ต้องสะกดกลั้นความรู้สึกแย่ๆนั้นไว้ลึกสุดใจ แสร้งยิ้มกลบเกลื่อนความอดสูใจ “ห้าปีที่ผ่านมา ฉันยังไม่ทำให้คุณไว้ใจอีกเหรอคะ”
พอล เฉิน หัวเราะเสียงดังกระหึ่มอย่างถูกใจ หากแต่ไม่นานก็เงียบกริบและพูดน้ำน้ำเสียงเยือกเย็น “มีคนเคยเตือนฉันว่า... ถ้าไม่อยากเสียการใหญ่ อย่าไว้ใจสตรี”
“ค่ะ... ฉันก็คงต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป”
“ช่าย... จงทำมันต่อไป” พอล เฉิน พูดพลางเอื้อมมือไปเชยคางมนขึ้นให้สบสายตากัน “ฉันจะบอกอะไรให้นะมุกดาริน ถ้าเธอตัดสายตาห่วงใยมันออกไปได้ เธอจะเรียกความมั่นใจจากฉันได้อีกมากโข”
จบคำพูดมุกดารินก็ต้องเผยอริมฝีปากรับกับจุมพิตที่หยาบกระด้าง เอาแต่ใจ สัมผัสตะกุมตะกรามที่ยุ่มย่ามอยู่บนเนื้อตัวตลอดระยะเวลาห้าปีที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้หญิงของพอล เฉิน นั้นมันช่างมีแต่ความรันทดใจ เสื้อผ้า ของใช้ราคาแพงที่รายล้อมรอบตัวหาได้ทดแทนความกักขฬะที่เกิดขึ้น!
“จำไว้นะมุกดาริน เธอคือผู้หญิงของฉันต่อให้ฉันเขี่ยเธอทิ้งเหมือนขยะโสโครกชิ้นหนึ่ง ไอ้พบกรันต์มันก็ไม่ก้มเก็บเธอขึ้นมาไว้ข้างกายเหมือนเดิมแน่ เพราะฉะนั้นเธอควรรู้ว่าจะเอาความจงรักภักดีมอบให้ใคร?” จบคำพูด พอล เฉิน ก็เดินออกจากห้องนอนใหญ่โดยไม่หันกลับมาสนใจร่างอวบอิ่มที่ทรุดตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง
มุกดารินกำมือแน่น เล็บที่จิกลงไปในฝ่ามือยังไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บเท่าคำพูดและกิริยาดูถูกเหยียดหยามที่ได้รับจากพอล เฉิน มาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องบอกกับตัวเองไว้ว่าเธอต้องเป็นคนจบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ในที่สุด แม้มันต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามเพราะทุกวันนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว จะแปลกอะไรหากต้องเสี่ยงทั้งชีวิตเพื่อแสวงหาโชค บางทีเธออาจจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ก็เป็นได้
ในขณะที่พอล เฉิน ยิ้มพรายให้กับเกมธุรกิจที่กำลังเริ่มขึ้นอย่างเต็มตัว หลายปีมานี้เขาต้องพ่ายแพ้ให้กับพบกรันต์ ซึ่งถ้าเทียบรุ่นกันแล้ว มันก็เป็นเพียงเด็กรุ่นใหม่ที่รับช่วงต่อจากบิดาเท่านั้น แต่ความประมาทเลินเล่อนี้ ทำให้ตลอดระยะเวลาสิบห้าปีที่ห่ำหั่นกันมา พอลการ์เดนไม่เคยที่จะเป็นหนึ่งเหนือแม็กซ์มอลล์เลย
ห้าปีที่แล้วพบกรันต์ใช้เล่ห์ทางธุรกิจเข้าซื้อที่ดินผืนใหญ่ตัดหน้าตนไปสร้างศูนย์การค้าครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศขึ้น เป็นเหตุให้พอลการ์เดน จนต้องพบกับภาวะตกต่ำถึงขีดสุด หนี้สินที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ต้องหันไปพึ่งแหล่งเงินทุนจากต่างชาติเข้ามาพัฒนาห้างพอล การ์เดนให้ทัดเทียมขึ้นมาจนมีลูกค้ามากขึ้น และจากนั้นมาตนก็บอกกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ใช้เพียงกลยุทธทางการตลาดต่อสู้กับพบกรันต์ เท่านั้น แต่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกอย่างจัดการอย่างไม่คำนึงถึงความถูกต้อง
มุกดารินก็เป็นหมากอีกตัวหนึ่งที่ซื้อมาเพื่อหักหน้าพบกรันต์เช่นกัน เพราะเธอเคยเป็นอดีตคู่รักของพบกรันต์ซึ่งถูกคุณหญิงศรีประไพกีดกัน พบกรันต์จึงส่งแฟนสาวให้ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ด้วยความห่าง และความเหงา มุกดารินจึงใช้การพนันเป็นเพื่อนแก้เหงา นานวันเข้าเธอติดพนันหนี้สินล้นพ้นตัวจนหมดหนทางต้องขายตัวให้กับพอล เฉิน โดยที่มุกดารินนั้นไม่รู้มาก่อนเลยว่า คนที่ทำให้เธอติดการพนันเหมือนผีพนันเข้าสิงนั้นเป็นแผนการของพอล เฉิน ทั้งสิ้น
เพียงแค่ได้เห็นความโกรธของพบกรันต์ที่ไม่สามารถปกป้องคนรักของตัวเองได้ พอล เฉิน ก็พอใจยิ่งนัก และนั่นก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่เปิดสงครามชิงดีกันในทุกด้าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่พบกรันต์สนใจ เขาจะแย่งชิงมาเป็นของตัวเองให้ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้หญิง!
ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่ห้ำหั่นกันทางการตลาดอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น มันมีสาเหตุหลายอย่างประกอบกันขึ้นมา และดูเหมือนว่าความบาดหมางนี้นับวันจะบานปลาย ลุกลามใหญ่โต
ในห้องกองบรรณาธิการข่าวของสถานีช่องCAN กำลังพูดคุยถึงประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นสองวันติดกัน นั่นก็คือ เกิดเหตุนักเลงอันธพาลทำลายข้าวของในตลาดแห่งหนึ่งจนร้านค้าได้รับความเสียหาย วันต่อมาก็เกิดเหตุคนร้ายเมายาบ้าถือมีดไล่แทงช้าวบ้านร้านตลาดจนขวัญผวากันไปทั่ว
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นดูออกอย่างง่ายดายว่าเป็นส่วนหนึ่งของการไล่ที่ดิน แต่ยังไม่มีใครรู้ที่ไปที่มา หรือรายละเอียดอย่างชัดเจน และอีกปัญหาที่เกิดขึ้นกับกองบรรณาธิการข่าวตอนนี้ก็คือ นักข่าวภาคสนามเกิดตั้งครรภ์ และยังไม่สามารถหานักข่าวมาแทนที่ของเธอได้
“ข่าวด่วนครับ” จู่ๆ เสียงห้าวของนักข่าวคนหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคนให้ไปยังแหล่งกำเนิดเสียงด้วยความสนใจ
“ด่วนยังไง รีบว่ามาเลย?” ชาตรี โปรดิวเซอร์เอ่ยถาม
“จากการลงพื้นที่ เราสืบทราบมาว่าที่ดินผืนนี้เตรียมพร้อมที่จะขาย เพื่อสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยและใหญ่ติดอันดับโลก ปัญหาก็คือ เรายังไม่รู้ว่าห้างไหนซื้อที่ดินผืนนี้?”
“ข่าวนี้เชื่อถือได้มากแค่ไหน?” ชาตรีถาม
“เชื่อถือได้แน่นอนครับ เขาเป็นพ่อค้าที่ขายของในตลาด แต่โชคดีที่ไม่ได้มีบ้านอยู่ในบริเวณนั้น ก็เลยกล้าที่จะเล่าให้ผมฟัง แต่ถ้าไปถามกับชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนนั้นไม่มีใครกล้าพูดหรอกครับ เหมือนยังลังเล บางคนก็ว่าถ้าย้ายออกแต่โดยดีก็จะได้ค่าชดเชยก้อนโต บางคนก็ว่าผู้นำชุมชนจะริบเงินชดเชยไว้คนเดียว ตอนนี้ในชุมชนนั้นจึงแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่รู้จะฟังความข้างไหนครับ”
ชาตรียืนกอดอกฟังลูกน้องของตนเล่าอย่างพิจารณา “เอาล่ะ เรามีงานชิ้นใหม่ให้ทำ เป้าหมายของเราแคบลงมาก แต่ก็ยังถือว่าคลุมเครือ ยังไม่มีความชัดเจนเท่าที่ควร”
โปรดิวเซอร์ข่าวสมองอัจฉริยะ เดินไปยังไวท์บอร์ดที่ติดไว้ข้างผนัง “เรามีเป้าหมายอยู่สองกลุ่ม หนึ่ง... คุณพบกรันต์แห่งแม็กซ์มอลล์ สอง... คุณพอลแห่งพอลการ์เดน ถ้าหากรู้ความเคลื่อนไหวของคนทั้งสองนี้ เราอาจจะรู้ว่าใครมีแนวโน้มที่จะซื้อที่ดินผืนนั้น”
“แปลว่าเราต้องส่งนักข่าวออกติดตามสองคนนี้อย่างนั้นเหรอคะ?” กิ๊บซี่ถามด้วยหน้าตาตื่นตระหนกเพราะไม่บ่อยนักที่นักข่าวจะออกตามสืบชีวิตของใครคนหนึ่งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว
“นั่นคือความเสี่ยงอย่างมากเพราะถ้าหากสองคนนี้รู้ตัว พวกเราอาจตกที่นั่งลำบากเพราะถือว่ากำลังละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นจะต้องรอบคอบ อย่าทำอะไรวู่วาม ผมจะแบ่งนักข่าวออกเป็นสามทีม ทีมแรกติดตามคุณพบกรันต์ ทีมที่สองติดตามคุณพอล ทีมที่สามจับตาดูที่ชุมชนนั้นอย่างใกล้ชิด แต่ละทีมจะมีนักข่าวภาคสนามและช่างภาคทำงานร่วมกัน และทุกทีมต้องติดต่อกับทีมที่สามตลอดเวลา” ชาตรีสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว
“แต่จะหาใครมาแทนจารุพรล่ะครับ?” ชัยรัตน์ช่างภาพถามขึ้นทันที
“น้ำผึ้งค่ะ” เสียงหวานของอลินธิดาดังขึ้นอบ่างหนักแน่น ทำให้สายตาหลายคู่หันไปจ้องมองที่เธอ “น้ำผึ้งขอทำงานนี้นะคะ”
“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากให้ทำนะ แต่น้ำผึ้งมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบล้นมืออยู่แล้ว” ชาตรีปฏิเสธ แต่ด้วยสายตาและสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยของครีเอทีฟสาว ทำให้ชาตรีต้องขอเวลานอก เรียกอลินธิดาเข้าไปคุยในห้องทำงานเป็นการส่วนตัว
หลังจากที่ประตูห้องปิดสนิทลง อลินธิดาก็เปิดฉากเข้าประเด็นของตัวเองทันที “ให้น้ำผึ้งทำงานนี้เถอะนะคะ ทุกคนก็มีงานล้นมือกันอยู่แล้ว แต่งานของน้ำผึ้งก็ลงตัวจะเหลือก็แค่การอ่านข่าวพยากรณ์ที่ต้องทำทุกวัน”
“ก็นั่นแหละ แล้วเลิกคิดถึงเรื่องที่จะมีคนมาอ่านข่าวพยากรณ์อากาศแทนไปได้เลยนะ เพราะตอนนี้คนดูกำลังติดกับภาพของน้ำผึ้ง” ชาตรีแย้ง
“เราแก้ปัญหาโดยการบันทึกเทปไว้ก่อนก็ได้นี่คะ มันก็แค่ระยะสั้นๆอาจจะไม่ถึงสัปดาห์หรืออย่างมากก็ไม่น่ายืดเยื้อไปเป็นเดือน ยังไงเสียการไล่ที่พวกนี้ ถ้ารุนแรงมากขึ้น ตำรวจก็ต้องเข้ามาสืบสวนอยู่แล้วถึงตอนนั้นก็คงทำอะไรรุนแรงไม่ได้”
“แล้วทำไมถึงได้อยากทำงานนี้จัง” ชาตรีถามอย่างสงสัย
“บ้านน้ำผึ้งอยู่แถวนั้นค่ะ”
“จริงเหรอ?” ชาตรีถามเสียงสูง
“ค่ะ... ห่างกันแค่สองซอยเอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา น้ำผึ้งไปจ่ายตลาดยังถามกับแม่ค้าอยู่เลยว่าทำไมพ่อค้าแม่ขายถึงได้นัดกันปิดร้านเสียหมด ก็ได้คำตอบมาว่าถูกนักเลงหัวไม้ทำลายข้าวของ ที่ดินผืนนี้แปลงใหญ่ อยู่กลางเมืองราคาคงไม่ต้องพูดถึงน่าจะแพงมหาโหด แต่ได้ยินแม่ค้าบอกว่าที่ดินผืนนี้ขายต่อไปได้เป็นปีแล้วนะคะ”
“โอ้โห... รายงานพี่ละเอียดยิบอย่างนี้ นี่แปลว่าพี่ต้องให้น้ำผึ้งทำงานนี้ใช่ไหม” ชาตรีส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าครีเอทีฟสาวพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มดีใจ “งั้นพี่คงต้องฝากเนื้อฝากตัวกับน้ำผึ้งหน่อยแล้ว แถวบ้านจะมีห้างหรูไปสร้างเผื่อจะขายบ้านเป็นเศรษฐีนีมั่ง อย่าลืมเอาเงินมาให้พี่กู้บ้าง”
อลินธิดาหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินเช่นนั้น “นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณแม่รักบ้านหลังนี้มาก น้ำผึ้งคงขายแล้วกอดเงินไว้ล่ะค่ะ รู้สึกว่าด้านหลังของที่ดินจะติดกับรั้วบ้านของน้ำผึ้งเลยนะคะ คิดว่าต้องรอเอาที่ดินเปล่าตรงนี้เข้าไปด้วย”
“แต่ตอนนี้ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าใครจะเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้”
“พูดอย่างนี้แปลว่าพี่ชาตรีอนุญาตให้น้ำผึ้งทำข่าวนี้แล้วใช่ไหมคะ?” อลินธิดาถามด้วยความตื่นเต้น
“ช่าย... พี่จะปฏิเสธเราได้ยังไง แต่ถ้าพี่หานักข่าวภาคสนามคนใหม่ได้เมื่อไหร่ น้ำผึ้งต้องถอยออกมาแล้วมาทำหน้าที่เดิมของตัวเองโดยไม่มีข้อต่อรอง โอเค้?...”
“รับทราบ ไม่มีปัญหาเลยค่า...”
“เอ่อ... น้ำผึ้ง แล้วจะมีปัญหาอะไรไหม ถ้าน้ำผึ้งต้องอยู่ทีมหนึ่งตามข่าวของคุณพบกรันต์” ชาตรีซึ่งอยู่ในแวดวงสื่อสารมวลชน ทำไมจะไม่เคยได้ยินว่าทั้งคู่เคยคบหากันอยู่พักหนึ่ง และไม่อยากให้เกิดปัญหาที่นักข่าวเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันกับเรื่องงาน
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ พี่ชาตรีไว้ใจน้ำผึ้งได้นะคะ ตอนนี้อาจจะไม่มั่นใจในคำพูดของน้ำผึ้งนักแต่ผลงานจะเป็นเครื่องการันตีคำพูดเองค่ะ” อลินธิดารับปากด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น มุ่นมั่นซึ่งทำให้โปรดิวเซอร์มือทองพยักหน้ารับ และออกไปด้านนอกอีกครั้งพร้อมกับการจ่ายงานให้นักข่าวทั้งสามทีมได้ออกไปสืบหาความจริง
ราวชั่วโมงต่อมาอลินธิดาและชัยรัตน์เป็นทีมสุดท้ายที่ออกจากสถานีเพราะอลินธิดาต้องบันทึกเทปรายงานข่าวพยากรณ์อากาศเพื่อออกอากาศในตอนเย็นนี้ให้เสร็จเสียก่อน
“ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลาไปเป็นชั่วโมงนะคะ” อลินธิดาเอ่ยคำขอโทษเพื่อนร่วมทีม เมื่อขึ้นมานั่งบนรถยนต์คันเล็กของชัยรัตน์ที่ตกลงกันไว้ว่าจะใช้รถยนต์ของเขาเป็นพาหนะ เพราะคันเล็ก สะดวกกว่าใช้รถยนต์ของอลินธิดาซึ่งเป็นรถรุ่นท็อปของยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากๆ
“โอ๊ย... ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เอาอย่างนี้ดีกว่าเรามาทำความรู้จักกันใหม่เพราะเราต้องทำงานด้วยกันอย่างนี้ไปอีกหลายวัน เรียกผมสั้นๆว่าชัยก็ได้ ผมอายุยี่สิบเก้าปี ไม่รู้ว่าเป็นพี่หรือเป็นน้องคุณน้ำผึ้ง” ชัยรัตน์บอกพลางเคลื่อนรถของตัวเองออกจากลานจอดรถของสถานี
“อายุเท่ากันค่ะ ปีนี้น้ำผึ้งก็ยี่สิบเก้า อ้อ... เรียกน้ำผึ้งเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องมีคุณหรอกค่ะ” อลินธิดาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“งั้นเรามาเป็นเพื่อนกัน มีอะไรบอกกล่าวตักเตือนกันได้ ไม่ว่า ไม่โกรธกัน เพื่องานที่สำเร็จลุล่วง” จบคำพูดชัยรัตน์ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ไม่นานอลินธิดาก็ใช้มือของตัวเองตบเข้าที่ฝ่ามือของเพื่อนร่วมงานอย่างรู้อกรู้ใจ
“เพื่องานที่สำเร็จลุล่วง ลุย!” อลินธิดาชี้นิ้วไปข้างหน้าอย่างฮึกเหิม เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงให้เกิดขึ้นภายในรถ ทั้งยังทำให้ผู้ชายอย่างชัยรัตน์ที่คิดว่า หญิงสาวข้างๆก็มีมุมที่ดูลุยๆ มากกว่าที่จะทำงานในห้องส่งเพียงอย่างเดียว
ชั่วโมงต่อมาทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงสำนักงานใหญ่ของกลุ่มธึรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าหรูเช่นกัน
“ต้องวนรถขึ้นไปดักรอที่ชั้นหก เพราะชั้นเจ็ดเป็นที่จอดรถของผู้บริหาร เขาคงไม่ให้เราขึ้นไปได้ง่ายๆ” ชัยรัตน์บอกพลางรับบัตรจอดรถยนต์จากพนักงานรักษาความปลอดภัยเหมือนกับลูกค้าทั่วไปของห้างสรรพสินค้าแม็กซ์มอลล์ ไม่กี่นาทีต่อมาก็สามารถหาที่จอดรถอันเหมาะเจาะได้ เพราะขณะนี้ทั้งคู่หันหน้าเข้ายังตำแหน่งที่รถยนต์ทุกลงมาจากชั้นเจ็ดทุกคันต้องแล่นผ่าน
“เอาล่ะ... ทุกอย่างพร้อม หวังว่าวันนี้เราคงไม่คว้าน้ำเหลว เพราะคุณพบกรันต์ออกไปข้างนอกก่อนหน้านี้แล้วนะ”
อลินธิดายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “เพิ่งจะห้าโมงเศษๆเอง ซีอีโอธุรกิจใหญ่ขนาดนี้คงไม่เลิกงานเร็วเหมือนพนักงานทั่วไปหรอกน่า...”
“ปลอบใจกันไป” ชัยรัตน์ว่ายิ้มๆพลางหันหน้ามาสบสายตากับเพื่อนร่วมทีมข้างๆ “งานแบบนี้ของหากินประจำกายคงต้องทิ้งไว้ในรถก่อน”
อลินธิดามองตาสายตาของชัยรัตน์ไปยังเบาะหลังซึ่งมีกล้องวางอยู่ รูปแบบและลักษณะอันโดดเด่นของมันเมื่อแบกขึ้นบนบ่า คนทั่วไปย่อมรู้ว่าเขาคือนักข่าว งานนี้จึงต้องพึ่งกล้องจากโทรศัพท์มือถือล้วนๆ “เดี๋ยวนี้กล้องจากโทรศัพท์ถ่ายภาพได้ชัดเจน ที่สำคัญมันยังส่งภาพบุคคลที่เราสงสัยไปให้พี่ชาตรีได้รวดเร็ว”
คำพูดของอลินธิดาทำให้ชัยรัตน์ขมวดคิ้ว ถามอย่างเดาความคิดเธอได้ไม่ยาก “นี่อย่าบอกนะว่าคุณจะตามเก็บภาพคุณพบกรันต์ไปทุกที่ ทำอย่างนั้นมันเสี่ยงมากเลยนะ ถ้าเขารู้เข้ามันจะทำให้พวกเราซวยกันไปใหญ่”
“ฉันจะทำมันอย่างระมัดระวังที่สุด และจะไม่ทำให้ส่วนรวมเดือดร้อนแน่ค่ะ” อลินธิดากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนคนทักท้วงพยักหน้ารับด้วยความจนใจ หากเวลาผ่านไปถึงสามชั่วโมงเต็ม นักข่าวทั้งสองก็หันมามองหน้ากันโดยบังเอิญ
“ผมว่าวันแรกนี้เราต้องคว้าน้ำเหลวแน่ๆ” ชัยรัตน์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เสบียงที่ซื้อมากักตุนไว้ในรถก็หมดลงแล้ว เหลือเพียงน้ำเปล่าคนละขวดเท่านั้น
“ขออีกชั่วโมงเดียว ถ้าสามทุ่มตรงรถของเขายังไม่ออกมา แปลว่าวันนี้เราคว้าน้ำเหลว พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกันใหม่ สงสัยเราต้องหาแหล่งข่าวสักหน่อยแล้วว่าตารางเวลาของเขาต้องเดินทางไปไหนมาไหนบ้าง” อลินธิดาบอกพลางหันไปมองแสงไฟของรถยนต์คันหนึ่งที่กำลังเคลื่อนตัวลงมาอย่างรวดเร็ว
เบนท์ลี่ย์คันงามสีดำวาววับกำลังแล่นผ่านหน้าไปด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก และทั้งคู่ก็จำได้เป็นอย่างดีว่านี่คือพาหนะของซีอีโอหนุ่มที่นั่งรอเขามาเป็นเวลาสามชั่วโมงเต็ม!
“โชคเข้าข้างเราแล้วน้ำผึ้ง” ชัยรัตน์บอกพลางเข้าเกียร์เดินหน้า ตามรถยนต์คันหรูไปห่างๆ ทันที
“วันนี้พ่อค้าแม่ขายไปไหนกันหมดจ๊ะป้า ทำไมถึงได้ปิดร้านพร้อมๆกันล่ะ?” สายใจถามพลางวางตระกร้าผักสดนานาชนิดตรงหน้าแม่ค้า
“ก็ต้องปิดน่ะสิ เมื่อคืนนี้ไม่รู้ว่านักเลงหัวไม้ที่ไหนมันมาทำลายข้าวของเสียหายหมด นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะขายของไปได้นานสักเท่าไหร่” แม่ค้าผักบอกด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “กลัวเหลือเกิน... กลัวว่าจะเป็นพวกมาไล่ที่”
“ทำไมล่ะจ๊ะป้า ป้าขายของที่ตลาดนี้ก็ต้องจ่ายค่าเช่าไม่ใช่เหรอ เอาสัญญาเช่าไปคุยกับเจ้าของที่ดินให้รู้เรื่องสิ” อลินธิดาแนะนำ
“ไม่มีสัญญาเช่าอะไรหรอกแม่หนู เจ้าของตลาดนี้น่ะเคยบอกกับแม่ค้าพ่อค้าทั้งหลายแล้วว่าขายที่ดินไปได้เป็นปีแล้ว แต่เจ้าของที่ดินคนใหม่เขายังไม่ได้ใช้ประโยชน์เลยให้พวกป้าขายของต่อไปได้”
“อ้าว... แปลว่าป้ารู้นานแล้วเหรอว่าต้องย้ายออกจากตลาดนี้ แล้วทำไมไม่หาทางขยับขยายล่ะจ๊ะ” อลินธิดาซักถามอย่างสนใจ
“รู้... พวกเราที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็รู้กันทั้งนั้น แต่จะให้ย้ายไปไหนเพราะมันรวมไปถึงบ้านที่พวกเราซุกหัวนอน จากกลางซอยมาถึงตลาดทะลุกลางซอยถัดไป ไล่จนถึงท้ายซอยก็ที่ดินเจ้าเดียวกันกับตลาดตรงนี้แหละ” หากแต่คุณลุงที่ขายของเบ็ดเตล็ดแผงข้างๆ ก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ ออกปากปรามป้า เจ้าของร้านผัก
“ยัยแม้นนี่ก็ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม ไม่รู้ว่าจะใช่พวกไล่ที่ดินจริงรึเปล่า รอให้พวกหัวหน้าชุมชนกลับมาก่อนสิ ค่อยฟันธงว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง” คุณลุงร้านข้างๆบอก พลางหันมาชี้แจงกับอลินธิดา “ขอบใจแม่หนูมากนะ ที่อุตส่าห์ถามไถ่ แต่อย่าไปเชื่อยายแม้นปากมากนักเลย เรื่องยังไม่เกิดก็ต่อความยาวสาวความยืดไปเสียไกล”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอลินธิดาก็พอจะเดาได้ว่า อีกไม่นานต้องเกิดเรื่องใหญ่กับชุมชนใกล้บ้านของตนเองเป็นแน่ หากแต่ยังไม่อยากซักถามอะไรให้มากความและถ้าหากแสดงตัวว่าเป็นนักข่าว ทำงานเกี่ยวกับสื่อสารมวลชนจะยิ่งทำให้เกิดความหวาดระแวงที่จะบอกเรื่องราวทั้งหมด จึงหันไปถามราคาผักสดที่เลือกไว้พร้อมจ่ายเงินแล้วเดินเลือกซื้อของอื่นๆที่ต้องใช้ ในขณะที่พยายามรับฟังบทสนทนาของแม่ค้าพ่อขายในตลาด เก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดพลางคิดในใจว่า หากที่ดินผืนที่ว่านี้ กินเนื้อที่กว้างใหญ่จนติดกับรั้วบ้านของเธอนั้นก็น่าจะเกิดปัญหาขึ้นหลายอย่าง เพราะตลาดสดตรงนี้ห่างจากซอยบ้านของเธอถึงสามซอย แต่ซอยในถนนเส้นนี้จะคล้ายๆกันหมดคือเป็นซอยตัน กลางซอยบางซอยจะมีถนนเชื่อมต่อกัน เหมือนกับซอยตลาดสดนี้ที่กลางซอยจะมีถนนเชื่อมต่อไปยังซอยถัดไป ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนหลายหลังคาเรือน
ที่ดินกว้างใหญ่ทั้งยังตั้งอยู่ใจกลางเมืองเช่นนี้ สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งธุรกิจได้หลายอย่างนัก ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียมหรือหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งมันยากที่จะคาดเดา
ชั่วโมงต่อมาอลินธิดาก็กลับมาถึงบ้าน พร้อมกับผักผลไม้มากมาย โดยมีเจ้าช็อกโกแลตยืนกระดิกหางอย่างดีใจจนเกินเหตุทั้งที่เพิ่งจากกันไม่ถึงสองชั่วโมง และมันจะมีท่าทางเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอกลับถึงบ้าน อลินธิดาคิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดเลยที่เลี้ยงเจ้าช็อกโกแลตไว้ ไม่เพียงแค่ทำให้แม่ของเธอคลายเหงาแต่มันยังทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าบ้านได้อย่างดีเยี่ยม หากมีสิ่งผิดปกติหรือคนแปลกหน้ามาด้อมๆมองๆใกล้รั้วบ้าน เจ้าช็อกโกแลตจะทั้งเห่าทั้งขู่ จนหลายคนในละแวกนี้รู้กิตติศัพท์ว่ามันดุร้าย หวงสิ่งของเพียงใด
สำนักงานใหญ่ของกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง
พบกรันต์กำลังประชุมเครียดเกี่ยวกับโครงการสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ ที่ทุ่มงบประมาณมากกว่าหมื่นล้านบาท เพราะโครงการนี้ทำขึ้นเพื่อความเป็นที่หนึ่งของห้างแม็กซ์มอลล์ ผู้ที่เข้าร่วมประชุมมีเพียงผู้บริหารระดับสูงราวสิบคน บางคนเคยทำงานอยู่ข้างกายเจ้าสัวพร้อม และถือหุ้นในเครือพร้อมพบจึงสามารถไว้ใจได้ว่า ความลับสุดยอดของการประชุมครั้งนี้จะไม่รั่วไหลออกไปเป็นแน่
หากแต่สิ่งที่เป็นปัญหาให้กับพบกรันต์และผู้บริหารคือ การตัดสินใจว่าจะเลือกขยายโครงการนี้ที่ห้างแม็กซ์มอลล์สาขาที่ก่อตั้งขึ้นแล้ว หรือทุ่มงบสร้างห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ขึ้นมา
“ผมเห็นว่าเราน่าจะเลือกขยายโครงการที่นี่ ให้เป็นแม็กซ์ โกลบอล มอลล์ (Maxx Global Mall) เพราะตรงนี้คือใจกลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร หากเราจะทุ่มงบสร้างที่อื่นหรือพัฒนาที่ดินเปล่าขึ้นมา ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเราต้องระดมงบประมาณอีกมหาศาลเพื่อเชื่อมต่อห้างใหม่เข้าคนเมืองเข้าถึง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดิน โครงการของรัฐบาลที่ยังชะงักงันนั่น ไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับเราได้เลย เพราะฉะนั้นผมเห็นควรว่าจะต้องพัฒนาที่นี่จะมีผลดีกับเรามากกว่า” ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“จริงอยู่ว่าที่นี่คือใจกลางย่านธุรกิจ มีความพร้อมในหลายๆด้าน แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือพื้นที่อันจำกัด ซึ่งไม่สามารถขยับขยายใหญ่กว้างใหญ่ขึ้นได้อีกแล้ว มีทางเดียวคือต่อให้สูงขึ้น ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ได้ตอบโจทย์ที่เราต้องการสร้างศูนย์สรรพสินค้าที่ใหญ่ติดอันดับโลก” ผู้บริหารอีกคนแย้งขึ้น
“แต่นั่นมันหมายถึงว่าเราต้องระดมเงินทุนอีกมหาศาล”
“ที่ดินสวยๆในเมืองมีเยอะแยะ ทำไมเราต้องเอาโครงการของเราไปสร้างชานเมืองที่ห่างไกลผู้คนด้วย”
“แต่นั่นมันเป็นที่ดินเจ้าปัญหา ถ้าหากเราตัดสินใจที่จะเลือกที่ดินตรงนั้น ผมกลัวว่าจะเกิดคำครหา” พบกรันต์ตอบเพราะรู้ทันความคิดของผู้บริหารคนดังกล่าวดีว่าหมายถึงที่ดินผืนใด ซึ่งในกรุงเทพมหานครนี้ที่ดินผืนใหญ่ที่จะพัฒนาให้เป็นโครงการเมกะโปรเจ็คนี้มีไม่กี่ผืนเท่านั้น หากแต่การประชุมที่ดำเนินมามากกว่าสามชั่วโมงต้องหยุดชะงักลง เมื่อมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นและร่างกำยำของคำรบ ก็เดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน “ผมขอเวลานอกสักสิบนาที”
ทุกคนรู้ดีว่าหากไม่มีเรื่องด่วนที่สุด คำรบจะไม่กล้าเข้ามาขัดจังหวะในการประชุมลับนี้เป็นแน่ เมื่อผู้บริหารทุกคนทยอยออกไปจากห้องประชุมแล้วคำรบจึงรีบรายงานเจ้านายทันที
“เกิดเรื่องขึ้นจริงๆครับท่าน”
“เรื่องอะไร?” พบกรันต์ถาม ในขณะที่ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้คลึงขมับทั้งสองข้างของตัวเอง
“เมื่อคืนมีการทำลายข้าวของของพ่อค้าแม่ค้าในตลาด เมื่อกี้นี้ก็มีคนเมายาบ้าใช้มีดวิ่งไล่แทงชาวบ้านละแวกนั้นไปทั่ว แต่มันแปลกตรงที่ว่าชาวบ้านบอกว่าชายที่เมายา ไม่ใช่คนในชุมชนน่ะสิครับ ผมว่ามันแปลกๆ” คำรบรายงาน หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้คำรบต้องรีบรับสาย แล้วส่งต่อให้เจ้านายอย่างรวดเร็ว “คุณมุกดารินครับ”
“ครับ” พบกรันต์รับสายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น หากแต่นิ่งเงียบฟังปลายสายที่รายงานด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบทั้งรีบร้อนอยู่ในที ราวกับกลัวว่าจะมีบุคคลที่สามเข้ามาล่วงรู้ และมีเพียงเสียงรับคำสั้นๆหลุดลอดออกจากริมฝีปากบางเฉียบเท่านั้น
มุกดารินเหลือบสายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความหวาดระแวง สุดท้ายก่อนจะวางสายก็ยังหลุดปากเตือนด้วยความเป็นห่วง “คราวนี้พอลเอาจริงนะคะ เขามุ่งมั่นมากๆ”
หากพบกรันต์ก็รู้ดีว่าสิ่งที่หญิงสาวปลายสายต้องการจะสื่อสารนั้น บอกให้เขาได้รู้ว่าคราวนี้คู่แข่งทางธุรกิจของเขาของจะต้องกำชัยชนะเอาไว้เพียงอย่างเดียว “ครับ ขอบคุณมากนะมุก ดูแลตัวเองด้วย”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับสั้นๆ พบกรันต์ก็ส่งโทรศัพท์คืนให้กับคนสนิทและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเครียด “งานนี้พอลมันเอาจริง และเราก็พลาดไม่ได้เหมือนกัน คำรบ ติดต่อนายหน้าขายที่ผืนนั้น ฉันอยากได้!”
คำรบขวมดคิ้วมุ่นกับคำสั่งของเจ้านาย หากแต่รีบปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมาพบกรันต์ก็เรียกผู้บริหารระดับสูงเข้าประชุมต่อ ถกปัญหาที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่ทว่าความจริงแล้ว ซีอีโอหนุ่มแห่งแม็กซ์มอลล์มีคำตอบที่อยู่ในใจแล้วว่าเขาจะเลือกพัฒนาที่ดินผืนไหนให้เป็นศูนย์กลางห้างสรรพสินค้าติดอันดับโลก!
มุกดารินรับคำสั้นๆ หากน้ำเสียงอบอุ่นที่ได้รับนั้นทำให้หัวใจอันหนาวเหน็บอุ่นซ่าน แต่ก็รับรู้ได้เพียงชั่วขณะเพราะเสียงหัวเราะดังกระหึ่มของผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าทำให้จิตใจกระวนกระวายเพราะไม่เคยเห็นแววตามุ่งมั่น ตั้งใจเท่าครั้งนี้เลย
“ฮ่า... เธอทำได้ดีมากมุกดาริน ไม่เสียแรงที่ฉันทุ่มเงินมหาศาลซื้อตัวเธอมา” เฉินไป่เฉียงหรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในนาม พอล เฉิน นักธุรกิจเจ้าของห้างพอลการ์เดน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพอใจ “ตอนนี้ไอ้พบกรันต์มันคงคิดหนัก นอนเอาเท้าก่ายหน้าผาก มันจะระดุมทุนได้จากที่ไหนในเวลาอันรวดเร็วเพื่อมาพัฒนาที่ดินชานเมืองให้เป็นแหล่งช็อปปิ้งใหม่”
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะคะ จะไปหาแหล่งเงินทุนจากไหน ถึงจะมาสู้กับแม็กซ์มอลล์ได้” มุกดารินถามอย่างอยากรู้ พลางส่งแก้วบรั่นดีให้กับพอล เฉิน ที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาของฉันอีกต่อไปแล้ว เงินทุนมีพร้อม มากมายกว่าที่เธอจะคาดคิดนัก สิ่งที่เธอต้องทำก็คือทำให้ไอ้พบกรันต์มันเพลี่ยงพล้ำ หัวปั่น หลงกลไปกับบ่วงล่อที่ฉันวางไว้” พอล เฉิน ดื่มบรั่นดีในแก้วหมดรวดเดียวพลางกระดิกนิ้วเรียกมุกดารินให้เข้ามานั่งใกล้ๆ ด้วยท่าทีไร้มารยาท หากแต่มุกดารินก็ต้องยอมเดินเข้าสู้อ้อมกอดของเขาแต่โดยดี “หวังว่าจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”
“ค่ะ... แต่คุณก็คงต้องให้ฉันออกไปเจอเขาบ้าง เรื่องบางเรื่องพูดกันทางโทรศัพท์เขาไม่มีทางเชื่อแน่” มุกดารินบอกพร้อมกับรอยยิ้มท้าทาย หากแต่ปฏิกิริยาที่พอล เฉิน แสดงกลับมานั้นทำให้เธอถึงกับตัวแข็งทื่อ
ฝ่ามือใหญ่ที่โอบตรงช่วงเอวเลื่อนไปขยำบั้นท้ายงอนงามอย่างไม่เกรงใจ ตอบแทนรอยยิ้มท้าทายที่เธอมีให้ “เธออยากเจอมันเมื่อไหร่ก็ตามสบาย แต่อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกันว่าเธอยอมอ้าขาให้มันทับรอยฉัน เพราะฉันจะไม่เอาไว้ทั้งคู่”
มุกดารินเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ แต่ต้องสะกดกลั้นความรู้สึกแย่ๆนั้นไว้ลึกสุดใจ แสร้งยิ้มกลบเกลื่อนความอดสูใจ “ห้าปีที่ผ่านมา ฉันยังไม่ทำให้คุณไว้ใจอีกเหรอคะ”
พอล เฉิน หัวเราะเสียงดังกระหึ่มอย่างถูกใจ หากแต่ไม่นานก็เงียบกริบและพูดน้ำน้ำเสียงเยือกเย็น “มีคนเคยเตือนฉันว่า... ถ้าไม่อยากเสียการใหญ่ อย่าไว้ใจสตรี”
“ค่ะ... ฉันก็คงต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป”
“ช่าย... จงทำมันต่อไป” พอล เฉิน พูดพลางเอื้อมมือไปเชยคางมนขึ้นให้สบสายตากัน “ฉันจะบอกอะไรให้นะมุกดาริน ถ้าเธอตัดสายตาห่วงใยมันออกไปได้ เธอจะเรียกความมั่นใจจากฉันได้อีกมากโข”
จบคำพูดมุกดารินก็ต้องเผยอริมฝีปากรับกับจุมพิตที่หยาบกระด้าง เอาแต่ใจ สัมผัสตะกุมตะกรามที่ยุ่มย่ามอยู่บนเนื้อตัวตลอดระยะเวลาห้าปีที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้หญิงของพอล เฉิน นั้นมันช่างมีแต่ความรันทดใจ เสื้อผ้า ของใช้ราคาแพงที่รายล้อมรอบตัวหาได้ทดแทนความกักขฬะที่เกิดขึ้น!
“จำไว้นะมุกดาริน เธอคือผู้หญิงของฉันต่อให้ฉันเขี่ยเธอทิ้งเหมือนขยะโสโครกชิ้นหนึ่ง ไอ้พบกรันต์มันก็ไม่ก้มเก็บเธอขึ้นมาไว้ข้างกายเหมือนเดิมแน่ เพราะฉะนั้นเธอควรรู้ว่าจะเอาความจงรักภักดีมอบให้ใคร?” จบคำพูด พอล เฉิน ก็เดินออกจากห้องนอนใหญ่โดยไม่หันกลับมาสนใจร่างอวบอิ่มที่ทรุดตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง
มุกดารินกำมือแน่น เล็บที่จิกลงไปในฝ่ามือยังไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บเท่าคำพูดและกิริยาดูถูกเหยียดหยามที่ได้รับจากพอล เฉิน มาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องบอกกับตัวเองไว้ว่าเธอต้องเป็นคนจบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ในที่สุด แม้มันต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามเพราะทุกวันนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว จะแปลกอะไรหากต้องเสี่ยงทั้งชีวิตเพื่อแสวงหาโชค บางทีเธออาจจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ก็เป็นได้
ในขณะที่พอล เฉิน ยิ้มพรายให้กับเกมธุรกิจที่กำลังเริ่มขึ้นอย่างเต็มตัว หลายปีมานี้เขาต้องพ่ายแพ้ให้กับพบกรันต์ ซึ่งถ้าเทียบรุ่นกันแล้ว มันก็เป็นเพียงเด็กรุ่นใหม่ที่รับช่วงต่อจากบิดาเท่านั้น แต่ความประมาทเลินเล่อนี้ ทำให้ตลอดระยะเวลาสิบห้าปีที่ห่ำหั่นกันมา พอลการ์เดนไม่เคยที่จะเป็นหนึ่งเหนือแม็กซ์มอลล์เลย
ห้าปีที่แล้วพบกรันต์ใช้เล่ห์ทางธุรกิจเข้าซื้อที่ดินผืนใหญ่ตัดหน้าตนไปสร้างศูนย์การค้าครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศขึ้น เป็นเหตุให้พอลการ์เดน จนต้องพบกับภาวะตกต่ำถึงขีดสุด หนี้สินที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ต้องหันไปพึ่งแหล่งเงินทุนจากต่างชาติเข้ามาพัฒนาห้างพอล การ์เดนให้ทัดเทียมขึ้นมาจนมีลูกค้ามากขึ้น และจากนั้นมาตนก็บอกกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ใช้เพียงกลยุทธทางการตลาดต่อสู้กับพบกรันต์ เท่านั้น แต่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกอย่างจัดการอย่างไม่คำนึงถึงความถูกต้อง
มุกดารินก็เป็นหมากอีกตัวหนึ่งที่ซื้อมาเพื่อหักหน้าพบกรันต์เช่นกัน เพราะเธอเคยเป็นอดีตคู่รักของพบกรันต์ซึ่งถูกคุณหญิงศรีประไพกีดกัน พบกรันต์จึงส่งแฟนสาวให้ไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ด้วยความห่าง และความเหงา มุกดารินจึงใช้การพนันเป็นเพื่อนแก้เหงา นานวันเข้าเธอติดพนันหนี้สินล้นพ้นตัวจนหมดหนทางต้องขายตัวให้กับพอล เฉิน โดยที่มุกดารินนั้นไม่รู้มาก่อนเลยว่า คนที่ทำให้เธอติดการพนันเหมือนผีพนันเข้าสิงนั้นเป็นแผนการของพอล เฉิน ทั้งสิ้น
เพียงแค่ได้เห็นความโกรธของพบกรันต์ที่ไม่สามารถปกป้องคนรักของตัวเองได้ พอล เฉิน ก็พอใจยิ่งนัก และนั่นก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่เปิดสงครามชิงดีกันในทุกด้าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่พบกรันต์สนใจ เขาจะแย่งชิงมาเป็นของตัวเองให้ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้หญิง!
ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่ห้ำหั่นกันทางการตลาดอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น มันมีสาเหตุหลายอย่างประกอบกันขึ้นมา และดูเหมือนว่าความบาดหมางนี้นับวันจะบานปลาย ลุกลามใหญ่โต
ในห้องกองบรรณาธิการข่าวของสถานีช่องCAN กำลังพูดคุยถึงประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นสองวันติดกัน นั่นก็คือ เกิดเหตุนักเลงอันธพาลทำลายข้าวของในตลาดแห่งหนึ่งจนร้านค้าได้รับความเสียหาย วันต่อมาก็เกิดเหตุคนร้ายเมายาบ้าถือมีดไล่แทงช้าวบ้านร้านตลาดจนขวัญผวากันไปทั่ว
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นดูออกอย่างง่ายดายว่าเป็นส่วนหนึ่งของการไล่ที่ดิน แต่ยังไม่มีใครรู้ที่ไปที่มา หรือรายละเอียดอย่างชัดเจน และอีกปัญหาที่เกิดขึ้นกับกองบรรณาธิการข่าวตอนนี้ก็คือ นักข่าวภาคสนามเกิดตั้งครรภ์ และยังไม่สามารถหานักข่าวมาแทนที่ของเธอได้
“ข่าวด่วนครับ” จู่ๆ เสียงห้าวของนักข่าวคนหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคนให้ไปยังแหล่งกำเนิดเสียงด้วยความสนใจ
“ด่วนยังไง รีบว่ามาเลย?” ชาตรี โปรดิวเซอร์เอ่ยถาม
“จากการลงพื้นที่ เราสืบทราบมาว่าที่ดินผืนนี้เตรียมพร้อมที่จะขาย เพื่อสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยและใหญ่ติดอันดับโลก ปัญหาก็คือ เรายังไม่รู้ว่าห้างไหนซื้อที่ดินผืนนี้?”
“ข่าวนี้เชื่อถือได้มากแค่ไหน?” ชาตรีถาม
“เชื่อถือได้แน่นอนครับ เขาเป็นพ่อค้าที่ขายของในตลาด แต่โชคดีที่ไม่ได้มีบ้านอยู่ในบริเวณนั้น ก็เลยกล้าที่จะเล่าให้ผมฟัง แต่ถ้าไปถามกับชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนนั้นไม่มีใครกล้าพูดหรอกครับ เหมือนยังลังเล บางคนก็ว่าถ้าย้ายออกแต่โดยดีก็จะได้ค่าชดเชยก้อนโต บางคนก็ว่าผู้นำชุมชนจะริบเงินชดเชยไว้คนเดียว ตอนนี้ในชุมชนนั้นจึงแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่รู้จะฟังความข้างไหนครับ”
ชาตรียืนกอดอกฟังลูกน้องของตนเล่าอย่างพิจารณา “เอาล่ะ เรามีงานชิ้นใหม่ให้ทำ เป้าหมายของเราแคบลงมาก แต่ก็ยังถือว่าคลุมเครือ ยังไม่มีความชัดเจนเท่าที่ควร”
โปรดิวเซอร์ข่าวสมองอัจฉริยะ เดินไปยังไวท์บอร์ดที่ติดไว้ข้างผนัง “เรามีเป้าหมายอยู่สองกลุ่ม หนึ่ง... คุณพบกรันต์แห่งแม็กซ์มอลล์ สอง... คุณพอลแห่งพอลการ์เดน ถ้าหากรู้ความเคลื่อนไหวของคนทั้งสองนี้ เราอาจจะรู้ว่าใครมีแนวโน้มที่จะซื้อที่ดินผืนนั้น”
“แปลว่าเราต้องส่งนักข่าวออกติดตามสองคนนี้อย่างนั้นเหรอคะ?” กิ๊บซี่ถามด้วยหน้าตาตื่นตระหนกเพราะไม่บ่อยนักที่นักข่าวจะออกตามสืบชีวิตของใครคนหนึ่งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัว
“นั่นคือความเสี่ยงอย่างมากเพราะถ้าหากสองคนนี้รู้ตัว พวกเราอาจตกที่นั่งลำบากเพราะถือว่ากำลังละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นจะต้องรอบคอบ อย่าทำอะไรวู่วาม ผมจะแบ่งนักข่าวออกเป็นสามทีม ทีมแรกติดตามคุณพบกรันต์ ทีมที่สองติดตามคุณพอล ทีมที่สามจับตาดูที่ชุมชนนั้นอย่างใกล้ชิด แต่ละทีมจะมีนักข่าวภาคสนามและช่างภาคทำงานร่วมกัน และทุกทีมต้องติดต่อกับทีมที่สามตลอดเวลา” ชาตรีสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว
“แต่จะหาใครมาแทนจารุพรล่ะครับ?” ชัยรัตน์ช่างภาพถามขึ้นทันที
“น้ำผึ้งค่ะ” เสียงหวานของอลินธิดาดังขึ้นอบ่างหนักแน่น ทำให้สายตาหลายคู่หันไปจ้องมองที่เธอ “น้ำผึ้งขอทำงานนี้นะคะ”
“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากให้ทำนะ แต่น้ำผึ้งมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบล้นมืออยู่แล้ว” ชาตรีปฏิเสธ แต่ด้วยสายตาและสีหน้าที่ไม่เห็นด้วยของครีเอทีฟสาว ทำให้ชาตรีต้องขอเวลานอก เรียกอลินธิดาเข้าไปคุยในห้องทำงานเป็นการส่วนตัว
หลังจากที่ประตูห้องปิดสนิทลง อลินธิดาก็เปิดฉากเข้าประเด็นของตัวเองทันที “ให้น้ำผึ้งทำงานนี้เถอะนะคะ ทุกคนก็มีงานล้นมือกันอยู่แล้ว แต่งานของน้ำผึ้งก็ลงตัวจะเหลือก็แค่การอ่านข่าวพยากรณ์ที่ต้องทำทุกวัน”
“ก็นั่นแหละ แล้วเลิกคิดถึงเรื่องที่จะมีคนมาอ่านข่าวพยากรณ์อากาศแทนไปได้เลยนะ เพราะตอนนี้คนดูกำลังติดกับภาพของน้ำผึ้ง” ชาตรีแย้ง
“เราแก้ปัญหาโดยการบันทึกเทปไว้ก่อนก็ได้นี่คะ มันก็แค่ระยะสั้นๆอาจจะไม่ถึงสัปดาห์หรืออย่างมากก็ไม่น่ายืดเยื้อไปเป็นเดือน ยังไงเสียการไล่ที่พวกนี้ ถ้ารุนแรงมากขึ้น ตำรวจก็ต้องเข้ามาสืบสวนอยู่แล้วถึงตอนนั้นก็คงทำอะไรรุนแรงไม่ได้”
“แล้วทำไมถึงได้อยากทำงานนี้จัง” ชาตรีถามอย่างสงสัย
“บ้านน้ำผึ้งอยู่แถวนั้นค่ะ”
“จริงเหรอ?” ชาตรีถามเสียงสูง
“ค่ะ... ห่างกันแค่สองซอยเอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา น้ำผึ้งไปจ่ายตลาดยังถามกับแม่ค้าอยู่เลยว่าทำไมพ่อค้าแม่ขายถึงได้นัดกันปิดร้านเสียหมด ก็ได้คำตอบมาว่าถูกนักเลงหัวไม้ทำลายข้าวของ ที่ดินผืนนี้แปลงใหญ่ อยู่กลางเมืองราคาคงไม่ต้องพูดถึงน่าจะแพงมหาโหด แต่ได้ยินแม่ค้าบอกว่าที่ดินผืนนี้ขายต่อไปได้เป็นปีแล้วนะคะ”
“โอ้โห... รายงานพี่ละเอียดยิบอย่างนี้ นี่แปลว่าพี่ต้องให้น้ำผึ้งทำงานนี้ใช่ไหม” ชาตรีส่ายหน้าอย่างยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าครีเอทีฟสาวพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มดีใจ “งั้นพี่คงต้องฝากเนื้อฝากตัวกับน้ำผึ้งหน่อยแล้ว แถวบ้านจะมีห้างหรูไปสร้างเผื่อจะขายบ้านเป็นเศรษฐีนีมั่ง อย่าลืมเอาเงินมาให้พี่กู้บ้าง”
อลินธิดาหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินเช่นนั้น “นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณแม่รักบ้านหลังนี้มาก น้ำผึ้งคงขายแล้วกอดเงินไว้ล่ะค่ะ รู้สึกว่าด้านหลังของที่ดินจะติดกับรั้วบ้านของน้ำผึ้งเลยนะคะ คิดว่าต้องรอเอาที่ดินเปล่าตรงนี้เข้าไปด้วย”
“แต่ตอนนี้ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าใครจะเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้”
“พูดอย่างนี้แปลว่าพี่ชาตรีอนุญาตให้น้ำผึ้งทำข่าวนี้แล้วใช่ไหมคะ?” อลินธิดาถามด้วยความตื่นเต้น
“ช่าย... พี่จะปฏิเสธเราได้ยังไง แต่ถ้าพี่หานักข่าวภาคสนามคนใหม่ได้เมื่อไหร่ น้ำผึ้งต้องถอยออกมาแล้วมาทำหน้าที่เดิมของตัวเองโดยไม่มีข้อต่อรอง โอเค้?...”
“รับทราบ ไม่มีปัญหาเลยค่า...”
“เอ่อ... น้ำผึ้ง แล้วจะมีปัญหาอะไรไหม ถ้าน้ำผึ้งต้องอยู่ทีมหนึ่งตามข่าวของคุณพบกรันต์” ชาตรีซึ่งอยู่ในแวดวงสื่อสารมวลชน ทำไมจะไม่เคยได้ยินว่าทั้งคู่เคยคบหากันอยู่พักหนึ่ง และไม่อยากให้เกิดปัญหาที่นักข่าวเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันกับเรื่องงาน
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ พี่ชาตรีไว้ใจน้ำผึ้งได้นะคะ ตอนนี้อาจจะไม่มั่นใจในคำพูดของน้ำผึ้งนักแต่ผลงานจะเป็นเครื่องการันตีคำพูดเองค่ะ” อลินธิดารับปากด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น มุ่นมั่นซึ่งทำให้โปรดิวเซอร์มือทองพยักหน้ารับ และออกไปด้านนอกอีกครั้งพร้อมกับการจ่ายงานให้นักข่าวทั้งสามทีมได้ออกไปสืบหาความจริง
ราวชั่วโมงต่อมาอลินธิดาและชัยรัตน์เป็นทีมสุดท้ายที่ออกจากสถานีเพราะอลินธิดาต้องบันทึกเทปรายงานข่าวพยากรณ์อากาศเพื่อออกอากาศในตอนเย็นนี้ให้เสร็จเสียก่อน
“ขอโทษที่ทำให้ต้องเสียเวลาไปเป็นชั่วโมงนะคะ” อลินธิดาเอ่ยคำขอโทษเพื่อนร่วมทีม เมื่อขึ้นมานั่งบนรถยนต์คันเล็กของชัยรัตน์ที่ตกลงกันไว้ว่าจะใช้รถยนต์ของเขาเป็นพาหนะ เพราะคันเล็ก สะดวกกว่าใช้รถยนต์ของอลินธิดาซึ่งเป็นรถรุ่นท็อปของยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากๆ
“โอ๊ย... ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เอาอย่างนี้ดีกว่าเรามาทำความรู้จักกันใหม่เพราะเราต้องทำงานด้วยกันอย่างนี้ไปอีกหลายวัน เรียกผมสั้นๆว่าชัยก็ได้ ผมอายุยี่สิบเก้าปี ไม่รู้ว่าเป็นพี่หรือเป็นน้องคุณน้ำผึ้ง” ชัยรัตน์บอกพลางเคลื่อนรถของตัวเองออกจากลานจอดรถของสถานี
“อายุเท่ากันค่ะ ปีนี้น้ำผึ้งก็ยี่สิบเก้า อ้อ... เรียกน้ำผึ้งเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องมีคุณหรอกค่ะ” อลินธิดาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“งั้นเรามาเป็นเพื่อนกัน มีอะไรบอกกล่าวตักเตือนกันได้ ไม่ว่า ไม่โกรธกัน เพื่องานที่สำเร็จลุล่วง” จบคำพูดชัยรัตน์ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ไม่นานอลินธิดาก็ใช้มือของตัวเองตบเข้าที่ฝ่ามือของเพื่อนร่วมงานอย่างรู้อกรู้ใจ
“เพื่องานที่สำเร็จลุล่วง ลุย!” อลินธิดาชี้นิ้วไปข้างหน้าอย่างฮึกเหิม เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงให้เกิดขึ้นภายในรถ ทั้งยังทำให้ผู้ชายอย่างชัยรัตน์ที่คิดว่า หญิงสาวข้างๆก็มีมุมที่ดูลุยๆ มากกว่าที่จะทำงานในห้องส่งเพียงอย่างเดียว
ชั่วโมงต่อมาทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงสำนักงานใหญ่ของกลุ่มธึรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าหรูเช่นกัน
“ต้องวนรถขึ้นไปดักรอที่ชั้นหก เพราะชั้นเจ็ดเป็นที่จอดรถของผู้บริหาร เขาคงไม่ให้เราขึ้นไปได้ง่ายๆ” ชัยรัตน์บอกพลางรับบัตรจอดรถยนต์จากพนักงานรักษาความปลอดภัยเหมือนกับลูกค้าทั่วไปของห้างสรรพสินค้าแม็กซ์มอลล์ ไม่กี่นาทีต่อมาก็สามารถหาที่จอดรถอันเหมาะเจาะได้ เพราะขณะนี้ทั้งคู่หันหน้าเข้ายังตำแหน่งที่รถยนต์ทุกลงมาจากชั้นเจ็ดทุกคันต้องแล่นผ่าน
“เอาล่ะ... ทุกอย่างพร้อม หวังว่าวันนี้เราคงไม่คว้าน้ำเหลว เพราะคุณพบกรันต์ออกไปข้างนอกก่อนหน้านี้แล้วนะ”
อลินธิดายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “เพิ่งจะห้าโมงเศษๆเอง ซีอีโอธุรกิจใหญ่ขนาดนี้คงไม่เลิกงานเร็วเหมือนพนักงานทั่วไปหรอกน่า...”
“ปลอบใจกันไป” ชัยรัตน์ว่ายิ้มๆพลางหันหน้ามาสบสายตากับเพื่อนร่วมทีมข้างๆ “งานแบบนี้ของหากินประจำกายคงต้องทิ้งไว้ในรถก่อน”
อลินธิดามองตาสายตาของชัยรัตน์ไปยังเบาะหลังซึ่งมีกล้องวางอยู่ รูปแบบและลักษณะอันโดดเด่นของมันเมื่อแบกขึ้นบนบ่า คนทั่วไปย่อมรู้ว่าเขาคือนักข่าว งานนี้จึงต้องพึ่งกล้องจากโทรศัพท์มือถือล้วนๆ “เดี๋ยวนี้กล้องจากโทรศัพท์ถ่ายภาพได้ชัดเจน ที่สำคัญมันยังส่งภาพบุคคลที่เราสงสัยไปให้พี่ชาตรีได้รวดเร็ว”
คำพูดของอลินธิดาทำให้ชัยรัตน์ขมวดคิ้ว ถามอย่างเดาความคิดเธอได้ไม่ยาก “นี่อย่าบอกนะว่าคุณจะตามเก็บภาพคุณพบกรันต์ไปทุกที่ ทำอย่างนั้นมันเสี่ยงมากเลยนะ ถ้าเขารู้เข้ามันจะทำให้พวกเราซวยกันไปใหญ่”
“ฉันจะทำมันอย่างระมัดระวังที่สุด และจะไม่ทำให้ส่วนรวมเดือดร้อนแน่ค่ะ” อลินธิดากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนคนทักท้วงพยักหน้ารับด้วยความจนใจ หากเวลาผ่านไปถึงสามชั่วโมงเต็ม นักข่าวทั้งสองก็หันมามองหน้ากันโดยบังเอิญ
“ผมว่าวันแรกนี้เราต้องคว้าน้ำเหลวแน่ๆ” ชัยรัตน์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เสบียงที่ซื้อมากักตุนไว้ในรถก็หมดลงแล้ว เหลือเพียงน้ำเปล่าคนละขวดเท่านั้น
“ขออีกชั่วโมงเดียว ถ้าสามทุ่มตรงรถของเขายังไม่ออกมา แปลว่าวันนี้เราคว้าน้ำเหลว พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกันใหม่ สงสัยเราต้องหาแหล่งข่าวสักหน่อยแล้วว่าตารางเวลาของเขาต้องเดินทางไปไหนมาไหนบ้าง” อลินธิดาบอกพลางหันไปมองแสงไฟของรถยนต์คันหนึ่งที่กำลังเคลื่อนตัวลงมาอย่างรวดเร็ว
เบนท์ลี่ย์คันงามสีดำวาววับกำลังแล่นผ่านหน้าไปด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก และทั้งคู่ก็จำได้เป็นอย่างดีว่านี่คือพาหนะของซีอีโอหนุ่มที่นั่งรอเขามาเป็นเวลาสามชั่วโมงเต็ม!
“โชคเข้าข้างเราแล้วน้ำผึ้ง” ชัยรัตน์บอกพลางเข้าเกียร์เดินหน้า ตามรถยนต์คันหรูไปห่างๆ ทันที
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ย. 2558, 20:13:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ย. 2558, 20:13:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 1075
<< ตอนที่ 7 100% | ตอนที่ 9 100% >> |