รักครั้งใหม่ ใจดวงเดิม
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 7
บทที่ 7
พสุธาทั้งอึ้งและตกใจ เมื่อจู่ ๆ คนที่บุกรุกห้องนอนของเขาก็เป็นลมล้มไปกองอยู่บนพื้น หลังจากสบถอย่างหัวเสีย ชายหนุ่มจึงอุ้มร่างบอบบางที่หมดสติขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน
หลังจากวางคนเป็นลมลงบนเตียง ชายหนุ่มก็เดินไปห้องน้ำเพราะตั้งใจจะไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเรียกสติให้กับหญิงสาว
ทว่า เมื่อเดินเข้าไปเพียงครู่แล้วเปิดประตูออกมา พสุธาก็เห็นว่าคนเป็นลมฟื้นขึ้นมาแล้ว และยังทำท่าเหมือนจะย่องออกไปจากห้องของเขาเสียด้วย
“หายแล้วหรือ”
เมื่อเห็นคนที่เขาทักมีอาการสะดุ้งก่อนยืนนิ่งเหมือนกลายเป็นหุ่น ชายหนุ่มจึงเดินไปหยุดลงตรงหน้า ก่อนหรี่ตามองใบหน้าเซียวของหญิงสาวอย่างจะประเมิน
“นอกจากเธอจะเป็นลมง่ายและเร็วแล้ว ยังหายได้รวดเร็วยิ่งกว่าซะอีกนะ”
เพราะยืนอยู่ใกล้กัน พสุธาจึงเห็นชัดถึงปฏิกิริยาของหญิงสาวหลังจากเขาตั้งข้อสังเกต
ดวงตาสีน้ำตาลวูบไหวราวกับคนมีชนักในใจ ก่อนจะทำให้เขายิ่งสงสัยด้วยการหลบตา
“ฉัน...เวลาตกใจ ชอบเป็นลมน่ะ”
พสุธาทำเสียงรับรู้ในลำคอ แต่ในใจนับเวลารอว่าหญิงสาวจะพูดอะไรออกมาอีก หลังจากเขาจงใจใช้ความเงียบและสายตาจับจ้องเป็นการกดดัน ไม่ถึงนาทีชายหนุ่มก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“แล้วฉันก็หายได้เอง ง่าย ๆ และรวดเร็วอย่างที่คุณเห็นนั่นล่ะ”
ชายหนุ่มยังทำเสียงสั้น ๆ ในลำคอแต่ไม่พูดอะไร กระทั่งหญิงสาวทำท่าจะเดินผ่านเขาไปเปิดประตูห้อง
“เธอยังไม่ตอบฉันเลย ว่าเข้ามาทำอะไรในห้องของฉัน”
ถึงตอนนี้พสุธาก็เห็นว่ามือของเหมือนดาวที่กำลังจะยื่นไปแตะลูกบิดนั้นออกอาการสั่น ยิ่งหญิงสาวเอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมหันกลับมามอง ชายหนุ่มก็เริ่มหงุดหงิดจนหลุดอารมณ์ออกไปทางน้ำเสียงเข้มจัด
“ถ้าไม่ตอบ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ออกไปจากห้องนี้!”
คราวนี้ไม่เพียงแค่มือ เพราะพสุธาเห็นว่าตัวของเหมือนดาวก็กำลังสะท้านราวกับเหน็บหนาว ทั้งที่เขาก็ยังไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ
“ฉะ...ฉันมัวคิดอะไรเพลิน มารู้ตัว...ตอนที่เข้ามาในห้องของคุณแล้ว”
เจ้าของห้องที่ถูกบุกรุกทำแค่เลิกคิ้วแต่ไม่พูด เพราะอยากรู้ว่าหญิงสาวจะหาคำพูดอะไรมาแก้ต่างให้กับตัวเองอีก แต่รอแล้วรอเล่าเขาก็เห็นเพียงอาการก้มหน้าของเธอ จนในที่สุดต้องถอนหายใจ
“ไปซะ”
ดูเหมือนนั่นจะเป็นสิ่งที่เหมือนดาวรอมานานแล้ว เพราะทันทีที่พูดจบหญิงสาวก็เปิดประตูแล้วพาตัวเองหายไปจากสายตาของเขา
ทันทีที่ออกมายืนอยู่หน้าประตู เหมือนดาวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
“เกือบแย่แล้วไหมล่ะ”
หญิงสาวตบอกเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมหัวใจที่ยังเต้นกระหน่ำ หากไม่วายหันไปมองบานประตูห้องที่ถูกปิด
ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อเธอหรือเปล่า
เหมือนดาวนึกกังวล ความนิ่งเฉยของพสุธาทำให้เธอไม่อาจคาดเดาความรู้สึก โดยเฉพาะเมื่อเธอกลัวจนไม่กล้าสบตา
หลังจากปล่อยเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงสาวก็ปลุกปลอบใจตัวเองให้เข้มแข็ง หากเมื่อคิดจะเดินกลับไปห้องของตัวเองจังหวะนั้นประตูห้องของชายหนุ่มก็พลันเปิดออก
ใจที่เพิ่งปลุกปลอบเริ่มเสียขวัญกับการเผชิญหน้ากันอีกครั้ง หญิงสาวทำใจดีสู้เสือด้วยการยิ้มให้แต่ต้องเผลอร้องอย่างตกใจเมื่อถูกชายหนุ่มดึงตัวไปกอด กำลังจะอุทธรณ์ก็ถูกอีกฝ่ายชิงปิดปากด้วยริมฝีปากของเขา
“ค่าเช่าบ้านของวันนี้”
เหมือนดาวได้แต่ยืนอึ้งเบิกตากว้างอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าของบ้านที่เพิ่งเก็บค่าเช่าไปหยก ๆ จะดึงประตูปิดกั้นทุกอย่างจากสายตาของเธอไปนานแล้วก็ตาม
เช้าวันรุ่งขึ้น เหมือนดาวก็ได้พบกับพายัพ เมื่อคุณหมอหนุ่มแวะมาหาพสุธา ซึ่งมาทีหลังปลายฟ้าเพียงไม่กี่นาที
“ผมชื่อพายัพครับ เป็นหมอที่รักษาคุณตอนไม่สบาย”
เหมือนดาวนึกแปลกใจ เพราะชายหนุ่มที่มีความสูงกว่า 170 เซนติเมตรที่กำลังยืนยิ้มกระจ่างอยู่ตรงหน้าไม่ได้สวมแว่นตาและไม่ได้มีผิวขาวอย่างที่เธอเคยวาดภาพไว้ ดวงตาสีดำนอกจากไม่ได้มีแว่นสายตามาปกปิดแล้วผิวขอเขายังค่อนไปทางคล้ำด้วยซ้ำ
“สวัสดีค่ะ ดาวยังไม่ได้ขอบคุณหมอเลยที่กรุณารักษาดาว”
คุณหมอผิวคล้ำเพียงแต่ยิ้มให้เธอโดยไม่พูดอะไร แต่เหมือนดาวก็ยังเห็นว่าพายัพเหลือบตามองไปยังเพื่อนรักแวบหนึ่งแล้วทำหน้าเหมือนไม่สบายใจ
“ว่าแต่ คุณเลขาทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ”
คำถามนั้นทำให้เหมือนดาวต้องมองตามสายตาของอีกฝ่าย จึงเห็นว่าปลายฟ้ากำลังชักสีหน้าไม่พอใจ
“ฉันก็แวะมากินข้าวเช้าที่นี่นะสิ คุณนั่นล่ะ เป็นหมอไม่ใช่หรือ มาป้วนเปี้ยนอะไรที่บ้านคนอื่น ทำไมไม่ไปรอรักษาคนไข้ที่คลินิกของตัวเอง”
“หมอก็คนนะคุณ ต้องกินข้าวเหมือนกัน และเหตุผลที่มาที่นี่ก็เหมือนกับคุณนั่นล่ะ ชอบกินข้าวบ้านคนอื่นมากกว่าบ้านของตัวเอง”
ดูเหมือนคำตอบของพายัพจะทำให้ปลายฟ้ายิ่งไม่พอใจเมื่อดูจากแววตาวาววับราวกับจะเอาเรื่อง แต่คุณหมอผิวคล้ำก็ยังทำเหมือนไม่สะทกสะท้านเมื่อยังยิ้มกว้างจนปลายฟ้าต้องเป็นฝ่ายสะบัดหน้าหนี
ดูท่าคุณหมอคนนี้จะชอบยั่วโมโห ส่วนญาติของเธอก็รู้สึกว่าจะโมโหง่ายด้วยสิ
เหมือนดาวคิดอย่างนึกขำ ก่อนรีบหุบยิ้มเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาดุ ๆ ของเจ้าบ้านหนุ่ม
ส่วนคนนี้ก็ไม่รู้เป็นไง ชอบทำหน้าเหมือนจะกินคนอื่นอยู่เรื่อย
หลังจากค่อนขอดเจ้าของบ้าน เหมือนดาวจึงเดินเข้าไปประจำที่นั่งของเธอ ในขณะที่อีกหนึ่งหนุ่มและหนึ่งสาวก็ดูเหมือนพร้อมใจกันพักรบชั่วคราวเมื่อต่างฝ่ายต่างเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ
ตลอดมื้ออาหารนั้น พสุธายิ่งเงียบกว่าที่เคย ถ้าไม่ได้พายัพคอยชวนคุย ก็ดูท่าบรรยากาศอาจกร่อยจนน่าอึดอัด
เมื่อเหลือเธอเพียงคนเดียว หลังจากทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานของแต่ละคน เหมือนดาวก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อหวนนึกถึงการชวนคุยของพายัพ หรือจะเรียกให้ถูกน่าจะเป็นการตอแยเสียมากกว่า
และคนที่ถูกตอแย ก็ไม่ใช่อื่นไกลแต่เป็นปรายฟ้าที่ดูท่าจะไม่ชอบหน้าคุณหมอผิวคล้ำนัก
จากการลอบสังเกตตอนอยู่ในห้องอาหาร เหมือนดาวก็ได้ข้อสรุปว่าพายัพคงชอบยั่วโมโหปรายฟ้าจริง ๆ เพราะเวลาเห็นญาติของเธอมีทีท่ากระฟัดกระเฟียด ชายหนุ่มกลับหัวเราะได้อย่างชอบอกชอบใจ
ก็เหลือแต่ปลายฟ้านั่นล่ะที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ค่อยชอบคุณหมอคนนี้
หลังจากลอบมองคนที่ทำเหมือนจดจ่อสมาธิอยู่กับการขับรถได้ครู่ใหญ่ ปลายฟ้าก็ตัดสินใจถามในสิ่งที่เธอสงสัย
“ทำไมคุณดินถึงยอมให้ดาวพักที่บ้านคะ”
ถึงไม่มีการเหลือบแลมาจากคนที่ยังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ แต่ปลายฟ้าก็เชื่อว่าคำพูดของเธอมีผลต่อพสุธาเมื่อดูจากมือของชายหนุ่มที่กำพวงมาลัยรถแน่นขึ้นกว่าเดิม
แต่ความเงียบหลังจากนั้นก็นานพอที่จะทำให้หญิงสาวถอดใจ ดังนั้นเมื่อจู่ ๆ พสุธาก็พูดขึ้นมา ปลายฟ้าจึงทั้งแปลกใจและงุนงง
“เพราะผมอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง และที่สำคัญผมไม่ได้ให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ฟรี”
“พิสูจน์”
ปลายฟ้าทวนคำอย่างนึกฉงน จนอดใจไม่ได้ต้องตั้งคำถาม
“คุณดินจะพิสูจน์อะไรคะ”
แม้คำถามของเธอไม่ได้รับคำตอบ แต่ปลายฟ้าก็ยังไม่ยอมแพ้เมื่อตั้งกระทู้ถามอีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“แล้วที่บอกว่าไม่ได้ให้อยู่ฟรี หมายความว่าคุณดินคิดค่าเช่าบ้านกับดาวหรือคะ”
ดูเหมือนคราวนี้คำถามของเธอจะดึงความสนใจของพสุธาได้บ้างเมื่อดูจากการที่เขายอมละสายตาจากท้องถนนแล้วหันมามองเธอแวบหนึ่ง รอยยิ้มจาง ๆ ตรงมุมปากของเขาทำให้ปลายฟ้านึกเอาเองว่าสิ่งที่เธอคิดไว้คงไม่ผิด
แต่...
ปลายฟ้าเหลือบมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนนิ่วหน้าเพราะความไม่สบายใจที่เริ่มก่อตัว
คงดีกว่านี้ ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ได้เห็นว่าในแววตาของเขาเหมือนแฝงวี่แววบางอย่างที่ทำให้เธอนึกกลัวและ...ไม่ไว้ใจ
-------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
คุณเดิมเดิม ต้องดูกันต่อไปค่ะว่าจะใช่อย่างที่คิดรึเปล่า
พสุธาทั้งอึ้งและตกใจ เมื่อจู่ ๆ คนที่บุกรุกห้องนอนของเขาก็เป็นลมล้มไปกองอยู่บนพื้น หลังจากสบถอย่างหัวเสีย ชายหนุ่มจึงอุ้มร่างบอบบางที่หมดสติขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน
หลังจากวางคนเป็นลมลงบนเตียง ชายหนุ่มก็เดินไปห้องน้ำเพราะตั้งใจจะไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเรียกสติให้กับหญิงสาว
ทว่า เมื่อเดินเข้าไปเพียงครู่แล้วเปิดประตูออกมา พสุธาก็เห็นว่าคนเป็นลมฟื้นขึ้นมาแล้ว และยังทำท่าเหมือนจะย่องออกไปจากห้องของเขาเสียด้วย
“หายแล้วหรือ”
เมื่อเห็นคนที่เขาทักมีอาการสะดุ้งก่อนยืนนิ่งเหมือนกลายเป็นหุ่น ชายหนุ่มจึงเดินไปหยุดลงตรงหน้า ก่อนหรี่ตามองใบหน้าเซียวของหญิงสาวอย่างจะประเมิน
“นอกจากเธอจะเป็นลมง่ายและเร็วแล้ว ยังหายได้รวดเร็วยิ่งกว่าซะอีกนะ”
เพราะยืนอยู่ใกล้กัน พสุธาจึงเห็นชัดถึงปฏิกิริยาของหญิงสาวหลังจากเขาตั้งข้อสังเกต
ดวงตาสีน้ำตาลวูบไหวราวกับคนมีชนักในใจ ก่อนจะทำให้เขายิ่งสงสัยด้วยการหลบตา
“ฉัน...เวลาตกใจ ชอบเป็นลมน่ะ”
พสุธาทำเสียงรับรู้ในลำคอ แต่ในใจนับเวลารอว่าหญิงสาวจะพูดอะไรออกมาอีก หลังจากเขาจงใจใช้ความเงียบและสายตาจับจ้องเป็นการกดดัน ไม่ถึงนาทีชายหนุ่มก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“แล้วฉันก็หายได้เอง ง่าย ๆ และรวดเร็วอย่างที่คุณเห็นนั่นล่ะ”
ชายหนุ่มยังทำเสียงสั้น ๆ ในลำคอแต่ไม่พูดอะไร กระทั่งหญิงสาวทำท่าจะเดินผ่านเขาไปเปิดประตูห้อง
“เธอยังไม่ตอบฉันเลย ว่าเข้ามาทำอะไรในห้องของฉัน”
ถึงตอนนี้พสุธาก็เห็นว่ามือของเหมือนดาวที่กำลังจะยื่นไปแตะลูกบิดนั้นออกอาการสั่น ยิ่งหญิงสาวเอาแต่ยืนนิ่งไม่ยอมหันกลับมามอง ชายหนุ่มก็เริ่มหงุดหงิดจนหลุดอารมณ์ออกไปทางน้ำเสียงเข้มจัด
“ถ้าไม่ตอบ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ออกไปจากห้องนี้!”
คราวนี้ไม่เพียงแค่มือ เพราะพสุธาเห็นว่าตัวของเหมือนดาวก็กำลังสะท้านราวกับเหน็บหนาว ทั้งที่เขาก็ยังไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ
“ฉะ...ฉันมัวคิดอะไรเพลิน มารู้ตัว...ตอนที่เข้ามาในห้องของคุณแล้ว”
เจ้าของห้องที่ถูกบุกรุกทำแค่เลิกคิ้วแต่ไม่พูด เพราะอยากรู้ว่าหญิงสาวจะหาคำพูดอะไรมาแก้ต่างให้กับตัวเองอีก แต่รอแล้วรอเล่าเขาก็เห็นเพียงอาการก้มหน้าของเธอ จนในที่สุดต้องถอนหายใจ
“ไปซะ”
ดูเหมือนนั่นจะเป็นสิ่งที่เหมือนดาวรอมานานแล้ว เพราะทันทีที่พูดจบหญิงสาวก็เปิดประตูแล้วพาตัวเองหายไปจากสายตาของเขา
ทันทีที่ออกมายืนอยู่หน้าประตู เหมือนดาวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
“เกือบแย่แล้วไหมล่ะ”
หญิงสาวตบอกเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมหัวใจที่ยังเต้นกระหน่ำ หากไม่วายหันไปมองบานประตูห้องที่ถูกปิด
ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อเธอหรือเปล่า
เหมือนดาวนึกกังวล ความนิ่งเฉยของพสุธาทำให้เธอไม่อาจคาดเดาความรู้สึก โดยเฉพาะเมื่อเธอกลัวจนไม่กล้าสบตา
หลังจากปล่อยเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงสาวก็ปลุกปลอบใจตัวเองให้เข้มแข็ง หากเมื่อคิดจะเดินกลับไปห้องของตัวเองจังหวะนั้นประตูห้องของชายหนุ่มก็พลันเปิดออก
ใจที่เพิ่งปลุกปลอบเริ่มเสียขวัญกับการเผชิญหน้ากันอีกครั้ง หญิงสาวทำใจดีสู้เสือด้วยการยิ้มให้แต่ต้องเผลอร้องอย่างตกใจเมื่อถูกชายหนุ่มดึงตัวไปกอด กำลังจะอุทธรณ์ก็ถูกอีกฝ่ายชิงปิดปากด้วยริมฝีปากของเขา
“ค่าเช่าบ้านของวันนี้”
เหมือนดาวได้แต่ยืนอึ้งเบิกตากว้างอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าเจ้าของบ้านที่เพิ่งเก็บค่าเช่าไปหยก ๆ จะดึงประตูปิดกั้นทุกอย่างจากสายตาของเธอไปนานแล้วก็ตาม
เช้าวันรุ่งขึ้น เหมือนดาวก็ได้พบกับพายัพ เมื่อคุณหมอหนุ่มแวะมาหาพสุธา ซึ่งมาทีหลังปลายฟ้าเพียงไม่กี่นาที
“ผมชื่อพายัพครับ เป็นหมอที่รักษาคุณตอนไม่สบาย”
เหมือนดาวนึกแปลกใจ เพราะชายหนุ่มที่มีความสูงกว่า 170 เซนติเมตรที่กำลังยืนยิ้มกระจ่างอยู่ตรงหน้าไม่ได้สวมแว่นตาและไม่ได้มีผิวขาวอย่างที่เธอเคยวาดภาพไว้ ดวงตาสีดำนอกจากไม่ได้มีแว่นสายตามาปกปิดแล้วผิวขอเขายังค่อนไปทางคล้ำด้วยซ้ำ
“สวัสดีค่ะ ดาวยังไม่ได้ขอบคุณหมอเลยที่กรุณารักษาดาว”
คุณหมอผิวคล้ำเพียงแต่ยิ้มให้เธอโดยไม่พูดอะไร แต่เหมือนดาวก็ยังเห็นว่าพายัพเหลือบตามองไปยังเพื่อนรักแวบหนึ่งแล้วทำหน้าเหมือนไม่สบายใจ
“ว่าแต่ คุณเลขาทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ”
คำถามนั้นทำให้เหมือนดาวต้องมองตามสายตาของอีกฝ่าย จึงเห็นว่าปลายฟ้ากำลังชักสีหน้าไม่พอใจ
“ฉันก็แวะมากินข้าวเช้าที่นี่นะสิ คุณนั่นล่ะ เป็นหมอไม่ใช่หรือ มาป้วนเปี้ยนอะไรที่บ้านคนอื่น ทำไมไม่ไปรอรักษาคนไข้ที่คลินิกของตัวเอง”
“หมอก็คนนะคุณ ต้องกินข้าวเหมือนกัน และเหตุผลที่มาที่นี่ก็เหมือนกับคุณนั่นล่ะ ชอบกินข้าวบ้านคนอื่นมากกว่าบ้านของตัวเอง”
ดูเหมือนคำตอบของพายัพจะทำให้ปลายฟ้ายิ่งไม่พอใจเมื่อดูจากแววตาวาววับราวกับจะเอาเรื่อง แต่คุณหมอผิวคล้ำก็ยังทำเหมือนไม่สะทกสะท้านเมื่อยังยิ้มกว้างจนปลายฟ้าต้องเป็นฝ่ายสะบัดหน้าหนี
ดูท่าคุณหมอคนนี้จะชอบยั่วโมโห ส่วนญาติของเธอก็รู้สึกว่าจะโมโหง่ายด้วยสิ
เหมือนดาวคิดอย่างนึกขำ ก่อนรีบหุบยิ้มเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาดุ ๆ ของเจ้าบ้านหนุ่ม
ส่วนคนนี้ก็ไม่รู้เป็นไง ชอบทำหน้าเหมือนจะกินคนอื่นอยู่เรื่อย
หลังจากค่อนขอดเจ้าของบ้าน เหมือนดาวจึงเดินเข้าไปประจำที่นั่งของเธอ ในขณะที่อีกหนึ่งหนุ่มและหนึ่งสาวก็ดูเหมือนพร้อมใจกันพักรบชั่วคราวเมื่อต่างฝ่ายต่างเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ
ตลอดมื้ออาหารนั้น พสุธายิ่งเงียบกว่าที่เคย ถ้าไม่ได้พายัพคอยชวนคุย ก็ดูท่าบรรยากาศอาจกร่อยจนน่าอึดอัด
เมื่อเหลือเธอเพียงคนเดียว หลังจากทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานของแต่ละคน เหมือนดาวก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อหวนนึกถึงการชวนคุยของพายัพ หรือจะเรียกให้ถูกน่าจะเป็นการตอแยเสียมากกว่า
และคนที่ถูกตอแย ก็ไม่ใช่อื่นไกลแต่เป็นปรายฟ้าที่ดูท่าจะไม่ชอบหน้าคุณหมอผิวคล้ำนัก
จากการลอบสังเกตตอนอยู่ในห้องอาหาร เหมือนดาวก็ได้ข้อสรุปว่าพายัพคงชอบยั่วโมโหปรายฟ้าจริง ๆ เพราะเวลาเห็นญาติของเธอมีทีท่ากระฟัดกระเฟียด ชายหนุ่มกลับหัวเราะได้อย่างชอบอกชอบใจ
ก็เหลือแต่ปลายฟ้านั่นล่ะที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ค่อยชอบคุณหมอคนนี้
หลังจากลอบมองคนที่ทำเหมือนจดจ่อสมาธิอยู่กับการขับรถได้ครู่ใหญ่ ปลายฟ้าก็ตัดสินใจถามในสิ่งที่เธอสงสัย
“ทำไมคุณดินถึงยอมให้ดาวพักที่บ้านคะ”
ถึงไม่มีการเหลือบแลมาจากคนที่ยังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ แต่ปลายฟ้าก็เชื่อว่าคำพูดของเธอมีผลต่อพสุธาเมื่อดูจากมือของชายหนุ่มที่กำพวงมาลัยรถแน่นขึ้นกว่าเดิม
แต่ความเงียบหลังจากนั้นก็นานพอที่จะทำให้หญิงสาวถอดใจ ดังนั้นเมื่อจู่ ๆ พสุธาก็พูดขึ้นมา ปลายฟ้าจึงทั้งแปลกใจและงุนงง
“เพราะผมอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง และที่สำคัญผมไม่ได้ให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ฟรี”
“พิสูจน์”
ปลายฟ้าทวนคำอย่างนึกฉงน จนอดใจไม่ได้ต้องตั้งคำถาม
“คุณดินจะพิสูจน์อะไรคะ”
แม้คำถามของเธอไม่ได้รับคำตอบ แต่ปลายฟ้าก็ยังไม่ยอมแพ้เมื่อตั้งกระทู้ถามอีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“แล้วที่บอกว่าไม่ได้ให้อยู่ฟรี หมายความว่าคุณดินคิดค่าเช่าบ้านกับดาวหรือคะ”
ดูเหมือนคราวนี้คำถามของเธอจะดึงความสนใจของพสุธาได้บ้างเมื่อดูจากการที่เขายอมละสายตาจากท้องถนนแล้วหันมามองเธอแวบหนึ่ง รอยยิ้มจาง ๆ ตรงมุมปากของเขาทำให้ปลายฟ้านึกเอาเองว่าสิ่งที่เธอคิดไว้คงไม่ผิด
แต่...
ปลายฟ้าเหลือบมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนนิ่วหน้าเพราะความไม่สบายใจที่เริ่มก่อตัว
คงดีกว่านี้ ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ได้เห็นว่าในแววตาของเขาเหมือนแฝงวี่แววบางอย่างที่ทำให้เธอนึกกลัวและ...ไม่ไว้ใจ
-------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบให้กันค่ะ
คุณเดิมเดิม ต้องดูกันต่อไปค่ะว่าจะใช่อย่างที่คิดรึเปล่า
กัณฐกา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ย. 2558, 10:48:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ย. 2558, 10:48:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 979
<< บทที่ 6 |
เดิมเดิม 7 ก.ย. 2558, 08:49:02 น.
ปรายฟ้ามีหวังอะไรในตัวคุณดินแน่ๆ
ปรายฟ้ามีหวังอะไรในตัวคุณดินแน่ๆ