CEO ชำนาญรัก Inlove Book (ลวงเทพบุตรรัก,ปรารถนารักเทพบุตรต้องห้าม)
เขาเป็นอาจารย์พิเศษ ฉฉลาดจนกรดต้องเรียกพี่ มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อ หยิ่งยโส จอมไว้ตัว ผู้ชายสมบูรณ์แบบเจ้าเสน่ห์ และ... อีกหนึ่งความลับ เขาคือโฮสต์!
Tags: โรมานซ์, ฟีลกู๊ด, คู่กัด, อีวอนน์,มัตติกา

ตอน: Chapter 5 ข้อตกลงใหม่



“นี่จาปายหนาย คู้ณ-ณ-ณ จะพาช้านปายหนาย ม่ายไปนะ ช้านจากลับบ้าน!”

มัตติกาหรี่ตามองคนวุ่นวายรัดเข็มขัดให้เธอก่อนหน้านี้อย่างยากลำบาก เมื่อไม่ได้รับคำตอบกลับมา อาการหนักๆที่หัวทำให้เธอรวบรวมสติได้ไม่เต็มที่ แต่กระนั้นปากก็ยังไม่ด้อยประสิทธิภาพ เมื่อตอนนี้มันยังพอเอ่ยคำถามออกมาได้... แต่บางครั้งมันก็กลายเป็นคำพูดกวนประสาท

“เปนใบ้ไง”

คนเมาบ่นอ้อแอ้ และทำให้คนที่เพิ่งขับรถออกมาเหลียวมองด้วยหางตา

“อยู่เงียบๆ นี่เมาจริงหรือเมาหลอกทำไมถึงได้พูดมากนัก”

“เมาจริง!” คนเมามองตาขวางโวยเสียงดัง “แต่ช้านจำด้าย ไม่พูดก็คือไม่พูด”

หญิงสาวหมุนตัวไปหาคนขับ แต่ความผะอืดผะอมก็ตีตื้นขึ้นมากะทันหัน มัตติกายกมือขึ้นปิดปาก เสียงอึกอักทำให้ชายหนุ่มเบือนสายตามามอง ก่อนจะต้องตาเหลือกเมื่อสาวเจ้าโก่งคอทำท่าว่าจะกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว กับไอ้อาการอยากอาเจียนเต็มแก่ และ... ก็ไม่ทันตามคาด

“ยัยผู้หญิงบ้านี่!”

อีวอนน์หัวเสียหลังอีกฝ่ายขย้อนเอาของในท้องออกมากองอยู่แถวๆต้นขาเขา แถมมันยังเปรอะไปทั่วพื้นรถคันหรู ส่วนคนอ้วกนั้นทำคอด๊อกแด๊กกลับไปเอนพิงพนักเบาะของตน มิหนำยังทำท่าถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหมดฤทธิ์เอาดื้อๆ ปล่อยให้ชายหนุ่มหงุดหงิดและเหลียวมองด้วยแววตาคาดโทษอยู่เนืองๆ

ราวยี่สิบนาทีอีวอนน์ก็ขับรถมาถึงบราวน์วิลล่า อาคารรูปทรงตัวยูริมแม่น้ำโปโตแมกซ์ ชายหนุ่มวนรถลงไปจอดที่ชั้นใต้ดินซึ่งเป็นที่จอดรถส่วนตัวของเขา

ที่นั่นพนักงานรักษาความปลอดภัยยกมือทำเคารพ แล้วรีบกุลีกุจอมาเปิดประตูรถให้เจ้านายหนุ่ม ด้านหลังเป็นเอรอสยืนรออย่างสงบ มหาเศรษฐีหนุ่มทำหน้าปุเลี่ยนเมื่อก้าวออกมา พร้อมกับกลิ่นและคราบที่เลอะตั้งแต่สีข้างลงไปจนถึงต้นขา คนสนิทของเขามีสีหน้าฉงน ในขณะที่ยามตีหน้าไม่ถูกเพราะกลิ่นที่โชยเข้าจมูก

“เอารถไปจัดการให้เรียบร้อยด้วย”

ชายหนุ่มเอ่ยบอกสั้นๆก่อนก้าวยาวๆไปยังประตูรถอีกฝั่ง และบุ้ยปากเป็นทำนองให้เอรอสเดินตามมา เขาก้มลงแล้วช้อนอุ้มคนเมาขึ้นมาไว้ในวงแขน ออกเดินเร็วๆตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัว

“เข้าใจใช่ไหม อย่าพูดมาก”

รปภ.ที่กำลังจะนำรถไปจัดการรับคำทันที เมื่อคุ้นตากับเจ้านายหนุ่มที่ชอบหิ้วสาวกลับบ้านยามค่ำคืน เอรอสมองตามไฟท้ายรถหรูที่ค่อยห่างออกไป ก่อนเดินแกมวิ่งตามหลังเจ้านาย เขาเข้าไปทันพอดีกับที่อีวอนน์กำลังเดินเข้าลิฟต์ ราวห้านาทีที่ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ สองคนที่ยังมีสติเต็มเปี่ยมกับอีกหนึ่งที่หลับไม่รู้เหนือรู้ใต้ก็มาถึงชั้นบนสุด

ทางเดินเป็นพรมสีน้ำเงิน ผนังกระจกทางด้านซ้ายส่องให้เห็นภาพวิวของจอร์จทาวน์ได้เกือบทั้งหมด เอรอสสาวเท้าไปเปิดประตูบานใหญ่ ส่วนอีวอนน์อุ้มร่างบางผลุบหายเข้าไป ก่อนตรงไปทิ้งคนตัวเล็กลงบนโซฟายาว

เพนต์เฮ้าส์ที่นี่ใช้พื้นที่ดาดฟ้าของตัวตึกเกือบทั้งหมด เพราะรวมทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนหย่อมขนาดกลางไว้สำหรับพักผ่อนและจัดปาร์ตี้ส่วนตัวในบางครั้ง โถงกว้างด้านล่างไม่มีผนังแต่ใช้การเล่นระดับพื้นแทน ชั้นสองด้านบนเป็นห้องนอน ห้องแต่งตัว และห้องทำงานของอีวอนน์

“ฉันจะไปอาบน้ำ”

ชายหนุ่มบอกกับเลขาฯของตน ก่อนเหลือบมองคนหลับไม่รู้เรื่อง

“ส่วนยัยนี่ไว้ค่อยกลับมาจัดการทีหลัง หลับไปแล้วคงไม่โวยวายอะไรขึ้นมาอีกหรอก”

“เอกสารอยู่ในห้องทำงานครับคุณเอฟ”

“ขอบใจมาก นายรอฉันนิดขอไปเปลี่ยนเสื้อก่อน ตอนนี้ฉันเหม็นไอ้กลิ่นอ้วกนี่แทบจะบ้าตายแล้ว!”

นายหนุ่มบ่นอย่างหัวเสีย ส่วนเอรอสกลั้นยิ้มแทบแย่เหลียวมองผู้หญิงคนเดียวในที่นี้

เลขาหนุ่มค่อยผ่อนลมหายใจแล้วจึงทรุดลงนั่งยังโซฟาเดี่ยว มองตามแผ่นหลังกว้างของเจ้านายที่เห็นเดินขึ้นบันไดไปอย่างว่องไวพลางนึกขำ เพราะไม่รู้ว่าอีวอนน์โชคร้าย หรือว่าผู้หญิงคนนี้โชคดีกันแน่ที่ได้มาเจอกัน

ราวครึ่งชั่วโมงเจ้าของเพนต์เฮ้าส์ก็เดินลงตามขั้นบันไดไม้แกะสลัก ผมที่เซ็ตเป็นทรงเปียกแนบศีรษะ มีผ้าขนหนูวางพาดบนบ่า ชายหนุ่มสวมเพียงกางเกงขายาวเนื้อดีสีดำ เผยแผงอกกว้างบึกบึน ในมือข้างหนึ่งมีปึกเอกสารถือติดมาด้วย เอรอสซึ่งนั่งรออยู่บนชุดโซฟาสีครีมของหลุยส์ผุดลุกขึ้นยืน

อีวอนน์เดินช้าๆมาหยุดลงตรงหน้าเลขาหนุ่ม แล้ววางปึกกระดาษที่ถือมาด้วยลงบนโต๊ะ เหลือบตามองคนหลับซึ่งยังอยู่ในสภาพเดิม แล้วจึงเดินเอื่อยๆไปยังผนังกระจก มองออกไปยังสวนหย่อมด้านนอก

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังใช้ความคิดหันมาบุ้ยใบ้ให้คนสนิทรับ เลขาหนุ่มเดินไปหยิบโทรศัพท์ พอยกขึ้นแนบหูเท่านั้น เสียงโวยจากปลายสายก็ดังลั่น จนเขาต้องดึงโทรศัพท์ออกห่าง

“ไอ้เวรเอฟ แกก่อเรื่องอะไรไว้อีกวะ!”

“คุณคลินท์ นี่ผมเอรอสครับ”

สุภาพบุรุษอังกฤษปลายสายที่น๊อตหลุด นิ่งไปพักก่อนกระแอมเบาๆ

“เอฟอยู่นั่นใช่ไหมเอรอส ขอฉันพูดกับเอฟหน่อย”

เอรอสทำตามและอีวอนน์ก็รับมาด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย

“โทร.มาทำไมดึกดื่นวะ ไหนบอกว่าเป็นผู้ดีอังกฤษเก่า แต่ทำไมไม่รู้จักเกรงใจชาวบ้าน”

“เกรงใจกับผีน่ะสิ บอกมาแกไปก่อเรื่องอะไรไว้ที่คลับ” เสียงบ่นงึมงำฟังไม่ชัดดังคลอทำให้คนยิ้มนิดๆ พอรู้ว่าตอนนี้ผู้เป็นเพื่อนอยู่กับใคร

“คลินท์ ถ้ายังจัดการธุระบนเตียงไม่เสร็จ แกจะโทร.มาทำบ้าอะไร ฉันไม่ชอบเซ็กซ์โฟนว่ะ”

คลินตันสบถอีกหน ส่วนสีหน้าคนฟังระบายด้วยรอยยิ้มท่าทางพออกพอใจ

“นายไปฉุดใครออกมาจากคลับของฉัน รู้ไหมเพื่อนเพื่อนเธอกำลังทำให้คลับฉันวุ่นวาย ไอ้ผู้จัดการมันไม่มีปัญญาทำให้สาวสาวพวกนั้นเงียบได้ จนต้องโทร.หาเลขาฉัน แล้วฉันก็ต้องมานั่งฟังเธอบ่นจนหูชาไปหมดแล้วเนี่ย” ประโยคต่อมา เสียงดังห่างออกไป “นี่แม่คุณกำลังจะจัดการให้ เธอเป็นเลขาฯ หรือเป็นแม่ฉันเนี่ย!”

อีวอนน์หลุดหัวเราะเสียงดัง เพราะคลินตันดันมีเลขาฯจอมจู้จี้หนึ่งคน แม่สาวคนนั้นตามติดเสมอเมื่อมีเรื่องงาน ความจริงผู้เป็นเพื่อนเขาร่ำๆจะไล่ออก แต่มันติดอยู่นิดเดียว คือแม่เลขาคนนี้เป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ก็เท่านั้น

“เอาน่าขอเวลาฉันคืนหนึ่ง นายจัดการให้ทีคลินตัน ทำยังไงก็ได้ให้พวกนั้นเลิกโวยวาย คลับนายจะได้กลับมาเป็นปกติเสียที โอเคนะ... งั้นเท่านี้ละ หวังว่าแม่เลขาของนายจะจัดการได้เหมือนเคย”

“เอฟ... ไอ้!” อีวอนน์กดตัดสายก่อนจะได้ยินคำสบถมากกว่านั้น

ชายหนุ่มหน้าระรื่นเมื่อได้เอาคืนเพื่อนตัวแสบ พลางสั่งให้เอรอสดึงสายโทรศัพท์ออก ก่อนเลขาฯหนุ่มจะหันมาถามถึงเรื่องของผู้หญิงตรงหน้า “คุณเอฟจะทำยังไงกับเธอครับ”

“แล้วนายว่าฉันควรทำไงดี”

เอรอสกลอกตา ใจจริงอยากบอกว่าอีวอนน์กำลังทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทว่าก็พูดไม่ออก เพราะเจ้านายเขาห่วงหน้าตามากกว่าสิ่งอื่นใด ภาพลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งที่อีวอนน์รักมากกว่าทุกอย่าง และจะไม่ยอมให้มีจุดดำด่างพร้อยเกิดบนภาพพจน์ที่สร้างมา

“เสนอเงินให้เธอสักก้อน แล้วทำสัญญาไว้ฉบับหนึ่งดีไหมครับ”

อีวอนน์พยักหน้ารับ แต่แล้วก็ชะงัก “เรื่องเงินไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่เธอกำลังจะเจอ อาจทำให้เธอตัดสินใจขายข่าวของฉันให้กับสำนักข่าวใดสำนักข่าวหนึ่งเพื่อแลกเงิน”

“คงไม่มั้งครับ”

“อย่าเพิ่งแน่ใจไปนักเอรอส ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดบนโลกใบนี้” พูดจบเสียงโทรศัพท์มือถือของเลขาหนุ่มก็ดังขัดขึ้น อีวอนน์หมุนตัวกลับมามอง

“ถ้าคลินตันไม่ต้องรับหรอก”

“ครับ... แต่” เอรอสหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตขึ้นมาดู แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คุณคริสตินโทร.มาครับ”

เท่านั้นเจ้านายหนุ่มก็ได้แต่กลอกตาไปมา ส่วนเลขาหนุ่มกดรับและทำได้แค่ฟัง

“เอรอส ขอสายอีวอนน์หน่อย โทรศัพท์เขาเป็นอะไรนะ ทำไมติดต่อยากเย็นจริง”

เสียงหวานที่ได้ยินค่อนข้างห้วน บ่งว่าเจ้าหล่อนเป็นคนค่อนข้างถือตัว

คริสติน่า โอลอนเดอร์ คือผู้หญิงที่พยายามวิ่งไล่ตามอีวอนน์มาหลายปี เพียงแต่เขาไม่สนใจเท่านั้น แต่เจ้าหล่อนก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หลายครั้งหลายหนเพียงแค่มีภาพที่ยืนคุยกัน ในวันต่อมาหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับจะลงไปในทำนองเดียวกันว่า เซเลบริตี้สาวดีไซเนอร์กับมหาเศรษฐีหนุ่มอย่างดอกเตอร์บราวน์กำลังคบหากัน

แต่ท่าทีเฉยชาไม่สนใจของอีวอนน์ก็ทำให้ข่าวนั่นกลายเป็นแค่ข่าวโคมลอย

“คุณเอฟค่อนข้างไม่สบายครับคุณคริสติน ตอนนี้หลับไปแล้วและผมเองกำลังจะกลับ”

เอรอสกระตุกยิ้มเมื่อเปิดสปีกเกอร์โฟน ส่วนอีวอนน์กลอกตาไปมาท่าทางเบื่อหน่ายหลังได้ยินประโยคต่อมาของสาวเจ้า ที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ

“ตายจริง ถ้าเขาไม่สบายแบบนี้ต้องมีคนคอยดูแลนะ เอาละ งั้นฉันจะไปดูเขาเอง ว่าแต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ในดี.ซี. หรือว่าจอร์จทาวน์” ดอกเตอร์หนุ่มโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ แถมยังทำท่าเชือดคอตัวเองเสียอีกด้วย แม้จะขบขันกับท่าทางขยาดของเจ้านาย แต่เอรอสก็ยังรักษาน้ำเสียงให้ราบเรียบไว้ได้เป็นอย่างดี

“คุณเอฟไม่ต้องการให้ใครรบกวนในตอนนี้ครับ”

ปลายสายเมื่อได้ฟังก็เสียงเขียวขึ้นทันที

“ว่าไงนะ นี่ฉันคริสติน่า ทำไมจะต้องมาห้าม!”

“เอ่อเรื่องนี้คงต้องถามคุณเอฟเป็นการส่วนตัวครับคุณคริสติน” เอรอสขัดขึ้นก่อนหูจะชา และร่ายยาวโดยไม่เปิดโอกาสให้เจ้าหล่อนได้พูด “แต่ตอนนี้จนถึงมะรืนคุณเอฟไม่ต้องการให้ใครมารบกวนจริงๆ ต้องขอโทษด้วยที่ต้องเรียนตรงๆ และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับคุณคริสติน่า”

อีวอนน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้าท่าทางบอกว่าโล่งอกโล่งใจ หลังเอรอสตัดบทได้ดีเช่นเคย

“เธอรู้ว่าฉันกลับมาแล้ว และถ้าแค่จะควานหาตัวฉันคืนนี้คงไม่ยาก เอรอสสั่งยามห้ามให้คริสติน่าขึ้นมาที่นี่เป็นอันขาด อ๋อ สั่งเพิ่มยาม.ด้วยอีกคนให้เฝ้าลิฟต์ไว้ และจนกว่าจะมีคำสั่งฉันให้จัดการปิดลิฟต์ไม่ให้ใช้งานได้ ถ้าขืนปล่อยให้คริสติน่าขึ้นมาที่นี่ได้แม้แต่ก้าวเดียว บอกไว้เลยว่าจะต้องมีการเปลี่ยนรปภ.ยกชุดแน่ๆ!”

เลขาหนุ่มรับคำ แล้วหัวข้อสนทนาก็กลับมายังเรื่องของมัตติกาอีกครั้ง อีวอนน์ทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่แล้วบอก

“นอกจากเงิน สัญญา ฉันว่าฉันมีวิธีการจัดการไม่ให้ผู้หญิงคนนี้พูดมากได้แล้วละ”

เอรอสยังคงงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก และอีวอนน์ก็ไม่ได้อธิบาย เขาแค่ยิ้มร้ายๆ

“เรื่องนี้ต้องขอบคุณคริสตินละนะ หึหึ”




เธอปวดหัว มันปวดมากจริงๆนะ ปวดหนึบๆเหมือนมีอะไรถ่วงอยู่ข้างในกะโหลกเลยทีเดียว

มัตติกาปรือตาขึ้นเมื่อโดนแสงแดดส่อง ก่อนหลุบเปลือกตาลงอีกครั้งพลางทอดถอนใจ หญิงสาวพลิกตัวหนีแสงจ้านั่น แล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมคิดจะหลับต่อ แต่แล้วก็ให้รู้สึกแปลกๆ เธอทำจมูกฟุดฟิดเมื่อกลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นที่คุ้นเคย มือเรียวดึงผ้าห่มลงช้าๆ หยีตามองผนังแปลกตา สีน้ำเงินเข้มไม่ใช่สีในห้องนอนของเธอ และผ้าห่มก็ไม่ใช่สีเขียวอ่อนที่คุ้นตา

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ความทรงจำเลือนๆไม่ค่อยแม่นทำให้เธอระแวง

มัตติกา... จำได้แต่ว่าเมื่อคืน หลังจากรับปากว่าจะไม่พูดเรื่องของอีวอนน์ เธอก็กลับไปหามิรันด้า เธอดื่มหนัก... และหลังจากนั้นก็... เลือนๆลางๆ จะจำได้บ้างก็คือ เธออ้วกใส่... ใครไม่รู้ ก่อนจะหลับไป

ร่างเล็กมองสำรวจห้องที่ไม่คุ้นตา ซึ่งดูกว้างขวางมากกว่าห้องพักในอพาร์ตเมนต์ของเธอเป็นสามเท่า ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินขาว ข้าวของเครื่องใช้ดูมีราคา

มันไม่ใช่ห้องพักของเธอ ไม่ใช่ห้องที่บ้านของมิรันด้าหรือเพื่อนคนใดคนหนึ่ง แล้วที่นี่มันที่ไหน!

ความคิดในทางร้ายๆ ทำให้หญิงสาวรีบยกผ้าห่มสำรวจตัวเอง และเธอก็เห็นว่าใต้ความอบอุ่นนั้น ร่างกายเธอมีเพียงชั้นในตัวน้อยสองตัวจิ๋วๆ แล้วเดรสที่เธอสวมเมื่อคืนนี้ล่ะ มันหายไปไหน!!

เสียงก๊อกแก๊กหน้าประตูส่งผลให้ร่างบางสะดุ้งโหยง มือเรียวรีบยึดผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นคลุมตัว ตามองเขม็งไปยังบานประตูด้วยใจระทึก เมื่อมันกำลังถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงกำยำของผู้ชายที่สวมเพียงกางเกงนอนตัวเดียว เกาะหมิ่นๆอยู่ขอบสะโพกผมเผ้ายุ่งเหยิงก้าวเข้ามา!

“อ้าว ตื่นแล้วนี่นา ก็ดีจะได้คุยกันให้มันจบๆไป”

อีวอนน์บอกเรียบเรื่อย ท่าทางเขาเหมือนยังไม่ตื่นดีเมื่อเดินอาดๆมาทรุดลงนั่งยังปลายเตียง ชายหนุ่มยืดตัวตรงขยับตัวแก้ปวดเมื่อย แล้วจึงได้หันกลับมามองคนตัวเล็กด้านหลังซึ่งอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดรอดหลุดออกมา เขายิ้มขำแล้วขยับขึ้นไปบนเตียง ดีดนิ้วต่อหน้าเธอ

“เฮ้ ตีตี้ที่รัก หายใจได้แล้ว”

“คะ...คะ...คุณ!”

สติที่หลุดไปชั่วขณะกลับเข้าสู่ร่างบางในตอนนั้น นิ้วชี้เรียวราวกับลำเทียนชี้ไปยังผู้ชายซึ่งอยู่บนเตียงเดียวกับเธอ

“เมื่อคืนสนุกนะว่าไหม” อีวอนน์ส่งยิ้มยียวน แล้วแกล้งทรุดตัวลงนอนตะแคง เท้าข้อศอกกับที่นอนนุ่ม พลางยกมือขึ้นปิดปาก แถมด้วยการไล้มือลงมาตามลำคอ ผ่านอกกำยำ ลงไปตามซิกแพ็กตัวเอง และ... ต่ำลงไปจนถึงขอบกางเกงและทำท่าว่าจะไปไกลมากกว่านั้น ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงแหวดังลั่น

“คุณมัน... คนบ้ากามโรคจิต คน!”

หญิงสาวหลับตาปี๋ เพราะเขาขยับจะเลื่อนมือต่ำลงไปตามไรขนหน้าท้องที่เห็นรำไร ส่วนคนแกล้งหัวเราะชอบใจ อีวอนน์ขยับลุกขึ้นนั่ง จ่อหน้าเข้าไปชิดในระยะที่ลมหายใจอุ่นๆจะรินรดอยู่แถวหน้าผากของเธอ

“ทูนหัว ด่า-สา-มี มันไม่ดีนะรู้ไหม”

“ถะ...ถอยออกไปห่างๆนะอีตาบ้า คุณมันคนฉวยโอกาส ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!”

ใบหน้าหวานซีดเผือด เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคืน เธอกับเขา และเตียงนี้ มัตติกาได้แต่สะอื้นในอกลึกๆ เพราะไม่คิดว่าต้องมาสูญเสียสิ่งที่หวงแหนไปง่ายๆ เพียงเพราะความมึนเมาของตัวเอง และความโชคร้ายที่ต้องมาเจอกับผู้ชายเห็นแก่ตัว ร้ายกาจอย่างอีวอนน์ เอส. บราวน์ คนนี้

นี่แหละที่เขาเรียกกันว่าหน้าเนื้อใจเสือ!

หญิงสาวกัดริมฝีปากและลืมตาขึ้น ทั้งๆที่สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายนั่งหายใจรดกันตรงนี้ มือเล็กกำหมัดแน่นก่อนทุบลงบนบ่าหนาของคนตรงหน้า เล็บแม้จะสั้นแต่เมื่อกางออกแล้วข่วนลงกับอกกว้าง ก็ทำให้เจ้าของอกแกร่งถึงกับนิ่วหน้า

นั่นแค่จิบๆ มันแค่โหมโรงเนื่องจากต่อมาเป็นชุดใหญ่!

มัตติกาไม่โวยวาย แต่เธอใช้กำลังเอากับเขาเต็มที่ และฤทธิ์จากฝ่ามือบางนั้นก็ใช่ย่อย อีวอนน์ที่กำลังโดนประทุษร้ายเลยต้องกำข้อมือเล็กทั้งสองข้างยึดไว้มั่น ดึงร่างเล็กให้เข้ามาหาแทบจะเกยอยู่บนตัก ร่างแบบบางสั่นเพราะแรงสะอื้นจากภายใน ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ดวงตามองตอบอย่างไม่ยอมแพ้

“นี่ฟังก่อนได้ไหมแม่คุณ”

ดอกเตอร์หนุ่มพยายามจะอธิบาย เมื่อรู้ตัวว่าเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิงตรงหน้ามากไป

“ยังจะต้องฟังอะไรอีกหรือไง คุณมันคนฉวยโอกาส เป็นผู้ชายเลวๆที่มีอยู่เกลื่อนถนนเหมือนข้างนอกนั่น!”

ถ้อยปรามาสดังลั่น มัตติกากลืนก้อนสะอื้นลงคอ พยายามดิ้นรนหนีจากพันธนาการ

“กับอีแค่การเจอคุณในคลับนั่น คุณถึงกับต้องทำแบบนี้เลยเหรอ ฉันไม่สนว่าผู้หญิงคนอื่นจะสนุกจะชอบแค่ไหนกับการตื่นขึ้นมาแล้วอยู่กับคุณบนเตียง แต่ฉันมันไม่ใช่! ...ฉันไม่ใช่ ฮือ”

เพียงเท่านั้นน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลริน สองมือเล็กที่กำหมัดทุบคลายออกอย่างอ่อนล้า มัตติกาก้มหน้าสะอึกสะอื้น หยดน้ำตาไหลเผาะๆจนยากจะห้าม เธอไม่สนว่าตอนนั้นอยู่ในสภาพไหน เพราะกำลังจมอยู่ในอารมณ์สูญเสียจนเกินบรรยาย และสุดท้ายคือก่นด่าตัวเองที่ไม่ปฏิเสธการไปคลับกับมิรันด้า

จริงสิ... มิรันด้าไม่มีทางปล่อยให้เธอมากับเขาง่ายๆแน่ มันจะต้องมีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ช้อยส์เอ มิรันด้ากับเพื่อนอีกสามคนของเธอถูกมอมเหล้าและพามาด้วย

ช้อยส์บี พวกหล่อนอาจจะถูกวางยานอนหลับและแน่นอนต้องพามาด้วย

ช้อยส์ซี หรือว่า...

มัตติกาเบิกตาโต

หมอนี่นอกจากล่วงเกินเธอแล้ว ยังหลอกเอาเพื่อนอีกสี่คนของเธอมาบำเรอเขาด้วย!!

โอ๊ย! น่ารังเกียจ น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว อีตาดอกเตอร์หื่นกามจอมลวงโลกนี่ โด๊ปโด่ไม่รู้ล้มเข้าไปหรือไง อี๋แบบนี้วิปริตชัดๆ คนอะไรมีเซ็กส์กับผู้หญิงได้ในคืนเดียวตั้งห้าคน!

ไม่ไหวแล้ว ถึงจะไม่เคยตบใคร แต่ขอทีเถอะ!

พอคิดได้มือก็ไปตามทันที และเสียงที่ได้ยินก็คือ “เพี้ยะ!”

“โอ๊ย!” อีวอนน์หน้าหัน แสบแปลบๆที่ข้างแก้ม แต่แรกที่รู้สึกผิดหลังเห็นน้ำตาของหญิงสาว ตอนนี้เขาชักโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว ดอกเตอร์หนุ่มเบือนหน้ากลับมามองคนตัวเล็ก และได้พบกับมัตติกาที่มองเขาอยู่พร้อมกับยิ้มสะใจ แต่พอเลื่อนสายตาต่ำลงไป ชายหนุ่มก็ผิวปากหวือ

อารมณ์เขาดีขึ้นมาทันตา จนถึงขั้นยกยิ้มมุมปากกรุ้มกริ่ม ดวงตาพราวระยับขึ้นมาทันใด

แหม... วิวระยะนี้สวยดี!

มัตติกาฉงนสงสัยกับท่าทางที่เปลี่ยนไปกะทันหันของอีวอนน์ ดวงตาสีดำฉ่ำน้ำถลึงมองอย่างเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวเลยมองตามสายตาของเขา และได้รู้ในตอนนี้เองว่า ผ้าห่มที่เธอใช้ปิดบังร่างกายหล่นลงไปกองที่เอว เผยให้เห็นความงามของทรวงสล้าง

หญิงสาวอ้าปากค้าง แต่เช่นเดิม... ไม่มีเสียงกรี๊ด เพราะเกิดมามัตติกากรี๊ดไม่เป็น!

“ว่าไหม คุณนี่ซ่อนรูปกว่าที่คิดนะ โอ๊ย!”

มือเรียวแม้เล็กแต่ตบเจ็บฟาดเข้าให้ที่ข้างแก้มซ้ำอีกรอบ แล้วมันก็ตามมาอีกหลายฉาด

“โอ๊ย! โอ๊ย! นี่แม่คุณมันเจ็บนะ ตีตี้!”

อีวอนน์ซึ่งหายจากตะลึง หลังโดนตบไปหลายรอบร้องห้าม และยึดข้อมือเรียวไว้แต่ไม่สำเร็จ ชายหนุ่มจึงจับร่างเล็กนอนหงายลงกับเตียง ก่อนฉกริมฝีปากลงไปประกบเข้ากับริมฝีปากของเธอ เพราะหญิงสาวยังพยศไม่เลิก

มัตติกาเบือนหน้าหนีแต่ไม่สำเร็จ ริมฝีปากบางเฉียบยังตามรุกไล่ไม่เลิกรา เธอเม้มปากแน่นมือยังพยายามประทุษร้ายผู้ชายร้ายกาจตรงหน้า ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือแข็งแรงเลื่อนขึ้นมาสัมผัสหน้าอกเธอ

มันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงแต่... เธอคล้ายถูกไฟช็อต ร่างกายอ่อนเปลี้ยไปหมด

เมื่อแรงกายเริ่มถดถอย มัตติกาก็คิดจะหันมาใช้ฝีปากต่อสู้แทน แต่แค่เผยอออกจะพูด นั่นกลับเป็นโอกาสให้เรียวลิ้นสากได้รุกล้ำเข้ามาในปากเธอ แรงดิ้นจากร่างเล็กค่อยน้อยลง มัตติการู้สึกเหมือนจะหมดอากาศหายใจ ยิ่งฝ่ามือใหญ่เคล้นคลึงกอบกุมดอกบัวคู่งามไปมา ภายในกายเธอก็ยิ่งหลอมเหลวคล้ายละลายกลายเป็นวุ้น

ใบหน้านวลซึ่งแต่แรกซีดเผือดขณะนี้แดงก่ำ เนื้อตัวของเธอก็ด้วยเช่นกัน ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือเมื่อถูกดึงเข้าสู่ห้วงดำกฤษณาโดยไม่ทันตั้งตัว อารมณ์แปลกใหม่กลายเป็นบ่วงรัดตัวเธอไว้แน่นหนา

มัตติการู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น แต่เธอไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะห้ามปราม ความรู้สึกยะยิบเต้นพล่านไปทั่วทั้งตัว บางครั้งสลับกับความร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้นกลางกาย กระไอความร้อนจากเรือนร่างกำยำส่งผ่านให้เธอได้รับรู้ ผิวเนื้อที่แนบชิดให้ความรู้สึกแปลกแยก อีกทั้งสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ทำให้หวามลึกเข้าไปในหัวอก

เหมือนร่างกายเบาหวิว และลอยล่องอยู่ท่ามกลางอากาศว่างเปล่า

แล้วเธอก็ควบคุมตัวของเธอเองไม่ได้ มัตติกาห้ามไม่ให้มือทั้งสองข้างโอบกอดเขา ห้ามไม่ให้เบียดตัวขึ้นหาเขา และห้ามไม่ให้ตัวเองปล่อยเสียงครางเบาๆราวกับลูกแมวออกมาไม่ได้!

เช่นเดียวกับอีวอนน์ ดอกเตอร์หนุ่มพออกพอใจยิ่งกับเสียงครางของแม่สาวใต้ร่าง

จากตอนแรกแค่จะจูบปิดปาก ลดอาการพยศของแม่คนตัวเล็ก อีวอนน์กลับเพลิดไปโดยไม่ทันรู้ตัว กลิ่นหอมหวานจากเนื้อตัวนุ่มนิ่มจางๆ ไม่เหมือนที่เคยได้สัมผัสที่ไหนมาก่อน ลมหายใจที่เขาตักตวง กระทั่งรสหวานจากริมฝีปากอิ่ม ฉุดให้อารมณ์ปรารถนาพลุ่งพล่านขึ้นมา

ชายหนุ่มละเลียดชิมรสอย่างไม่รู้เบื่อ ส่วนความนุ่มนิ่มใต้ฝ่ามือ ผิวเนียนนุ่มที่เบียดแนบทำเอาเขาครางโหยอยู่ในอกลึกๆ อีวอนน์บดเบียดเนื้อตัวแนบชิด แทบกดร่างเล็กให้จมหายลงไปบนที่นอน

มหาเศรษฐีหนุ่มผละจากเรียวปากบางอย่างอาวรณ์เมื่อรู้สึกกำลังจะหมดลมหายใจ เขาเลื่อนจูบแตะผิวนุ่มนิ่มร้อนผ่าวลงมาตามลำคอระหง กดเม้มริมฝีปากสร้างคิสมาร์คอย่างเผลอไผล และลากไล้รอยจูบผ่านเนินทรวง ลิ้มรสความหวานหอมจากเนื้อเนียน ก่อนหยุดชิดเชยกับยอดทับทิมที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า หลังรั้งบราลงมาอยู่ใต้ฐานอก

มัตติกาสะดุ้งเฮือก เมื่อความอุ่นร้อนเข้าครอบครองยอดทรวง ฝ่ามือเน้นหนักเคล้นคลึงสัมผัสบัวงามอีกข้างอย่างไม่ให้น้อยหน้า มือเรียวสอดแทรกเข้าขยุ้มกุมกำกลุ่มผมดกดำของคนที่ซุกหน้ากับอกเธอ ราวกับเป็นเด็กเล็กๆที่ขาดความอบอุ่น เธออ้าปากจะห้ามเขา แต่เสียงใดๆที่เล็ดรอดออกมา กลับเป็นเสียงครางแผ่วหวิวอีกแล้ว!

หวาน แม่ชีตัวน้อยๆนี่หวานเกินไปแล้ว

ดอกเตอร์หนุ่มได้แต่ครางอยู่ในอกลึกๆอย่างทรมาน ความนุ่มนิ่มละมุนชวนให้อยากคลุกเคล้าอยู่แบบนี้ไม่ห่างไปไหน ชายหนุ่มกดจูบ ขบเม้มและคลึงเคล้าเบามือ เติมเชื้อปรารถนาให้กับร่างบางอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้เดินหน้าขั้นต่อไป

อีวอนน์จูบซับละจากบัวตูมแสนหวาน ไล่จูบขึ้นมาตามทางเดิม เขาหยุดจูบซับและกัดเบาๆตรงปลายคางมน กดจูบกับริมฝีปากอิ่มดูดดื่มอีกครั้ง ก่อนยกตัวขึ้นทาบทับร่างเล็ก กักไว้ใต้ร่างเขาอย่างสมบูรณ์ ก่อนแนบใบหน้าคมคายเข้ากับดวงหน้านวลของคนใต้ร่างในเวลานี้

นัยน์ตาสองคู่สบประสาน กองไฟเล็กๆที่เห็นอยู่ในดวงตาสีดำทำให้เขายิ่งเดือดพล่านมากกว่าเดิม ชายหนุ่มยกมือที่เกาะกุมศีรษะได้รูปสวยขึ้นปัดปอยผมที่ปรกหน้าผาก และสองข้างแก้มของเธอออกให้

เขาใช้หลังนิ้วชี้ไล้ผิวแก้มแดงระเรื่อ กดร่างตัวเองลงแนบชิดความนุ่มหยุ่นเพื่อรับสัมผัสที่มากยิ่งกว่าเดิม ร่างเล็กสะดุ้งเบิกตาโพลงมองเขาเต็มตา และอีวอนน์ก็ยิ้มตอบ ลูบไล้ฝ่ามือกับลำคอระหง เบียดตัวตนแกร่งกร้าวของเขาให้เธอได้สัมผัส แม้จะมีเนื้อผ้ากั้นแต่มันก็เท่านั้น เพราะอีกเดี๋ยวระหว่างเธอกับเขาจะไม่มีอะไรกั้นขวางอีกต่อไป

ชายหนุ่มเบียดเสียดเนื้อตัวเข้ากับร่างเล็ก ยั่วยวนให้สาวน้อยตัวสั่นใต้ร่าง รู้ถึงความต้องการที่จะก้าวไปสู่ความหฤหรรษ์ด้วยกัน แล้วเขาก็โน้มใบหน้าลงมา หวังลิ้มรสหวานจากริมฝีปากจิ้มลิ้มอีกหน ทว่า...

“โอ๊ย!”

คนตัวเล็กยังไม่สิ้นฤทธิ์ มัตติกาได้สติตั้งแต่ตอนที่อีวอนน์เบียดน้องชายของเขาลงมาหาเธอแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงรอจังหวะอยู่ เมื่อสบโอกาสเธอก็ยกเข่าของตนขึ้นกระแทกกับกล่องดวงใจของดอกเตอร์หนุ่มเต็มรัก!

อีวอนน์หน้าเขียวแทบจะทันที ก่อนล้มลงนอนงอตัวข้างร่างบาง ร้องโอดโอยเมื่อน้องชายสุดที่รักถูกลงทัณฑ์

มัตติกาฉวยโอกาสนี้ผุดลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าเนื้อตัวเธอแดงก่ำตอนยกผ้าห่มคลุมตัว ดวงตาสีดำสนิทมองสบประสานกับสายตาคนตัวโตที่มองมาอย่างจะเยาะ ริมฝีปากบางแย้มออกอย่างสะใจ แล้วเธอก็หมุนตัวหันหลังให้เขาก้าวลงจากเตียงอย่างไว แต่แล้วก็ถูกดึงจากด้านหลังจนนั่งแหมะลงกับตักกว้าง วงแขนล่ำสันโอบรัดราวกับเชือกมัดเธอไว้แน่น

“ยัยตัวแสบ!”

เสียงทุ้มนุ่มคำรามอยู่ข้างหู คนตัวเล็กดิ้นฮึดฮัดและตัวแข็งทื่ออีกรอบ เมื่อถูกความปรารถนาของเขาเบียดดันอยู่ที่สะโพก เสียงหัวเราะแหบๆดังขึ้นใกล้ๆ

“ดิ้นอีกสิ แบบนี้ก็ดีนะ ถือว่าเปลี่ยนรสชาติ เหมือนคุณจะชอบแบบซาดิสต์มากกว่าธรรมดานะ!”

ชายหนุ่มที่ยังจุกไม่หายค่อยผ่อนลมหายใจที่คำขู่ได้ผล และสัมผัสได้ว่าร่างเล็กสั่นขึ้นมาอีกรอบ อีวอนน์จึงได้รีบเอ่ยขึ้นมาก่อนที่จะคุยกันไม่รู้เรื่อง

“เรามาตกลงกันดีกว่าตีตี้”

“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ!”

“โอเค” ชายหนุ่มกลอกตา ก่อนอมยิ้มเมื่อยังนึกอยากแกล้ง “มิสซิสบราวน์!”

ได้ผลคนตัวเล็กหันขวับมามองคอแทบเคล็ด “ห้ามเรียกแบบนั้นนะตาบ้า!”

และการหันมากะทันหันก็ทำให้ใบหน้าเธอกับเขาชิดกัน ริมฝีปากแตะทาบโดยไม่คาดคิด อีวอนน์ยิ้มยียวน ถือโอกาสที่หญิงสาวยังอึ้ง กดจูบลงหนักๆกับริมฝีปากอิ่ม มัตติกาสะอึก และน้ำตาก็คลอขึ้นมา

“คุณทำแบบนี้ทำไม”

เสียงหวานสั่นเครือ เมื่อเจ้าตัวกำลังกลั้นก้อนสะอื้น

“บอกมาว่าคุณกำลังเล่นตลกร้ายอะไรกับฉัน ฉันมาที่นี่ได้ยังไง เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น แล้วเพื่อนๆของฉันล่ะ คุณทำอะไรพวกเธอ เพราะฉันมั่นใจมินนี่ไม่มีทางปล่อยให้ฉันมากับคุณตามลำพังแน่!”

“นี่เห็นผมเป็นมาเฟียหรือไง เพื่อนคุณก็กลับบ้านสิ ผมไม่ได้ลากมาด้วยให้อ้วกใส่ตัวเหมือนคุณนี่!”

มัตติกาชะงักหรี่ตามองเขาอย่างไม่ค่อยเชื่อ แก้มนุ่มป่องขึ้นเล็กน้อย ดอกเตอร์หนุ่มโคลงศีรษะ

“ไม่ต้องมามองแบบนั้น คุณอ้วกใส่ผม และเพื่อนคุณก็กลับไปบ้านโดยปลอดภัย อ๊ะ!แล้วอย่าถามนะว่าพาคุณออกมาได้ยังไง ในเมื่อ ‘เมื่อคืน’ ผมเป็นแฟนหนุ่มของคุณ” อีวอนน์ชะงัก “ว่าแต่นี่คิดอะไรไปถึงไหนแล้วเนี่ย”

“ก็... ก็ไม่ได้คิดอะไร”

มัตติกาบอกเสียงสูง สูดจมูกฟุดฟิด ดอกเตอร์หนุ่มก็เลยพยักหน้าเออออ แม้จะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

“งั้นก็จบไปหนึ่งเรื่อง แต่เรื่องที่คุณลากฉันมานี่มันหมายความยังไง แล้วคุณยัง...ยัง” เสียงหวานสะดุด ใบหน้านวลแดงก่ำ “ก็บอกแล้วไงว่าไม่พูด-ไม่พูด!”

“ก็เพราะไม่มั่นใจน่ะสิถึงได้พามา!”

อีวอนน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนปล่อยวงแขนออก ขยับไปเอนพิงหัวเตียงตายังจับคนตัวเล็กที่หันหลังให้

“เมื่อคืนคุณเมาและมากด้วย นี่ไม่ได้โม้พูดจริง” เขาย้ำและมัตติกาก็หันมามองค้อน

“แถมยังอ้วกใส่ผมอีกต่างหาก แล้วผมก็ไม่ไว้ใจคุณ เพราะเรายังตกลงกันไม่หมด และมันก็ยังไม่จบ ผมก็เลยต้องพาคุณมาด้วย ส่วนไอ้เมื่อคืนน่ะก็แค่เช็ดตัวให้ จำไว้ด้วยนะตีตี้ ผมไม่ชอบมีเซ็กซ์กับคนเมา!”

ชายหนุ่มถอนหายใจพรืดใหญ่ ไม่ต่างกับคนตัวเล็กที่ได้ฟัง สีหน้าของหญิงสาวจึงดีขึ้น แต่ก็ไม่วาย

“แน่นะ ที่พูดมาน่ะ”

“งั้นมาพิสูจน์กันเลยไหม จะได้รู้ว่าจริงหรือหลอก คุณจะได้แน่ใจ ว่าเมื่อคืนได้หรือไม่ได้!”

มัตติกาอ้าปากหวอ ค้อนสามกลับแปดกลับ “ทะลึ่ง!”

อีวอนน์ปล่อยผ่านไปเพราะขี้เกียจใส่ใจกับคำประณาม ชายหนุ่มบุ้ยปากไปยังโต๊ะข้างเตียง

“อ่านสัญญาฉบับนั้นซะ”

มัตติกาอยากถามว่าทำไมเธอต้องอ่าน แต่พอเห็นตาดุๆมองมา แถมด้วยความอยากรู้ จึงขยับตัวเอื้อมมือไปหยิบ ซึ่งในระหว่างนั้นเองอีวอนน์ก็กล่าวสืบไป

“เราจะเปลี่ยนข้อตกลงกันใหม่ จนกว่าผมจะแน่ใจว่าคุณจะไม่พูดเรื่องที่รู้เมื่อคืนแน่ๆ คุณต้องมาทำงานให้กับผมที่นี่ ในฐานะแม่บ้าน ดูแลเรื่องอาหารการกินแล้วก็ความสะอาด แน่นอนว่ามีค่าตอบแทนให้อาทิตย์ละหมื่นดอลล่าห์พอไหม” และเขาไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้ตอบ “ดูเอกสารในซองให้หมดก่อนนะที่รัก แล้วค่อยตอบ”

น้ำเสียงคนพูดดูระรื่นเสียจนหญิงสาวเริ่มกังวล มัตติกาจึงรีบดึงเอาเอกสารในซองออกมา และตัวแข็งค้างหลังเห็นว่า นอกจากสัญญายังมีภาพถ่ายของเธอซึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงมีผ้าห่มคลุม พร้อมกับท่อนแขนล่ำสันที่วางพาดบริเวณเอว

“จริงอยู่ที่ว่าผมไม่ได้ทำอะไรคุณ แต่... ถ้ามีคนเห็นรูปพวกนี้ก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะคิดยังไง จริงสิได้ข่าวว่าน้าของคุณถือเรื่องพวกนี้นี่นา ถ้าได้รู้เข้าว่าหลานสาวสุดที่รัก อืม... ยังไงๆสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจในระยะแรกๆแบบนี้ ไม่ควรให้มีเรื่องกระทบใจจะดีกว่านะ ตีตี้”

เธอเกลียดเขา อีตาดอกเตอร์บ้าจอมแบล็กเมล์!

มัตติกาบอกตัวเองในใจ มือกำกระดาษแน่นจนยับเยิน หญิงสาวหมุนตัวมามองผู้ชายร้ายกาจด้วยสายตาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ในขณะที่ชายหนุ่มทำไม่รู้ไม่ชี้ มิหนำยังส่งยิ้มหวานหยดกลับมาให้

“เริ่มงานวันแรกวันนี้เลยแล้วกันนะเบบี๋”


======================================================>>>>>>


ดีค้า พาอีวอนน์กับยัยตี๊มาส่งค่ะ ^O^

คุณZephyr เฟอร์รี่จัง ยัยตี๊จะได้จากอ้อมอกแม่มินนี่ไปแล้ววววววววววว งานนี้มีหนาว อิๆ

และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

วันนี้ไปแล้วนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายฮ้าบผม



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ย. 2558, 09:55:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ย. 2558, 09:55:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1381





<< Chapter 4 ร่างสัญญา    
sai 9 ก.ย. 2558, 12:13:59 น.
รออออ


Zephyr 10 ก.ย. 2558, 17:52:26 น.
เซ็นสิยะ
คิดมากทำไมฮะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account