CEO ชำนาญรัก Inlove Book (ลวงเทพบุตรรัก,ปรารถนารักเทพบุตรต้องห้าม)
เขาเป็นอาจารย์พิเศษ ฉฉลาดจนกรดต้องเรียกพี่ มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อ หยิ่งยโส จอมไว้ตัว ผู้ชายสมบูรณ์แบบเจ้าเสน่ห์ และ... อีกหนึ่งความลับ เขาคือโฮสต์!
Tags: โรมานซ์, ฟีลกู๊ด, คู่กัด, อีวอนน์,มัตติกา

ตอน: Chapter 4 ร่างสัญญา


“นี่ปล่อยฉันนะ จะพาฉันไปไหน ด๊อก...เอ่อ”

คำว่าดอกเตอร์กำลังจะหลุดจากปาก ทว่าเมื่อเจอสายตาพิฆาตเข้ามัตติกาก็ต้องหุบปากฉับ แต่พอโดนลากหลุนๆผ่านห้องน้ำพนักงานไปยังห้องพัก หญิงสาวก็โวยวายขึ้นอีก

“ปล่อยฉัน ข้อมือฉันไม่ใช่ไม้นะจะได้ลากเอา-ลากเอาแบบนี้!”

คนลากหยุดกะทันหัน อีวอนน์หมุนตัวกลับมาหาคนตัวเล็ก แล้วดันให้หญิงสาวเข้าไปในห้องพัก ดอกเตอร์หนุ่มก้าวตามเข้าไปแล้วยื่นคอออกมามองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นใครก็ปิดประตูลงแถมด้วยล็อกจากด้านใน จากนั้นเขาก็ยืนกอดอกบังประตูไว้

ห้องพักพนักงานเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีม้านั่งไม้ยาววางชิดผนังอีกด้านที่ตรงข้ามกับประตูห้อง เมื่อหันหน้าเข้าหาประตู ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์หน้ากระจกบานใหญ่ยาวเกือบสุดผนังห้อง มีเครื่องสำอางวางเรียงไว้เป็นระเบียบ ส่วนด้านหลังเป็นประตูบานเลื่อน ติดป้ายไว้ด้านบนว่าเป็นห้องอาบน้ำ

มัตติกาก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ เมื่ออีวอนน์เริ่มขยับเข้ามาหา เธอเหลือบมองไปยังประตูห้องอาบน้ำทำท่าจะเผ่นไปที่นั่น แต่ชายหนุ่มคว้าแขนเธอไว้และดันเธอเข้าไปชิดกับผนัง

ชายหนุ่มเท้าแขนสองข้างกักเธอไว้ในเงื้อมเงาของร่างกายเขา มหาเศรษฐีหนุ่มก้มลงมองหน้าดุตาดุ มัตติกาไม่สบตาเขา เธอย่อตัวหวังมุดผ่านใต้วงแขนเพื่อหนีการกักกันนี้ ทว่าดอกเตอร์หนุ่มก็ดูจะรู้ทัน เรือนร่างล่ำสันจึงเอนลงมาแนบชิด ปิดทางหนีไม่ให้มีช่องว่าง ต้นขาแข็งแรงกดเรียวขาเธอเสียจนกระดิกแทบจะไม่ได้ หญิงสาวหลับตาปี๋เมื่อเขาก้มลงมาใกล้ยิ่งกว่า แล้วรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นดันคางชายหนุ่มไว้

“ดะ...ดอกเตอร์บราวน์ มีอะไรก็พูดมาสิคะ ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้ ฉันไม่ได้หูหนวก!”

กวนประสาท!

อีวอนน์นึกในใจอย่างเข่นเขี้ยวปนหมั่นไส้ เพราะทั้งๆที่ทำท่าว่ากลัวเขามากขนาดนี้ แต่ยัยตัวเล็กนี่กลับยังกล้าต่อปากต่อคำ

เห็นแล้วมันก็ยิ่งน่าแกล้ง!

มัตติกาแทบจะกลั้นใจตายเมื่อยังไม่กล้าลืมตามองเขา จึงไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมองสำรวจเธออยู่ อีวอนน์กวาดสายตามองร่างแบบบางที่หนีไปไหนไม่รอด ยกยิ้มมุมปาก เมื่อนึกเปรียบเทียบมัตติกาในตอนนี้ กับครั้งแรกที่พบกันบริเวณทางเดินในมหาวิทยาลัย ยัยเฉิ่มคนนั้นเปลี่ยนไปมากทีเดียว แต่ว่าถึงอย่างไรมัตติกาก็ไม่ใช่คนสวย เพียงแต่... ดูเป็นคนน่ารัก และตัวเล็กแบบนี้ก็ไม่ใช่สเป็คเขา แต่อีกนั่นแหละ... ก็ต้องยอมรับว่าหญิงสาวซ่อนรูปไม่ใช่เล่น

ชายหนุ่มเลื่อนสายตาขึ้นมามองใบหน้ารูปไข่ ที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางดูเป็นสาวเปรี้ยวขึ้นมา ก่อนชะงักเมื่อได้สบตากับคนที่ถูกเขากักตัวไว้

มัตติกาซึ่งทนอึดอัดไม่ไหวยอมลืมตาขึ้นมองจอมคุกคาม เพราะอยากรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ เนื่องจากเธอกลั้นหายใจจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลยสักคำ และเธอก็พบว่าเขามองเธอไม่กะพริบ มัตติกางงๆว่าทำไมอีกฝ่ายจึงอึ้ง จากที่กลัวๆตอนนี้ก็กลายเป็นว่าชักสงสัยมากกว่า

มันจะเหมือนมากเกินไปแล้ว

อีวอนน์มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่โตตรงหน้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบสิบปี เขาไม่ค่อยมองสบตากับคนที่มีดวงตาสีดำจัดแบบนี้ กระทั่งผู้มีสีดวงตาเป็นสีน้ำตาลแก่จนเกือบดำ เขาก็มองสบได้ไม่นาน

ถ้าถามว่าทำไม เขาก็ตอบได้แค่ว่า... กลัว

กลัว... สีดำในแก้วตา ที่สะท้อนภาพของเขาเด่นชัดเช่นนี้

นัยน์ตาสีเทาแกมเขียวหม่นลง เมื่อภาพสะท้อนในดวงตาของมัตติกา ดึงความทรงจำเก่าแก่ที่ถูกกลบทับไว้ใต้ก้นบึ้งหัวใจให้กลับคืนมา ความโหยหาที่คิดว่ากำจัดทิ้งไปได้หมดแล้วกลับพลุ่งพล่าน

‘เฟรย่า’

หัวใจเขาร้องเรียกหา ความรู้สึกอื่นใดปลาสนาการไปหมดสิ้น เหลือเพียงแต่ความคำนึงถึงอันมากล้ม อีวอนน์หลับตาลง ใบหน้าเขาฉายแววเจ็บช้ำร้าวรานอย่างเห็นได้ชัด และมันก็ทำให้มัตติกาที่แต่แรกมองอย่างเกร็งๆปนสงสัย ชักหวั่นไหวขึ้นมาอีก เมื่อดอกเตอร์หนุ่มก้มหน้าลงมาจนลมหายใจเขารดผิวแก้มของเธอ

หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาไม่มีท่าว่าจะถอนหน้าออกไป เธอออกแรงดันคางของเขาไว้อย่างสุดกำลัง เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ หัวใจในอกเต้นไม่เป็นส่ำ จนน่ากลัวว่าไม่กี่นาทีข้างหน้า มันจะกระดอนออกมานอกอก

“ดะ...ดอกเตอร์ คุณ!”

คำพูดที่ค้างอยู่ริมฝีปากถูกกลืนหาย มัตติกาเบิกตากว้าง ลมหายใจเธอสะดุด เพราะริมฝีปากบางหยักของคนตรงหน้า ปิดสนิทไปกับริมฝีปากของเธอ

หญิงสาวหายอึ้งหลังจากนั้นไม่ถึงสิบวินาที เมื่อรู้สึกว่าเรียวปากของเธอกำลังถูกบังคับให้เปิดออก มัตติกาเม้มปากแน่น เธอผลักเขาออกห่าง แต่วงแขนแข็งแรงกลับสอดรัดรอบเอว แล้วโอบร่างเธอเข้าไปแนบชิด เธอพยายามดิ้นรนแต่แล้วสติก็ถูกช่วงชิง เมื่อเขาจูบซับซ้ำๆ และเม้มริมฝีปากล่างของเธออย่างยั่วยวน

แล้วในวินาทีต่อมา เธอก็พ่ายแพ้ เรียวปากอิ่มที่เม้มแน่นเผลอเปิดรับผู้รุกราน

ความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนนี้ มันละม้ายกับโดนสายลมพัดผ่าน แม้อ่อนโยนแต่ก็เรียกร้องอยู่ในที สัมผัสอุ่นจนร้อนที่อยู่ใต้อุ้งมือของเธอ ทำให้มัตติกาแทบหมดเรี่ยวแรง เธอค่อยเลื่อนมือสัมผัสเนื้อผ้าเรียบเนียน และหยุดนิ่งกับจังหวะตึ้กตั้กใต้ฝ่ามือ

นี่คือหัวใจ มัตติกาบอกกับตัวเอง หัวใจของเขา หัวใจที่เต้นแรงเหมือนกันกับเธอ

หญิงสาวตื่นเพลิดไปกับสัมผัสที่ไม่เคยได้รับ หลังอีวอนน์กระทำตัวเป็นผู้รุกรานจอมตะกละตะกลาม ด้วยลิ้นร้อนชื้นของเขาที่รุกเข้าไปค้นหาน้ำผึ้งแสนหวาน เขาเจอเจ้าบ้านผู้ตระหนกกับการมาเยือนกะทันหันนี้ ซึ่งชายหนุ่มไม่รีรอที่จะเข้าไปทักทาย และไม่นานลิ้นเล็กๆนั่นก็ตอบรับสัมผัสเขามา

ชายหนุ่มครางกระหึ่มกับรสจูบอ่อนเดียวสา เขาเฝ้าตักตวงและเก็บกักดูดกลืนความหวานละมุนไว้กับตัวอย่างโหยหา ในขณะที่ฝ่ามือเลื่อนลูบไปตามแผ่นหลังบอบบาง ผิวเนื้อเนียนที่อยู่นอกเนื้อผ้า เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกดีเกินคาด

เธอกำลังจะขาดใจ มัตติกาบอกตัวเองเช่นนั้น ตอนนี้ร่างกายของเธอคล้ายแปรสภาพเป็นของเหลว ต้องอาศัยพึ่งพิงเรือนร่างแข็งแกร่งไว้เป็นหลัก ยิ่งฝ่ามืออุ่นจัดจนร้อนเลื่อนลูบไปทั่วแผ่นหลัง แม้จะมีเนื้อผ้ากั้นแต่ความอุ่นจัดของฝ่ามือนั้นก็ลามเลียจนเธอแทบมอดไหม้

เธอควรห้ามเขา ควรหยุดจูบบ้าๆนี้ลง แต่... สติที่กลับมาเป็นพักๆ ก็วูบหายไปอย่างรวดเร็ว

อีวอนน์เลื่อนมือขึ้นมาประคองท้ายทอยของคนตัวเล็ก เขาสอดมือพัวพันกลุ่มผมนุ่ม บังคับจับยึดเพื่อตรึงให้มัตติการับจุมพิตจากเขาให้มากยิ่งกว่านั้น ชายหนุ่มตะโบมจูบจนริมฝีปากเล็กแดงก่ำ เขาเหมือนคนโซเซอยู่กลางทะเลทราย พอได้มาพบกับบ่อน้ำก็กระโจนโถมตัวลงไปโดยไม่รั้งรอ

มันเป็นสัมผัสที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ทั้งหวานหอมและยั่วยวนอย่างร้ายกาจ ยิ่งลมหายใจที่ถ่ายทอดให้แก่กันและกัน ครั้นพอหลอมรวมก็ประสมปนเป กลายเป็นลมหายใจเดียวกัน

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหลือเกิน

มัตติกาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรถึงสิ่งที่ตัวเธอกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ร่างกายของเธอ เนื้อตัวของเธอ เหมือนไร้กระดูก รอยจูบอุ่นจนร้อนที่ได้รับมา มันเหมือนก้านไม้ขีดไฟเล็กๆที่จุดติดและโยนเข้าใส่น้ำมัน มันเริ่มรุกลามเผาไหม้จากภายในกายเธอออกมาสู่ภายนอกทีละน้อยๆ

หญิงสาวหอบหายใจ ใบหน้าเนื้อตัวแดงก่ำกับสัมผัสรุ่มร้อนที่เขามองให้มา อีวอนน์เองก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก เขาถอนจูบเพื่อหยุดพักสูดเอาอากาศ แต่ริมฝีปากกลับยังแตะกับริมฝีปากแดงก่ำของอีกฝ่าย ฝ่ามือที่โอบรัดยังเลื่อนลูบไปตามแผ่นหลังบอบบางอย่างช้าๆ ผ่านเอว ลงสู่สะโพก และย้อนกลับมาเริ่มต้นบนแผ่นหลังของเธออีกครั้ง

ใบหน้าคมสันซึ่งฉายแววของความเจ็บปวดและโหยหา คลอเคลียใกล้ใบหน้างาม ริมฝีปากที่บดจูบเมื่อครู่ เริ่มออกเดินทางละเลื่อนไปตามขมับ หน้าผาก นวลแก้ม มัตติกาหน้าแดง เนื้อตัวแดงก่ำเพราะรสเสน่หาที่จู่โจมครั้งแรก

หญิงสาวมาได้สติอีกครั้งเมื่อลมหายใจอุ่นจนร้อนวนเวียนกลับมายังริมฝีปากอีกครั้ง รอยจูบที่ประทับลงหนักๆข้างมุมปากทำให้เธอสะดุ้ง และรีบยกมือดันเขาไว้สุดกำลัง พยายามห้ามปรามชายหนุ่มด้วยเสียงอันสั่นเทา หัวใจเธอเต้นระรัวจนคล้ายมันจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอก

“ดะ...ดอกเตอร์หยุดนะ!”

เสียงสั่นๆแสดงออกถึงความตระหนกนั่น ทำให้อีวอนน์รู้ตัว

ดอกเตอร์หนุ่มยังคงหลับตา และเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนรีบดึงใบหน้าออกห่าง แต่กระนั้นแรงดึงดูดระหว่างเขากับเธอก็มากเหลือเกิน ระยะห่างที่ว่านั่นจึงน้อยนิด

อีวอนน์พยายามกลบความเจ็บปวดในสีหน้าให้กลายเป็นเรียบเฉย ด้วยการบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตจบไปแล้ว ไม่หวนกลับมาอีกแล้ว มหาเศรษฐีหนุ่มสบถอยู่ในใจที่เผลอปล่อยให้อารมณ์อ่อนไหวครอบงำ จนเผยความอ่อนแอในจิตใจออกมาให้ผู้หญิงตรงหน้าได้เห็น เขาขบกรามจนเป็นสันนูน กดอารมณ์ซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนาให้กลับลงไปยังที่ๆมันควรอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำได้ยากเต็มที

ทั้งๆที่พยายามลืมมันไปแล้ว

และทั้งๆที่คิดว่าทิ้งมันไปได้แท้ๆ แต่... แค่เพียงเห็นดวงตาคู่นี้ของมัตติกา ซึ่งคล้ายกับดวงตาของใครคนนั้น ทุกอย่างที่เขาเฝ้าทำมา ก็เหมือนปราสาททรายถูกน้ำทะเลซัดสาด เพียงวูบเดียวก็พังทลายลง!

“ขอโทษ... ผมไม่ได้ตั้งใจจะ... ให้มันเป็นแบบนี้ ขอโทษที่ล่วงเกิน”

อึดใจใหญ่ต่อมาชายหนุ่มจึงได้เอ่ยขึ้น ทว่าน้ำเสียงกลับยังอ่อนล้าจนคนฟังรู้สึกได้

มัตติกาซึ่งยังหน้าแดงขัดเขินกับเหตุการณ์เมื่อครู่เงยหน้าขึ้นมองเขา เธอสะกิดใจกับน้ำเสียงอ่อนระโหยนั่น และเริ่มสงสัยในท่าทีกับน้ำเสียงของเขา เธอมองใบหน้าคมสันที่อยู่ใกล้ๆอย่างสนใจใคร่รู้

เธอคิดจะถามว่าเขาเป็นอะไร ทำไมถึงดูเจ็บปวดนัก แต่เมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่เขาทำกิริยาหยาบคายมากแค่ไหน ความคิดเหล่านั้นก็เลือนหาย มัตติกาเม้มริมฝีปาก หน้าบึ้ง ถลึงตามองคนตรงหน้า

อีตาดอกเตอร์นี่กล้ามากที่บังอาจมาจูบเธอ! และถึงเขาจะขอโทษ แต่เธอโกรธมาก ย้ำว่า... มาก

เพราะนี่มันเป็นจูบแรก ของสาวเวอร์จิ้นที่กำลังเดินทางไปสามย่าน ซึ่งยังไม่เคยจูบกับใครมาก่อนในชีวิต!

มัตติกาสร้างความฮึกเหิมให้ตัวเอง ด้วยการจินตนาการว่าฐานที่เขาล้วงเกินแบบนี้ เธอจะต้องตบเขาเข้าให้สักฉาด กระทืบหลังเท้าไปแรงๆ ต่อยท้องเขาไปที ชกที่หน้าหล่อๆไปสักหมด

แต่...

“ว่าแต่... เมื่อกี้คุณจะบอกพวกนั้นว่าอะไร”

ความคิดที่สร้างความฮึกเหิมหายวับ น้ำเสียงของอีวอนน์เข้มจัด และมันฟังดูข่มขู่มากๆ ส่งผลให้คนอยากใจกล้า ย่นคอและหุบปากฉับ มือที่กำเตรียมออกหมัดอ่อนเปลี้ย หมดแรงไปในทันที

“ก็... ก็--” มัตติกาหลบตาเขา ไม่ยอมมองสบกับดวงที่มีประกายวาววับน่ากลัว แล้วกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างลำบาก ความวาบหวามจากรสจูบดูดดื่มปลิวหายวับ หญิงสาวเลยได้แต่เถียงเสียงสั่นๆ “คุณเป็นใครล่ะ ฉันก็ต้องบอกสิ ในเมื่อคุณไปบอกพวกเขาว่าฉันเป็นแฟนคุณ ทั้งๆที่มันไม่ใช่!”

อีวอนน์ถลึงตาใส่คนตัวเล็ก แต่เจ้าตัวหาได้รู้สึกไม่ เพราะยังถามต่ออีกว่า

“ว่าแต่ ทำไมดอกเตอร์ถึงได้มาเป็นโฮสต์ที่นี่ล่ะคะ”

“เธอ!” อีวอนน์เอ่ยเสียงหนัก ได้แต่คิดว่าผู้หญิงคนนี้กลัวเขาจริงไหม แต่สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็พยายามระงับอารมณ์ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ราบเรียบ “เธอ... คุณชื่ออะไรนะ”

“มะ...มัตติกา” เสียงหวานดังอ่อย แล้วเจ้าของร่างบางก็เหลือบมองเขาเพียงนิด หญิงสาวเริ่มกวาดสายตามองหาทางหนีทีไล่ ในขณะที่อีวอนน์กำลังครุ่นคิดถึงชื่อเล่นที่เหล่าเพื่อนเพื่อนของเธอเอ่ยเรียก

“มัต-ติ-กา อืม ตี...ตี้ อาใช่ ใช่ตีตี้เด็กดี”

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงหวาน แต่นัยน์ตากลับวาววับเอาเรื่อง

“อะ...อะไร” หญิงสาวเบียดตัวกับผนัง นึกอยากหายตัวได้ขึ้นมาทันที เพราะอีวอนน์ยิ้มส่งให้เธอ คือ... มันคงดูดีมากกว่านี้ ฮือ... ในสายตาเธอ ยิ้มของเขามันดูแสยะมากเลย!

“เรื่องที่เจอผมที่นี่รู้ไหม ถ้าคนข้างนอกรู้เข้า มันอาจไปถึงหูนักข่าว แล้วก็แน่ๆว่าทางมหาวิทยาลัยก็ต้องรู้ด้วย ถึงตอนนั้นเคยคิดไหมว่าชื่อเสียงผมจะต้องป่นปี้แค่ไหน ฉะนั้นเรามาตกลงกันจะดีกว่าไหมเด็กดี”

มัตติกาไม่ตอบ เธอมองเขาอย่างระแวง

“แล้วอันที่จริงปัญหามันติดอยู่แค่นิดเดียวเองนะ เห็นด้วยไหม”

“ก็... อืม แล้วปัญหานิดเดียวที่ว่าคืออะไรล่ะคะ”

“ปัญหานั่นน่ะเหรอ ปัญหานั่นก็คือ...”

เขายิ้ม แต่มันเป็นยิ้มพิฆาต “ผม-ไม่-ไว้-ใจ ผู้หญิงที่ทำท่าว่าจะปากมากอย่างคุณ!”

มัตติกาพอได้ฟังก็เบิกตาโต เมื่อแน่ใจว่าถูกหลอกด่าทางอ้อม หญิงสาวเม้มปากแน่น ตามองเขาอย่างอาฆาต ในใจนึกทวนคำของชายหนุ่มไปมา ผู้-หญิง-ปาก-มาก งั้นเหรอ อีตาดอกเตอร์บ้านี่ ไร้มารยาท!

ได้งั้นเธอจะจัดให้ จากที่ตั้งใจจะไม่พูด งานนี้เห็นทีจะไม่ได้!

“คุณ-ว่า-ฉัน-ปาก-มาก-งั้น-เหรอ ทั้งๆที่คุณกำลังขอร้องไม่ให้ฉันบอกใครเนี่ยนะ เชื่อเลย!”

มัตติกาดันแผงอกแกร่งเปล่าเปลือยออกไปจนสุดแรง ไม่รู้เพราะจงใจปล่อยเธอหรือว่าสู้แรงเธอไม่ได้กันแน่ ครั้งนี้อีวอนน์จึงเซไปด้านหลังเล็กน้อย มัตติกาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เธอยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆหนึ่งทีพร้อมกับหลับตาลง

และเมื่อลืมขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสีดำก็เหมือนมีกองไฟอยู่ในนั้น แม้มัตติกาจะกลัวคนตรงหน้ามาก ทว่าเธอเลือดขึ้นหน้าเสียแล้วด้วยโดนปรามาสเข้าไป ทำให้หญิงสาวปัดความกลัวทิ้งไป และพร้อมที่จะเดินหน้าชนกับอีกฝ่าย เธอไม่สนใจแล้วว่าเขาจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน เพราะตอนนี้เธอมั่นใจสุดๆ ว่าเขาสร้างภาพเก่ง-มาก กอไก่ล้านตัวเลยเอ้า!

ตอนนี้นอกจากฉายา ซีอีโอเทวดา เธอตั้งให้เพิ่มโดยไม่ต้องขอ ดอกเตอร์เบอร์รี่!

“ก็ได้-ก็ได้! อยากให้ปากมากนักใช่ไหม อย่าให้ฉันหลุดไปได้แล้วกัน ฉันจะ อื้อ!”

เสียงโวยวายของคนฟิวส์ขาดดังขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงอู้อี้ เพราะอีวอนน์ยกฝ่ามือแข็งแรงปิดปากมัตติกาไว้ หญิงสาวยกมือขึ้นดึงมือใหญ่ออก แต่ไม่สำเร็จ ซึ่งในขณะนั้นชายหนุ่มใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เท่านั้นสาวแว่นก็เบิกตาโต ลมหายใจสะดุดอีกครั้ง

แม่เจ้า แค่แอบด่าในใจถึงกับจะฆ่ากันเลยเหรอ ไม่นะ พ่อจ๋าแม่จ๋า อย่ามารับตี๊ตอนนี้เลย!

อีวอนน์ชะงักเมื่อหางตาเห็นแม่ชีแสนเฉิ่มทำตัวเป็นหุ่นขี้ผึ้ง เขามองเธออย่างงงๆ ก่อนส่ายหน้าแล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมา

มัตติกาที่กลั้นหายใจอยู่ถึงกับหมดแรง ต้องเกาะแขนล่ำสันไว้เป็นที่พึ่ง ในขณะที่อีวอนน์เลื่อนๆกดๆดูหน้าจอโทรศัพท์ หญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็เริ่มออกฤทธิ์ เธอหยิกจิกทึ้งให้เขาเอามือออกจากปากเธอ แต่ไร้ผล ดอกเตอร์บราวน์ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด จนมีแต่เธอที่เจ็บเสียเอง

ก็แค่แรงมด ทำให้เป็นแผลยังไม่ได้เลย

อีวอนน์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับการดิ้นรนหนีของหนูในมือเขา ระหว่างที่กดดูข้อมูลซึ่งเอรอสส่งมาให้ ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากนึกชมเชยคนสนิทที่ทำงานได้ทันใจ

ในนั้นมีประวัติของมัตติการวมถึงคนสำคัญของเธอ ชายหนุ่มเลื่อนสายตาอ่านอย่างว่องไว โดยไม่สนใจเสียงอู้อี้และแรงทุบประท้วงจากคนตัวเล็ก ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเขาก็อ่านเฉพาะเนื้อห้าสำคัญๆได้หมด จากนั้นอีวอนน์จึงยอมปล่อยมือที่ปิดปากมัตติกาไว้ ร่างสูงล่ำสันขยับออกห่าง และยกมือขึ้นกอดอก มองหญิงสาวนิ่งๆ

มัตติกายกมือขึ้นเช็ดปาก สายตาเหลือบมองชายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แม้จะนึกเอะใจที่เขาปล่อยเธอแต่ถ้าไม่ฉวยโอกาสนี้ หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะต้องถูกอีวอนน์ทำอะไรแปลกๆอีกแน่

ดังนั้นหนีก่อนค่อยคิดย่อมดีกว่า!

“ไม่น่าเชื่อนะว่าคนหัวไม่ดีอย่างคุณนี่ ยังอุตส่าห์พยายามเรียนจนได้อันดับต้นๆกับเขา” หญิงสาวที่กำลังจะพุ่งตัวไปที่ประตูชะงักกึก “จริงสิความจริงคุณก็น่าสงสารนะที่รัก พ่อแม่มาด่วนจากไป ไม่มีใครต้องการ แถมยังต้องมาโดดเดี่ยวเพราะครอบครัวบุญธรรมดันมีลูกจริงๆขึ้นมา”

อีวอนน์ทำทีเป็นอ่านข้อมูลในโทรศัพท์ พูดออกไปโดยไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะกระทบใจอีกฝ่าย มัตติกากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ถ้อยคำที่เขาตอกย้ำเหมือนหมุดตอกลงไปกลางใจ

“แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ถ้าหากบริษัทเล็กๆของน้าคุณมันล้มลงไปตอนนี้ ไม่อยากคิดนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น รู้สึกพวกเขามีลูกคนหนึ่งใช่ไหม ที่ทำให้คุณต้องระเห็จออกมาอยู่คนเดียว อายุเท่าไหร่แล้วนะ อ๋อแค่สิบกว่าขวบด้วยสิ เอ ชื่อน้าของคุณค่อนข้างอ่านยากนะ เพ็ญพรรณ กับ แดเนียล โมแรน จุ๊ๆ... ไม่น่า”

เขาเงยหน้าขึ้นมองสบตากับมัตติกาที่หันมา แล้วยิ้มอย่างเลือดเย็น

“พวกเขาจะโกรธไหม ถ้ารู้ว่าเด็กกำพร้าที่เก็บมาเลี้ยงน่ะ เป็นตัวต้นเหตุทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างมาล้มลงไปต่อหน้าต่อตา ว่ายังไงตีตี้ที่รัก คุณพร้อมจะตกลงกับผมหรือยัง”

“คุณมัน!”

มัตติกากำหมัดแน่นพูดไม่ออก ดวงตาคู่สวยมีหยดน้ำตาเอ่อคลอ ถ้อยคำทิ่มแทงเมื่อครู่ทำให้เธออ่อนไหว

“สารเลว!”

ถ้อยคำประณามสิ้นสุดลงเท่านั้น หญิงสาวยกมือขึ้นเช็ดหยดน้ำตา ประโยคที่ว่า เด็กที่ไม่มีใครต้องการ มันสะกิดแผลในใจของเธอให้เปิดกว้าง แต่เพื่อที่จะจบเรื่องนี้ ให้เร็วที่สุด หญิงสาวจึงเอ่ยถามออกไปทั้งๆที่เสียงยังสั่นๆ

“ต้องการอะไร”

อีวอนน์ยักไหล่บอกเยาะๆ

“ก็น่าจะรู้ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปหรือมีคนอื่นที่รู้ ครอบครัวของคุณลำบากแน่”

“แค่นั้นใช่ไหม” หญิงสาวถามซ้ำ และอีวอนน์ก็ใช้ความเงียบเป็นคำตอบ

ดังนั้นมือเรียวจึงเอื้อมออกไปเปิดประตู แล้วมัตติกาก็เปิดออกไปทันที เธอแทบไม่หันหลังกลับไปมองด้วยซ้ำด้วยความโกรธ อีวอนน์ช่างเป็นผู้ชายใจร้ายและแกล้งเสแสร้งอย่างที่เธอนึกไม่ถึง แล้วจากที่เคยชื่นชม มัตติกานึกชังน้ำหน้าเขามากกว่าที่เคยรู้สึกกับใคร

ต่อจากนี้ อย่าได้เจอะอย่าได้เจอกันอีกเลย!

เสียงประตูปิดดังปัง เมื่อลับหลังร่างแบบบาง ดอกเตอร์หนุ่มซึ่งมองอยู่ปิดเปลือกตาลงแล้วค่อยผ่อนลมหายใจ

อย่างน้อย ตอนนี้ก็โล่งอกไปได้เปราะหนึ่ง

ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดต้นคอ ก่อนเดินหายเข้าไปในห้องอาบน้ำ เกือบยี่สิบนาที อีวอนน์ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ก็ออกมา ในใจเขาคิดจะกลับไปพักผ่อน และเลิกมาที่คลับนี้อีก แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เอรอสคือคนที่โทรศัพท์เข้ามา มหาเศรษฐีหนุ่มถอนหายใจเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้หน้ากระจกเงาบานใหญ่ เอนหลังพิงเคาน์เตอร์อย่างอ่อนเหนื่อย ด้วยความรู้สึกนึกสมเพชตัวเองที่ต้องมาทำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้

“เอรอสว่าไง” เสียงเอ่ยถามเนือยๆ ในขณะที่ปลายสายรายงาน

“ข้อมูลของมิสพิสุทธิ์ที่ส่งไปไม่ครบครับ ไฟล์มีปัญหาดาวน์โหลดไม่ได้ ผมเลยจะโทร.มารายงานก่อน แต่รายละเอียดฉบับเต็มผมสั่งให้คนปริ้นท์ แล้วจะนำไปวางไว้ให้ที่เพนต์เฮ้าส์ คุณเอฟจะฟังตอนนี้เลยไหมครับ”

“ไม่... แต่ก็ได้ เอาที่สำคัญๆเท่านั้นนะ”

อีวอนน์สั่ง ยกมือขึ้นนวดที่ต้นคอไปพลาง ไอ้ท่าเต้นกะยึกกะยือนั่นทำเอาปวดไปทั้งตัว!

“ครอบครัวของเพ็ญพรรณ น้าของมิสพิสุทธิ์กำลังเจอปัญหาครับ นายแดเนียลสามี ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการโกงภาษีของ ดิเอมเพอเรอร์กรุ๊ป เพราะเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้กับที่นั่น ตอนนี้ผลจากคดีคิดว่าอาจจะไม่รอดจากการถูกยึดใบรับรองประกอบวิชาชีพ และถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายพร้อมกับดำเนินคดีทางกฎหมาย ที่สำคัญฐานะทางการเงินตอนนี้ย่ำแย่มาก แล้วเหมือนมิสพิสุทธิ์จะไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย”

มหาเศรษฐีหนุ่มชะงักกึก คิ้วเข้มค่อยขมวดเข้าหากัน

“ว่าไงนะ เธอไม่รู้เลยงั้นหรือ”

“ครับ ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเล่าเรียนของเธอเมื่อเทอมที่แล้ว เป็นเงินกู้ที่น้าของเธอกับสามีหามา แต่ดูแล้วอีกไม่นานเธอก็คงจะรู้เรื่องแน่ๆ เพราะตอนนี้ในนิวยอร์กกำลังพูดถึงกันหนาหู”

“ก็... สมควรแล้วนี่ในเมื่อหมอนั่นทำผิด มันมีอะไรแปลกหรือไง”

แม้จะบอกออกไปเช่นนั้นแต่อีวอนน์ก็เริ่มเหงื่อซึม

ถ้าหากมัตติกาเกิดเดือดร้อนเรื่องเงินขึ้นมา ถ้าหากจำเป็นจริงๆเธอจะยังรักษาสัญญาได้หรือ อีกอย่างเขาไม่อยากปักใจเชื่อคำพูดของผู้หญิงมากนัก เกิดวันดีคืนดีแม่เจ้าประคุณหันมาแบล็คเมล์เขาเข้าล่ะ

เห็นทีจะไม่ได้การ เขาคงต้องหาทางทำอะไรบางอย่าง ที่จะรับประกันได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่พูดออกไป!

ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน ตอนที่เอรอสรายงานต่อไป

“มีแนวโน้มว่าแดเนียล โมแรนจะถูกใส่ร้ายครับ ข้อมูลที่รวบรวมมาได้จากคนของเรา บอกว่าเขากับภรรยาถูกหุ้นส่วนผลักความผิดมาให้ และเรื่องนี้มีส่วนได้ส่วนเสียกันหลายคน แดเนียล โมแรนอาจจะเป็นแพะที่ต้องรับบาป

ส่วนอุปนิสัยของคุณมัตติกา เธอเป็นคนเงียบๆ และรักษาคำพูดได้ดีทีเดียว แทบจะไม่มีใครพูดถึงเธอในด้านลบเลย นอกไปจากว่าบ้าเรียน ขี้บ่น และมีโลกส่วนตัวสูง เพื่อนบ้านของแดเนียลกับเพ็ญพรรณให้ข้อมูลกับเราว่า เธอเป็นที่รักของบ้านมากครับ สองสามีภรรยาคู่นี้รักเธอเหมือนลูก แต่กับญาติคนอื่นๆเห็นเธอเป็นแค่บ่อเงินบ่อทอง

ตอนที่พ่อแม่ของเธอเสีย พวกเขารับเธอไปเลี้ยงดูเพราะหวังมรดก พอปอกลอกไปจนหมดตัวก็ทิ้งเธอให้ไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า จนกระทั่งน้าของเธอไปรับตัวมาเป็นลูกบุญธรรม”

อีวอนน์นิ่งฟังไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร ชายหนุ่มตัดบทสนทนา และบอกให้เอรอสไปรอเจอเขาที่เพนต์เฮ้าส์ที่บราวน์วิลล่า โรงแรมอีกแห่งของเขาที่ตั้งอยู่ปลายแม่น้ำโปโตแมกซ์ห่างจากที่นี่ไม่กี่ไมล์

ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหงุดหงิดขัดใจ เมื่อนึกถึงความหายนะของตนเองได้เป็นฉากๆ

ดังนั้นเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม และเพื่อความไม่ประมาท เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ดอกเตอร์หนุ่มเปิดประตูห้องออกไป เดินจนแทบกลายเป็นวิ่ง และจุดมุ่งหมายนั่นก็คือ...

ห้องพิเศษรับรองแขกที่มีผู้หญิงตัวเล็กกวนโมโห คนที่ต้องมาทำข้อตกลงกับเขาใหม่!





หลังกลับมาโดยลำพังไร้เงาของโฮสต์หนุ่มดาวเด่น มิรันด้าก็พบว่ามัตติกาเรียกร้องหาเครื่องดื่มแรงๆก่อนจะซัดมันลงคอโดยไม่ยั้ง แม้แสงไฟจะไม่เอื้อให้เห็นรายละเอียดมากนัก แต่ก็พอรู้ว่าในดวงตาคู่สวยที่เคยสดใสตอนนี้หม่นลง แม้จะอยากถามมากแค่ไหน แต่ว่าที่เจ้าสาวก็เก็บไว้ในใจ คิดว่ารอให้เพื่อนสนิทใจเย็นลงกว่านี้หน่อย

“เบาๆน่าตีตี้ นี่มันสี่แก้วเข้าไปแล้วนะ เดี๋ยวก็เมาจนอ้วกหรอก”

ว่าที่เจ้าสาวเอ่ยพลางดึงแก้วดรายมาตินี่ออกจากมือเล็ก แต่ไม่สำเร็จเพราะอีกฝ่ายยึดไว้แน่นก่อนยกขึ้นดื่มรวดเดียว จนเพื่อนเพื่อนอีกสามคนหันมามองอย่างเป็นห่วง

“นี่ขอโทษนะ แต่มันอดถามไม่ได้จริงๆ มีปัญหาอะไรกับพ่อหนุ่มคนนั้นล่ะตีตี้”

เจนนี่ยื่นหน้ามาใกล้ ส่วนอลิสกับเซซิเลียพยักหน้ารับหงึกหงัก บรรดาเหล่าพนักงานโฮสต์หนุ่มทั้งหลายต่างสงบปากสงบคำกันได้เป็นอย่างดี ไม่มีแทรกถามหรือสร้างความรำคาญให้กับแขกเลยสักนิด

“เปล่าไม่มีอะไรหรอกมันจบไปแล้วละ ฉันก็แค่อยากดื่มน่ะ”

คนตอบฝืนยิ้ม ในใจหม่นเมื่อคำว่าไม่มีใครต้องการลอยอยู่ในหัวไม่ยอมหายไปง่ายๆ

“เอาเถอะๆ ถ้าฉันเมาจริง ยังไงฉันก็มีมินนี่ไปส่งนี่นา น่า วันนี้เรามาสนุกกันนี่ เอ้า! เชียส!!”

“พระเจ้า!” อลิสยกมือขึ้นทาบอก แต่ไม่ลืมทำตาหวานใส่สองหนุ่มที่โน้มหน้าลงมามอง “ใครก็ได้ตอบที ครั้งสุดท้ายที่ตีตี้เมามันเมื่อไหร่”

เซซิเลียยักไหล่ “เหมือนฉันจะไม่เคยเห็น”

“นั่นแหละถูกต้อง” เจนนี่เสริม ส่วนมิรันด้าใบหน้ามีรอยกังวล กับคนอื่นไม่แน่แต่คนที่โตมาด้วยกันอย่างเธอ รู้ดีว่ามัตติกาเป็นเช่นนี้ก็เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่จะแยกตัวออกมาอยู่ตามลำพัง เมื่อผู้เป็นเพื่อนบังเอิญเจอกับ ‘ญาติ’ จากเมืองไทยที่มาเที่ยวที่นี่

สี่สาวมองจ้องมัตติกาที่ดื่มเหล้าอย่างกับน้ำ ราวกับเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ก่อนที่เสียงเปิดประตูเข้ามา จะดึงความสนใจของพวกเธอไป

คนที่เสียมารยาทเปิดประตูเข้ามาในตอนนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอีวอนน์

ชายหนุ่มนิ่วหน้า เมื่อเห็นมัตติกาดื่มเหล้า และก็ตาปรือเต็มที่ แถมยังเอื้อมมือคว้าให้วุ่นวายหลังเพื่อนอีกคนของเธอดึงแก้วค็อกเทลออกห่าง มหาเศรษฐีหนุ่มสบถอยู่ในใจ

ให้ตายแม่ชีน้อยเมา!

ดังนั้นความหงุดหงิดของอีวอนน์จึงพุ่งสูงเป็นทวีคูณ เพราะจากที่คิดว่าจะคุยกันให้จบๆไปเลยคืนนี้ มองๆแล้วมันไม่น่าจะจบง่ายๆ คนที่ความอดทนต่ำจึงก้าวยาวๆตรงเข้าไป ก่อนก้มลงคว้าลำแขนเรียวเสลาไว้มั่น

ถึงเมาให้ตาย แต่ยังไงเรื่องวันนี้ก็ต้องจบ จะรู้เรื่องไม่รู้เรื่องไม่รู้ แต่ต้องคุยกันให้แน่!

“มานี่แม่คุณ เรายังมีเรื่องจะต้องคุยกันอีก”

แม้จะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่เมื่อบำเพ็ญตัวเป็นผู้ปกครองของมัตติกา มือของมิรันด้าจึงคว้าหมับเข้าที่มืออีวอนน์พยายามดึงให้เขาปล่อยแขนของคนเมาออกแล้วแย้ง

“อ๊ะ! ตีตี้เมาแล้วคุยไม่รู้เรื่องหรอกไว้พรุ่งนี้--”

มิรันด้าอ้าปากค้างพูดไม่จบ เพราะน้ำเสียงฉุนเฉียวที่เอ่ยขัด

“ผมขอตัวตีตี้ และมันต้องเป็นวันนี้” ชายหนุ่มลงเสียงหนัก ฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายอึ้งดึงร่างเล็กขึ้นมาซบ มัตติกาปรือตาขึ้นมองยักษ์ตัวใหญ่ที่ดึงเธอลุกขึ้น หญิงสาวหรี่ตาดูแม้เมาแต่สติก็ยังพอมี เธอสะบัดตัวออกห่างบอกเสียงอ้อแอ้

“ม่ายต้องมายุ่งกับช้าน ตกลงกันแล้วไง ม่าย-พูด! โคนใจร้าย!!”

ชายหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยว นึกในใจว่าตอนนี้ไม่พูดแน่ แต่ถ้าไม่กันไว้มันก็ไม่แน่!

“พูดมากจริง!” วงแขนล่ำสันโอบรอบเอวคิดจะยกคนตัวเล็กพาดบ่าแล้วเดินออกไปเลย แต่พอเหลือบเห็นกระโปรงสั้นจู๋ที่เจ้าหล่อนสวมก็ต้องเปลี่ยนเป็นอุ้มแทน ทุกอย่างที่เกิดรวดเร็วและมิรันด้าเองก็ยังงงๆ เมื่ออีวอนน์อุ้มเพื่อนของเธอไว้ในวงแขนเรียบร้อยเขาก็หันมา

“พรุ่งนี้จะคืนให้!”

ว่าที่เจ้าสาวตาค้างเพราะอีกฝ่ายทำพูดเหมือนมัตติกาเป็นสิ่งของ

“มะ! เดี๋ยวนี่คุณ ตีตี้!!”

มิรันด้าปฏิเสธ เธอผวาลุกขึ้นแล้ววิ่งตามอีวอนน์ออกไป โดยที่เพื่อนอีกสามคนก็วิ่งกรูกันตามหลัง และทั้งๆที่อีวอนน์อุ้มมัตติกาเดินแต่ก็ยังไปถึงรถที่จอดไว้ไวกว่า เนื่องจากหลังคลับมีทางออกไปชั้นจอดรถใต้ดิน เป็นที่เฉพาะของพนักงานในคลับ

นั่นเอง ที่ทำให้มิรันด้าตามออกไปทันได้แค่เห็นไฟท้ายแดงๆของแลมโบกินีสีเพลิงซึ่งวิ่งฉิวหายไป



=================================================================>>>>>


ดีค้า พาอีวอนน์กับยัยตี๊มาส่งจ้ะ ^O^


คุณVergo222 แหะๆ พอดีลงสลับกับ เรื่อง รักแรกแลกรักด้วยอ่ะค่ะ เลยคิดว่า จะลงให้เต็มๆตอนดีกว่า ^^
คุณหนูมะลิ ชอบตอนเฮียเต้นป่ะล้า โฮะๆๆๆๆ

และคุณๆรีดเดอร์ที่แวะเข้ามาอ่าน มากดคะแนนให้ ขอบคุณมกาๆ ค่ะ

วันนี้ไปแล้วนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้า ส่วนคืนนี้หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ย. 2558, 19:47:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ย. 2558, 19:47:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1366





<< Chapter 3 หนีไม่พ้น    Chapter 5 ข้อตกลงใหม่ >>
Zephyr 8 ก.ย. 2558, 23:50:05 น.
มาขโมยไปจากอกแม่มินนี่จนได้
ตีตี้จะำด้ออกเรือนแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account