ดวงจิตสื่อรัก

Tags: ไม่ใช่แนวตบจูบเป็นเรื่องที่แต่งจากประสบการณ์เรื่องจิตวิญญาณ

ตอน: ตอนที่ 17

ตอนที่ 17
นักข่าวสาวแอบมาหาข่าวในโรงแรมหรูบนเขาที่พัทยาใต้ตามที่ปฏิภาณบอก เธอนั่งรอแถวล็อบบี้ทำที
เหมือนมารอพบเพื่อน เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยสงสัยว่าจะถูกที่ปรึกษาหนุ่ม
หลอกจึงเปลี่ยนใจคิดไปหาข่าวที่อื่นแต่พอจะลุกสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างสูงของก้องเกียรติ เดินเคียงคู่มากับ
ชายหนุ่มร่างบอบบางอ้อนแอ้นดูคล้ายหญิงมากกว่าชายหน้าตาสวยหวานกว่าผู้หญิงเสียอีก แม้จะพยายาม
ทำตัวแอ๊บแมนแต่เธอก็ดูออกว่าไม่ใช่ผู้ชายแท้ เป็นใครกัน เธอรู้จักก้องเกียรติแต่ไม่รู้จักกุมภา พอเห็นก้องเกียรติ
ก็ทำให้นึกถึงนิศาชลขึ้นมาทันที

“ที่แท้ สาวสวยคนนั้นเป็นเมียคุณก้องเกียรตินี่เอง“ นักข่าวสาวเผลอพูดออกมาเบาๆ เธอเข้าใจแล้วทำไม
ปฏิภาณถึงแนะให้มาหาข่าวที่นี่ ฉลาดสมกับเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีจริงๆคิดยืมมือเธอเปิดโปงพฤติกรรมของนัก
ธุรกิจหนุ่มภาพพจน์ดีเป็นสุภาพบุรุษจนเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆหลายคน ที่แท้ก็ชอบไม้ป่าเดียวกัน แต่เธอยังไม่
ปักใจเชื่อนักหรอก เล่นกับคนพวกนี้ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตายก่อน ถ้าไม่มีหลักฐานมัดแน่นหนาอาจถูกฟ้องกลับ
และหมดทางทำมาหากินได้ คิดดังนั้นนักข่าวสาวจึงรีบตามคนทั้งคู่เข้าไปในห้องอาหารของโรงแรม เลือกนั่งหลัง
โต๊ะของก้องเกียรติกับกุมภาเพื่อดักฟังและบันทึกภาพคนทั้งคู่ได้ถนัดโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว

“คงต้องให้แม่อั้มบีบบังคับพี่สาวอั้มทำงานให้เราอีกครั้ง คราวนี้ต้องวางแผนให้ดี ทำให้ปีเตอร์ได้พี่สาว
อั้มสมใจ” ก้องเกียรติยังไม่ละความพยายามที่จะเอานิศาชลมาสังเวยให้ปีเตอร์เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
“ไม่ต้องห่วงคุณก้อง อั้มรับรองฮะ แม่ต้องทำได้ แต่อั้มขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย กลัวแม่สงสัย แม่ยังไม่รู้
ว่าเราทำอะไรพี่วิว ถ้ารู้แม่ไม่ยอมแน่” กุมภามีท่าทีลังเล

“ทำไมจะไม่ได้ ผมเห็นอั้มพูดอะไรแม่ก็เชื่อหมด ผมไม่อยากให้โปรเจคของผมต้องสะดุดเพราะพี่สาว
ตัวแสบของอั้ม ผมคุยกับปีเตอร์แล้ว รอให้มาดามชานกลับฮ่องกงไปก่อน ค่อยหาทางส่งพี่สาวอั้มไปเป็นของ
กำนัล และจะพลาดเหมือนครั้งนี้ไม่ได้ด้วย แต่ก็แปลกนะที่ปีเตอร์กลัวเมีย มาดามชานเองก็ดูแปลกๆ พูดเหมือน
รู้ว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่ ใครนะที่บอก” ก้องเกียรติฉลาดไม่ใช่เล่นที่รู้ว่ามาดามชานมาพัทยาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

จากคำสนทนาที่ได้ยิน นักข่าวสาวพอจะคาดเดาเรื่องได้เลาๆ ‘นายก้องเกียรติเลวจริงๆ ใครกันผู้หญิงชื่อวิว
ที่เป็นพี่สาวของคู่ควงนายก้องเกียรติที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อ ต้องสืบให้รู้ให้ได้’ นักข่าวสาวตั้งใจเกาะติดเรื่อง
ของก้องเกียรติอย่างใกล้ชิด อยากกระชากหน้ากากนักธุรกิจสุภาพบุรุษจอมปลอมออกและอาจทำให้ช็อก
สนั่นวงการไปเลยก็ว่าได้ หากความจริงเป็นอย่างที่เธอคาดเดา
========================
ราตรีเห็นภานุเดินหอบดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ตรงเข้ามาหา หัวใจก็พองโตพลางอดคิดเข้าข้างตัวเอง
ไม่ได้ว่าหมอหนุ่มขวัญใจสาวๆคงมอบช่อกุหลาบแดงในมือให้เธอแน่ แต่เธอจะแสดงอาการดีใจจนออกนอก
หน้าไม่ได้จึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นทำท่าจะเดินเลยไปยังแผนกเภสัชกรรมหากภานุไม่รีบเดินมาขวางไว้
“หยุดก่อนครับคุณราตรี ไม่ทราบพอมีเวลาคุยกับผมก่อนเริ่มงานไหมครับ” ภานุถามอย่างเกรงใจ
ทว่าสาวใหญ่กลับคิดว่า เขาเข้าใจแสแสร้ง คงกลัวคนอื่นสงสัย ต้องช่วยเขาเล่นละครหน่อย

“แหมหมอภีมนี่น่าตีนัก เราคนกันเองแท้ๆ ทำไมต้องเกรงใจด้วย” ราตรีแสร้งหยอกล้อเล่นทำราวกับ
เธอสนิทกับหมอหนุ่มทั้งที่ความจริงนั้นเธอคิดไปเองคนเดียว
“ผมเกรงใจคุณราตรีเหมือนกัน แต่ผมมีเรื่องอยากให้คุณราตรีช่วย คือผมอยากขอโทษคุณข้าวเรื่องที่
เพื่อนผมไปทำร้ายเธอเข้า ดูเธอยังไม่หายโกรธผมเท่าไหร่ “ พอรู้จุดประสงค์ของหมอหนุ่มสีหน้าอันสดชื่นของ
ราตรีก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมแทน เธอทั้งแค้นทั้งผิดหวังที่คาดผิด

“หมอภีมจะให้พี่ช่วยยังไงคะ พี่ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร “ ราตรีพูดเสียงแข็งเป็นเชิงให้รู้ว่าไม่พอใจ
ทว่าภานุยังไม่รู้ตัวเพราะเขาไม่เคยคิดกับราตรีในทำนองชู้สาวแต่ทำตัวเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันและไม่พยา
ยามเรียกเธอว่า ‘พี่’ ไม่อยากให้สนิทเกินไปแม้อีกฝ่ายจะพยายามแทนตัวว่า ‘พี่’ มาตลอดก็ตาม จริงอยู่เขาชอบ
ผู้หญิงแต่ชอบที่อายุน้อยกว่าและไม่พยายามให้ความสนิทกับพวกสาวแก่เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา
“ไม่ยากครับ ผมรู้ว่าเธอชอบกุหลาบแดง ผมอยากฝากคุณราตรีช่วยเอาช่อกุหลาบนี้ไปให้เธอที เท่านี้ก็
พอครับ หวังว่าคงไม่รบกวนคุณราตรีเกินไป” หมอหนุ่มยื่นช่อกุหลาบที่ราตรีหมายตาไว้ให้ สาวใหญ่ฝืนยิ้มรับมา

“แหม สวยจังนะคะ ถ้าพี่ได้รับสักช่อ คงโกรธไม่ลงแล้วค่ะ แต่เด็กคนนี้นิสัยออกจะแปลกคนหน่อย พี่ไม่
แน่ใจว่าจะได้ผล เอาเป็นว่าพี่จะช่วยนะคะ“ ราตรีไม่วายพูดถึงกีรกันตาในแง่ร้ายขณะเดียวกันก็วางตัวเป็นผู้ใหญ่
ที่ดีให้ความช่วยเหลือหมอหนุ่ม
“ขอบคุณครับคุณราตรี ผมไม่รู้จะวานใครให้ช่วยนอกจากคุณราตรี ผมขอเลี้ยงมื้อเที่ยงเป็นการขอบคุณ
สักมื้อนะครับ” สิ่งหนึ่งที่ภานุพยายามทำคือแสดงน้ำใจกับทุกคน

“เรื่องเล็กๆแค่นี้เอง พี่ทำเพื่อหมอภีมได้อยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก” ราตรีเล่นบทคนมีน้ำใจหากใจ
นั้นนึกภาวนาให้ภานุเลี้ยงจริงๆ
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับคุณราตรี ผมอยากเลี้ยงขอบคุณที่เป็นธุระให้หลายเรื่องอยู่แล้ว แต่ผมอยาก
วานให้ช่วยพาคุณข้าวออกมาด้วย” ภานุไม่น่าเอากีรกันตามาเกี่ยวเลยเพราะเขาจะทำให้หญิงสาวเดือดร้อน
หนักขึ้น

“เห็นจะยังไม่ได้หรอกค่ะ หมอภีม พี่ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าพี่เอาใจเด็กคนนี้เป็นพิเศษ จนทำให้เสีย
การปกครอง แต่ถ้าหมอภีมจะลองนัดเองก็ตามใจนะ พี่ขอตัวไปทำงานก่อน” ราตรีเกือบกระแทกเสียงใส่หมอ
หนุ่มก่อนจากไปแต่ภานุไม่ทันได้สังเกตเพราะบังเอิญเห็นศวิตาเดินยิ้มมาหานั่นเอง
“ไงคะภีม แปลกใจมากเหรอคะที่เห็นจุงแต่เช้า ภีมใจร้ายมากไม่โทรหาจุงเลย สงสัยมีอะไรดีที่ทำงาน
แน่เลย” ศวิตายั่วทีเล่นทีจริง ภานุมองเธออย่างรู้ทัน

“คุณต่างหากใจร้าย ไม่สนใจผม เห็นสนใจแต่งานสังคม วันนี้มาหาผมได้ ผมควรจะดีใจงั้นสิ” เขาอด
แขวะเธอตรงๆไม่ได้ เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าศวิตาคิดอะไรอยู่
“ภีมก็ ทำเป็นน้อยใจไปได้ ก็จุงมาหาด้วยความคิดถึงแล้วไงคะ” ศวิตายั่วทั้งน้ำเสียงและการกระทำ
เธอยื่นนิ้วเรียวสวยไปแตะปากเขาเบาๆ ทว่าภานุปัดออก รู้สึกไม่พอใจที่เธอทำเหมือนเขาเป็นของเล่นให้เธอ
หยอกเล่นท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา โชคดีที่ไม่มีใครสนใจ

“เราไปคุยในห้องดีกว่า ผมไม่ชอบที่คุณทำอะไรโดยไม่สำรวมต่อหน้าคนอื่น” ภานุยังคงเป็นภานุ
ยามไม่พอใจจะว่าตรงๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดกับเธอตรงๆ นี่คือสิ่งที่ศวิตาชอบในตัวผู้ชายคนนี้ ทำให้ไม่อยาก
สลัดทิ้งสักเท่าไรนัก แม้เธอจะไม่ได้รักใคร่เขาจริงจัง เขาเองก็ไม่คิดจะลงเอยกับเธอด้วยเช่นกัน

ภานุพาเธอมาถึงห้องที่มีป้ายชื่อเขาติดอยู่ แล้วล็อคประตูโทรบอกพยาบาลว่ายังไม่พร้อมให้ใครเข้ามา
รบกวน จากนั้นก็หันมาพูดกับเธอตรงๆ
“เอาล่ะ ไม่มีใครแล้ว บอกธุระคุณมาดีกว่า ห้ามบอกว่าคิดถึงผม ไม่เชื่อหรอก เห็นกำลังหลงใหลได้
ปลื้มกับผู้ชายคนใหม่ที่แย่งเพื่อนมาได้สดๆร้อนๆ ยังมีหมออามอีกคนที่คุณอยากแย่งมาเก็บไว้ในสต็อกผู้ชาย
ของคุณไม่ใช่เหรอ” ภานุรู้เรื่องของเธอมากกว่าที่คิดและเท่าทันความคิดเธอด้วย
“แหมวันนี้ดูท่าทางซีเรียจจังนะคะ ปากบอกไม่คิดถึงแต่เฝ้าสังเกตพฤติกรรมจุงนะเนี่ย จุงแค่อยากทด
สอบว่าภีมยังสนใจจุงอยู่อีกมั้ย ทำเป็นน้อยใจไปได้ จุงจะชดเชยให้นะคะที่รัก” ศวิตาอยากยั่วคนรู้ทันเล่น
เธอพาร่างอันเย้ายวนเข้าไปใกล้ โน้มคอเขาลงมาเป็นฝ่ายเริ่มบดจูบเขาอย่างดูดดื่มรุนแรง เธอรู้ว่าเขาอดไม่ได้
หรอกกับเรื่องแบบนี้ จุดติดง่าย ดังนั้นจากท่าทีไม่พอใจของภานุก็กลายเป็นสนองกลับไปตามอารมณ์ที่ดูจะร้อน
แรงขึ้นเรื่อยๆสักพักเขาก็ปล่อยเมื่อเริ่มรู้ตัว

“เป็นไง ผมพอเทียบกับผู้ชายคนใหม่ของคุณได้มั้ย เอาล่ะคุณได้ข้อเปรียบเทียบแล้ว บอกมาจะให้ผม
ช่วยอะไร มีคนไข้รอตรวจอยู่ ผมไม่มีเวลาให้คุณมากนักหรอก” ศวิตาฉุนจัดที่ถูกเขาจับได้ เห็นทีภานุไม่ใช่คนที่
เธอจะประมาทได้อีกต่อไป
“ได้ไม่ได้จุงไม่ขอตอบ เอาเป็นว่าภีมยังคงเป็นนัมเบอร์วันของจุงค่ะ” เธอพูดได้ไม่อายปาก
“ผมควรจะภูมิใจดีไหมที่คุณศวิตา ลูกสาวสุดรักสุดหวงของคุณคณินให้เกียรติหมอกระจอกอย่างผม
เป็นนัมเบอร์วันในใจ นางฟ้าใจดีอย่างคุณให้เกียรติยกย่องผมถึงปานนี้ มันน่าปลื้มดีแท้ แต่อย่าดีกว่า ผมกลัว
อยู่ในตำแหน่งไม่ตลอด” เขารู้ทันแถมประชดเธออีกตามเคย

“ภีมรู้มั้ยนี่คือความน่ารักของภีมที่จุงชอบ ไม่เอาใจจุง พูดตรงๆ ไม่ยั่วภีมเล่นแล้ว จุงมีเรื่องให้ช่วย จุงรู้
นะคะว่าภีมสนใจแฟนหมออาม เรามาแลกกันมั้ย ภีมจีบยัยนั่นทำให้หมออามเข้าใจผิด แล้วจุงจะเป็นมือที่สาม
เข้าไปแยกทั้งคู่เอง เรื่องจีบผู้หญิงภีมถนัดอยู่แล้ว ใช้ความเจ้าชู้ของภีมให้เป็นประโยชน์ รับรองยัยน่อมแน้มนั่น
เสร็จภีมแน่ เป็นไงข้อเสนอของจุงน่าสนใจมั้ย” ภานุจ้องมองเธออย่างคาดไม่ถึง เขานิ่งใช้ความคิด สักพักก็ยิ้ม
ดีเหมือนกันถ้าได้ศวิตาช่วย กีรกันตาต้องเลิกกับอมรินทร์แน่ จากนั้นเขาจะเป็นคนเข้าไปดามหัวใจให้เอง เขา
หมายตาผู้หญิงคนนี้ไว้นานแล้วต้องครอบครองเธอให้ได้
“ตกลงผมจะช่วย ไม่เสียดายผมแน่นะ เที่ยวยกผมให้คนอื่น ใหม่ๆคุณหวงผม ตามราวีผมไปทุกที่ แต่พอ
เบื่อก็รีบถีบหัวส่งให้คนอื่น คุณนี่มันสุดยอดวีรสตรีจริงๆ ถ้าคนในสังคมรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณศวิตาสาวสวย
น้ำใจงามทำงานเพื่อสังคม ผมนึกไม่ออกแฮะ ผลตอบรับจะเป็นยังไง” เขาตั้งใจแขวะเลย

“นึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึก ความจริงจุงก็เสียดายภีมนะคะ แต่จุงไม่คิดจะผูกพันตัวเองไว้กับคนเจ้าชู้อย่าง
ภีม เจอสาวสวยหน่อยไม่ได้จีบดะ ไม่สนใจลูกเขาเมียใคร จุงยังคิดไม่ออกเลยนะถ้าคนเขารู้ว่าหมอภานุคนเก่ง
ขวัญใจคนไข้ อยู่ใกล้แล้วรู้สึกอบอุ่น เป็นหมอมีอุดมการณ์ หมอหนุ่มไฟแรงอนาคตไกลนั้นแท้จริงแล้วเป็นอย่าง
ไร สงสัยได้ช็อกทั่วโรงพยาบาลแน่” เธอเองก็ใช่ย่อยสวนกลับแรงๆเหมือนกันทว่าภานุยักไหล่อย่างไม่แคร์
กับศวิตาเขาไม่จำเป็นต้องแสแสร้ง
“คุณมีธุระแค่นี้ใช่ไหม ถ้างั้นผมขอทำงาน อย่างคุณว่าผมต้องรักษาภาพพจน์ ผมกลัวความจริงถูกตีแผ่”
เขาไล่อย่างสุภาพ

“จะรีบไล่จุงไปไหนคะ จุงยังไม่หมดธุระเลย ช่วยจุงออกใบสั่งยาแก้ไข้หวัดใหญ่หน่อย จุงจะเอาไปให้
เด็กที่บ้านกิน ตัวร้อนจัดท่าทางเป็นไข้หวัด เห็นบ่นว่า เจ็บคอ ไอ ตัวร้อนเป็นไข้ มีน้ำมูก” ภานุไม่อยากจะเชื่อ
คนอย่างเธอมีหรือจะห่วงใยคนในบ้าน คงมีจุดประสงค์อื่นมากกว่า
“คุณทำตัวสมกับเป็นนางฟ้าใจดีจริงๆ ห่วงใยคนอื่นเป็น บอกมาตรงๆดีกว่าจะให้ผมสั่งยาไปทำไม
ผมไม่ออกให้เด็ดขาดถ้าไม่ได้ตรวจอาการคนไข้ก่อน” ด้วยความเป็นหมอเขายังยึดจรรยาบรรณบ้าง

“ภีมก็ ซีเรียจไปได้ ยารักษาไข้หวัดธรรมดา เอาไว้บ้านก็ไม่เสียหาย จุงมาโรงพยาบาลทั้งทีก็อยากได้
อะไรติดไม้ติดมือไปบ้าง เขียนมาเถอะ ไม่อย่างนั้นจุงไม่ออกจากห้องนี้เด็ดขาด จุงทำได้จริงๆนะจะบอกให้”
เธอร้ายนักหาเรื่องขู่เขา ในที่สุดคนเป็นหมอก็จำยอมออกใบสั่งยาให้เธอไปรับยาที่แผนกเภสัชกรรมและการเงิน
ศวิตายิ้มพอใจแล้วเข้าไปกอดเขาพร้อมจูบเขาอย่างดูดดื่มร้อนแรงอีกครั้งก่อนจากไป
=====================

ราตรีมาที่แผนกเภสัชกรรมพร้อมช่อกุหลาบแดงของภานุด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่รับแขกเหมือนเดิม
คนที่เห็นต่างพากันมึนงงไปตามกันและคิดตรงกันว่า ‘ใครกันนะผู้ชายโชคร้ายที่มอบกุหลาบแดงแจ้งรักให้
ยัยราตรี’ และแทนที่ราตรีจะดีใจที่ได้รับช่อดอกไม้กลับทำหน้าเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมา
สักพักก็มีคำสั่งเรียกกีรกันตาเข้าไปพบ ถือเป็นเรื่องปกติประจำแผนกไปแล้วที่ทุกเช้ากีรกันตาจะถูกราตรี
เรียกไปต่อว่าที่ห้องจนใครๆในแผนกพากันบอกว่า ‘เรียกเข้าห้องเย็น’

“ข้าวระวังตัวหน่อย พี่ว่ายัยราตรีต้องหาเรื่องข้าวอีกแน่ ไม่แน่นะช่อกุหลาบอาจเป็นของข้าวก็ได้ คงไม่มี
ใครคิดผิดมอบกุหลาบแดงแจ้งรักให้ยัยราตรีหรอก” วิมลผู้เป็นไม้บื่อไม้เมากับราตรีเตือนและเดาได้ค่อนข้างแม่น
“พี่วิมล เป็นไปไม่ได้หรอก ข้าวว่าเป็นของคุณราตรีเองมากกว่า ไว้ออกจากห้องเย็นแล้วจะมาบอก
ขอตัวก่อนค่ะ “ กีรกันตารีบพาตัวเข้าไปพบราตรีในห้อง พอถึงก็เห็นเจ้าของห้องนั่งนิ่งมองเธออย่างเอาเรื่อง
จากนั้นก็เลื่อนช่อกุหลาบแดงบนโต๊ะไปตรงหน้าเธอ

“บอกมาซิ หมายความว่ายังไง เธอขยันก่อเรื่องให้ฉันไม่เว้นแต่ละวัน มาทำงานไม่ถึงเดือนก็มีเรื่องชู้
สาวกับหมอภานุจนคนเขาลือไปทั่ว ฉันอายจริงๆ ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรที่มีลูกน้องแบบเธอ” เป็นไปตามคาด
ราตรีเหวี่ยงใส่เธอทันที
กีรกันตาทำหน้าไม่ถูก จู่ๆก็ถูกกล่าวหาเพียงเพราะช่อกุหลาบของหมอภานุ วิมลเดาได้แม่นจริงๆ
“ข้าวไม่เข้าใจค่ะ ข้าวไม่เคยวุ่นวายกับหมอภานุนะคะ” กีรกันตาบอกตามตรง

“หลักฐานคาตาอย่างนี้ยังจะแก้ตัวอีก รู้มั้ยหมอภานุฝากบอกอะไรมาอีก ฝากให้ฉันชวนเธอไปกินข้าว
กลางวันด้วย ถ้าเธอไม่ได้จงใจยั่วหมอภานุ แล้วช่อกุหลาบแดงนี้มาจากไหน อยู่เวรกลางคืนก็มีคนเห็นหมอภานุ
กับเธอทานข้าวด้วยกันตอนสองทุ่ม ใครๆก็รู้ว่าหมอภานุเลิกงานตอนห้าโมงเย็น ไม่เคยอยู่ดึก หรือจะเถียงอีก
ว่าไม่ได้ยั่วหมอภานุ ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วที่มีเรื่องบัดสีแบบนี้ในแผนก” ราตรีเหวี่ยงใส่กีรกันตาไม่ยั้ง
จนหญิงสาวตั้งรับไม่ทันกับข้อกล่าวหา นึกเกลียดภานุขึ้นมาทันทีที่หาเรื่องเดือดร้อนให้เธอ ทั้งที่มีศวิตาอยู่ทั้งคน
ยังคิดปันใจให้สาวอื่น เธอไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบพอเขาสักหน่อย รู้ทั้งรู้ว่าเธอมีอมรินทร์อยู่ ยังไม่วายคิดจีบอีก
ยิ่งคิดยิ่งชิงชังหมอหนุ่มคนนี้ขณะเดียวกันก็นึกแปลกใจ
‘ทำไมราตรีถึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นกับเรื่องนี้นัก หรือว่า...เป็นไปไม่ได้’ กีรกันตาเริ่มสับสนและเบื่อ

“ข้าวขอบคุณค่ะที่เตือน ไว้ข้าวจะระวังตัว ถ้าคุณราตรีไม่มีเรื่องอื่นแล้วข้าวขอตัวไปทำงานก่อนค่ะ”
กีรกันตาจำใจทำทีอ่อนน้อมต่อราตรีเพราะต้องการไปให้พ้นๆ ไม่อยากรบรากับหัวหน้าสาวใหญ่ในเรื่องไม่เกี่ยว
กับงาน
“มันจะมากไปแล้วนะ กล้ามาพูดกับฉันแบบนี้ ฉันเตือนด้วยความหวังดีกลับทำอวดดี ฉันรู้นะเธอน่ะ
เส้นใหญ่ แต่จะมาใหญ่กับฉันไม่ได้ จำไว้นะถ้าฉันได้ยินข่าวซุบซิบนินทาเรื่องเธอกับผู้ชายอีก รับรองฉันไม่เอาเธอ
ไว้แน่ ไปทำงานได้แล้ว” ราตรีขู่แล้วรีบไล่เพราะเริ่มรู้ตัวว่าเผลอแสดงอะไรออกไปให้เด็กสาวรู้ กลัวถูกจับได้

วิมลเดินเข้าหากีรกันตาหลังเห็นเธอเดินออกจากห้องราตรี พอเห็นใบหน้าเซ็งๆของเด็กสาวก็พอจะ
เดาเรื่องได้ทะลุปรุโปร่ง
“ยังไม่ชินกับความบ้าของยัยราตรีอีกเหรอ อย่าไปใส่ใจเลยนะทำงานดีกว่า” วิมลปลอบ

“เริ่มชินแล้วค่ะ ถ้าวันไหนไม่ถูกเรียกตัวไปดุสงสัยทำงานไม่เป็นสุข” กีรกันตาเห็นเป็นเรื่องสนุกตาม
เคยเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง
“ขอให้มันจริงเถอะ แม่คนอารมณ์ดี แต่พี่อยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของช่อกุหลาบแดง” คราวนี้วิมลกระซิบ
ถามเพราะไม่อยากให้คนอื่นที่คอยเงี่ยหูฟังรับรู้ กีรกันตาไม่มีเวลาตอบเพราะต้องรีบไปจ่ายยาให้คนใข้แต่พอเห็น
ชื่อกับคนที่มารับยาก็เกือบอ้าปากค้าง

“สวัสดีค่ะ คุณกีรกันตา แหมไม่นึกไม่ฝันจะเจอกันอีกนะคะ ระหว่างเราหนีกันไม่พ้นจริงๆ” เสียงทักของ
ศวิตานั้นดังพอที่จะทำให้คนรอบข้างได้ยินกันทั่ว ไม่รู้ว่าเธอจงใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่ แต่ก็เรียกความสนใจจาก
ผู้คนในแผนกรวมถึงคนที่รอรับยาหลายคนได้ ส่วนใหญ่จำได้ว่าสาวสวยคนนี้เป็นใครเนื่องจากปรากฏตัวเป็นข่าว
สังคมบ่อย ทั้งสื่อทีวี หนังสือพิมพ์ กับนิตยสารต่างๆ

“ช่วยบอกชื่อนามสกุลด้วยค่ะ” แทนที่กีรกันตาจะโต้กลับเธอกลับถามตามหน้าที่ก่อนจ่ายยาให้คนไข้
ศวิตาฉุนจัด ‘ยัยน่อมแน้ม ร้ายนักนะ นึกหรือว่าคนอย่างฉันจะยอมจบแค่นี้ คอยดูใครจะร้ายกว่ากัน’
“ศวิตา ตั้งสกุลวาณิชย์” ศวิตาตอบเสียงดังฟังชัดนัยน์ตาเป็นประกายวาววับจนน่ากลัว

“นี่ค่ะ ยาแก้อักเสบทานจนหมดตามหมอสั่งค่ะ ยาแก้ไอทานแล้วง่วงหน่อยเวลาขับรถไม่ควรทาน
ยาก่อนอาหารทานก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง นอกนั้นทานตามอาการ มีอะไรจะสอบถามเพิ่มเติมมั้ยคะ”
กีรกันตาดูจะตั้งใจบริการคนไข้รายนี้เป็นพิเศษ
“ไม่มีค่ะ รู้สึกประทับใจในบริการของพนักงานที่นี่มาก ห่วงใยคนไข้จริงๆนะคะ” ศวิตาตั้งใจชมทั้ง
น้ำเสียงกับสีหน้าก่อนถือถุงยาเดินจากไป

กีรกันตาลอบถอนใจอย่างโล่งอกที่สามารถจัดการกับคู่อริได้และหันไปสนใจจัดยาให้คนไข้รายถัดไปจึง
ไม่เห็นสายตาที่มองมาอย่างอาฆาตมาดร้ายของศวิตา
==================

ออกจากพัทยาปฏิภาณก็พานิศาชลมาส่งบ้านและถือโอกาสไถลอยู่ต่อเพราะวันทายังไม่กลับ
“คุณต้น ถ้ายังไม่กลับช่วยทำกับข้าวมื้อเย็นแทนวิวที เผื่อคุณป้าจะปลื้มบ้าง” นิศาชลถือโอกาสใช้
“ใจร้ายจังใช้คนไม่ให้พัก ของีบก่อนสักสองสามชั่วโมงค่อยว่ากัน เพิ่งบ่ายโมงกว่าเองยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมง”
พูดพลางบิดขี้เกียจทำท่าจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาในห้องรับแขกซึ่งมีเพียงเขากับนิศาชลเท่านั้น

“ขี้เกียจอย่างนี้อนาคตจะเลี้ยงใครได้น้า หาแฟนเศรษฐีดีกว่า” นิศาชลคุกเข่าลงกับพื้นข้างโซฟาแกล้ง
ยั่วเขาเมื่อเห็นเขาทำท่าจะหลับ
“ไม่ต้องหาหรอก ผมนี่ไงเศรษฐีในอนาคต รอไว้จัดการเรื่องนายก้องเกียรติกับพวกได้ก่อน แล้วคุณวิว
ได้เป็นเมียเศรษฐีชื่อต้นแน่นอน” เขายั่วเล่นบ้าง ยื่นมือไปดึงตัวเธอเข้ามากอดแต่นิศาชลระวังตัวอยู่แล้วจึงไม่
หลงกล

“เดี๋ยวเถอะ คุณต้นชักเอาใหญ่แล้ว เกิดคุณป้ามาเห็นเข้ามีหวังไม่ได้มาเหยียบบ้านนี้อีกแน่ เลิกพูดเล่น
เถอะค่ะ คุณต้นจะจัดการกับนายก้องเกียรติยังไงคะ” เธอมีสีหน้าไม่สบายใจนัก เขาลุกขึ้นนั่งมองเธอแล้วยิ้ม
นิศาชลมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจก่อนขยับตัวขึ้นไปนั่งข้างๆ
“คุณต้น วิวกลุ้มยังมีหน้ามายิ้มอีก วิวชักไม่แน่ใจแล้วสิ คุณต้นตั้งใจช่วยวิวจริงเหรอ” เธอต่อว่าอย่าง
ไม่พอใจนักที่เขาไม่รู้สึกกังวลเหมือนเธอ

ปฎิภาณดึงตัวเธอเข้ามากอดแล้วบีบจมูกโด่งงามเบาๆ “คิดมากจังแฟนผมเนี่ย เลิกห่วงเรื่องนี้ได้แล้ว
อีกไม่นานจะมีข่าวช็อกคนในสังคมเกี่ยวกับนายคนนี้ คราวนี้สบายใจได้หรือยัง” นิศาชลพอได้ยินก็เปลี่ยนจาก
กังวลเป็นแปลกใจแทน
“เป็นไปได้ยังไง อย่าบอกว่าคุณต้นจะเปิดเผยเรื่องนี้เอง ไม่เชื่อหรอก คุณคงไม่เอาตัวไปพัวพันให้เป็น
ข่าวแน่ บอกมาดีกว่า แอบวางแผนอะไรไว้ คนเจ้าเล่ห์” นิศาชลฉลาดไม่ใช่เล่นที่รู้ทัน

“แล้วกันสิคุณวิว มาว่าผมเจ้าเล่ห์ ผมออกเป็นคนซื่อและดี พูดอย่างนี้ผมเสียหายนะ “ เขาโวย
“ค่ะ คุณต้นเป็นคนดี ไหนคนดีช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิคะว่าทำยังไง” เธอชมแต่เขากลับรู้สึกเหมือนถูกแขวะ

“ค่อยยังชั่วหน่อย ผมไม่ยอมเสียภาพพจน์คนดีหรอก บอกให้ก็ได้ พอผมห็นนักข่าวแอบมาถ่ายภาพหวีดๆ
ของเราที่พัทยาก็นึกแผนออก ยืมมือนักข่าวจัดการนายก้องเกียรติแทน นักข่าวสาวคนนี้ฝีมือดีและเป็นคนดีพอ
สมควร ผมแค่ชี้นำหน่อยเธอก็สานต่อได้โดยที่เราไม่ต้องทำอะไร เป็นไงผมเก่งมั้ย” เขาไม่วายชมตัวเองเลยได้
ค้อนงามๆแทนคำตอบ
“ค่ะเก่ง ต้องเห็นผลงานก่อน วิวถึงจะยอมรับ” เธอไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนักว่าจะได้ผล

“พูดแบบนี้ผมน้อยใจนะเนี่ย อุตส่าห์วางแผน คิดจนหัวแทบระเบิด แทนที่แฟนจะชมกลับไม่เชื่อ”
เขาบ่นน้อยใจ นิศาชลลอบยิ้ม ดีสม อยากอวดเก่งนัก แล้วเธอก็สะดุ้งเมื่อแก้มเนียนนุ่มถูกฝังจูบฟอดใหญ่ก่อน
รีบขยับตัวออกห่างเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา เขาสัมผัสได้ว่าคนมาใหม่มีท่าทีไม่พอใจ แล้วมันก็เป็นจริงเมื่อ
เห็นวันทาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจนักที่เห็นนิศาชลนั่งชิดเขา
“สวัสดีครับคุณป้า พวกผมกำลังรอคุณป้าอยู่พอดี จะอวดของฝากครับ” ปฏิภาณเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน
ทำเป็นไม่สนใจปฏิกิริยาของวันทาขณะที่นิศาชลรีบลุกไปเกาะแขนคนเป็นป้าอย่างประจบ

“ไม่ต้องมาประจบฉัน อยู่ตามลำพังที่พัทยาสามสี่วันยังไม่พออีกรึ รู้มั้ยแม่อรสาโทรมาอาละวาดใหญ่
หาว่าฉันเอาลูกสาวเขาไปซ่อน” ที่แท้วันทาไม่พอใจเรื่องอรสาโทรมาหาเรื่องมากกว่า
‘จริงสิเธอกับเขาไถลอยู่พัทยาต่ออีกสองวัน ป่านนี้พวกนั้นคงไปเป่าหูมารดาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว’
นิศาชลรู้สึกผิดที่ทำให้วันทาเดือดร้อน

“วิวขอโทษค่ะที่ทำให้คุณป้าเดือดร้อนเพราะเรื่องของวิวอีก” นิศาชลกราบอกวันทาอย่างสำนึกผิด
วันทามองหน้าหลานสาวอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่หรอกลูก ป้าดีใจมากกว่าที่วิวยังไม่กลับ ถ้ากลับมาแม่อรสาคงอาละวาดใส่วิวแทน กับป้าไม่กล้า
เท่าไหร่ บอกป้ามาตรงๆ อยู่เที่ยวพัทยาเพลินจนลืมเวลากลับเพราะพ่อคนนี้รั้งตัวไว้ใช่มั้ย” วันทาไม่ได้สนใจ
เรื่องน้องสะใภ้มากนักแต่กำลังกลัวอย่างอื่นมากกว่า

นิศาชลรู้ว่าท่านกำลังกลัวอะไร กลัวความรักความใกล้ชิดอาจทำให้เกินเลย หากไม่มีข้อจำกัดว่าเป็น
ภรรยาคนอื่นตามกฎหมายคงไม่น่าห่วงนัก แต่จะตอบได้อย่างไรว่าเป็นความสมัครใจของเธอเองที่อยากอยู่
ตามลำพังกับคนที่เธอรักต่อ ยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
“ผมรับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ผมกับคุณวิวไม่มีอะไรในกอไฝ่อย่างที่คุณป้ากังวลหรอกครับ
ต่อให้บรรยากาศเป็นใจก็ตาม พวกเราอยากให้ทุกอย่างถูกต้องตามประเพณีมากกว่า” ปฏิภาณเป็นฝ่ายพูดให้
วันทาสบายใจแทน น้ำเสียงหนักแน่นจริงจังที่เอ่ยออกมาทำให้วันทาเบาใจแต่ยังไม่คิดจะญาติดีกับเขา
กลัวจะได้ใจแค่นี้ก็แทบขวางไม่อยู่แล้ว ยิ่งหลานสาวรู้เห็นเป็นใจด้วยยิ่งน่ากลุ้ม

“ขอให้เป็นจริงอย่างที่พูดเถอะ ยัยวิวต่อไปนี้ป้าขอห้ามเด็ดขาด ไม่ให้ไปใหนตามลำพังกับพ่อคนนี้อีก
บอกตรงๆไม่ค่อยไว้ใจ แล้วนี่ไม่คิดจะกลับบ้านเหรอไงพ่อคุณ ป่านนี้น้องสาวรอแย่แล้วมั้ง” วันทาทำทีเป็นไล่
นิศาชลบุ้ยใบ้ให้เขารีบกลับก่อน
“ยังกลับไม่ได้ครับ ผมไม่มีกุญแจเข้าบ้าน ลืมเอาไป กว่าน้องผมจะกลับคงดึก ผมขออยู่ทานมื้อเย็น
กับคุณป้าสักมื้อ หวังว่าคุณป้าคงไม่ใจร้ายนะครับ” ปฏิภาณอยากลองดีกับวันทาสักครั้ง
นิศาชลเริ่มใจไม่ดี ทำไมเขาถึงได้ตั้งป้อมงัดข้อกับป้าของเธอนัก

“อยากอยู่ทานข้าวด้วยก็ได้ แต่ฉันไม่ว่างทำให้หรอกย่ะ ฉันมีธุระกับเพื่อน อยากกินก็ช่วยตัวเอง”
พูดจบก็เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังมามอง
นิศาชลทำหน้างงๆผิดกับปฏิภาณที่ยิ้มหน้าบาน
“คุณต้นดีใจอะไรนักหนา คุณป้าทำให้วิวสับสนเป็นครั้งแรก ไม่เข้าใจจริงๆว่าท่านคิดอะไรอยู่”

“แต่ผมเข้าใจนะ ท่านแกล้งวางมาดไปอย่างนั้นเอง ใจจริงท่านเอ็นดูผมเหมือนกัน ท่านเข้าใจความรัก
หนุ่มสาวมากทีเดียว ท่านไม่อยากเป็นกขค ผมว่าท่านน่ารักมาก” ปฏิภาณรู้ทันความคิดของวันทา
“วิวเริ่มกลัวแล้วสิ ถ้าคุณต้นกลายเป็นคนโปรดของคุณป้า มีหวังวิวตกกระป๋องแน่ เพื่อเป็นการตัดไฟ
แต่ต้นลมวิวเลิกคบคุณต้นดีกว่า” นิศาชลบ่นน้อยใจปนหมั่นไส้คนหลงตัวเอง เขาจึงเดินเข้าไปกอดคนขี้น้อยใจ
ไว้หลวมๆอย่างประจบ

“โอ๋ๆ คนอะไรหัวก็ไม่ล้าน ทำไมขี้ใจน้อยได้นะ ผมมันคนนอกจะสู้หลานสาวที่เลี้ยงมากับมือได้อย่างไร
ผมว่าท่านคงถือคติรักหลานต้องเอ็นดูแฟนหลานด้วยต่างหาก”
“คติเข้าข้างตัวเองนะสิ ปล่อยค่ะเดี๋ยวท่านมาเห็นเข้าจะเปลี่ยนจากเอ็นดูเป็นเอ็นดิ้งหรอก คุณต้นนอน
พักก่อนดีกว่า วิวขอตัวไปเก็บของแล้วค่อยว่ากันจะทำอะไรกินกันดี” เธอแกะมือเขาออก เขายอมปล่อยโดยดี
พลันจิตก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างแล้วร้องออกมาว่า “ข้าว” นิศาชลแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไป ต่อมาเขาก็
บอกเธอว่า “เห็นทีผมต้องรีบไปโรงพยาบาลแล้ว ไปก่อนนะ” พูดจบเขาก็รีบไปที่รถขับออกไปทันทีปล่อยให้
นิศาชลยืนงงอยู่พักใหญ่ก่อนขึ้นห้องเอาของไปเก็บ
******************************************

*****การอยู่ใกล้คนประเภทไหนเราก็จะเป็นเหมือนคนประเภทนั้น เช่นเดียวกับการใจไปสนใจอะไรมากๆก็จะ
ทำให้เราเป็นอย่างนั้น หากอยากฝันเป็นอะไรก็จงใส่ใจในสิ่งนั้นให้มากๆไม่ต้องสนใจอย่างอื่น คิดบวกเสมอ
แล้วสิ่งดีๆจะเข้าหาเราเอง *************



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ย. 2558, 18:08:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ย. 2558, 18:08:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1137





<< ตอนที่ 16   ตอนที่ 18 >>
sunflower 21 ก.ย. 2558, 12:05:14 น.
ชอบค่ะ


ยัยตัวนุ่มนิ่ม 21 ก.ย. 2558, 20:58:49 น.
ชอบๆๆ


ผักหวาน 25 ก.ย. 2558, 16:02:39 น.
เกิดอะไรกับหนูข้าวคะ จะโดนรถชนหรือเปล่า ยัยราตรีจะทำร้ายหรือเปล่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account