ดวงจิตสื่อรัก
Tags: ไม่ใช่แนวตบจูบเป็นเรื่องที่แต่งจากประสบการณ์เรื่องจิตวิญญาณ
ตอน: ตอนที่ 18
ตอนที่ 18
ช่วงบ่ายแก่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวดี หากใบหน้ากลับบึ้งตึงเดินถือถุงยาของโรงพยาบาลมายังแผนก
เภสัชกรรม มาถึงก็วีนใส่เภสัชกรที่กำลังจ่ายยาให้คนไข้อยู่
“ทำงานกันยังไง ถึงจ่ายยาผิด แม่ฉันชื่อสมพร แซ่แต้ ไม่ใช่ศวิตา ตั้งสกุลวาณิชย์” เสียงโวยวายนั้น
ดังพอที่จะทำให้ใครต่อใครพากันหันมามอง ในเวลานั้นวิมลอยู่ช่วยสอนงานน้องๆในแผนกรีบเดินเข้ามาเคลียร์
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” วิมลถามขึ้น
“นี่ค่ะ ดูซะ ดูให้เต็มตา โรงพยาบาลออกใหญ่โตทำงานห่วยๆอย่างนี้ได้ยังไง” โวยจบหญิงสาวก็ยื่นถุงยา
ของโรงพยาบาลที่มีชื่อคนไข้กำกับอยู่ให้ดู วิมลรับมาแล้วพบว่าซองยาข้างในเป็นอีกชื่อหนึ่ง เธอตกใจไม่น้อย
เป็นไปได้อย่างไรกัน เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะมีระบอบตรวจสอบรัดกุมก่อนนำยาใส่ถุงที่มีชื่อคนไข้ติดอยู่
“ทางโรงพยาบาลต้องขอโทษด้วยจริงๆที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นค่ะ ปกติระบบจ่ายยาของโรงพยาบาลค่อน
ข้างรัดกุมเป็นระบบที่เชื่อถือได้ค่ะ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ขอเวลาตรวจสอบสักครู่นะคะ” วิมลรีบขอโทษและ
หันไปจะสั่งน้องในแผนกให้ช่วยกันหาสาเหตุแต่เสียงแทรกของศวิตาดังขึ้นมาขวางไว้ก่อน
“ถ้าอย่างนั้น ช่วยตรวจสอบถุงนี้ด้วยค่ะ ซองยาข้างในไม่ใช่ชื่อดิฉัน” ศวิตายื่นถุงยาที่ระบุชื่อเธอถูกต้อง
แต่ซองยาภายในชื่อสมพร แซ่แต้ วิมลไม่อยากจะเชื่อจะเกิดเรื่องบังเอิญแบบนี้ขึ้นได้ ขณะที่เธอกำลังมึนกับ
เรื่องที่เกิดขึ้น หญิงสาวรายแรกก็รีบพูดขึ้นพร้อมกับชี้มือไปที่กีรกันตาทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา
“โน่นเจ้าหน้าที่คนนั้นไงคะ ที่จ่ายยาให้แม่ฉันผิด”
“จริงด้วยค่ะ คนเดียวกับที่จ่ายยาให้ดิฉัน” ศวิตารีบเสริม
“รอสักครู่นะคะ ดิฉันจะเรียกมาถามให้รู้เรื่อง” วิมลเรียกกีรกันตามาชี้แจง คิ้วเรียวสวยของกีรกันตา
ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งยากของวิมล เธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อมาก็หายแปลกใจเมื่อเห็นหน้า
ศวิตากับสายตาที่ทอดมองเธออย่างมีความหมาย
“คุณเภสัชคนสวย ดูซะ จ่ายยาอะไรให้แม่ฉัน ถ้าเด็กที่บ้านไม่รอบคอบมีหวังแม่ฉันตายเพราะทานยาผิด
แน่ โรงพยาบาลจ้างคนทำงานแย่ๆแบบนี้ได้ไงกัน” หญิงสาววีนใส่ทันที กีรกันตาตั้งรับไม่ทัน ยังจับต้นชนปลาย
ไม่ถูก อยู่ดีๆก็ถูกคนไม่รู้จักชี้หน้าด่า เธอไม่คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อนแต่ศวิตาเธอรู้จักแน่ ขณะที่ศวิตาซ่อน
ความสะใจไว้ภายใต้สีหน้าปกติ
“นั่นสิคะ ดิฉันเองก็เกือบไป ถ้าไม่บังเอิญเห็นชื่อที่ซองยาก่อน เกิดเรื่องแบบนี้แล้วโรงพยาบาลจะรับ
ผิดชอบยังไงคะ” ศวิตาถามหาความรับผิดชอบ กีรกันตาขยับปากจะพูดแต่โชคร้ายซ้ำเข้าไปอีกเมื่อราตรีกลับ
จากประชุมมาทันได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นคะ” ต่อหน้าคนอื่นราตรีจะปรับสีหน้าได้ดีเสมอ เธอทำเหมือนไม่รู้เรื่องทั้งที่ยืนฟังอยู่นาน
แล้ว
“ก็ไม่อะไรหรอกคะ แค่แม่ฉันเกือบหยิบยาผิดมากิน เพราะเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทำงานชุ่ย”
หญิงสาวคนเดิมวีนใส่ราตรีแต่ชี้มือไปที่กีรกันตา วิมลรู้สึกเป็นห่วงกีรกันตาเพราะรู้ว่าโอกาสของราตรีที่จะ
เล่นงานกีรกันตาจังๆโดยไม่ถูกครหามาถึงแล้ว
“เธออีกแล้วเหรอนี่ สอนไม่เคยจำ ฉันเคยเตือนแล้วใช่มั้ย ทำอะไรให้ระวัง งานของเราเป็นงานสำคัญ
ถ้าพลาดหมายถึงชีวิตคน เห็นทีต้องลงโทษให้หนัก” ราตรีต่อว่ากีรกันตาต่อหน้าผู้คนอย่างไม่ไว้หน้าและหันไป
พูดกับศวิตากับหญิงสาวจอมวีนว่า “ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ที่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น ดิฉันยอมรับว่าเรื่องนี้เป็น
ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่เอง ทางเรายินดีชดใช้ให้นะคะ” ราตรีทำหน้าที่พนักงานที่ดีของโรงพยาบาล แก้ไข
สถานการณ์โดยยอมรับผิดและโยนความผิดให้กีรกันตา
======================
ศวิตามองใบหน้าซีดเผือดของกีรกันตาแล้วแอบยิ้มสะใจ เธอพอจะมองออกว่าสาวใหญ่คนนี้ไม่ชอบ
กีรกันตาแต่แค่นี้ยังน้อยไป เธอคิดเล่นงานต่ออีก ฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายตั้งรับไม่ทันเอาให้น่วม
“จะชดใช้ไหวเหรอคะ ครั้งนี้ถือว่าโรงพยาบาลโชคดีนะคะที่บังเอิญเรารู้ก่อน ไม่อย่างนั้นอาจมีเรื่องร้าย
แรงถึงชีวิตได้ ยานะคะ ไม่ใช่ขนม ดิฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิคะ เกรงว่าเจ้าหน้าที่ของคุณจะเผลอหยิบยาผิดใส่ใน
ซองยาให้คนอื่นอีก” ศวิตาพูดเสียงหวานก็จริงแต่ความหมายนี่สิทำเอาทุกคนหวั่นไหวไปตามๆกัน
วิมลยืนสังเกตมาตั้งแต่ต้นก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ระหว่างหญิงสาวสองคนนี้ต้องรู้จักกันแน่ ดูแล้วเหมือนจง
ใจมาหาเรื่องกีรกันตามากกว่า แต่เธอก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยได้เต็มที่นักเพราะหลักฐานคาตา
“เรื่องนี้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบแน่นอนค่ะ พวกคุณวางใจได้ โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานพลาด
เราไม่เอาไว้แน่” ราตรีปรายตามายังกีรกันตาอย่างน่ากลัว
กีรกันตาไม่ได้สนใจราตรีแต่กำลังสนใจศวิตา เธอมั่นใจว่าไม่ได้ใส่ยาผิด เรื่องที่เกิดมันบังเอิญเกินไป
ท่าทางศวิตาก็ไม่เหมือนคนป่วยสักนิดแถมหญิงสาวที่ชี้หน้าด่าเธอ ก็ไม่คุ้นหน้า เธอจำได้ว่าตั้งแต่เช้ามาไม่มี
คนไข้หรือญาติคนไข้ที่มารับยาสาวขนาดนี้ ที่มั่นใจเพราะความจำเธอค่อนข้างดี และก่อนจ่ายยาให้คนไข้เธอ
จะทวนถามชื่อคนไข้ก่อนกันพลาดค่อยจ่ายให้ ศวิตาต้องวางแผนเล่นงานเธอแน่ ดูจากสายตาก็รู้ และเธอก็
ไม่มีสิทธิ์จะแก้ตัวได้ด้วยภายใต้สถานการณ์เป็นรองแบบนี้ หลักฐานทุกอย่างมัดตัว แล้วใครจะยื่นมือมาช่วย
สงสัยต้องถูกไล่ออกจากงานแน่คราวนี้ ราตรีคงไม่ปล่อยเธอไว้แน่โอกาสมาถึงแล้วนี่ คิดมาถึงตรงนี้ ความ
คิดแวบหนึ่งแล่นเข้าในใจเธอคือ เอาคืนคนพวกนี้
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันรับผิดชอบแน่ถ้าดิฉันผิดจริง แต่ถ้าดิฉันถูกใส่ความล่ะก็...” กีรกันตาหันไปมอง
ศวิตาก่อนพูดต่อ “คนที่จงใจวางแผนนี้เพื่อใส่ร้ายดิฉันต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของดิฉันแม้ดิฉันจะไม่ดังอย่าง
คุณศวิตา ดิฉันก็จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย พอใจมั้ยคะคุณศวิตา” คำพูดกับท่าทางเอาเรื่องของกีรกันตานั้น
ทำเอาทุกคนตะลึง เด็กสาวที่ดูอารมณ์ดี เรียบร้อย ยอมราตรีเกือบทุกครั้งกลับร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญ
กล้าท้าศวิตาสาวสังคมชื่อดังด้วย
ศวิตาจ้องหน้ากีรกันตาอย่างน่ากลัวพอๆกับอารมณ์โกรธพุ่งปรี๊ดในใจทว่ากลับวางสีหน้าได้เป็นปกติ
“ดิฉันเริ่มเห็นใจโรงพยาบาลแล้วสิคะที่มีพนักงานร้ายอย่างนี้ ทำผิดแล้วยังกล้าขู่คนอื่นอีก แย่นะคะ
ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป โรงพยาบาลไม่กลายเป็นมาเฟียไปเหรอคะ” ศวิตาเริ่มแผนยุลูกค้าของโรงพยาบาล และมัน
ก็ได้ผลดีเสียด้วยเพราะเหล่าไทยมุง เริ่มคล้อยตาม
“จริงด้วยค่ะ แหมไม่ไหวจริงๆ โรงพยาบาลอะไรเนี่ยเข้าข้างคนของตัวเอง” ไทยมุงคนหนึ่งพูดขึ้นก่อน
และมีคนช่วยเสริมต่ออีก สายตาทุกคู่ต่างมองมายังกีรกันตา ราตรีเห็นแล้วรู้สึกสะใจไม่คิดจะช่วยแก้ต่างให้
ผิดกับวิมลและคนในแผนกที่ต่างเห็นใจกีรกันตาเพราะส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ากีรกันตาจะทำงานพลาดแต่เรื่องร้าย
แรงแบบนี้ไม่มีใครอยากมีส่วนร่วมด้วย
กีรกันตาแม้จะรู้ว่าไม่ผิดและเริ่มสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองแต่เพราะด้อยประสบการณ์
และไม่มากเล่ห์เหมือนคนอื่นจึงทำให้รู้สึกอึดอัด เตรียมรับสถานการณ์ไม่ถูก เธอไม่คิดว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายแบบ
นี้ในชีวิต ทุกคนมองเธอเหมือนผู้ร้ายก็ไม่ปาน เธอรู้สึกถูกกดดันอย่างหนัก เริ่มท้อกับชีวิต ไม่มีกำลังใจจะคิดหา
ทางช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้อีกต่อไป เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกเครียดจัด ท้อแท้
ยิ่งกว่าตอนไม่มีร่างอยู่เสียอีก ตอนนั้นเธอยังมีปู่ มีอมรินทร์คอยช่วย รวมถึงพี่ชายที่คอยห่วง แต่เวลานี้ไม่มีใคร
สักคนมาปรากฏตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวช่วยเธอเหมือนครั้งก่อน วันนี้อมรินทร์หายเงียบไปตั้งแต่เช้าแล้ว บอกว่า
ติดธุระมารับส่งเธอไม่ได้ ส่วนพี่ชายก็ยังไม่กลับจากพัทยา ไม่มีใครสักคนที่ช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้เธอ
ได้เลย หรือนี่คือวิบากที่เธอต้องรับ เธอเริ่มเชื่อแล้วว่าเรื่องของกรรมไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้แต่ทำไมคนที่ทำดีมา
ตลอดอย่างเธอต้องเจอแต่เรื่องเลวร้ายด้วย เธออยากร้องไห้นักแต่ไม่ยอมให้คนพวกนี้เห็นน้ำตาเธอโดยเฉพาะ
ศวิตา เธอจะให้ผู้หญิงคนนี้เห็นเธออ่อนแอไม่ได้ ขณะที่เธอกำลังถูกต้อนจนหาทางออกไม่เจอนั้นเสียงหนึ่ง
ก็แทรกขึ้นมาท่ามกลางผู้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่
“เกิดอะไรขึ้นครับ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้บ้างครับ” ทุกคนหันไปมองตามเสียง เจ้าของเสียงเป็น
ชายหนุ่มแต่งกายสุภาพใบหน้าสะอาดสะอ้าน ดูดี ดูแล้วยากจะคาดเดาอายุแท้จริง ราตรีกับวิมลพอเห็นหน้า
ก็มีท่าทางนอบน้อม ขณะที่คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นใคร
“คุณเป็นใครมิทราบ จะมาช่วยอะไรฉันได้” หญิงสาวจอมวีน ถามอย่างเอาเรื่อง
ผู้มาใหม่ยิ้ม “ได้สิครับ ถ้าผมช่วยแก้ปัญหาไม่ได้แล้วใครจะช่วย ผมเป็นหนึ่งในผู้ช่วยประธานกรรม
การของโรงพยาบาลนี้ ตำแหน่งผมพอจะให้ความช่วยเหลือพวกคุณได้ไหม” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างสุภาพ
เรียกความเกรงใจให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นได้พอสมควร
“ถ้างั้นดีเลย ฉันอยากรู้ว่าโรงพยาบาลจะรับผิดชอบยังไงกับเรื่องจ่ายยาผิด ทำให้แม่ฉันเกือบกินยาผิด”
หญิงสาวจอมวีนโวยใส่โดยไม่สนใจ
“โรงพยาบาลรับผิดชอบแน่นอน แต่ผมขอสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนและขอเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ไปคุยที่ห้องรับรองดีกว่า เชิญคุณศวิตาด้วยนะครับ” ชายหนุ่มหันไปเชื้อเชิญศวิตาโดยที่เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้
จักเธอด้วย แต่ก็ไม่แปลกเท่าไร เวลานี้ไม่มีใครไม่รู้จักลูกสาวคนสวยของคุณคณินนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล
“ได้ค่ะ ดิฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าโรงพยาบาลจะมีมาตราการป้องกันอย่างไรไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก
และหากเกิดขึ้นอีกจะรับผิดชอบอย่างไร” ศวิตาดูจะห่วงใยปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่าจะคิดเอาเรื่องกับโรงพยา
บาล เธอต้องการเรียกคะแนนนิยม ทำให้ภาพพจน์เธอดูดีในสายตาคนอื่น
“ถ้าอย่างนั้นเชิญเลยครับ คุณราตรี คุณวิมล คุณกีรกันตา ตามผมมา” ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ
ทุกคนที่เกี่ยวข้องเดินให้ตามเขาไปเลยทำให้เหล่าไทยมุงไม่รู้ว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร
ชายหนุ่มที่อ้างตัวเป็นผู้ช่วยประธานกรรมการของโรงพยาบาลเดินนำคนทั้งหมดไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไป
ชั้นผู้บริหารและก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง ดวงตาคู่สวยของกีรกันตาฉายแววหม่นหมอง ท้อแท้ เหนื่อยหน่าย
ตามความรู้สึกของเจ้าของกลับมีประกายขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ พลันกระแสอบอุ่นก็
แล่นผ่านเข้ามาสู่ใจและทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายได้มาก แม้เธอจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรแต่กลับมั่นใจ
ว่าเธอจะทวงคืนความเป็นธรรมให้กับตัวเองได้เพียงแวบแรกที่เห็นหน้าปฏิภาณกับสายตาที่ทอดมองมา
เหมือนจะบอกว่า
‘ไม่ต้องกลัวนะข้าว พี่อยู่นี่แล้ว ทุกอย่างต้องดีขึ้น พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายน้องสาวสุดที่รักของพี่ได้
เป็นอันขาด’ เป็นคำพูดที่ปฏิภาณมักพูดปลอบเธอเสมอยามมีเรื่องกลุ้มใจ ไม่สบายใจ และไม่นานเกินรอทุกอย่าง
ก็ดีขึ้นจริงๆเพราะพี่ชายเป็นธุระช่วยแก้ปัญหาให้ทุกครั้งจนถูกปู่เรียกไปตักเตือนบ่อยๆ ท่านไม่อยากให้หลานสาว
โตขึ้นมาโดยไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองถ้ามีหลานชายคอยแก้ปัญหาให้ตลอด
นานแล้วที่เธอลืมนึกถึงคำพูดนี้ อยู่ดีๆก็ผุดขึ้นในใจ ณ วินาทีแรกที่เห็นหน้าพี่ชายปรากฏสู่สายตา
เธอก็รู้สึกเหมือนมีอ้อมกอดอันอบอุ่น มั่นคงมากอดไว้ แล้วความหดหู่ท้อแท้สิ้นหวังในใจก็จางหายไป เหมือนมี
ใครมาเติมพลังชีวิตให้เธออีกครั้งจนจนอยากตะโกนดังๆว่า “ฉันไม่ยอมแพ้หรอกเรื่องแค่นี้ ชิลๆ ฉันไม่กลัวพวก
เธออีกต่อไป ฉันจะสู้เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับตัวเอง”
ผู้คนที่อยู่ในลิฟต์ต่างไม่รู้ว่าเรื่องกำลังจะพลิกยกเว้นศวิตา ทันทีที่เข้ามาในห้องรับรองลูกค้าก็พบว่ามี
คนนั่งรออยู่ก่อนแล้วคือภานุ การได้เห็นภานุทำให้ศวิตาเริ่มคิดหนัก คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน สายตาจ้องมอง
ไปยังภานุทว่าเขากลับทำเป็นมองไม่เห็นและยืนขึ้นเมื่อท่านผู้ช่วยประธานกรรมการเอ่ยทักขึ้น
“หมอภานุ ขอโทษทีที่ปล่อยให้รอนาน พอดีมีปัญหายุ่งๆที่แผนกเภสัชกรรม เรื่องจ่ายยาผิดของเจ้า
หน้าที่ต้องสะสางก่อน ไว้ค่อยคุยกันอีกทีเรื่องสั่งจ่ายยาของหมอเมื่อเช้านี้ ผมไม่รบกวนเวลาหมอดีกว่า คนไข้
กำลังรออยู่” และมันก็ทำเอาศวิตากับสาวจอมวีนเผลอสบตากันแต่ก็ไม่พูดอะไร ทำทีเป็นรอดูท่าทีอีกฝ่าย
“คุณชัยชนะ สะดวกเมื่อไหร่ โทรเรียกผมได้เลยครับ ผมขอไปตรวจคนไข้ต่อ” ภานุพูดจบก็เดินออกจาก
ห้องไปโดยไม่ทักทายคนรู้จักสักคน ทุกคนต่างงงและรอดูท่าทีชัยชนะผู้ช่วยประธานกรรมการซึ่งไม่ธรรมดา
เพราะเป็นถึงลูกชายประธานผู้ก่อตั้งโรงพยาบาล
“เชิญนั่งครับทุกคน คุณศวิตา ด้วยครับ” ชัยชนะผายมือเชิญทุกคนให้นั่งลงบนเก้าอี้รับแขกชุดหรู
ทุกคนทำตาม ขณะที่ศวิตาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเกรงว่าภานุจะเผลอพูดอะไรให้ผู้ช่วยประธานกรรมการรับรู้ แต่คิดอีก
ทีก็มั่นใจว่าภานุไม่มีวันทำเช่นนั้นเป็นอันขาด ถ้าทำเท่ากับประจานตัวเอง ไม่เป็นผลดีต่อวิชาชีพหมอแน่ เผลอๆ
อาจเจอข้อหาก็ได้
“คุณชัยชนะ บอกได้หรือยังคะ จะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร เวลาของจุงมีไม่มากนะคะ
จุงยังมีนัดอีกหลายที่” ศวิตาแกล้งถามและเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวให้ฟังดูเป็นกันเองมากขึ้น
“ใจเย็นๆครับคุณศวิตา ผมอยากให้คุณคนนี้เล่าเรื่องให้ละเอียดก่อน ผมรบกวนช่วยเล่าเรื่องทั้ง
หมดให้ผมฟังด้วยครับ คุณ..เอ่อ..” ชัยชนะดูใจเย็นสุขุมสมกับเป็นผู้บริหาร
“ฉันชื่อสมศรีค่ะ อยากรู้จะเล่าให้ฟัง” หญิงสาวจอมวีนบอกชื่อตัวเองเสร็จสรรพและเล่าเรื่องทั้งหมด
ให้ฟังด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“คุณสมศรี ใจเย็นๆนะคะ โรงพยาบาลต้องรับผิดชอบแน่นอนค่ะเพราะคุณชัยชนะมาดูแลเรื่องนี้ด้วย
ตัวเอง” ราตรีต้องการเอาหน้าและประจบชัยชนะจึงพูดแทรกขึ้น วิมลเห็นแล้วอดค่อนคอดในใจไม่ได้
‘ยัยคนนี้ลิ้นยาวจริงๆ มิน่าเล่าถึงได้ดีอยู่เรื่อย น่าสงสารน้องข้าว ไม่รู้จะถูกจับเป็นแพะหรือเปล่า’ เธอหัน
ไปมองกีรกันตาที่นั่งนิ่งคล้ายรอเวลาตัดสินชะตากรรม เห็นแล้วอดเห็นใจไม่ได้จึงยื่นมือไปจับมือเด็กสาวไว้แล้ว
บีบเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ นี่คือสิ่งที่เธอช่วยได้มากที่สุดภายใต้สถานการณ์แบบนี้
“คุณราตรีพูดถูกครับ ผมรับรองโรงพยาบาลรับผิดชอบแน่ถ้าพบว่าเจ้าหน้าที่ของเราทำพลาดจริง เรื่องนี้
ถือเป็นเรื่องร้ายแรง มีโทษหนัก แต่ก่อนจะชี้ชัดลงไปว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมขอดูข้อมูลจากเจ้าหน้าที่
การเงินก่อน ผมอยากรู้ว่าคุณสมพร มาตรวจรักษาตั้งแต่เมื่อไหร่และก่อนจ่ายยาให้คนไข้ เจ้าหน้าที่ของเรา
มีการทวนชื่อคนไข้ให้ฟังหรือไม่” ชัยชนะพูดจบก็เดินไปนอกห้องสักพักและกลับมาพร้อมเอกสารในมือ สาวจอม
วีนเริ่มหวาดหวั่นหันไปมองศวิตาแต่เธอทำเป็นมองไม่เห็นเพราะกำลังคิดหาทางชิ่ง
“จุงขอตัวก่อนค่ะ เดี๋ยวไม่ทันออกรายการทีวี ไว้เรื่องสรุปอย่างไรค่อยแจ้งให้จุงทราบทีหลังก็ได้ค่ะ
ขอแค่โรงพยาบาลแสดงความรับผิดชอบก็พอค่ะ” ศวิตาพูดจบก็รีบลุกไปอย่างเร่งด่วนโดยไม่มีใครทันได้ทักท้วง
ปล่อยให้หญิงสาวจอมวีนทำหน้าซีดไปพลางๆก่อน
กีรกันตาเฝ้าสังเกตอยู่เริ่มเข้าใจอะไรลางๆที่แท้ชัยชนะมาเพื่อช่วยเธอ ทำไมคิดช่วย หรือว่า...เป็นฝี
มือพี่ชาย เธอสงสัยและเฝ้าติดตามต่ออยากรู้ว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร เช่นเดียวกับราตรีและวิมล
“คุณศวิตาต้องรีบไปออกรายการทีวี ไม่มีเวลาอยู่ฟังความรับผิดชอบของโรงพยาบาล แล้วคุณละครับ
คุณสมศรีมีเวลาฟังไหมครับ” ชัยชนะถามเสียงเรียบพลางจ้องมองหน้าสาวจอมวีนอย่างคาดคั้น คนถูกจ้อง
หลบตาแล้วรีบพูดขึ้นว่า
“ฉันเองก็ต้องรีบไปเหมือนกัน บังเอิญนึกขึ้นมาได้ ต้องรีบเดินทางไปใต้หวันคืนนี้ ขอตัวก่อนค่ะ”
ว่าแล้วก็รีบลุกหนีแทบไม่ทัน ราตรีนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะกลับตาลปัตรแบบนี้ ผิดหวังนักที่ทำอะไรกีรกันตาไม่ได้
ขณะที่วิมลลอบยิ้ม
“ค...คือ..ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ ก็..หลักฐานคาตาว่าเด็กคนนี้ทำงานพลาดชัดๆนี่คะ” ราตรียังไม่วายที่จะชี้
ความผิดของกีรกันตาต่อหน้าชัยชนะ
“คุณราตรี ข้าวทำงานดีนะคะ ฉันยืนยันได้ และระบบการจ่ายยาของโรงพยาบาลก็ได้มาตราฐาน คุณพูด
แบบนี้เท่ากับชี้ความบกพร่องของตัวเอง ลูกน้องทำผิดต้องโทษหัวหน้าที่ไม่รู้จักอบรมให้ได้ดี” วิมลถือโอกาสเล่น
งานราตรี เธอไม่เคยเกรงใจราตรีอยู่แล้วเพราะรู้จักชัยชนะดี ว่าเป็นคนหนุ่มไฟแรง ฉลาดรักความเป็นธรรม ที่สำ
คัญมีเพื่อนรักเป็นถึงจิตแพทย์ชื่อดัง เห็นทีงานนี้อมรินทร์ต้องอยู่เบื้องหลังแน่ ร้ายนักนะหมออาม ตัวมาไม่ได้ยัง
ส่งเพื่อนมาช่วยคนรัก วิมลคิดแล้วอดอิจฉากีรกันตาไม่ได้
“คุณวิมล อย่าลืมสิ คุณเองก็เป็นหัวหน้ากีรกันตาด้วย คุณก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน” ราตรีขู่กลับ
กีรกันตารู้สึกไม่สบายใจ วิมลอาจเดือดร้อนเพราะเธอเป็นต้นเหตุแต่ทว่าพนักงานในระยะทดลองงาน
อย่างเธอทำได้แค่นั่งดูเฉยๆ คงเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกัน เรื่องของเรื่องคือวันนี้ไม่มีคนไข้ชื่อสมพรมาตรวจที่โรงพยาบาล ผมเช็คจากข้อ
มูลของฝ่ายการเงิน แต่มีคนไข้ชื่อศวิตามาตรวจกับหมอภานุ ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือถุงยากับป้ายชื่อคนไข้ที่คุณ
สมศรีนำมา เอามาจากไหน คุณราตรีผมฝากคุณช่วยสืบเรื่องนี้ที” ชัยชนะดึงความสนใจของทั้งคู่ไปเรื่องอื่นแทน
“ได้ค่ะ แล้วดิฉันจะสืบให้” ราตรีจำใจรับทั้งที่ไม่อยาก
“ดี ผมหวังว่าจะรู้เรื่องเร็วๆนี้ ผมมีข้อท้วงติงนิดหนึ่งจากเรื่องที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าผู้ใหญ่ในแผนกควรรับมือ
กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่โยนความผิดให้ลูกน้อง คุณราตรีการกระทำแบบนี้เท่ากับทำลายความเชื่อมั่น
ของลูกค้าที่มาใช้บริการของโรงพยาบาล ไม่ว่าภายในจะเป็นอย่างไรที่สำคัญคือความเชื่อมั่นและชื่อเสียงของ
โรงพยาบาลต้องมาก่อน ผมไม่ต้องการให้ผิดถูกอะไรก็โทษตัวบุคคล เราทำงานพลาดกันได้ทุกคนแต่ถ้ามีระบบ
ที่ดีไว้ป้องกันและทุกคนทำตาม เรื่องก็จะไม่เกิด ไม่เฉพาะคุณราตรีที่ผมอยากฝากเรื่องนี้ คุณวิมลด้วย ผมขอ
เตือนแค่นี้ พวกคุณกลับไปทำงานได้ ยกเว้นคุณกีรกันตา ผมมีเรื่องจะสอบอีกนิดหน่อย”
ราตรีกับวิมลพอได้ยินต่างพากันคิดเหมือนกันว่า ชัยชนะอาจนึกชอบพอกีรกันตา แต่พอเห็นใบหน้า
จริงจังเคร่งเครียดของชัยชนะความคิดนี้ก็เปลี่ยนไป ราตรีหวังให้ชัยชนะไล่กีรกันตาออก เธอคิดว่าเรื่องที่
เกิดแม้กีรกันตาไม่ผิดแต่ก็ทำให้โรงพยาบาลเสียชื่อ และอาจก่อเรื่องตามมาอีก ชัยชนะเป็นคนชอบกำจัดต้น
ตอแห่งปัญหา ขณะที่วิมลไม่เข้าใจในพฤติกรรมของชัยชนะและเป็นห่วงกีรกันตาหากทำอะไรไม่ได้คงต้องรอ
ให้เด็กสาวออกจากห้องก่อนค่อยถาม
================
หลังทุกคนออกจากห้องแล้ว สีหน้าเคร่งเครียดของชัยชนะก็คลายลงเป็นปกติเมื่อหันมามองหน้า
กีรกันตาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร กีรกันตายืนนิ่งมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“คุณกีรกันตา รู้ไหมทำไมผมรั้งตัวคุณไว้” ชัยชนะตั้งคำถามขึ้น
“ไม่ทราบค่ะ” กีรกันตาตอบตามตรง
“ผมก็คิดว่าอย่านั้น เอาอย่างนี้ คุณรออยู่ในนี้สักครู่ มีใครคนหนึ่งอยากพบคุณ” ชัยชนะพูดจบก็ออกไป
จากห้อง ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดออก กีรกันตาหันไปมองแล้วยิ้มดีอย่างใจสุดๆให้เห็นเป็นครั้งแรกของวัน
อันเลวร้ายอีกวันของเธอแล้ววิ่งเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่อ้าแขนรับทันทีและกอดเธอไว้แนบอก
“พี่ต้น ข้าวนึกไม่ถึงจริงๆจะเป็นพี่ต้นที่ช่วยข้าว” คนพูดเงยหน้าขึ้นจ้องมองหน้าพี่ชายพลันนัยน์ตาคู่สวย
ก็มีน้ำเอ่อคลอ ซาบซึ้งเกินคำบรรยายในความรักความห่วงใยของพี่ชายที่แสนดีผู้ไม่เคยทอดทิ้งน้องสาวสักครั้ง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ดังนั้นอารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่พยายามระงับไว้ก็ถูกปล่อยออกมาเป็นน้ำตาและเสียงสะอื้นไห้กับ
อ้อมกอดอันอบอุ่นของพี่ชาย ปฏิภาณปล่อยให้น้องสาวได้ระบายความอัดอั้นตันใจอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยดันตัวออกห่าง
ยิ้มให้อย่างอบอุ่น ใช้นิ้วไล่น้ำตาให้
“เห็นทีน้องสาวพี่ยังไม่โตเท่าไหร่มั้ง ดูสิทำตัวเป็นเด็ก ถูกรังแกหน่อยก็ร้องแล้วไม่ไหวเลยจริงๆ”
ปฏิภาณแกล้งว่าเล่น ใบหน้าสวยชนิดหนึ่งไม่มีสองเลยงอง้ำให้เห็น
“พี่ต้น มีความสุขนักใช่มั้ยที่เห็นข้าวถูกแกล้ง” คนเป็นน้องชักน้อยใจพี่ชายแถมงอนใส่อีก
“โอ๋ๆ ไม่ล้อแล้ว เลิกงอนนะ น้องสาวคนดีของพี่” พี่ชายรีบง้อ
“ไม่ยกโทษให้ พี่ต้นทำข้าวเสียงความรู้สึก” กีรกันตาดูจะออกฤทธิ์ออกเดชกับพี่ชายมากเป็นพิเศษ
“เราเห็นพี่เป็นหมออามเหรอไง ถึงได้งอนไม่เลิก นี่พี่นะไม่ใช่แฟนจะได้ตามงอนง้อไม่รู้จักจบ” ปฏิภาณ
ว่าเข้าให้ พอได้ยินคำว่า หมออาม กีรกันตาก็นึกน้อยใจขึ้นมาอีก ครั้งนี้เขาไม่มาช่วยเธอ ถ้าไม่มีพี่ชายป่านนี้
เธอคงกลายเป็นคนผิด ต้องถูกไล่ออกจากงาน ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจและฉุนจัด
“เลิกพูดถึงพี่อามไปเลยพี่ต้น คนใจร้ายไม่คิดมาช่วย รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องกับข้าวยังไม่คิดช่วยอีก”
ปฏิภาณเห็นท่าทางงอนแล้วพาลของน้องสาวก็ยิ้มส่ายหน้า เอาเถอะจะช่วยว่าที่น้องเขยในอนาคต
สักครั้งก็แล้วกัน
“ข้าวกำลังเข้าใจหมออามผิด งานนี้ถ้าไม่ได้หมออาม ข้าวกลายเป็นแพะแน่ พี่จะบอกความจริงให้
พี่ถูกหมออามแย่งบทฮีไร่ไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล”
“พี่ต้นหมายความว่ายังไง ข้าวงงค่ะ”
“ความจริงคุณชัยชนะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ หมออามเป็นคนโทรมาบอกให้ช่วยข้าวแทนเพราะ
ยังติดงานบรรยายในฐานะวิทยากรพิเศษที่โรงแรม คุณชัยชนะเป็นเพื่อนรักของหมออาม คราวนี้เข้าใจหรือยัง”
ปฏิภาณช่วยไขความกระจ่างให้ แต่ไม่ได้บอกว่าเขาเองก็ช่วยสานต่อโดยขอข้อมูลจากแผนกการเงินมาให้
ชัยชนะเพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวศวิตากับเพื่อนสาวที่วางแผนแกล้งกีรกันตา เขารู้ว่างานนี้มีคนร่วมมืออีกคนคือ
วรพจน์ซึ่งมีสายอยู่ในโรงพยาบาลนี้และเรื่องนี้ชัยชนะก็พอจะทราบเลาๆแต่ยังหาต้นตอไม่ได้
“ว้าพี่ต้น ข้าวผิดหวังกับพี่ชายตัวเองจริงๆ คิดว่าจะห่วงน้องสาวที่แท้ก็ห่วงน้อยกว่าคนอื่น พี่อามน่ารักที่
สุด พบตัวเมื่อไหร่จะให้รางวัลความน่ารักสักหน่อย” กีรกันตายั่วพี่ชายกลับ น้ำเสียงกับสีหน้าสดชื่นขึ้นทันทีที่รู้
ว่าอมรินทร์คอยช่วย ไม่ทอดทิ้ง แม้ตัวมาไม่ได้ยังอุตส่าห์วานคนอื่นให้ช่วย เธออบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือน
มีเขาอยู่ด้วยตลอดเวลา
“ให้มันได้อย่างนี้สิน้องเรา ไม่เคยเห็นความดีของพี่ชายคนนี้เลย กลับดีกว่า ไม่น่ามาให้เสียเวลาเล้ย”
ปฏิภาณบ่นน้อยใจ
“เพิ่งรู้ว่าพี่ชายเราหัวล้านนะเนี่ย วางใจได้ค่ะ ข้าวไม่มีวันเห็นคนอื่นดีกว่าพี่ชายร่วมสายเลือดแสนดี
แสนน่ารัก อย่างพี่ต้นคนนี้เป็นอันขาด” ว่าจบน้องสาวคนดีก็ตอกย้ำคำพูดด้วยการเขย่งตัวหอมแก้มพี่ชาย
แรงๆทีหนึ่ง ปฏิภาณยีหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู น่ารักอย่างนี้ถึงทิ้งไม่ลงเสียที
“เอาล่ะวันนี้ไม่ต้องกลับไปทำงานแล้ว ไปทานข้าวเย็นบ้านว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตกันดีกว่า ถือเป็นการ
เลี้ยงปลอบใจที่ถูกปรักปรำ เรานะยังต้องเจออีกเยอะ” ปฏิภาณเผลอพูดออกมาในตอนท้าย กีรกันตามองหน้า
พี่ชาย พูดคล้ายอมรินทร์ ทั้งสองคนรู้อะไรเกี่ยวกับอนาคตของเธอแล้วทำไมไม่บอกให้รู้จะได้ป้องกันไว้ก่อน
“พี่ต้น ข้าวยังต้องเจออะไรอีก มีใครคิดร้ายกับข้าวอีก บอกข้าวมานะ”
“เปล่าไม่มีอะไร ข้าวหูฝาดมั้ง รีบไปกันดีกว่า โน่นคุณชัยชนะมาแล้ว ไปขอบคุณเขาหน่อย” ปฏิภาณรีบ
ปลี่ยนเรื่องทันทีและจูงมือกีรกันตาเดินไปหาชัยชนะ
“ขอบคุณครับคุณชัยชนะที่ให้ความร่วมมือและช่วยแก้ข้อกล่าวหาให้กับน้องสาวผม”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำเพื่อชื่อเสียงของโรงพยาบาล และช่วยเพื่อนผม ไม่อย่างนั้นวันนี้หมออามบรรยาย
ผิดเรื่องแน่ ผมอิจฉาคุณกีรกันตาจริงๆ ที่คว้าหัวใจเพื่อนผมคนนี้ได้” ชัยชนะกล่าวจากใจจริง กีรกันตาหน้าแดง
เล็กน้อยด้วยความเขิน
“ขอบคุณค่ะคุณชัยชนะที่ช่วยให้ความเป็นธรรมกับพนักงานตัวเล็กๆอย่างข้าว” กีรกันตาขอบคุณจาก
ใจจริง ความจริงคนระดับเขาไม่จำเป็นต้องมายุ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบุคคลที่จะเคลียร์เอง
“พูดอย่างนี้ไม่ถูกนะครับ พนักงานทุกคนถือเป็นทรัพยากรบุคคลอันมีค่าขององค์กร หากเราไม่ให้
ความเป็นธรรม เท่ากับทำให้องค์กรสูญเสียทรัพยากรอันมีค่าไป” ชัยชนะสมกับเป็นนักบริหารและรู้ว่าอะไรเป็น
สิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปได้ดี
“ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ผมรู้สึกสบายใจแทนน้องสาวผม ” ปฏิภาณตอบแทนน้องสาว
“เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารอยู่แล้วครับที่ต้องดูแลทุกข์สุขของพนักงาน ความจริงผมก็ไม่ได้ช่วยอะไร
มาก คนช่วยมากคือหมออามกับคุณมากกว่า” ชัยชนะสารภาพตรงๆ
“นั่นสิ ถึงเวลาที่ผมกับน้องสาวต้องไปขอบคุณพระเอกตัวจริงเสียที ผมถือโอกาสลางานแทนน้องสาว
เลยนะครับ” ปฏิภาณขออนุญาตให้เสร็จสรรพ หากคำพูดต่อมาของกีรกันตาก็ทำให้เขาคิดไม่ถึง
“พี่ต้น เหลืออีกแค่ชั่วโมงเดียวเอง ข้าวจะกลับไปทำงานค่ะ พี่ต้นรอข้าวเลิกงานค่อยไปด้วยกันดีกว่า
ข้าวไม่อยากเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างขอกลับก่อน” ความจริงเธอไม่อยากให้คนมองว่าเธออ่อนแอ เรื่องแค่นี้ทำ
เป็นทนไม่ได้ต้องกลับบ้านไปพักผ่อนจิตใจแล้วราตรีจะยกเอามาค่อนขอดเธออีก
“ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น พี่จะรอจนข้าวเลิกงานก็แล้วกัน ไปกลับไปทำงานได้แล้ว ผมขอตัวก่อน
ครับคุณชัยชนะ ขอสำรวจโรงพยาบาลคุณหน่อยคงไม่ว่านะครับ” ปฏิภาณดูจะพอใจกับการตัดสินใจของ
น้องสาว มันทำให้เขารู้ว่าน้องสาวตัวน้อยโตขึ้นมากแล้วจริงๆ เขาสบายใจได้เปลาะหนึ่งและรู้ว่ากีรกันตายัง
ต้องผจญกับเรื่องเลวร้ายในชีวิตต่อไปอีกจนกว่าวิบากจะหมด ไม่มีใครขวางได้
===========================
*********ขอบคุณค่ะที่ตาม น่ารักจัง๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ช่วงบ่ายแก่ๆ หญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวดี หากใบหน้ากลับบึ้งตึงเดินถือถุงยาของโรงพยาบาลมายังแผนก
เภสัชกรรม มาถึงก็วีนใส่เภสัชกรที่กำลังจ่ายยาให้คนไข้อยู่
“ทำงานกันยังไง ถึงจ่ายยาผิด แม่ฉันชื่อสมพร แซ่แต้ ไม่ใช่ศวิตา ตั้งสกุลวาณิชย์” เสียงโวยวายนั้น
ดังพอที่จะทำให้ใครต่อใครพากันหันมามอง ในเวลานั้นวิมลอยู่ช่วยสอนงานน้องๆในแผนกรีบเดินเข้ามาเคลียร์
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” วิมลถามขึ้น
“นี่ค่ะ ดูซะ ดูให้เต็มตา โรงพยาบาลออกใหญ่โตทำงานห่วยๆอย่างนี้ได้ยังไง” โวยจบหญิงสาวก็ยื่นถุงยา
ของโรงพยาบาลที่มีชื่อคนไข้กำกับอยู่ให้ดู วิมลรับมาแล้วพบว่าซองยาข้างในเป็นอีกชื่อหนึ่ง เธอตกใจไม่น้อย
เป็นไปได้อย่างไรกัน เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะมีระบอบตรวจสอบรัดกุมก่อนนำยาใส่ถุงที่มีชื่อคนไข้ติดอยู่
“ทางโรงพยาบาลต้องขอโทษด้วยจริงๆที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นค่ะ ปกติระบบจ่ายยาของโรงพยาบาลค่อน
ข้างรัดกุมเป็นระบบที่เชื่อถือได้ค่ะ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ขอเวลาตรวจสอบสักครู่นะคะ” วิมลรีบขอโทษและ
หันไปจะสั่งน้องในแผนกให้ช่วยกันหาสาเหตุแต่เสียงแทรกของศวิตาดังขึ้นมาขวางไว้ก่อน
“ถ้าอย่างนั้น ช่วยตรวจสอบถุงนี้ด้วยค่ะ ซองยาข้างในไม่ใช่ชื่อดิฉัน” ศวิตายื่นถุงยาที่ระบุชื่อเธอถูกต้อง
แต่ซองยาภายในชื่อสมพร แซ่แต้ วิมลไม่อยากจะเชื่อจะเกิดเรื่องบังเอิญแบบนี้ขึ้นได้ ขณะที่เธอกำลังมึนกับ
เรื่องที่เกิดขึ้น หญิงสาวรายแรกก็รีบพูดขึ้นพร้อมกับชี้มือไปที่กีรกันตาทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา
“โน่นเจ้าหน้าที่คนนั้นไงคะ ที่จ่ายยาให้แม่ฉันผิด”
“จริงด้วยค่ะ คนเดียวกับที่จ่ายยาให้ดิฉัน” ศวิตารีบเสริม
“รอสักครู่นะคะ ดิฉันจะเรียกมาถามให้รู้เรื่อง” วิมลเรียกกีรกันตามาชี้แจง คิ้วเรียวสวยของกีรกันตา
ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งยากของวิมล เธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อมาก็หายแปลกใจเมื่อเห็นหน้า
ศวิตากับสายตาที่ทอดมองเธออย่างมีความหมาย
“คุณเภสัชคนสวย ดูซะ จ่ายยาอะไรให้แม่ฉัน ถ้าเด็กที่บ้านไม่รอบคอบมีหวังแม่ฉันตายเพราะทานยาผิด
แน่ โรงพยาบาลจ้างคนทำงานแย่ๆแบบนี้ได้ไงกัน” หญิงสาววีนใส่ทันที กีรกันตาตั้งรับไม่ทัน ยังจับต้นชนปลาย
ไม่ถูก อยู่ดีๆก็ถูกคนไม่รู้จักชี้หน้าด่า เธอไม่คุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อนแต่ศวิตาเธอรู้จักแน่ ขณะที่ศวิตาซ่อน
ความสะใจไว้ภายใต้สีหน้าปกติ
“นั่นสิคะ ดิฉันเองก็เกือบไป ถ้าไม่บังเอิญเห็นชื่อที่ซองยาก่อน เกิดเรื่องแบบนี้แล้วโรงพยาบาลจะรับ
ผิดชอบยังไงคะ” ศวิตาถามหาความรับผิดชอบ กีรกันตาขยับปากจะพูดแต่โชคร้ายซ้ำเข้าไปอีกเมื่อราตรีกลับ
จากประชุมมาทันได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นคะ” ต่อหน้าคนอื่นราตรีจะปรับสีหน้าได้ดีเสมอ เธอทำเหมือนไม่รู้เรื่องทั้งที่ยืนฟังอยู่นาน
แล้ว
“ก็ไม่อะไรหรอกคะ แค่แม่ฉันเกือบหยิบยาผิดมากิน เพราะเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทำงานชุ่ย”
หญิงสาวคนเดิมวีนใส่ราตรีแต่ชี้มือไปที่กีรกันตา วิมลรู้สึกเป็นห่วงกีรกันตาเพราะรู้ว่าโอกาสของราตรีที่จะ
เล่นงานกีรกันตาจังๆโดยไม่ถูกครหามาถึงแล้ว
“เธออีกแล้วเหรอนี่ สอนไม่เคยจำ ฉันเคยเตือนแล้วใช่มั้ย ทำอะไรให้ระวัง งานของเราเป็นงานสำคัญ
ถ้าพลาดหมายถึงชีวิตคน เห็นทีต้องลงโทษให้หนัก” ราตรีต่อว่ากีรกันตาต่อหน้าผู้คนอย่างไม่ไว้หน้าและหันไป
พูดกับศวิตากับหญิงสาวจอมวีนว่า “ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ที่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น ดิฉันยอมรับว่าเรื่องนี้เป็น
ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่เอง ทางเรายินดีชดใช้ให้นะคะ” ราตรีทำหน้าที่พนักงานที่ดีของโรงพยาบาล แก้ไข
สถานการณ์โดยยอมรับผิดและโยนความผิดให้กีรกันตา
======================
ศวิตามองใบหน้าซีดเผือดของกีรกันตาแล้วแอบยิ้มสะใจ เธอพอจะมองออกว่าสาวใหญ่คนนี้ไม่ชอบ
กีรกันตาแต่แค่นี้ยังน้อยไป เธอคิดเล่นงานต่ออีก ฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายตั้งรับไม่ทันเอาให้น่วม
“จะชดใช้ไหวเหรอคะ ครั้งนี้ถือว่าโรงพยาบาลโชคดีนะคะที่บังเอิญเรารู้ก่อน ไม่อย่างนั้นอาจมีเรื่องร้าย
แรงถึงชีวิตได้ ยานะคะ ไม่ใช่ขนม ดิฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิคะ เกรงว่าเจ้าหน้าที่ของคุณจะเผลอหยิบยาผิดใส่ใน
ซองยาให้คนอื่นอีก” ศวิตาพูดเสียงหวานก็จริงแต่ความหมายนี่สิทำเอาทุกคนหวั่นไหวไปตามๆกัน
วิมลยืนสังเกตมาตั้งแต่ต้นก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ระหว่างหญิงสาวสองคนนี้ต้องรู้จักกันแน่ ดูแล้วเหมือนจง
ใจมาหาเรื่องกีรกันตามากกว่า แต่เธอก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยได้เต็มที่นักเพราะหลักฐานคาตา
“เรื่องนี้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบแน่นอนค่ะ พวกคุณวางใจได้ โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานพลาด
เราไม่เอาไว้แน่” ราตรีปรายตามายังกีรกันตาอย่างน่ากลัว
กีรกันตาไม่ได้สนใจราตรีแต่กำลังสนใจศวิตา เธอมั่นใจว่าไม่ได้ใส่ยาผิด เรื่องที่เกิดมันบังเอิญเกินไป
ท่าทางศวิตาก็ไม่เหมือนคนป่วยสักนิดแถมหญิงสาวที่ชี้หน้าด่าเธอ ก็ไม่คุ้นหน้า เธอจำได้ว่าตั้งแต่เช้ามาไม่มี
คนไข้หรือญาติคนไข้ที่มารับยาสาวขนาดนี้ ที่มั่นใจเพราะความจำเธอค่อนข้างดี และก่อนจ่ายยาให้คนไข้เธอ
จะทวนถามชื่อคนไข้ก่อนกันพลาดค่อยจ่ายให้ ศวิตาต้องวางแผนเล่นงานเธอแน่ ดูจากสายตาก็รู้ และเธอก็
ไม่มีสิทธิ์จะแก้ตัวได้ด้วยภายใต้สถานการณ์เป็นรองแบบนี้ หลักฐานทุกอย่างมัดตัว แล้วใครจะยื่นมือมาช่วย
สงสัยต้องถูกไล่ออกจากงานแน่คราวนี้ ราตรีคงไม่ปล่อยเธอไว้แน่โอกาสมาถึงแล้วนี่ คิดมาถึงตรงนี้ ความ
คิดแวบหนึ่งแล่นเข้าในใจเธอคือ เอาคืนคนพวกนี้
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันรับผิดชอบแน่ถ้าดิฉันผิดจริง แต่ถ้าดิฉันถูกใส่ความล่ะก็...” กีรกันตาหันไปมอง
ศวิตาก่อนพูดต่อ “คนที่จงใจวางแผนนี้เพื่อใส่ร้ายดิฉันต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของดิฉันแม้ดิฉันจะไม่ดังอย่าง
คุณศวิตา ดิฉันก็จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย พอใจมั้ยคะคุณศวิตา” คำพูดกับท่าทางเอาเรื่องของกีรกันตานั้น
ทำเอาทุกคนตะลึง เด็กสาวที่ดูอารมณ์ดี เรียบร้อย ยอมราตรีเกือบทุกครั้งกลับร้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญ
กล้าท้าศวิตาสาวสังคมชื่อดังด้วย
ศวิตาจ้องหน้ากีรกันตาอย่างน่ากลัวพอๆกับอารมณ์โกรธพุ่งปรี๊ดในใจทว่ากลับวางสีหน้าได้เป็นปกติ
“ดิฉันเริ่มเห็นใจโรงพยาบาลแล้วสิคะที่มีพนักงานร้ายอย่างนี้ ทำผิดแล้วยังกล้าขู่คนอื่นอีก แย่นะคะ
ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป โรงพยาบาลไม่กลายเป็นมาเฟียไปเหรอคะ” ศวิตาเริ่มแผนยุลูกค้าของโรงพยาบาล และมัน
ก็ได้ผลดีเสียด้วยเพราะเหล่าไทยมุง เริ่มคล้อยตาม
“จริงด้วยค่ะ แหมไม่ไหวจริงๆ โรงพยาบาลอะไรเนี่ยเข้าข้างคนของตัวเอง” ไทยมุงคนหนึ่งพูดขึ้นก่อน
และมีคนช่วยเสริมต่ออีก สายตาทุกคู่ต่างมองมายังกีรกันตา ราตรีเห็นแล้วรู้สึกสะใจไม่คิดจะช่วยแก้ต่างให้
ผิดกับวิมลและคนในแผนกที่ต่างเห็นใจกีรกันตาเพราะส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ากีรกันตาจะทำงานพลาดแต่เรื่องร้าย
แรงแบบนี้ไม่มีใครอยากมีส่วนร่วมด้วย
กีรกันตาแม้จะรู้ว่าไม่ผิดและเริ่มสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองแต่เพราะด้อยประสบการณ์
และไม่มากเล่ห์เหมือนคนอื่นจึงทำให้รู้สึกอึดอัด เตรียมรับสถานการณ์ไม่ถูก เธอไม่คิดว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายแบบ
นี้ในชีวิต ทุกคนมองเธอเหมือนผู้ร้ายก็ไม่ปาน เธอรู้สึกถูกกดดันอย่างหนัก เริ่มท้อกับชีวิต ไม่มีกำลังใจจะคิดหา
ทางช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้อีกต่อไป เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอรู้สึกเครียดจัด ท้อแท้
ยิ่งกว่าตอนไม่มีร่างอยู่เสียอีก ตอนนั้นเธอยังมีปู่ มีอมรินทร์คอยช่วย รวมถึงพี่ชายที่คอยห่วง แต่เวลานี้ไม่มีใคร
สักคนมาปรากฏตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวช่วยเธอเหมือนครั้งก่อน วันนี้อมรินทร์หายเงียบไปตั้งแต่เช้าแล้ว บอกว่า
ติดธุระมารับส่งเธอไม่ได้ ส่วนพี่ชายก็ยังไม่กลับจากพัทยา ไม่มีใครสักคนที่ช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้เธอ
ได้เลย หรือนี่คือวิบากที่เธอต้องรับ เธอเริ่มเชื่อแล้วว่าเรื่องของกรรมไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้แต่ทำไมคนที่ทำดีมา
ตลอดอย่างเธอต้องเจอแต่เรื่องเลวร้ายด้วย เธออยากร้องไห้นักแต่ไม่ยอมให้คนพวกนี้เห็นน้ำตาเธอโดยเฉพาะ
ศวิตา เธอจะให้ผู้หญิงคนนี้เห็นเธออ่อนแอไม่ได้ ขณะที่เธอกำลังถูกต้อนจนหาทางออกไม่เจอนั้นเสียงหนึ่ง
ก็แทรกขึ้นมาท่ามกลางผู้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่
“เกิดอะไรขึ้นครับ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้บ้างครับ” ทุกคนหันไปมองตามเสียง เจ้าของเสียงเป็น
ชายหนุ่มแต่งกายสุภาพใบหน้าสะอาดสะอ้าน ดูดี ดูแล้วยากจะคาดเดาอายุแท้จริง ราตรีกับวิมลพอเห็นหน้า
ก็มีท่าทางนอบน้อม ขณะที่คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นใคร
“คุณเป็นใครมิทราบ จะมาช่วยอะไรฉันได้” หญิงสาวจอมวีน ถามอย่างเอาเรื่อง
ผู้มาใหม่ยิ้ม “ได้สิครับ ถ้าผมช่วยแก้ปัญหาไม่ได้แล้วใครจะช่วย ผมเป็นหนึ่งในผู้ช่วยประธานกรรม
การของโรงพยาบาลนี้ ตำแหน่งผมพอจะให้ความช่วยเหลือพวกคุณได้ไหม” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างสุภาพ
เรียกความเกรงใจให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นได้พอสมควร
“ถ้างั้นดีเลย ฉันอยากรู้ว่าโรงพยาบาลจะรับผิดชอบยังไงกับเรื่องจ่ายยาผิด ทำให้แม่ฉันเกือบกินยาผิด”
หญิงสาวจอมวีนโวยใส่โดยไม่สนใจ
“โรงพยาบาลรับผิดชอบแน่นอน แต่ผมขอสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนและขอเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ไปคุยที่ห้องรับรองดีกว่า เชิญคุณศวิตาด้วยนะครับ” ชายหนุ่มหันไปเชื้อเชิญศวิตาโดยที่เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้
จักเธอด้วย แต่ก็ไม่แปลกเท่าไร เวลานี้ไม่มีใครไม่รู้จักลูกสาวคนสวยของคุณคณินนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล
“ได้ค่ะ ดิฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าโรงพยาบาลจะมีมาตราการป้องกันอย่างไรไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก
และหากเกิดขึ้นอีกจะรับผิดชอบอย่างไร” ศวิตาดูจะห่วงใยปัญหาที่เกิดขึ้นมากกว่าจะคิดเอาเรื่องกับโรงพยา
บาล เธอต้องการเรียกคะแนนนิยม ทำให้ภาพพจน์เธอดูดีในสายตาคนอื่น
“ถ้าอย่างนั้นเชิญเลยครับ คุณราตรี คุณวิมล คุณกีรกันตา ตามผมมา” ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ
ทุกคนที่เกี่ยวข้องเดินให้ตามเขาไปเลยทำให้เหล่าไทยมุงไม่รู้ว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร
ชายหนุ่มที่อ้างตัวเป็นผู้ช่วยประธานกรรมการของโรงพยาบาลเดินนำคนทั้งหมดไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไป
ชั้นผู้บริหารและก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง ดวงตาคู่สวยของกีรกันตาฉายแววหม่นหมอง ท้อแท้ เหนื่อยหน่าย
ตามความรู้สึกของเจ้าของกลับมีประกายขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ พลันกระแสอบอุ่นก็
แล่นผ่านเข้ามาสู่ใจและทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายได้มาก แม้เธอจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรแต่กลับมั่นใจ
ว่าเธอจะทวงคืนความเป็นธรรมให้กับตัวเองได้เพียงแวบแรกที่เห็นหน้าปฏิภาณกับสายตาที่ทอดมองมา
เหมือนจะบอกว่า
‘ไม่ต้องกลัวนะข้าว พี่อยู่นี่แล้ว ทุกอย่างต้องดีขึ้น พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายน้องสาวสุดที่รักของพี่ได้
เป็นอันขาด’ เป็นคำพูดที่ปฏิภาณมักพูดปลอบเธอเสมอยามมีเรื่องกลุ้มใจ ไม่สบายใจ และไม่นานเกินรอทุกอย่าง
ก็ดีขึ้นจริงๆเพราะพี่ชายเป็นธุระช่วยแก้ปัญหาให้ทุกครั้งจนถูกปู่เรียกไปตักเตือนบ่อยๆ ท่านไม่อยากให้หลานสาว
โตขึ้นมาโดยไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองถ้ามีหลานชายคอยแก้ปัญหาให้ตลอด
นานแล้วที่เธอลืมนึกถึงคำพูดนี้ อยู่ดีๆก็ผุดขึ้นในใจ ณ วินาทีแรกที่เห็นหน้าพี่ชายปรากฏสู่สายตา
เธอก็รู้สึกเหมือนมีอ้อมกอดอันอบอุ่น มั่นคงมากอดไว้ แล้วความหดหู่ท้อแท้สิ้นหวังในใจก็จางหายไป เหมือนมี
ใครมาเติมพลังชีวิตให้เธออีกครั้งจนจนอยากตะโกนดังๆว่า “ฉันไม่ยอมแพ้หรอกเรื่องแค่นี้ ชิลๆ ฉันไม่กลัวพวก
เธออีกต่อไป ฉันจะสู้เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับตัวเอง”
ผู้คนที่อยู่ในลิฟต์ต่างไม่รู้ว่าเรื่องกำลังจะพลิกยกเว้นศวิตา ทันทีที่เข้ามาในห้องรับรองลูกค้าก็พบว่ามี
คนนั่งรออยู่ก่อนแล้วคือภานุ การได้เห็นภานุทำให้ศวิตาเริ่มคิดหนัก คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน สายตาจ้องมอง
ไปยังภานุทว่าเขากลับทำเป็นมองไม่เห็นและยืนขึ้นเมื่อท่านผู้ช่วยประธานกรรมการเอ่ยทักขึ้น
“หมอภานุ ขอโทษทีที่ปล่อยให้รอนาน พอดีมีปัญหายุ่งๆที่แผนกเภสัชกรรม เรื่องจ่ายยาผิดของเจ้า
หน้าที่ต้องสะสางก่อน ไว้ค่อยคุยกันอีกทีเรื่องสั่งจ่ายยาของหมอเมื่อเช้านี้ ผมไม่รบกวนเวลาหมอดีกว่า คนไข้
กำลังรออยู่” และมันก็ทำเอาศวิตากับสาวจอมวีนเผลอสบตากันแต่ก็ไม่พูดอะไร ทำทีเป็นรอดูท่าทีอีกฝ่าย
“คุณชัยชนะ สะดวกเมื่อไหร่ โทรเรียกผมได้เลยครับ ผมขอไปตรวจคนไข้ต่อ” ภานุพูดจบก็เดินออกจาก
ห้องไปโดยไม่ทักทายคนรู้จักสักคน ทุกคนต่างงงและรอดูท่าทีชัยชนะผู้ช่วยประธานกรรมการซึ่งไม่ธรรมดา
เพราะเป็นถึงลูกชายประธานผู้ก่อตั้งโรงพยาบาล
“เชิญนั่งครับทุกคน คุณศวิตา ด้วยครับ” ชัยชนะผายมือเชิญทุกคนให้นั่งลงบนเก้าอี้รับแขกชุดหรู
ทุกคนทำตาม ขณะที่ศวิตาเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเกรงว่าภานุจะเผลอพูดอะไรให้ผู้ช่วยประธานกรรมการรับรู้ แต่คิดอีก
ทีก็มั่นใจว่าภานุไม่มีวันทำเช่นนั้นเป็นอันขาด ถ้าทำเท่ากับประจานตัวเอง ไม่เป็นผลดีต่อวิชาชีพหมอแน่ เผลอๆ
อาจเจอข้อหาก็ได้
“คุณชัยชนะ บอกได้หรือยังคะ จะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร เวลาของจุงมีไม่มากนะคะ
จุงยังมีนัดอีกหลายที่” ศวิตาแกล้งถามและเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวให้ฟังดูเป็นกันเองมากขึ้น
“ใจเย็นๆครับคุณศวิตา ผมอยากให้คุณคนนี้เล่าเรื่องให้ละเอียดก่อน ผมรบกวนช่วยเล่าเรื่องทั้ง
หมดให้ผมฟังด้วยครับ คุณ..เอ่อ..” ชัยชนะดูใจเย็นสุขุมสมกับเป็นผู้บริหาร
“ฉันชื่อสมศรีค่ะ อยากรู้จะเล่าให้ฟัง” หญิงสาวจอมวีนบอกชื่อตัวเองเสร็จสรรพและเล่าเรื่องทั้งหมด
ให้ฟังด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“คุณสมศรี ใจเย็นๆนะคะ โรงพยาบาลต้องรับผิดชอบแน่นอนค่ะเพราะคุณชัยชนะมาดูแลเรื่องนี้ด้วย
ตัวเอง” ราตรีต้องการเอาหน้าและประจบชัยชนะจึงพูดแทรกขึ้น วิมลเห็นแล้วอดค่อนคอดในใจไม่ได้
‘ยัยคนนี้ลิ้นยาวจริงๆ มิน่าเล่าถึงได้ดีอยู่เรื่อย น่าสงสารน้องข้าว ไม่รู้จะถูกจับเป็นแพะหรือเปล่า’ เธอหัน
ไปมองกีรกันตาที่นั่งนิ่งคล้ายรอเวลาตัดสินชะตากรรม เห็นแล้วอดเห็นใจไม่ได้จึงยื่นมือไปจับมือเด็กสาวไว้แล้ว
บีบเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ นี่คือสิ่งที่เธอช่วยได้มากที่สุดภายใต้สถานการณ์แบบนี้
“คุณราตรีพูดถูกครับ ผมรับรองโรงพยาบาลรับผิดชอบแน่ถ้าพบว่าเจ้าหน้าที่ของเราทำพลาดจริง เรื่องนี้
ถือเป็นเรื่องร้ายแรง มีโทษหนัก แต่ก่อนจะชี้ชัดลงไปว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมขอดูข้อมูลจากเจ้าหน้าที่
การเงินก่อน ผมอยากรู้ว่าคุณสมพร มาตรวจรักษาตั้งแต่เมื่อไหร่และก่อนจ่ายยาให้คนไข้ เจ้าหน้าที่ของเรา
มีการทวนชื่อคนไข้ให้ฟังหรือไม่” ชัยชนะพูดจบก็เดินไปนอกห้องสักพักและกลับมาพร้อมเอกสารในมือ สาวจอม
วีนเริ่มหวาดหวั่นหันไปมองศวิตาแต่เธอทำเป็นมองไม่เห็นเพราะกำลังคิดหาทางชิ่ง
“จุงขอตัวก่อนค่ะ เดี๋ยวไม่ทันออกรายการทีวี ไว้เรื่องสรุปอย่างไรค่อยแจ้งให้จุงทราบทีหลังก็ได้ค่ะ
ขอแค่โรงพยาบาลแสดงความรับผิดชอบก็พอค่ะ” ศวิตาพูดจบก็รีบลุกไปอย่างเร่งด่วนโดยไม่มีใครทันได้ทักท้วง
ปล่อยให้หญิงสาวจอมวีนทำหน้าซีดไปพลางๆก่อน
กีรกันตาเฝ้าสังเกตอยู่เริ่มเข้าใจอะไรลางๆที่แท้ชัยชนะมาเพื่อช่วยเธอ ทำไมคิดช่วย หรือว่า...เป็นฝี
มือพี่ชาย เธอสงสัยและเฝ้าติดตามต่ออยากรู้ว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร เช่นเดียวกับราตรีและวิมล
“คุณศวิตาต้องรีบไปออกรายการทีวี ไม่มีเวลาอยู่ฟังความรับผิดชอบของโรงพยาบาล แล้วคุณละครับ
คุณสมศรีมีเวลาฟังไหมครับ” ชัยชนะถามเสียงเรียบพลางจ้องมองหน้าสาวจอมวีนอย่างคาดคั้น คนถูกจ้อง
หลบตาแล้วรีบพูดขึ้นว่า
“ฉันเองก็ต้องรีบไปเหมือนกัน บังเอิญนึกขึ้นมาได้ ต้องรีบเดินทางไปใต้หวันคืนนี้ ขอตัวก่อนค่ะ”
ว่าแล้วก็รีบลุกหนีแทบไม่ทัน ราตรีนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะกลับตาลปัตรแบบนี้ ผิดหวังนักที่ทำอะไรกีรกันตาไม่ได้
ขณะที่วิมลลอบยิ้ม
“ค...คือ..ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ ก็..หลักฐานคาตาว่าเด็กคนนี้ทำงานพลาดชัดๆนี่คะ” ราตรียังไม่วายที่จะชี้
ความผิดของกีรกันตาต่อหน้าชัยชนะ
“คุณราตรี ข้าวทำงานดีนะคะ ฉันยืนยันได้ และระบบการจ่ายยาของโรงพยาบาลก็ได้มาตราฐาน คุณพูด
แบบนี้เท่ากับชี้ความบกพร่องของตัวเอง ลูกน้องทำผิดต้องโทษหัวหน้าที่ไม่รู้จักอบรมให้ได้ดี” วิมลถือโอกาสเล่น
งานราตรี เธอไม่เคยเกรงใจราตรีอยู่แล้วเพราะรู้จักชัยชนะดี ว่าเป็นคนหนุ่มไฟแรง ฉลาดรักความเป็นธรรม ที่สำ
คัญมีเพื่อนรักเป็นถึงจิตแพทย์ชื่อดัง เห็นทีงานนี้อมรินทร์ต้องอยู่เบื้องหลังแน่ ร้ายนักนะหมออาม ตัวมาไม่ได้ยัง
ส่งเพื่อนมาช่วยคนรัก วิมลคิดแล้วอดอิจฉากีรกันตาไม่ได้
“คุณวิมล อย่าลืมสิ คุณเองก็เป็นหัวหน้ากีรกันตาด้วย คุณก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน” ราตรีขู่กลับ
กีรกันตารู้สึกไม่สบายใจ วิมลอาจเดือดร้อนเพราะเธอเป็นต้นเหตุแต่ทว่าพนักงานในระยะทดลองงาน
อย่างเธอทำได้แค่นั่งดูเฉยๆ คงเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกัน เรื่องของเรื่องคือวันนี้ไม่มีคนไข้ชื่อสมพรมาตรวจที่โรงพยาบาล ผมเช็คจากข้อ
มูลของฝ่ายการเงิน แต่มีคนไข้ชื่อศวิตามาตรวจกับหมอภานุ ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือถุงยากับป้ายชื่อคนไข้ที่คุณ
สมศรีนำมา เอามาจากไหน คุณราตรีผมฝากคุณช่วยสืบเรื่องนี้ที” ชัยชนะดึงความสนใจของทั้งคู่ไปเรื่องอื่นแทน
“ได้ค่ะ แล้วดิฉันจะสืบให้” ราตรีจำใจรับทั้งที่ไม่อยาก
“ดี ผมหวังว่าจะรู้เรื่องเร็วๆนี้ ผมมีข้อท้วงติงนิดหนึ่งจากเรื่องที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าผู้ใหญ่ในแผนกควรรับมือ
กับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่โยนความผิดให้ลูกน้อง คุณราตรีการกระทำแบบนี้เท่ากับทำลายความเชื่อมั่น
ของลูกค้าที่มาใช้บริการของโรงพยาบาล ไม่ว่าภายในจะเป็นอย่างไรที่สำคัญคือความเชื่อมั่นและชื่อเสียงของ
โรงพยาบาลต้องมาก่อน ผมไม่ต้องการให้ผิดถูกอะไรก็โทษตัวบุคคล เราทำงานพลาดกันได้ทุกคนแต่ถ้ามีระบบ
ที่ดีไว้ป้องกันและทุกคนทำตาม เรื่องก็จะไม่เกิด ไม่เฉพาะคุณราตรีที่ผมอยากฝากเรื่องนี้ คุณวิมลด้วย ผมขอ
เตือนแค่นี้ พวกคุณกลับไปทำงานได้ ยกเว้นคุณกีรกันตา ผมมีเรื่องจะสอบอีกนิดหน่อย”
ราตรีกับวิมลพอได้ยินต่างพากันคิดเหมือนกันว่า ชัยชนะอาจนึกชอบพอกีรกันตา แต่พอเห็นใบหน้า
จริงจังเคร่งเครียดของชัยชนะความคิดนี้ก็เปลี่ยนไป ราตรีหวังให้ชัยชนะไล่กีรกันตาออก เธอคิดว่าเรื่องที่
เกิดแม้กีรกันตาไม่ผิดแต่ก็ทำให้โรงพยาบาลเสียชื่อ และอาจก่อเรื่องตามมาอีก ชัยชนะเป็นคนชอบกำจัดต้น
ตอแห่งปัญหา ขณะที่วิมลไม่เข้าใจในพฤติกรรมของชัยชนะและเป็นห่วงกีรกันตาหากทำอะไรไม่ได้คงต้องรอ
ให้เด็กสาวออกจากห้องก่อนค่อยถาม
================
หลังทุกคนออกจากห้องแล้ว สีหน้าเคร่งเครียดของชัยชนะก็คลายลงเป็นปกติเมื่อหันมามองหน้า
กีรกันตาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร กีรกันตายืนนิ่งมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“คุณกีรกันตา รู้ไหมทำไมผมรั้งตัวคุณไว้” ชัยชนะตั้งคำถามขึ้น
“ไม่ทราบค่ะ” กีรกันตาตอบตามตรง
“ผมก็คิดว่าอย่านั้น เอาอย่างนี้ คุณรออยู่ในนี้สักครู่ มีใครคนหนึ่งอยากพบคุณ” ชัยชนะพูดจบก็ออกไป
จากห้อง ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดออก กีรกันตาหันไปมองแล้วยิ้มดีอย่างใจสุดๆให้เห็นเป็นครั้งแรกของวัน
อันเลวร้ายอีกวันของเธอแล้ววิ่งเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่อ้าแขนรับทันทีและกอดเธอไว้แนบอก
“พี่ต้น ข้าวนึกไม่ถึงจริงๆจะเป็นพี่ต้นที่ช่วยข้าว” คนพูดเงยหน้าขึ้นจ้องมองหน้าพี่ชายพลันนัยน์ตาคู่สวย
ก็มีน้ำเอ่อคลอ ซาบซึ้งเกินคำบรรยายในความรักความห่วงใยของพี่ชายที่แสนดีผู้ไม่เคยทอดทิ้งน้องสาวสักครั้ง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ดังนั้นอารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่พยายามระงับไว้ก็ถูกปล่อยออกมาเป็นน้ำตาและเสียงสะอื้นไห้กับ
อ้อมกอดอันอบอุ่นของพี่ชาย ปฏิภาณปล่อยให้น้องสาวได้ระบายความอัดอั้นตันใจอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยดันตัวออกห่าง
ยิ้มให้อย่างอบอุ่น ใช้นิ้วไล่น้ำตาให้
“เห็นทีน้องสาวพี่ยังไม่โตเท่าไหร่มั้ง ดูสิทำตัวเป็นเด็ก ถูกรังแกหน่อยก็ร้องแล้วไม่ไหวเลยจริงๆ”
ปฏิภาณแกล้งว่าเล่น ใบหน้าสวยชนิดหนึ่งไม่มีสองเลยงอง้ำให้เห็น
“พี่ต้น มีความสุขนักใช่มั้ยที่เห็นข้าวถูกแกล้ง” คนเป็นน้องชักน้อยใจพี่ชายแถมงอนใส่อีก
“โอ๋ๆ ไม่ล้อแล้ว เลิกงอนนะ น้องสาวคนดีของพี่” พี่ชายรีบง้อ
“ไม่ยกโทษให้ พี่ต้นทำข้าวเสียงความรู้สึก” กีรกันตาดูจะออกฤทธิ์ออกเดชกับพี่ชายมากเป็นพิเศษ
“เราเห็นพี่เป็นหมออามเหรอไง ถึงได้งอนไม่เลิก นี่พี่นะไม่ใช่แฟนจะได้ตามงอนง้อไม่รู้จักจบ” ปฏิภาณ
ว่าเข้าให้ พอได้ยินคำว่า หมออาม กีรกันตาก็นึกน้อยใจขึ้นมาอีก ครั้งนี้เขาไม่มาช่วยเธอ ถ้าไม่มีพี่ชายป่านนี้
เธอคงกลายเป็นคนผิด ต้องถูกไล่ออกจากงาน ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจและฉุนจัด
“เลิกพูดถึงพี่อามไปเลยพี่ต้น คนใจร้ายไม่คิดมาช่วย รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องกับข้าวยังไม่คิดช่วยอีก”
ปฏิภาณเห็นท่าทางงอนแล้วพาลของน้องสาวก็ยิ้มส่ายหน้า เอาเถอะจะช่วยว่าที่น้องเขยในอนาคต
สักครั้งก็แล้วกัน
“ข้าวกำลังเข้าใจหมออามผิด งานนี้ถ้าไม่ได้หมออาม ข้าวกลายเป็นแพะแน่ พี่จะบอกความจริงให้
พี่ถูกหมออามแย่งบทฮีไร่ไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล”
“พี่ต้นหมายความว่ายังไง ข้าวงงค่ะ”
“ความจริงคุณชัยชนะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ หมออามเป็นคนโทรมาบอกให้ช่วยข้าวแทนเพราะ
ยังติดงานบรรยายในฐานะวิทยากรพิเศษที่โรงแรม คุณชัยชนะเป็นเพื่อนรักของหมออาม คราวนี้เข้าใจหรือยัง”
ปฏิภาณช่วยไขความกระจ่างให้ แต่ไม่ได้บอกว่าเขาเองก็ช่วยสานต่อโดยขอข้อมูลจากแผนกการเงินมาให้
ชัยชนะเพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวศวิตากับเพื่อนสาวที่วางแผนแกล้งกีรกันตา เขารู้ว่างานนี้มีคนร่วมมืออีกคนคือ
วรพจน์ซึ่งมีสายอยู่ในโรงพยาบาลนี้และเรื่องนี้ชัยชนะก็พอจะทราบเลาๆแต่ยังหาต้นตอไม่ได้
“ว้าพี่ต้น ข้าวผิดหวังกับพี่ชายตัวเองจริงๆ คิดว่าจะห่วงน้องสาวที่แท้ก็ห่วงน้อยกว่าคนอื่น พี่อามน่ารักที่
สุด พบตัวเมื่อไหร่จะให้รางวัลความน่ารักสักหน่อย” กีรกันตายั่วพี่ชายกลับ น้ำเสียงกับสีหน้าสดชื่นขึ้นทันทีที่รู้
ว่าอมรินทร์คอยช่วย ไม่ทอดทิ้ง แม้ตัวมาไม่ได้ยังอุตส่าห์วานคนอื่นให้ช่วย เธออบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือน
มีเขาอยู่ด้วยตลอดเวลา
“ให้มันได้อย่างนี้สิน้องเรา ไม่เคยเห็นความดีของพี่ชายคนนี้เลย กลับดีกว่า ไม่น่ามาให้เสียเวลาเล้ย”
ปฏิภาณบ่นน้อยใจ
“เพิ่งรู้ว่าพี่ชายเราหัวล้านนะเนี่ย วางใจได้ค่ะ ข้าวไม่มีวันเห็นคนอื่นดีกว่าพี่ชายร่วมสายเลือดแสนดี
แสนน่ารัก อย่างพี่ต้นคนนี้เป็นอันขาด” ว่าจบน้องสาวคนดีก็ตอกย้ำคำพูดด้วยการเขย่งตัวหอมแก้มพี่ชาย
แรงๆทีหนึ่ง ปฏิภาณยีหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู น่ารักอย่างนี้ถึงทิ้งไม่ลงเสียที
“เอาล่ะวันนี้ไม่ต้องกลับไปทำงานแล้ว ไปทานข้าวเย็นบ้านว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตกันดีกว่า ถือเป็นการ
เลี้ยงปลอบใจที่ถูกปรักปรำ เรานะยังต้องเจออีกเยอะ” ปฏิภาณเผลอพูดออกมาในตอนท้าย กีรกันตามองหน้า
พี่ชาย พูดคล้ายอมรินทร์ ทั้งสองคนรู้อะไรเกี่ยวกับอนาคตของเธอแล้วทำไมไม่บอกให้รู้จะได้ป้องกันไว้ก่อน
“พี่ต้น ข้าวยังต้องเจออะไรอีก มีใครคิดร้ายกับข้าวอีก บอกข้าวมานะ”
“เปล่าไม่มีอะไร ข้าวหูฝาดมั้ง รีบไปกันดีกว่า โน่นคุณชัยชนะมาแล้ว ไปขอบคุณเขาหน่อย” ปฏิภาณรีบ
ปลี่ยนเรื่องทันทีและจูงมือกีรกันตาเดินไปหาชัยชนะ
“ขอบคุณครับคุณชัยชนะที่ให้ความร่วมมือและช่วยแก้ข้อกล่าวหาให้กับน้องสาวผม”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำเพื่อชื่อเสียงของโรงพยาบาล และช่วยเพื่อนผม ไม่อย่างนั้นวันนี้หมออามบรรยาย
ผิดเรื่องแน่ ผมอิจฉาคุณกีรกันตาจริงๆ ที่คว้าหัวใจเพื่อนผมคนนี้ได้” ชัยชนะกล่าวจากใจจริง กีรกันตาหน้าแดง
เล็กน้อยด้วยความเขิน
“ขอบคุณค่ะคุณชัยชนะที่ช่วยให้ความเป็นธรรมกับพนักงานตัวเล็กๆอย่างข้าว” กีรกันตาขอบคุณจาก
ใจจริง ความจริงคนระดับเขาไม่จำเป็นต้องมายุ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบุคคลที่จะเคลียร์เอง
“พูดอย่างนี้ไม่ถูกนะครับ พนักงานทุกคนถือเป็นทรัพยากรบุคคลอันมีค่าขององค์กร หากเราไม่ให้
ความเป็นธรรม เท่ากับทำให้องค์กรสูญเสียทรัพยากรอันมีค่าไป” ชัยชนะสมกับเป็นนักบริหารและรู้ว่าอะไรเป็น
สิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปได้ดี
“ได้ยินคุณพูดแบบนี้ ผมรู้สึกสบายใจแทนน้องสาวผม ” ปฏิภาณตอบแทนน้องสาว
“เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารอยู่แล้วครับที่ต้องดูแลทุกข์สุขของพนักงาน ความจริงผมก็ไม่ได้ช่วยอะไร
มาก คนช่วยมากคือหมออามกับคุณมากกว่า” ชัยชนะสารภาพตรงๆ
“นั่นสิ ถึงเวลาที่ผมกับน้องสาวต้องไปขอบคุณพระเอกตัวจริงเสียที ผมถือโอกาสลางานแทนน้องสาว
เลยนะครับ” ปฏิภาณขออนุญาตให้เสร็จสรรพ หากคำพูดต่อมาของกีรกันตาก็ทำให้เขาคิดไม่ถึง
“พี่ต้น เหลืออีกแค่ชั่วโมงเดียวเอง ข้าวจะกลับไปทำงานค่ะ พี่ต้นรอข้าวเลิกงานค่อยไปด้วยกันดีกว่า
ข้าวไม่อยากเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างขอกลับก่อน” ความจริงเธอไม่อยากให้คนมองว่าเธออ่อนแอ เรื่องแค่นี้ทำ
เป็นทนไม่ได้ต้องกลับบ้านไปพักผ่อนจิตใจแล้วราตรีจะยกเอามาค่อนขอดเธออีก
“ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น พี่จะรอจนข้าวเลิกงานก็แล้วกัน ไปกลับไปทำงานได้แล้ว ผมขอตัวก่อน
ครับคุณชัยชนะ ขอสำรวจโรงพยาบาลคุณหน่อยคงไม่ว่านะครับ” ปฏิภาณดูจะพอใจกับการตัดสินใจของ
น้องสาว มันทำให้เขารู้ว่าน้องสาวตัวน้อยโตขึ้นมากแล้วจริงๆ เขาสบายใจได้เปลาะหนึ่งและรู้ว่ากีรกันตายัง
ต้องผจญกับเรื่องเลวร้ายในชีวิตต่อไปอีกจนกว่าวิบากจะหมด ไม่มีใครขวางได้
===========================
*********ขอบคุณค่ะที่ตาม น่ารักจัง๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2558, 22:56:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2558, 22:56:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 1245
<< ตอนที่ 17 | ตอนที่ 19 >> |