จำนนเสน่หาแบดบอย
“ผมมีเงินให้คุณมากเท่าที่ต้องการ อสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลผลกำไรหรือความเชื่อถือต่างๆไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเหมือนแบงก์ทั่วไป แต่เงินของผมที่จะไหลเข้าบัญชีสิริแอทเซทมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว” เขาบอกและมองเธอด้วยแววตาร้อนแรงอย่างเปิดเผย ไม่แยแสต่อพันธะสมรสที่เธอเพิ่งย้ำเตือนไปเมื่อครู่ “ผมต้องการคุณพิลาสินี”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
Tags: จำนนเสน่หาแบดบอย, ลินเนอุส, พิลาสินี
ตอน: ตอนที่ 4 50%
ทันทีที่เดินทางมาถึงเกาะส่วนตัวของเขาก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นปราสาทบาร็อกหลังคาสีเขียวขี้ม้าก็ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า พิลาสินีเดินผ่านรั้วต้นไม้เตี้ยๆที่ตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ แปลงดอกบลูเบลล์ซึ่งตอนนี้มีเพียงต้นของมันแต่ความถี่และจำนวนที่เห็นทำให้นึกไปถึงช่วงเวลาที่ดอกสีม่วงนี้บานสะพรั่ง กลิ่นหอมที่ลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณคงทำให้อารมณ์ดีไปหลายวัน ตรงกลางสวนหย่อมเป็นลานน้ำพุที่มีรูปปั้นคิวปิดตัวน้อยราวห้าหกตัวอยู่ในอิริยาบถที่แตกต่างกันออกไป
“เชิญด้านในดีกว่าครับ” โยวันเอ่ยขึ้นเมื่อเดินตามหลังมาแล้วเห็นว่าหญิงสาวชะงักการก้าวเดินครู่หนึ่ง กวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณ
พิลาสินีส่ายหน้าให้กับความทรงจำครั้งเก่าที่เคยมีร่วมกับเจ้าของเกาะแห่งนี้ ถ้าคิดว่าสิ่งที่เห็นเขาสร้างตามความคิดของตนก็คงเป็นความคิดที่เลื่อนเปื้อน ช่วงเวลาเพียงสามเดือนที่รู้จักกันจะทำให้เขาจดจำเธอได้ทุกวินาทีอย่างไร
“เอากระเป๋าคุณผู้หญิงขึ้นไปเก็บในห้องที่เตรียมไว้” โยวันส่งกระเป๋าเดินทางของเธอให้กับแม่บ้านที่เดินออกมาต้อนรับ
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ดิฉันคงไม่รบกวนคุณถึงขนาดนั้น คิดว่าคงจะใช้เวลาคุยกับมิสเตอร์คอนราดสันไม่นาน อีกอย่างดิฉันจองตั๋วเครื่องบินกลับคืนนี้ด้วยค่ะ” พิลาสินีบอกและได้แต่มองตามกระเป๋าเดินทางใบเล็กของตนที่ถูกแม่บ้านหิ้วขึ้นไปชั้นบนแล้ว
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีห้องสำหรับทำธุระส่วนตัวนะครับ คุณเดินทางมาหลายชั่วโมงคงจะเพลียไม่น้อย ผมว่าระหว่างที่รอท่าน ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาหรือหลับสักงีบ ถ้าท่านมาถึงเดี๋ยวผมจะให้คนไปเรียกนะครับ”
พิลาสินียิ้มอย่างเกรงใจเพราะไม่คิดว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีเยี่ยมเช่นนี้จึงได้แต่เดินขึ้นไปยังชั้นบนตามที่ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าโยวันนั้นทำเพื่อถ่วงเวลาให้เธอรอเจ้านายด้วยความสบายใจ เพราะหากต้องมานั่งชะเง้อรอโดยไม่มีกิจกรรมอย่างอื่น นั่นยิ่งจะเพิ่มความกระวนกระวายใจให้เธอมากขึ้น
เมื่อแม่บ้านสาวเดินออกไปจากห้องแล้วพิลาสินีจึงกวาดสายตามองรอบๆ ความหรูหราในสไตล์บาร็อกทั้งภายนอกและภายในปราสาทหลังนี้ทำให้เธอเจริญตาเจริญใจได้ไม่น้อย หากไม่มีเรื่องธุรกิจซึ่งสร้างความหนักใจมาตลอดระยะเวลาร่วมปี ก็ถือว่าห้องนอนที่ปรากฏต่อสายตานี้เป็นกำไรอย่างหนึ่งของชีวิตได้เช่นกัน
ความความอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจทำให้นึกอยากแช่น้ำอุ่นๆเพื่อเรียกความสดชื่น หญิงสาวจึงเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนเดินเข้าไปในส่วนของห้องน้ำที่แบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว อากาศหนาวเย็นที่ได้สัมผัสมาเมื่อครู่ถูกปลอบประโลมด้วยสายน้ำอุ่นจัด แม้ว่าใจจริงแล้วอยากเอนตัวลงแช่ในอ่างครึ่งวงกลมที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างบานใสนั้นก็ตามแต่จุดประสงค์ในการมาพบเจ้าของปราสาทหลังนี้ทำให้เธอต้องรีบจัดการกับตัวเอง การลงไปนั่งรอเขาจึงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติเสียมากกว่าหาความสำราญใจให้ตัวเอง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงไม่รีรอที่จะทำตามและไม่กี่นาทีต่อมาพิลาสินีก็อยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วนั่งรอพบพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปในห้องนั่งเล่นตามที่คนสนิทของเขาเชื้อเชิญ
...จากครึ่งชั่วโมงกลายเป็นชั่วโมง จากหนึ่งชั่วโมงกลายเป็นสี่ชั่วโมง พิลาสินีขี้คร้านจะนับว่าภายในสี่ชั่วโมงนี้ตนถอนหายใจออกมาแล้วกี่ครั้ง เมื่อเวลาในช่วงบ่ายที่ควรจะได้พูดคุยกับลินเนอุสหมดไปโดยเปล่าประโยชน์ ความอร่อยของอาหารมื้อกลางวันในตอนบ่ายสองเศษที่ยกเข้ามาทำให้ลืมเรื่องเวลาไปได้ชั่วครู่และทำให้อดทนรอต่อไปได้อีกราวชั่วโมงครึ่ง
พิลาสินีมองดูนาฬิกาสลับกับบริเวณหน้าทางเข้าปราสาทอยู่บ่อยครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้พบกับคนที่เธอรอเลยสักครั้ง ความอดทนสิ้นสุดลงเมื่อนั่งรอเขานานถึงห้าชั่วโมงครึ่งจึงได้ลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นพลางสอดส่ายสายตาหาร่างคนสนิทของเขาที่ได้พูดคุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อตอนที่แม่บ้านยกอาหารกลางวันมาให้
ความหรูหรา งดงาม ใหญ่โตที่ควรมองแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่กลับเงียบเชียบจนดูเป็นเย็นชาทั้งที่มันคือบ้านซึ่งต้องรายล้อมไปด้วยความอบอุ่น พิลาสินีเดินเข้าไปหาแม่บ้านคนหนึ่งซึ่งกำลังก้มๆเงยๆเช็ดตู้กระจกบานใหญ่กลางห้องโถง
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่ามิสเตอร์คอนราดสันจะกลับมาเมื่อไหร่?” ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด แต่คนฟังกลับหมุนตัวมาหาด้วยใบหน้าและท่าทางเหลอหลาแล้วโต้ตอบด้วยภาษาสวิดิชที่เธอไม่อาจจะเข้าใจ แต่กิริยาที่แม่บ้านยื่นมือออกมาเชิงให้รออยู่ที่นี่แล้ววิ่งหายเข้าไปด้านในก็ทำให้พิลาสินีเข้าใจได้ว่าคงไปจะเรียกคนที่สามารถสื่อสารกับเธอได้มาหา
ไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินใกล้เข้ามาก็ทำให้พิลาสินีหันกลับไปมองยังประตูทางเข้าของตัวปราสาท
“ต้องการให้ผมช่วยอะไรไหมครับ เห็นแม่บ้านบอกว่าคุณถามอะไรเขาสักอย่าง” โยวันถามด้วยน้ำเสียงสุภาพทันทีที่เดินเข้ามาเห็นร่างอ้อนแอ้นยืนอยู่กลางห้องโถง
“คือ... ดิฉันอยากทราบว่ามิสเตอร์คอนราดสันจะมาถึงที่นี่สักกี่โมงคะ” พิลาสินีกลั้นใจถามออกไป รู้ดีว่าเป็นการเสียมารยาทเพราะต่อให้ต้องรอเขานานแค่ไหน เธอก็ไม่ควรจะเกี่ยงงอนแต่เวลาเดินทางกลับประเทศไทยในกลางดึกของคืนนี้เป็นตัวเร่งให้ต้องถามออกไปตรงๆเช่นนั้น
“เอ่อ...” สมองของโยวันกำลังนึกหาเหตุผลดีๆที่ทำให้คนรอมาหลายชั่วโมงใจเย็นรอเจ้านายของตนต่อไป แต่ยังไม่ทันได้ชี้แจง เสียงหวานก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความเกรงใจจนคนฟังอดสงสารไม่ได้
“ดิฉันทราบว่าเป็นการเสียมารยาทมาก แต่ถ้าไม่ได้จองตั๋วกลับไทยไว้คืนนี้ดิฉันก็คงไม่ต้องรีบร้อนแบบนี้ เอาอย่างนี้ได้ไหมคะ คุณพาดิฉันไปรอพบมิสเตอร์คอนราดสัน ถ้าเขาเสร็จจากงานก็จะได้พูดคุยกันเลย ไม่ต้องเสียเวลาให้เขาเดินทางมาที่นี่อีก” พิลาสินีอธิบายความจำเป็นของตนทั้งรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นท่าทางของชายตรงหน้าก็รีบอ้อนวอนอีกครั้ง “นะคะ... ดิฉันจำเป็นจริงๆ”
แน่นอนว่าโยวันไม่เคยใจแข็งกับสุภาพสตรีได้สักครั้ง เขาลอบถอนหายใจและผายมือเชิญให้หญิงสาวเดินนำหน้าออกจากปราสาทหลังงามพลางนึกถึงเจ้านายที่พยายามติดต่อเพื่อรายงานสถานการณ์ทางนี้ แต่เจ้าตัวกลับปิดเครื่องมือสื่อสารหลังจากที่เขาแจ้งให้ทราบว่า เธอกำลังทำธุระส่วนตัวในห้องพักที่เตรียมไว้ให้แล้ว
“เชิญด้านในดีกว่าครับ” โยวันเอ่ยขึ้นเมื่อเดินตามหลังมาแล้วเห็นว่าหญิงสาวชะงักการก้าวเดินครู่หนึ่ง กวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณ
พิลาสินีส่ายหน้าให้กับความทรงจำครั้งเก่าที่เคยมีร่วมกับเจ้าของเกาะแห่งนี้ ถ้าคิดว่าสิ่งที่เห็นเขาสร้างตามความคิดของตนก็คงเป็นความคิดที่เลื่อนเปื้อน ช่วงเวลาเพียงสามเดือนที่รู้จักกันจะทำให้เขาจดจำเธอได้ทุกวินาทีอย่างไร
“เอากระเป๋าคุณผู้หญิงขึ้นไปเก็บในห้องที่เตรียมไว้” โยวันส่งกระเป๋าเดินทางของเธอให้กับแม่บ้านที่เดินออกมาต้อนรับ
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ดิฉันคงไม่รบกวนคุณถึงขนาดนั้น คิดว่าคงจะใช้เวลาคุยกับมิสเตอร์คอนราดสันไม่นาน อีกอย่างดิฉันจองตั๋วเครื่องบินกลับคืนนี้ด้วยค่ะ” พิลาสินีบอกและได้แต่มองตามกระเป๋าเดินทางใบเล็กของตนที่ถูกแม่บ้านหิ้วขึ้นไปชั้นบนแล้ว
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีห้องสำหรับทำธุระส่วนตัวนะครับ คุณเดินทางมาหลายชั่วโมงคงจะเพลียไม่น้อย ผมว่าระหว่างที่รอท่าน ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาหรือหลับสักงีบ ถ้าท่านมาถึงเดี๋ยวผมจะให้คนไปเรียกนะครับ”
พิลาสินียิ้มอย่างเกรงใจเพราะไม่คิดว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีเยี่ยมเช่นนี้จึงได้แต่เดินขึ้นไปยังชั้นบนตามที่ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าโยวันนั้นทำเพื่อถ่วงเวลาให้เธอรอเจ้านายด้วยความสบายใจ เพราะหากต้องมานั่งชะเง้อรอโดยไม่มีกิจกรรมอย่างอื่น นั่นยิ่งจะเพิ่มความกระวนกระวายใจให้เธอมากขึ้น
เมื่อแม่บ้านสาวเดินออกไปจากห้องแล้วพิลาสินีจึงกวาดสายตามองรอบๆ ความหรูหราในสไตล์บาร็อกทั้งภายนอกและภายในปราสาทหลังนี้ทำให้เธอเจริญตาเจริญใจได้ไม่น้อย หากไม่มีเรื่องธุรกิจซึ่งสร้างความหนักใจมาตลอดระยะเวลาร่วมปี ก็ถือว่าห้องนอนที่ปรากฏต่อสายตานี้เป็นกำไรอย่างหนึ่งของชีวิตได้เช่นกัน
ความความอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจทำให้นึกอยากแช่น้ำอุ่นๆเพื่อเรียกความสดชื่น หญิงสาวจึงเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบย่อมของตนเดินเข้าไปในส่วนของห้องน้ำที่แบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว อากาศหนาวเย็นที่ได้สัมผัสมาเมื่อครู่ถูกปลอบประโลมด้วยสายน้ำอุ่นจัด แม้ว่าใจจริงแล้วอยากเอนตัวลงแช่ในอ่างครึ่งวงกลมที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างบานใสนั้นก็ตามแต่จุดประสงค์ในการมาพบเจ้าของปราสาทหลังนี้ทำให้เธอต้องรีบจัดการกับตัวเอง การลงไปนั่งรอเขาจึงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติเสียมากกว่าหาความสำราญใจให้ตัวเอง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงไม่รีรอที่จะทำตามและไม่กี่นาทีต่อมาพิลาสินีก็อยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วนั่งรอพบพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปในห้องนั่งเล่นตามที่คนสนิทของเขาเชื้อเชิญ
...จากครึ่งชั่วโมงกลายเป็นชั่วโมง จากหนึ่งชั่วโมงกลายเป็นสี่ชั่วโมง พิลาสินีขี้คร้านจะนับว่าภายในสี่ชั่วโมงนี้ตนถอนหายใจออกมาแล้วกี่ครั้ง เมื่อเวลาในช่วงบ่ายที่ควรจะได้พูดคุยกับลินเนอุสหมดไปโดยเปล่าประโยชน์ ความอร่อยของอาหารมื้อกลางวันในตอนบ่ายสองเศษที่ยกเข้ามาทำให้ลืมเรื่องเวลาไปได้ชั่วครู่และทำให้อดทนรอต่อไปได้อีกราวชั่วโมงครึ่ง
พิลาสินีมองดูนาฬิกาสลับกับบริเวณหน้าทางเข้าปราสาทอยู่บ่อยครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้พบกับคนที่เธอรอเลยสักครั้ง ความอดทนสิ้นสุดลงเมื่อนั่งรอเขานานถึงห้าชั่วโมงครึ่งจึงได้ลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นพลางสอดส่ายสายตาหาร่างคนสนิทของเขาที่ได้พูดคุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อตอนที่แม่บ้านยกอาหารกลางวันมาให้
ความหรูหรา งดงาม ใหญ่โตที่ควรมองแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่กลับเงียบเชียบจนดูเป็นเย็นชาทั้งที่มันคือบ้านซึ่งต้องรายล้อมไปด้วยความอบอุ่น พิลาสินีเดินเข้าไปหาแม่บ้านคนหนึ่งซึ่งกำลังก้มๆเงยๆเช็ดตู้กระจกบานใหญ่กลางห้องโถง
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่ามิสเตอร์คอนราดสันจะกลับมาเมื่อไหร่?” ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติที่สุด แต่คนฟังกลับหมุนตัวมาหาด้วยใบหน้าและท่าทางเหลอหลาแล้วโต้ตอบด้วยภาษาสวิดิชที่เธอไม่อาจจะเข้าใจ แต่กิริยาที่แม่บ้านยื่นมือออกมาเชิงให้รออยู่ที่นี่แล้ววิ่งหายเข้าไปด้านในก็ทำให้พิลาสินีเข้าใจได้ว่าคงไปจะเรียกคนที่สามารถสื่อสารกับเธอได้มาหา
ไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินใกล้เข้ามาก็ทำให้พิลาสินีหันกลับไปมองยังประตูทางเข้าของตัวปราสาท
“ต้องการให้ผมช่วยอะไรไหมครับ เห็นแม่บ้านบอกว่าคุณถามอะไรเขาสักอย่าง” โยวันถามด้วยน้ำเสียงสุภาพทันทีที่เดินเข้ามาเห็นร่างอ้อนแอ้นยืนอยู่กลางห้องโถง
“คือ... ดิฉันอยากทราบว่ามิสเตอร์คอนราดสันจะมาถึงที่นี่สักกี่โมงคะ” พิลาสินีกลั้นใจถามออกไป รู้ดีว่าเป็นการเสียมารยาทเพราะต่อให้ต้องรอเขานานแค่ไหน เธอก็ไม่ควรจะเกี่ยงงอนแต่เวลาเดินทางกลับประเทศไทยในกลางดึกของคืนนี้เป็นตัวเร่งให้ต้องถามออกไปตรงๆเช่นนั้น
“เอ่อ...” สมองของโยวันกำลังนึกหาเหตุผลดีๆที่ทำให้คนรอมาหลายชั่วโมงใจเย็นรอเจ้านายของตนต่อไป แต่ยังไม่ทันได้ชี้แจง เสียงหวานก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความเกรงใจจนคนฟังอดสงสารไม่ได้
“ดิฉันทราบว่าเป็นการเสียมารยาทมาก แต่ถ้าไม่ได้จองตั๋วกลับไทยไว้คืนนี้ดิฉันก็คงไม่ต้องรีบร้อนแบบนี้ เอาอย่างนี้ได้ไหมคะ คุณพาดิฉันไปรอพบมิสเตอร์คอนราดสัน ถ้าเขาเสร็จจากงานก็จะได้พูดคุยกันเลย ไม่ต้องเสียเวลาให้เขาเดินทางมาที่นี่อีก” พิลาสินีอธิบายความจำเป็นของตนทั้งรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นท่าทางของชายตรงหน้าก็รีบอ้อนวอนอีกครั้ง “นะคะ... ดิฉันจำเป็นจริงๆ”
แน่นอนว่าโยวันไม่เคยใจแข็งกับสุภาพสตรีได้สักครั้ง เขาลอบถอนหายใจและผายมือเชิญให้หญิงสาวเดินนำหน้าออกจากปราสาทหลังงามพลางนึกถึงเจ้านายที่พยายามติดต่อเพื่อรายงานสถานการณ์ทางนี้ แต่เจ้าตัวกลับปิดเครื่องมือสื่อสารหลังจากที่เขาแจ้งให้ทราบว่า เธอกำลังทำธุระส่วนตัวในห้องพักที่เตรียมไว้ให้แล้ว
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2558, 10:48:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ย. 2558, 10:48:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 933
<< ตอนที่ 3 100% | ตอนที่ 4 100% >> |