จำนนเสน่หาแบดบอย
“ผมมีเงินให้คุณมากเท่าที่ต้องการ อสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลผลกำไรหรือความเชื่อถือต่างๆไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเหมือนแบงก์ทั่วไป แต่เงินของผมที่จะไหลเข้าบัญชีสิริแอทเซทมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว” เขาบอกและมองเธอด้วยแววตาร้อนแรงอย่างเปิดเผย ไม่แยแสต่อพันธะสมรสที่เธอเพิ่งย้ำเตือนไปเมื่อครู่ “ผมต้องการคุณพิลาสินี”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
Tags: จำนนเสน่หาแบดบอย, ลินเนอุส, พิลาสินี
ตอน: ตอนที่ 4 100%
อาหารมื้อค่ำแสนพิเศษในห้องอาหารของโรงแรมใหญ่กลางใจย่านธุรกิจของกรุงสตอกโฮล์ม มุมส่วนตัวที่ทำให้ชายหญิงคู่หนึ่งเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่มาใช้บริการในห้องอาหารแห่งนี้ โดโรเธีย เทอร์รี่ คือสาวสังคมระดับไฮเอนด์ ลูกครึ่งอังกฤษ-สวีเดน ซึ่งมีหน้าตาสะสวยกระเดียดมาทางสวีเดน ตามเชื้อชาติของผู้เป็นแม่มากกว่า เธอมีเส้นผมสีบลอน จมูกโด่ง ผิวกายขาวจนตกกระ รักทะเล หลงใหลการอาบแดดและกีฬากลางแจ้งเป็นชีวิตจิตใจ ทรวดทรวงของเธอจึงดึงดูดสายตาของผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี ทั้งตอนนี้ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามยังเป็นอภิมหาเศรษฐีเนื้อหอม ลินเนอุส คอนราดสันผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงธุรกิจและชีวิตส่วนตัวของเขาก็ทรงอิทธิพลต่อจิตใจของสาวๆเช่นกัน
ท่าทางประหลาดๆของผู้ชายที่นั่งตรงกันข้ามทำให้เธอลอบมองเขาบ่อยครั้ง หากเสียงห้าวที่ดังขึ้นติดรำคาญใจเล็กน้อยก็ทำให้เธอหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ
“ยังต้องมีอะไรที่ไม่กล้าพูดกับผมตรงๆอีกหรือไง” ลินเนอุสถามแล้วละสายตาจากใบหน้าของโดโรเธียไปจ้องมองอาหารตรงหน้าของตน ท่าทางเขาบอกว่ารำคาญใจอย่างเต็มที่แต่คนที่สร้างความรู้สึกนั้นกลับไม่ได้สะทกสะท้านหรือรู้สึกผิด ตรงกันข้ามเธอกลับตอบโต้อย่างตรงไปตรงมา
“ฉันคิดว่าเจอหนุ่มวัยกระเตาะที่กำลังตกหลุมรักอะไรเข้าสักอย่าง” โดโรเธียพูดยิ้มๆและอธิบายต่อเมื่อเห็นคนฟังเหลือบสายตามองอย่างไม่ไว้ใจ “แอบมองโทรศัพท์ของตัวเองบ่อยๆ ชอบเปิดแชททั้งที่ปกติออกจะต่อต้านการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ อมยิ้มคนเดียว ชอบมองรอบตัวเหมือนกับว่ามีใครกำลังจ้องมองคุณอยู่ แบบนี้มันหนุ่มไฮสคูลที่กำลังตกหลุมรักเพื่อนร่วมคลาสที่นั่งอยู่ข้างหน้าชัดๆ”
“ทำไมวันนี้มีแต่คนพูดจาเลอะเทอะกับผมนะ” ดักคอเสียก่อนที่จะได้ยินจบ เขาเกลียดนักคนที่ทำเป็นรู้อกรู้ใจไปทุกอย่างแบบนี้
“คบกับผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงนี่ฉันต้องกลายเป็นผู้หญิงเลอะเทอะสินะ”
“แน่ล่ะ ก็คุณเพิ่งแนะนำผมให้พ่อคุณรู้จักในฐานะคนรักนี่ นึกเสียว่าตอบแทนที่ท่านซักผมยังกับว่าผมทำลูกสาวท่านท้องซะอย่างนั้น”
โดโรเธียหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ อดนึกถึงสีหน้าตกใจที่ได้ยินคำถามของพ่อตนไม่ได้ “เอาน่า... ท่านก็คิดว่าผู้ชายเหมือนกัน ถามเรื่องแบบนั้นคงไม่น่าเกลียด”
“ผมก็ไม่ได้ว่าน่าเกลียด แค่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามแบบนั้น” ลินเนอุสบอกแล้วชะงักคำพูดเมื่อเห็นแสงสว่างวาบขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์เครื่องบาง ข้อความขึ้นต้นประโยคในกล่องข้อความที่คนสนิทส่งเข้ามา ทำให้รู้ว่ากำลังเดินทางมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้าทั้งที่ไม่ต้องเปิดอ่านให้เสียเวลา ยอมรับว่าวันนี้เป็นวันที่ดึงโทรศัพท์ออกจากดูหน้าจอบ่อยที่สุด เช็กข้อความที่โยวันส่งเข้ามาเร็วกว่าปกติ นับรวมไปถึงการปิดเครื่องเพื่อกวนอารมณ์ใครบางคนอีกด้วย
เมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้าโดโรเธียก็ทำหน้าบึ้ง มองเขาด้วยสายตาคาดคั้นเพราะรู้ว่าท่าทางเช่นนั้น เธอคงจะพลาดอะไรดีๆไปสักอย่าง “ทำไมต้องทำท่าเหมือนกำลังนอกใจฉัน”
“เปล่า อย่าคิดมาก” พูดแล้วก็ลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนที่จะเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร โดยไม่สนใจเสียงหวานที่ถามขึ้นเลยสักนิด
“ลินเนียส! อย่าเดินหนีฉันแบบนี้นะ ลินเนียส” โดโรเธียหัวเราะพรืดออกมากับท่าทางรีบร้อนของเขา ทั้งที่มีนัดดินเนอร์หลังแนะนำให้รู้จักกับครอบครัว แต่เธอกลับต้องมานั่งทานอาหารคนเดียวในขณะที่เขาเดินหนีไปอย่างไร้เหตุผล
ลินเนอุสเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ไม่นานนักก็เข้ามาอยู่ในห้องน้ำของห้องอาหารได้เรียบร้อย นิ้วมือกำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับโยวันอย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้ผู้รับสารที่เพิ่งเดินทางมาถึงหน้าโรงแรมเดินนำหญิงสาวเข้าไปในห้องอาหารตามคำสั่งของเจ้านายทันที
“เชิญครับ ท่านเพิ่งตอบกลับมาว่าอยู่ในห้องอาหาร” โยวันบอกพร้อมพยักหน้าให้หญิงสาวที่แย้มยิ้มหวานละมุนตอบ อดคิดไม่ได้ว่ารอยยิ้มตราตรึงใจเช่นนี้สินะที่ทำให้ท่านยังครองตัวเป็นโสดทั้งที่มีเพียบพร้อมทุกอย่าง
พิลาสินีเดินตามร่างของโยวันผ่านหน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรมหรูลึกเข้าไปด้านใน ผับกึ่งเรสเตอร์รองที่เปิดไฟสลัวมีนักร้องยืนร้องเพลงดังอยู่บนเวที บรรยากาศที่คู่รักหลายโต๊ะกำลังนั่งรับประทานอาหาร จิบไวน์หรือเบียร์ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวสวีเดนทำให้เธอรู้สึกประหม่าไม่น้อย
“โต๊ะมุมตรงริมกระจกนั่นครับ”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เธอมองไปตามคำบอกกล่าวและพบว่ามีหญิงสาวนั่งอยู่ในโต๊ะอาการเพียงผู้เดียว ทันทีที่เดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะอาหารนั้น เธอก็ยืนมองทั้งคู่ทักทายกันอย่างคุ้นเคย
“มาตามลินเนียสเหรอคะ เขาเดินไปห้องน้ำเมื่อครู่นี้เอง” โดโรเธียบอกพลางมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังโยวันอย่างให้ความสนใจ
“ครับ ท่านเป็นคนบอกผมให้มาพบที่นี่” โยวันตอบและกล่าวขอโทษโดโรเธียด้วยความสุภาพ ก่อนที่จะแนะนำให้หญิงสาวทั้งสองคนรู้จักกันด้วยภาษาอังกฤษ
พิลาสินียื่นมือไปสัมผัสกับโดโรเธีย กล่าวทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“เช่นกันค่ะ” โดโรเธียบอกพลางผายมือเชื้อเชิญให้พิลาสินีนั่งร่วมโต๊ะอาหาร “ถ้ามาพบลินเนียสก็นั่งรอเขาตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคงออกมา”
ไม่ทันที่พิลาสินีจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เสียงโทรศัพท์ของโดโรเธียก็กรีดร้องขึ้น หากเจ้าตัวต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนที่ติดต่อเข้ามาคือคนที่กำลังพูดถึงเมื่อครู่ “ว่าไงคะลินเนียส”
ชื่อเรียกปลายสาย น้ำเสียงและท่าทางงงงันของโดโรเธียเรียกความสนใจของพิลาสินีได้เป็นอย่างดี แม้จะแสร้งมองทางอื่นเพื่อรักษามารยาทแต่การเรียกชื่อเขาซ้ำหลายๆครั้งและคำพูดของโดโรเธียก็ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังถ่วงเวลา
“วันนี้เจ้านายคุณเป็นอะไรนักหนาก็ไม่รู้นะโยวัน เมื่อกี้นี้ก็เดินหนีฉันไปดื้อๆ แล้วก็โทรฯเข้ามาบอกว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีคนมารอพบที่บ้าน” จบคำพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาโอบหัวไหล่ของเธอเอาไว้ “อ้าว... พ่อมาได้ไงคะ นึกว่าออกไปทานข้าวกับสาวๆแล้ว”
ชายสูงวัยหากยังดูแข็งแรงพยักหน้ารับเมื่อเห็นโยวันก้มศีรษะให้อย่างสุภาพ จากนั้นจึงหันไปปลอบใจลูกสาว “ไม่เอาน่า... เป็นคนรักของพ่อมดทางการเงินนี่ไม่ใช่ง่ายๆ ลูกต้องเข้าใจว่าเขาต้องให้ความสำคัญกับงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว”
คำพูดที่ได้ยินนั้นทำให้พิลาสินีกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพิ่งรู้ตอนนี้ว่าผู้หญิงสวยเปรี้ยวตรงหน้าคือคู่รักของลินเนอุส แต่นั่นยังไม่ทำให้ใจหายได้เท่ากับสิ่งที่กำลังได้ยิน
“พ่ออย่ามาพูดดีหน่อยเลย เมื่อตอนบ่ายที่คุยกับลินเนียส พ่อไปถามเขาอย่างนั้นได้ไงคะ น่าอายที่สุด” โดโรเธียตำหนิผู้เป็นพ่อในทันที
“ฮ่า... นี่ตาฝาดไปใช่ไหมที่เห็นว่าลูกสาวพ่อกำลังอาย” วิลสันล้อเลียนเพราะการเหนียมอาย ปกปิดในเรื่องความสัมพันธ์หญิงชายเป็นเรื่องเก่ามากในสังคมของชาวสวีเดน “แล้วนี่ลินเนียสจะกลับมาค้างด้วยรึเปล่า?”
อาการกระอักกระอ่วนใจของผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลทำให้โดโรเธียกระแอมปรามผู้เป็นพ่อให้เงียบเสียง จากนั้นจึงหันมากล่าวลาอย่างมีมารยาท “ฉันว่าคุณคงต้องย้อนกลับไปพบเขาที่บ้านแล้วล่ะค่ะ ขอโทษที่ต้องทำให้เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยสักนิด” พิลาสินีกล่าวพลางลุกขึ้นและยื่นมือไปสัมผัสกับคู่สนทนาซึ่งเดินห่างออกไปกับผู้เป็นพ่อ
ตอนแรกเธอคิดว่าเขาติดธุระสำคัญจึงรอด้วยความอดทน แต่เมื่อมาได้ยินว่าเขาใช้เวลาที่เธอร้อนใจให้หมดไปกับการพูดคุยเรื่องส่วนตัวนั่งรับประทานอาหารกับคนรักก็เกิดความหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันที หากไม่เต็มใจที่จะให้พบก็ไม่ควรจะให้คนสนิทติดต่อเธอไปใช่นั้น แต่ก่อนที่จะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้เสียงของโยวันก็ดังขึ้น...
“งั้นผมว่าเราย้อนกลับไปที่ปราสาทอีกครั้งนะครับ คราวนี้ท่าน...”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันพอจะทราบว่ามิสเตอร์คอนราดสันคงไม่อยากพบฉัน” บอกพลางถอนหายใจแล้วขอร้องด้วยน้ำเสียงเนือยๆ “ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปก็ไปส่งฉันที่สนามบินเถอะนะคะ”
“โธ่... อย่าเพิ่งถอดใจง่ายๆสิครับ” โยวันโอดครวญพลางคิดหาวิธีโน้มน้าวให้เธอกลับไปพบเจ้านาย เพราะถ้าปล่อยให้เธอกลับไปทั้งที่ยังไม่เจอหน้ากันแบบนี้คนที่ตกที่นั่งลำบากที่สุดก็คงเป็นเขา “ไปกับผมเถอะนะครับ ไหนๆก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกล แค่อดทนอีกนิดไม่แน่ว่าอาจจะได้ในสิ่งที่ต้องการ ถ้าปล่อยให้โอกาสเดียวหลุดลอยไปแบบนี้ คุณก็น่าจะรู้ว่าวันข้างหน้าต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง”
พิลาสินีหลับตาพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ยอมรับว่าคำพูดของโยวันทำให้ความหงุดหงิดใจเลือนหายไปในทันตา ความยุ่งยาก วุ่นวายและขัดสนที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายเดือนหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำ และบอกกับตัวเองว่าสิ่งที่ต้องทำคืออดทนให้มากกว่านี้ แต่ท่าทางราวกับตัดใจของเธอนั้นกลับทำให้โยวันคิดหาเหตุผลขึ้นมาอ้างให้เธอเปลี่ยนใจ
“คิดดูดีๆนะครับ” ทันใดนั้นสมองที่กำลังทำงานอย่างหนักก็คิดหาเหตุผลที่เธอไม่อาจจะปฏิเสธได้ “อีกอย่าง... ถ้าจะกลับตอนนี้ก็คงไม่ได้เพราะกระเป๋าเดินทางของคุณยังอยู่ที่ปราสาท”
พิลาสินีลืมตาขึ้นมาในทันทีเพราะนั่นคือความจริงที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องย้อนกลับไปที่นั่นอีกเพราะเธอเก็บพาสปอร์ตเอาไว้ในช่องเล็กๆด้านหน้าของกระเป๋า จึงไม่รู้จะทำอย่างไรนอกเสียจากว่าเป็นฝ่ายเดินนำหน้าโยวันออกมาจากห้องอาหารนั้นเสียเอง “ฉันจะทำอะไรได้มากกว่าคำแนะนำของคุณล่ะคะ”
โยวันโล่งอกไม่ต่างจากยกภูเขาออกจากอก อมยิ้มอย่างสมใจเมื่อได้ยินเช่นนั้นและไม่รีรอที่จะเดินตามร่างอ้อนแอ้นที่เดินนำห่างไปแล้วหลายก้าว อดคิดในใจไม่ได้ว่าเวลาสามชั่วโมงก่อนที่เธอจะเดินทางกลับนี้ ทั้งคู่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันหรือไม่ ด้วยรู้ว่ามันสมองอันหลักแหลมของเจ้านายต้องมีเรื่องทำให้เธอประหลาดใจพอๆกับยากที่จะตัดสินใจเป็นแน่
ท่าทางประหลาดๆของผู้ชายที่นั่งตรงกันข้ามทำให้เธอลอบมองเขาบ่อยครั้ง หากเสียงห้าวที่ดังขึ้นติดรำคาญใจเล็กน้อยก็ทำให้เธอหัวเราะร่วนอย่างชอบใจ
“ยังต้องมีอะไรที่ไม่กล้าพูดกับผมตรงๆอีกหรือไง” ลินเนอุสถามแล้วละสายตาจากใบหน้าของโดโรเธียไปจ้องมองอาหารตรงหน้าของตน ท่าทางเขาบอกว่ารำคาญใจอย่างเต็มที่แต่คนที่สร้างความรู้สึกนั้นกลับไม่ได้สะทกสะท้านหรือรู้สึกผิด ตรงกันข้ามเธอกลับตอบโต้อย่างตรงไปตรงมา
“ฉันคิดว่าเจอหนุ่มวัยกระเตาะที่กำลังตกหลุมรักอะไรเข้าสักอย่าง” โดโรเธียพูดยิ้มๆและอธิบายต่อเมื่อเห็นคนฟังเหลือบสายตามองอย่างไม่ไว้ใจ “แอบมองโทรศัพท์ของตัวเองบ่อยๆ ชอบเปิดแชททั้งที่ปกติออกจะต่อต้านการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ อมยิ้มคนเดียว ชอบมองรอบตัวเหมือนกับว่ามีใครกำลังจ้องมองคุณอยู่ แบบนี้มันหนุ่มไฮสคูลที่กำลังตกหลุมรักเพื่อนร่วมคลาสที่นั่งอยู่ข้างหน้าชัดๆ”
“ทำไมวันนี้มีแต่คนพูดจาเลอะเทอะกับผมนะ” ดักคอเสียก่อนที่จะได้ยินจบ เขาเกลียดนักคนที่ทำเป็นรู้อกรู้ใจไปทุกอย่างแบบนี้
“คบกับผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงนี่ฉันต้องกลายเป็นผู้หญิงเลอะเทอะสินะ”
“แน่ล่ะ ก็คุณเพิ่งแนะนำผมให้พ่อคุณรู้จักในฐานะคนรักนี่ นึกเสียว่าตอบแทนที่ท่านซักผมยังกับว่าผมทำลูกสาวท่านท้องซะอย่างนั้น”
โดโรเธียหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ อดนึกถึงสีหน้าตกใจที่ได้ยินคำถามของพ่อตนไม่ได้ “เอาน่า... ท่านก็คิดว่าผู้ชายเหมือนกัน ถามเรื่องแบบนั้นคงไม่น่าเกลียด”
“ผมก็ไม่ได้ว่าน่าเกลียด แค่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามแบบนั้น” ลินเนอุสบอกแล้วชะงักคำพูดเมื่อเห็นแสงสว่างวาบขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์เครื่องบาง ข้อความขึ้นต้นประโยคในกล่องข้อความที่คนสนิทส่งเข้ามา ทำให้รู้ว่ากำลังเดินทางมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้าทั้งที่ไม่ต้องเปิดอ่านให้เสียเวลา ยอมรับว่าวันนี้เป็นวันที่ดึงโทรศัพท์ออกจากดูหน้าจอบ่อยที่สุด เช็กข้อความที่โยวันส่งเข้ามาเร็วกว่าปกติ นับรวมไปถึงการปิดเครื่องเพื่อกวนอารมณ์ใครบางคนอีกด้วย
เมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้าโดโรเธียก็ทำหน้าบึ้ง มองเขาด้วยสายตาคาดคั้นเพราะรู้ว่าท่าทางเช่นนั้น เธอคงจะพลาดอะไรดีๆไปสักอย่าง “ทำไมต้องทำท่าเหมือนกำลังนอกใจฉัน”
“เปล่า อย่าคิดมาก” พูดแล้วก็ลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนที่จะเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร โดยไม่สนใจเสียงหวานที่ถามขึ้นเลยสักนิด
“ลินเนียส! อย่าเดินหนีฉันแบบนี้นะ ลินเนียส” โดโรเธียหัวเราะพรืดออกมากับท่าทางรีบร้อนของเขา ทั้งที่มีนัดดินเนอร์หลังแนะนำให้รู้จักกับครอบครัว แต่เธอกลับต้องมานั่งทานอาหารคนเดียวในขณะที่เขาเดินหนีไปอย่างไร้เหตุผล
ลินเนอุสเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ไม่นานนักก็เข้ามาอยู่ในห้องน้ำของห้องอาหารได้เรียบร้อย นิ้วมือกำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับโยวันอย่างรวดเร็ว และมันก็ทำให้ผู้รับสารที่เพิ่งเดินทางมาถึงหน้าโรงแรมเดินนำหญิงสาวเข้าไปในห้องอาหารตามคำสั่งของเจ้านายทันที
“เชิญครับ ท่านเพิ่งตอบกลับมาว่าอยู่ในห้องอาหาร” โยวันบอกพร้อมพยักหน้าให้หญิงสาวที่แย้มยิ้มหวานละมุนตอบ อดคิดไม่ได้ว่ารอยยิ้มตราตรึงใจเช่นนี้สินะที่ทำให้ท่านยังครองตัวเป็นโสดทั้งที่มีเพียบพร้อมทุกอย่าง
พิลาสินีเดินตามร่างของโยวันผ่านหน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรมหรูลึกเข้าไปด้านใน ผับกึ่งเรสเตอร์รองที่เปิดไฟสลัวมีนักร้องยืนร้องเพลงดังอยู่บนเวที บรรยากาศที่คู่รักหลายโต๊ะกำลังนั่งรับประทานอาหาร จิบไวน์หรือเบียร์ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวสวีเดนทำให้เธอรู้สึกประหม่าไม่น้อย
“โต๊ะมุมตรงริมกระจกนั่นครับ”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เธอมองไปตามคำบอกกล่าวและพบว่ามีหญิงสาวนั่งอยู่ในโต๊ะอาการเพียงผู้เดียว ทันทีที่เดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะอาหารนั้น เธอก็ยืนมองทั้งคู่ทักทายกันอย่างคุ้นเคย
“มาตามลินเนียสเหรอคะ เขาเดินไปห้องน้ำเมื่อครู่นี้เอง” โดโรเธียบอกพลางมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังโยวันอย่างให้ความสนใจ
“ครับ ท่านเป็นคนบอกผมให้มาพบที่นี่” โยวันตอบและกล่าวขอโทษโดโรเธียด้วยความสุภาพ ก่อนที่จะแนะนำให้หญิงสาวทั้งสองคนรู้จักกันด้วยภาษาอังกฤษ
พิลาสินียื่นมือไปสัมผัสกับโดโรเธีย กล่าวทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“เช่นกันค่ะ” โดโรเธียบอกพลางผายมือเชื้อเชิญให้พิลาสินีนั่งร่วมโต๊ะอาหาร “ถ้ามาพบลินเนียสก็นั่งรอเขาตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคงออกมา”
ไม่ทันที่พิลาสินีจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เสียงโทรศัพท์ของโดโรเธียก็กรีดร้องขึ้น หากเจ้าตัวต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคนที่ติดต่อเข้ามาคือคนที่กำลังพูดถึงเมื่อครู่ “ว่าไงคะลินเนียส”
ชื่อเรียกปลายสาย น้ำเสียงและท่าทางงงงันของโดโรเธียเรียกความสนใจของพิลาสินีได้เป็นอย่างดี แม้จะแสร้งมองทางอื่นเพื่อรักษามารยาทแต่การเรียกชื่อเขาซ้ำหลายๆครั้งและคำพูดของโดโรเธียก็ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังถ่วงเวลา
“วันนี้เจ้านายคุณเป็นอะไรนักหนาก็ไม่รู้นะโยวัน เมื่อกี้นี้ก็เดินหนีฉันไปดื้อๆ แล้วก็โทรฯเข้ามาบอกว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีคนมารอพบที่บ้าน” จบคำพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินเข้ามาโอบหัวไหล่ของเธอเอาไว้ “อ้าว... พ่อมาได้ไงคะ นึกว่าออกไปทานข้าวกับสาวๆแล้ว”
ชายสูงวัยหากยังดูแข็งแรงพยักหน้ารับเมื่อเห็นโยวันก้มศีรษะให้อย่างสุภาพ จากนั้นจึงหันไปปลอบใจลูกสาว “ไม่เอาน่า... เป็นคนรักของพ่อมดทางการเงินนี่ไม่ใช่ง่ายๆ ลูกต้องเข้าใจว่าเขาต้องให้ความสำคัญกับงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว”
คำพูดที่ได้ยินนั้นทำให้พิลาสินีกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพิ่งรู้ตอนนี้ว่าผู้หญิงสวยเปรี้ยวตรงหน้าคือคู่รักของลินเนอุส แต่นั่นยังไม่ทำให้ใจหายได้เท่ากับสิ่งที่กำลังได้ยิน
“พ่ออย่ามาพูดดีหน่อยเลย เมื่อตอนบ่ายที่คุยกับลินเนียส พ่อไปถามเขาอย่างนั้นได้ไงคะ น่าอายที่สุด” โดโรเธียตำหนิผู้เป็นพ่อในทันที
“ฮ่า... นี่ตาฝาดไปใช่ไหมที่เห็นว่าลูกสาวพ่อกำลังอาย” วิลสันล้อเลียนเพราะการเหนียมอาย ปกปิดในเรื่องความสัมพันธ์หญิงชายเป็นเรื่องเก่ามากในสังคมของชาวสวีเดน “แล้วนี่ลินเนียสจะกลับมาค้างด้วยรึเปล่า?”
อาการกระอักกระอ่วนใจของผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลทำให้โดโรเธียกระแอมปรามผู้เป็นพ่อให้เงียบเสียง จากนั้นจึงหันมากล่าวลาอย่างมีมารยาท “ฉันว่าคุณคงต้องย้อนกลับไปพบเขาที่บ้านแล้วล่ะค่ะ ขอโทษที่ต้องทำให้เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยสักนิด” พิลาสินีกล่าวพลางลุกขึ้นและยื่นมือไปสัมผัสกับคู่สนทนาซึ่งเดินห่างออกไปกับผู้เป็นพ่อ
ตอนแรกเธอคิดว่าเขาติดธุระสำคัญจึงรอด้วยความอดทน แต่เมื่อมาได้ยินว่าเขาใช้เวลาที่เธอร้อนใจให้หมดไปกับการพูดคุยเรื่องส่วนตัวนั่งรับประทานอาหารกับคนรักก็เกิดความหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันที หากไม่เต็มใจที่จะให้พบก็ไม่ควรจะให้คนสนิทติดต่อเธอไปใช่นั้น แต่ก่อนที่จะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้เสียงของโยวันก็ดังขึ้น...
“งั้นผมว่าเราย้อนกลับไปที่ปราสาทอีกครั้งนะครับ คราวนี้ท่าน...”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันพอจะทราบว่ามิสเตอร์คอนราดสันคงไม่อยากพบฉัน” บอกพลางถอนหายใจแล้วขอร้องด้วยน้ำเสียงเนือยๆ “ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปก็ไปส่งฉันที่สนามบินเถอะนะคะ”
“โธ่... อย่าเพิ่งถอดใจง่ายๆสิครับ” โยวันโอดครวญพลางคิดหาวิธีโน้มน้าวให้เธอกลับไปพบเจ้านาย เพราะถ้าปล่อยให้เธอกลับไปทั้งที่ยังไม่เจอหน้ากันแบบนี้คนที่ตกที่นั่งลำบากที่สุดก็คงเป็นเขา “ไปกับผมเถอะนะครับ ไหนๆก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกล แค่อดทนอีกนิดไม่แน่ว่าอาจจะได้ในสิ่งที่ต้องการ ถ้าปล่อยให้โอกาสเดียวหลุดลอยไปแบบนี้ คุณก็น่าจะรู้ว่าวันข้างหน้าต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง”
พิลาสินีหลับตาพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ยอมรับว่าคำพูดของโยวันทำให้ความหงุดหงิดใจเลือนหายไปในทันตา ความยุ่งยาก วุ่นวายและขัดสนที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายเดือนหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำ และบอกกับตัวเองว่าสิ่งที่ต้องทำคืออดทนให้มากกว่านี้ แต่ท่าทางราวกับตัดใจของเธอนั้นกลับทำให้โยวันคิดหาเหตุผลขึ้นมาอ้างให้เธอเปลี่ยนใจ
“คิดดูดีๆนะครับ” ทันใดนั้นสมองที่กำลังทำงานอย่างหนักก็คิดหาเหตุผลที่เธอไม่อาจจะปฏิเสธได้ “อีกอย่าง... ถ้าจะกลับตอนนี้ก็คงไม่ได้เพราะกระเป๋าเดินทางของคุณยังอยู่ที่ปราสาท”
พิลาสินีลืมตาขึ้นมาในทันทีเพราะนั่นคือความจริงที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องย้อนกลับไปที่นั่นอีกเพราะเธอเก็บพาสปอร์ตเอาไว้ในช่องเล็กๆด้านหน้าของกระเป๋า จึงไม่รู้จะทำอย่างไรนอกเสียจากว่าเป็นฝ่ายเดินนำหน้าโยวันออกมาจากห้องอาหารนั้นเสียเอง “ฉันจะทำอะไรได้มากกว่าคำแนะนำของคุณล่ะคะ”
โยวันโล่งอกไม่ต่างจากยกภูเขาออกจากอก อมยิ้มอย่างสมใจเมื่อได้ยินเช่นนั้นและไม่รีรอที่จะเดินตามร่างอ้อนแอ้นที่เดินนำห่างไปแล้วหลายก้าว อดคิดในใจไม่ได้ว่าเวลาสามชั่วโมงก่อนที่เธอจะเดินทางกลับนี้ ทั้งคู่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันหรือไม่ ด้วยรู้ว่ามันสมองอันหลักแหลมของเจ้านายต้องมีเรื่องทำให้เธอประหลาดใจพอๆกับยากที่จะตัดสินใจเป็นแน่
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ย. 2558, 22:33:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ย. 2558, 22:33:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 1018
<< ตอนที่ 4 50% | ตอนที่ 5 100% >> |