พรร้อยเล่ห์ฉบับรีไรท์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๑ (เล่นเกมชิงนิยายมายารักเร่)
ร่างแบบบางของหญิงสาวคนหนึ่งถูกเท้าเรียวของใครอีกคนถีบเข้าที่กลางท้องเต็มแรงจนเสียหลักล้มลงกับพื้น หล่อนอุทานออกมาคำหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเท้าด้วยความตกใจ และจากการเงยหน้านี่เองทำให้เห็นว่าเป็นหญิงสาววัยประมาณยี่สิบตอนปลาย มีใบหน้างดงามชวนตะลึงด้วยตายาวรีที่มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเด่นชัด จมูกโด่งที่มีปลายจมูกรูปหยดน้ำ และริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้ซูบซีดไร้สีใดแต่งแต้ม เธออยู่ในชุดผ้านุ่งสีเขียวอ่อนสวมทับเสื้อแขนกุดสีชมพู ผมยาวสลวยนั้นติดกิ๊บเรียบร้อย
“คุณหวาน...คุณหวานถีบเกดหรือเจ้าคะ” น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มนวล ท่าทางป้อแป้อ่อนแอชวนให้สงสาร แต่ไม่ใช่กับคนที่เพิ่งทำร้ายหล่อนไป
“กูหอมแก้มมึงมั้ง อีดอกกะทือ อีหน้าซื่อใจร่าน!...เป็นอย่างไร รสตีนกู หวานรับกับหน้ามึงดีใช่มั้ยเล่า” อีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันย้อนเสียงเยาะ เธอสวมชุดแสคลายดอกไม้ดำแดงเข้ารูป คอปาดและเว้าหลัง ดัดผมหยิกติดหนังหัว มีสร้อยเงินประดับรอบศีรษะ
“ฮือๆ เกดทำอะไรให้คุณหวานไม่พอใจหรือเจ้าคะ”
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ไยต้องมาย้อนถามกู...เมื่อไหร่มึงจะจำใส่กะลาหัวเสียทีว่ามึงแค่ลูกเมียบ่าว อย่าได้เผยอมาเทียมเทียบกู” ‘มือถีบ’ ตะคอกเสียงกร้าวกระด้าง ตาโตๆคู่นั้นพองออก ใบหน้าเหยเกด้วยแรงเกลียดชังเห็นได้ชัด
“เกดไม่เคยคิดเทียบคุณหวานแม้แต่นิดเจ้าค่ะ” อีกฝ่ายตอบเสียงเครือผสมหวาดกลัว ตัวงอลงยิ่งดูน่าสงสาร
“แล้วที่มึงให้ท่าคุณพี่ภพนั่นเล่า มิใช่เพราะอยากตีตนเสมอกูดอกหรือ”
“เปล่าเจ้าค่ะ โอ๊ย!...” ตอนท้ายหล่อนร้องเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมากระชากเส้นผมด้านหลังจนหน้าหงาย
“เปล่ากระนั้นหรือ พอเธอมา มึงก็วิ่งแร่เอาน้ำเอาขนมไปให้ ยังไม่เรียกว่าให้ท่าอีกรึ มึงนี่มันเหมือนแม่มึงไม่มีผิด อยากได้คุณพ่อจนตัวสั่น...เดี๋ยวกูจะตบสั่งสอนมึงเหมือนที่แม่กูเคยตบแม่มึง”
“อย่านะคะ อย่าทำอะไรเกดเลยเจ้าค่ะ”
“รับปากกูทีว่ามึงจะไม่เสนอหน้าไปให้ท่าคุณพี่ภพอีก ไม่เช่นนั้นกูจะเลาะฟันออกจากปากมึงให้หมด!” ไม่ขู่เปล่า ยังเพิ่มแรงที่มือจนอีกฝ่ายต้องร้องอู้ “ว่าอย่างไร!”
“เกดเปล่าให้ท่าคุณภพเธอ เกดเป็นคนเขลา ไม่ฉลาดเหมือนคุณหวาน ทำแบบนั้นไม่เป็นดอกเจ้าค่ะ”
“เออ กูฉลาด กูงามและก็เหมาะสมกับคุณพี่มากกว่ามึงเป็นร้อยเท่า” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงภูมิอกภูมิใจ ก่อนทำท่านึกได้ “เอ๊ะ นี่มึงด่าว่ากูให้ท่าคุณพี่รึ อีเกด อีหน้าเกือก...”
“หยุดนะ คุณหวาน” เสียงห้าวบ่งบอกความโกรธของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัว ปล่อยมือจากปอยผมนิ่มสลวยนั่นทันทีแล้วผลักออกแรงๆ จนร่างนั้นเซทำท่าจะล้มลง โชคดีชายหนุ่มรีบวิ่งไปรับเอาไว้ ร่างแบบบางจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาพอดิบพอดี ทั้งสองเงยหน้าสบตากันนิ่ง ความรักชัดเจนอยู่ในแววตาของทั้งคู่
“คัท!” เสียงของชายวัยกลางคนร่างท้วมลอดผ่านวิทยุสื่อสาร ส่งผลให้หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มรีบพาร่างตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกจากฉากไป
จากนั้นความเคลื่อนไหวแสนวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้งในกองถ่ายละครเรื่องหนึ่งซึ่งรวบรวมนักแสดงมากฝีมือไว้อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นนางร้ายอันดับหนึ่งของวงการในตอนนี้อย่างริสา พระเอกหน้าหยกอย่าง ลาภิณ และนางพญาของวงการอย่าง ขิง ดาหลา
“ขิงเจ็บหรือเปล่า พี่ริสาขอโทษนะ” ริสาเดินมาหานางเอกสาวด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เนื่องด้วยหล่อนกับดาหลาตกลงกันเอาไว้ว่าให้เล่นจริงทุกฉาก ฉากถีบกับฉากกระชากผมเมื่อกี้หล่อนจึงเต็มที่กับมัน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเล่นแรงเกินไปสำหรับอีกฝ่ายหรือเปล่า
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ริสา ขิงเข้าใจค่ะว่าพี่ริสายังติดเล่นแบบโอเวอร์แอคติ้ง ตอนกระชากผมขิงเมื่อกี้เลยเหมือนคนเป็นลมบ้าหมูที่อยู่ใกล้อะไรก็คว้าสิ่งนั้นมากำไว้ ขิงเจ็บนิดเจ็บหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...แหม แต่เห็นแล้วยังอดขำไม่ได้เลยนะคะ” แล้วดาหลาก็หัวเราะออกมาจริงๆ
นางร้ายอันดับหนึ่งหน้าบึ้งขึ้นมาทันใด เป็นจังหวะเดียวกับที่ทีมงานเอาน้ำมาเสิร์ฟ หล่อนจึงหยิบแก้วของตนแล้วเดินออกไปทางหนึ่งด้วยอาการคอแข็ง ขณะที่ดาหลายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เพราะถือว่าตัวเองพูดความจริง ใครๆชื่นชมยกย่องว่าริสาเป็นนางร้ายอันดับหนึ่งได้อย่างไรก็ไม่รู้ เวลาเล่นมักจะ ‘เล่นใหญ่’ เข้าไว้ แต่ไม่มี ‘อินเนอร์’ ของตัวละครแถมยังชอบทำตาพองๆเหมือนนางร้ายสมัยโบราณอีก ตลก!
“ขอเจลล้างมือกับแอลกอฮอล์ด้วย” นางเอกสาวหันไปสั่งสวัสดิการของกอง และเมื่อได้มาแล้ว หล่อนก็จัดการล้างมือด้วยเจลและใช้แอลกอฮอล์เช็ดบริเวณที่พระเอกของเรื่องเพิ่งสัมผัสไป โดยไม่สนใจสายตาหมั่นไส้จากใครหลายๆคนแถวนั้น
จะสนทำไมเล่า ความสะอาดของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ เชื่อสิว่าถ้าบรรดาคนในวงการสาธารณสุขรู้จะต้องชื่นชมหล่อน อีกอย่าง ตราบใดที่หล่อนยังเป็น ‘นางพญา’ คนพวกนี้ก็ทำได้แค่เบ้ปากหรือนินทาหล่อนเท่านั้นแหละ!
เมื่อมือและแขนสะอาดเป็นที่พอใจแล้ว ดาหลาก็หยิบน้ำดื่มที่ทีมงานถือรอ แล้วต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมความโกรธที่แล่นริ้ว!
“เธอแกล้งฉันใช่มั้ย ถึงเอาน้ำเย็นมาให้” หล่อนตะคอกใส่ทันที ฝ่ายนั้นซึ่งเป็นเด็กสาวร่างผอมบางทำท่างงๆอยู่ครู่หนึ่งก็นึกออก
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ คุณขิงไม่กินน้ำเย็น ต้องกินน้ำแร่ในอุณหภูมิห้องเท่านั้น ขอโทษค่ะ ขอโทษ หนูลืม”
ดาหลามองตามด้วยความหงุดหงิด และเมื่อฝ่ายนั้นเอาน้ำแร่มายื่นให้ หล่อนก็ถือโอกาสสั่งสอนเสียเลย
“ฉันทายอนาคตเธอได้เลยนะว่าไม่มีทางรวยหรอก เพราะเธอไม่ใส่ใจงาน จนแล้วดันขี้เกียจอีกก็จมกองดินกองโคลนอยู่แบบนี้แหละ”
จากนั้นหล่อนก็เดินไปหาหัวหน้าสวัสดิการ เพื่อบอกว่าหล่อนไม่พอใจการทำงานของทีมเป็นอย่างมาก ต้องการให้มีการลงโทษเด็กคนนั้น
“ต้องขอโทษแทนเปรี้ยวมันด้วยนะคะ คุณขิง มันเป็นเด็กใหม่ก็เลยทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง” หัวหน้าสวัสดิการพยายามประนีประนอม “เดี๋ยวพี่จะไปเรียกตัวมันมาขอโทษคุณขิงอีกครั้งนะคะ”
“นั่นแสดงว่าเขาไม่ใส่ใจไงคะ ขิงให้พี่เลือกว่าจะพิจารณาเด็กเองหรือให้ขิงฟ้องผู้จัดว่าทีมงานของพี่ห่วยแตกคะ” ยื่นข้อเสนอให้
ฝ่ายนั้นไม่พูดอะไรอีก นอกจากเดินไปไล่เด็กคนนั้นออกทันที หล่อนเห็นเด็กสาวคนนั้นร้องไห้ ร่างผอมเพรียวเซน้อยๆเหมือนจะทรุดลงไป ดาหลาสะบัดหน้ากลับอย่างไม่แคร์ เด็กนั่นต้องเรียนรู้ว่าโลกโหดร้ายแค่ไหน ชีวิตคือการแข่งขัน ต้องฝึกฝนต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จะได้เป็นคนเก่ง และเป็นคนที่ถูกเลือกในที่สุด
เช่นเคย การกระทำของนางเอกสาวเรียกอาการเบ้หน้าจากคนในกองถ่ายได้อีกครั้ง มีบางคนหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาเพื่อจะโพสต์ระบายในโปรแกรมต่างๆ ก่อนที่ใครหลายคนจะร้องห้าม เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้ดาหลาเป็นข่าว พอเป็นข่าว บริษัทออร์กาไนเซอร์ที่จัดงานต่างๆก็จะเรียกหาเจ้าหล่อนเพื่อไปออกงาน พูดง่ายๆว่า ข่าวจะทำให้ดาหลาได้ออกงานอีเวนต์ชนิดไม่มีวันเว้นนั่นเอง
“ฮึ่ย แต่ดูที่นางทำสิ มันทุเรศอ่ะ นี่นะ ตั้งแต่อยู่ในวงการมา ไม่เคยเห็นดาราคนไหนน่ารังเกียจเท่ายายนี่มาก่อนเลย ไม่เข้าใจเลย ทำไมผู้จัดจ้างอยู่ได้ นางเอกสวยๆ ฝีมือดี นิสัยดีมีเยอะแยะ”
“ยิ่งฉาวยิ่งดังไงจ๊ะเธอ มีขิงคนเดียว ฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็สบาย เพราะนางสร้างเรื่องให้เป็นข่าวได้ตลอด แต่พูดก็พูดเถอะ เรื่องฝีมือน่ะ หาใครเทียบขิงยากจริงๆ ปีที่แล้วก็กวาดรางวัลทุกเวที พรีเซ็นเตอร์ก็กวาดมาคนเดียวเป็นสิบ”
“หนูไม่เชื่อว่าคนเราจะไม่มีวันดวงตก หึ วันไหนกลายเป็นดาวร่วง แม่จะหัวเราะให้ฟันคุดหลุดเลยคอยดู!”
ทางด้านดาหลา หล่อนใช้ช่วงพักกองนี้เดินคุยโทรศัพท์มาที่สนามหญ้าหน้าบ้านที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ และตอนนี้หน้าหล่อนกำลังบึ้งขั้นสูงสุด
“...จะออกไปประชุม? ประชุมอีกแล้ว อะไรเนี่ย บริษัทคุณไม่คิดจะทำอย่างอื่นนอกจากประชุมบ้างเรอะ! นี่มี้จะเลิกกองแล้ว มารับด้วย...ไม่ได้? หมายความว่ายังไง ไม่รู้แหละ มี้ไม่สน แต่ทันทีที่มี้เลิกกอง มี้ต้องเห็นปาปี๊...มาไม่ได้จริงๆ?...ทำไม พวกเพื่อนคุณห้ามไว้ใช่มั้ย มองโลกในแง่ร้ายเหรอ เฮอะ คุณนั่นแหละไว้ใจเพื่อนจนเกินไป พวกนั้นน่ะอิจฉาปาปี๊ที่ได้ซุปตาร์อย่างมี้เป็นแฟน เลยชอบยุแยงให้เราเลิกกัน...ไม่ได้ใส่ร้าย พูดความจริง...ตกลงจะมากี่โมงคะ...เออ...ถ้างั้นก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกแล้ว จะไปไหนก็ไปเลยไป๊!” หล่อนตวาดไล่เขาด้วยความหงุดหงิดเต็มพิกัด ใจนึกอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งตามอารมณ์กรุ่น แต่ก็กลัวว่ามันจะพังก่อนเขาจะโทร.มาง้อ
“ไอ้พวกบ้าเอ๊ย อิจฉาคนเขามีความสุขล่ะสิ ถึงได้กักตัวปาปี๊ไว้น่ะ...ซ้าธุ ขอให้ไอ้คนที่แต่งงานแล้วครอบครัวมันเจ๊ง ไอ้ที่โสดก็โสดขึ้นคานไปจนตายเลย ขึ้นคานแบบทุกข์ๆด้วย” หล่อนพนมมือแช่งบรรดาเพื่อนสนิทของชายคนรัก ซึ่งแสดงออกชัดแจ้งว่าไม่ชอบหล่อน
“จุ๊ๆ แช่งคนอื่นระวังเข้าตัวเองนะ...”
ตอนนั้นเองที่เสียงห้าวทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า ทำเอานางเอกสาวสะดุ้ง เนื่องจากไม่เห็นมาก่อนว่ามีคนอื่นอยู่ตรงนี้ด้วย หล่อนเงยหน้ามองคนพูดก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูงสะโอดสะอง ผิวนวลกระจ่างสว่างไสวเสียจนเหมือนมีรังสีสีทองล้อมรอบตัวเขา เอ่อ แต่เป็นสีทองที่ออกจะซีดไปหน่อยนะ ใบหน้านั้นสมบูรณ์แบบแบบคนเอเชีย คิ้วเข้มแต่ได้รูปสวย รูปตายาวที่มีลูกตาสีดำสนิทและคมกริบ จมูกโด่งเป็นสันสวย ริมฝีปากบางได้รูป บวกกับเสื้อแขนกุดสีขาว กางเกงสีเดียวกันที่แนบไปกับเรือนร่างด้วยแล้ว ก็ทำให้หล่อนเผลอมองตาค้างไปครู่หนึ่ง
“น่าเสียดายนัก เกิดมาสวยเสียเปล่า แต่พูดจาได้น่ารังเกียจเหลือทน” เขาเอ่ยขึ้นอีกและนั่นก็ทำให้หญิงสาวได้สติ
“เรารู้จักกันหรือเปล่า” ดาราสาวถามเสียงไม่พอใจ และยังแปลกใจไม่หาย ว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะจุดที่หล่อนยืนอยู่คือใต้ต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้นั้นชิดกำแพง นั่นหมายความว่าหล่อนต้องเห็นคนทุกคนที่จะเดินมาตรงนี้ แต่นี่หล่อนไม่เห็น
“ผมรู้จักคุณดี” เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นอีก แววตาของเขานิ่งสงบยากจะคาดเดาถึงความรู้สึก
นางเอกแถวหน้าเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ แน่นอน ใครไม่รู้จัก ขิง ดาหลาถือว่าเชยระดับแอดวานซ์!
“เมื่อกี้คุณว่าฉัน ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์”
คราวนี้มีรอยยิ้มแต่งแต้มริมฝีปากงามของชายคนนั้น หากเป็นยิ้มที่ทำให้ดาหลาหน้าร้อนวาบด้วยความโกรธ
ยิ้มขันระคนสมเพชชัดๆ!
คนอย่างดาหลามีอะไรน่าขันน่าสมเพช!?
“คุณเป็นใคร รวย เก่ง มีชื่อเสียงมาจากไหนถึงกล้ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้”
“ที่คุณพูดมาทั้งหมดนั้นผมไม่มีซักอย่าง อย่างเดียวที่ผมมีคือมีสิทธิ์ในชีวิตของคุณนับจากวันนี้!” ประโยคท้ายนั่นหนักแน่น เสียงก็ก้องกังวานเหมือนมีแอคโค่ประกอบ
“พูดบ้าๆ มีสิทธิ์บ้าบออะไร” ดาราสาวแว้ดกลับ
“อีกไม่นานคุณจะได้รู้...ผมไม่ได้เล่นตัวนะ แต่ผมรู้ว่าขืนพูดไปตอนนี้ คนอย่างคุณก็ยังไม่พร้อมรับฟัง”
“คนอย่างฉัน ทำไมยะ” น้ำเสียงเหยียดๆนั้นทำให้หล่อนต้องเสียงแหลมอีกรอบ
“นอกจากปากที่พ่นแต่พิษแล้ว คุณยังเอาแต่ใจ หยิ่งยโส อวดดี จองหองและไม่รับฟังคนที่คิดว่าต่ำต้อยกว่าตัวเอง” เขาวิจารณ์ได้เป็นฉากๆก่อนเว้นช่วงเพื่อยื่นมือมาแตะปลายคางมนของหล่อน แล้วใช้นิ้วโป้งไล้ริมฝีปากเบามือ โดยที่ดาหลาได้แต่ยืนนิ่งเหมือนถูกมนตร์สะกด “ปากคุณสวยมาก สีปากธรรมชาติของคุณก็สวยแม้ไม่แต่งแต้มอะไร แต่คำพูดที่ผ่านปากสวยๆของคุณเต็มไปด้วยพิษที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้คนอื่น ซ้ำยังสร้างศัตรูไม่รู้กี่คนต่อกี่คน จำคำของผมไว้นะ ดาหลา ถ้าคุณยังเอาแต่พ่นมลพิษออกมาอย่างนี้ คุณจะสูญเสียทุกอย่าง...”
พูดจบเขาก็ปล่อยมือ ดาหลาอ้าปากเตรียมจะด่าเขาที่บังอาจแตะเนื้อต้องตัว บังอาจสอนหล่อน แต่จู่ๆลมที่นิ่งเงียบก่อนหน้านี้ก็พัดแรงมาจากทุกทิศทุกทาง จนหล่อนต้องหลับตาและปิดปากให้สนิท เป็นอย่างนั้นอยู่ครู่ ลมจึงค่อยๆอ่อนกำลังลงและกลายเป็นปกติ พร้อมๆกับการหายตัวไปของชายหนุ่มแปลกหน้า!
หญิงสาวชะแง้หาทางนั้นทีทางนี้ที แต่ก็ไม่เห็น จึงหมุนตัวกลับเข้าไปที่กองถ่าย เพราะคิดว่าเขาอาจเป็นนักแสดงใหม่ที่บังอาจปีนเกลียว และหล่อนก็ต้องให้บทเรียนเสียหน่อย!
แต่คำตอบจากผู้กำกับก็ทำให้นางเอกสาวยิ่งประหลาดใจ เมื่อฝ่ายนั้นยืนยันว่าไม่มีนักแสดงหน้าใหม่เข้ามาในวันนี้
“นี่ช่วยกันปกปิดป่าวเนี่ย กลัวขิงจะด่ามันเหรอไง หึ ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะยังไงก็โดนด่าแน่”
“เบลอโบท็อกซ์ป่าวเนี่ย ก็บอกว่าไม่มีไงเล่า” ผู้กำกับชักมีอารมณ์
ดาหลายังไม่เชื่อจึงเรียกหาฝ่ายประสานงานของกองถ่ายเพื่อขอดูรายชื่อนักแสดงที่มาในวันนี้ทั้งหมด จากนั้นจึงเรียกเฉพาะพวกตัวประกอบมายืนเรียงแถว ซึ่งก็ไม่พบใครสักคนที่หน้าเหมือนผู้ชายคนนั้นจริงๆ
“เป็นไปไม่ได้ เมื่อกี้เขาแตะตัวขิงด้วย ขิงไม่ได้เบลอนะ” หล่อนยืนยันเสียงหนักแน่น “อ้อ หรือว่าเขากลับบ้านไปแล้ว...ใช่ ต้องใช่แน่ๆ”
ไม่มีใครสนใจหล่อนอีก เพราะต่างรู้สึกรำคาญผสมอิดหนาระอาใจกันถ้วนทั่ว และมันก็กลายเป็นข่าวในที่สุดเมื่อมีหนึ่งในทีมงานโพสต์เหตุการณ์ดังกล่าวทางเฟซบุ๊คส์รวมถึงเรื่องของริสาและเด็กยกน้ำ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ข้อความดังกล่าวก็ถูกนำไปโพสต์ลงในเวบไซต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างคึกคัก สนุกมือ
- เอ่อ นางป่วยหรือเปล่า ผู้จัดการควรพาไปหมอนะ
-บางทีก็สงสัยว่าแฟนนางรักนางที่อะไร วันๆมีแต่ข่าวแย่ๆ เราเป็นพ่อแม่ผู้ชายนะ สะใภ้แบบนี้ต้องคิดหนัก
-ช่วงนี้กระแสเงียบเหรอ ขิงถึงต้องหาเรื่องชิงพื้นที่สื่อ
-เราว่าไม่ใช่ต้องการกระแสหรอก แต่เป็นเรื่องสังดานของดาราที่ชื่อขิง ดาหลาคนนี้มากกว่า
-ฉีดโบท็อกซ์มาก มันเลยตึงไปถึงสมอง ทำให้ไม่มีรอยหยักไงล่ะ!
ฯลฯ
ตามมาด้วยการขุดคดีเก่าๆที่ดาหลาเคยพูดจาไม่ดีขึ้นมาวิจารณ์กันอย่างสนุกสนานและมันปาก บางคนก็กระทบกระเทียบไปถึงครอบครัวของหล่อนว่า ไม่เลี้ยงดู ไม่อบรมลูกให้ดี จึงกลายเป็นคนปากเสียและไม่มีมารยาทแบบนี้
-ตอนนางทะเลาะกับมนนี่ เราเชียร์นางเพราะดูเป็นคนพูดตรงๆ ไม่เฟค แต่มาตอนนี้ชักไม่แน่ใจ
-เราเป็นเพื่อนน้องสาว(คนละพ่อ)ของนาง เพื่อนเราเคยร้องไห้มาเรียน เพราะโดนขิงด่าว่ามาเกาะนางกิน
-เรารู้จักครอบครัวนาง แม่ของนางเป็นคนดีมาก ใจดีใจเย็น สอนลูกดี แต่ดูแล้วซุปตาร์ขาวีนคงไม่ฟัง
-ได้ข่าวว่าแม่ไม่ได้เลี้ยงนิ ตอนเด็กเป็นเด็กบ้านนอกตัวดำปี๋ อย่างว่าอยู่บ้านนอก คงไม่มีใครอบรมสั่งสอน
-ปีนี้ให้ฉายานางว่า ขิงเน่า เหมาะสุด
ฯลฯ
ส่วนในอินสตาแกรมส่วนตัวของดาหลายังไม่มีความเคลื่อนไหวใด แต่ก็มีบรรดาขามุงทั้งหลายเข้าไปแสดงความเห็นบนรูปล่าสุดที่เจ้าตัวลงไว้เมื่อวันก่อน บ้างด่า บ้างตำหนิ แต่ก็มีไม่น้อยที่ให้กำลังใจเพราะเป็นแฟนคลับของดาราสาว
-เพื่อนร่วมงานกัน ช่วยเหลือแนะนำกันบ้างอะไรบ้าง ผิดตรงไหน
-เป็นเรา เด็กไม่รับผิดชอบ ไม่มีความใส่ใจก็ไล่ออกนะ มีคนตั้งมากมายที่อยากได้งานทำ #เครื่องรางของขลังปลุกเสกโดยหมอผีระดับประเทศ รับรองความขลัง
-ถึงจะพูดแรง แต่พี่ขิงก็พูดแต่เรื่องจริง คิดเอาล่ะกันว่างานนี้ใครโกหกระหว่างพี่ขิงกับผกก #ชุดนอนหมาแมวใส่แล้วฟินเว่อร์
และนั่นก็ทำให้ในงานอีเวนต์ที่ดาหลาไปออกหลังจากเลิกกอง มีไมโครโฟนมาจ่อปากหล่อนทุกสำนักข่าว
“ขิงเห็นคนคนนั้นจริงๆ แต่...ถ้าผู้กำกับและทีมงานบอกว่าไม่มีก็คือไม่มีค่ะ” หญิงสาวตอบเรื่องชายหนุ่มปริศนาอย่างมีอารมณ์ “จบเรื่องนี้นะคะ ไม่พูดแล้วค่ะ ประเด็นต่อไปเรื่องอะไรนะคะ ไล่ทีมงานออก ข่าวนี้ก็เว่อร์ไปค่ะ ขิงมีสิทธิ์อะไรไปไล่ใครออกล่ะคะ แค่ให้เขาพิจารณาตัวเองว่าถ้าทำงานไม่มีความรับผิดชอบอย่างนี้แล้วจะยังไง”
“มีคนบอกว่าน้องเขาขอโทษแล้ว เรื่องจริงเป็นยังไงคะ”
“ก็ขอโทษแล้วค่ะ แต่มันก็เสียหายไปแล้วไง จบนะคะ เรื่องนี้ ต่อไปเรื่องการแสดงพี่ริสา ข่าวนี้แรงที่สุดเลยมั้ง ไม่ได้วิจารณ์ด้วยค่ะ ก็แค่แซวกันเล่นขำๆ ตามประสาเพื่อน ไม่มีเกาเหลาแน่นอน”
“แต่มีคนยืนยันว่าขิงบอกว่าริสาเล่นละครเหมือนเป็นลมชัก” นักข่าวคนหนึ่งกลับมาจี้ด้วยคำถามเดิมทำให้หล่อนปรี๊ดอีกครั้งที่ไม่ยอมจบเสียที
“น้องเป็นนักข่าวใหม่ใช่มั้ย ไม่เคยเห็นหน้า วงในไหนคะ ใครเมาท์มาคะ เอามาจากไหน” หล่อนถามเสียงโกรธเกรี้ยวอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป “ว่าไงคะ ใครพูดคะ บอกพี่หน่อย พี่จะไปถามเขาเดี๋ยวนี้เลยว่า ได้ยินอย่างนั้นจริงหรือเปล่า”
“เห็นในอินสตาแกรมของทีมงานคนหนึ่งค่ะ”
“อ้อ ไม่มีปัญญาหาข่าวเอง ต้องไปส่องตามไอจี แล้วเอามาถาม” หล่อนแค่นเสียงเยาะ กวาดตามองนักข่าวเกือบทุกคนในที่นั้นอย่างไม่ชอบใจ “เห็นแค่นั้นก็เชื่อกันแล้ว ถ้าวันดีคืนดีมีคนลงว่าดาหลาไปฆ่าคนตายก็พร้อมจะเชื่อกันเหรอคะ แหม พวกพี่ๆน้องๆนักข่าวนี่รักขิงจังเลยนะคะ ข่าวอะไรที่เกี่ยวกับขิงนี่เชื่อหมดเลย”
“ไม่เชื่อไงคะ ถึงต้องมาถามคุณเพื่อหาข้อมูลความจริง” นักข่าวเจ้าเดิมย้อน
“นี่นักข่าวสำนักไหนคะเนี่ย พูดจาก้าวร้าวมากเลย ทางต้นสังกัดไม่ได้อบรมสั่งสอนมารยาทและจรรยาบรรณของสื่อเหรอคะ ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ที่เธอก้าวร้าวฉัน”
เป็นคำพูดที่เรียกเสียงฮือฮาจากนักข่าวรวมทั้งบรรดาคนที่อยู่บริเวณงานได้เป็นอย่างดี
“ว่าไงคะ น้อง จะขอโทษพี่หรือเปล่า” นางเอกแถวหน้าคาดคั้น พลางกระชากแขนฝ่ายนั้นให้เข้ามาใกล้คน แต่อีกฝ่ายขืนตัวเอาไว้ “อ้าว ทีอย่างนี้ทำไมไม่กล้าคะ...คิดจะอยู่วงการนี้น่ะ ต้องสะกดคำว่าจรรยาบรรณเอาไว้ให้มากๆ ไม่ใช่ถือว่ามีปากกาอยู่ในมือแล้วจะเขียนจะพูดอะไรยังไงก็ได้ แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าสื่อหรอกค่ะ เขาเรียกพวกสำเร็จความใคร่ทางตัวหนังสือ!”
เสียงแฟลชรัวพรึ่บพรั่บ กล้องวีดิโอทำงานอย่างต่อเนื่องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และสุดหล่อนก็เลือกเดินจากมาอย่างไม่ยี่หระ ได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังว่าจะแบนหล่อน ซึ่งหล่อนก็ได้แต่แสยะยิ้มอย่างไม่ให้ราคา
คิดจะแบนนางพญาอย่างหล่อนอย่างนั้นหรือ คงทำได้หรอกนะ!
“คำเตือนของข้าไม่มีประโยชน์เลยสินะ เฮ้อ...ความจริงข้าก็น่าจะรู้นิสัยของเจ้าอยู่” เดินมาถึงลานจอดรถ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรูปงามคนเมื่อกลางวันนั่นเอง ดาหลาไม่พูดอะไร แต่ตรงเข้าคว้าข้อมือเขา ตั้งใจจะพาไปหานักข่าวเพื่อยืนยันว่าเมื่อวานหล่อนไม่ได้บ้า มีคนมายืนด่าหล่อนจริงๆ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หล่อนแตะไม่โดนผิวของเขา!
“บ้าอะไรเนี่ย นายเป็นนักมายากลเหรอ” หล่อนมองแขนที่เรียวสวยเหมือนผู้หญิงของเขางงๆ
“บางทีเราก็ทำอะไรคล้ายๆแบบนั้นเหมือนกัน เอ...หรือจะให้ถูกก็คือ พวกนั้นน่าจะเลียนแบบเรามากกว่า”
“นายต้องไปหานักข่าวกับฉัน” หล่อนสั่งเสียงเข้ม แม้จะรู้สึกแปลกๆกับสรรพนามที่เขาใช้อยู่ก็ตาม แต่นาทีนี้เรื่องของหล่อนสำคัญที่สุด
“ไม่มีประโยชน์หรอก พวกเขาแบนเจ้าแล้วนี่ ตอนนี้ต่อให้เจ้าเดินแก้ผ้า พวกเขาก็ไม่สน”
“นายหลุดมาจากป่าไหน ถึงคิดว่าคนพวกนั้นจะแบนฉันได้” นางเอกสาวมองเขาเหยียดๆ
“น่าสมเพช เอ๊ย น่าประหลาดใจ ที่เจ้าทำงานกับคนพวกนี้มานาน แต่ไม่เคยสำเหนียกว่าพวกเขาทำอะไรได้บ้าง สร้างคนให้เป็นดาว หรือจะสาวลงมาให้เป็นดินก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นบ่อยๆ”
“ก็พวกที่โดนสาวน่ะ เป็นพวกไม่มีบารมีนี่ ก็เลยโดนกระชากลงมาง่ายๆ ซึ่งไม่ใช่ฉัน ขิง ดาหลา นางพญาแห่งวงการ” พูดพลางหล่อนก็เชิดหน้าอย่างทะนงตน “ว่าแต่ตกลงนายเป็นใครเนี่ย เข้ามาคุยกับฉันบ่อยๆนี่หวังอะไร อ๋อ อยากจะเกาะกระแสฉันดังใช่มั้ย”
เขาส่ายหน้าด้วยความระอา
“ตอนนี้ข้าก็ดังไปทั่วสวรรค์แล้ว ดังเพราะเจ้า!...ข้าชื่อวายุ เป็นเทวดาประจำตัวเจ้า...และเพราะเจ้ามักทำร้ายคนอื่น ทั้งด้วยวาจา ทั้งด้วยการกระทำ ทำให้คนเจ็บช้ำน้ำใจไปทั่ว เหล่าเทวดาประจำตัวของคนเหล่านั้นเลยกดดันให้ข้ามาให้เปลี่ยนนิสัยเจ้า ที่สำคัญ ข้ากำลังจะหมดบุญเพราะเจ้าไม่เคยทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ข้า เห็นมั้ย ตัวข้าซีด ตามปกติเปล่งปลั่งกว่านี้มาก” เขาเน้นทุกคำชัดเจน มีน้ำหนัก กังวานและทรงพลัง
ดาหลาเบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แต่ครู่ต่อมาก็หยุด เมื่อนึกได้ว่าจะเสีย “ลุคส์” นางพญาของตัวเอง
“ที่แท้ก็คนบ้า” หล่อนพูดใส่หน้าแล้วก็ทำท่าจะก้าวขึ้นรถ
“ถึงกระนั้น ข้าก็จะให้พรเจ้า ดาหลา...พรที่จะทำให้เจ้าได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง...แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องไปขออโหสิกรรมคนที่เจ้าเคยพูดจาแย่ ทำร้ายเขาจนเขาผูกใจเจ็บ ร่วมกับการคิดดี พูดดี แต่ถ้าไม่ เจ้าจะสูญเสียทุกอย่างที่เจ้าเคยมี จะไม่มีใครรู้จักดาหลา นภาภัทรอีกต่อไป!” น้ำเสียงทรงพลังกังวานนั้นดังไล่หลังมา
“ประสาท!” หล่อนแค่นเสียงรำคาญ แล้วก็ขับรถออกจากที่นั่น โดยหารู้ไม่ว่า แค่เพียงหล่อนหันหลัง ร่างนั้นก็ค่อยๆเลือนหาย ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและสายลมที่พัดแผ่วพลิ้วเท่านั้น...
(จบบทที่๑)
กติกาเล่นเกมอยู่ที่ คห. 1 นะคะ
“คุณหวาน...คุณหวานถีบเกดหรือเจ้าคะ” น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มนวล ท่าทางป้อแป้อ่อนแอชวนให้สงสาร แต่ไม่ใช่กับคนที่เพิ่งทำร้ายหล่อนไป
“กูหอมแก้มมึงมั้ง อีดอกกะทือ อีหน้าซื่อใจร่าน!...เป็นอย่างไร รสตีนกู หวานรับกับหน้ามึงดีใช่มั้ยเล่า” อีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันย้อนเสียงเยาะ เธอสวมชุดแสคลายดอกไม้ดำแดงเข้ารูป คอปาดและเว้าหลัง ดัดผมหยิกติดหนังหัว มีสร้อยเงินประดับรอบศีรษะ
“ฮือๆ เกดทำอะไรให้คุณหวานไม่พอใจหรือเจ้าคะ”
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ไยต้องมาย้อนถามกู...เมื่อไหร่มึงจะจำใส่กะลาหัวเสียทีว่ามึงแค่ลูกเมียบ่าว อย่าได้เผยอมาเทียมเทียบกู” ‘มือถีบ’ ตะคอกเสียงกร้าวกระด้าง ตาโตๆคู่นั้นพองออก ใบหน้าเหยเกด้วยแรงเกลียดชังเห็นได้ชัด
“เกดไม่เคยคิดเทียบคุณหวานแม้แต่นิดเจ้าค่ะ” อีกฝ่ายตอบเสียงเครือผสมหวาดกลัว ตัวงอลงยิ่งดูน่าสงสาร
“แล้วที่มึงให้ท่าคุณพี่ภพนั่นเล่า มิใช่เพราะอยากตีตนเสมอกูดอกหรือ”
“เปล่าเจ้าค่ะ โอ๊ย!...” ตอนท้ายหล่อนร้องเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมากระชากเส้นผมด้านหลังจนหน้าหงาย
“เปล่ากระนั้นหรือ พอเธอมา มึงก็วิ่งแร่เอาน้ำเอาขนมไปให้ ยังไม่เรียกว่าให้ท่าอีกรึ มึงนี่มันเหมือนแม่มึงไม่มีผิด อยากได้คุณพ่อจนตัวสั่น...เดี๋ยวกูจะตบสั่งสอนมึงเหมือนที่แม่กูเคยตบแม่มึง”
“อย่านะคะ อย่าทำอะไรเกดเลยเจ้าค่ะ”
“รับปากกูทีว่ามึงจะไม่เสนอหน้าไปให้ท่าคุณพี่ภพอีก ไม่เช่นนั้นกูจะเลาะฟันออกจากปากมึงให้หมด!” ไม่ขู่เปล่า ยังเพิ่มแรงที่มือจนอีกฝ่ายต้องร้องอู้ “ว่าอย่างไร!”
“เกดเปล่าให้ท่าคุณภพเธอ เกดเป็นคนเขลา ไม่ฉลาดเหมือนคุณหวาน ทำแบบนั้นไม่เป็นดอกเจ้าค่ะ”
“เออ กูฉลาด กูงามและก็เหมาะสมกับคุณพี่มากกว่ามึงเป็นร้อยเท่า” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงภูมิอกภูมิใจ ก่อนทำท่านึกได้ “เอ๊ะ นี่มึงด่าว่ากูให้ท่าคุณพี่รึ อีเกด อีหน้าเกือก...”
“หยุดนะ คุณหวาน” เสียงห้าวบ่งบอกความโกรธของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัว ปล่อยมือจากปอยผมนิ่มสลวยนั่นทันทีแล้วผลักออกแรงๆ จนร่างนั้นเซทำท่าจะล้มลง โชคดีชายหนุ่มรีบวิ่งไปรับเอาไว้ ร่างแบบบางจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาพอดิบพอดี ทั้งสองเงยหน้าสบตากันนิ่ง ความรักชัดเจนอยู่ในแววตาของทั้งคู่
“คัท!” เสียงของชายวัยกลางคนร่างท้วมลอดผ่านวิทยุสื่อสาร ส่งผลให้หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มรีบพาร่างตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกจากฉากไป
จากนั้นความเคลื่อนไหวแสนวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้งในกองถ่ายละครเรื่องหนึ่งซึ่งรวบรวมนักแสดงมากฝีมือไว้อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นนางร้ายอันดับหนึ่งของวงการในตอนนี้อย่างริสา พระเอกหน้าหยกอย่าง ลาภิณ และนางพญาของวงการอย่าง ขิง ดาหลา
“ขิงเจ็บหรือเปล่า พี่ริสาขอโทษนะ” ริสาเดินมาหานางเอกสาวด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เนื่องด้วยหล่อนกับดาหลาตกลงกันเอาไว้ว่าให้เล่นจริงทุกฉาก ฉากถีบกับฉากกระชากผมเมื่อกี้หล่อนจึงเต็มที่กับมัน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเล่นแรงเกินไปสำหรับอีกฝ่ายหรือเปล่า
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ริสา ขิงเข้าใจค่ะว่าพี่ริสายังติดเล่นแบบโอเวอร์แอคติ้ง ตอนกระชากผมขิงเมื่อกี้เลยเหมือนคนเป็นลมบ้าหมูที่อยู่ใกล้อะไรก็คว้าสิ่งนั้นมากำไว้ ขิงเจ็บนิดเจ็บหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...แหม แต่เห็นแล้วยังอดขำไม่ได้เลยนะคะ” แล้วดาหลาก็หัวเราะออกมาจริงๆ
นางร้ายอันดับหนึ่งหน้าบึ้งขึ้นมาทันใด เป็นจังหวะเดียวกับที่ทีมงานเอาน้ำมาเสิร์ฟ หล่อนจึงหยิบแก้วของตนแล้วเดินออกไปทางหนึ่งด้วยอาการคอแข็ง ขณะที่ดาหลายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เพราะถือว่าตัวเองพูดความจริง ใครๆชื่นชมยกย่องว่าริสาเป็นนางร้ายอันดับหนึ่งได้อย่างไรก็ไม่รู้ เวลาเล่นมักจะ ‘เล่นใหญ่’ เข้าไว้ แต่ไม่มี ‘อินเนอร์’ ของตัวละครแถมยังชอบทำตาพองๆเหมือนนางร้ายสมัยโบราณอีก ตลก!
“ขอเจลล้างมือกับแอลกอฮอล์ด้วย” นางเอกสาวหันไปสั่งสวัสดิการของกอง และเมื่อได้มาแล้ว หล่อนก็จัดการล้างมือด้วยเจลและใช้แอลกอฮอล์เช็ดบริเวณที่พระเอกของเรื่องเพิ่งสัมผัสไป โดยไม่สนใจสายตาหมั่นไส้จากใครหลายๆคนแถวนั้น
จะสนทำไมเล่า ความสะอาดของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ เชื่อสิว่าถ้าบรรดาคนในวงการสาธารณสุขรู้จะต้องชื่นชมหล่อน อีกอย่าง ตราบใดที่หล่อนยังเป็น ‘นางพญา’ คนพวกนี้ก็ทำได้แค่เบ้ปากหรือนินทาหล่อนเท่านั้นแหละ!
เมื่อมือและแขนสะอาดเป็นที่พอใจแล้ว ดาหลาก็หยิบน้ำดื่มที่ทีมงานถือรอ แล้วต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมความโกรธที่แล่นริ้ว!
“เธอแกล้งฉันใช่มั้ย ถึงเอาน้ำเย็นมาให้” หล่อนตะคอกใส่ทันที ฝ่ายนั้นซึ่งเป็นเด็กสาวร่างผอมบางทำท่างงๆอยู่ครู่หนึ่งก็นึกออก
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ คุณขิงไม่กินน้ำเย็น ต้องกินน้ำแร่ในอุณหภูมิห้องเท่านั้น ขอโทษค่ะ ขอโทษ หนูลืม”
ดาหลามองตามด้วยความหงุดหงิด และเมื่อฝ่ายนั้นเอาน้ำแร่มายื่นให้ หล่อนก็ถือโอกาสสั่งสอนเสียเลย
“ฉันทายอนาคตเธอได้เลยนะว่าไม่มีทางรวยหรอก เพราะเธอไม่ใส่ใจงาน จนแล้วดันขี้เกียจอีกก็จมกองดินกองโคลนอยู่แบบนี้แหละ”
จากนั้นหล่อนก็เดินไปหาหัวหน้าสวัสดิการ เพื่อบอกว่าหล่อนไม่พอใจการทำงานของทีมเป็นอย่างมาก ต้องการให้มีการลงโทษเด็กคนนั้น
“ต้องขอโทษแทนเปรี้ยวมันด้วยนะคะ คุณขิง มันเป็นเด็กใหม่ก็เลยทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง” หัวหน้าสวัสดิการพยายามประนีประนอม “เดี๋ยวพี่จะไปเรียกตัวมันมาขอโทษคุณขิงอีกครั้งนะคะ”
“นั่นแสดงว่าเขาไม่ใส่ใจไงคะ ขิงให้พี่เลือกว่าจะพิจารณาเด็กเองหรือให้ขิงฟ้องผู้จัดว่าทีมงานของพี่ห่วยแตกคะ” ยื่นข้อเสนอให้
ฝ่ายนั้นไม่พูดอะไรอีก นอกจากเดินไปไล่เด็กคนนั้นออกทันที หล่อนเห็นเด็กสาวคนนั้นร้องไห้ ร่างผอมเพรียวเซน้อยๆเหมือนจะทรุดลงไป ดาหลาสะบัดหน้ากลับอย่างไม่แคร์ เด็กนั่นต้องเรียนรู้ว่าโลกโหดร้ายแค่ไหน ชีวิตคือการแข่งขัน ต้องฝึกฝนต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จะได้เป็นคนเก่ง และเป็นคนที่ถูกเลือกในที่สุด
เช่นเคย การกระทำของนางเอกสาวเรียกอาการเบ้หน้าจากคนในกองถ่ายได้อีกครั้ง มีบางคนหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาเพื่อจะโพสต์ระบายในโปรแกรมต่างๆ ก่อนที่ใครหลายคนจะร้องห้าม เพราะการทำแบบนั้นจะทำให้ดาหลาเป็นข่าว พอเป็นข่าว บริษัทออร์กาไนเซอร์ที่จัดงานต่างๆก็จะเรียกหาเจ้าหล่อนเพื่อไปออกงาน พูดง่ายๆว่า ข่าวจะทำให้ดาหลาได้ออกงานอีเวนต์ชนิดไม่มีวันเว้นนั่นเอง
“ฮึ่ย แต่ดูที่นางทำสิ มันทุเรศอ่ะ นี่นะ ตั้งแต่อยู่ในวงการมา ไม่เคยเห็นดาราคนไหนน่ารังเกียจเท่ายายนี่มาก่อนเลย ไม่เข้าใจเลย ทำไมผู้จัดจ้างอยู่ได้ นางเอกสวยๆ ฝีมือดี นิสัยดีมีเยอะแยะ”
“ยิ่งฉาวยิ่งดังไงจ๊ะเธอ มีขิงคนเดียว ฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็สบาย เพราะนางสร้างเรื่องให้เป็นข่าวได้ตลอด แต่พูดก็พูดเถอะ เรื่องฝีมือน่ะ หาใครเทียบขิงยากจริงๆ ปีที่แล้วก็กวาดรางวัลทุกเวที พรีเซ็นเตอร์ก็กวาดมาคนเดียวเป็นสิบ”
“หนูไม่เชื่อว่าคนเราจะไม่มีวันดวงตก หึ วันไหนกลายเป็นดาวร่วง แม่จะหัวเราะให้ฟันคุดหลุดเลยคอยดู!”
ทางด้านดาหลา หล่อนใช้ช่วงพักกองนี้เดินคุยโทรศัพท์มาที่สนามหญ้าหน้าบ้านที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ และตอนนี้หน้าหล่อนกำลังบึ้งขั้นสูงสุด
“...จะออกไปประชุม? ประชุมอีกแล้ว อะไรเนี่ย บริษัทคุณไม่คิดจะทำอย่างอื่นนอกจากประชุมบ้างเรอะ! นี่มี้จะเลิกกองแล้ว มารับด้วย...ไม่ได้? หมายความว่ายังไง ไม่รู้แหละ มี้ไม่สน แต่ทันทีที่มี้เลิกกอง มี้ต้องเห็นปาปี๊...มาไม่ได้จริงๆ?...ทำไม พวกเพื่อนคุณห้ามไว้ใช่มั้ย มองโลกในแง่ร้ายเหรอ เฮอะ คุณนั่นแหละไว้ใจเพื่อนจนเกินไป พวกนั้นน่ะอิจฉาปาปี๊ที่ได้ซุปตาร์อย่างมี้เป็นแฟน เลยชอบยุแยงให้เราเลิกกัน...ไม่ได้ใส่ร้าย พูดความจริง...ตกลงจะมากี่โมงคะ...เออ...ถ้างั้นก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกแล้ว จะไปไหนก็ไปเลยไป๊!” หล่อนตวาดไล่เขาด้วยความหงุดหงิดเต็มพิกัด ใจนึกอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งตามอารมณ์กรุ่น แต่ก็กลัวว่ามันจะพังก่อนเขาจะโทร.มาง้อ
“ไอ้พวกบ้าเอ๊ย อิจฉาคนเขามีความสุขล่ะสิ ถึงได้กักตัวปาปี๊ไว้น่ะ...ซ้าธุ ขอให้ไอ้คนที่แต่งงานแล้วครอบครัวมันเจ๊ง ไอ้ที่โสดก็โสดขึ้นคานไปจนตายเลย ขึ้นคานแบบทุกข์ๆด้วย” หล่อนพนมมือแช่งบรรดาเพื่อนสนิทของชายคนรัก ซึ่งแสดงออกชัดแจ้งว่าไม่ชอบหล่อน
“จุ๊ๆ แช่งคนอื่นระวังเข้าตัวเองนะ...”
ตอนนั้นเองที่เสียงห้าวทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า ทำเอานางเอกสาวสะดุ้ง เนื่องจากไม่เห็นมาก่อนว่ามีคนอื่นอยู่ตรงนี้ด้วย หล่อนเงยหน้ามองคนพูดก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูงสะโอดสะอง ผิวนวลกระจ่างสว่างไสวเสียจนเหมือนมีรังสีสีทองล้อมรอบตัวเขา เอ่อ แต่เป็นสีทองที่ออกจะซีดไปหน่อยนะ ใบหน้านั้นสมบูรณ์แบบแบบคนเอเชีย คิ้วเข้มแต่ได้รูปสวย รูปตายาวที่มีลูกตาสีดำสนิทและคมกริบ จมูกโด่งเป็นสันสวย ริมฝีปากบางได้รูป บวกกับเสื้อแขนกุดสีขาว กางเกงสีเดียวกันที่แนบไปกับเรือนร่างด้วยแล้ว ก็ทำให้หล่อนเผลอมองตาค้างไปครู่หนึ่ง
“น่าเสียดายนัก เกิดมาสวยเสียเปล่า แต่พูดจาได้น่ารังเกียจเหลือทน” เขาเอ่ยขึ้นอีกและนั่นก็ทำให้หญิงสาวได้สติ
“เรารู้จักกันหรือเปล่า” ดาราสาวถามเสียงไม่พอใจ และยังแปลกใจไม่หาย ว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะจุดที่หล่อนยืนอยู่คือใต้ต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้นั้นชิดกำแพง นั่นหมายความว่าหล่อนต้องเห็นคนทุกคนที่จะเดินมาตรงนี้ แต่นี่หล่อนไม่เห็น
“ผมรู้จักคุณดี” เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นอีก แววตาของเขานิ่งสงบยากจะคาดเดาถึงความรู้สึก
นางเอกแถวหน้าเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ แน่นอน ใครไม่รู้จัก ขิง ดาหลาถือว่าเชยระดับแอดวานซ์!
“เมื่อกี้คุณว่าฉัน ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์”
คราวนี้มีรอยยิ้มแต่งแต้มริมฝีปากงามของชายคนนั้น หากเป็นยิ้มที่ทำให้ดาหลาหน้าร้อนวาบด้วยความโกรธ
ยิ้มขันระคนสมเพชชัดๆ!
คนอย่างดาหลามีอะไรน่าขันน่าสมเพช!?
“คุณเป็นใคร รวย เก่ง มีชื่อเสียงมาจากไหนถึงกล้ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้”
“ที่คุณพูดมาทั้งหมดนั้นผมไม่มีซักอย่าง อย่างเดียวที่ผมมีคือมีสิทธิ์ในชีวิตของคุณนับจากวันนี้!” ประโยคท้ายนั่นหนักแน่น เสียงก็ก้องกังวานเหมือนมีแอคโค่ประกอบ
“พูดบ้าๆ มีสิทธิ์บ้าบออะไร” ดาราสาวแว้ดกลับ
“อีกไม่นานคุณจะได้รู้...ผมไม่ได้เล่นตัวนะ แต่ผมรู้ว่าขืนพูดไปตอนนี้ คนอย่างคุณก็ยังไม่พร้อมรับฟัง”
“คนอย่างฉัน ทำไมยะ” น้ำเสียงเหยียดๆนั้นทำให้หล่อนต้องเสียงแหลมอีกรอบ
“นอกจากปากที่พ่นแต่พิษแล้ว คุณยังเอาแต่ใจ หยิ่งยโส อวดดี จองหองและไม่รับฟังคนที่คิดว่าต่ำต้อยกว่าตัวเอง” เขาวิจารณ์ได้เป็นฉากๆก่อนเว้นช่วงเพื่อยื่นมือมาแตะปลายคางมนของหล่อน แล้วใช้นิ้วโป้งไล้ริมฝีปากเบามือ โดยที่ดาหลาได้แต่ยืนนิ่งเหมือนถูกมนตร์สะกด “ปากคุณสวยมาก สีปากธรรมชาติของคุณก็สวยแม้ไม่แต่งแต้มอะไร แต่คำพูดที่ผ่านปากสวยๆของคุณเต็มไปด้วยพิษที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้คนอื่น ซ้ำยังสร้างศัตรูไม่รู้กี่คนต่อกี่คน จำคำของผมไว้นะ ดาหลา ถ้าคุณยังเอาแต่พ่นมลพิษออกมาอย่างนี้ คุณจะสูญเสียทุกอย่าง...”
พูดจบเขาก็ปล่อยมือ ดาหลาอ้าปากเตรียมจะด่าเขาที่บังอาจแตะเนื้อต้องตัว บังอาจสอนหล่อน แต่จู่ๆลมที่นิ่งเงียบก่อนหน้านี้ก็พัดแรงมาจากทุกทิศทุกทาง จนหล่อนต้องหลับตาและปิดปากให้สนิท เป็นอย่างนั้นอยู่ครู่ ลมจึงค่อยๆอ่อนกำลังลงและกลายเป็นปกติ พร้อมๆกับการหายตัวไปของชายหนุ่มแปลกหน้า!
หญิงสาวชะแง้หาทางนั้นทีทางนี้ที แต่ก็ไม่เห็น จึงหมุนตัวกลับเข้าไปที่กองถ่าย เพราะคิดว่าเขาอาจเป็นนักแสดงใหม่ที่บังอาจปีนเกลียว และหล่อนก็ต้องให้บทเรียนเสียหน่อย!
แต่คำตอบจากผู้กำกับก็ทำให้นางเอกสาวยิ่งประหลาดใจ เมื่อฝ่ายนั้นยืนยันว่าไม่มีนักแสดงหน้าใหม่เข้ามาในวันนี้
“นี่ช่วยกันปกปิดป่าวเนี่ย กลัวขิงจะด่ามันเหรอไง หึ ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะยังไงก็โดนด่าแน่”
“เบลอโบท็อกซ์ป่าวเนี่ย ก็บอกว่าไม่มีไงเล่า” ผู้กำกับชักมีอารมณ์
ดาหลายังไม่เชื่อจึงเรียกหาฝ่ายประสานงานของกองถ่ายเพื่อขอดูรายชื่อนักแสดงที่มาในวันนี้ทั้งหมด จากนั้นจึงเรียกเฉพาะพวกตัวประกอบมายืนเรียงแถว ซึ่งก็ไม่พบใครสักคนที่หน้าเหมือนผู้ชายคนนั้นจริงๆ
“เป็นไปไม่ได้ เมื่อกี้เขาแตะตัวขิงด้วย ขิงไม่ได้เบลอนะ” หล่อนยืนยันเสียงหนักแน่น “อ้อ หรือว่าเขากลับบ้านไปแล้ว...ใช่ ต้องใช่แน่ๆ”
ไม่มีใครสนใจหล่อนอีก เพราะต่างรู้สึกรำคาญผสมอิดหนาระอาใจกันถ้วนทั่ว และมันก็กลายเป็นข่าวในที่สุดเมื่อมีหนึ่งในทีมงานโพสต์เหตุการณ์ดังกล่าวทางเฟซบุ๊คส์รวมถึงเรื่องของริสาและเด็กยกน้ำ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ข้อความดังกล่าวก็ถูกนำไปโพสต์ลงในเวบไซต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างคึกคัก สนุกมือ
- เอ่อ นางป่วยหรือเปล่า ผู้จัดการควรพาไปหมอนะ
-บางทีก็สงสัยว่าแฟนนางรักนางที่อะไร วันๆมีแต่ข่าวแย่ๆ เราเป็นพ่อแม่ผู้ชายนะ สะใภ้แบบนี้ต้องคิดหนัก
-ช่วงนี้กระแสเงียบเหรอ ขิงถึงต้องหาเรื่องชิงพื้นที่สื่อ
-เราว่าไม่ใช่ต้องการกระแสหรอก แต่เป็นเรื่องสังดานของดาราที่ชื่อขิง ดาหลาคนนี้มากกว่า
-ฉีดโบท็อกซ์มาก มันเลยตึงไปถึงสมอง ทำให้ไม่มีรอยหยักไงล่ะ!
ฯลฯ
ตามมาด้วยการขุดคดีเก่าๆที่ดาหลาเคยพูดจาไม่ดีขึ้นมาวิจารณ์กันอย่างสนุกสนานและมันปาก บางคนก็กระทบกระเทียบไปถึงครอบครัวของหล่อนว่า ไม่เลี้ยงดู ไม่อบรมลูกให้ดี จึงกลายเป็นคนปากเสียและไม่มีมารยาทแบบนี้
-ตอนนางทะเลาะกับมนนี่ เราเชียร์นางเพราะดูเป็นคนพูดตรงๆ ไม่เฟค แต่มาตอนนี้ชักไม่แน่ใจ
-เราเป็นเพื่อนน้องสาว(คนละพ่อ)ของนาง เพื่อนเราเคยร้องไห้มาเรียน เพราะโดนขิงด่าว่ามาเกาะนางกิน
-เรารู้จักครอบครัวนาง แม่ของนางเป็นคนดีมาก ใจดีใจเย็น สอนลูกดี แต่ดูแล้วซุปตาร์ขาวีนคงไม่ฟัง
-ได้ข่าวว่าแม่ไม่ได้เลี้ยงนิ ตอนเด็กเป็นเด็กบ้านนอกตัวดำปี๋ อย่างว่าอยู่บ้านนอก คงไม่มีใครอบรมสั่งสอน
-ปีนี้ให้ฉายานางว่า ขิงเน่า เหมาะสุด
ฯลฯ
ส่วนในอินสตาแกรมส่วนตัวของดาหลายังไม่มีความเคลื่อนไหวใด แต่ก็มีบรรดาขามุงทั้งหลายเข้าไปแสดงความเห็นบนรูปล่าสุดที่เจ้าตัวลงไว้เมื่อวันก่อน บ้างด่า บ้างตำหนิ แต่ก็มีไม่น้อยที่ให้กำลังใจเพราะเป็นแฟนคลับของดาราสาว
-เพื่อนร่วมงานกัน ช่วยเหลือแนะนำกันบ้างอะไรบ้าง ผิดตรงไหน
-เป็นเรา เด็กไม่รับผิดชอบ ไม่มีความใส่ใจก็ไล่ออกนะ มีคนตั้งมากมายที่อยากได้งานทำ #เครื่องรางของขลังปลุกเสกโดยหมอผีระดับประเทศ รับรองความขลัง
-ถึงจะพูดแรง แต่พี่ขิงก็พูดแต่เรื่องจริง คิดเอาล่ะกันว่างานนี้ใครโกหกระหว่างพี่ขิงกับผกก #ชุดนอนหมาแมวใส่แล้วฟินเว่อร์
และนั่นก็ทำให้ในงานอีเวนต์ที่ดาหลาไปออกหลังจากเลิกกอง มีไมโครโฟนมาจ่อปากหล่อนทุกสำนักข่าว
“ขิงเห็นคนคนนั้นจริงๆ แต่...ถ้าผู้กำกับและทีมงานบอกว่าไม่มีก็คือไม่มีค่ะ” หญิงสาวตอบเรื่องชายหนุ่มปริศนาอย่างมีอารมณ์ “จบเรื่องนี้นะคะ ไม่พูดแล้วค่ะ ประเด็นต่อไปเรื่องอะไรนะคะ ไล่ทีมงานออก ข่าวนี้ก็เว่อร์ไปค่ะ ขิงมีสิทธิ์อะไรไปไล่ใครออกล่ะคะ แค่ให้เขาพิจารณาตัวเองว่าถ้าทำงานไม่มีความรับผิดชอบอย่างนี้แล้วจะยังไง”
“มีคนบอกว่าน้องเขาขอโทษแล้ว เรื่องจริงเป็นยังไงคะ”
“ก็ขอโทษแล้วค่ะ แต่มันก็เสียหายไปแล้วไง จบนะคะ เรื่องนี้ ต่อไปเรื่องการแสดงพี่ริสา ข่าวนี้แรงที่สุดเลยมั้ง ไม่ได้วิจารณ์ด้วยค่ะ ก็แค่แซวกันเล่นขำๆ ตามประสาเพื่อน ไม่มีเกาเหลาแน่นอน”
“แต่มีคนยืนยันว่าขิงบอกว่าริสาเล่นละครเหมือนเป็นลมชัก” นักข่าวคนหนึ่งกลับมาจี้ด้วยคำถามเดิมทำให้หล่อนปรี๊ดอีกครั้งที่ไม่ยอมจบเสียที
“น้องเป็นนักข่าวใหม่ใช่มั้ย ไม่เคยเห็นหน้า วงในไหนคะ ใครเมาท์มาคะ เอามาจากไหน” หล่อนถามเสียงโกรธเกรี้ยวอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป “ว่าไงคะ ใครพูดคะ บอกพี่หน่อย พี่จะไปถามเขาเดี๋ยวนี้เลยว่า ได้ยินอย่างนั้นจริงหรือเปล่า”
“เห็นในอินสตาแกรมของทีมงานคนหนึ่งค่ะ”
“อ้อ ไม่มีปัญญาหาข่าวเอง ต้องไปส่องตามไอจี แล้วเอามาถาม” หล่อนแค่นเสียงเยาะ กวาดตามองนักข่าวเกือบทุกคนในที่นั้นอย่างไม่ชอบใจ “เห็นแค่นั้นก็เชื่อกันแล้ว ถ้าวันดีคืนดีมีคนลงว่าดาหลาไปฆ่าคนตายก็พร้อมจะเชื่อกันเหรอคะ แหม พวกพี่ๆน้องๆนักข่าวนี่รักขิงจังเลยนะคะ ข่าวอะไรที่เกี่ยวกับขิงนี่เชื่อหมดเลย”
“ไม่เชื่อไงคะ ถึงต้องมาถามคุณเพื่อหาข้อมูลความจริง” นักข่าวเจ้าเดิมย้อน
“นี่นักข่าวสำนักไหนคะเนี่ย พูดจาก้าวร้าวมากเลย ทางต้นสังกัดไม่ได้อบรมสั่งสอนมารยาทและจรรยาบรรณของสื่อเหรอคะ ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ที่เธอก้าวร้าวฉัน”
เป็นคำพูดที่เรียกเสียงฮือฮาจากนักข่าวรวมทั้งบรรดาคนที่อยู่บริเวณงานได้เป็นอย่างดี
“ว่าไงคะ น้อง จะขอโทษพี่หรือเปล่า” นางเอกแถวหน้าคาดคั้น พลางกระชากแขนฝ่ายนั้นให้เข้ามาใกล้คน แต่อีกฝ่ายขืนตัวเอาไว้ “อ้าว ทีอย่างนี้ทำไมไม่กล้าคะ...คิดจะอยู่วงการนี้น่ะ ต้องสะกดคำว่าจรรยาบรรณเอาไว้ให้มากๆ ไม่ใช่ถือว่ามีปากกาอยู่ในมือแล้วจะเขียนจะพูดอะไรยังไงก็ได้ แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าสื่อหรอกค่ะ เขาเรียกพวกสำเร็จความใคร่ทางตัวหนังสือ!”
เสียงแฟลชรัวพรึ่บพรั่บ กล้องวีดิโอทำงานอย่างต่อเนื่องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และสุดหล่อนก็เลือกเดินจากมาอย่างไม่ยี่หระ ได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังว่าจะแบนหล่อน ซึ่งหล่อนก็ได้แต่แสยะยิ้มอย่างไม่ให้ราคา
คิดจะแบนนางพญาอย่างหล่อนอย่างนั้นหรือ คงทำได้หรอกนะ!
“คำเตือนของข้าไม่มีประโยชน์เลยสินะ เฮ้อ...ความจริงข้าก็น่าจะรู้นิสัยของเจ้าอยู่” เดินมาถึงลานจอดรถ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรูปงามคนเมื่อกลางวันนั่นเอง ดาหลาไม่พูดอะไร แต่ตรงเข้าคว้าข้อมือเขา ตั้งใจจะพาไปหานักข่าวเพื่อยืนยันว่าเมื่อวานหล่อนไม่ได้บ้า มีคนมายืนด่าหล่อนจริงๆ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หล่อนแตะไม่โดนผิวของเขา!
“บ้าอะไรเนี่ย นายเป็นนักมายากลเหรอ” หล่อนมองแขนที่เรียวสวยเหมือนผู้หญิงของเขางงๆ
“บางทีเราก็ทำอะไรคล้ายๆแบบนั้นเหมือนกัน เอ...หรือจะให้ถูกก็คือ พวกนั้นน่าจะเลียนแบบเรามากกว่า”
“นายต้องไปหานักข่าวกับฉัน” หล่อนสั่งเสียงเข้ม แม้จะรู้สึกแปลกๆกับสรรพนามที่เขาใช้อยู่ก็ตาม แต่นาทีนี้เรื่องของหล่อนสำคัญที่สุด
“ไม่มีประโยชน์หรอก พวกเขาแบนเจ้าแล้วนี่ ตอนนี้ต่อให้เจ้าเดินแก้ผ้า พวกเขาก็ไม่สน”
“นายหลุดมาจากป่าไหน ถึงคิดว่าคนพวกนั้นจะแบนฉันได้” นางเอกสาวมองเขาเหยียดๆ
“น่าสมเพช เอ๊ย น่าประหลาดใจ ที่เจ้าทำงานกับคนพวกนี้มานาน แต่ไม่เคยสำเหนียกว่าพวกเขาทำอะไรได้บ้าง สร้างคนให้เป็นดาว หรือจะสาวลงมาให้เป็นดินก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นบ่อยๆ”
“ก็พวกที่โดนสาวน่ะ เป็นพวกไม่มีบารมีนี่ ก็เลยโดนกระชากลงมาง่ายๆ ซึ่งไม่ใช่ฉัน ขิง ดาหลา นางพญาแห่งวงการ” พูดพลางหล่อนก็เชิดหน้าอย่างทะนงตน “ว่าแต่ตกลงนายเป็นใครเนี่ย เข้ามาคุยกับฉันบ่อยๆนี่หวังอะไร อ๋อ อยากจะเกาะกระแสฉันดังใช่มั้ย”
เขาส่ายหน้าด้วยความระอา
“ตอนนี้ข้าก็ดังไปทั่วสวรรค์แล้ว ดังเพราะเจ้า!...ข้าชื่อวายุ เป็นเทวดาประจำตัวเจ้า...และเพราะเจ้ามักทำร้ายคนอื่น ทั้งด้วยวาจา ทั้งด้วยการกระทำ ทำให้คนเจ็บช้ำน้ำใจไปทั่ว เหล่าเทวดาประจำตัวของคนเหล่านั้นเลยกดดันให้ข้ามาให้เปลี่ยนนิสัยเจ้า ที่สำคัญ ข้ากำลังจะหมดบุญเพราะเจ้าไม่เคยทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ข้า เห็นมั้ย ตัวข้าซีด ตามปกติเปล่งปลั่งกว่านี้มาก” เขาเน้นทุกคำชัดเจน มีน้ำหนัก กังวานและทรงพลัง
ดาหลาเบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แต่ครู่ต่อมาก็หยุด เมื่อนึกได้ว่าจะเสีย “ลุคส์” นางพญาของตัวเอง
“ที่แท้ก็คนบ้า” หล่อนพูดใส่หน้าแล้วก็ทำท่าจะก้าวขึ้นรถ
“ถึงกระนั้น ข้าก็จะให้พรเจ้า ดาหลา...พรที่จะทำให้เจ้าได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง...แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องไปขออโหสิกรรมคนที่เจ้าเคยพูดจาแย่ ทำร้ายเขาจนเขาผูกใจเจ็บ ร่วมกับการคิดดี พูดดี แต่ถ้าไม่ เจ้าจะสูญเสียทุกอย่างที่เจ้าเคยมี จะไม่มีใครรู้จักดาหลา นภาภัทรอีกต่อไป!” น้ำเสียงทรงพลังกังวานนั้นดังไล่หลังมา
“ประสาท!” หล่อนแค่นเสียงรำคาญ แล้วก็ขับรถออกจากที่นั่น โดยหารู้ไม่ว่า แค่เพียงหล่อนหันหลัง ร่างนั้นก็ค่อยๆเลือนหาย ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและสายลมที่พัดแผ่วพลิ้วเท่านั้น...
(จบบทที่๑)
กติกาเล่นเกมอยู่ที่ คห. 1 นะคะ
วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2558, 08:37:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2558, 08:37:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1077
บทที่ ๒ (พร้อมประกาศรายชื่อผู้โชคดี) >> |
วิรัตต์ยา 25 ก.ย. 2558, 08:47:46 น.
กติกาสำหรับเกมชิงหนังสือมายารักเร่ฉบับรีไรท์ (บอกเลยว่าเนื้อเรื่องแซบกว่าที่เคยลงให้อ่าน อิอิ ซ้ำยังมีตอนพิเศษเพิ่มมาด้วยนะ)
จะแบ่งเป็นสองส่วนนะคะ สำหรับคนที่เคยอ่าน 1 เล่ม คนที่ไม่เคยอ่าน 1 เล่ม
****คำถามสำหรับคนที่เคยอ่าน คือ คุณจำเพลงที่พระเอกเคยแปลให้นางเอกฟังได้มั้ยว่าชื่อเพลงอะไรและใครร้อง ตอบได้คนละหนึ่งครั้งเท่านั้น (คำถามมีสองคำถามนะคะ ต้องตอบให้ครบ)
****คำถามสำหรับคนไม่เคยอ่าน คือ คุณเคยอ่านเรื่องไหนของคนเขียนมาบ้างแล้วคะ จะนามปากกาไหนก็ได้ ขอชื่อเรื่องกับชื่อพระเอกนางเอกค่ะ ไม่ยากเลยใช่มั้ย
(หมดเขตวันจันทร์ที่ 28 กันยายน เวลา 10.00 นะนะคะ เป็นวันที่มาลงตอนใหม่ของพรร้อยเล่ห์)
ป.ล. สำหรับคนที่เคยอ่านเรื่องนี้แล้ว แล้วไม่อยากได้เป็นเล่ม อยากได้เรื่องอื่นก็ได้นะคะ ตอนนี้ที่คนเขียนมีนิยายอยู่สองสามเรื่องคือ เพลิงดอกรัก/ฝากรักไว้ที่ปลายรุ้ง/เจ้าบ่าวค้างสต็อก อยากได้เล่มไหนหรือเปล่าคะ
กติกาสำหรับเกมชิงหนังสือมายารักเร่ฉบับรีไรท์ (บอกเลยว่าเนื้อเรื่องแซบกว่าที่เคยลงให้อ่าน อิอิ ซ้ำยังมีตอนพิเศษเพิ่มมาด้วยนะ)
จะแบ่งเป็นสองส่วนนะคะ สำหรับคนที่เคยอ่าน 1 เล่ม คนที่ไม่เคยอ่าน 1 เล่ม
****คำถามสำหรับคนที่เคยอ่าน คือ คุณจำเพลงที่พระเอกเคยแปลให้นางเอกฟังได้มั้ยว่าชื่อเพลงอะไรและใครร้อง ตอบได้คนละหนึ่งครั้งเท่านั้น (คำถามมีสองคำถามนะคะ ต้องตอบให้ครบ)
****คำถามสำหรับคนไม่เคยอ่าน คือ คุณเคยอ่านเรื่องไหนของคนเขียนมาบ้างแล้วคะ จะนามปากกาไหนก็ได้ ขอชื่อเรื่องกับชื่อพระเอกนางเอกค่ะ ไม่ยากเลยใช่มั้ย
(หมดเขตวันจันทร์ที่ 28 กันยายน เวลา 10.00 นะนะคะ เป็นวันที่มาลงตอนใหม่ของพรร้อยเล่ห์)
ป.ล. สำหรับคนที่เคยอ่านเรื่องนี้แล้ว แล้วไม่อยากได้เป็นเล่ม อยากได้เรื่องอื่นก็ได้นะคะ ตอนนี้ที่คนเขียนมีนิยายอยู่สองสามเรื่องคือ เพลิงดอกรัก/ฝากรักไว้ที่ปลายรุ้ง/เจ้าบ่าวค้างสต็อก อยากได้เล่มไหนหรือเปล่าคะ
ปิ่นนลิน 25 ก.ย. 2558, 13:16:26 น.
มาทักทายค่ะ เดียวเลิกงานแล้วจะรีบมาอ่านค่า
มาทักทายค่ะ เดียวเลิกงานแล้วจะรีบมาอ่านค่า
Zephyr 27 ก.ย. 2558, 00:06:32 น.
เหยยยย พี่วายุมาจากไหนคะ
มาตอนเดียวแล้วหายต๋อมเลยรึคะ
อย่าเอาคนดี คนหล่อไปเร็วนักสิคะ
ชื่ออ่านยากจัง ลาภิณ
ฮีมาแต่ชื่อนะ เรื่องนี้ขิงแรงจริง ไรจริง
นางจะบ้ายังงี้อีกกี่ตอนนะ
เหยยยย พี่วายุมาจากไหนคะ
มาตอนเดียวแล้วหายต๋อมเลยรึคะ
อย่าเอาคนดี คนหล่อไปเร็วนักสิคะ
ชื่ออ่านยากจัง ลาภิณ
ฮีมาแต่ชื่อนะ เรื่องนี้ขิงแรงจริง ไรจริง
นางจะบ้ายังงี้อีกกี่ตอนนะ
atita 27 ก.ย. 2558, 01:07:29 น.
ตอนแรกก็ชวนติดตามแล้ว
****ตอบคำถามสำหรับคนไม่เคยอ่านค่ะ
เคยอ่านเรื่อง เล่ห์วารี ค่ะ พระเอกชื่อ ศรา นางเอกชื่อ สลิล
ตอนแรกก็ชวนติดตามแล้ว
****ตอบคำถามสำหรับคนไม่เคยอ่านค่ะ
เคยอ่านเรื่อง เล่ห์วารี ค่ะ พระเอกชื่อ ศรา นางเอกชื่อ สลิล
NNK 27 ก.ย. 2558, 20:52:02 น.
เรื่องที่เคยอ่าน คือเหลี่ยมนางฟ้า ชื่อใหม่คือเล่ห์วารี พระเอกคืออ้อ นางเอกคือนิลค่ะ
เรื่องที่เคยอ่าน คือเหลี่ยมนางฟ้า ชื่อใหม่คือเล่ห์วารี พระเอกคืออ้อ นางเอกคือนิลค่ะ
peeno 27 ก.ย. 2558, 23:09:29 น.
รอตอนต่อไปค่ะ
ตอบคำถามส่วนที่ 1 ค่ะ
เพลงที่พระเอกเคยแปลให้นางเอกฟังชื่อเพลง "Safe and Sound" เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games คนร้องคือ Taylor Swift ค่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ
ตอบคำถามส่วนที่ 1 ค่ะ
เพลงที่พระเอกเคยแปลให้นางเอกฟังชื่อเพลง "Safe and Sound" เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games คนร้องคือ Taylor Swift ค่ะ