พรร้อยเล่ห์ฉบับรีไรท์

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๒ (พร้อมประกาศรายชื่อผู้โชคดี)



ราวครึ่งชั่วโมงให้หลัง ดาหลาก็เลี้ยวรถมาจอดหน้าบ้านสองชั้นขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบอย่างเกร่อๆ แต่ดีหน่อยที่อาณาบริเวณกว้าง เลยทำให้ดูไม่อึดอัดมาก

พอหล่อนลงจากรถก็เป็นจังหวะเดียวกับที่สาวใหญ่ร่างท้วม ในชุดกางเกงสามส่วน เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีชมพูเดินออกมาจากตัวบ้าน

“มีส้มกับเงาะอยู่หลังรถแน่ะน้าจิต” หล่อนบอกด้วยน้ำเสียงปกติ ใบหน้ายิ้มละไม “แล้วนี่แม่อยู่ไหนคะ”

“น้าให้กินยาแล้วพาขึ้นห้องเมื่อกี้นี้...ขิงจะทานข้าวมั้ย น้าจะได้จัดโต๊ะให้” อีกฝ่ายถามขณะเดินไปหยิบผลไม้จากกระโปรงหลังรถ

“กินค่ะ...” ตอบเสร็จสายตาก็เหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ใกล้ๆนั้นเข้า “เอ๊ะ มอไซค์ใครคะ”

“เอ่อ ของเพื่อนยายเดย์น่ะ เขามาช่วยมันติวหนังสือ” น้าจิตหรือดวงจิตตอบด้วยสีหน้าออกจะกังวล

คิ้วเรียวของดาหลาขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินเร็วๆเข้าไปข้างใน ดวงจิตก้าวตามทันที

เด็กหนุ่มเด็กสาววัยประมาณสิบหกที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขกเงยหน้าขึ้นพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหล่อน ก่อนที่ม่านตาเด็กหนุ่มจะขยายออกด้วยความตื่นเต้นและชื่นชม ขณะที่เด็กสาวที่มีชื่อปักบนอกเสื้อว่า เดหลี นภาภัทรทำหน้าเซ็งๆ

เดหลีเป็นน้องสาวคนละพ่อกับหล่อน แต่ใช้นามสกุลของแม่ทั้งคู่ โดยหล่อนนั้นเปลี่ยนตอนเข้าวงการเนื่องจากผู้จัดการเห็นว่าเพราะกว่า ‘เนินกระโทก’ ของพ่อ ส่วนเดหลีเปลี่ยนเพราะพ่อของเจ้าหล่อนทำอะไรบางอย่างผิดกฎหมาย แม่เลยเปลี่ยนให้เพราะจะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องทางคดีความ

“สวัสดีครับ พี่ขิง...ตัวจริงสวยกว่าในทีวีเยอะเลยนะครับ” เด็กหนุ่มหน้าตาคมคายยกมือไหว้ มองหล่อนตาเป็นประกายโดยที่เดหลียังไม่ทันแนะนำ “ผมชื่อน่าน เป็นเพื่อนกับเดย์ครับ”

ดาหลากวาดตามองฝ่ายนั้นขึ้นลงครั้งหนึ่งด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอนะ”

เด็กหนุ่มหน้าเจื่อน “เอ่อ...”

“แล้วนี่มันกี่ทุ่มแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้าน”

“พี่น่านช่วยติววิชาเลขให้เดย์” เดหลีตอบเสียงห้วน

“แล้วจะติวกันทั้งคืนหรือไง...กลับไปได้แล้วไป อยู่บ้านคนอื่นค่ำขนาดนี้เขาเรียกคนไม่มีมารยาท”

“ก็แค่สามทุ่ม” เด็กหนุ่มยังต่อปาก

“แค่สามทุ่ม? เออ ฉันรู้แล้วพ่อแม่เธอคงไม่ได้สอนเรื่องมารยาท เรื่องความเกรงใจจริงๆด้วย เธอถึงแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรควรไม่ควร แย่จริงๆ” หล่อนเบะปากอย่างดูถูก และสายตานั้นก็เลยไปทางเดหลีด้วย ทำให้เด็กสาวหน้าบึ้งขึ้นมาทันที

เด็กหนุ่มอ้าปากอีกครั้งแต่เดหลีรีบกระตุกมือไว้แล้วพยักหน้าเชิงบอกให้กลับได้ เขาจึงเก็บหนังสือลงกระเป๋า ยกมือไหว้ลาดาหลาแบบแกนๆแล้วเดินออกไปเลย ครู่ต่อมาก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์แล่นออกจากบริเวณบ้าน

“ฉันจะขึ้นไปหาแม่ก่อน แล้วจะลงมาคุยกับแก” สั่งน้องสาวเสร็จดาหลาก็เดินขึ้นบันได ตรงเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งหญิงวัยกลางคนร่างผอมบาง ผิวขาวซีดกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ก็เงยหน้ามามอง แล้วยิ้มกว้าง

“คิดแล้วว่าต้องเป็นหนูคนสวย หายไปหลายวันเลยนะ”

ดาหลาก้มลงกอดแล้วหอมแก้มซูบซีดนั้นหนึ่งครั้งก่อนผละออก “ขิงไปทำงานที่ต่างประเทศค่ะ กลับมาก็มีถ่ายละครต่อเลย...วันนี้แม่เป็นยังไงบ้างคะ” เสียงหล่อนอ่อนโยน กิริยาท่าทางเต็มไปด้วยละมุนละไมน่ามอง

ได้ยินคำถาม อีกฝ่ายก็ทำหน้ามุ่ย

“คนชื่อจิตไม่ค่อยให้กินข้าว ชอบบอกแต่ว่ากินแล้วๆ เออ...ว่าแต่หนูชื่ออะไรนะ”

ดาหลาก้มลงกรีดน้ำตาที่เอ่อคลอเต็มสองตา แล้วเงยหน้าขึ้นตอบ “ดาหลาค่ะ ขิงเป็นลูกของแม่กับพ่อพงศ์...”

“ดาหลา...สวยเหมือนนางฟ้า ชื่อก็เพราะ...” ว่าพลางลูบใบหน้าหล่อนชื่นชม

“เพราะสิคะ ชื่อนี้แม่ตั้งให้ขิงเองนี่นา...”

อีกฝ่ายทำหน้าไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่ก็ยิ้มรับ แล้วเอ่ยต่อ “แล้วบ้านนี้เนี่ย บ้านของใครนะ ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่นะ ถามยายจิตก็บอกแต่บ้านฉันๆอยู่นั่นแหละ มันจะบ้านฉันได้ยังไง บ้านฉันอยู่แถวห้วยขวางโน่น”

“บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่...คุณอลงกตเขาซื้อให้แม่เมื่อสิบแปดปีที่แล้วไงคะ...”

“อลงกต? โอ๊ย ปวดหัว...” จู่ๆแม่ก็ยกมือกุมศีรษะ ทำหน้าเหยเก นางเอกสาวจึงรีบประคองท่านให้นอนลง

“แม่นอนพักนะคะ”

“จะนอนแล้วเหรอ ยังไม่กินข้าวเลยนะ” ท่านว่าพลางขยับตัวจะลุกขึ้นตามเดิม

“นอนให้หายปวดหัวก่อนแล้วค่อยตื่นมากินนะคะ...เดี๋ยวขิงจะให้น้าจิตทำของโปรดของแม่เอาไว้ให้”

“จริงนะ จะให้ฉันกินจริงๆนะ ไม่ใจร้ายเหมือนคนชื่อจิตนะ” แม่บีบมือหล่อนด้วยความหวัง ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันตาเห็น

ดาหลาพยักหน้ายืนยัน อีกฝ่ายถึงยอมหลับตาลง และด้วยฤทธิ์ยา ไม่นานทรวงอกก็สะท้อนขึ้นลงสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับไปแล้ว หล่อนจึงจัดการเก็บหนังสือไว้บนหัวนอน ตามด้วยห่มผ้าให้ จากนั้นจึงปิดไฟแล้วเดินออกมา

ดวงใจ แม่ของหล่อนเป็นอัลไซเมอร์มาสักพักใหญ่แล้วควบคู่กับโรคความดันและเบาหวาน จากที่เป็นเล็กๆน้อยๆก็ค่อยๆเป็นมากขึ้น จนทุกวันนี้แม่จำใครในบ้านไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นหล่อน เดหลี หรือแม้แต่พี่น้องที่คลานตามกันมาของแม่อย่างน้าดวงจิต หล่อนจึงต้องย้ายจากคอนโดส่วนตัวมาอยู่ที่นี่เพื่อจะได้ช่วยน้าสาวดูแลท่าน ทั้งที่ไม่ชอบบ้านหลังนี้เอาเสียเลย เพราะเป็นบ้านที่สามีใหม่ของแม่ซื้อ ซึ่งหล่อนไม่อยากจะแตะต้อง

มันเป็นบ้านที่แสนอบอุ่นระหว่างแม่ นายอลงกตและเดหลีลูกสาวของพวกเขา แต่สำหรับหล่อน ทุกครั้งที่เข้ามาจะรู้สึกเป็นส่วนเกินเสมอ แม้ตอนนี้อลงกตจะเสียชีวิตไปแล้ว หล่อนก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ที่เพิ่มคือความเกลียดที่มีต่อเดหลี ทายาทของนายอลงกต

“ตามฉันไปที่ครัว” กลับลงมาถึงชั้นล่าง หล่อนก็ออกคำสั่งกับน้องสาวต่างบิดาอีกครั้ง

ดวงจิตกำลังเตรียมอาหารอยู่พอดีตอนที่สองพี่น้องเดินเข้าไป

“แฟนแกใช่มะ ไอ้คนเมื่อกี้” ดาหลาเปิดฉากถามด้วยน้ำเสียงกระด้าง ยกมือกอดอกแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายคาดคั้น

“เป็นเพื่อนกัน” เดหลีตอบกวนๆ

“คำตอบนี้เขาเอาไว้ให้พวกดาราตอบ ไม่ใช่แก” ดาหลาย้อนกลับด้วยน้ำเสียงที่ปราศจากความเชื่อถือสิ้นเชิง “ทำไมแรดแบบนี้ล่ะ หา เดี๋ยวก็เรียนไม่จบหรอก บอกไว้เลยนะ ถ้าแกท้องขึ้นมา ฉันจะไม่ให้เงินแกแม้แต่บาทเดียว แล้วก็ต้องออกจากบ้านไปอยู่กับผัวแกด้วย”

เป็นคำพูดทำให้ไม่แค่เดหลีที่ตกใจ แต่เป็นดวงจิตเองด้วย

“ขิง...”

“น้าจิตไม่ต้องพูดเลย น้าจิตก็มีส่วนผิดที่ปล่อยให้ยายเดย์พาผู้ชายเข้าบ้านทั้งที่อายุแค่นี้ ทำไมไม่ช่วยกันดูคะ ถึงขิงจะเกลียดยายนี่ แต่ก็ไม่อยากให้ใครมองว่าขิงเลี้ยงน้องไม่ดีนะ”

“แต่เดย์กับพี่น่านไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะคะ” เดหลีพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงกระด้าง

“ตอนนี้ยังไม่ทำ แล้วตอนหน้าล่ะ พวกผู้ชายน่ะ มันทำอะไรก็หวังผลทั้งนั้นแหละ แกนี่ก็กล้าเนาะ แม่ป่วยอยู่ยังกล้าพาผู้ชายเข้าบ้าน...ฉันมีทางเลือกให้แกสองทางคือ หนึ่ง ถ้าแกอยากเรียนต่อด้วยเงินของฉัน แกต้องเลิกมีแฟน สอง ถ้าแกไม่เลิก แกก็ต้องหาเงินเรียนเอง”

“ขิงด่วนตัดสินใจไปหรือเปล่า” ดวงจิตพยายามเตือนสติ “ยายเดย์คุยกับน้าเรื่องน่านตลอด และน้าก็เห็นว่าน่านเป็นเด็กดี ใช้ได้ ไม่เคยพาเดย์ไปทำอะไรเสียหาย น้าก็เลยอนุญาตให้เขาคบกัน”

“อ๋อ นี่น้าสนับสนุนให้ยายเดย์มีผัวเหรอ” หล่อนเผลอตวาดน้าสาวด้วยความโมโหอย่างที่สุด ซึ่งน้อยครั้งนักที่หล่อนจะทำกับคนในครอบครัว “ถามจริงๆน้าคิดอะไรอยู่ ขิงรู้นะว่าน้ารักมันมาก แต่ไม่จำเป็นต้องตามใจมันทุกเรื่องแบบนี้”

“น้าก็แค่เห็นว่าเขาเข้าหาน้า จะพาเดย์ไปไหนก็บอกตลอด แล้วก็พามาส่งตรงเวลาทุกครั้ง...”

“แล้วถ้ามันไปเอากัน มันจะบอกน้าหรือเปล่า”

“ขิง!” ดวงจิตอุทานมองหล่อนด้วยความตกใจระคนระอา “ปัญหาของขิงคือขิงไม่เคยไว้ใจ ไม่เคยเชื่อใจน้องเลย น้องทำอะไรก็ผิดในสายตาขิงไปหมด...’

“ส่วนปัญหาของน้าก็คือ น้ารักยายเดย์มากเสียจนมันทำอะไรก็ดีไปหมด ทำผิด ทำเลวก็ถูก ส่วนขิงทำอะไรก็ผิด แม้แต่การที่พยายามจะทำอนาคตหลานรักของน้าให้ดี ก็ผิด!” หล่อนตะโกนใส่หน้าน้าสาวอย่างเหลืออด

“น้าก็รักขิงเหมือนกัน ทำไมพูดแบบนั้น...”

หล่อนเงียบ และมองไปทางอื่นขณะที่เดหลีร้องไห้และทำท่าจะวิ่งออกจากตรงนั้น

“ว่าไง ยายเดย์ แกจะเลือกทางไหน” หล่อนรั้งฝ่ายนั้นเอาไว้ด้วยประโยคคำถาม

เดหลีชะงัก ไม่หันหลังกลับมามองคนเป็นพี่ด้วยซ้ำ

“ที่ร้องนี่เพราะแกรักมันมาก ตัดใจจากมันไม่ได้ใช่มั้ย งั้นดี ฉันจะเลือกให้ก็แล้วกัน แกไม่ต้องไปเรียนแล้ว!”

“ฮือ พี่ขิงใจร้าย...”

“เออ ฉันมันใจร้าย เพราะโลก เพราะแกไงที่ทำให้ฉันต้องร้าย ฉันทำงานงกๆ หาเงินส่งแกเรียน แล้วแกก็ดันมีผัว แล้วน้าก็ดันสนับสนุนอีก เป็นแกแกจะยังดีอยู่ได้มั้ย หา”

“ฮือๆ พี่ขิงไม่เข้าใจเดย์ เดย์ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว!” แล้วเด็กสาวก็วิ่งออกจากตรงนั้น

“เออ ไม่อยากอยู่ที่นี่ก็ไปตายที่ไหนก็ไปไป๊ รำคาญชิบหาย” หล่อนร้องไล่หลัง ไม่กล้าใช้เสียงดังนักด้วยกลัวแม่จะตื่น
ดวงจิตขยับตัวเพื่อจะเดินตามเดหลีไป แต่ดาราสาวก็เรียกไว้เสียก่อน

“ขิงจะกินข้าวค่ะ”

สาวใหญ่ชะงัก หันมามองหล่อนด้วยสีหน้าหนักใจปนระอา แต่ก็ยอมตั้งโต๊ะต่อจนเรียบร้อยแล้วจึงทำตามความตั้งใจเดิมของตน

ระหว่างรับประทานอาหาร ดาราสาวก็เช็คข่าวของตัวเองไปด้วย หล่อนแสยะยิ้มเมื่อเห็นสำนักข่าวหลายสำนักพาดหัวว่าจะแบนหล่อนจากกรณีที่ไม่ให้เกียรตินักข่าวสาว

“นอกจากแบนไม่ได้แล้ว งานอีเวนต์จะวิ่งชนฉันอีกเพียบ” หล่อนไม่ให้ราคานักข่าวพวกนี้สักนิด เพราะมั่นใจว่าไม่มีใครทำอะไรหล่อนได้ หล่อนเป็นนางเอกอันดับต้นๆที่สร้างเม็ดเงินเข้าช่องไม่รู้กี่ร้อยล้าน อย่างไรช่องก็ไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นแน่
จากนั้นก็กดดูข้อความและ ‘สายที่ไม่ได้รับ’ จากชายคนรัก หากไม่พบอะไรสักอย่างเดียว

“เอ๊ะ ทำไมปาปี๊ไม่โทร.มาซักทีเนี่ย...อืม...สงสัยคุยงานยังไม่เสร็จ” หล่อนปลอบใจตัวเองพร้อมกันนั้นความน้อยใจก็ไหลบ่า ด้วยเขาไม่เคยหายไปนานขนาดนี้มาก่อน หรือเขาจะไปจากหล่อนจริงๆนะ...

สิ้นความคิดนั้น โทรศัพท์หล่อนก็ดังขึ้นทันที ดาราสาวไม่มองหน้าจอ แต่แน่ใจว่าเป็นชายคนรัก จึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ปล่อยให้โทรศัพท์ร้องไปก่อนเพื่อสร้างความกระวนกระวายใจให้เขา

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ...” นับถึงสิบหล่อนก็รีบกดรับทันที แล้วก็ต้องทำหน้าผิดหวังเมื่อปรากฏว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนนั่นเอง ซึ่งวันนี้ฝ่ายนั้นไม่ได้ไปงานด้วย เนื่องจากเจ้าตัวติดธุระสำคัญ

“ว่าไง พี่ส้ม...เรื่องที่นักข่าวจะแบนนะเหรอ ตกใจทำไมเนี่ย ยังไงคนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว...”

“แต่คราวนี้พวกเขาเอาจริงนะ นายกสมาคมนักข่าวฯโทร.มาคุยกับพี่เมื่อกี้ เว้นแต่ว่าขิงจะไปขอโทษนักข่าวคนนั้นก่อน” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“ขอโทษงั้นเหรอ เพิ่มโทษให้อีกน่ะสิไม่ว่า ขิงว่าพี่ส้มอย่าสนใจดีกว่า ทำเงียบๆไปเดี๋ยวเรื่องก็ซา เชื่อสิ แค่นี้นะ” กดตัดสายแล้ว หล่อนก็เข้าอินสตาแกรมของตัวเอง คลิกเลือกภาพที่ถ่ายกับรุ่นพี่ที่สนิทคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการ อิทธิพลที่แผ่ขยายครอบคลุมไปถึงพวกนักข่าว แล้วพิมพ์ข้อความลงไปสั้นๆว่า ‘คิดถึงค่ะ’ ซึ่งเพียงเท่านี้ก็เป็นการประกาศความเหนือชั้นที่หล่อนมีต่อนักข่าวพวกนั้นแล้ว

หึ...ให้รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร!

+ + + + + + + + + + + + +


เสียงกริ่งประตูที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มผิวขาวสะอ้าน หน้าตาคมคายแบบชายไทยเชื้อสายจีนที่กำลังจิบกาแฟแกล้มรุ่งอรุณอยู่นอกระเบียงคอนโดต้องชะงัก ก่อนพาร่างสูงประมาณร้อยแปดสิบกว่ากลับเข้ามาในห้อง ผ่านห้องรับแขกซึ่งระเกะระเกะไปด้วยแฟ้มงาน กระดาษ คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว ถ้วยกาแฟเปล่า เสื้อสูทที่วางพาดกับขอบโซฟา ไปยังประตู

เขาก้มลงมองตาแมวแล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนยืดตัวขึ้น เสยผมยาวระต้นคอตัวเองครั้งหนึ่ง ก็ยื่นมือปลดล็อก แล้วเปิดประตูออก ตอนนั้นเองที่ผู้มาเยือนซึ่งเป็นผู้หญิงโผเข้ามากอดเขาไว้แน่น

“ปาปี๊”

เขาก้มลงมองหล่อนด้วยความตกใจ แปลกใจ และงงงัน

ใครกัน?

“เดี๋ยว คุณ” เขารีบผลักร่างนั้นออก ทำให้เห็นชัดว่าเป็นหญิงสาววัยประมาณยี่สิบตอนปลาย ใบหน้าเรียบๆ หาจุดเด่นไม่เจอ ถึงกระนั้นก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนขี้ริ้ว แต่เมื่อรวมเข้ากับสีหน้าย่ำแย่ของหล่อน ก็ทำให้หล่อนยิ่งดูแย่

“คุณเป็นใคร ทำอะไรเนี่ย”

“ปาปี๊แหละ เล่นอะไรเนี่ย มี้ไม่มีอารมณ์เล่นด้วยหรอกนะ” หญิงสาวแปลกหน้าทำหน้าเซ็งพลางขยับตัวเพื่อจะเดินเข้าไปในห้อง

“เดี๋ยวๆคุณ” เขากางมือออกเพื่อขวางหล่อนเอาไว้และมองอย่างระแวงมากขึ้นทุกที เถอะ ถึงจะไม่ขี้เหร่ แขนก็นุ่ม และเอ่อ...อะไรต่อมิอะไรที่มาโดนเนื้อตัวเขาตอนโผมากอดเมื่อครู่จะนุ่มก็เถอะ แต่เขาก็ไม่บ้าความนุ่มหรอก! “อย่ามาตีเนียนเข้าห้องคนอื่นด้วยวิธีนี้ มันไม่เวิร์ก”

“เอ๊ะ! ก็มี้บอกว่าไม่เล่นไง มี้กำลังเหนื่อย ต้องการกำลังใจไม่ใช่มาดูมุกตลกห่วยๆของคุณนะ ธรรศ!” หล่อนตวาดแว้ด มองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ

“คุณรู้จักชื่อผมด้วย” ธรรศย้อนถามมองหล่อนอย่างไม่ไว้ใจที่เพิ่มขึ้นทบทวี หล่อนเป็นใครกันแน่?

“ปาปี๊คะ... มี้รู้ว่าคุณโกรธที่เมื่อวานมี้ทำงี่เง่าใส่คุณ ขอเลิกคุณด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ตอนนี้มี้กำลังเจอมรสุมชีวิต คุณก็ควรจะลืมมัน แล้วอยู่ข้างๆมี้ถึงจะถูก” สาวเจ้ายังพูดอย่างคนเอาแต่ใจ

“จะโดนมรสุมหรือลมบ้าหมูก็ไม่เกี่ยวกับผม...ฟังนะ คุณมี้ ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพยายามจะทำอะไร แต่ผมยืนยันว่าไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน”

“คุณมี้? มี้ไม่ได้ชื่อมี้นะ!”

“อ้าว ก็คุณแทนตัวเองว่ามี้” ชายหนุ่มงงอีกคำรบหนึ่ง

“นี่มันสรรพสนามที่เราเรียกกัน มี้เรียกคุณว่าปาปี๊ ส่วนคุณเรียกมี้ว่ามี้”

ธรรศทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “มีเรื่องเลี่ยนๆแบบนั้นด้วยเรอะ หน้าโหดๆแบบผมนี่นะทำอะไรงุ้งงิ้งแบบนี้ ผมว่าคุณมาผิดห้องผิดคนแล้วละ”

“อยากเลิกจริงๆใช่ไหม ถึงไม่โทร.ง้อ แล้วยังมาเล่นมุกปัญญาอ่อนแบบนี้อีกน่ะ” เสียงหล่อนแหลมขึ้นอีกนิด มองเขาด้วยแววตาทั้งตัดพ้อทั้งโกรธจัด

“โอ๊ย แล้วมุกที่คุณใช้เพื่อจะเข้าห้องคนอื่นนี่ล่ะ โคตรครีเอทมากเลย” เขาค่อนกลับ “เอาละ คุณกลับไปดีกว่า ผมเสียเวลามากแล้ว เดี๋ยวไปคุยงานไม่ทัน” เขาว่าพลางทำท่าจะขยับเข้าห้องเพื่อหยิบเอกสารและของที่จำเป็น

“คุยอีกแล้วเรอะ! นี่ตกลงออฟฟิศคุณจะไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลยใช่มั้ย นอกจากนั่งคุยกันน่ะ” หล่อนแหวคล้ายเหลืออดเต็มทน
คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันอีกครั้ง คราวนี้มีความไม่พอใจเกลื่อนอยู่ในแววตาและสีหน้า นอกเหนือไปจากความประหลาดใจล้นพ้น ดูเหมือนหล่อนจะรู้จักเขาดี?

“อ้าว คุณ ออฟฟิศผมเป็นออฟฟิศที่ต้องใช้สมอง มันก็ต้องคุยเพื่อระดมสมองสิคร้าบ อย่างตอนนี้ผมก็กำลังใช้สมองอย่างหนักเลยว่าจะจัดการพวกมิจฉาชีพอย่างคุณยังไงดี”

“มิจฉาชีพ!?” เสียงหล่อนสูงปรี๊ด “นางพญาของวงการอย่างมี้เนี่ยนะ เป็นมิจฉาชีพ...”

“นางพญาของวงการ?” ธรรศทวนคำกวาดตามองหล่อนขึ้นลงครั้งหนึ่งอย่างทึ่งๆ “วงการไหนล่ะคุณ มวยปล้ำหรือยกน้ำหนักล่ะ”

“อ๊าก-ก-ก ปาปี๊ ปากเสียปากหมาปากปลาร้าปากปีจอ ทำไมว่ามี้แบบนี้” หล่อนกรีดเสียงขึ้นอีกพลางโผเข้ามาทุบตามร่างกายเขา “มี้ไม่ได้ตัวใหญ่ขนาดนั้นซักหน่อย”

“โอ๊ย หยุดทีคุณ มาแตะเนื้อต้องตัวผมนี่กะจะเอายาสั่งป้ายผมใช่มั้ย” เขาพยายามรวบมือน้อยๆนั่นด้วยมือเดียวของตน เพราะมือหนึ่งถือโทรศัพท์อยู่ แต่เห็นตัวบางๆแบบนั้น เจ้าหล่อนแรงเยอะไม่เบา หล่อนสะบัดมือเขาจนสำเร็จแล้ววิ่งเร็วๆเข้าไปในห้อง

“เฮ้ย!” ธรรศร้องแล้ววิ่งตาม ด้วยความตกใจ

หญิงสาวหยุดยืนกลางห้อง แล้วมองไปรอบๆคล้ายมองหาอะไรบางอย่าง

“รูปคู่ของเรา ปาปี๊เอาไปไหน ทำไมไม่แขวนตรงผนังเหมือนเดิม หา” หล่อนชี้ไปที่ผนังด้านหนึ่ง ก่อนหันมาจ้องเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “ตรงโต๊ะกระจกนั่นก็อีก เอาออกทำไม จะเลิกกับมี้จริงๆใช่มั้ย!”

“มันไม่เคยมีรูปอะไรที่คุณว่า” ธรรศพยายามอธิบายอย่างใจเย็นอีกครั้ง

“ไม่มีได้ยังไง ทั้งรูปทั้งกรอบรูปคุณเป็นคนเลือกเองทั้งหมด” หญิงสาวที่อ้างว่าเป็นนางพญาของวงการพูดทั้งน้ำตา จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในห้องนอนของเขา ทำท่าจะพุ่งเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่เขาตามไปรวบตัวหล่อนจากด้านหลัง แล้วยกร่างแบบบางเหนือพื้นเพื่อจะพาออกจากห้อง

“ปล่อยมี้นะ ปาปี๊ ปล่อย!” เจ้าหล่อนกรีดร้องพลางพยายามดิ้น ส่งผลให้ชายหนุ่มเสียหลัก ล้มลงไปบนเตียงด้วยกันในลักษณะนอนหงายทั้งคู่ โดยหล่อนอยู่ด้านบน

“หยุดทำบ้าๆเสียทีคุณ อย่าให้ผมเหลืออดกับคุณมากกว่านี้” เจ้าของห้องซึ่งอยู่ด้านล่างคำรามเสียงไม่ชอบใจ

“ปาปี๊ก็เลิกแกล้งมี้แบบนี้ซะทีสิ!” หล่อนแหวกลับ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพลิกตัวกลับไปเผชิญหน้าเขาอย่างรวดเร็ว มือที่เป็นอิสระเริ่มซุกซนตามต้นแขนแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา “อยากจะให้มี้ช่วยรื้อฟื้นความทรงจำด้วยวิธีนี้ก็ไม่บอก...”

“ลุกขึ้นไปจากตัวผม” ธรรศสั่งและผลักร่างหล่อนออก แม้จะไม่ได้รุนแรงแต่มันก็แสดงถึงความไร้เสน่หาได้แจ้งใจ หญิงสาวหน้าเสีย

“นี่คุณมีคนใหม่จริงๆใช่มั้ย ถึงทำแบบนี้กับมี้ ไม่ให้เปิดตู้เสื้อผ้าเพราะเอาเสื้อผ้ามี้ไปทิ้งหมดแล้วใช่มั้ย” ลุกขึ้นได้เจ้าหล่อนก็ใส่ไม่ยั้ง

“คุณทำให้ผมหมดความอดทนแล้ว...ฟังนะ ถ้าคุณยังไม่เลิกทึกทักว่าผมเป็นแฟนคุณ แล้วยังทำอะไรบ้าๆแบบนี้อีกล่ะก็ ผมจำเป็นต้องให้ตำรวจมาช่วยเคลียร์” เสียงธรรศปราศจากความอ่อนโยนอีกต่อไป แววตามีแต่ความจริงจังว่าจะทำอย่างที่พูดจริง

“จะแจ้งความจับแฟนตัวเองเหรอคะ ธรรศ...ไม่เคยคิดเลยว่าวิธีบอกเลิกของคุณมันจะทุเรศแบบนี้” ผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นคนรักของเขาร้องด้วยความผิดหวังเหลือแสน ก่อนจะโผเข้าหาเขาเพื่อทุบตีและหยิกข่วนตามแรงอารมณ์

“หยุด!” ธรรศที่ตั้งสติได้แล้วตวาดเสียงก้องห้อง ได้ผล หญิงสาวแปลกหน้าพฤติกรรมน่ารังเกียจชะงักมือทันควัน แล้วชายหนุ่มก็เดินไปผลักหล่อนแรงๆ ดวงตาคู่คมเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวชัดแจ้ง “แล้วออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้!”

“ธรรศ!...” เจ้าหล่อนกรีดเสียง ดวงตาวาวโรจน์ แต่ครู่หนึ่งก็อ่อนแสงลง น้ำเสียงก็พลอยอ่อนลงด้วย “นี่คุณจำขิงไม่ได้จริงๆเหรอคะ”

“ผมบอกให้คุณออกไปไง” เขาคำรามเสียงลอดไรฟัน

“ขิงชื่อดาหลา เป็นคนรักของคุณ...เราพบกันครั้งแรกในงานเลี้ยงของช่องเมื่อห้าปีก่อน คุณไปในฐานะผู้ผลิตรายการหน้าใหม่ ตอนหลังคุณเชิญขิงไปออกรายการของคุณ...เราถึงได้รู้จักกันมากขึ้น...” หญิงสาวอธิบายรัวเร็ว ดวงตาคู่สวยนองด้วยน้ำตา “แล้วเราก็ได้ไปทำบุญที่ต่างจังหวัดด้วยกันด้วย คืนนั้น...”

หล่อนพูดยังไม่ทันจบด้วยซ้ำ เขาก็จูงมือหล่อนเดินออกมานอกห้องแล้วผลักออกทันที

“ไปแต่งนิยายขายเถอะคุณ พล็อตน้ำเน่าแบบนี้คนอ่านคงชอบ แต่ผมไม่ซื้อ!” จากนั้นปิดประตูลงกลอนทันที

“ธรรศ อย่าทำแบบนี้กับขิงนะ ธรรศ” สาวเจ้าโวยวายพร้อมทุบประตู “ฮือ ธรรศ...เราเป็นคนรักกันจริงๆนะคะ เราคบกันมาสี่ปีแล้ว ฮือๆ...ถึงขิงจะเคยอยากได้ตำแหน่งนางพญามากแค่ไหน แต่ตำแหน่งที่ขิงอยากได้มากที่สุดคือภรรยาและแม่ของลูกคุณนะ ธรรศ...”

ชายหนุ่มกอดอกและเงียบ สักพักก็มีเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป เขาพ่นลมหายใจด้วยความโล่งใจก่อนพึมพำด้วยความมึนงง

“ตกลงมันคืออะไรวะเนี่ย ใครแกล้งเราหรือเปล่าวะ” พลางก็เดินไปหยิบของจำเป็นสำหรับการคุยงาน ระหว่างนั้นก็ยังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ นึกถึงแววตา ท่าทางของหญิงสาวที่ดู ‘จริง’ ไม่โกหก ไม่เสแสร้ง ไม่แสดง ไหนจะคำเรียก ‘ปาปี๊’ แทนตัวเองว่า ‘มี้’ ที่ดูเข้าปากและฟังเป็นธรรมชาติราวกับว่าได้พูดบ่อยๆนั่นอีกล่ะ แต่ทำไม อะไร ทำให้หล่อนเชื่ออย่างนั้น...

(จบบทที่ 2)

คุณปิ่นนลิน...สวัสดีค่า ^__^ อ่านแล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างน้า
คุณ zephyr...คุณลาภินเป็นพระรองเรื่องดุจสวรรค์สรรสร้างค่ะ เรื่องนี้นางเลยมาแต่ชื่อค่ะ
คุณ atita...ขอบคุณที่ร่วมสนุกนะคะ ไปลุ้นรายชื่อผู้โชคดีด้านล่างค่ะ ^^
คุณ NNK...หายไปนานนะคะ
คุณ peeno...ตอนใหม่มาแล้วค่า

ประกาศรายชื่อผู้โชคดี
คุณ atita
คุณ peeno ค่ะ ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ
แล้วก็รบกวนทั้งสองท่านส่งที่อยู่มาที่หลังไมค์ด้วยจ้า ได้หนังสือแล้วจิจัดส่งให้อย่างไวเลยค่า

ป.ล. ในส่วนของคุณ peeno แจ้งความประสงค์ได้นะคะว่าอยากได้เรื่องไหน




วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2558, 10:14:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ย. 2558, 10:14:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1201





<< บทที่ ๑ (เล่นเกมชิงนิยายมายารักเร่)    บทที่ ๓ >>
peeno 28 ก.ย. 2558, 21:46:19 น.
ส่งที่อยู่ให้ที่ตู้จดหมายแล้วนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ


atita 29 ก.ย. 2558, 15:35:33 น.
ส่งที่อยู้ให้แล้วนะคะ ขอบคุณมากค่ะ


Zephyr 30 ก.ย. 2558, 11:04:02 น.
นางยังแรงต่อเนื่อง
พระเอกคงงง ยัยนี้ ใคร


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account