จำนนเสน่หาแบดบอย
“ผมมีเงินให้คุณมากเท่าที่ต้องการ อสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลผลกำไรหรือความเชื่อถือต่างๆไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเหมือนแบงก์ทั่วไป แต่เงินของผมที่จะไหลเข้าบัญชีสิริแอทเซทมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว” เขาบอกและมองเธอด้วยแววตาร้อนแรงอย่างเปิดเผย ไม่แยแสต่อพันธะสมรสที่เธอเพิ่งย้ำเตือนไปเมื่อครู่ “ผมต้องการคุณพิลาสินี”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
Tags: จำนนเสน่หาแบดบอย, ลินเนอุส, พิลาสินี
ตอน: ตอนที่ 6 50%
“เดี๋ยว... หยุดก่อนสิคะ ลินเนียส...” เรียกพลางวิ่งตามกว่าที่จะวิ่งทันคนขายาวก็ต้องตามถึงชั้นบนถึงจะก้าวไปขวางทางเขาเอาไว้ได้ “แล้วฉันจะออกจากเกาะนี้ยังไงในเมื่อมันเป็นเกาะส่วนตัว ไม่มีเรือข้ามฟากของเอกชนอยู่แล้ว ฉัน...”
ลินเนอุสไม่ฟังเสียง เขาเดินเลี่ยงเธอไปอีกทาง มุ่งหน้าไปยังห้องนอนส่วนตัวและยิ้มพรายด้วยความเจ้าเล่ห์เมื่อความร้อนใจของเธอมีมากจนลืมนึกไปว่าก้าวตามเขาเข้ามาถึงห้องนอนแล้ว
พิลาสินียังขอร้องเขาไม่ขาดปาก พยายามใจเย็นขอร้องเพราะเวลาเหลือก็น้อยลงเต็มที ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าที่ยืนอยู่นี้คือห้องนอนส่วนตัวของเขา “ลินเนียส... ฉันขอร้องนะคะ”
“บอกแล้วว่าผมไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ยิ่งพูดยิ่งไร้ตัวตน” พูดอย่างไม่แยแสแถมชี้นิ้วแล้วหมุนเป็นวงกลมบริเวณใบหู เชิงว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอร้องขอ
“เพลงขอร้องนะคะ สั่งให้โยวันไปส่งเพลงด้วย ได้โปรด...” ในที่สุดพิลาสินีก็เปลี่ยนการใช้สรรพนามแทนตัวเอง และต้องชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อเห็นรอยยิ้มพึงใจที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา
คุณต่างหากที่ไม่เคยโปรดผม พิลาสินี! พ่อมดทางการคนดังของโลกได้แต่ตัดพ้ออยู่ในใจ แน่นอนว่าหัวใจแกร่งกระตุกวาบเมื่อได้ยินเธอขอร้องเช่นนั้น
“ใจคอคุณจะไม่ปล่อยให้โยวันกลับไปหาครอบครัวเลยหรือไง จะเที่ยงคืนแล้วนะคนสวย” เขาเตือนด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า
คนสวยขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับตกใจสุดขีด หันขวับไปมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง นั่นยังไม่ทำให้แน่ใจกับเวลาที่เห็นจนต้องสาวเท้าเข้าไปมองใกล้ๆให้ถนัดตา พร้อมสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อควานหาโทรศัพท์เครื่องบางแล้วต้องครางออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
“โอ... เป็นไปไม่ได้ ก็เมื่อกี้นี้นาฬิกาในห้องโถงยังไม่ถึงห้าทุ่มเลย แล้วทำไมถึงได้...” พิลาสินีแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ลินเนอุสทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่วางอยู่ปลายเตียงพร้อมลอบยิ้ม ไม่อยากบอกว่าเขาเองเป็นคนปรับเวลาให้ช้าลงหนึ่งชั่วโมง ถือเสียว่าเป็นบทเรียนแรกของการเป็นนักธุรกิจมืออาชีพก็แล้วกัน ใครใช้ให้ทำอะไรรีบร้อนไม่รู้จักเผื่อเวลาแบบนี้ หากคนที่กำลังตกใจทั้งงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองก็เริ่มนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“คุณแกล้งฉันใช่ไหม คุณปรับนาฬิกาข้างล่างให้ช้าลงใช่ไหม ลินเนียส!” ถามด้วยความร้อนใจเมื่อก้าวไปหยุดตรงหน้าเขา
“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ อย่ามาหาความกันหน่อยเลยน่า...” ทั้งที่ตั้งใจจะตีรวนกลบเกลื่อนความผิดแต่เมื่อร่างอ้อนแอ้นตรงหน้าทรุดตัวคุกเข่าขอร้องด้วยความร้อนรนก็อดสงสารไม่ได้
“ลินเนียสคะ คุณสนุกมาทั้งวันแล้ว ขอร้องนะคะ รีบไปส่งเพลงที่สนามบินทีนะคะ”
“ต่อให้ติดปีกก็ไปไม่ทันแล้วคนดี” ตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มน่าฟัง
“เพลงรู้ว่าคุณทำได้ แค่อยากแกล้งเพลงเล่นเท่านั้น นะคะ... ถ้าเป็นอย่างนี้เพลงต้องทิ้งเงินเกือบสองหมื่นบาทไปเปล่าๆเลยนะ” เหตุผลหลักที่ทำให้เธอจองเที่ยวบินในกลางดึกวันนี้ก็เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่ว่าจะค่าที่พัก ค่าอาหาร ในยามที่ขาดสภาพคล่องเช่นนี้อะไรที่ควรประหยัดได้ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด
“ที่รีบร้อนแบบนี้เพราะไม่อยากจ่ายค่าโรงแรมใช่ไหม?” ถามอย่างสะท้อนใจ พอจะเดาความคิดของเธอได้ไม่ยากนัก เมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้ารอยยิ้มมุมปากก็ปรากฏขึ้น ทำให้คนมองลืมสิ้นความร้อนใจ ความอ่อนโยนในรอยยิ้มนั้นทำให้เธอเคลื่อนตัวเข้าไปคุกเข่าอยู่กลางหว่างขาแข็งแรงโดยไม่รู้ตัว
พิลาสินีแทบจะไม่รู้สึกว่าท่อนขาแข็งแรงข้างหนึ่งกำลังตวัดรัดร่างของตนให้เข้าไปแนบชิดกับจุดกึ่งกลางกายชายอันแข็งขึง ทรวงอกที่แนบชิดกับความเป็นส่วนตัวนั้นทำให้เขาร้อนรุ่มจนต้องเรียกหาพระเจ้าในใจอยู่นับครั้งไม่ถ้วน
“ทำไมถึงได้ปล่อยให้ตัวเองลำบากแบบนี้ ทำไมไม่คว้าโอกาสที่ผมยื่นให้”
“โอกาสที่เพลงจะได้เป็นผู้หญิงแพศยา คบชู้สู่ชายอย่างนั้นเหรอคะ?” ถึงแม้ว่าจะมีชีวิตคู่ที่ไม่ราบรื่นทั้งยังกำลังจะขอคืนอิสระจากชินเขต แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องของอนาคตและเธอจะไม่ยอมทำตัวน่าอายเช่นนั้นแน่ “รู้ไหมว่ามันผิดศีลธรรม”
“ช่างหัวศีลธรรมได้ไหม” พ่อมดทางการเงินสบถออกมาอย่างไม่แยแสกับคำเตือนที่เขาอาจจะหลวมตัวก่อบาปครั้งใหญ่ “รู้บ้างไหมว่าโลกใบนี้มันแทบจะกลายเป็นสีดำอยู่แล้ว รับรองว่าการหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอาจจะไปเบียดเบียนคนอื่นโดยไม่รู้ตัว แล้วคุณต้องสนใจอะไรอีก ยังต้องแคร์สามีตีทะเบียนที่มีเวลาอยู่กับผู้หญิงอื่นมากกว่าเมียตัวเองด้วยเหรอ”
ความจริงที่เขาเอามากองไว้ตรงหน้ากำลังทำให้เธอเหมือนคนน้ำท่วมปาก ได้แต่มองช่วงแผงอกแกร่งที่เคลื่อนตัวตามการหายใจและแรงอารมณ์ของเจ้าของ แน่นอนว่าการนิ่งไร้คำโต้ตอบถือว่าเป็นสัญญาณหนึ่งที่ลินเนอุสต้องรีบโน้มน้าวใจ
“ผมจะทำให้สิริแอทเซทกลับมารุ่งเรืองอย่างมั่นคง แล้วพ่อของคุณก็จะอาการดีวันดีคืนเร็วกว่าได้ยาดีๆรักษา” ล่อลวงด้วยข้อเสนออันน่าสนใจ
“...”
เมื่อเธอเงียบเขาก็จู่โจมต่อ “น้องๆที่ยังเรียนอยู่ก็จะไม่ต้องลำบาก คุณรู้ดีนี่เพลง การเป็นนักศึกษาในต่างประเทศไม่ได้มีความเป็นอยู่โก้หรูเหมือนที่หลายคนเข้าใจ”
“...” เธอรู้ดีเชียวล่ะ ไม่ต้องมาย้ำเพราะผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าทางบ้านจะส่งเสียเงินให้ไม่ขาดมือแต่ค่าครองชีพที่ต่างจากบ้านเกิดมากมาก ทำให้ส่วนมากต้องทำงานพาร์ทไทม์หารายได้เสริม และเธอก็ไม่อยากให้พอฤทัยและพราวพุธต้องมีเรื่องกวนใจในช่วงเวลาที่ใกล้จะสำเร็จการศึกษาเช่นนี้
“เหนือสิ่งอื่นใดคุณจะได้รู้ว่าสิริแอทเซทเดินมาถึงจุดนี้เพราะมีคนจงใจทำให้พังพินาศ หรือเป็นเพราะความผิดพลาดในการบริหาร” ลินเนอุสอมยิ้มเมื่อเหตุผลดังกล่าวทำให้ดวงตาเป็นประกายกลอกไปมาอย่างคนกำลังใช้ความคิดแต่ยังไม่ปริปากแม้เพียงครึ่งคำ
“...” เขาพูดทำนองนี้มาถึงสองครั้งสองคราแล้ว หรือว่าเรื่องร้ายๆทุกอย่างที่รุมเร้าอยู่เช่นนี้จะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง หากเสียงห้าวที่สำทับขึ้นอีกครั้งก็ทำให้พิลาสินีแทบสติแตก!
“แต่ถ้าคุณยังยืนยันคำเดิมก็กลับไปเลย หาทางออกจากเกาะให้ได้ หาที่พักเอาเอง” ลินเนอุสหรี่ตามอง มันเป็นสายตาที่เขาใช้เวลาจ้องตะครุบเหยื่อที่จะทำกำไรให้อย่างมหาศาล ดุดัน ไม่มีการผ่อนปรนเฉกเช่นไฮยีน่าล่าเนื้อ “กลับไปแล้วก็เตรียมตัวรับสภาพความพังพินาศของสิริแอทเซท ต้องถูกฟ้องล้มละลาย บ้านถูกยึด เดือดร้อนจนไม่มีทางเยียวยา ที่สำคัญเตรียมตัวหามพ่อคุณส่งโรงพยาบาล...”
“พอแล้ว! ฉันยอมแล้ว!...” พิลาสินีหยุดความเลวร้ายต่างๆทั้งที่เขายังพูดไม่จบประโยค รู้ดีว่าเขากำลังใช้จิตวิทยาง่ายๆโจมตีความกลัว แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกอย่างที่เขาพูดมานั้นมันจะกลายเป็นเรื่องจริงที่เธอกังวลมาตลอด หากไม่สามารถหาเงินไปอุดรอยรั่วของสิริแอทเซทได้
“อะไรนะ ใครยอมใครนะ?” คนเรื่องมากยังเลิกคิ้วถามอย่างเย็นใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดีใจมากกว่าตอนที่เม็ดเงินมหาศาลไหลเข้าบัญชีเสียอีก
“เพลงจะทำตามข้อเสนอของคุณ จะยอมปะ...เป็น ของคุณ” ท้ายประโยคตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ “แต่ต้องหลังจากที่จัดการเรื่องหย่าเรียบร้อยแล้ว”
อา... พระเจ้า! มันจะมีอะไรสุขเท่า คำตอบรับจากผู้หญิงที่ไม่เคยได้ครอบครองกระทั่งในฝัน
“งั้นขอทดสอบคุณภาพบุคลากรบนเตียงหน่อยแล้วกัน เลิศเลอสมกับที่ต้องจ่ายแพงๆไหม” บอกพร้อมโน้มตัวไปหาใบหน้างดงามแต่กลับได้สูดความหอมจากฝ่ามือบางที่ยกขึ้นผลักหน้าให้ถอยห่างจากเธอ
“ไม่ได้นะ! ถอยไปเดี๋ยวนี้ เพลงบอกแล้วว่าไม่ใช่ตอนนี้” บอกพลางเอนตัวหนีเป็นพัลวัน แต่กลับไม่เป็นผลทั้งเจ็บใจตัวเองที่เผลอเข้ามาคุกเข่าอยู่ในท่าทางที่น่าหวาดเสียวเช่นนี้ ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัด ขาแข็งแรงทำให้ทรวงอกเบียดเสียดกับความคึกคะนองกลางกายเขา มันฮึกเหิมเสียจนเธอแทบแทรกแผ่นดินหนีด้วยความอาย “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ คนลามก”
เขากำลังสนุกกับการดิ้นรนของเธอ ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมต้องแสดงท่าทางหวาดกลัวราวกับผู้หญิงที่ไม่เคยต้องมือชายทั้งที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี ความโมโหที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันทำให้คว้าเข้าที่ข้อมือเล็ก ออกแรงรัดเธอให้แนบชิดกับความต้องการมากขึ้น “ทำไม หรือว่าที่ทำเป็นดิ้นแบบนี้เพราะกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวซุกหน้าลงหว่างขาหอมๆของผม”
“กรี๊ด... ถ้าจะหยาบคายกับเพลงแบบนี้ก็ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า คุณมันคนใจร้าย” พิลาสินีกรีดร้องอย่างเหลืออดกับคำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินมาก่อน สองมือทุบตีจิกข่วนตามร่างกายเขาสะเปะสะปะ “ฆ่าให้ตายไปเลย ไหนๆคุณก็ทำให้เพลงตายทั้งเป็นตั้งแต่ยื่นข้อเสนออัปยศนั่นแล้ว”
“โอ๊ย... แสบนะ!” ลินเนอุสซูดปากคราง หยุดมือไม้ของเธอด้วยการออกแรงรัดร่างกลางหว่างขาให้หนักขึ้น ใช้มืออีกข้างหนึ่งแตะปลายคางบริเวณที่ถูกเล็บคมข่วน หยดเลือดที่ติดมากับปลายนิ้วทำให้เขาบดกรามแน่นจนเป็นสันนูน ตวัดสายตาขึ้นมองอย่างเอาเรื่องแต่กลับเป็นเขาเสียเองที่ทำตัวไม่ถูกเมื่อตัวต้นเหตุกำลังจ้องกลับด้วยสายตาตัดพ้อต่อว่า
น้ำใสๆที่กลิ้งจากหางตาหยดลงบนหลังมือใหญ่ทำให้หัวใจเขากระตุกวาบ เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอถือโอกาสผละออกจากหว่างขาแข็งแรง รีบหันหลังให้คนที่พูดจาทำร้ายจิตใจแล้วยกมือขึ้นป้ายน้ำตาออกจากสองแก้ม สั่งตัวเองให้เข้มแข็งมากกว่านี้หากไม่อยากถูกเขากลั่นแกล้งเช่นนั้นอีก หญิงสาวจึงไม่มีโอกาสได้เห็นท่าทางอ่อนโยนของพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรป ผู้ซึ่งไม่เคยแยแสต่อความรู้สึกของผู้คนบนโลกกำลังก้มลงจูบซับน้ำตาบนหลังมือ นึกตำหนิตัวเองในทันทีที่พบกันครั้งแรกก็ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา
พิลาสินีสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ปรับเสียงสั่นเครือให้มั่นคงขึ้นยื่นคำขาดกับเขาอีกครั้ง “ต่อไปนี้คุณห้ามละเมิด ห้ามผิดสัญญาของเรา”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มกลอกสายตาไปมาทั้งคิดในใจว่า... เธอทำร้ายร่างกายเขาจนได้เลือดเพียงเพราะหวงเนื้อหวงตัวกับเขา แล้วยังร้องห่มร้องไห้ราวกับว่าเขาเป็นคนผิดเสียเอง
“ก็เห็นมีแต่คุณนั่นแหละที่ผิดสัญญา” ลินเนอุสบอกด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ “ทั้งที่ทำผมเจ็บตัวแทนที่จะเข้ามาขอโทษแต่กลับมาขึ้นเสียงกับผม เรื่องแค่นี้ก็ต้องร้องไห้ ทำตัวขี้แยเป็นเด็กไปได้ ไม่ได้เรื่องจริงๆ”
พิลาสินีหันขวับมาจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกยอดแย่มันกำลังโจมตีอย่างรุนแรง ไม่รู้หรอกว่าเธอต้องอดทนในหลายเรื่องมากมายแค่ไหน หากคนถูกมองเช่นนั้นยังต่อว่าไม่ยั้ง
“ไม่ต้องมามอง ถ้าถึงเวลาที่เลี่ยงไม่ได้แล้วจริงๆ คงไม่เอาน้ำตามาต่อรองกับผมหรอกนะ จะบอกให้รู้เอาไว้ว่ามันใช้ไม่ได้”
“เพลงมันก็ไม่ได้เรื่องแบบนี้ล่ะ ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง” คนกำลังน้อยเนื้อต่ำใจทั้งยังถูกตำหนิตรงๆตวาด “ไม่มีความอดทนกับเรื่องใดๆในชีวิตเอาเสียเลย ก็แค่มีชีวิตคู่บัดซบ แค่หาเงินห้าร้อยล้านบาทมาอุดรอยรั่วบริษัทไม่ได้ แค่ไม่ได้นอนมาเจ็ดสิบสองชั่วโมงเพราะเตรียมเหตุผลดีๆจะมาคุยกับนักลงทุนระดับโลก แต่เขากลับไม่ใส่ใจจะฟังเพราะมองเพลงเป็นแค่อีหนูบำบัดความใคร่ แค่ถูกแกล้งนิดๆหน่อยๆก็ไม่มีความอดทน เสียดายกระทั่งเงินไม่ถึงสองหมื่นที่สูญไปกับค่าตั๋ว แค่หิวจนแสบท้องเพราะเพิ่งได้ทานมื้อเที่ยงครั้งเดียวตลอดวัน เพลงมันไร้ค่า ไม่มีความอดทนเลยจริงๆ”
จบคำพูดยืดยาวก็วิ่งออกไปจากห้องนอนใหญ่ ปล่อยให้คนที่เพิ่งได้รู้อีกแง่มุมหนึ่งอ้าปากค้างและต้องรีบวิ่งตามเพราะกลัวเธอเตลิดไปไกล หากต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นแผ่นหลังบางลับตาเข้าไปในห้องนอนที่ตระเตรียมไว้ให้ในตอนแรก ลิเนอุสเป่าลมออกจากปากแล้วเดินเลี่ยงลงบันไดมาชั้นล่าง เพราะคิดว่าหากตามไปตอนนี้ก็คงไม่พ้นต้องทะเลาะกันอยู่ดี สู้หาวิธีมัดเธอให้อยู่ในสัญญาคงจะทำให้ปวดหัวน้อยลงกว่านี้
ลินเนอุสไม่ฟังเสียง เขาเดินเลี่ยงเธอไปอีกทาง มุ่งหน้าไปยังห้องนอนส่วนตัวและยิ้มพรายด้วยความเจ้าเล่ห์เมื่อความร้อนใจของเธอมีมากจนลืมนึกไปว่าก้าวตามเขาเข้ามาถึงห้องนอนแล้ว
พิลาสินียังขอร้องเขาไม่ขาดปาก พยายามใจเย็นขอร้องเพราะเวลาเหลือก็น้อยลงเต็มที ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าที่ยืนอยู่นี้คือห้องนอนส่วนตัวของเขา “ลินเนียส... ฉันขอร้องนะคะ”
“บอกแล้วว่าผมไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ยิ่งพูดยิ่งไร้ตัวตน” พูดอย่างไม่แยแสแถมชี้นิ้วแล้วหมุนเป็นวงกลมบริเวณใบหู เชิงว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอร้องขอ
“เพลงขอร้องนะคะ สั่งให้โยวันไปส่งเพลงด้วย ได้โปรด...” ในที่สุดพิลาสินีก็เปลี่ยนการใช้สรรพนามแทนตัวเอง และต้องชะงักงันไปชั่วขณะเมื่อเห็นรอยยิ้มพึงใจที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา
คุณต่างหากที่ไม่เคยโปรดผม พิลาสินี! พ่อมดทางการคนดังของโลกได้แต่ตัดพ้ออยู่ในใจ แน่นอนว่าหัวใจแกร่งกระตุกวาบเมื่อได้ยินเธอขอร้องเช่นนั้น
“ใจคอคุณจะไม่ปล่อยให้โยวันกลับไปหาครอบครัวเลยหรือไง จะเที่ยงคืนแล้วนะคนสวย” เขาเตือนด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า
คนสวยขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับตกใจสุดขีด หันขวับไปมองนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง นั่นยังไม่ทำให้แน่ใจกับเวลาที่เห็นจนต้องสาวเท้าเข้าไปมองใกล้ๆให้ถนัดตา พร้อมสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อควานหาโทรศัพท์เครื่องบางแล้วต้องครางออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
“โอ... เป็นไปไม่ได้ ก็เมื่อกี้นี้นาฬิกาในห้องโถงยังไม่ถึงห้าทุ่มเลย แล้วทำไมถึงได้...” พิลาสินีแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ลินเนอุสทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่วางอยู่ปลายเตียงพร้อมลอบยิ้ม ไม่อยากบอกว่าเขาเองเป็นคนปรับเวลาให้ช้าลงหนึ่งชั่วโมง ถือเสียว่าเป็นบทเรียนแรกของการเป็นนักธุรกิจมืออาชีพก็แล้วกัน ใครใช้ให้ทำอะไรรีบร้อนไม่รู้จักเผื่อเวลาแบบนี้ หากคนที่กำลังตกใจทั้งงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองก็เริ่มนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“คุณแกล้งฉันใช่ไหม คุณปรับนาฬิกาข้างล่างให้ช้าลงใช่ไหม ลินเนียส!” ถามด้วยความร้อนใจเมื่อก้าวไปหยุดตรงหน้าเขา
“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ อย่ามาหาความกันหน่อยเลยน่า...” ทั้งที่ตั้งใจจะตีรวนกลบเกลื่อนความผิดแต่เมื่อร่างอ้อนแอ้นตรงหน้าทรุดตัวคุกเข่าขอร้องด้วยความร้อนรนก็อดสงสารไม่ได้
“ลินเนียสคะ คุณสนุกมาทั้งวันแล้ว ขอร้องนะคะ รีบไปส่งเพลงที่สนามบินทีนะคะ”
“ต่อให้ติดปีกก็ไปไม่ทันแล้วคนดี” ตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มน่าฟัง
“เพลงรู้ว่าคุณทำได้ แค่อยากแกล้งเพลงเล่นเท่านั้น นะคะ... ถ้าเป็นอย่างนี้เพลงต้องทิ้งเงินเกือบสองหมื่นบาทไปเปล่าๆเลยนะ” เหตุผลหลักที่ทำให้เธอจองเที่ยวบินในกลางดึกวันนี้ก็เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่ว่าจะค่าที่พัก ค่าอาหาร ในยามที่ขาดสภาพคล่องเช่นนี้อะไรที่ควรประหยัดได้ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด
“ที่รีบร้อนแบบนี้เพราะไม่อยากจ่ายค่าโรงแรมใช่ไหม?” ถามอย่างสะท้อนใจ พอจะเดาความคิดของเธอได้ไม่ยากนัก เมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้ารอยยิ้มมุมปากก็ปรากฏขึ้น ทำให้คนมองลืมสิ้นความร้อนใจ ความอ่อนโยนในรอยยิ้มนั้นทำให้เธอเคลื่อนตัวเข้าไปคุกเข่าอยู่กลางหว่างขาแข็งแรงโดยไม่รู้ตัว
พิลาสินีแทบจะไม่รู้สึกว่าท่อนขาแข็งแรงข้างหนึ่งกำลังตวัดรัดร่างของตนให้เข้าไปแนบชิดกับจุดกึ่งกลางกายชายอันแข็งขึง ทรวงอกที่แนบชิดกับความเป็นส่วนตัวนั้นทำให้เขาร้อนรุ่มจนต้องเรียกหาพระเจ้าในใจอยู่นับครั้งไม่ถ้วน
“ทำไมถึงได้ปล่อยให้ตัวเองลำบากแบบนี้ ทำไมไม่คว้าโอกาสที่ผมยื่นให้”
“โอกาสที่เพลงจะได้เป็นผู้หญิงแพศยา คบชู้สู่ชายอย่างนั้นเหรอคะ?” ถึงแม้ว่าจะมีชีวิตคู่ที่ไม่ราบรื่นทั้งยังกำลังจะขอคืนอิสระจากชินเขต แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องของอนาคตและเธอจะไม่ยอมทำตัวน่าอายเช่นนั้นแน่ “รู้ไหมว่ามันผิดศีลธรรม”
“ช่างหัวศีลธรรมได้ไหม” พ่อมดทางการเงินสบถออกมาอย่างไม่แยแสกับคำเตือนที่เขาอาจจะหลวมตัวก่อบาปครั้งใหญ่ “รู้บ้างไหมว่าโลกใบนี้มันแทบจะกลายเป็นสีดำอยู่แล้ว รับรองว่าการหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องอาจจะไปเบียดเบียนคนอื่นโดยไม่รู้ตัว แล้วคุณต้องสนใจอะไรอีก ยังต้องแคร์สามีตีทะเบียนที่มีเวลาอยู่กับผู้หญิงอื่นมากกว่าเมียตัวเองด้วยเหรอ”
ความจริงที่เขาเอามากองไว้ตรงหน้ากำลังทำให้เธอเหมือนคนน้ำท่วมปาก ได้แต่มองช่วงแผงอกแกร่งที่เคลื่อนตัวตามการหายใจและแรงอารมณ์ของเจ้าของ แน่นอนว่าการนิ่งไร้คำโต้ตอบถือว่าเป็นสัญญาณหนึ่งที่ลินเนอุสต้องรีบโน้มน้าวใจ
“ผมจะทำให้สิริแอทเซทกลับมารุ่งเรืองอย่างมั่นคง แล้วพ่อของคุณก็จะอาการดีวันดีคืนเร็วกว่าได้ยาดีๆรักษา” ล่อลวงด้วยข้อเสนออันน่าสนใจ
“...”
เมื่อเธอเงียบเขาก็จู่โจมต่อ “น้องๆที่ยังเรียนอยู่ก็จะไม่ต้องลำบาก คุณรู้ดีนี่เพลง การเป็นนักศึกษาในต่างประเทศไม่ได้มีความเป็นอยู่โก้หรูเหมือนที่หลายคนเข้าใจ”
“...” เธอรู้ดีเชียวล่ะ ไม่ต้องมาย้ำเพราะผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าทางบ้านจะส่งเสียเงินให้ไม่ขาดมือแต่ค่าครองชีพที่ต่างจากบ้านเกิดมากมาก ทำให้ส่วนมากต้องทำงานพาร์ทไทม์หารายได้เสริม และเธอก็ไม่อยากให้พอฤทัยและพราวพุธต้องมีเรื่องกวนใจในช่วงเวลาที่ใกล้จะสำเร็จการศึกษาเช่นนี้
“เหนือสิ่งอื่นใดคุณจะได้รู้ว่าสิริแอทเซทเดินมาถึงจุดนี้เพราะมีคนจงใจทำให้พังพินาศ หรือเป็นเพราะความผิดพลาดในการบริหาร” ลินเนอุสอมยิ้มเมื่อเหตุผลดังกล่าวทำให้ดวงตาเป็นประกายกลอกไปมาอย่างคนกำลังใช้ความคิดแต่ยังไม่ปริปากแม้เพียงครึ่งคำ
“...” เขาพูดทำนองนี้มาถึงสองครั้งสองคราแล้ว หรือว่าเรื่องร้ายๆทุกอย่างที่รุมเร้าอยู่เช่นนี้จะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง หากเสียงห้าวที่สำทับขึ้นอีกครั้งก็ทำให้พิลาสินีแทบสติแตก!
“แต่ถ้าคุณยังยืนยันคำเดิมก็กลับไปเลย หาทางออกจากเกาะให้ได้ หาที่พักเอาเอง” ลินเนอุสหรี่ตามอง มันเป็นสายตาที่เขาใช้เวลาจ้องตะครุบเหยื่อที่จะทำกำไรให้อย่างมหาศาล ดุดัน ไม่มีการผ่อนปรนเฉกเช่นไฮยีน่าล่าเนื้อ “กลับไปแล้วก็เตรียมตัวรับสภาพความพังพินาศของสิริแอทเซท ต้องถูกฟ้องล้มละลาย บ้านถูกยึด เดือดร้อนจนไม่มีทางเยียวยา ที่สำคัญเตรียมตัวหามพ่อคุณส่งโรงพยาบาล...”
“พอแล้ว! ฉันยอมแล้ว!...” พิลาสินีหยุดความเลวร้ายต่างๆทั้งที่เขายังพูดไม่จบประโยค รู้ดีว่าเขากำลังใช้จิตวิทยาง่ายๆโจมตีความกลัว แต่เหนือสิ่งอื่นใดทุกอย่างที่เขาพูดมานั้นมันจะกลายเป็นเรื่องจริงที่เธอกังวลมาตลอด หากไม่สามารถหาเงินไปอุดรอยรั่วของสิริแอทเซทได้
“อะไรนะ ใครยอมใครนะ?” คนเรื่องมากยังเลิกคิ้วถามอย่างเย็นใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาดีใจมากกว่าตอนที่เม็ดเงินมหาศาลไหลเข้าบัญชีเสียอีก
“เพลงจะทำตามข้อเสนอของคุณ จะยอมปะ...เป็น ของคุณ” ท้ายประโยคตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ “แต่ต้องหลังจากที่จัดการเรื่องหย่าเรียบร้อยแล้ว”
อา... พระเจ้า! มันจะมีอะไรสุขเท่า คำตอบรับจากผู้หญิงที่ไม่เคยได้ครอบครองกระทั่งในฝัน
“งั้นขอทดสอบคุณภาพบุคลากรบนเตียงหน่อยแล้วกัน เลิศเลอสมกับที่ต้องจ่ายแพงๆไหม” บอกพร้อมโน้มตัวไปหาใบหน้างดงามแต่กลับได้สูดความหอมจากฝ่ามือบางที่ยกขึ้นผลักหน้าให้ถอยห่างจากเธอ
“ไม่ได้นะ! ถอยไปเดี๋ยวนี้ เพลงบอกแล้วว่าไม่ใช่ตอนนี้” บอกพลางเอนตัวหนีเป็นพัลวัน แต่กลับไม่เป็นผลทั้งเจ็บใจตัวเองที่เผลอเข้ามาคุกเข่าอยู่ในท่าทางที่น่าหวาดเสียวเช่นนี้ ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัด ขาแข็งแรงทำให้ทรวงอกเบียดเสียดกับความคึกคะนองกลางกายเขา มันฮึกเหิมเสียจนเธอแทบแทรกแผ่นดินหนีด้วยความอาย “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ คนลามก”
เขากำลังสนุกกับการดิ้นรนของเธอ ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมต้องแสดงท่าทางหวาดกลัวราวกับผู้หญิงที่ไม่เคยต้องมือชายทั้งที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี ความโมโหที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลันทำให้คว้าเข้าที่ข้อมือเล็ก ออกแรงรัดเธอให้แนบชิดกับความต้องการมากขึ้น “ทำไม หรือว่าที่ทำเป็นดิ้นแบบนี้เพราะกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวซุกหน้าลงหว่างขาหอมๆของผม”
“กรี๊ด... ถ้าจะหยาบคายกับเพลงแบบนี้ก็ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า คุณมันคนใจร้าย” พิลาสินีกรีดร้องอย่างเหลืออดกับคำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินมาก่อน สองมือทุบตีจิกข่วนตามร่างกายเขาสะเปะสะปะ “ฆ่าให้ตายไปเลย ไหนๆคุณก็ทำให้เพลงตายทั้งเป็นตั้งแต่ยื่นข้อเสนออัปยศนั่นแล้ว”
“โอ๊ย... แสบนะ!” ลินเนอุสซูดปากคราง หยุดมือไม้ของเธอด้วยการออกแรงรัดร่างกลางหว่างขาให้หนักขึ้น ใช้มืออีกข้างหนึ่งแตะปลายคางบริเวณที่ถูกเล็บคมข่วน หยดเลือดที่ติดมากับปลายนิ้วทำให้เขาบดกรามแน่นจนเป็นสันนูน ตวัดสายตาขึ้นมองอย่างเอาเรื่องแต่กลับเป็นเขาเสียเองที่ทำตัวไม่ถูกเมื่อตัวต้นเหตุกำลังจ้องกลับด้วยสายตาตัดพ้อต่อว่า
น้ำใสๆที่กลิ้งจากหางตาหยดลงบนหลังมือใหญ่ทำให้หัวใจเขากระตุกวาบ เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอถือโอกาสผละออกจากหว่างขาแข็งแรง รีบหันหลังให้คนที่พูดจาทำร้ายจิตใจแล้วยกมือขึ้นป้ายน้ำตาออกจากสองแก้ม สั่งตัวเองให้เข้มแข็งมากกว่านี้หากไม่อยากถูกเขากลั่นแกล้งเช่นนั้นอีก หญิงสาวจึงไม่มีโอกาสได้เห็นท่าทางอ่อนโยนของพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรป ผู้ซึ่งไม่เคยแยแสต่อความรู้สึกของผู้คนบนโลกกำลังก้มลงจูบซับน้ำตาบนหลังมือ นึกตำหนิตัวเองในทันทีที่พบกันครั้งแรกก็ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา
พิลาสินีสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ปรับเสียงสั่นเครือให้มั่นคงขึ้นยื่นคำขาดกับเขาอีกครั้ง “ต่อไปนี้คุณห้ามละเมิด ห้ามผิดสัญญาของเรา”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มกลอกสายตาไปมาทั้งคิดในใจว่า... เธอทำร้ายร่างกายเขาจนได้เลือดเพียงเพราะหวงเนื้อหวงตัวกับเขา แล้วยังร้องห่มร้องไห้ราวกับว่าเขาเป็นคนผิดเสียเอง
“ก็เห็นมีแต่คุณนั่นแหละที่ผิดสัญญา” ลินเนอุสบอกด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ “ทั้งที่ทำผมเจ็บตัวแทนที่จะเข้ามาขอโทษแต่กลับมาขึ้นเสียงกับผม เรื่องแค่นี้ก็ต้องร้องไห้ ทำตัวขี้แยเป็นเด็กไปได้ ไม่ได้เรื่องจริงๆ”
พิลาสินีหันขวับมาจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกยอดแย่มันกำลังโจมตีอย่างรุนแรง ไม่รู้หรอกว่าเธอต้องอดทนในหลายเรื่องมากมายแค่ไหน หากคนถูกมองเช่นนั้นยังต่อว่าไม่ยั้ง
“ไม่ต้องมามอง ถ้าถึงเวลาที่เลี่ยงไม่ได้แล้วจริงๆ คงไม่เอาน้ำตามาต่อรองกับผมหรอกนะ จะบอกให้รู้เอาไว้ว่ามันใช้ไม่ได้”
“เพลงมันก็ไม่ได้เรื่องแบบนี้ล่ะ ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง” คนกำลังน้อยเนื้อต่ำใจทั้งยังถูกตำหนิตรงๆตวาด “ไม่มีความอดทนกับเรื่องใดๆในชีวิตเอาเสียเลย ก็แค่มีชีวิตคู่บัดซบ แค่หาเงินห้าร้อยล้านบาทมาอุดรอยรั่วบริษัทไม่ได้ แค่ไม่ได้นอนมาเจ็ดสิบสองชั่วโมงเพราะเตรียมเหตุผลดีๆจะมาคุยกับนักลงทุนระดับโลก แต่เขากลับไม่ใส่ใจจะฟังเพราะมองเพลงเป็นแค่อีหนูบำบัดความใคร่ แค่ถูกแกล้งนิดๆหน่อยๆก็ไม่มีความอดทน เสียดายกระทั่งเงินไม่ถึงสองหมื่นที่สูญไปกับค่าตั๋ว แค่หิวจนแสบท้องเพราะเพิ่งได้ทานมื้อเที่ยงครั้งเดียวตลอดวัน เพลงมันไร้ค่า ไม่มีความอดทนเลยจริงๆ”
จบคำพูดยืดยาวก็วิ่งออกไปจากห้องนอนใหญ่ ปล่อยให้คนที่เพิ่งได้รู้อีกแง่มุมหนึ่งอ้าปากค้างและต้องรีบวิ่งตามเพราะกลัวเธอเตลิดไปไกล หากต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นแผ่นหลังบางลับตาเข้าไปในห้องนอนที่ตระเตรียมไว้ให้ในตอนแรก ลิเนอุสเป่าลมออกจากปากแล้วเดินเลี่ยงลงบันไดมาชั้นล่าง เพราะคิดว่าหากตามไปตอนนี้ก็คงไม่พ้นต้องทะเลาะกันอยู่ดี สู้หาวิธีมัดเธอให้อยู่ในสัญญาคงจะทำให้ปวดหัวน้อยลงกว่านี้
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ก.ย. 2558, 10:37:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ก.ย. 2558, 10:37:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1040
<< ตอนที่ 5 100% | ตอนที่ 6 100% >> |