ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 1 ครึ่งแรก

ตอนที่ 1

เสียงแซ่ซ้องยินดียังมีอยู่ทั่วประเทศเล็กๆ ซึ่งมีดินแดนอยู่กับติดกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำมันแห่งใหม่ของโลกที่รู้จักกันในชื่อสาธารณรัฐอาหรับนัวเรด์ดีน United Arab Noureddine หรือเรียกสั้นๆ ว่า UAN ทั่วโลกรับรู้ถึงการขึ้นครองราชของมกุฎราชกุมารหนุ่มหลังจากชีคพระองค์ก่อนสวรรคตไปไม่นาน ชีค ชามีล บิน คาลิฟา อัล ธานี ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์และหน้าหนังสือพิมพ์สำหรับการขึ้นครองราชย์ด้วยอายุเพียงสามสิบพรรษาเท่านั้น จากกฎระเบียบที่เคร่งครัดของชาวตะวันออกกลางทำให้ภาพของชีคองค์ใหม่หาได้ยากยิ่งจนเหมือนเป็นคนเก็บพระองค์
ในส่วนโครงสร้างการบริหารประเทศของนัวเรด์ดีนนั้นไม่ต่างจากประเทศใกล้เคียงนัก รัฐบาลทำงานสนองงานตามประสงค์ของชีค ส่วนอำนาจในการปกครองประเทศยังไม่มั่นคงนักเนื่องจากยังมีปัญหาภายในประเทศ ทำให้ชีคชามีลหนักพระทัยยิ่งนักเมื่อรู้ดีว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมาจากพวกกบฏที่มาจากเชื้อพระวงศ์นั่นเอง อีกทั้งการสิ้นพระชนน์ของพระบิดายังไม่สามารถหาตัวคนลงมือปลงพระชนม์ได้ ประกอบกับนายพลคนสำคัญอย่างทามาลก็ลาออกจากตำแหน่งไปก่อนจะเกิดเรื่องเพราะภรรยาและลูกชายคนโตเสียชีวิตอย่างกะทันหันจึงต้องดูแลลูกสาวเพียงลำพัง ทำให้เหลือนายพลสูงสุดที่รักษาประเทศเพียงคนเดียว ที่น่าเสียใจและผิดหวังสำหรับชีคมีลไปกว่านั้นคือสหายสนิทกลับกลายเป็นหนึ่งในกบฏต้องถูกจองจำรอวันประหาร
ชีคชามีลคิดว่าปัญหาความขัดแย้งในกลุ่มเชื้อพระวงศ์อาจมาจากการถูกปลุกปั่น แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจากใครกันแน่ การอ้างเรื่องความแตกต่างของชนชั้นทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันของประชาชนเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้ เหตุผลที่จริงเป็นเรื่องของความโลภจนอยากได้เงินส่วนแบ่งมหาศาลจากการขายน้ำมันต่างหาก สำหรับประเทศที่เพิ่งได้เอกราชมาเกือบร้อยสิบปีจึงยังไม่เข้มแข็งในเรื่องของความภักดีนัก สิ่งสำคัญที่ชีคชามีลสามารถทำได้จากพระราชอำนาจคงมีเพียงการดึงอำนาจมาไว้ใกล้ตัวที่สุดเพื่อป้องกันการเกิดกบฏซ้ำในอนาคต
ต้นธารของอำนาจในประเทศนัวเรด์ดีนประกอบด้วยเชื้อพระวงศ์ที่มีศักดิ์ใกล้เคียงกันอย่างตระกูลไซฟาลซึ่งสามารถระดมนักวิชาการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความสนใจจากประชาชนและชาวโลกได้ ผู้กุมอำนาจทางเศรษฐกิจของประเทศไว้คือตระกูลฮามดาน ส่วนอำนาจทางทหารจากตระกูลทาซีนของนายพลวาคิม อำนาจทั้งสามส่วนดูเหมือนจะขึ้นตรงต่อชีค แต่ในความเป็นจริงแล้วชีคชามีลยังไม่สามารถใช้อำนาจส่วนนี้ได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งมีความแคลงใจว่าตัวการสำคัญของการลอบปลงพระชนน์อาจอยู่ในตระกูลเหล่านี้
จากอำนาจเหล่านั้นทำให้มีธรรมเนียมที่ทำติดต่อกันมายาวนานถึงแม้จะเคยถูกชาติตะวันตกยึดครองมาหลายสิบปี เพื่อให้อำนาจยังอยู่ในศูนย์กลางแห่งชีค ตระกูลใดที่ได้รับเลือกไม่ว่าจากความภักดีหรือน่าสงสัยในสายตาของชีคซึ่งไม่เปิดเผยจะต้องส่งบุตรหรือธิดาลำดับที่สองมาเป็นราชองครักษ์ประจำพระองค์ โดยไม่มีกำหนดของการหยุดหน้าที่นี้จนกว่าชีคจะมีรับสั่ง บางคนเป็นราชองครักษ์จนวาระสุดท้ายของชีวิต หลังจากนั้นราชองครักษ์คนต่อไปจากตระกูลนั้นๆ จะส่งตัวมาแทนเป็นอย่างนี้มาตลอด
ชีคชามีลคิดว่าต้องหาทางทำให้อำนาจกลับคืนมาและหาตัวคนร้ายไปด้วย การส่งบุตรหรือธิดามาเป็นราชองครักษ์อาจไม่เพียงพอต่อความมั่นคงของประเทศนี้อีกต่อไป เขาจำเป็นต้องเลือกว่าใครไว้ใจได้และใครสมควรถูกกำจัดออกไป
ประตูห้องทรงงานเปิดออกให้ที่ปรึษาชายวัยสี่สิบปลายๆ ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงของชีคชามีลมาตั้งแต่เยาว์วัยจนล่วงมาถึงสามสิบพรรษาเดินเข้าในห้องส่วนพระองค์ เขามองชายรูปงามอันเป็นกษัตริย์ของนัวเรด์ดีนด้วยความภูมิใจ จากเด็กน้อยซนๆ คนหนึ่งกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดในประเทศนัวเรด์ดีน ช่างน่าภาคภูมิใจยิ่งนัก
“ทรงคิดอะไรอยู่หรือพะย่ะค่ะ สีพระพักต์ไม่ค่อยดีเลย เรียกหมอหลวงให้มาตรวจดีไหม”
ชีคชามีลเงยพระพักต์ดวงตาสีน้ำตาลทองมองพี่เลี้ยงที่เหมือนคนในครอบครัวอย่างไม่ชอบใจพลางส่งเสียงเตือน ยาซินช่างหลงลืมด้วยความจงใจบ่อยครั้งจนน่าลงโทษให้ให้หายขี้ลืมเสียที
“อยู่กันแค่นี้เองนะยาซิน ไม่เห็นต้องมากพิธีเลยนี่นา พูดธรรมดาเหมือนเดิมไม่เห็นยากตรงไหนเลย”
ยาซินถอนใจเบาๆ ให้อย่างไรก็ไม่ชินสักที เขายังจำได้ว่าเมื่อก่อนชีคชามีลชอบออกไปเที่ยวนอกวังทำตัวเหมือนชาวบ้านและเคยพูดบ่อยๆ ว่าวิถีชาวบ้านน่าเป็นสุขกว่าการเป็นเจ้าชาย แต่ตอนนี้ฐานะต่างๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว จากเจ้าชายกลายเป็นชีคของประเทศ เขาจะทำและพูดเหมือนเดิมได้อย่างไร ยาซินลำบากใจแต่ถ้าไม่ทำตามรับสั่ง เขาอาจถูกลงโทษถูกพาไปขังที่ก็ได้
“ผมจะบอกว่าชีคว่าราชองครักษ์ทั้งสามคนมารายงานตัวแล้วครับ หลังการฝึกเป็นเวลาหนึ่งปีผ่านไปอย่างเรียบร้อยดี ผลการประเมินผ่านทุกคน สามารถอารักขาชีคได้เท่าเทียมราชองครักษ์คนก่อนๆ”
“งั้นรึ ผมกำลังรออยู่เหมือนกัน คราวนี้วัยไล่เลี่ยกันเสียด้วย น่าจะมีประโยชน์ต่ออนาคตของผมทั้งหมด”
“มีประโยชน์อย่างไรหรือครับ”
เรียวปากหนาเม้มปิดอย่างที่คนสนิทรู้ดีว่าจะไม่มีความลับอื่นใดหลุดรอดออกมาเด็ดขาด เสียงถอนใจดังขึ้นเบาๆ ชามีลกำลังคิดว่าช่างน่าเสียดายโอกาสที่จะได้ช่วยพระบิดา หากตอนที่เกิดเรื่องเขาไม่เดินทางไปต่างประเทศก็คงทำอะไรได้มากกว่านี้ จากเหตุการณ์นั้นทำให้เขาเสียทั้งพ่อ เพื่อน และญาติ อีกทั้งยังก้าวขึ้นมาเป็นชีคในเวลาที่จิตใจย่ำแย่ การไว้ใจใครสักคนกลายเป็นเรื่องยากกว่าแต่ก่อนทันที
“ยาซินช่วยหาข้อมูลมาให้หมดว่าทั้งสามคนมีคนรักหรือว่าแอบคบหลบซ่อนกับใครอยู่บ้างหรือเปล่า ควรทำอย่างลับๆ อย่าแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด”
“ได้ครับชีค ผมจะจัดการหาข้อมูลราชองครักษ์ทั้งสามคนให้โดยเร็ว”
ร่างสูงเดินผ่านยาซินไปอย่างสง่างาม แม้จะถึงวัยที่เหมาะควรสำหรับอภิเษกสมรส แต่จนถึงเวลานี้ยังไม่มีสตรีจากสกุลสูงใดเป็นที่หมายตาของชีคชามีล อาจเป็นเพราะการทำงานบริหารประเทศอย่างหนักจนไม่มีเวลานั่นเอง ยาซินคิดว่าหากหมดเรื่องกบฏและจับตัวคนปลงพระชนม์ชีคองค์ก่อนได้แล้ว ชาวนัวเรด์ดีนคงได้รับฟังข่าวดีว่าชีคชามีลพบผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควรให้อยู่เคียงข้างในที่สุด

สามราชองครักษ์มานั่งรอชีคชามีลอยู่ในห้องรับรองโดยมีราเนียจากตระกูลทาซีนซึ่งไม่ได้มีเพียงความสวยงามแต่ยังยืนหยัดได้ในหมู่ผู้ชายที่เข้มแข็ง ธามินจากตระกูลไซฟาลผู้ซึ่งมีสีหน้าจริงจังชอบใช้ความคิดพิจารณาก่อนลงมือ ในขณะที่มาลิคจากตระกูลฮามดานเป็นหนุ่มนักวางแผนที่พกเสน่ห์มาเต็มเปี่ยม หนึ่งปีที่ต้องฝึกอย่างหนักโดยไม่แยกเพศหญิงหรือชาย ทำให้จากชายหนุ่มและหญิงสาวที่เพิ่งจบการศึกษากลายเป็นนักรบที่มีพร้อมด้วยสติปัญญาจากการเรียนในรั้วมหา’ลัยในต่างประเทศและมีฝีมือการต่อสู้จากการฝึกฝนแบบนักรบในทะเลทราย ทั้งสามพร้อมแล้วสำหรับหน้าที่อันใหญ่หลวงต่อตนเองและวงศ์ตระกูล
หากนายพลทามานไม่ลาออกไปเสียก่อน ทิชาผู้เป็นบุตรสาวและลูกคนที่สองของตระกูลจะเป็นอีกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ ราเนียและมาลิคคิดว่าทิชาไม่มารับหน้าที่เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ไม่เช่นนั้นธามินคงลำบากใจที่ต้องทำงานร่วมกับคนรักเก่า อีกทั้งทามาลสมควรได้พักหลังจากทำประโยชน์เพื่อนัวเรด์ดีนเคียงบ่าเคียงไหล่พระบิดาของชีคชามีลมานาน
“ชีคชามีลเสด็จแล้ว” ทหารคนหนึ่งที่ประจำการอยู่หน้าห้องขานบอกให้คนในห้องรับรู้
ราชองครักษ์ประจำองค์ชีคทั้งสามคนลุกขึ้นยืนตรงรอรับเสด็จ เมื่อร่างสูงเข้ามาถึงก็แสดงความเคารพด้วยการค้อมตัวจนสุด แล้วยืนตรงนิ่งเตรียมรับฟังคำสั่ง
“ทุกคนนั่งลงได้”
ทั้งสามก้มหน้าแสดงความเคารพอีกครั้งก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ถัดไป เว้นระยะห่างไว้ตามสมควร แม้ว่าจะศึกษาในต่างประเทศและรู้ว่าชีคชามีลไม่ใช่คนถือยศศักดิ์ แต่ก็ควรให้เกียรติอย่างสูงสุดเสมอ
“ต่อไปถ้าผมมีงานสำคัญจะสั่งให้พวกคุณทำ ไม่ว่างานนั้นจะเสี่ยงตายและต้องเป็นความลับเพียงใดพวกคุณก็จะทำให้ผมใช่หรือไม่”
ทั้งสามสบตากันเมื่อคำตอบมีอยู่แล้ว แต่ความสงสัยบังเกิดแทนเพราะชีคมาพูดแบบสามัญชนเลยไม่แน่ใจว่าจะตอบกลับไปแบบสามัญชนหรือว่าใช้คำราชาศัพท์ถึงจะเหมาะสม
“พะย่ะค่ะ/เพคะ”
ชามีลสรวลเสียงดังเพราะนึกไว้อยู่แล้วว่าการทำตัวเยี่ยงคนสามัญคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทั้งสามราชองครักษ์
“อีกสองวันผมจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกคุณ เรื่องกฎระเบียบต่างๆ สำหรับการอยู่ในวังหลวง ยาซินจะบอกพวกคุณหลังจากผมไปแล้ว ขอให้อยู่ที่นี่อย่างสบายใจแล้วคิดว่าเป็นบ้านก็แล้วกัน”
“พะย่ะค่ะ/เพคะ”
ราเนียกับมาลิคพากันก้มหน้ายิ้มเพราะไม่เคยมีญาติเป็นเชื้อพระวงศ์มาก่อน การพูดคำราชาศัพท์จึงเป็นของแสลง ไม่เหมือนธามินที่น่าจะพูดคล่อง ถึงท่านดิฮ์ยาจะลดศักดิ์ตัวเองให้เป็นเพียงสามัญชนเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อชีคองค์ก่อน อย่างน้อยคำพูดที่คุ้นเคยธามินไม่น่าจะลืมง่ายๆ หรอก
ยาซินเข้ามาในห้องแทนที่ชีคชามีลเพื่ออธิบายระเบียบและกฎต่างๆ ให้เข้าใจ โดยราชองครักษ์จะผลัดเวรกันดูแลชีคและต้องอยู่ในวังชั้นนอกไม่ยุ่มยามไปถึงวังชั้นในซึ่งจะมีชีคชามีลที่เป็นผู้ชายเพียงพระองค์เดียวที่เข้าไปได้ ยกเว้นบางครั้งที่เรียกหายาซินให้ไปรับงานตามคำสั่งเท่านั้น

ธามินขับรถสปอร์ตสีดำคันหรูซึ่งซื้อด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรงตอนไปเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ที่อเมริกาเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ในอดีตคือวังของตระกูลไซฟาลนั่นเอง เพียงหันไปมองก็จะเห็นประตูบานใหญ่และผนังทำจากกระจกคริสตัล โดมตระหง่านเด่าอยู่ที่ยอดตึก ต้นเสาสูงและโค้งประหนึ่งปราสาทในเทพนิยาย ช่างเป็นการผสมสนานของสองวัฒนธรรมที่ออกมาอย่างลงตัว
คนภายนอกอาจยังคิดว่าเขาเป็นเจ้าชายอีกคนของนัวเรด์ดีน แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นแค่ลูกชายคนที่สองของตระกูลซึ่งเคยมียศศักดิ์เท่านั้น ลูกชายของพ่อที่เคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มกบฏจนตามมาด้วยการลดศักดิ์ของตัวเองยอมเป็นสามัญชนในเวลาต่อมา
พี่ชายคนโตของเขาเพิ่งแต่งงานกับหญิงต่างชาติไปเมื่อปีก่อน ประเทศเล็กๆ แห่งนี้เปิดกว้างทางศาสนามากขึ้นทำให้การแต่งงานกับชาวต่างชาติไม่ใช่เรื่องแปลกและน่ากังขาอย่างในสมัยก่อนแล้ว อีกทั้งยังมีความเป็นตะวันตกผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่น ผู้หญิงสามารถออกมาทำงานบริษัทเช่นเดียวกับผู้ชาย โดยการแต่งตัวไม่มีกฎเคร่งครัดมากนัก ขอเพียงเรียบร้อยและสุภาพเท่านั้น
พ่อบ้านออกมาต้อนรับแล้วเดินตามมาธามินเข้าไปในบ้าน ธามินปรายตามองท่าทีน้อมน้อมนั้นราวกับมารับคนสำคัญทั้งที่ทุกคนในบ้านหลังนี้มีฐานะเป็นประชาชนธรรมดาเท่านั้น
“ท่านนาซีฟมาครับ อยู่ห้องรับรองฝั่งตะวันออก”
ธามินพยักหน้าแล้วเดินไปยังห้องรับรอง ลุงนาซีฟเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งและเป็นเพื่อนกับพ่อมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ความเป็นคนมีอัธยาศัยดีและเคยช่วยชีวิตพ่อของเขาไว้ ทำให้ยิ่งสนิทชิดเชื้อแม้ว่าจะต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวแล้วก็ตาม
“ผมอยากให้ธามกับหนูอินทำความรู้จักกันมากกว่านี้นะนาซีฟ เรื่องแบบนี้ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติคงดีกว่า”
ร่างสูงชะงักอยู่ที่ประตูห้องเมื่อพอจะเดาได้ไม่ยากว่าผู้ใหญ่กำลังคุยกันถึงเรื่องอะไร ตอนนี้เขายังไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนรวมทั้งนาอินด้วย ความทรงจำอันเจ็บปวดที่เขามีต่อทิชายังไม่จางหายเช่นเดียวกับหัวใจที่ไม่เคยลืมว่าการถูกทรยศหักหลังน่ากลัวเพียงใด
‘ทิชาพบคนที่ใช่กว่าธามแล้ว ขอโทษด้วยที่บอกธามช้าเกินไป’
ป่านนี้คงแต่งงานกับผู้ชายที่เธอเลือกแล้วกระมัง หากรักใครสักคนแล้วไม่เสียใจก็คงจะดี แต่เขาได้เลือกหน้าที่แล้ว ไม่เหมือนทิชาที่ละทิ้งทุกอย่างรวมทั้งเขาเพื่อความสุขของตัวเอง
ธามินเคาะประตูเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องเมื่อมีคำตอบที่มีเหตุผลแล้วในสมอง ถ้าถูกบังคับให้แต่งงานเขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง
“ธามมาพอดีเลยลูก คุณถามลูกเลยสิคะ เรื่องแบบนี้ผู้ชายคุยกับผู้ชายน่าจะเข้าใจกันง่ายกว่าให้ฉันถามเอง”
ลูกชายกอดแม่แล้วนั่งลงด้วยกัน พ่อกับลุงนาซีฟนั่งอยู่อีกฝั่ง ดีไม่น้อยที่นาอินไม่ได้มาในวันนี้ ไม่เช่นกันเขาคงพูดอะไรไม่ค่อยสะดวกนัก
“จะถามอะไรผมหรือครับพ่อ...แม่”
ไมรายิ้มกริ่มเพราะชอบนาอินมามาแต่ไหนแต่ไร เด็กสองคนเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งลูกชายของนางไปเรียนต่อที่อเมริกา นาอินเรียนไปเรียนที่ยุโรปเลยห่างกันไป แต่ตอนนี้ต่างคนต่างเรียนจบแล้วจึงเหมาะควรที่จะออกเรือนให้ผู้ใหญ่ได้เบาใจ
“แม่กำลังทาบทามหนูอินให้ธามน่ะสิจ๊ะ ธามล่ะมีความเห็นยังไง”
“ผมคิดว่า...”
“อย่าเพิ่งจริงจังอะไรมากเลยธาม พ่อกับนาซีฟแค่พูดคุยกันเท่านั้นเอง เวลาผ่านไปนานแล้ว น่าจะได้พบกันก่อนสักสองสามครั้งแล้วค่อยมาคุยกัน เดี๋ยวหนูอินจะลำบากใจ” ดิฮ์ยาเปรยให้ทั้งภรรยาและเพื่อนไม่รีบร้อนเรื่องของลูกๆ มากเกินไปนัก
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีเหมือนกันครับพ่อ ผมไม่ได้พบกับนาอินนานแล้วเป็นปีแล้ว” ธามินรีบสนับสนุนเพราะเขาเองก็ไม่ชอบวิธีคลุมถุงชนเท่าไหร่นัก
สีหน้าของนาซีฟเจื่อนไปเล็กน้อย ต่างจากไมราที่ยิ้มปลื้มเห็นดีเห็นงามเพราะว่าจะได้นัดหมายให้หนุ่มสาวได้พบกันโดยเร็วที่สุด
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ธามนัดหนูอินไปดื่มน้ำชาที่ร้านประจำของแม่ดีไหม เดี๋ยวแม่ให้สาวใช้โทรจองโต๊ะไว้ให้”
“ก็ได้ครับ”
“อินคงดีใจมากที่จะได้พบธามเสียที ตอนที่ธามไปฝึกก็เอาแต่บ่นว่าเมื่อไหร่จะได้พบกันตามประสาคนที่เติบโตมาด้วยกันน่ะครับ” นาซีฟพอยิ้มได้บ้างเมื่อประตูไม่ได้ปิดตายเสียทีเดียว
ดิฮ์ยาสบตาลูกชายอย่างรู้ถึงความคิดของกันและกัน ถึงนาซีฟจะเป็นเพื่อนที่ดี แต่เมื่อมีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องในการหมั้นหมาย การวางตัวของเขาและทุกคนที่เป็นเชื้อพระวงศ์จึงต้องสำรวมและระวังการตกเป็นเครื่องมือของพ่อค้าได้ นาซีฟอยู่คุยอีกครู่เดียวก็ขอตัวกลับ ธามินกลับเข้าห้องแล้วเปลี่ยนจากชุดราชองครักษ์เป็นชุดสำหรับไปวิ่งออกกำลังกายเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกวัน

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ต.ค. 2558, 09:46:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2558, 09:46:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1137





   ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account