ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง

รถจักรยานสีขาวกำลังปั่นผ่านประตูเข้าวังฝ่ายในโดยที่ไม่มีใครออกมาขัดขวาง ลีลาการขี่ฉวัดเฉวียนบ่งบอกถึงความชำนาญของผู้หญิงในชุดกางเกงยีนกับเสื้อยืดซึ่งสวมทับด้วยอบายะห์สีฟ้าอ่อน ริมฝีปากบางกำลังยิ้มชอบใจภายใต้ฮิญาบสีขาว นางกำนัลพาวิ่งตามกันจนเหงื่อตก ยิ่งตามยิ่งอยากแกล้งรถจักรยานเลยปั่นวนแทบจะรอบวัง ชามีลมองซาเมราแล้วได้แต่กอดอกถอนใจ เขามีน้องสาวที่ไร้ซึ่งเป็นความกุลสตรีและยังแก่นแก้วจนน่าปวดหัว การส่งไปเรียนที่อิตาลีคงเปิดโลกเสรีให้ซาเมรามากทำให้กล้าทำในสิ่งที่ผู้หญิงประเทศนี้ไม่กล้าทำเท่าไหร่นัก
นางกำนัลพากันหอบหมดแรงเมื่อวิ่งตามรถจักรยานไม่ไหวแล้ว เจ้าของอบายะห์สีฟ้าอ่อนหัวเราะชอบใจยอมขี่จักรยานกลับมาจอดดีๆ ที่ช่องจอด เฟรมภาพกับกล่องใส่สีถูกถือมาแต่เพียงไม่กี่ก้าวนางกำนัลที่หน้าแดงก่ำเพราะวิ่งจนเหนื่อยก็เข้ามาช่วยถือแล้วตามกันเข้ามาข้างใน
ซาเมราเดินผ่านห้องโถงใหญ่ประดับประดาด้วยคริสตัล เมื่อใดที่เปิดไฟแล้วมองขึ้นมาทำให้เธอแสบตาทุกที พื้นทำจากหินอ่อนที่ใส่ลายอ่อนช้อยทำให้ลื่นล้มบ่อยๆ ซาเมราเคยถูกนางกำนัลอบรมให้สงวนกิริยาอยู่หลายครั้ง เธออยากบอกนักว่าถ้าจะล้มแล้วไม่กางแขนกางขาหาสมดุลคงล้มคะมำเจ็บหนักกว่าเดิมน่ะสิ
“ชีคเสด็จมาเพคะองค์หญิง”
ซาเมรามองไปหาชามีลแต่ไม่เห็น เธอเดาว่าพี่ชายไปนั่งเล่นแถวๆ สวนข้างวังกระมัง
“ช่วยไปบอกพี่ชายให้ทีว่าเดี๋ยวจะไปหา ขอเวลาไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“เพคะ”
ร่างสูงเพรียวรีบเดินเร็วๆ แทนวิ่งเข้ามาในห้องแล้วสั่งให้นางกำนัลที่ตามมารออยู่ข้างนอก แค่ล้างหน้ากับเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ต้องให้ใครมาช่วยก็ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมอยากช่วยเธอกันเสียจริงทั้งที่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง หากใครทำไม่ได้ด้วยตัวเองคงแปลกพิลึก แต่ในวังกลับเป็นเรื่องธรรมดาจนน่าอึดอัดเลยทีเดียว

ชามีลนั่งรอน้องสาวอยู่ในสวนอันร่มรื่นสบายตาแทนที่จะเป็นห้องใดห้องหนึ่ง น้ำที่ใช้ในสวนนี้ก็มาจากระบบชลประทานของประเทศโดยการนำน้ำในทะเลใกล้ๆ มาแยกน้ำจืดออกมาจากเกลือด้วยเทคโนโลยีเรียกว่า reverse osmosis อาศัยหลักการซึมผ่านผนัง (membrane) ราคาสำหรับกระบวนการแยกยังน้อยกว่าน้ำมันซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศมากมายนัก
ในส่วนของวังชั้นในนอกจากเขากับซาเมราที่อยู่ที่นี่แล้ว ยังมีพี่ชายอีกคนที่เกิดจากสนมคนที่สอง แต่เวลานี้เป็นหมออยู่ที่ชายแดน และน้องสาวที่เกิดจากสนมคนที่สามซึ่งเป็นหมอเช่นกัน รายนี้ตระเวนรักษาคนไข้ทั่วนัวเรด์ดีน อาจจะประจำอยู่โรงพยาบาลแถวๆ ชายแดนบางครั้ง
มีเสียงเดินเบาๆ ย่ำเข้ามาใกล้ก่อนที่ร่างเพรียวสูงจะนั่งลงข้างๆ พี่ชาย นางกำนัลและยาซินถอยออกไปยืนกันห่างเพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง
“มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะพี่ชา ทำหน้าเหมือนมีปัญหาใหญ่เท่าภูเขาอีกแล้ว” ตอนเข้ามาเธอที่ได้ยินเสียงถอนใจจากพี่ชายมั่นใจว่าหูไม่ฝาดแน่ๆ
ริมฝีปากหนายิ้มกว้างยกแขนมากอดคอน้องสาวอย่างรักและเอ็นดู ซาเมรามีใบหน้าเหมือนแม่ แต่ชอบใส่ใจคนอื่นๆ เหมือนพ่อ
“อยากเป็นชีคไหมเมรา ถ้าอยากเป็นพี่จะยกตำแหน่งชีคให้เดี๋ยวนี้เลย”
“ทำไมมายกให้ง่ายๆ ล่ะคะ ตำแหน่งนี้เหมาะกับพี่ชามากกว่าอยู่แล้ว เมราคงเป็นผู้นำคนมากๆ ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉะนั้นรับตำแหน่งนี้ไป แล้วขอน้องสาวคนนี้ได้อยู่ใกล้ๆ คอยให้กำลังใจแบบนี้ดีกว่า”
เพียงไม่กี่คำที่ได้ฟังก็ทำให้ชีคชามีลมีกำลังใจ ถ้าเลือกได้เขาไม่อยากเป็นอะไรไปมากกว่าลูกชายของพ่อและพี่ชายของน้องสาว แต่ทุกอย่างได้ถูกกำหนดตั้งแต่เกิดแล้วคงมีเพียงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเท่านั้น
“ขอบใจมากเมรา บอกตามตรงก็ได้ว่าที่พี่มารอวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะถาม เมราบอกพี่ตามตรงได้ไหม”
“ได้อยู่แล้วค่ะ อยากถามอะไรเมราหรือคะพี่ชา”
ชามีลเป็นฝ่ายเงียบไปเสียเอง บางครั้งการดึงอำนาจกลับมาย่อมต้องพึ่งพาคนใกล้ตัว แต่ถ้าซาเมราไม่เต็มใจคนเป็นพี่หรือจะบังคับ
“เมรามีคนรักหรือยัง หลายปีในมิลานอาจทำให้วิถีทะเลทรายของเมราเปลี่ยนไป มาถึงเวลานี้พี่เลยอยากรู้เพื่อความแน่ใจ ถ้าวันหนึ่งเมราจะแต่งงานกับคนที่ดีพร้อมพี่ก็อยากแสดงความยินดีเป็นคนแรก”
ซาเมราหลิ่วตาใส่พี่ชายที่แท้ก็เรื่องนี้เอง สำหรับเธอแล้วการมีคนรักไม่ใช่เรื่องต้องปิดบังพี่ชายสักหน่อย
“ตอนที่อยู่มิลานมีหนุ่มๆ มาจีบเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้เรื่องสักคน หล่อ แต่ไร้สมองก็ไม่มีประโยชน์ เลยโสดเหมือนพี่ชาดีกว่า พี่ชาจะได้ไม่เหงาไงคะ”
ชีคหนุ่มหัวเราะชอบใจน้องสาว เหตุผลที่เขาเป็นโสดไม่ใช่เพราะผู้หญิงที่เข้ามาไม่ได้เรื่อง แต่เป็นเพราะยังมีภาระหน้าที่จนนึกถึงเรื่องส่วนตัวยังไม่ได้ต่างหากล่ะ
“ถ้าพี่หาผู้ชายที่เหมาะสมให้เมราจะดีไหม น้องสาวของพี่จะได้มีคนดีๆ คอยดูแล”
รอยยิ้มหายไปจากเรียวปากสวยกลายเป็นเบ้ไม่ชอบใจขึ้นมาทันที ซาเมราคิดไว้อยู่แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง เชื้อพระวงศ์ไม่ว่าชายหรือหญิงต้องแต่งงานเพื่อพยุงอำนาจของชีคให้มั่นคง เธอรักพี่ชายมากให้ทำอะไรก็ยอมแม้ถึงตายก็ไม่เกี่ยงงอน เพียงแต่ต้องไม่ใช่การต้องแต่งงานกันคนที่ไม่ได้รัก
“ถ้าวันหนึ่งเมราจะแต่งงานก็อยากให้เกิดขึ้นจากความรักค่ะพี่ชา แต่สำหรับตอนนี้เมราอยากใช้ชีวิตอิสระทำในสิ่งที่รักไปก่อน”
ซาเมรารักพี่ชายเพราะไม่เคยบังคับให้เธอเป็นคนที่ดีและเก่งที่สุด แต่เปิดโอกาสให้เธอมีความสุขได้ทำในสิ่งที่รัก ถ้าพี่ชายไม่ช่วยพูดเรื่องเรียนวาดรูป พระบิดาคงไม่อนุญาตให้เธอเรียนที่ไปอิตาลีทั้งที่สิ่งเหล่านี้ช่วยงานของพี่ชายไม่ได้เลย
ชามีลไม่เคยบังคับน้องสาวแล้วจะมาเริ่มทำตอนนี้ได้อย่างไรจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน จนเมื่ออาหารพร้อมสองพี่น้องก็เดินเคียงกันมาในห้องเสวย สมาชิกครอบครัวมีเพียงสี่คนทว่าไม่เคยอยู่ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที แต่ถึงกระนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารยามเย็นก็กลับมามีเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง

สัปดาห์หน้าธามินต้องเข้าวังไปทำหน้าที่ราชองครักษ์แล้วทำให้วันนี้เขาถูกสั่งแกมขอร้องให้ขับรถมารับสาวสวยในตากลมโต เรียวปากบางยามยิ้มช่างน่ามองมายังร้านน้ำชาที่แม่มาดื่มประจำ ร่างสูงเพรียวของนาอินซึ่งใส่ชุดเก๋ไก๋ตามแบบแฟชั่นชั้นสูงทำให้พนักงานต้อนรับพากันมองเพราะดูแปลกตาไม่ค่อยพบเห็นกันนัก ผู้หญิงชาวนัวเรด์ดีนมักใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนหรือไม่ก็ใส่ชุดอบายะห์มิดชิด
สาวๆ หลายคนมองธามินอย่างชื่นชมจนออกนอกหน้า พอนาอินหันไปมองตอบพากันก้มหน้างุด เธอเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่ทำงาน ออกสังคมและแต่งตัวตามแฟชั่น แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ปิดหน้าด้วยญิฮาบเพื่อเอาใจไมราที่ยังเคร่งครัดเรื่องแบบนี้อยู่
ธามินเลื่อนเก้าอี้ให้นาอินนั่งอย่างสุภาพ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยแม้ว่าจะเห็นเธอยิ้มให้ผ่านผ้าโปร่งบาง
“อินดีใจนะคะที่ได้พบพี่ธามเสียที ตอนอยู่ที่โน่นอินไปหาที่พี่ธามยู (university) ก็ไม่เคยพบเลยสักครั้ง พี่ธามเรียนหนักมากหรือคะ” การใช้ชีวิตในต่างประเทศหลายปีทำให้นาอินกล้าพูดในสิ่งที่ผู้หญิงรอบตัวคงได้แต่คิด
“อินอาจจะมาตอนที่พี่ไปปีนเขากระมัง” ธามินคลี่ริมฝีปากนิดหนึ่ง “นอกจากน้ำชาแล้วอินจะทานอะไรอีกไหม”
“ขอเวลาอินดูเมนูก่อนนะคะ”
นาอินสั่งแครมบรูเล่ (Creme Brulee) มาทานเพิ่ม ในขณะที่ธามินสั่งแค่ชาเท่านั้น เขาไม่ชอบกินขนมหวานมาแต่ไหนแต่ไร แต่เพื่อไม่ให้นาอินเก้อเขินเขาเลยสั่งขนมโอมอาลี (Umm Ali) มาเพิ่มอีกอย่าง
“อีกไม่กี่วันพี่ธามต้องเข้าวังแล้ว ต่อไปคงไม่มีเวลาให้อินอีกแล้วน่ะสิคะ”
“ก็...ทำนองนั้น พี่คงไม่มีเวลาเท่าไหร่เพราะต้องทำหน้าที่ให้ดี”
นาอินหุบยิ้มเพราะเท่าที่รู้ธามินไม่ต้องอยู่ในวังตลอดสักหน่อย ราชองครักษ์ประจำพระองค์จะทำงานหกวันและได้หยุดหนึ่งวันนี่นา
“วันก่อนที่พ่อไปหาคุณลุงกับคุณป้า ไปคุยเรื่องอะไรกันหรือคะพี่ธาม พออินถาม พ่อก็ไม่ยอมบอก”
สีหน้าของธามินยังเคร่งขรึม “ก็แค่มาคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปเท่านั้นเอง”
“หรือคะ ถ้าเรื่องแค่นี้ทำไมพ่อต้องปิดบังอินด้วยล่ะคะ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับอินหรือเปล่าเอ่ย”
ธามินกอดอกมองนาอินด้วยความรู้สึกของผู้ชายที่มองผู้หญิงคนหนึ่งไม่ใช่ว่าที่ภรรยาในอนาคต การศึกษาในต่างประเทศทำให้เขาได้อยู่ในสังคมที่ตรงไปตรงมาอย่างที่นาอินกำลังทำอยู่ในตอนนี้ ในเรื่องของความเหมาะสม ชาติตระกูลและการศึกษา นาอินมีคุณสมบัติครบถ้วน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หญิงและชายสร้างครอบครัวที่มีความสุขได้ตลอดรอดฝั่ง
สำหรับตอนนี้ธามินยังไม่อยากคิดเรื่องแต่งงาน การเป็นราชองครักษ์ที่ไม่รู้ว่าหน้าที่จะจบลงที่อายุเท่าไหร่ เรื่องคู่ครองย่อมต้องคิดให้มากเมื่อเทียบกับผู้ชายอาหรับทั่วไป
“ใช่แล้วล่ะ เรื่องนี้เกี่ยวกับนาอินจริงๆ แต่พี่คิดว่าเวลานั้นยังมาไม่ถึงหรอกนะ”
สีหน้าของนาอินเผือดซีดลงในพริบตา เธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อไปคุยอะไร แต่ไม่คิดว่าคำตอบของธามินจะไร้ซึ่งการให้ความหวังแบบนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ อินรอเวลานั้นได้ให้นานเท่าไหร่ก็จะรอ พี่ธามจะได้ไม่กดดันดีไหมคะ”
“พี่ไม่กดดันหรอกอิน พี่รู้เสมอว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในชีวิตเลยจัดลำดับได้ถูก ความรักหรือการแต่งงานเป็นเรื่องสุดท้ายที่พี่จะคิดในเวลานี้”
นาอินวางช้อนอีกคนเมื่อไม่เหลือแล้วซึ่งความรื่นรมย์ ทั้งที่ชาถูกดื่มไปไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ เดทแรกของเธอกับเขาไม่ควรจบลงอย่างรวดเร็วและขมปร่าแบบนี้ เมื่อออกมาจากร้านหญิงสาวคว้าแขนของธามินมากอดไว้แล้วเดินไปตามถนนคนดินซึ่งมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ เธอเห็นการแสดงเพื่อเรี่ยไรเงินไปทำโครงการต่างๆ มีสินค้ามาวางขายคนมุงซื้อกันมากมาย
ธามินเดินไปเรื่อยๆ โดยต้องตอบคำถามของนาอินอยู่หลายครั้ง อย่างเสื่อที่เหมือนหนังสัตว์นั้นเป็นของแท้หรือว่าหนังเทียม ดอกไม้สีสวยมีชื่อว่าอะไร ซึ่งไม่ได้สร้างความน่าเบื่อให้เขาเท่าไหร่นัก จนกระทั่งมาถึงกลุ่มนักวาดที่เขียนป้ายบอกว่าจะนำเงินที่ได้จากการวาดรูปไปช่วยเด็กพิการ
“ไปให้ช่างวาดรูปที่ระลึกกันคนละใบดีไหมอิน จะได้ช่วยเอาเงินเข้าโครงการด้วยดูได้ประโยชน์ดี” เขาชวนนาอินไปนั่งเป็นแบบแทนการเดินไปเรื่อยๆ
“ก็ได้ค่ะพี่ธาม”
นาอินกำลังเมื่อยขาพอดีเลยนั่งลงแล้วปลดผ้าฮิญาบลงก่อนจะเลือกช่างวาดรูปเป็นผู้ชายท่าทางจ๋องๆ คนหนึ่ง ธามินไม่ทันได้เลือกเมื่อเหลือช่างวาดรูปเพียงคนเดียว เขานั่งนิ่งๆ เป็นแบบใช้สายตามองมือที่กำลังพลิ้วไหวของช่างวาดอย่างสนใจ
“คุณจะมองไปทางอื่นหรือขยับตัวบ้างก็ได้นะคะ จะได้ไม่เมื่อยค่ะ”
ช่างวาดส่งเสียงหวานๆ บอกลูกค้า ธามินพยักหน้าแล้วขยับตัวบ้างแต่สายตายังคงมองมือของช่างวาดที่ขยับอยู่ตลอดเวลาราวกับกำลังทำให้พู่กันมีชีวิต ดวงตาสีดำสนิทมองมาเพื่อจำแล้ววาดลงบนกระดาษ กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาตามลม เขาสูดกลิ่นมองหาที่มาของกลิ่นหอมนั้นเมื่อคิดว่าไม่น่าใช่น้ำหอมราคาแพงยี่ห้อดัง แต่เหมือนกลิ่นเดอกไม้ในทะเลทรายมากกว่า
“จะเสร็จหรือยังน่ะช่าง ฉันเริ่มเมื่อยแล้วล่ะ”
เสียงของนาอินดึงความสนใจของช่างวาดและลูกค้าใกล้ๆ เพราะผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เจ้าของดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองหญิงสาวที่มาพร้อมกับลูกค้าของเธอแล้วได้แต่ส่ายหน้าถึงความอดทนที่ต่ำต้อยเหลือเกิน
“คุณไปเดินเล่นสักพักแล้วค่อยมารับภาพวาดก็ได้นะคะ เหลือแค่ลงสีเท่านั้นเองค่ะ”
ธามินพยักหน้ารับรู้ที่ช่างวาดบอก แต่ยังไม่ขยับไปไหน นาอินเลยลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งใกล้ๆ
“ไปเดินเล่นกันก่อนแล้วค่อยกลับมาดีไหมคะพี่ธาม หรือไม่ก็ให้แค่เงินบริจาคก็พอ”
“ดูการแสดงตรงนั้นจากที่นั่งตรงนี้ดีกว่า อินไม่ชอบให้ใครมาเดินเบียดไม่ใช่หรือ”
นาอินไม่เถียงว่ารู้สึกอย่างนั้นจึงยอมนั่งมองการแสดงสลับกับมองใบหน้าของชายที่พึงใจ เธอรู้สึกชอบเขามาเนิ่นนานก่อนไปเรียนที่ยุโรปด้วยซ้ำ คนฉลาดแบบธามินจะไม่รู้เชียวหรือ
ช่างวาดพากันเร่งมือลงสีให้ภาพวาดออกมาสมบูรณ์เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาอันเร่งรีบ ลูกค้าทยอยมาและรอต่อคิว ภาพวาดของนาอินเสร็จแล้ว แต่ของธามินยังต้องใช้เวลาอีกสักนิด ชายคนนั้นไม่ได้เข้ามาเร่งหรือแสดงออกว่าไม่พอใจยังคงดูการแสดงพื้นบ้านต่อไป มีแต่ผู้หญิงที่มาด้วยกันเท่านั้นที่มองมาทางเธอบ่อยครั้ง
“ภาพวาดเสร็จแล้วค่ะ” ช่างวาดสาวป้องปากตะโกนบอก
ธามินเดินมารับภาพวาดที่เหมือนจริงไม่ใช่ภาพวาดล้อเลียนอย่างที่เห็นบ่อยๆ ฝีมือของช่างวาดดูไม่เหมือนพวกสมัครเล่นเพราะแรงปัดของพู่กันเล่นลายสวยและพลิ้วไหวราวกับสายลมที่วาด ไม่ใช้มือสวยๆ คู่นั้น เขายื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง มือบางยื่นมารับเงินแล้วกำไว้ก่อนเดินไปหย่อนให้ยังตู้บริจาค เรียวคิ้วเข้มขมวดเมื่อสังเกตเห็นแหวนที่ผู้หญิงคนนั้นสวมตรงนิ้วนางข้างขวาช่างมันคุ้นตาเหมือนกับเคยเห็นมาก่อน
“ได้รูปแล้วก็ไปกันเถอะค่ะพี่ธาม”
“เดี๋ยวนะอิน พี่คิดว่าพบคนรู้จักน่ะ ถ้างั้นอินรอพี่ตรงนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่รีบกลับมา”
เพียงเสี้ยววินาที่ธามินละสายตามามองนาอิน ช่างวาดคนนั้นก็หายไปหลังจากใส่เงินลงไปในตู้บริจาคแล้ว ร่างสูงรีบเดินแกมวิ่งตามไปพลางมองหาเจ้าของฮิญาบสีฟ้าอ่อน เขาตามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าซอกของตึกจึงไม่รอช้าที่จะวิ่งตามสุดชีวิต

ซาเมราเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปทั้งวังเมื่อเธอช้ากว่าเวลากลับที่นัดไว้กับนางกำนัลเกือบสิบห้านาทีแล้ว เธอมักออกมาจากวังแบบส่วนตัวให้คนติดตามรออยู่ห่างๆ การที่มีคนตามมากย่อมทำให้เกิดความสนจากประชาชนและพวกกบฏที่ยังมีอยู่ โดยไม่รู้ว่าใครเป็นพวกของพวกมันบ้างทำให้ต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
“คุณช่างวาด รอก่อนผมก่อนได้ไหม ผมมีเรื่องจะถามนิดหน่อยครับ”
ซาเมราหันไปมองอย่างไม่ไว้ใจพลางยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น สองหนุ่มสาววิ่งตามกันมาเพียงกี่ก้าวก็พบสิ่งที่น่ากังวลอย่างชายสองคนที่ปิดหน้าปิดตายืนรออยู่ข้างหน้า เธอยืนอยู่ตรงกลางท่ามกลางคนแปลกหน้าเริ่มคิดว่าควรหนีไปทางไหนดี
ธามินเข้ามายืนใกล้ๆ ช่างวาดที่น่าสงสัยแล้วพูดออกไป “ถ้าผมบอกให้วิ่งหนี ก็วิ่งหนีเลยนะ”
ซาเมราผินหน้ามองชายตามเธอมาด้วยสาเหตุไม่ทราบได้ แต่กลับยื่นมือเข้ามาช่วยทั้งที่ไม่ธุระของตนเอง แล้วผู้หญิงที่มาด้วยกันไปไหนเสียแล้ว
“เข้ามาได้เลย แล้วปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป” ธามินบอกแล้วอยู่ในท่าเตรียมพร้อมสู้
ชายสองคนกระโจนเข้าใส่ทันที ธามินผลุนกายเข้าไปบังร่างเพรียวสูงเอาไว้พร้อมกับถีบคนหนึ่งออกไปก่อน แล้วชกหน้าคนที่เหลือเป็นชุด แต่มันยังออกหมัดย้อนเข้าใส่แต่ไม่โดนนัก ชายอีกคนเข้ามาจะรุม ซาเมราเข้าไปช่วยด้วยการกระแทกหมัดเล็กๆ ใส่ก่อนจะซัดหลังมือเข้าที่ลำคอใหญ่จนได้ยินเสียงไอโขลกๆ
ธามินถีบท้องคู่ต่อสู้แล้วจัดหมัดและศอกซ้ำลงไปจนล้มกองก่อนจะหันมาจัดการคนร้ายที่คว้าไม้แถวนั้นได้ หญิงสาวกำลังจะถูกฟาด แต่คนร้ายกลับเงื้อมือค้างกลางอากาศก่อนที่ไม้นั้นจะสนองคืนถูกฟาดจนสะบักสะบอม พวกมันมองหน้าธามินเมื่อเห็นว่าสู้ไม่ได้ก็พากันหนี
“รีบกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้ เจ้าสองคนนั้นผมจะตามไปจัดการพาส่งตำรวจเอง” ธามินสั่งช่างวาดสาวก่อนจะวิ่งตามคนร้ายไป
ซาเมราไม่รอช้าให้ถูกลอบทำร้ายซ้ำรีบวิ่งไปยังจุดที่จอดรถ นางกำนัลแทบจะร้องไห้เมื่อเห็นองค์หญิงกลับมาในที่สุด การเดินทางกลับวังเกิดขึ้นในวินาทีที่ผู้เป็นนายเข้ามานั่งในรถ ซาเมรารู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยชายคนนั้น แต่กลับรีบหนีออกมาตามคำสั่ง นายนั่นสั่งองค์หญิงเชียวนะ คงไม่มีทางรู้ตัวแน่ๆ ว่าทำแบบนี้ได้ในชีวิต ดูจากหน่วยก้านแล้วเขาคงไม่เป็นอะไรมากหรอก เรื่องที่เกิดขึ้นเธอคงต้องปิดเป็นความลับไว้ไม่บอกพี่ชายที่ตอนนี้มีเรื่องให้เครียดมากพอแล้ว

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ต.ค. 2558, 09:31:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ต.ค. 2558, 09:31:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 871





<< ตอนที่ 1 ครึ่งแรก   ตอนที่ 2 ครึ่งแรก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account