พรหมลิขิตกระซิบรัก
นัมแทบง นายแบบหนุ่มผู้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงเจ้าของฉายารอยยิ้มเทวดาหากแต่เมื่ออยู่หลังกล้องเขาคือผู้ชายหน้าเดียวที่มีแววตาดุจน้ำแข็ง....
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
เมื่อพบกับปฎิบัติการดูตัวโดยการชักนำของผู้เป็นพี่สาวที่มีความคิดไม่เหมือนใคร รักครั้งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อเขาได้พบกับกุมาริกาล่ามสาวชาวไทยที่มีแต่ความสดใส เจ้าของดวงตากลมดุจกวางกับบทพิสูจน์ความรักแท้ที่ผู้เป็นพี่มอบให้...
พีมะ ตากล้องมาดเซอร์ประจำนิตยสารวัยรุ่น K magazine กับความรักข้างเดียวตลอด3ปีที่เฝ้าดูแลหญิงสาวอันเป็นที่รักต้องมาสั่นคลอนเพียงแค่เจอนายแบบหนุ่มหน้านิ่ง ซ้ำร้ายได้คู่ปรับเป็นพัคโบรา นางแบบตัวจี๊ดที่เข้ามาป่วนหัวใจให้เขาลังเลกับความรู้สึกแปลกๆที่เธอมอบให้....
กุลธีร์ บอสหนุ่มผู้เชื่อมั่นในความรักแม้จะรู้ว่ารักนี้อาจไม่สมหวังแต่ก็ยังคงรอคอยถึงมันจะผ่านมานานกว่ายี่สิบปีและเธอนัมเริน หญิงสาวสมัยใหม่ผู้ทุ่มเททุกอย่างให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนเกือบเสียบางสิ่งที่สำคัญในชีวิต...
... พรหมลิขิตกระซิบรัก...
Tags: ดารา นางแบบ ซุปตาร์ โรแมนติก ซึ้้ง
ตอน: ตากล้องของฉัน
เช้าวันใหม่...
พีมะครุ่นคิดขณะเดินเข้าบริษัทวันนี้เขาเลือกจะไม่รอกุมาริกา ไม่ใช่เพราะเขาโกรธแต่เพราะเขากลัวเธอโกรธมากกว่าที่ยังไม่สามารถตัดใจเผลอลืมว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาจนสามารถแสดงอาการแย่ๆออกมาได้
ร่างสูงเลี้ยวไปทางห้องขนาดกลางที่ถูกแยกไว้อีกข้างแยกจากส่วนที่เขาใช้ทำงาน มันคือห้องครัวแบบมินิบาร์มีไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อน ตู้เย็น เขามักแวะมาชงกาแฟที่นี่และนำไปดื่มที่โต๊ะทำงานมันช่วยลดอุณภูมิแก้หนาวได้ไม่น้อย
“อันยอง” ตากล้องหนุ่มเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมงานสาวที่หันมายิ้มและทักทายเขาตอบอย่างขัดเขิน เขาเริ่มจะชินกับคนที่นี่บ้างแล้วเริ่มใช้คำสั้นๆที่เขาได้ยินมันบ่อยๆ อย่างคำสวัสดีเมื่อครู่นั่นพอเรารู้จักกันแล้วก็ไม่ต้องใช้อันยองฮาเซโยก็ได้ทักแค่สั้นๆกันไป เดินจิบกาแฟในมือด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นมองไฟในห้องทำงานตัวเองเปิดอยู่ก็แปลกใจหรือว่ากัมมี่ พีมะยิ้มกว้างผลักบานประตูเข้าไป
“เฮ้ย!!ยัยบ้านี่มาทำอะไรอยู่ห้องทำงานคนอื่น”
พีมะแทบจะพ่นกาแฟที่เพิ่งจิบเข้าไปเมื่อครู่ออกมา ทันทีที่เปิดประตูห้องทำงานส่วนตัวเข้าไปแล้วมีร่างโปร่งระหงนั่งไขว่ขาเรียวอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาแทนที่จะเป็นหญิงสาวอีกคนที่เขาคิด รอยยิ้มที่เปิดเมื่อครู่จึงกลายเป็นหุบแทน
“นายนี่เสียมารยาทชะมัดจะพ่นกาแฟใส่ฉันเหรอไง” พัคโบราขึงตาใส่
“คุณเข้ามาทำอะไรในห้องนี้ นี่มันห้องทำงานของผม” พีมะเดินไปประชิดตัวจนร่างบางผงะเมื่อเธอขยับหนีเขาก็แกล้งวางแก้วกาแฟที่ถือลงใกล้ๆ จนคนที่ปากดีเมื่อครู่ถึงกับตัวแข็งเพราะคล้ายกับว่าเธอโดนเขากักตัวไว้ในระยะประชิด
พีมะมองดวงตาโตที่เบิกกว้างอย่างนึกขำนี่เธอทำท่ายังกับว่าเขาจะทำอะไรเธองั้นแหละถึงยกมือขึ้นมากั้นไว้ ตากล้องหนุ่มลดสายตามองที่มือบางยิ้มก่อนดึงจนแทบเป็นกระชากแขนนางแบบสาวแรงๆลงมาจากโต๊ะทำงานของเขา
“เจ็บนะ..บอกดีๆก็ได้” พัคโบราลูบแขนตรงที่โดนดึง มองดูร่างสูงที่เดินไปทิ้งตัวลงที่เก้าอี้แล้วจัดข้าวของทำอย่างกับว่าเธอไม่มีตัวตน
“บอกธุระของคุณมาแล้วออกไปซะผมจะทำงาน”
“นี่นาย...ก็ฉันเป็นงานของนายไม่ใช่เหรอไง ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามนายมากกว่าว่าจะเอายังไง”
นางแบบสาวโน้มตัวเท้าแขนยาวลงกับโต๊ะด้วยอารมณ์โมโหโดยไม่ได้ระวังตัวเองว่าอยู่ในสภาพน่าดูแค่ไหน ด้วยเสื้อยืดคอกว้างที่ทิ้งตัวลงตรงหว่างอกพอดีทำให้พีมะมองเห็นทรวงอิ่มพ้นบราสีหวานเต็มตา
“นี่เธอจะยั่วฉันรึไง” ตากล้องหนุ่มหรี่ตามองยียวน
พัคโบราก้มมองตามสายตาคมก็ต้องกรีดร้องเพราะมุมที่เธอมองมันเห็นทะลุไปจนถึงเอว
“ไอ้....”
พีมะชี้นิ้วใบหน้าขึงประดุจออกคำสั่งโดยไร้คำพูด จนคนที่จะตะโกนว่าเก็บกลืนไม่กล้าโวยวายออกมาให้ได้ยิน ทำให้คนหน้าเข้มต้องแกล้งหยิบจับของทางด้านหลังก่อนที่จะเผลอหัวเราะออกมาเมื่อเห็นใบหน้าสวยชะงักแล้วหันมาทำหน้านิ่งต่อ
“ฉันก็ไม่ได้อยากมานักหรอก” พัคโบราบ่นกับตัวเองเบาๆ
“โน่นประตู เชิญออกไปได้ ถ้าคุณยังมัวพึมพำเป็นภาษาของคุณที่ผมไม่เข้าใจ” ตากล้องมาดเซอร์ขมวดคิ้วมองด้วยความโมโห
“โอเคฉันผิด ฉันขอโทษต่อไปนี้ฉันจะพูดแต่ภาษาอังกฤษให้เป็นไฟเลยกับคุณ ไม่สิตลอดเวลาที่มีคุณอยู่ด้วยเลย” พัคโบราบอกกระตือรือร้น
“เวลาผมทำงาน ผมไม่ชอบคนขัดแล้วก็ไม่อดทน” พีมะกอดอกพูดทำหน้าขรึม
“โอเคฉันจะอดทน จะเชื่อฟังคำแนะนำของคุณพอใจไหม”
นางแบบสาวหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมคล้อยตามเพราะไม่อยากมีปัญหา ที่สำคัญเธอได้เห็นผลงานของเขาแล้วยอมรับว่าเขามีฝีมือเลยทีเดียว อารมณ์ของรูปที่เขาถ่ายสีหน้าช่างแสดงออกถึงความรู้สึกของคนในภาพโดยไม่ต้องพูด
“ไม่ใช่แค่สัญญาพล่อยๆทำให้ได้ด้วย โอเค...ถ้าคุยกันรู้เรื่องแล้วก็เริ่มงานได้ตามผมมา” พีมะลุกขึ้นยืนเดินสวนนางแบบสาวเปิดประตูออกไป
“ค่ะ”
บทจะง่ายก็ทำเอาพัคโบรานึกงงอะไรของเขากันนะ เมื่อกี้ยังไล่เธอไม่หยุด มาตอนนี้บอกให้ตามไปทำงานได้เปลี่ยนอารมณ์ยังกับเปลี่ยนสภาพอากาศ
พัคโบรากัดริมฝีปากบอกกับตัวเองว่าอย่าให้เป็นทีเธอบ้างจะทำให้เชื่องเป็นลูกแมวเลยคอยดู แต่ผ่านมาสองชั่วโมงแล้วที่เธอเหมือนโดนตากล้องจอมกวนแกล้ง ใบหน้าเฉี่ยวบึ้งตึงกับการลองชุดที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมามากว่าสิบชุด นี่เขาอยากเห็นเธออาละวาดใช่ไหม
นางแบบสาวมองชุดที่ถูกยื่นมาตรงหน้า เอื้อมมือไปหยิบไม่ต่างจากกระชากจากมือของทีมงานเพื่อไปเปลี่ยนต่อ พอปรากฏตัวในชุดที่เขาต้องการ หมอนั่นกลับส่ายหัวโบกมือไปมาว่าไม่ผ่านพอๆกับใบหน้าสวยก็ยิ่งหงิกไปเรื่อย
พีมะกลั้นหัวเราะจนปวดกระพุ้งแก้มไปหมด ยิ่งเห็นใบหน้าบูดบึ้งของนางแบบก็ยิ่งอยากแกล้งดูสักตั้ง ไอ้มาดนางแบบขี้วีน ขี้เหวี่ยงนี่เขาเจอมาเยอะแหละแต่ถ้าจะเป็นนางแบบที่ดีได้การอดทนคือสิ่งที่ต้องทำ
ทุกอาชีพต้องมีความอดทนนั่นคือสิ่งที่เขาอยากสอนเธอ ไม่ใช่แค่สวยแต่ต้องรู้จักการวางตัว รู้จักกาลเทศะและนอบน้อมที่สำคัญรู้จักระงับอารมณ์ เมื่อม่านเปิดอีกครั้งเขาจึงหันไปยิ้มแต่คำพูดของเขากลับทำให้นางแบบสาวปรี๊ดแตก
“ผมเปลี่ยนใจแล้วผู้จัดการอี ขอชุดแรกที่ผมหยิบให้เธอ”
“อะไรนะ” สองเสียงที่ประสานขึ้นพร้อมกันจากผู้จัดการนางแบบและนางแบบ
“นี่นายจะแกล้งฉันใช่ไหมให้ฉันเปลี่ยนเป็นสิบชุดแล้วมาเลือกชุดแรกเนี่ยนะ” พัคโบรายกแขนเท้าเอวจิกตาเอาเรื่อง
“จุ๊ๆ ผมเป็นตากล้องนะคุณผมย่อมอยากเลือกชุดที่เหมาะกับนางแบบที่สุดไม่ใช่เหมาะกับคุณ การเป็นไม้แขวนเสื้อที่ดีมันมาจากภาพลักษณ์ที่แสดงออกด้วย ไม่ว่าจะชุดไหน ดีไซน์หรูหรือไม่มียี่ห้อ แต่ไม้แขวนเสื้อต้องทำหน้าที่ดึงดูดและทำให้เสื้อผ้าพวกนั้นดูดีให้ได้ คนดูเขาถึงอยากจะเลือกซื้อหรือคุณคิดว่าของที่กองรวมๆไว้มันน่าสนใจกว่าการเอามาใส่ไม้แขวนล่ะคุณพัคโบรา” พีมะสบตานางแบบสาวนิ่ง
คำพูดที่ปราศจาการล้อเล่นและเธอก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นการเตือนอย่างจริงใจไม่ใช่ดูถูก จึงทำให้เธอหยิบชุดที่เขายื่นมาตรงหน้าไปเปลี่ยนอย่างระงับอารมณ์บ่นกับตัวเองว่า เขาแค่อยากทดสอบเธอสินะรู้จักคนอย่างพัคโบราน้อยไปซะแล้ว คนอย่างเธอไม่ใช่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อนะเธอก็อดทนได้ไม่แพ้วัวเลยเหมือนกัน เกาะอกสีขาวพอดีขอบกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๊รัดรูปสีทองถูกนำมาใส่อีกครั้ง พัคโบรามองตัวเองในกระจกก่อนสยายผมสีทองให้มีโวลุ่มดูเซ็กซี่
“แล้วนายจะต้องเปลี่ยนทัศนะคติใหม่เกี่ยวกับการมองฉันไอ้ตากล้องสุดแสบ”
“อืมใช้ได้” ตากล้องหนุ่มหันมามองดูผ่านๆแล้วเซตกล้องถ่ายรูปเพื่อเตรียมถ่าย
นางแบบสาวกัดปากหมั้นไส้ในขณะที่ทุกคนต่างมองเธอด้วยสายตาชื่นชมแต่หมอนี่กลับบอกว่าแค่ใช้ได้ ช่างไม่มีเซ้นส์สักนิดเป็นตากล้องที่ขี้เต๊ะจริงๆ
“เอ้าคุณจะยืนแข็งเป็นหินรึไง โพสท่าเข้าสิ” พีมะเอ่ยเสียงเข้ม เขาเองก็อดใจสั่นกับขายาวๆขาวๆนั่นไม่ได้เหมือนกันแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ไม่งั้นยัยตัวแสบต้องหัวเราะเยาะเขาเป็นแน่ คราวนี้คงด่าเขาว่าไอ้หื่นแทนไอ้โรคจิตละทีนี้
“พักก่อน...ผมว่าคุณต้องเข้าใจอาชีพนางแบบผิดไปแน่ๆ ผมให้คุณโพสท่านี่คุณใช้เวลานานกว่าการลองชุดอีกนะ”
“ฉันก็โพสแล้วไง นี่นายจะหาเรื่องฉันรึไง โพสจนเมื่อยไปทั้งตัวแล้วด้วย”
“ผมถึงบอกว่าคุณเข้าใจการเป็นแบบผิดไปไง คุณทำบ้าอะไรบิดตัวทำปากจู๋ ผมไม่ได้ถ่ายภาพปลุกใจเสือป่านะคุณไม่ต้องล่อตะเข้ขนาดนั้นก็ได้”
“นี่นายมันจะมากเกินไปแล้วนะ” พัคโบราเท้าเอวพร้อมมีเรื่อง
“ใจเย็นโบราเขาเป็นตากล้องมืออาชีพนะ” ผู้จัดการอีปลอบให้นางแบบสาวใจเย็นลง
“งั้นนายก็บอกมาสิว่าฉันจะต้องทำท่าแบบไหนนายถึงจะพอใจ นี่ก็ปาไปสามชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่เห็นจะได้เรื่องเลย อย่าดีแต่พูดซิ”
“คุณนั่นแหละอย่าดีแต่พูดหรือใช้อารมณ์เป็นอย่างเดียว คุณเอาแต่โพสส่วนที่คุณคิดว่าดึงดูดแต่ปราศจากความเป็นธรรมชาติหรือตัวตนคุณสักนิด ผมไม่เถียงว่าคุณมีรูปร่างที่ดี ส่วนเว้าส่วนโค้งเรียกว่าดีเลยล่ะแต่คุณต้องการโชว์อะไรในโปรไฟล์ของคุณล่ะ”
พีมะใช้แววตาในแบบที่นางแบบสาวเกลียดมองและหยุดในส่วนที่ผู้ชายทุกคนก็คงทำแบบเขา จนพัคโบราต้องเลื่อนมือมาปิดส่วนที่ถูกมองและทำตาจิกใส่
“ผู้จัดการเราเปลี่ยนตากล้องไม่ได้เหรอดูสายตาเข้าสิโรคจิตชัดๆ”
“ก็แล้วแต่คุณนะ ผมน่ะคงไม่ตกงานเพียงเพราะแค่ไม่ได้ถ่ายนางแบบสมัครเล่นแบบคุณหรอก”
“นายว่าใครมือสมัครเล่น นายนั่นแหละวางท่าเป็นตากล้องใหญ่อย่าคิดว่าถ่ายรูปสวยหน่อยจะมาเต๊ะยังไงก็ได้นะ”
“เฮ้อ!!ผมเบื่อจะพูดกับคุณแล้วนะ” พีมะเริ่มหัวเสีย
“ฉันก็...”ยังไม่ทันที่นางแบบสาวจะขัดอะไรเสียงจากทางด้านหลังก็ทำเอาทุกเสียงเงียบสนิท
“รู้สึกว่างานน่าจะกำลังยากลำบากอยู่นะพีมะชิ” นัมเยรินยิ้มส่งให้
“สวัสดีครับประธานนัม”พีมะก้มหัวเล็กน้อยเป็นการทักทายก่อนเหลือบตามองตัวปัญหาที่ยืนแลบลิ้นส่งมาให้
“ผมคิดว่านางแบบน่าจะมีปัญหาอาจจะอยากเปลี่ยนตัวช่างภาพก็เป็นได้”
“ทำไมโบรา เธอไม่พอใจตากล้องของฉันเหรอ” ยิ้มเย็นที่ถูกส่งมาโดยเจ้าของนัมโมเดลทำให้ใบหน้ามุ่ยเมื่อครู่เจื่อนลง
“ก็เขาทั้งแกล้งให้ฉันลองชุดตั้งมากแถมให้โพสท่าจนเมื่อยไปทั้งตัวแต่กลับบอกว่าไม่มีภาพที่ดีสักภาพมันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะท่านประธาน”
“จริงเหรอพีมะชิ” ประธานสาวเอ่ยถาม
“ผมแค่คิดว่ามันไม่เหมาะกับเธอก็แค่นั้น”
“ฉันว่ามันก็ดูสวยนะ” นัมเยรินก้มดูภาพนางแบบสาวในมอนิเตอร์และยิ้มออกมา
“ครับ..นางแบบของคุณสวยมากผมไม่เถียงและสิ่งที่นางแบบคุณมีมันก็มีในนางแบบทั่วๆไปอยู่แล้ว ถ้าจะถ่ายภาพทั่วไปไม่ต้องใช้ผมก็ได้แต่เป็นใครถ่ายก็ได้” พีมะบอกอย่างถือดี
นัมเยรินมองตากล้องหนุ่มแล้วยิ้ม เธอเห็นความมั่นใจอยู่ในนั้นจึงทำให้ประธานสาวถอนหานใจออกมาส่งยิ้มหวาน
“โอเค...ฉันมั่นใจในตัวคุณ ฉันคิดว่าจะรอดูภาพที่แสดงถึงตัวตนของโบรา มันคงเป็นภาพที่คณะกรรมการต้องหยิบและเลือก
เธอเข้าสู่การประกวดครั้งนี้ ฉันคาดหวังกับมันนะพีมะชิ”
คำพูดและแววตาของประธานคนสวยแห่งนัมโมเดล เขารับรู้ได้ว่าเธอรู้ดีว่าเขาแกล้งนางแบบของเธอเพียงแค่สั่งสอน แต่สิ่งที่เธอคาดหวังว่าสิ่งที่เขาทำ มันจะทำให้นางแบบของเธอประสบความสำเร็จได้นี่สิ มันทำให้เขารู้สึกอดกดดันไม่ได้
“ครับประธานนัม”
“เธอด้วยโบรา ถ้าเธอไม่เชื่อใจคนที่มองเธอผ่านเลนส์กล้องแล้ว เธอคิดว่าใครจะมองเห็นสิ่งที่เธอมีและดึงมันออกมาได้ล่ะ ถ้าเธอคิดว่าเธออยากเป็นนางแบบมืออาชีพเธอต้องเชื่อใจตากล้องของเธอ คนที่จะทำให้เธอสวยหรือน่าสนใจได้คือตากล้องไม่ใช่เหรอ ฉันหวังว่าฉันจะได้เห็นรูปที่ดีๆนั่นนะ”
ประธานนัมโมเดลจากไปทิ้งคำพูดที่ทำให้เธอต้องมองใบหน้ากวนซะใหม่แค่เธอเชื่อใจเขาก็พอใช่ไหม
เสียงถอนหายใจพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไปทำให้พีมะดูแปลกใจกับการกระทำของคู่ปรับ เธอโค้งให้เขาอีกครั้งแต่คราวนี้ทำมุมเรียกได้ว่า90องศาก็ว่าได้ คำพูดของเธอก็ทำให้เขาต้องถอนหายใจด้วยเหมือนกันดูเหมือนเธอจะจริงจังกับงานนี้มากเขารู้สึกถึงมันได้
“ช่วยทำให้ฉันได้รับเลือกในครั้งนี้ด้วยคะ”
“ผู้จัดการอี ช่วยให้ทุกคนออกไปจากห้องด้วยผมอยากถ่ายเธอตามลำพัง”
สิ้นเสียงเข้มก็ทำให้นางแบบสาวหันไปมองเขาเต็มตา ก่อนจะวูบไหวในอกแปลกๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มปรากฎอยู่บนใบหน้ากวนที่มีไรหนวดที่ปล่อยขึ้นบางๆบดบังไว้ ถึงจะดูดีแต่ถ้าถูกโกนออกจนเรียบเธอว่ามันคงดูดีกว่านี้มาก นี่เธอคิดอะไรของเธอเนี่ยก่อนจะยกมือขึ้นพัดระบายอากาศร้อนแปลกๆเมื่อตากล้องหนุ่มหันไปเช็คภาพที่หน้าจอมอนิเตอร์
“เอาล่ะคุณลองมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้เป็นธรรมชาติ โอเคนะ” พีมะบอกถึงอารมณ์ที่เขาต้องการจากนางแบบสาว
พัคโบราพยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ต้องหน้ามุ่ยเมื่อเสียงตากล้องดูเข้มขึ้นอีกเมื่อเธอยิ้มยังไงก็ไม่ถูกใจ
“จะให้ฉันยิ้มยังไงเล่า ยิ้มจนเหงือกแห้งไปหมดแล้วเนี่ย”
“เฮ้อ!!คุณนึกว่าผมไม่เมื่อยรึไง ผมแบกกล้องในมือยกขึ้นยกลงมาสามชั่วโมงกว่าแล้วเนี่ย สงสัยเดือนนี้ผมคงไม่ต้องเข้าฟิตเนตแน่ๆ”
“นี่นายจะกวนฉันรึไง” นางแบบสาวเริ่มส่งตาจิกอีกครั้งอย่างเอาเรื่องจนพีมะต้องยกมือยอมแพ้
“เอาล่ะ..ผมยอมแพ้ โบราผมเรียกคุณแบบนี้ได้ไหม” น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรทำเอาใจนางแบบสาวใจเต้นแปลกๆ ก่อนพยักหน้าหงึกๆ
“อืม”
“โอเค...ที่นี้คุณลองมองผมแบบมองคนรักนะแบบประหม่าปนเขินอะไรประมาณนี้”
“ฮอล...มองคุณแบบคนรักนี่นะ” พัคโบราอุทานประหลาดใจกับอารมณ์ที่ตากล้องต้องการ
“ผมแค่สมมุติถ้าอยากเป็นมืออาชีพคุณต้องทำอารมณ์ได้ทั้งนั้นแหละ อย่ายิ้มอย่างนั้นมันแข็งไป คุณไม่เคยมีแฟนรึไง”
“เคยสิ ฉันสวยขนาดนี้นายยังคิดว่าจะไม่มีคนมาจีบฉันรึไง”
ตากล้องหนุ่มอมยิ้ม กับท่าทางเหมือนเด็กๆของนางแบบตรงหน้าที่ยกมือขึ้นทาบแก้มทั้งสองข้าง ก่อนลงมือกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ ก่อนลดกล้องลงมองตอบคำถามเมื่อครู่
“ผมก็คิดว่าคุณสวยเหมือนที่คนอื่นมองนั่นแหละ”
สิ้นคำตอบมือบางก็ลดจากแก้มมามาเป็นกอดอก “จู่ๆก็ชมขึ้นมาฉันก็เขินเหมือนกันนะ”
“มองมาที่ผม” พีมะยังคงออกคำสั่งพร้อมมองเธอผ่านเลนส์ ภาพหญิงสาวที่ยกมือข้างที่กอดอกเมื่อครู่ขึ้นมาจับริมฝีปากข้างนึงแก้อาการเขินมันดึงดูดจนทำให้เขารัวชัตเตอร์ในมือไม่ยั้ง
ดวงตาโตคมหยุดนิ่งมีแววเขินอายปนขี้เล่นซ่อนอยู่ในที และอีกหลายภาพที่เธอทำอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อปราศจากอคติและความกังวล
“ว้าว..ยังกับไม่ใช่ฉันเลยหน้าแบบนี้” พัคโบรามองใบหน้าตนเองที่กำลังมองมา เธอเหมือนวัยรุ่นขี้เล่นแสนซนเท่านั้นไม่มีความเซ็กซี่ใดๆ แต่กลับไม่ขัดกับชุดที่แสนจะเซ็กซี่สักนิดมันดูสนุกขี้เล่นและมีเสน่ห์
“นี่คือคุณไงโบรา ไม่ต้องพยายามให้ดูเหนื่อยแค่เป็นธรรมชาติเข้าไว้คุณก็ดูดีมากแล้วเชื่อสิ”
“อืม..ฉันเชื่อคุณ” พัคโบรายิ้มให้อย่างจริงใจเป็นครั้งแรก น่าแปลกทั้งที่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนเธอยังอยากอาละวาดเปลี่ยนตากล้องอยู่เลย แต่พอเห็นภาพที่เขาถ่ายออกมาเธอก็รู้สึกอยากทำอย่างที่ประธานนัมบอกขึ้นมา แค่เชื่อใจตากล้องของเธอ...
“ตากล้องของฉันงั้นเหรอ...ไม่นี่ฉันคิดบ้าๆอะไรเนี่ย” นางแบบสาวบอกตนเอง แอบมองซีกหน้าที่เอาแต่ดุเธอมาทั้งวันเงียบๆเวลาไม่พูดนี่ก็ดูดีเหมือนกันนะ
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
เริ่มอยากเพิ่มคู่ให้กับตากล้องบ้างเขียนแล้วนึกสงสารคนแอบรักเลยจับคู่นางแบบขี้วีนให้ซะเลย
พีมะครุ่นคิดขณะเดินเข้าบริษัทวันนี้เขาเลือกจะไม่รอกุมาริกา ไม่ใช่เพราะเขาโกรธแต่เพราะเขากลัวเธอโกรธมากกว่าที่ยังไม่สามารถตัดใจเผลอลืมว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาจนสามารถแสดงอาการแย่ๆออกมาได้
ร่างสูงเลี้ยวไปทางห้องขนาดกลางที่ถูกแยกไว้อีกข้างแยกจากส่วนที่เขาใช้ทำงาน มันคือห้องครัวแบบมินิบาร์มีไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อน ตู้เย็น เขามักแวะมาชงกาแฟที่นี่และนำไปดื่มที่โต๊ะทำงานมันช่วยลดอุณภูมิแก้หนาวได้ไม่น้อย
“อันยอง” ตากล้องหนุ่มเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมงานสาวที่หันมายิ้มและทักทายเขาตอบอย่างขัดเขิน เขาเริ่มจะชินกับคนที่นี่บ้างแล้วเริ่มใช้คำสั้นๆที่เขาได้ยินมันบ่อยๆ อย่างคำสวัสดีเมื่อครู่นั่นพอเรารู้จักกันแล้วก็ไม่ต้องใช้อันยองฮาเซโยก็ได้ทักแค่สั้นๆกันไป เดินจิบกาแฟในมือด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นมองไฟในห้องทำงานตัวเองเปิดอยู่ก็แปลกใจหรือว่ากัมมี่ พีมะยิ้มกว้างผลักบานประตูเข้าไป
“เฮ้ย!!ยัยบ้านี่มาทำอะไรอยู่ห้องทำงานคนอื่น”
พีมะแทบจะพ่นกาแฟที่เพิ่งจิบเข้าไปเมื่อครู่ออกมา ทันทีที่เปิดประตูห้องทำงานส่วนตัวเข้าไปแล้วมีร่างโปร่งระหงนั่งไขว่ขาเรียวอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาแทนที่จะเป็นหญิงสาวอีกคนที่เขาคิด รอยยิ้มที่เปิดเมื่อครู่จึงกลายเป็นหุบแทน
“นายนี่เสียมารยาทชะมัดจะพ่นกาแฟใส่ฉันเหรอไง” พัคโบราขึงตาใส่
“คุณเข้ามาทำอะไรในห้องนี้ นี่มันห้องทำงานของผม” พีมะเดินไปประชิดตัวจนร่างบางผงะเมื่อเธอขยับหนีเขาก็แกล้งวางแก้วกาแฟที่ถือลงใกล้ๆ จนคนที่ปากดีเมื่อครู่ถึงกับตัวแข็งเพราะคล้ายกับว่าเธอโดนเขากักตัวไว้ในระยะประชิด
พีมะมองดวงตาโตที่เบิกกว้างอย่างนึกขำนี่เธอทำท่ายังกับว่าเขาจะทำอะไรเธองั้นแหละถึงยกมือขึ้นมากั้นไว้ ตากล้องหนุ่มลดสายตามองที่มือบางยิ้มก่อนดึงจนแทบเป็นกระชากแขนนางแบบสาวแรงๆลงมาจากโต๊ะทำงานของเขา
“เจ็บนะ..บอกดีๆก็ได้” พัคโบราลูบแขนตรงที่โดนดึง มองดูร่างสูงที่เดินไปทิ้งตัวลงที่เก้าอี้แล้วจัดข้าวของทำอย่างกับว่าเธอไม่มีตัวตน
“บอกธุระของคุณมาแล้วออกไปซะผมจะทำงาน”
“นี่นาย...ก็ฉันเป็นงานของนายไม่ใช่เหรอไง ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามนายมากกว่าว่าจะเอายังไง”
นางแบบสาวโน้มตัวเท้าแขนยาวลงกับโต๊ะด้วยอารมณ์โมโหโดยไม่ได้ระวังตัวเองว่าอยู่ในสภาพน่าดูแค่ไหน ด้วยเสื้อยืดคอกว้างที่ทิ้งตัวลงตรงหว่างอกพอดีทำให้พีมะมองเห็นทรวงอิ่มพ้นบราสีหวานเต็มตา
“นี่เธอจะยั่วฉันรึไง” ตากล้องหนุ่มหรี่ตามองยียวน
พัคโบราก้มมองตามสายตาคมก็ต้องกรีดร้องเพราะมุมที่เธอมองมันเห็นทะลุไปจนถึงเอว
“ไอ้....”
พีมะชี้นิ้วใบหน้าขึงประดุจออกคำสั่งโดยไร้คำพูด จนคนที่จะตะโกนว่าเก็บกลืนไม่กล้าโวยวายออกมาให้ได้ยิน ทำให้คนหน้าเข้มต้องแกล้งหยิบจับของทางด้านหลังก่อนที่จะเผลอหัวเราะออกมาเมื่อเห็นใบหน้าสวยชะงักแล้วหันมาทำหน้านิ่งต่อ
“ฉันก็ไม่ได้อยากมานักหรอก” พัคโบราบ่นกับตัวเองเบาๆ
“โน่นประตู เชิญออกไปได้ ถ้าคุณยังมัวพึมพำเป็นภาษาของคุณที่ผมไม่เข้าใจ” ตากล้องมาดเซอร์ขมวดคิ้วมองด้วยความโมโห
“โอเคฉันผิด ฉันขอโทษต่อไปนี้ฉันจะพูดแต่ภาษาอังกฤษให้เป็นไฟเลยกับคุณ ไม่สิตลอดเวลาที่มีคุณอยู่ด้วยเลย” พัคโบราบอกกระตือรือร้น
“เวลาผมทำงาน ผมไม่ชอบคนขัดแล้วก็ไม่อดทน” พีมะกอดอกพูดทำหน้าขรึม
“โอเคฉันจะอดทน จะเชื่อฟังคำแนะนำของคุณพอใจไหม”
นางแบบสาวหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมคล้อยตามเพราะไม่อยากมีปัญหา ที่สำคัญเธอได้เห็นผลงานของเขาแล้วยอมรับว่าเขามีฝีมือเลยทีเดียว อารมณ์ของรูปที่เขาถ่ายสีหน้าช่างแสดงออกถึงความรู้สึกของคนในภาพโดยไม่ต้องพูด
“ไม่ใช่แค่สัญญาพล่อยๆทำให้ได้ด้วย โอเค...ถ้าคุยกันรู้เรื่องแล้วก็เริ่มงานได้ตามผมมา” พีมะลุกขึ้นยืนเดินสวนนางแบบสาวเปิดประตูออกไป
“ค่ะ”
บทจะง่ายก็ทำเอาพัคโบรานึกงงอะไรของเขากันนะ เมื่อกี้ยังไล่เธอไม่หยุด มาตอนนี้บอกให้ตามไปทำงานได้เปลี่ยนอารมณ์ยังกับเปลี่ยนสภาพอากาศ
พัคโบรากัดริมฝีปากบอกกับตัวเองว่าอย่าให้เป็นทีเธอบ้างจะทำให้เชื่องเป็นลูกแมวเลยคอยดู แต่ผ่านมาสองชั่วโมงแล้วที่เธอเหมือนโดนตากล้องจอมกวนแกล้ง ใบหน้าเฉี่ยวบึ้งตึงกับการลองชุดที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมามากว่าสิบชุด นี่เขาอยากเห็นเธออาละวาดใช่ไหม
นางแบบสาวมองชุดที่ถูกยื่นมาตรงหน้า เอื้อมมือไปหยิบไม่ต่างจากกระชากจากมือของทีมงานเพื่อไปเปลี่ยนต่อ พอปรากฏตัวในชุดที่เขาต้องการ หมอนั่นกลับส่ายหัวโบกมือไปมาว่าไม่ผ่านพอๆกับใบหน้าสวยก็ยิ่งหงิกไปเรื่อย
พีมะกลั้นหัวเราะจนปวดกระพุ้งแก้มไปหมด ยิ่งเห็นใบหน้าบูดบึ้งของนางแบบก็ยิ่งอยากแกล้งดูสักตั้ง ไอ้มาดนางแบบขี้วีน ขี้เหวี่ยงนี่เขาเจอมาเยอะแหละแต่ถ้าจะเป็นนางแบบที่ดีได้การอดทนคือสิ่งที่ต้องทำ
ทุกอาชีพต้องมีความอดทนนั่นคือสิ่งที่เขาอยากสอนเธอ ไม่ใช่แค่สวยแต่ต้องรู้จักการวางตัว รู้จักกาลเทศะและนอบน้อมที่สำคัญรู้จักระงับอารมณ์ เมื่อม่านเปิดอีกครั้งเขาจึงหันไปยิ้มแต่คำพูดของเขากลับทำให้นางแบบสาวปรี๊ดแตก
“ผมเปลี่ยนใจแล้วผู้จัดการอี ขอชุดแรกที่ผมหยิบให้เธอ”
“อะไรนะ” สองเสียงที่ประสานขึ้นพร้อมกันจากผู้จัดการนางแบบและนางแบบ
“นี่นายจะแกล้งฉันใช่ไหมให้ฉันเปลี่ยนเป็นสิบชุดแล้วมาเลือกชุดแรกเนี่ยนะ” พัคโบรายกแขนเท้าเอวจิกตาเอาเรื่อง
“จุ๊ๆ ผมเป็นตากล้องนะคุณผมย่อมอยากเลือกชุดที่เหมาะกับนางแบบที่สุดไม่ใช่เหมาะกับคุณ การเป็นไม้แขวนเสื้อที่ดีมันมาจากภาพลักษณ์ที่แสดงออกด้วย ไม่ว่าจะชุดไหน ดีไซน์หรูหรือไม่มียี่ห้อ แต่ไม้แขวนเสื้อต้องทำหน้าที่ดึงดูดและทำให้เสื้อผ้าพวกนั้นดูดีให้ได้ คนดูเขาถึงอยากจะเลือกซื้อหรือคุณคิดว่าของที่กองรวมๆไว้มันน่าสนใจกว่าการเอามาใส่ไม้แขวนล่ะคุณพัคโบรา” พีมะสบตานางแบบสาวนิ่ง
คำพูดที่ปราศจาการล้อเล่นและเธอก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นการเตือนอย่างจริงใจไม่ใช่ดูถูก จึงทำให้เธอหยิบชุดที่เขายื่นมาตรงหน้าไปเปลี่ยนอย่างระงับอารมณ์บ่นกับตัวเองว่า เขาแค่อยากทดสอบเธอสินะรู้จักคนอย่างพัคโบราน้อยไปซะแล้ว คนอย่างเธอไม่ใช่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อนะเธอก็อดทนได้ไม่แพ้วัวเลยเหมือนกัน เกาะอกสีขาวพอดีขอบกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๊รัดรูปสีทองถูกนำมาใส่อีกครั้ง พัคโบรามองตัวเองในกระจกก่อนสยายผมสีทองให้มีโวลุ่มดูเซ็กซี่
“แล้วนายจะต้องเปลี่ยนทัศนะคติใหม่เกี่ยวกับการมองฉันไอ้ตากล้องสุดแสบ”
“อืมใช้ได้” ตากล้องหนุ่มหันมามองดูผ่านๆแล้วเซตกล้องถ่ายรูปเพื่อเตรียมถ่าย
นางแบบสาวกัดปากหมั้นไส้ในขณะที่ทุกคนต่างมองเธอด้วยสายตาชื่นชมแต่หมอนี่กลับบอกว่าแค่ใช้ได้ ช่างไม่มีเซ้นส์สักนิดเป็นตากล้องที่ขี้เต๊ะจริงๆ
“เอ้าคุณจะยืนแข็งเป็นหินรึไง โพสท่าเข้าสิ” พีมะเอ่ยเสียงเข้ม เขาเองก็อดใจสั่นกับขายาวๆขาวๆนั่นไม่ได้เหมือนกันแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ไม่งั้นยัยตัวแสบต้องหัวเราะเยาะเขาเป็นแน่ คราวนี้คงด่าเขาว่าไอ้หื่นแทนไอ้โรคจิตละทีนี้
“พักก่อน...ผมว่าคุณต้องเข้าใจอาชีพนางแบบผิดไปแน่ๆ ผมให้คุณโพสท่านี่คุณใช้เวลานานกว่าการลองชุดอีกนะ”
“ฉันก็โพสแล้วไง นี่นายจะหาเรื่องฉันรึไง โพสจนเมื่อยไปทั้งตัวแล้วด้วย”
“ผมถึงบอกว่าคุณเข้าใจการเป็นแบบผิดไปไง คุณทำบ้าอะไรบิดตัวทำปากจู๋ ผมไม่ได้ถ่ายภาพปลุกใจเสือป่านะคุณไม่ต้องล่อตะเข้ขนาดนั้นก็ได้”
“นี่นายมันจะมากเกินไปแล้วนะ” พัคโบราเท้าเอวพร้อมมีเรื่อง
“ใจเย็นโบราเขาเป็นตากล้องมืออาชีพนะ” ผู้จัดการอีปลอบให้นางแบบสาวใจเย็นลง
“งั้นนายก็บอกมาสิว่าฉันจะต้องทำท่าแบบไหนนายถึงจะพอใจ นี่ก็ปาไปสามชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่เห็นจะได้เรื่องเลย อย่าดีแต่พูดซิ”
“คุณนั่นแหละอย่าดีแต่พูดหรือใช้อารมณ์เป็นอย่างเดียว คุณเอาแต่โพสส่วนที่คุณคิดว่าดึงดูดแต่ปราศจากความเป็นธรรมชาติหรือตัวตนคุณสักนิด ผมไม่เถียงว่าคุณมีรูปร่างที่ดี ส่วนเว้าส่วนโค้งเรียกว่าดีเลยล่ะแต่คุณต้องการโชว์อะไรในโปรไฟล์ของคุณล่ะ”
พีมะใช้แววตาในแบบที่นางแบบสาวเกลียดมองและหยุดในส่วนที่ผู้ชายทุกคนก็คงทำแบบเขา จนพัคโบราต้องเลื่อนมือมาปิดส่วนที่ถูกมองและทำตาจิกใส่
“ผู้จัดการเราเปลี่ยนตากล้องไม่ได้เหรอดูสายตาเข้าสิโรคจิตชัดๆ”
“ก็แล้วแต่คุณนะ ผมน่ะคงไม่ตกงานเพียงเพราะแค่ไม่ได้ถ่ายนางแบบสมัครเล่นแบบคุณหรอก”
“นายว่าใครมือสมัครเล่น นายนั่นแหละวางท่าเป็นตากล้องใหญ่อย่าคิดว่าถ่ายรูปสวยหน่อยจะมาเต๊ะยังไงก็ได้นะ”
“เฮ้อ!!ผมเบื่อจะพูดกับคุณแล้วนะ” พีมะเริ่มหัวเสีย
“ฉันก็...”ยังไม่ทันที่นางแบบสาวจะขัดอะไรเสียงจากทางด้านหลังก็ทำเอาทุกเสียงเงียบสนิท
“รู้สึกว่างานน่าจะกำลังยากลำบากอยู่นะพีมะชิ” นัมเยรินยิ้มส่งให้
“สวัสดีครับประธานนัม”พีมะก้มหัวเล็กน้อยเป็นการทักทายก่อนเหลือบตามองตัวปัญหาที่ยืนแลบลิ้นส่งมาให้
“ผมคิดว่านางแบบน่าจะมีปัญหาอาจจะอยากเปลี่ยนตัวช่างภาพก็เป็นได้”
“ทำไมโบรา เธอไม่พอใจตากล้องของฉันเหรอ” ยิ้มเย็นที่ถูกส่งมาโดยเจ้าของนัมโมเดลทำให้ใบหน้ามุ่ยเมื่อครู่เจื่อนลง
“ก็เขาทั้งแกล้งให้ฉันลองชุดตั้งมากแถมให้โพสท่าจนเมื่อยไปทั้งตัวแต่กลับบอกว่าไม่มีภาพที่ดีสักภาพมันไม่เกินไปหน่อยเหรอคะท่านประธาน”
“จริงเหรอพีมะชิ” ประธานสาวเอ่ยถาม
“ผมแค่คิดว่ามันไม่เหมาะกับเธอก็แค่นั้น”
“ฉันว่ามันก็ดูสวยนะ” นัมเยรินก้มดูภาพนางแบบสาวในมอนิเตอร์และยิ้มออกมา
“ครับ..นางแบบของคุณสวยมากผมไม่เถียงและสิ่งที่นางแบบคุณมีมันก็มีในนางแบบทั่วๆไปอยู่แล้ว ถ้าจะถ่ายภาพทั่วไปไม่ต้องใช้ผมก็ได้แต่เป็นใครถ่ายก็ได้” พีมะบอกอย่างถือดี
นัมเยรินมองตากล้องหนุ่มแล้วยิ้ม เธอเห็นความมั่นใจอยู่ในนั้นจึงทำให้ประธานสาวถอนหานใจออกมาส่งยิ้มหวาน
“โอเค...ฉันมั่นใจในตัวคุณ ฉันคิดว่าจะรอดูภาพที่แสดงถึงตัวตนของโบรา มันคงเป็นภาพที่คณะกรรมการต้องหยิบและเลือก
เธอเข้าสู่การประกวดครั้งนี้ ฉันคาดหวังกับมันนะพีมะชิ”
คำพูดและแววตาของประธานคนสวยแห่งนัมโมเดล เขารับรู้ได้ว่าเธอรู้ดีว่าเขาแกล้งนางแบบของเธอเพียงแค่สั่งสอน แต่สิ่งที่เธอคาดหวังว่าสิ่งที่เขาทำ มันจะทำให้นางแบบของเธอประสบความสำเร็จได้นี่สิ มันทำให้เขารู้สึกอดกดดันไม่ได้
“ครับประธานนัม”
“เธอด้วยโบรา ถ้าเธอไม่เชื่อใจคนที่มองเธอผ่านเลนส์กล้องแล้ว เธอคิดว่าใครจะมองเห็นสิ่งที่เธอมีและดึงมันออกมาได้ล่ะ ถ้าเธอคิดว่าเธออยากเป็นนางแบบมืออาชีพเธอต้องเชื่อใจตากล้องของเธอ คนที่จะทำให้เธอสวยหรือน่าสนใจได้คือตากล้องไม่ใช่เหรอ ฉันหวังว่าฉันจะได้เห็นรูปที่ดีๆนั่นนะ”
ประธานนัมโมเดลจากไปทิ้งคำพูดที่ทำให้เธอต้องมองใบหน้ากวนซะใหม่แค่เธอเชื่อใจเขาก็พอใช่ไหม
เสียงถอนหายใจพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไปทำให้พีมะดูแปลกใจกับการกระทำของคู่ปรับ เธอโค้งให้เขาอีกครั้งแต่คราวนี้ทำมุมเรียกได้ว่า90องศาก็ว่าได้ คำพูดของเธอก็ทำให้เขาต้องถอนหายใจด้วยเหมือนกันดูเหมือนเธอจะจริงจังกับงานนี้มากเขารู้สึกถึงมันได้
“ช่วยทำให้ฉันได้รับเลือกในครั้งนี้ด้วยคะ”
“ผู้จัดการอี ช่วยให้ทุกคนออกไปจากห้องด้วยผมอยากถ่ายเธอตามลำพัง”
สิ้นเสียงเข้มก็ทำให้นางแบบสาวหันไปมองเขาเต็มตา ก่อนจะวูบไหวในอกแปลกๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มปรากฎอยู่บนใบหน้ากวนที่มีไรหนวดที่ปล่อยขึ้นบางๆบดบังไว้ ถึงจะดูดีแต่ถ้าถูกโกนออกจนเรียบเธอว่ามันคงดูดีกว่านี้มาก นี่เธอคิดอะไรของเธอเนี่ยก่อนจะยกมือขึ้นพัดระบายอากาศร้อนแปลกๆเมื่อตากล้องหนุ่มหันไปเช็คภาพที่หน้าจอมอนิเตอร์
“เอาล่ะคุณลองมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้เป็นธรรมชาติ โอเคนะ” พีมะบอกถึงอารมณ์ที่เขาต้องการจากนางแบบสาว
พัคโบราพยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ต้องหน้ามุ่ยเมื่อเสียงตากล้องดูเข้มขึ้นอีกเมื่อเธอยิ้มยังไงก็ไม่ถูกใจ
“จะให้ฉันยิ้มยังไงเล่า ยิ้มจนเหงือกแห้งไปหมดแล้วเนี่ย”
“เฮ้อ!!คุณนึกว่าผมไม่เมื่อยรึไง ผมแบกกล้องในมือยกขึ้นยกลงมาสามชั่วโมงกว่าแล้วเนี่ย สงสัยเดือนนี้ผมคงไม่ต้องเข้าฟิตเนตแน่ๆ”
“นี่นายจะกวนฉันรึไง” นางแบบสาวเริ่มส่งตาจิกอีกครั้งอย่างเอาเรื่องจนพีมะต้องยกมือยอมแพ้
“เอาล่ะ..ผมยอมแพ้ โบราผมเรียกคุณแบบนี้ได้ไหม” น้ำเสียงที่ฟังดูเป็นมิตรทำเอาใจนางแบบสาวใจเต้นแปลกๆ ก่อนพยักหน้าหงึกๆ
“อืม”
“โอเค...ที่นี้คุณลองมองผมแบบมองคนรักนะแบบประหม่าปนเขินอะไรประมาณนี้”
“ฮอล...มองคุณแบบคนรักนี่นะ” พัคโบราอุทานประหลาดใจกับอารมณ์ที่ตากล้องต้องการ
“ผมแค่สมมุติถ้าอยากเป็นมืออาชีพคุณต้องทำอารมณ์ได้ทั้งนั้นแหละ อย่ายิ้มอย่างนั้นมันแข็งไป คุณไม่เคยมีแฟนรึไง”
“เคยสิ ฉันสวยขนาดนี้นายยังคิดว่าจะไม่มีคนมาจีบฉันรึไง”
ตากล้องหนุ่มอมยิ้ม กับท่าทางเหมือนเด็กๆของนางแบบตรงหน้าที่ยกมือขึ้นทาบแก้มทั้งสองข้าง ก่อนลงมือกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ ก่อนลดกล้องลงมองตอบคำถามเมื่อครู่
“ผมก็คิดว่าคุณสวยเหมือนที่คนอื่นมองนั่นแหละ”
สิ้นคำตอบมือบางก็ลดจากแก้มมามาเป็นกอดอก “จู่ๆก็ชมขึ้นมาฉันก็เขินเหมือนกันนะ”
“มองมาที่ผม” พีมะยังคงออกคำสั่งพร้อมมองเธอผ่านเลนส์ ภาพหญิงสาวที่ยกมือข้างที่กอดอกเมื่อครู่ขึ้นมาจับริมฝีปากข้างนึงแก้อาการเขินมันดึงดูดจนทำให้เขารัวชัตเตอร์ในมือไม่ยั้ง
ดวงตาโตคมหยุดนิ่งมีแววเขินอายปนขี้เล่นซ่อนอยู่ในที และอีกหลายภาพที่เธอทำอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อปราศจากอคติและความกังวล
“ว้าว..ยังกับไม่ใช่ฉันเลยหน้าแบบนี้” พัคโบรามองใบหน้าตนเองที่กำลังมองมา เธอเหมือนวัยรุ่นขี้เล่นแสนซนเท่านั้นไม่มีความเซ็กซี่ใดๆ แต่กลับไม่ขัดกับชุดที่แสนจะเซ็กซี่สักนิดมันดูสนุกขี้เล่นและมีเสน่ห์
“นี่คือคุณไงโบรา ไม่ต้องพยายามให้ดูเหนื่อยแค่เป็นธรรมชาติเข้าไว้คุณก็ดูดีมากแล้วเชื่อสิ”
“อืม..ฉันเชื่อคุณ” พัคโบรายิ้มให้อย่างจริงใจเป็นครั้งแรก น่าแปลกทั้งที่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนเธอยังอยากอาละวาดเปลี่ยนตากล้องอยู่เลย แต่พอเห็นภาพที่เขาถ่ายออกมาเธอก็รู้สึกอยากทำอย่างที่ประธานนัมบอกขึ้นมา แค่เชื่อใจตากล้องของเธอ...
“ตากล้องของฉันงั้นเหรอ...ไม่นี่ฉันคิดบ้าๆอะไรเนี่ย” นางแบบสาวบอกตนเอง แอบมองซีกหน้าที่เอาแต่ดุเธอมาทั้งวันเงียบๆเวลาไม่พูดนี่ก็ดูดีเหมือนกันนะ
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
เริ่มอยากเพิ่มคู่ให้กับตากล้องบ้างเขียนแล้วนึกสงสารคนแอบรักเลยจับคู่นางแบบขี้วีนให้ซะเลย
พบกะรัณย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ต.ค. 2558, 09:56:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ต.ค. 2558, 09:56:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 973
<< คนเสียใจ | ตัดใจ >> |